23 พฤศจิกายน 2567, 03:23:31
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 288 289 [290] 291 292 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3550024 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kumpolcomcai
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี อยู่ในสถานที่ดีดี
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2525
คณะ: สัตวแพทยศาสตร์
กระทู้: 10,307

เว็บไซต์
« ตอบ #7225 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 12:38:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 19 ตุลาคม 2555, 12:35:08
สวัสดีครับ คุณหมอตุ่น

                            มีเวลาสอนลูกสาว บ้างนะ  รู้สึกว่าเป็นคน อายๆ ไม่กล้า  ทั้งๆ ที่เป็นคนน่ารักมาก  แต่สงสัยพ่อไม่ค่อยพาไปไหน ครับ

                            สำหรับสมาคมฯ  มีอะไรให้ผมรับใช้  ผมยินดีเสมอ เพราะ คุณราเมศวร์ พอเจอหน้าผม  ก็พูดต่อหน้าทุกนคนเสมอว่า "เป็นเพราะ พี่สิงห์นี่ละ  ที่ต้องทำให้เขามารับผิดชอบเป็นนายกสมาคมฯ  เพราะถ้าพี่สิงห์ไม่ก่อต้องชมรมฯ หรือทำชมรมฯ ให้มันเป็นปึกแผ่น เอาไว้  เขาก็ไม่ต้องมารับภาระต่อเช่นทุกวันนี้"

                            แต่คุณราเมศวร์เอง  ก็ไม่เคยโทรศัพท์ มาขอความช่วยเหลืออะไรผมเลย นอกจากครั้งนั้นครั้งเดียว เพราะไม่อยากรบกวนผมนั่นเอง  เพราะรู้ว่า  ผมก็ไม่มีอะไรจริงๆ  สู้ ดร.สุริยา  ไม่ได้ สามารถสั่งการได้ และ ดร.สุริยา  ต้องกระทำด้วย  แต่ผมยกเว้น คุณราเมศวร์ เขาตั้งผมไว้บนหิ่ง  และบอกลูกเมีย  เอาไว้ด้วย (ลูก - เมีย มาบอก ผม)

                             คุณหมอตุ่น  ช่วยกรุณา copy ในสิ่งที่ผมโพสต์ นครสวรรค์ - พิษณุโลก ไปรวมกันไว้  จะดีมากครับ  พี่สิงห์  ทำไม่เป็นเพราะแก้ไขอะไรในเวบไม่ได้  ไม่ได้เป็นคนดูแลเวบ ครับ

                              ขอบคุณมาก

                              สวัสดี       

พี่เหยงช่วยจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7226 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 13:01:16 »















      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7227 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 13:04:26 »


                            ต้องขอขอบคุณ คุณเหยง และคุณหมอตุ่น ที่ช่วยเป็นธุระ ให้ครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7228 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 13:16:44 »



                            รูปนี้ ถึงแม้จะเป็นการสื่อสารอะไรสักอย่างหนึ่งก็ตาม

                            แต่จิตของเด็ก ๆ เหล่านี้ที่ยังว่าง  ยังมีกิเลสยึดเกาะไม่มาก ก็ต้องมามัวหมองลง

                            เพราะได้สัมผัส  ได้รับรู้จากการกระทำของผู้ใหญ่เสียแล้ว

                            อนิจจา  ไม่สมควรเอาเด็ก ๆ เป็นเยื่อเลย 

                            จิตคนนั้น  ไม่สมควรรับรู้ในสิ่งที่เป็นอกุศล ทั้งสิ้น เพราะมันจะชอบและเกิดติดใจเสมอ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7229 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 14:08:58 »


ดร.สุริยา  และทุกท่าน ที่เมตตา ทราบ

                             ผมจะทำอย่างไรดี  มีความต้องการสูงมาก จะให้ผมไปสอน เช่น เรื่องเสาเข็ม ให้สอนทั้งการผลิต  การควบคุมการตอก  การออกแบบ  การคำนวณ Blow count การทำรายงานเสนอต่อลุกค้า เพื่อให้ลุกค้าพึงพอใจ โดยที่ไม่ได้คาดหวังเอาไว้

                             การผลิต  การออกแบบ ก็สอนทั้งวัน

                             การออกแบบ ก็สอนทั้งวัน

                             มีคนอยากเรียนเรื่องเสาเข็ม  แผ่นพื้น เสาไฟฟ้า และคานสะพาน โดยเฉพาะวิศวกรโยธา และทาญาติเจ้าของกิจการ รุ่นใหม่

                             ขอค่าเสียเวลา หนึ่งหมื่นบาท แพงไปไหม? เพราะที่ผ่านมา สอนให้ฟรี

                             จะไม่คิดสตางค์  ก็กลัวว่า ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปเสียค่ายา ค่าเดินทาง  ค่าข้าว เพราะบรรยายแต่ละครั้ง  ยืนพูดทั้งวัน มันเหนื่อยมาก และบางครั้ง ก็คอบวมเสียค่ารักษาเป็นพันบาท เหมือนกัน

                              ถ้าไม่เอาสตางค์แบบเดิม  เราก็อยู่ไม่ได้  และคนจะให้เราไปสอนมาก  หวังว่าคิดสตางค์ เขาคงจะเชิญเราน้อยลง

                              ใครก็ได้ตอบด้วย  จะทำอย่างไรดี  ความต้องการมีมาก

                              จะเปิดโรงเรียนสอนหาเงิน  ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการกระทำเลย

                              งานนี้กรรมจริงๆ ครับ  แต่ก็ต้องสอน เพราะบอกไปแล้ว  แฟนๆ จะผิดหวัง

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7230 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 14:33:31 »

พี่สิงห์

ไม่ถาม SIW ละครับว่า มีความเห็นเป็นอย่างไร และควรคิดในอัตราเท่าใด

ปกติการสอนก็มีค่าวิทยากรพร้อมค่าเดินทาง ที่แยกออกจากค่าใช้สถานที่ ค่าอาหารกลางวันและค่าอาหารว่าง บางกรณีต้องรวมสถานที่พักให้ด้วยก่อนวันสอน 1 วัน และหากโปรแกรมสอนจบเย็นถึง 17.00 น. ต้องให้ที่พักเพิ่มในคืนวันนั้นด้วย

ส่วนการไปสอนในโรงงาน ก็คงต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับ + ค่าที่พัก(ถ้ามี) + ค่าวิทยากร อาหารกลางวันทางโรงงานอาจจัดให้

ส่วนจะเป็นเท่าได...ไม่ทราบ
หรือไม่ก้อขอแต่ค่าเดินทาง + ค่าที่พัก(หรือจัดหาให้) และจัดอาหารให้ด้วย หากพอใจในรูปแบบนี้
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7231 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 15:09:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 19 ตุลาคม 2555, 11:58:04
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 19 ตุลาคม 2555, 09:29:19
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
 ก่อนอื่นขอแก้ตัวก่อนค่ะ เพราะส่ง การฝึกลมปราณที่บอกไว้ให้พี่สิงห์ ไม่ได้
 file คงจะใหญ่เกินไปคงต้อง กลับกรุงเทพฯ ก่อน จึงจะหา cd แล้วลองใหม่
ตอนนี้มาอยู่กับแม่ที่ชลบุรี  จึงมีแต่ที่อยู่ในเครื่อง รอก่อนนะคะพี่สิงห์
  อีกเรื่องคือความขยันและการอุทิศตัวของพี่สิงห์
พี่สิงห์ขยันมาก  อรเอง ขนาดเพ่ิ่งจะเลิกทำงานได้ไม่ถุึงเดือน  
อาทิตย์นี้ ธนาคารโลกเชิญมาให้ไปบรรยายที่เวียตนาม  ในวันที่ ๕ - ๙ พ.ย. คิดหรอกค่ะ ว่าน่าจะเป็นวิทยาทานในการพัฒนาประเทศเขา
 แต่พอ นึกถึงเรื่องที่จะต้องเดินทาง แล้วไม่สนุกเลย ขี้เกียจมากเลยปฏืเสธไป
หากเขามาเมืองไทย ก็จะไปบรรยายให้ หรอกค่ะ
  พี่สิงห์ ๖๑  แล้วเทียบกับตัวเองยังขยันกว่ามากค่ะ
 คน ๕๘ อายค่ะ ต้องมา rethinking ใหม่เสียแล้ว


สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                                ตอนนี้พี่สิงห์ กำลังจะได้รับกรรม เพราะหลุดพูดออกไป ในการสัมมนาที่ผ่านมา ว่าผมยินดีไปสอนให้ที่โรงงาน  ถ้าต้องการและอยากรู้เรื่องอะไร  ตอนนี้ทาง SIW จัดให้ไม่ไหว มีแต่คนต้องการให้อาจารย์มานพ  กลับดี  ไปสอนให้ที่โรงงานทั้งนั้น  เอาละซีคนอายุ ๖๑ ปี  ไม่ว่างแล้ว  คงเข้าคิวเป็นเดือนๆ จนกว่าจะครบตามที่ร้องขอมา  วันจันทร์ - พุธ  พี่สิงห์  จะไม่ว่างเสียแล้ว

                                เรื่อง CD  เอาไว้วันหลังก็ได้  ไม่รีบร้อน เพราะสุดท้ายมันก็เรื่องเดียวกัน คือการมีสติ  ตามที่พระพุทTองค์ทรงสอนนั่นเอง  แต่ดัดแปลงให้เป็นคำสมัยใหม่เท่านั้นเอง

                                 การที่เธอได้มีโอกาส ดูแล คุณแม่  นั้นพระพุทธองค์ทรงสอนว่า เป็นมงคลอันประเสริฐ  หาได้ยากยิ่ง และเธอควรกระทำให้ลูก ๆ ได้เห็นว่าเราไม่ได้ทอดทิ้งผู้ให้กำเนิด เขาจะได้เรียนรู้เอง เป็นวัฒนธรรม ที่ดี ครับ

                                 ดูแลตัวเองด้วย  ผู้สูงอายุ มีอะไร ๆ ที่ต้องระวัง  โดยเฉพาะความคิด และความยึดมั่นถือมั่น ครับ

                                 สวัสดี

ขอบคุณค่ะ พี่สิงห์
รู้สึกดีมากค่ะ ที่ได้มาอยู่บ้านกับแม่
เพราะนับแต่จากบ้านไปเมื่อเรียนปริญญาตรี แล้วก็ทำงาน เป็นระยะเวลานานมาก
ไม่เคยได้มาอยู่บ้านกับแม่นานขนาดนี้ ยกเว้นตอนมาดูแลตอนแม่ป่วย
ซึ่งวนอยู่แต่บ้านกับโรงพยาบาลไม่ได้อยู่ที่บ้านกับแม่จริงๆ
เมื่อได้กลับมาใช้เวลาด้วยกัน แล้วมีความสุขและอบอุ่นมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7232 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 19:12:56 »

สวัสดีตอนค่ำ ครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือนที่รัก ทุกท่าน

                           วันนี้ได้ไปทำบุญ และไหว้พระบรมธาตุ  ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ มาครับ

                           มีเรื่องหนึ่งอยากจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบเป็นเรื่องจริง คือ พี่สิงห์ เข้าไปกราบพระครูปลัดเพื่อนิมนต์ท่านพร้อมพระอีก ๓ รูป ไปสวดและพิจารณา  วิหารวัดพระธาตุ  ได้ยินหลวงพ่อท่าน สอนให้สองหนุ่มสาว ที่ไปถวายสังฆทาน ฟังว่า

                           พวกเธอทราบไหม? การไปซื้อเครื่องสังฆทานตามร้าน 7 อีเลพเวนก็ดี  ตามร้านค้าก็ดี  มาถวายพระนั้น เวลาไปซื้อมีมูลค่า 400 บาท  แต่พระท่านได้เพียง 40 บาท เท่านั้น หนุ่มสาวคู่นั้นงง ไม่เข้าใจ เพราะตั้งใจมาทำบุญถวายสังฆทาน ภายหลังจากไหว้พระธาตุ เสร็จเรียบร้อยแล้ว

                           ในความหมายของพระครูปลัดก็คือ เครื่องสังฆทานนั้น เวลาญาติโยมไปซื้อมานั้น ราคา 400 บาท ต่อถัง  แต่พระท่านไม่ได้ใช้ เพราะคุณภาพมันต่ำ มีเหลือบานแบะตามวัดใหญ่ ๆ ทั่วไป  เช่นวัดพระธาตุฯ มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อพระท่านไม่ใช้ พ่อค้าเขาก็มาขอซื้อจากพระคืนเอาไปขายใหม่ ซื้อในราคาเพียงถังละ 40 บาทเท่านั้นเอง พระท่านจึงบอกว่า มันมีค่าเพียง 401 บาทเท่านั้น ทีหลังอย่าไปซื้อมาเลย  ถวายเป็นเงินดีกว่า

                            เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว ใครจะทำบุญถวายสังฆทาน นั้นอย่าซื้ออะไรไปถวายเลย พระท่านไม่ต้องการ  ให้ถวายเป็นปัจจัย(เงิน) ดีที่สุดครับ

                            วันนี้ผมเองไม่ได้เตรียมสังฆทานอะไรไปเลย มีเพียงดอกไม่ ธูปเทียน 4 ชุด  ชุดละ 20 บาท และปัจจัยใส่ซอง องค์ละ 200 บาท เท่านั้นเอง   จึงตรงกับสิ่งที่พระท่าน ต้องการ

                            และใครจะไปซื้อผ้าห่อมพระธาตุฯ  ก็จงระวังด้วย เพราะผมเห็นกองผ้าในวิหารใหญ่ และวิหารพระรอบ เติมไปด้วยกองผ้าห่มพระธาตุ  ไม่มีใครเอาไปใช้ประโยชน์ได้เลย  กองเป็นขยะ  สุดท้ายพ่อค้าก็ต้องมาขอซื้อในราคา 10% ของมูลค่าจริง  พระท่านก็ต้องจำยอมขาย เพราะไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร  พ่อค้าก็เอาไปซัก รีดใส่ถุงมาขายใหม่   ท่านนึกเอาเองก็แล้วกัน  ไปรับทราบ เห็นมา ก็มาบอกต่อเท่านั้นเอง

                            และมีอีกเรื่องหนึ่งจะแจ้งให้ทราบ คือ ผมบอกพระท่านว่าจะนิมนต์พระ 4 รูป ไปบังสกุล ที่องค์พระรอบ ที่บรรจุกระดูก  พระครูปลัดท่านก็บอกว่า  มันเลยเวลา เลยเทศกาลตามประเพณีแล้ว นะโยม ผมก็เรียนให้พระปลัดท่านทราบว่า "พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เมื่อไรที่เราประพฤติสุจริตทางกาย  วาจา  ใจ  เมื่อนั้นฤกษ์ดีเสมอ  วันนี้ผมระลึกถึงผู้ตาย  มีจิตที่ดี และประพฤติสุจริตทางกาย  วาจา  ใจ  ผมไม่เลือกเทศกาล และเวลาทั้งสิ้น"  ขอนิมนต์พระ 4 รูป พระคุณเจ้า ช่วยสงเคราะห์ให้ด้วย  ท่านก็นิ่งและรับนิมนต์ ตามที่ผมปราถนา ครับ

                            ส่วนรูปเอาไว้พรุ่งนี้ เพราะไม่สะดวกครับ

                            ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่าน ครับ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7233 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2555, 20:34:48 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...จริงอย่างพี่สิงห์บอกค่ะ...

...แต่ที่วัดที่พระต้นจำพรรษา...

...ถึงจะเยอะยังไงเค้าก็ไม่ขายค่ะ...

...เป็นของส่วนกลางที่พระ...แม่ชี...สามารถมาหยิบเอาไปใช้ได้...

...บางทีก็รวมไปถึงชีพราหมณ์และผู้ที่ช่วยงานวัดด้วยค่ะ...

...แต่ตอนตู่ไปอยู่...ตู่เตรียมของตู่ไปพร้อมทุกอย่าง...

...ถ้าเราจะไปเอามาใช้ก็ได้...แต่ควรจะทำบุญด้วยการชำระหนี้สงฆ์จะดีกว่าค่ะ...

...อีกอย่างแม้ของจะเหลือเยอะ...แต่ที่วัดนี้มีโครงการณ์จะเอามาใช้ทำรางวัลต้นสอยดาว...

...ตอนงานปิดทองฝังลูกนิมิตที่จะถึงตรุษจีนปีหน้าค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7234 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2555, 07:58:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 19 ตุลาคม 2555, 20:34:48

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...จริงอย่างพี่สิงห์บอกค่ะ...

...แต่ที่วัดที่พระต้นจำพรรษา...

...ถึงจะเยอะยังไงเค้าก็ไม่ขายค่ะ...

...เป็นของส่วนกลางที่พระ...แม่ชี...สามารถมาหยิบเอาไปใช้ได้...

...บางทีก็รวมไปถึงชีพราหมณ์และผู้ที่ช่วยงานวัดด้วยค่ะ...

...แต่ตอนตู่ไปอยู่...ตู่เตรียมของตู่ไปพร้อมทุกอย่าง...

...ถ้าเราจะไปเอามาใช้ก็ได้...แต่ควรจะทำบุญด้วยการชำระหนี้สงฆ์จะดีกว่าค่ะ...

...อีกอย่างแม้ของจะเหลือเยอะ...แต่ที่วัดนี้มีโครงการณ์จะเอามาใช้ทำรางวัลต้นสอยดาว...

...ตอนงานปิดทองฝังลูกนิมิตที่จะถึงตรุษจีนปีหน้าค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                            ถ้าทุกวัดกระทำได้อย่างวัดที่พระต้นไปบวชนั้น ประเสริฐ ยิ่งนัก

                            วัดที่จะทำได้อย่างนั้น คงเป็นวัดป่า หรือวัดที่พระท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม จริงๆ ปล่อยวาง เท่านั้น

                            อย่างวัดอัมพวัน แต่ละวัน  แต่ละอาทิตย์ มีคนไปกราบหลวงพ่อมากกว่า 2000 คน และส่วนใหญ่จะซื้อ ธูป เทียนแพ และสังฆทานที่บริเวณวัด ไปกราบถวายท่าน  นึกดูก็แล้วกัน มันจะเป็นอย่างไร

                            อย่าลืมพระส่วนใหญ่ ท่านถือว่าโยมมาถวายของให้ท่าน  ท่านก็จะถือว่าเป็นสมบัติส่วนตน  ไม่ใช่ส่วนกลางของสงฆ์ ยกเว้นบางวัด  ไม่ผิด  ไม่ถูก  แต่มันอยู่ที่ความเหมาะสมที่ควรกระทำ  ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ตรงนี้  วัดจิตใจกันตรงนี้  คือความพอดี  เหมาะสม  พอเพียง เอื้ออารีย์ต่อผู้ยากไร้  มีการแบ่งปัน  เรื่องเหล่านี้  สอนกันก็ไม่ได้  จะวิวาททันที  มันต้องเกิดจากจิตสำนึกในกุศลธรรม ตามธรรมชาติเองเท่านั้น

                            การเห็นแก่ตัวถ่ายเดียวของมนุษย์นั้น สังคมมันอยู่ไม่ได้หรอก ไม่ช้าไม่นานก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น

                            การเกื้อกูล  เอื้ออารีย์  ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ไม่เบียดเบียนกัน  นั่นแหละเป็นทางสันติ ที่แท้จริง

                            อย่าลืมคำสอนของพระพุทธองค์ในการบริจาคทาน หรือทำบุญ  ก่อนกระทำ  ขณะกระทำ และภายหลังกระทำแล้ว  จิตต้องไร้ทุกข์  เป็นจิตกุศล  สิ่งที่ทำนั้นจึงจะเกิดอานิสสงค์ ครับ

                            ดังนั้น เวลา จะไปทำบุญที่วัด  วัดไหน  พระองค์ไหน  หรือ ทั่วไป ก็พิจารณา ตามความเหมาะสมเอาเอง เธอทราบดีว่าจะทำอย่างไร ที่ตนเองสบายใจ  ได้อารมณ์ของผู้ให้

                            วันนี้เย็นพี่สิงห์  กลับกรุงเทพฯ

                            เมื่อวานทางพนักงานของ SIW ได้เรียนเชิญทางโทรศัพท์ ขอให้ไปเป็นเกียรติ ที่ทาง SIW จะพาลูกค้าไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 23 - 28 พฤศจิกายน  ศกนี้  รายละเอียดจะแจ้งภายหลัง ขอส่งชื่อเพื่อจองตั๋วเครื่องบินก่อน  ไม่ได้ไปที่โตเกียว เพราะเคยไปมาแล้ว  พี่สิงห์ เลยไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร  เพราะเขาก็หวังดีต่อเรา

                             สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7235 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2555, 08:08:20 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                                 เช้าวันนี้ ผมเดินจงกรมออกกำลังกายบนสายพาน ห้องฟิตเนสของโรงแรม เพราะลานเอนกประสงค์ มีน้ำฝนขังเป็นหย่อมๆ ไม่เหมาะแก่การเดินเพราะจะรื่นล้มได้  เดินอยู่ 45 นาที หลังจากนั้นก็ฝึกโยคะ และลงไปรับประทานอาหารเช้า เป็นข้าวต้มกล้อง ถั่วลิสง และผักสด ครับ

                                 เช้านี้ของฝากธรรมะของพระพุทธองค์ ที่ทรงสอนภิกษุ เป็นส่วนใหญ่ และได้ดวงตาเห็นธรรม สำเร็จเป็นพระอรหันต์ คือ ให้ระวังเมื่อตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้นได้ลิ้มรส  กายได้สัมผัส และใจนึกคิด ไม่ยินดี  ไม่ยินร้าย  ในสิ่งที่รับรู้ได้นั้น  สำรวมอินทรีย์ ให้เป็นปกติ  มีความรู้สึกตัว  มีสติ-สัมปชัญญะ

                                  การมีสติ-สัมปชัญญะ คือ การรู้  แต่ต้องเป็นการรู้ ณ ปัจจุบัน ต่อรูป-นาม และต้องรู้แบบไม่จงใจ  หรือไปบังคับให้รู้

                                  ให้อยู่กับ "รู้" (รู้สึกตัว) และ "หลง" (หลงอยู่ในความคิด เพ่ง แช่  เผลอ  ผวังค์)

                                   แต่ขอให้ "รู้"  มากกว่า "หลง"

                                   ถ้าท่าน "รู้"  ได้มากขึ้น ท่่านก็จะพบด้วยตัวเองว่า  เราคิดน้อย ลง  ไม่มีวิตกกังวล  ทุกข์น้อยลง เพราะท่านคิดน้อยลง

                                  นั่นละก้าวแรกแห่งหนทางแห่ง "นิพพาน" ละ

                                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7236 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2555, 10:04:35 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               ผมนำภาพที่ไปทำบุญบังสุกุล ให้กับ คุณพ่อ ของ ดร.กุศล  ที่วัดพระธาตุ มาเมื่อวานนี้ครับ

                               นิมนต์พระมา ๔ รูป  พระท่านก็ให้กราบพระ  รับศีล ๕ หลังจากนั้น พระท่านก็สวดมาติกาบังสุกุล ๗ ตำนาน หลังจากนั้นก็ให้เราถวายปัจจัย พระท่านก็สวดพิจารณาสังขาร และกรวดน้ำ  ให้พรพระ ตามประเพณี

                               ตอนนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  พยายามจะขอให้พระบรมธาตุ เป็นมรดกโลก  จากทางยูเนสโก้

                               วันนี้รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ไปกราบพระธาตุ ครับ

                               เชิญชมภาพ

                               สวัสดี



















พระรอบ ที่บรรดาลูกหลาน ญาติ  ไม่ได้มาบังสกุลให้

จะเห็นว่าไม่มีการบูรณะ ปล่อยตามธรรมชาติ  มีให้เห็นมาก
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7237 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2555, 11:34:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 20 ตุลาคม 2555, 07:58:04
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 19 ตุลาคม 2555, 20:34:48

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...จริงอย่างพี่สิงห์บอกค่ะ...

...แต่ที่วัดที่พระต้นจำพรรษา...

...ถึงจะเยอะยังไงเค้าก็ไม่ขายค่ะ...

...เป็นของส่วนกลางที่พระ...แม่ชี...สามารถมาหยิบเอาไปใช้ได้...

...บางทีก็รวมไปถึงชีพราหมณ์และผู้ที่ช่วยงานวัดด้วยค่ะ...

...แต่ตอนตู่ไปอยู่...ตู่เตรียมของตู่ไปพร้อมทุกอย่าง...

...ถ้าเราจะไปเอามาใช้ก็ได้...แต่ควรจะทำบุญด้วยการชำระหนี้สงฆ์จะดีกว่าค่ะ...

...อีกอย่างแม้ของจะเหลือเยอะ...แต่ที่วัดนี้มีโครงการณ์จะเอามาใช้ทำรางวัลต้นสอยดาว...

...ตอนงานปิดทองฝังลูกนิมิตที่จะถึงตรุษจีนปีหน้าค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                            ถ้าทุกวัดกระทำได้อย่างวัดที่พระต้นไปบวชนั้น ประเสริฐ ยิ่งนัก

                            วัดที่จะทำได้อย่างนั้น คงเป็นวัดป่า หรือวัดที่พระท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม จริงๆ ปล่อยวาง เท่านั้น

                            อย่างวัดอัมพวัน แต่ละวัน  แต่ละอาทิตย์ มีคนไปกราบหลวงพ่อมากกว่า 2000 คน และส่วนใหญ่จะซื้อ ธูป เทียนแพ และสังฆทานที่บริเวณวัด ไปกราบถวายท่าน  นึกดูก็แล้วกัน มันจะเป็นอย่างไร

                            อย่าลืมพระส่วนใหญ่ ท่านถือว่าโยมมาถวายของให้ท่าน  ท่านก็จะถือว่าเป็นสมบัติส่วนตน  ไม่ใช่ส่วนกลางของสงฆ์ ยกเว้นบางวัด  ไม่ผิด  ไม่ถูก  แต่มันอยู่ที่ความเหมาะสมที่ควรกระทำ  ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ตรงนี้  วัดจิตใจกันตรงนี้  คือความพอดี  เหมาะสม  พอเพียง เอื้ออารีย์ต่อผู้ยากไร้  มีการแบ่งปัน  เรื่องเหล่านี้  สอนกันก็ไม่ได้  จะวิวาททันที  มันต้องเกิดจากจิตสำนึกในกุศลธรรม ตามธรรมชาติเองเท่านั้น

                            การเห็นแก่ตัวถ่ายเดียวของมนุษย์นั้น สังคมมันอยู่ไม่ได้หรอก ไม่ช้าไม่นานก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น

                            การเกื้อกูล  เอื้ออารีย์  ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ไม่เบียดเบียนกัน  นั่นแหละเป็นทางสันติ ที่แท้จริง

                            อย่าลืมคำสอนของพระพุทธองค์ในการบริจาคทาน หรือทำบุญ  ก่อนกระทำ  ขณะกระทำ และภายหลังกระทำแล้ว  จิตต้องไร้ทุกข์  เป็นจิตกุศล  สิ่งที่ทำนั้นจึงจะเกิดอานิสสงค์ ครับ

                            ดังนั้น เวลา จะไปทำบุญที่วัด  วัดไหน  พระองค์ไหน  หรือ ทั่วไป ก็พิจารณา ตามความเหมาะสมเอาเอง เธอทราบดีว่าจะทำอย่างไร ที่ตนเองสบายใจ  ได้อารมณ์ของผู้ให้

                            วันนี้เย็นพี่สิงห์  กลับกรุงเทพฯ

                            เมื่อวานทางพนักงานของ SIW ได้เรียนเชิญทางโทรศัพท์ ขอให้ไปเป็นเกียรติ ที่ทาง SIW จะพาลูกค้าไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 23 - 28 พฤศจิกายน  ศกนี้  รายละเอียดจะแจ้งภายหลัง ขอส่งชื่อเพื่อจองตั๋วเครื่องบินก่อน  ไม่ได้ไปที่โตเกียว เพราะเคยไปมาแล้ว  พี่สิงห์ เลยไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร  เพราะเขาก็หวังดีต่อเรา

                             สวัสดีค่ะ


...วัดนี้ทำแบบวัดป่าเลยค่ะ...พี่สิงห์...

...งานปิดทองฝังลูกนิมิต...ทางวัดจะจัดให้มีโรงทานตลอดทั้ง 9 วัน 9 คืนค่ะ...

...โดยหาเจ้าภาพมาทำโรงทาน...ห้ามพ่อค้าแม่ค้ามาขายของทุกอย่างค่ะ...

...ตู่ก็จะจัดโรงทานด้วยค่ะ...คิดว่าจะเอาเป็นน้ำแข็งใส่น้ำหวานหรือน้ำอัดลมค่ะ...

...แก้กระหายดี...และทำไม่ยากค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7238 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2555, 21:19:42 »

สวัสดีครับ คุณน้องตู่ และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                          ผมกลับมาถึง กทม. แล้วครับ เครื่องบิน Late นิดหน่อย

                          ทุกท่านสังเกตุไหมครับ  เดี๋ยวนี้ใน กทม. เวลาจะไปไหน  นัดกับใครต้องเผื่อเวลาให้มากขึ้น เพราะรถติดขึ้น ตามที่ทาง BBC บอกเอาไว้เลย รถเพิ่มขึ้น ๔ ล้านคัน แต่ถนนไม่ได้ทำเพิ่มเลยสักเส้นเดียว ใน กทม. และนับวันมันคงจะติดมากขึ้น

                          คงจะได้เวลาสำหรับผมแล้ว ที่จะต้องอพยพไปอยู่ตามต่างจังหวัดเสียที  ปีหน้าคงมีอะไรเปลี่ยนในชีวิต  คงไปทางใต้น้อยลง หรืองดไปเลย  ใครจะซื้อบ้านผมที่ กทม. เชิญเลยครับ  ผมไม่มีความจำเป็นต้องอยู่  กทม. อีกแล้ว

                         ขอไปปลูกผัก  ทำสวนครัว รับประทาน และปฏิบัติธรรม  อยู่บ้านนอกดีกว่า  คงจะงดกิจกรรมทั้งหมด  อยู่ กทม. มีแต่รายจ่าย  สู้ไม่ไหว  จะไปบวชพระ ดร.สุริยา  ก็ด่าหาว่าไปอาศัยชาวบ้านกิน  เลยต้องอยู่แบบฆาราวาส  จน ๆ ครับ

                         ตอนนี้ก็ฝึกจิตตนเองจน สามารถรับสถานการณ์แบบพอเพียงได้  อยู่แบบไม่ให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเรา  สามารถเลี้ยงตัวเอง  หุงข้าว ทำกับข้าวกินได้  ไม่ต้องพึ่งร้านค้า  อยู่แบบไร้ญาติขาดมิตร ก็ได้  ไม่มีเกียรติก็ได้  อยู่คนเดียวก็ได้  ไม่ต้องตีกอล์ฟก็ได้  ใครสนใจ member กอล์ฟ สนาม President บ้างบอกมาเลย ผมจะขาย  จะได้เลิกตีกอล์ฟไปเลย

                         ชีวิตต้องมีการเปลี่ยนแปลง  อดีตลืมให้หมด  อนาคตก็ไม่ต้องกังวล  เป็นอะไรเป็นกัน

                         สงสัยวันนี้เราสติไม่ดีแน่ๆ พร่ามไปเรื่อย  หยุดดีกว่า กลัว ดร.สุริยา  ดุเอา

                         ลืมบอกไป วันที่ 22 - 28 ตุลาคม ผมอยู่ที่สนามกอล์ฟ โวยาสพาโนรามา ไปแข่งขันกอล์ฟอาชีพ Senior Pro. และ Super Senior Pro. ทั้งอาทิตย์ ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #7239 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2555, 21:35:06 »

ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ

จะไปหลบหลีกอยู่ที่ไหนก็ตาม ขยักเงินค่าเช่าอินเทอร์เนท ระบบ 3G ไว้จ่ายด้วย
เพื่อสืบสานกระทู้นี้ให้ยั่งยืนต่อไปจนกว่าชีวิตท่านจะหาไม่
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #7240 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2555, 12:35:54 »

ขอชอบคุณพี่สิงห์ที่บังสกุลให้คุณพ่อ บัญญัติ อิศดุลย์ ที่นครศรีธรรมราช
ก่อนหน้านื ผมก็ฝันถึงท่าน และไปใส่บาตรตามปกติที่วัดพระศรี ที่กรุงเทพ
มีโอกาศผมคงไปนคร  และตรังแน่นอน
ขณะนี้ผมเตรียม เอกสารต่างๆพร้อมเงืนห้าหมื่นห้า เพื่อไปอินเดืยเป็นครั้งที่3 ครับ
ขอขอบคุณที่เป็นห่วง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7241 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2555, 21:05:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 20 ตุลาคม 2555, 21:35:06
ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ

จะไปหลบหลีกอยู่ที่ไหนก็ตาม ขยักเงินค่าเช่าอินเทอร์เนท ระบบ 3G ไว้จ่ายด้วย
เพื่อสืบสานกระทู้นี้ให้ยั่งยืนต่อไปจนกว่าชีวิตท่านจะหาไม่


               วันนี้ได้ข่าว ที่สนามกอล์ฟ เขาบอกว่าต่อไปค่าโทรศัพท์ 3G คือ นาทีละ ๒๐ บาท  ผมคงรับไม่ไหว ครับ ปัจจุบันเสียอยู่เดือนละ ๔๕๐ บาท  ไม่มี inter net เพราะทาง AIS คอยจะคิดเงินเกินในสิ่งที่เราไม่ได้ใช้  จะมีคนส่งโน่น  ส่งนี่ และคิดเงินเรา  ทั้งที่เราไม่ต้องการ เลยขออยู่อย่างไม่มี inter net ดีกว่าแยะเลย

                 3G ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ดีอย่างไร แต่ถ้าเสียเงินแพง  คงไม่ใช้ เพราะไม่มีความจำเป็นในการดำรงค์ชีวิต ของผม  ผมไม่ต้องการอวดใครทางเทคโนโลยี่ มีแต่เสียเงินลูกเดียว  ไม่ก่อรายได้อันใดสำหรับผม

                  กระทู้นี้ก็ชักเบื่อตัวเองเหมือนกัน  เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรเหมือนกัน  ถ้ามีคนถาม  คุยด้วยก็มีเรื่องเขียน

                  ธรรมะของพระพุทธเจ้ามันก็มีนิดเดียวในส่วนที่เป็นแก่น  เป็นหัวใจจริงๆ เขียนไปหมดแล้ว

                  มีแต่ไปคัดลอกพระสูตรมาให้ศึกษา  ซึ่งผมต้องใช้เวลาในการพิมพ์  มันเสียเวลา

                  การปฏิบัติธรรม ก็ไม่ก้าวหน้า  จมปรักอยู่แค่นี้เท่านั้น  มีแต่อยู่กับปัจจุบัน เป็นส่วนใหญ่  มีอะไรเกิดขึ้นที่รูป-นาม ของเรา  ก็ระลึกได้  ไตรลักษณ์ก็เห็นอยู่ทุกนาที ได้แต่เป็นผู้เฝ้าดู  ไม่เต้นตามความคิด และสภาวะธรรม(อารมณ์) ที่เกิดขึ้น  แต่ก็มีอยู่บ้างที่หลงอยู่ในความคิดเวลาพูดคุยกัน มีเผลอ  แต่ก็กลับมารู้ได้อีก  มันก็สลับกันอย่างนี้

                  บางทีก็โดนกิเลส  มันล่อใจบอกว่า ไม่ดีเลยอยู่อย่างนี้  ไม่มีเงิน  ไม่มีเกียรติ  ไม่ได้สนุก  ไม่ได้เพื่อน .....อีกมาก  จิตมันบอกว่าให้กลับไปเป็นอย่างเดิม  จะได้มีอะไรทำมากขึ้น  ดีขึ้นกว่านี้ อายุเราเพียง ๖๑ ปีเอง  ยังทำอะไรได้อีกมาก

                   เกือบ ๆ จะเสียท่า จิตมันเหมือนกัน  ได้แต่มีวิริยะ  อดทนไป  ให้มันรู้ไปว่า  เราจะอยู่ไม่ได้  ไม่มีเงิน  ไม่มีเพื่อน  ไม่มีเกียรติ ก็ให้รู้ไป ว่าไม่มีใครคบ

                    มีเท่าไรใช้เท่านั้น  ไม่ขอใครกินทั้งสิ้น  จะตายก็ตาย  ไม่เสียดายอะไรเลย เห็นมามากแล้ว  พอแล้วชีวิตนี้  ตายเร็วยิ่งดี  จะได้ไม่กังวลอะไรเลย  ยังไม่ได้กระทำอีกเรื่องคือ ยกร่างกายนี้ให้กับสภากาชาด และมอบเงินจากประกันชีวิตสามฉบับ ที่เราไม่มีโอกาสใช้เงิน ให้กับสภากาชาดไว้ทำศพ เราเท่านั้น  ก็หมดห่วงแล้ว

                     ลืมตัวหลงอยู่ในความคิดอีกแล้ว เดี๋ยว ดร.สุริยาา ดุเอาโดยไปยกคำสอนของหลวงพ่อชา  มาแจ้งให้ทราบ

                     ราตรีสวัสดิ์ ครับราตรีนี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7242 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2555, 21:09:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 21 ตุลาคม 2555, 12:35:54
ขอชอบคุณพี่สิงห์ที่บังสกุลให้คุณพ่อ บัญญัติ อิศดุลย์ ที่นครศรีธรรมราช
ก่อนหน้านื ผมก็ฝันถึงท่าน และไปใส่บาตรตามปกติที่วัดพระศรี ที่กรุงเทพ
มีโอกาศผมคงไปนคร  และตรังแน่นอน
ขณะนี้ผมเตรียม เอกสารต่างๆพร้อมเงืนห้าหมื่นห้า เพื่อไปอินเดืยเป็นครั้งที่3 ครับ
ขอขอบคุณที่เป็นห่วง

                  เข้าใจว่าราคาที่ตั้งนั้น เป็นราคาที่ทางหัวหน้าคณะทัวร์  ได้บวกเผื่อสำหรับตนเอง แบบคราวที่แล้ว  แต่เราไปกับหลวงพ่อ โดยตรง ไม่มีใครไปหาคนมา เป็นส่วนเพิ่มจาก คณะนั้น  ถึงต้องไปหาหลวงพ่อเอง  ท่านจะได้ลดให้ เพราะท่านก็รู้  ท่านคงลดราคาจากที่ตั้งเอาไว้  เพราะมันผิดศีล

                  การไปอินเดีย ครั้งนี้ คงเป็นครั้งสุดท้าย เพราะค่าใช้จ่ายมันสูง  คงไม่ไปอีกแล้ว ดีที่ได้ไป ถ้ำรอร่า-อาจันต้า ด้วย

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7243 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 08:19:23 »

การเจริญสติประจำวัน




สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                               เช้านี้อยู่บ้าน เลยได้มีโอกาส  หุงข้าวใส่บาตรตอนเช้าที่หน้าบ้าน

                              วันนี้ต้องเดินทางไปสนามกอล์ฟโวยาสพานอรามา เพื่อไปฝึกซ้อม เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ  ของสมาคมกอล์ฟอาชีพผู้อาวุโสไทย  ที่อำเภอสีคิ้ว  โคราช  พักโรงแรมในสนามกอล์ฟ จนกว่าจะแข่งขันเสร็จ  ถึงวันอาทิตย์  ถ้าไม่ตกรอบเสียก่อน

                               และอาจจะไม่มี inter net  ผมก็เลยขอฝาก หลักการเจริญสติประจำวันมาให้ทุกท่านได้พิจารณา

                               สวัสดี


                               การปฏิบัติธรรมภาวนานั้น เริ่มแรกท่านอาจจะเรียนมาจากหลวงพ่อ  อุบาสก  อุบาสิกา หรืออ่านหนังสือแล้วลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นส่วนใหญ่แบบผมอย่างนี้ก็ได้ เพราะเราไม่มีเวลาไปอยู่ตามวัด หรือสำนักปฏิบัติธรรม

                               การปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ ในชีวิตไม่มีใครไปอยู่วัดได้ทุกวัน  นอกจากคนที่ตั้งใจจริง ปลดภาระทางครอบครัว ทางสังคมหมดไปแล้ว  จึงจะไปปฏิบัติธรรม ตามวัดหรือสำนักปฏิบัติธรรม หรือไปอยู่กับธรรมชาติ ตามป่า เขา ได้  ถึงแม้จะไปอยู่วัด  ถ้าไม่รู้หลักที่แท้จริง ก้ไม่ได้อะไรเหมือนกัน  มีแต่ความสงบชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

                              การเจริญสติในชีวิตประจำวันของเรานี่ละ คือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง เพราะเรายังทำงาน มีภาระทางครอบครัว สังคม  ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ชอบ ต่างๆ นาๆ มากมาย มันจึงเป็นบททดสอบของเราอย่างดี ว่าเราสามารถผ่านไปได้ หรือไม่

                              ดังนั้น ท่านต้องกระทำให้ถูก  จึงจะก่อประโยชน์มหาศาล ครับ หลักการง่ายๆ ก็ คือ

                              ๑. ทุกเวลาท่านต้องหายใจเข้า  หายใจออก เป็นปกติของท่าน เพียงแต่ขอให้ท่านเวลาหายใจเข้าก็ระลึกรู้  หายใจออกก็ระลึกรู้้  รู้สึกถึงอากาศที่ผ่านเข้าออก เพียงแค่นั้น  รู้บ้าง  ลืม  บ้าง ก็ยังดี  ถ้าท่านรู้  ระลึกได้ว่า ร่ายกาย(รูป) กำลังหายใจ โดยไม่ปรุงแต่งต่อ นั่นละการเจริญสติที่ถูกต้องตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ละ เป็นการพิจารณากายในกาย

                              ๒. ทุกเวลาท่านจะต้องนั่ง  ยืน  เดิน  นอน สลับกันไปตลอดเวลาไม่ยกเว้น  ขอเพียงเวลาท่านนั่ง  ยืน  เดิน  นอน  ท่านมีความระลึกรู้  คือรู้สึกตัวเท่านั้น  มันอาจจะลืมไปบ้างก้ไม่ไปไร  ให้รู้อยู่บ่อยๆ ว่าร่างกายของเรากำลังอยู่ในท่านั่ง  ยืน  เดิน  นอน เพียงแค่รู้เท่านั้น  นั่นละคือการทำสติปัฏฐาน ๔ พิจารณากายในกาย ละ

                              ๓. ทุกเวลาร่ายกายของท่านของท่าน คือรูป  อวัยวะต่างๆ ที่ประกอบเป็นร่างกาย จะต้องมีการเคลื่อนไหว หรือไม่ก็หยุดนิ่ง  ขอเพียงท่านมีความระลึกได้ว่าอวัยวะที่ประกอบเป็นร่างกายของท่าน เคลื่อนไหวก็รู้  หยุดนิ่งก็รู้  บางเวลาท่านอาจจะลืม ก็ไม่เป็นไร ให้รู้เฉยๆ และไม่รู้ แต่ให้รู้มากกว่าลืม ก็ใช้ได้ นี่ละการตั้งสติปัฏฐาน ๔ พิจารณากายในกายละ

                              ๔. ทุกเวลาท่านย่อมได้รับเวทนา คือ สุข  ทุกข์  ไม่สูขไม่ทุกข์ หรือเฉยๆ  ดีใจ  ชอบใจ ก็ตามขอเพียงให้ท่านระลึกรู้ หรือรู้สึกตัวว่าท่านกำลังสูข  ทุกข์  ไม่สูขไม่ทุกข์  โดยไม่มีการคิดต่อ เพียงระลึกรู้เท่านั้น  นี่ละการทำสติปัฏฐาน ๔ พิจารณาเวทนาในเวทนาละ

                              ๕. ทุกเวลาจิตของท่านย่อมรับรู้(หรือสัมผัสได้ทางประสาทรับรู้)จาก ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้นได้ลิ้มรส  กายได้สัมผัส และใจได้นึกคิดไปเอง  จะเห็นว่าท่านจะปรุงแต่งตามมามากมาย ขอเพียงท่านเมื่อรับรู้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วท่าน ก็ระลึกรู้ได้ในการรับรู้นั้น เพียงเท่านั้น  อย่าไปคิดต่อ  อาจจะลืมบ้าง  รู้บ้างก็ไม่เป็นไร  ให้มันรู้บ่อยๆ ก็แล้วกัน นีละเป็นการทำสติปัฏฐาน ๔ พิจารณาจิตในจิต ละ

                              ๖. ทุกเวลาจิตของท่านย่อมมีอารมณ์ หรือสภาวะธรรม เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย จากอายตนะ ๖ ท่านย่อมเกิดความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  หดหู่  ว้าวุ่นใจ  เศร้า  ซึม ต่างๆ อีกมากเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต  ขอเพียงท่านระลึกรู้ หรือรู้สึกตัวในอารมณ์นั้น เพียงแค่นั้น ไม่คิดต่อ หรือกระทำตามที่จิตมันต้องการ เป็นผู้ดูเฉยๆ บางครั้งอาจจะพลั้งเผลอแสดงอาการออกไปบ้างก็ไม่เป็นไร ขอเพียงมีความระลึกรู้  และรู้ให้บ่อยๆ ท่านจะเป็นผู้ดูแต่เพียงอย่างเดียว  นั่นละเป็นการตั้งสติปัฏฐษน ๔ พิจารณาธรรมในธรรมละ

                               ๗. เมื่อท่านรู้เป็นส่วนใหญ่แบบนี้ ท่านจะพบว่า การระลึกรู้หรือการรู้สึกตัวก็ดี  อารมณ์ที่เกิดขึ้นก็ดี  เวทนาที่เกิดขึ้นก็ดี  จิตนึกคิดที่เกิดขึ้นก็ดี  จะเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้  ไม่ใช่ตัวท่านเลย มันเป็นนาม(ไม่มีตัวตน) ท่านบังคับมันไม่ได้  ไม่มีอำนาจเหนือมัน  อยู่ๆ มันก้เกิด  อยู่ๆ มันเกิดขึ้น พอระลึกรู้หรือรู้สึกตัวมันก็ดับ  จะบังคับไม่ให้เกิดก็ทำไม่ได้  จะให้มันแช่อยู่นานๆ ก็ทำไม่ได้  จะให้มันหายไปก้ทำไม่ได้ และจะเห็นว่าเพียงเราระลึกรู้เท่านั้น อารมณ์  ความคิด มันก็หายหรือดับไปขอมันเอง ทั้งสิ้น  ท่านพิจารณาให้ดีท่านจะพบว่าแท้จริงแล้ว การระลึกรู้ อารมณ์ ความคิด มันเกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไปเอง ตามกฏไตรลักษณ์ โดยมีปัจจัยว่าจิตท่านไปรับรู้อยู่ในสติ(ระลึกได้) หรืออารมณ์  หรือความคิด อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะท่านจะทราบเองว่า จิตท่านรู้มากกว่าหนึ่งอย่างในเวลาเดียวกันไม่ได้ เมื่อไปรู้อย่างใดขึ้น ที่เหลือก้ดับไปเอง  เมื่อเป็นดังนี้ท่านจะสามารถจะแยกแยะด้วยปัญญาของท่านเองได้ว่า  ถ้าเราระลึกรู้ หรือรู้สึกตัวนั้น มีแต่ความว่างเปล่า  สงบ  แต่ถ้าจิตท่านไปแสดงตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ตามมา  และเมื่อจิตท่านไปอยู่กับความคิด ก็มีแต่ทุกข์ตามมา  ท่านย่อมพิจารณาได้เองว่า จิตท่านจะรู้อยู่ที่ไหน

                                ๘. ท่านจะสามารถแยกแยะ รูป-นาม ออกด้วยตัวท่านเอง ว่ารูปคือธาตุดิน  น้ำ  ลมไฟ  มาประกอบกันเป็นรูป และมีอวัยยวะ ๓๒ ประกอบเป็นร่างกาย  และในส่วนของนามนั้นไม่มีตัวตนแต่มันรับรู้ได้ คือมีเวทนา(สุข  ทุกข์  ไม่สุขไม่ทุกขฺ)  สัญญา(จำได้) สังขาร(คิด) วิญญาณ(รับรู้ทางอายาตนะ ๖)  ทั้งรูป  ทั้งนาม  ท่านไม่สามารถบังคับ หรือมีอำนาจในรูป-นาม นั้นได้เลย  และท่านจะรู้ได้ว่า  ไม่มีสิ่งใดแสดงว่าเป็นตัวตนของท่านเลย  มีเพียงจิตที่มาอาสัยรูปอยู่เท่านั้น  ถึงเวลาก็จากไป เป็นอย่างนี้  เมื่อใดจิตท่านรับรู้อย่างนี้จนเกิดการสังเวช  เบื่อหน่าย  คงายกำหนัด  จิตท่าน  ก้จะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ  ไม่มีการปรุงแต่ง  มีเพียงการดำรงอยู่เท่านั้น  จนถึงวาระคืการตาย

                                    เช้านี้ก็เอาเพียงเท่านี้  ลองไปพิจารณาดูกันเอาเองด้วยวิปัสสนาปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติ

                                    เขียนมากกว่านี้ เดี๋ยว ดร.สุริยา  ดุเอา

                                    สวัสดีครับ
 
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7244 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 11:17:41 »

พี่สิงห์ คะ
การบริจาคร่างกาย และดวงตา ให้ต้องแยกเป็น ๒ ที่ค่ะ
ดวงตา ต้องยกให้สภากาชาดไทย บริจาคได้ที่ตึก สภากาชาดไทยที่ริมถนนอังรีดูนัง ที่ติดกับประตู คณะรัฐศาสตร์
อร ได้บริจาดไว้ตั้งแต่อยู่ ปี ๒ แต่เมื่อปีที่แล้วจะไปเปลี่่ยนบัตรเพราะบัตรเริ่มขาดแล้ว
ปรากฎว่า ข้อมูลเดิมเก่ามากเขาไม่มีฐานข้อมูลแล้ว  ต้องไปให้รายละเอียดใหม่ค่ะ
 ส่วนร่างกาย ต้องไปบริจาคที่โรงพยาบาลจุฬาค่ะ  ตรงตึกกลาง ตรงประตูหน้าเลยค่ะ
ให้ถ่ายบัตรประชาชนไปด้วย ๑  ฉบับ ไม่เช่นนั้นจะต้องเดินไปถ่ายเองที่ร้านถ่ายเอกสาร ด้านใน
อรบริจาคไว้ เมื่อตอนเรียนปี ๒ ข้อมูลไม่มีเช่นกัน ต้องทำใหม่
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7245 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 13:12:39 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิก...

...ติดตามอ่านและคิดตามค่ะ...

...ที่เคยได้ตั้งใจว่าจะไปอยู่วัดตอนใกล้ออกพรรษาก็ไปไม่ได้แล้วค่ะ...

...เพราะภาระต่างๆที่มีอยู่ไม่มีใครมาทำแทน...

...จริงๆแล้วอยู่ที่บ้านหรือทางโลก...งานเยอะกว่าอยู่ที่วัดค่ะ...

...ถ้าทำจริงๆตั้งแต่เช้าจรดเย็นจรดค่ำก็คงไม่เคยเสร็จ...

...นี่หล่ะถือเป็นกรรมของชาวโลก...

...เรียกว่าถ้ายังไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตา...

...คอยให้ทุกข์มาซะก่อนแล้วค่อยหันหน้าเข้าวัดค่ะ...

...แต่ดีอยู่หน่อยที่บางครั้งก็คิดได้...

...เมื่อเช้าไปทำบุญที่วัดค่ะ...พระอาจารย์ก็บอกว่าพระต้นบวชนานๆจะดีกว่าคนที่บวชสั้นๆค่ะ...

...คือจะรู้อะไรๆมากกว่า...แต่บางทีรู้แล้วก็อดไม่ได้...

...แต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7246 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 13:17:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 22 ตุลาคม 2555, 11:17:41
พี่สิงห์ คะ
การบริจาคร่างกาย และดวงตา ให้ต้องแยกเป็น ๒ ที่ค่ะ
ดวงตา ต้องยกให้สภากาชาดไทย บริจาคได้ที่ตึก สภากาชาดไทยที่ริมถนนอังรีดูนัง ที่ติดกับประตู คณะรัฐศาสตร์
อร ได้บริจาดไว้ตั้งแต่อยู่ ปี ๒ แต่เมื่อปีที่แล้วจะไปเปลี่่ยนบัตรเพราะบัตรเริ่มขาดแล้ว
ปรากฎว่า ข้อมูลเดิมเก่ามากเขาไม่มีฐานข้อมูลแล้ว  ต้องไปให้รายละเอียดใหม่ค่ะ
 ส่วนร่างกาย ต้องไปบริจาคที่โรงพยาบาลจุฬาค่ะ  ตรงตึกกลาง ตรงประตูหน้าเลยค่ะ
ให้ถ่ายบัตรประชาชนไปด้วย ๑  ฉบับ ไม่เช่นนั้นจะต้องเดินไปถ่ายเองที่ร้านถ่ายเอกสาร ด้านใน
อรบริจาคไว้ เมื่อตอนเรียนปี ๒ ข้อมูลไม่มีเช่นกัน ต้องทำใหม่


...อรจ๊ะ...พี่ตู่ก็ได้บริจาคอวัยวะของร่างกายและดวงตาแล้ว...

...แต่พี่ตู่บริจาคที่สยามพารากอนในงานของคลื่นวิทยุคลื่นหนึ่งค่ะ...

...เป็นการประสานของสภากาชาดไทย...

...และได้บัตรมาสองใบ...

...แต่พี่ตู่ไม่เคยไปอัพเดทรายละเอียดค่ะ
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7247 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 13:50:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 22 ตุลาคม 2555, 13:17:30
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 22 ตุลาคม 2555, 11:17:41
พี่สิงห์ คะ
การบริจาคร่างกาย และดวงตา ให้ต้องแยกเป็น ๒ ที่ค่ะ
ดวงตา ต้องยกให้สภากาชาดไทย บริจาคได้ที่ตึก สภากาชาดไทยที่ริมถนนอังรีดูนัง ที่ติดกับประตู คณะรัฐศาสตร์
อร ได้บริจาดไว้ตั้งแต่อยู่ ปี ๒ แต่เมื่อปีที่แล้วจะไปเปลี่่ยนบัตรเพราะบัตรเริ่มขาดแล้ว
ปรากฎว่า ข้อมูลเดิมเก่ามากเขาไม่มีฐานข้อมูลแล้ว  ต้องไปให้รายละเอียดใหม่ค่ะ
 ส่วนร่างกาย ต้องไปบริจาคที่โรงพยาบาลจุฬาค่ะ  ตรงตึกกลาง ตรงประตูหน้าเลยค่ะ
ให้ถ่ายบัตรประชาชนไปด้วย ๑  ฉบับ ไม่เช่นนั้นจะต้องเดินไปถ่ายเองที่ร้านถ่ายเอกสาร ด้านใน
อรบริจาคไว้ เมื่อตอนเรียนปี ๒ ข้อมูลไม่มีเช่นกัน ต้องทำใหม่


...อรจ๊ะ...พี่ตู่ก็ได้บริจาคอวัยวะของร่างกายและดวงตาแล้ว...

...แต่พี่ตู่บริจาคที่สยามพารากอนในงานของคลื่นวิทยุคลื่นหนึ่งค่ะ...

...เป็นการประสานของสภากาชาดไทย...

...และได้บัตรมาสองใบ...

...แต่พี่ตู่ไม่เคยไปอัพเดทรายละเอียดค่ะ

พี่ตู่ คะ ถ้าได้บัตรมา๒ ใบ เป็นบัตรแข็งคล้ายกับบัตรเครดิต
เป็นการเข้าระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์แล้วค่ะ หากที่สยามพารากอน ก็แสดงว่า เร็วๆนี้ ระบบคอมฯ แน่ค่ะ
 แต่ของอร บริจาคไว้ เมื่อ ปี ๒๕๑๖ ค่ะ จึงเป็นบัตรอ่อน ระบบสมุดค่ะ ข้อมูลจึงหาย
เอาบัตรไปเปลี่ยน เขาก็ไม่มีข้่อมูล จึงต้องทำใหม่ค่ะ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #7248 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 19:01:23 »

      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7249 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2555, 18:33:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 22 ตุลาคม 2555, 13:12:39

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิก...

...ติดตามอ่านและคิดตามค่ะ...

...ที่เคยได้ตั้งใจว่าจะไปอยู่วัดตอนใกล้ออกพรรษาก็ไปไม่ได้แล้วค่ะ...

...เพราะภาระต่างๆที่มีอยู่ไม่มีใครมาทำแทน...

...จริงๆแล้วอยู่ที่บ้านหรือทางโลก...งานเยอะกว่าอยู่ที่วัดค่ะ...

...ถ้าทำจริงๆตั้งแต่เช้าจรดเย็นจรดค่ำก็คงไม่เคยเสร็จ...

...นี่หล่ะถือเป็นกรรมของชาวโลก...

...เรียกว่าถ้ายังไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตา...

...คอยให้ทุกข์มาซะก่อนแล้วค่อยหันหน้าเข้าวัดค่ะ...

...แต่ดีอยู่หน่อยที่บางครั้งก็คิดได้...

...เมื่อเช้าไปทำบุญที่วัดค่ะ...พระอาจารย์ก็บอกว่าพระต้นบวชนานๆจะดีกว่าคนที่บวชสั้นๆค่ะ...

...คือจะรู้อะไรๆมากกว่า...แต่บางทีรู้แล้วก็อดไม่ได้...

...แต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         อากาศที่ สนามกอล์ฟพานอราม่า อำเภอสี่คิ้ว  โคราช เย็นเกือบหนาว เวลาห้าโมง  ก็ไม่มีแสงอาทิตย์  บ่ายสามโมงเย็นก็อากาศเย็นแล้วครับ  รู้สึกสบายดีมาก  กลางวันไม่ร้อนมาก  กลางคืนอากาศข้างนอกเย็นกว่าเปิดแอร์ครับ คือต่ำกว่า ๒๐ องศาเซนติเกรด

                         การที่หลวงพ่อท่านบอกเธอแบบนั้น ท่านกำลังบอกเป็นนัยๆ ว่า ควรจะให้พระต้นอยู่ต่อไปอีก  ถ้าไม่มีอะไรที่ต้องกระทำก็ให้คงวอยู่ในผ้ากาสาวพัตร์ต่อจะได้ดูจิต ตนเองต่อไป  จะได้เอาไปใช้ประโยชน์เมื่อถึงเวลาที่จะต้องสึกออกไปประกอบอาชีพ  มีครอบครัว เธอก็อย่าขัดใจเลย  อย่าไปตัดสินใจแทน ปล่อยท่านเถอะ

                          อย่าลืมเราสามารถนำพุทธศาสนามาใช้ในการทำงานของเราได้เป็นอย่างดีเลิศ  แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่  มองไม่เห็นความจริงอันนี้ ครับ

                           ปัจจุบันเวลาเขาเชิยพี่สิงห์ ไปบรรยาย  พี่สิงห์ จึงต้องนำคำสอนของพระพุทธองค์แทรกเข้าไปด้วย  ชี้ให้เห็นว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เราว่าเป็นของใหม่ที่นักบริหารใช้กันนั้น  พระพุทะองค์ท่านสอนมาตั้ง ๒๕๕๕ ปีแล้ว ยังทันสมัยอยู่เลย

                           พรุ่งนี้พี่สิงห์  แข่งขันกอล์ฟรอบ Qualify Senior Pro. ครับ

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 288 289 [290] 291 292 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><