คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย

[ดร.มนตรี]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 21:36:23
	กรมชลประทาน save นาข้าวไว้ ก็เป็นเรื่องสมควรครับ ชาวบ้านต้องยอมเสียสละเพื่อให้ได้ข้าวไว้กิน มิฉะนั้นย่อยยับหมด แถมไม่มีข้าวกินอีกต่างหาก แต่อย่างไรก็ตาม ที่สุดกลัวว่าจะ save ไว้ไม่อยู่ เนื่องจากคั้นดินรับแรงน้ำไม่ไหวมากกว่าถูกชาวบ้านรื้อ ในยามวิกฤติ สติต้องมาก่อน เดี๋ยวจะเข้าตำรา "หมดสติ ก็หมดสตางค์"ครับ ความเดือดร้อนจะมากกว่านี้เป็นเท่าทวี คนไทยมีข้อเสียเรื่องความอดทน และประการสำคัญคือ รับไม่ได้กับ "การเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อส่วนรวม" น้ำท่วมบ้านเราแล้ว ไม่จำเป็นต้องท่วมบ้านคนอิ่นด้วย และยิ่งเป็นนาข้าว ยิ่งต้องรักษาไว้ครับ ภาพที่โพสต์ข้างบนนี้ บาดจิตบาดใจครับ ใครสมควรต้องรับผิดชอบ ชาวนาปลูกเพื่อพวกเรา แต่ล่มจมเขารับใช้หนี้เพียงคนเดียว ?? แม่โพสฬจมน้ำ ทั้งๆที่จะเก็บเกี่ยวขึ้นมา เพื่อเลี้ยงคนไทย ยิ่งในยามทุกข์ ท้องก็ไม่อิ่ม แล้วจะมีปัญญาแก้ไขวิกฤติให้ผ่้านพ้นไปได้อย่างไร ??

อ่านบทความของคุณลมเปลี่ยนทิศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาแล้วตรงใจครับ พี่เหยง ...

ระหว่างที่ประเทศประสพวิกฤติน้ำท่วม แต่นายกออกมาแถลงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น ซึ่งล้วนเป็นการแก้เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง

[เหยง 16]

ตร.มนตรี

1.เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2.วิเคราะห์และพยากรณ์เรื่องการยุบพรรคประชาธิปัตย์
3.การสมานฉันท์เพื่อยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
4.ชุมนุมยื่นจดหมายให้เลขาฯ UN เพื่อตรวจสอบฯ และขอลี้ภัย
5.โวยวายเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในหลายๆหน่วยงาน
6.และข่าวนี่้ครับ

กลบข่าวความเดือดร้อนของพี่น้องชาวไทยจากปัญหาน้ำท่วมขัง ในวันนี้

[suriya2513]

พาดหัวตัวไม้ "สารซีมะโด่ง"

ตำบลทัพทัน ราคาที่บูมหมดทางหยุดยั้ง น้ำท่วมไม่ถึง
วิศวกรเฒ่า "บ้านไทยริมทุ่ง" เชิดใส่หยุดรับงานคำนวณตึก
เตรียมทำจัดสรรที่นามรดก หวังนั่งกินนอนกิน...

[เหยง 16]

นั่งกิน-พอไหว, นอนกิน-ไม่เอา ลูกหลานเบื่อ ต้องป้อนแถมต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ด้วย

แต่ลูกหลานชอบ "นอนกิน-แบบจุดธูปบอก" เพราะหลังจากนั้น ลูกหลานได้กินทั้งหมด

[เหยง 16]

จังหวัดที่ฝนตกไม่ถึงขนาด แต่น้ำท่วมซะอ่วมอรทัย ย้ำ-อ่วมอรทัย ไม่ใช่"ต่าย-อรทัย"

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14:48 น.  ข่าวสดออนไลน์
สุพรรณฯ น้ำท่วมกินพื้นที่70% ทั้งจังหวัด


     เมื่อวันที่  28 ต.ค. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่าสำหรับพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีพื้นที่เสียหายจากปริมาณน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีพื้นที่เสียหายหลายอำเภอ  อำเภอเมือง อำเภอบางปลาม้า อำเภอสองพี่น้อง อำเภอสามชุก อำเภอศรีประจันต์  อำเภออู่ทอง  อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภอหนองหญ้าไซ และอำเภอด่านช้าง
 

     ล่าสุด มีการสำรวจพบว่าประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้วขณะนี้กว่า 27,000 ราย และขอเรือหลวงเข้าช่วยเหลือประชาชนจำนวน 50 ลำ ที่เสนอรายชื่อและตัวเลขไปเรียบร้อยแล้วเพื่อขอความช่วยเหลือในขณะนี้ที่ต้องได้รับการเยียวยา และชดเชยเกี่ยวกับการสูญเสียในครั้งนี้อย่างเหมาะสมเพื่อเป็นการบรรเทาปัญหา ซึ่งหลายภาคส่วนอาจมองว่าจำนวนความเดือดร้อนของจังหวัดสุพรรณบุรี มีตัวเลขที่สูงมากกว่าหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในเรื่องของน้ำท่วมขังซึ่งขอยืนยันว่าตัวเลขผู้เสียหายนั้นเป็นตัวเลขจริง
 

     จากการสำรวจตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ละอำเภอที่ได้รับความเดือดร้อนหนักแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งทางรัฐบาลเองน่าจะมีวิธีการช่วยเหลือเยียวยาพื้นที่แก้มลิงเหล่านี้ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องของน้ำท่วมขังระยะยาวนานกว่า 30 วันอย่างเหมาะสมเพราะเรื่องของน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนรวมถึงพื้นที่การเกษตรของประชาชนไม่ได้เกิดจากน้ำท่วมขังแบบธรรมชาติทั่วไปเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบน่าจะได้รับการเยียวยาในอัตราที่เหมาะสมและตามหลักปฏิบัติตามข้อกฎหมายเพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆและได้ผลจริงๆ นายสมศักย์ กล่าว

     วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวนาเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะเกษตรกรผู้เลี้ยงเป็ดต้องเร่งเคลื่อนย้ายเป็ดหนีน้ำ

     นายสุนทร ศรีบุญ อายุ 42 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลกระจัน  อำเภออู่ทอง เปิดเผยว่าตนเลี้ยงเป็ดไข่จำนวน 2,000 ตัวขณะนี้เดือดร้อนหนักหลังปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่า 7 วัน ไม่มีที่แห้งเพื่อนำเป็ดไปเลี้ยงได้เนื่องจากในหมู่บ้านน้ำท่วมพื้นที่ทั้งหมดต้องย้ายเป็ดมาแล้วกว่า 3 ครั้งหลังจากน้ำเพิ่มปริมาณ และยังมีบ่อปลาชาวบ้านในหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดเพราะไม่รู้จะป้องกันอย่างไรเพราะน้ำเพิ่มปริมาณสูงอย่างรวดเร็ว

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNE9ESTFNakUzTVE9PQ==

[เหยง 16]

วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 11:52:37 น.  มติชนออนไลน์
น้ำเทือกเขาพนมดงรักท่วมไร่นา ชาวนาระดมกำลังลอยคอเกี่ยวข้าวอุตลุต



ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา  09.00  น.วันที่  27  ต.ค. ว่า  ที่บริเวณสามแยกบ้านตูม  ต.ตูม  อ.ศรีรัตนะ  จ.ศรีสะเกษ   ชาวบ้านต่างลอยคอระดมช่วยกันลงไปเกี่ยวข้าวที่กำลังสุก  และถูกน้ำท่วม  โดยน้ำท่วมมีระดับลึกมากกว่า  1.50  เมตร  ก่อนนำขึ้นบรรทุกใส่บนเรือ  เพื่อที่จะได้นำเอาข้าวไปตากแดดให้แห้ง  ซึ่งระดับน้ำที่ท่วมสูงมาก  ทำให้การเก็บเกี่ยวข้าวเป็นไปด้วยความยากลำบากพอสมควร  แต่หากว่าชาวบ้านไม่เร่งเก็บเกี่ยว  ก็จะทำให้ข้าวที่แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานเน่าเสียหายได้
 

นางสมคิด  ศุภวงศ์  อายุ  50  ปี  อยู่บ้านเลขที่  76  หมู่  10  บ้านสามสิบเอ็ดพัฒนา  ต.ตูม  อ.ศรีรัตนะ  จ.ศรีสะเกษ  กล่าวว่า  น้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรัก  ซึ่งอ่างเก็บน้ำห้วยติ๊กชูซึ่งล้น    สปริงเวย์ไหลลงมาตามคลองส่งน้ำ  ได้เอ่อล้นทะลักจากคลองส่งน้ำเข้าไปท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านตามสองข้างคลองส่งน้ำ  ปรากฎว่า ขณะนี้มีน้ำท่วมนาข้าวที่กำลังสุกประมาณ  300  ไร่  ซึ่งทำให้ชาวบ้านต้องเร่งเก็บเกี่ยวข้าว  ก่อนที่ข้าวซึ่งถูกน้ำท่วมจะได้รับความเสียหาย  ในส่วนที่นาของตนนั้น  น้ำท่วมจำนวน  10  ไร่  และต้องเร่งเก็บเกี่ยวข้าวกันอย่างโกลาหล  ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อย  ๆ  และตนไม่ทราบว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้เสร็จทันหรือไม่  แต่อย่างไรก็ตาม โอกาสที่นาข้าวของชาวบ้านจะได้รับความเสียหายมาก  เพราะหากข้าวที่กำลังสุกแช่น้ำเป็นเวลานาน  จะทำให้เม็ดข้าวหัก  และเมื่อนำไปขายจะมีราคาที่ต่ำมากนั่นเอง


ทางด้าน  นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า   ขณะนี้ตนได้ให้ เจ้าหน้าที่กองช่างสำนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ได้นำถังน้ำและเต็นท์มาเตรียมพร้อมเพื่อที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในเขตบริเวณชุมชนสะพานขาว ชุมชนท่าเรือ และชุมชนหนองหัวหมู ซึ่งทั้ง 3 ชุมชนนี้ เป็นชุมชนที่อาศัยอยู่ติดลำน้ำห้วยสำราญ   ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการถูกน้ำท่วมมากที่สุด  โดยได้นำเอาเต้นท์มากางในพื้นที่สูงและบนถนน โดยขณะนี้ปริมาณน้ำที่กักเก็บตามอ่างเก็บน้ำ 16 แห่งในจังหวัดศรีสะเกษ คิดเป็น 104% โดยมีปริมาณน้ำที่เกินกว่าที่กักเก็บได้ จำนวน 13 อ่าง เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยศาลา อ่างห้วยติ๊กซู อ่างห้วยสำราญ และอ่างเก็บน้ำห้วยทา  ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำตามอ่างเก็บน้ำทุกแห่งมีระดับน้ำที่สูงขึ้นกว่าเดิมเรื่อย ๆ และกำลังไหลเข้ามาในเขต อ.เมืองศรีสะเกษ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1288155261&grpid=02&catid=19

[เหยง 16]

ปลอบขวัญชาวสุพรรณบุรี ชาวศรีษะเกษ และชาวไทยทุกคน "บายศรีสู่ขวัญ โดยต่าย-อรทัย"

  <a href="http://www.youtube.com/watch?v=KsEVvjR67vg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=KsEVvjR67vg</a>

[Preecha2510]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 21:25:35
	เรื่องน้ำท่วมตั้งแต่อยุธยา ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดระดับลงนั้น อดีตนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ออกรายการกับคุณสรยุทธ เมื่อ 2 วันก่อน พูดว่า มาจากการที่กรมชลประทานหน่วงการปล่อยน้ำ แถมยังมีการผันน้ำออกไปสุพรรณบุรีจนเป็นเหตุให้จังหวัดสุพรรณบุรีท่วมไป(มากกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่)แล้ว และมีผลถึงจังหวัดนครปฐมด้วย ทั้งๆที่กรมชลประทานอยู่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่ง รมต.ธีระ วงศ์สมุทร(อดีตอธิบดีกรมชลประทาน) สังกัดพรรคชาติไทย ยังทำให้เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งในเบื้องต้นไม่น่าจะต้องมารับเคราะห์ในครั้งนี้ ต้องมาร่วมจมน้ำกับเขาด้วย สงสารท่านอดีตนายกรัฐมนตรีจริงๆ ครับ ที่ลูกน้องผันน้ำเข้าท่วมจังหวัดตัวเอง 5 5 5 5 ซวย..ย..ย ช่วยไม่ได้จริงๆ

  คงไม่ต้องสงสารคุณบรรหารหรอกครับเพราะหลังนํ้าลดแล้ว จะมีส้มหล่นมีงบประมาณที่ตั้งไว้และได้รับอนุมัติ

  โดยเร่งด่วนไปแล้วประมาณ 1,200 ล้านบาท จัดสรรให้ไปฟื้นฟูและซ่อมแซมแหล่งท่องเที่ยว  ซึ่งหน่วยงาน

  ดูแลเรื่องนี้อยู่ภายใต้สังกัดมี รมต.ของพรรคชาติไทย(พัฒนา)คุมอยู่ น่าเสียดายเงินจังเลยควรเอาเงินไปแจก

  ช่วยเหลือเยี่ยวยาชาวบ้านที่นํ้าท่วมบ้านเสียหายยังจะดีกว่า(สมมุติแจกให้ครอบครัวละ 10,000 บาท จะช่วย

  บรรเทาความเดือดร้อนได้ถึง 120,000 ครอบครัวเลยทีเดียว)

[suriya2513]

ไม่ให้ไม่ได้สิครับพี่แก้ว เดี๋ยวไม่มีใครช่วยถ่วงดุลย์กับพรรคภูมิใจไทย

[Preecha2510]

		อ้างถึง			ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 23:36:53
	ไม่ให้ไม่ได้สิครับพี่แก้ว เดี๋ยวไม่มีใครช่วยถ่วงดุลย์กับพรรคภูมิใจไทย

    สวัสดีครับป๋อง    นานแล้วที่ไม่ได้พบและได้มีโอกาสคุยกันเลย  เห็นมีรายชื่อป๋องร่วมเดินทางไปกับชาวหอฯ

  ไปทัวร์เยี่ยมค่ายหนองหว้าในวันที่  26 - 28 พย.นี้ด้วย  ก็รู้สึกดีใจที่จะได้พบป๋องไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้งครับ

[BU_KA]

กราบเรียนพี่สิงห์ที่เคารพ

น้ำแห้งแล้วค่ะ

"วายเมเถว ปุริโส    น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต
วายามสฺส ผลํ ปสฺส    ภุตฺตา อมฺพา อนีติหํ"

[suriya2513]

		อ้างถึง			ข้อความของ BU_KA เมื่อ 29 ตุลาคม 2553, 00:31:22
	กราบเรียนพี่สิงห์ที่เคารพ น้ำแห้งแล้วค่ะ "วายเมเถว ปุริโส    น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต วายามสฺส ผลํ ปสฺส    ภุตฺตา อมฺพา อนีติหํ"

นี่ไงสิงห์ ที่เขาเรียกว่า "วีน"

[suriya2513]

		อ้างถึง			ข้อความของ Preecha2510 เมื่อ 29 ตุลาคม 2553, 00:07:22
	อ้างถึง ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 23:36:53 ไม่ให้ไม่ได้สิครับพี่แก้ว เดี๋ยวไม่มีใครช่วยถ่วงดุลย์กับพรรคภูมิใจไทย     สวัสดีครับป๋อง    นานแล้วที่ไม่ได้พบและได้มีโอกาสคุยกันเลย  เห็นมีรายชื่อป๋องร่วมเดินทางไปกับชาวหอฯ   ไปทัวร์เยี่ยมค่ายหนองหว้าในวันที่  26 - 28 พย.นี้ด้วย  ก็รู้สึกดีใจที่จะได้พบป๋องไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้งครับ

ครับพี่แก้ว...แล้วเขาใหญ่ของพี่หมอเล่าครับ

[Manop Klabdee]

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องหมี
                         ยินดีด้วยที่น้ำลดลงแล้ว ถือว่าเป็นเคราะห์กรรมเก่าก็แล้วกัน จะได้สบายใจ ไม่เครียด  ไม่ทุกข์  ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากสองฝั่งเจ้าพระยา กำลังทุกข์หนัก เพราะน้ำท้วมสูงเป็นประวัติการ อย่างสิงห์บุรีขณะนี้ และอยู่ในฐานะที่แย่กว่าเธอมากๆ และจะท้วมนานด้วย
                         ตอนนี้เธอคงลำบาก เพราะน้ำลดใหม่ๆ คือโคลนที่ติดตามบ้าน ต้องทำความสะอาด จะไปทางไหนก็มีแต่โคลนเต็มไปหมด ต้องรอให้แดดแรงๆสักอาทิตย์ดินแห้งจึงจะสามารถเดินทางได้สะดวก แต่เธออย่างลืม ลมหนาวมาแล้วภายหลังน้ำท้วม ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ระวังสุขภาพเธอด้วย  อย่านอนดึกมากนัก เจ็บป่วยแล้วไม่คุ้ม หาเงินแทบตายเอาไปให้หมอหมด นี่คือความจริง  ปัจจุบันคนคิดจะรักษาโรคอย่างเดียวคือไปพึ่งหมอ แต่ไม่เคยคิดจะป้องกันก่อนที่จะเป็นโรคเลย  แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันธรรมชาติเปลี่ยนไปมาก สาระพัดโรค ระวังอย่างไร(แบบพี่สิงห์)ก็ไม่รอดเหมือนกัน เชื้อมันแรง  ถึงจะมีภูมิคุ้มกันในตัว ก็ได้แต่ผ่อนหนักเป็นเบา ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น ครับ
                        

                    "วายเมเถว ปุริโส    น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต
                      วายามสฺส ผลํ ปสฺส    ภุตฺตา อมฺพา อนีติหํ"

                      ช่วยแปลด้วยครับ  พี่สิงห์จบเพียงนักธรรมตรี  อ่านได้แต่แปลไม่ได้ เพราะท่านเจ้าคุณไม่ได้สอนบาลี-สันสกฤต ให้ตอนที่เรียนนักธรรม
     
                      สวัสดียามเช้าค่ะ

[Manop Klabdee]

		อ้างถึง			ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 22:40:15
	พาดหัวตัวไม้ "สารซีมะโด่ง" ตำบลทัพทัน ราคาที่บูมหมดทางหยุดยั้ง น้ำท่วมไม่ถึง วิศวกรเฒ่า "บ้านไทยริมทุ่ง" เชิดใส่หยุดรับงานคำนวณตึก เตรียมทำจัดสรรที่นามรดก หวังนั่งกินนอนกิน...

                       ดีใจด้วยที่จะทำบ้านจัดสรรค์ขาย เพราะจะทำให้มีสตางค์(เป็นเศรษฐี) ได้ยามแก่  
                       สำหรับผมกำลังคิดจะกลับบ้าน ไปปลูกกระท้อมเล็กๆ ชั้นเดียวยกพื้นสูงหนีน้ำ บันไดเอียงมากๆ จะได้เดินขึ้นบ้านสะดวก ปลูกผักสวนครัวเอาไว้กินรอบบ้าน เลี้ยงไก่(ไก่แจ้ ไก่ชน) เป็ด เอาไว้เป็นเพื่อนและกินไข่ เลี้ยงห่านไว่สักสองคู่เอาไว้เฝ้าบ้านแทนสุนัข(เพราะไม่ชอบ) โดยขุดสระ อาสัยน้ำไว้ทำสวนครัว และใช้เวลาส่วนใหญ่ "เจริญสติ"  อยู่อย่างพอเพียงแบบนี้ค่าใช้จ่ายมีไม่มากจะทำให้ผมอยู่ได้  ไม่มีความอยาก ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มีความโลภ ไม่มีความหลง(หลงติดกับความคิดตัวเอง คือความอยาก ยึดมั่นถือมั่น) เวลาที่เหลือช่วยงานสังคมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ไม่ทำให้ผมเดือดร้อน เช่น สอนหนังสือตามโรงเรียนพระปริยัติธรรม เป็นจิตอาสา หรือ อสม. ช่วยให้ชาวบ้านหันมาดูแลร่างกายไม่ให้เจ็บป่วย หรือเป็นกรรมการหมู่บ้าน แต่ต้องไม่ทำให้ใจเป็นทุกข์ ขอเจริญสติเพื่อตัวเองเป็นสุข  คงไม่มีค่าใช้จ่ายมาก อยู่ได้จนตาย ครับ
                        สวัสดี

[Manop Klabdee]

สวัสดียามเช้า ชาวเวบทุกท่านครับ
                         เช้านี้เมฆครึ้ม และเมื่อเช้ามืดฝนตก ถึงเช้าจนไม่สามารถไปออกกำลังกายยามเช้าได้ครับ คงต้องยกยอดไปออกกำลังตอนเย็น และคงอาจจะไม่ได้เห็นดวงตะวันทั้งวันครับ  อากาศแบบนี้ไม่ดีเลย อาการพี่สิงห์เกือบหาย  โดนเข้าไปอีกก็คงทุกข์ต่อไป แต่พยายามที่จะไม่ตากฝน  ตากแดด ไม่ใช้เสียงมาก เพราะการใช้เสียงเป็นจุดอ่อนของพี่สิงห์ที่จะทำให้คอบวม และเจ็บคอตามมา มันเรื้อรังเสียแล้ว นี่คือความจริง
                         อาทิตย์หน้าพี่สิงห์ก็ไม่ได้ไปเยี่ยมแม่อีก เพราะไม่สามารถเดินทางไปได้ และจะสร้างความลำบากให้เพราะต้องพายเรือมารับพี่สิงห์ สู่ไม่ไปดีกว่า   ตามที่น้องสาวบอก เพราะทุกคนสบายดี ยกเว้นน้องสาวเมื่อวานคุณหมอนัดผ่าตัดมดลูก ต้องเลื่อนไม่มีกำหนดจนกว่าน้ำจะลด เพราะกลัวน้ำท้วมโรงพยาบาลสิงห์บุรี
                         สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ                     
 

[ดร.มนตรี]

		อ้างถึง			ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 ตุลาคม 2553, 01:40:36
	อ้างถึง ข้อความของ BU_KA เมื่อ 29 ตุลาคม 2553, 00:31:22 กราบเรียนพี่สิงห์ที่เคารพ น้ำแห้งแล้วค่ะ "วายเมเถว ปุริโส    น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต วายามสฺส ผลํ ปสฺส    ภุตฺตา อมฺพา อนีติหํ" นี่ไงสิงห์ ที่เขาเรียกว่า "วีน"

มงคลที่ 14 จาก มงคล 38 ประการ  ... วีนตรงหนาย ครับ ^_^


ปล.

มงคลที่ 14 >> เป็นเรื่องของความเพียร


ปล. 2 คำแปลรอน้อง BU_KA มาเฉลยนะครับ  


>>>  ท่านใดใจร้อน รอไม่ไหว แนะนำ ดิคชันนารีภาษาีบาลี ที่เว็บ บาลีดิค ดอท คอม http://www.palidict.com/ ครับ  

[ดร.มนตรี]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 22:24:08
	ตร.มนตรี 1.เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.วิเคราะห์และพยากรณ์เรื่องการยุบพรรคประชาธิปัตย์ 3.การสมานฉันท์เพื่อยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4.ชุมนุมยื่นจดหมายให้เลขาฯ UN เพื่อตรวจสอบฯ และขอลี้ภัย 5.โวยวายเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในหลายๆหน่วยงาน 6.และข่าวนี่้ครับ กลบข่าวความเดือดร้อนของพี่น้องชาวไทยจากปัญหาน้ำท่วมขัง ในวันนี้

ครับพี่ ^_^

[เหยง 16]

เช้านี้ นครสวรรค์ ฟ้าเปิด แดดดีมาก, หลังจากที่เมื่อคืน ไม่เห็นดาวและเมฆมาก กลัวฝนตกเช่นกัน

[Manop Klabdee]

สวัสดีครับ คุณเหยง
                          ขอความช่วยเหลือ
                          ที่บริษัท SICON นครศรีธรรมราช  มีใบขอรับจ้างแรงงานต่างด้าวจากแรงงานจังหวัดอยู่แล้ว อยากจะหาคนงานพม่าสักสามสิบคนทำอย่างไรดี ติดต่อลูกน้องคุณได้ไหม เอาชนิดที่ถูกกฎหมายครับ ติดต่อบริษัทนายหน้ามาหลายรายแล้ว ไม่ประสพผลสำเร็จ ครับ
                          ขอบคุณ

[เหยง 16]

พี่สิงห์ครับ

จังหวัดนครศรีธรรมราช สมควรรับแรงงานพม่าจากจังหวัดระนอง(เกาะสอง) หรือเก่งสุดไม่ความเกินจังหวัดกาญจนบุรี(ด่านเจดีย์สามองค์)
เนื่องจากแรงงานต้องเดินทางกลับบ้าน จะไม่สะดวกทั้งกับนายจ้างและลูกจ้าง ทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางจะสูงตามไปด้วย

การหาแรงงานต่างด้าวผ่านเอเย่นต์จัดหางาน ไม่มีความจีรังครับ เพราะมันกินค่านายหน้าสูงมาก แรงงานได้ค่าตอบแทนไม่พอใช้จ่าย
สมควรให้แรงงานต่างด้าวซึ่งอยู่กับเราแล้วเป็นคนช่วยหาครับ เขามีพี่น้องอยู่ฝั่งพม่า หรือเข้ามาทำงานในไทยแล้ว
เมื่อทำงานกับบริษัทโดยไม่ต้องเสียค่านายหน้า เขาจะเต็มใจมากกว่า หรือให้ดี ตั้งรางวัลให้พม่าที่ทำงานอยู่กับเราเป็นคนหาแรงงานให้
น่าจะเวิร์กกว่าครับ (ซึ่งผมก็ใช้วิธีหลังคือ ให้คนที่อยู่กับเราเป็นคนช่วยหาคนเพิ่มให้ เขารู้ครับว่าคนไหนมีบัตรหรือไม่มี
เราจะตอบแทนเขาเป็นรางวัล และพวกเขาทำงานกันในหมู่ญาติ พี่น้อง เพื่อน เขาจะอยู่ได้นานกว่าคนชาติเดียวกันแต่เราเป็นคนหาครับ )

[อ้อย17]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 26 ตุลาคม 2553, 14:10:06
	พี่ตู่ครับ มันเป็นยุดสมัยครับ ตั้งแต่ปี 2542 โรงสีมีโอกาสรับใช้สังคมไทยในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล โดยทำการรับข้าวเปลือกจากชาวนา เพื่อแปรรูปเป็นข้าวสารชนิดต่างๆ แล้วรับค่าจ้างเป็น"รำและปลายข้าว" ไปในมูลค่า 450 บาทตือ 1 ตันข้าวเปลือก(หรือ 1 เกวียนข้าวเปลือกนั่นแหละ) ให้ไปขายเอาเอง หากได้น้อยกว่านี้ รัฐเพิ่มให้เป็น 450 บาท และยังแถมแกลบซึ่งแต่เดิมต้องเผาทิ้ง แต่เมื่อมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อน และโรงกระดาษดับเบิ้ลเอ ซึีงใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงช่วยได้ โรงสีก็ถูกหวย ขายแกลบ 1 คันรถสิบล้อในราคา 5,000 บาท หรือพ่วงละ 10,000 บาท โรงสีจึงตั้งขึ้นมาเกลื่อนเมือง จากคนที่ไม่รู้เรื่องโรงสี แต่มองออกว่า โรงสีหากินกับรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกได้ จึงมองหาที่ดินอย่างน้อย 200 ไร่ ติดถนนดำ(ถนนลาดยางมะตอย) โดยมีด้านหน้าไม่น้อยกว่า 200 เมตรติดถนน สร้างตัวอาคารโรงสี พร้อมเครื่องสีข้าว สำนักงานพร้อมบ้านอย่างหรู ลานตากขนาด 50-100 ไร่(ส่วนที่เหลือจากอาคาร) โดยธนาคารให้วงเงิน 200-300 ล้าน Make asset จากมูลค่าที่ดิน อาคาร เครื่องจักรสีข้าว ซึ่งอยู่ประมาณ 80-120 ล้าน รับส่วนต่างจาก 200 ล้านไป โดยจ่ายค่าทำคำเสนอกู้ให้ฝ่ายสินเชื่อ 5-10% ของวงเงิน ส่วนต่างที่ได้แทนที่จะเอาไว้เป็นทุนซื้อข้าวเปลือกเพื่อสีและหมุนเวียน กลับนำไปซื้อรถยนต์นั่งสุดหรู ไปทัวร์ ไปช๊อปปิ้ง แล้วรอเข้าโครงการรัฐบาล ไม่คิดจะค้าขายเอง และเอาเปรียบเกษตรกรด้วยการโกงน้ำหนัก โกงความชื้นอีกต่างหาก ดังจะได้ยินเสมอว่า ชาวนาบ่นเรื่องน้ำหนักขาด เมื่อเอาข้าวไปเข้าโครงการ เจ้าหน้าที่ของรัฐเฉยเพราะมีส่วนแบ่งให้ กลับกัน รัฐให้สีข้าวเปลือกเพื่อส่งข้าวสาร ซึ่งโรงสีได้"รำและปลายข้าว"เป็นค่าจ้าง แถม"แกลบ"เอาไว้ขายอีกต่างหาก ก็โกงข้าวสารด้วยการสีข้าวสารผิดชนิดส่ง เช่นให้ส่งข้าว 5% ก็สีข้าว 25% ส่งให้แทน ด้วยรู้เห็นเป็นใจกับ จนท. 10 กว่าปีไม่คิดพัฒนาโครงสร้างและการค้า และเชื่อว่า โครงการจำนำข้าวจะต้องอยู่คู่ประเทศไทยไปจนฟ้าดินสลาย !! แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง แผลมันเกิดฝีแตก เมื่อคนที่อิงการเมืองตั้งบริษัทค้าข้าวสารขึ้นมารองรับเพื่อซื้อข้าวในโครงการจำนำ ไปขายต่อเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับพรรคพวกและครอบครัวตัวเอง ชื่อบริษัทเปรสซิเด้นท์ (ชื่อในทำนองนี้) ประมูลได้ทุกล๊อต ทุกโกดังของรัฐ ในราคาถูก เพื่อนำเงินกำไรไปเป็นต้นทุนในการเล่นการเมืองของพรรครัฐบาลในช่วงนั้น พบว่า ข้าวสารผิดสเปคมาก ได้ไปทำกำไรไม่คุ้ม จึงอาศัยอำนาจรัฐรื้อระบบการรับจำนำ ซึ่งดำเนินมานานนับสิบปี เงินลงทุนในโครงการกว่า 4 แสนล้านบาทของรัฐ เพื่อรับจำนำข้าว แล้วขายให้เอกชนถูกๆ ผ่านไปสิบกว่าปี เหลือไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท นี่แหละสุภาษิต "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ของหลวงกินตั้งนานก็ไม่หมด" กินได้ทุกปีเลย !! จนรัฐบาลนี้ซึ่งเข้ามารับมรดกต้องยอมเลิก เพราะหาเงินป้อนเข้าระบบต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว และมีหนี้ต้องกู้ต่างประเทศ จึงเปลี่ยนระบบเป็น"โครงการประกันราคา" ด้วยการให้เกษตรกรนำไปขายยังแหล่งการค้า หากได้ราคาผิดไปจากราคาที่รัฐประกัน รัฐจะจ่ายส่วนต่างให้แทน ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็ใช้วิธีนี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2459 (ย้ำ ปี พ.ศ. 2459 ตรงกับรัชกาลที่ 7) แต่เราไม่ทำตามเขา ทั้งๆที่คนไทยเดินตามตูดสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด เพราะมันหาเศษ-หาเลยไม่ได้นั่นเอง มีอีกตัวหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับรัฐฐาลเป็นอย่างมากในโครงการรับจำนำ และตราหน้าคนไทยว่า "โครตโกง ไว้ใจไม่ได้" คือ โกดังรับฝากสินค้าในโครงการรับจำนำ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันเส้น แป้งมันสำปะหลัง เมล็ดกาแฟ ฯ คนไทยเป็นพวกแมวขโมย คือรับฝากของเพื่อรับสินจ้าง แล้วยังขโมยของที่ฝาก รวมทั้งสับเปลี่ยนของฝากนั้นด้วย ตัวอย่างเช่น ข้าวสาร ฝากในโกดังเป็นข้าวขาว 5% ก็แอบเปลี่ยนของเป็นข้าวปลาย 25% ซึ่งภาระจะตกกับผู้ประมูลซื้อ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกรด 2 ก็แอบเอาออกไปขาย แล้วหาข้าวโพดเกรดส่งออก ซึ่งคุรภาพต่ำและราคาถูกกว่าเข้ามาเก็บแทนที่ ลำใยอบแห้ง เกรด AA จาำกเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ใส่กล่องเข้าโกดังรับค่าฝากทุกเดือน รอผู้ประมูลมาประมูลซื้อไป ผู้ประมูลเปิดกล่องเจอลำใยอบแห้ง เม็ดขนาดเล็ก เกรด C อยู่ในกล่อง, บางรายโชคดีเปิดมาเจอแต่กล่องเปล่า ไม่มีลำใย ผีหลอกกันในเวลากลางวัน อคส. หรือ อตก. ในฐานะผู้ทำโครงการของรัฐ รับเงินค่าประมูลซื้อแล้ว บอกแต่ แบ๊ะ แบ๊ะ ไม่รู้ เรื่องมันจึงเกิด แบบเดียวกับสัปรดกระป๋อง เก็บไว้ในโกดัง ผู้ประมูลได้เปิดกล่องมา มีแต่กล่องกับกระป๋องเปล่า ลูกใครหว่า !! ?? ทำได้ขนาดนี้..โครงเก่งเลย เจ็บกว่านี้คือ เจ้าของโกดังรับฝาก ขโมยเปิดโกดังเอาข้าวสารทั้งหมดออกขาย โดยไม่รู้ไม่ชี้ทั้งสิ้น ดังที่เคยเป็นข่าวในจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา คดียังอยู่ในชั้นสอบสวน ไม่ขยับไปไหน ไม่ทราบเพราะอะไร รัฐสูญเสียเงินซื้อข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆในโครงการรับจำนำ ฝากไว้กับโกดังโดยจ่ายค่าฝากรายเดือน แต่เมื่อออกสินค้ามีแต่ลมหรือสินค้าถูกเปลี่ยน มีแต่ของเสื่อคุณภาพ ความเสียหายมากมาย แต่จับมือใครดมไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก เกิดอะไรกับเกษตรกรชาวไทย เพลงที่เราเคยฟังมาในช่วงเป็นเด็กว่า "..ไทยจะเรืองอำนาจ เพราะเราเป็นชาติเกษตรกรรม.."  เป็นจริงหรือ ??

เพิ่งมาอ่านเจอค่ะ  พี่เหยง..
      เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมาก และยังสะท้านสะเทือนทุกครั้งที่ได้ยินข่าวอย่างนี้
      มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าพรรคใดจะเป็นรัฐบาล
      แม้กระทั่งปัจจุบัน มันแน่นในอกทุกครั้งที่พูดถึง จนไม่อยากเลือกตั้ง
      ไม่อยากมีผู้แทนฯไม่ว่าจะเป็นระดับใด แต่อยากวางระเบิดลูกโตๆไว้ที่สภาฯในวันที่มีการประชุมชุดใหญ่
      หากหมดผู้แทนรุ่นนี้และลูกหลานบริวารของคนพวกนี้ไปค่อยมาว่ากันเรื่องเลือกตั้ง...อิอิ ..แรงไปนะเนี่ยยย....555

[Manop Klabdee]

เป็นอันว่านครศรีธรรมราชวันนี้ ผมไม่เห็นพระอาทิตย์เลย ท้องฟ้ามีแต่เมฆเต็มไปหมด แต่ฝนตกไม่หนัก แต่ตกพร่ำตลอดวันเลย

[เหยง 16]

อุตุนิยมเตือน 4 จังหวัดภาคใต้ครับ พัทลุง สงขลา นาราธิวาส ปัตตานี พายุฝนและลมแรง
ส่วนจังหวัดอื่นใกล้เคียงตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ลงไป ก็เจอหางเลขด้วยครับ

[Manop Klabdee]

สวัสดีคุณเหยง
                           วิธีการที่แนะนำมานั้นใช้ครบทุกอย่างมาแล้วครับ พม่าทางใต้ มันทำงานไม่ทน ย้ายทุกสามเดือน และขี้เกียจ จึงอยากหาแหล่งทางเหนือบ้างครับ ก็หวังว่าพม่าทางเหนือจะดีกว่าทางใต้ ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ เรายอมจ่ายครับ
                          ตอนนี้ติดต่อบรัษัท บัวสุวรรณ จำกัด ของลาวโดยผ่านบริษัท พรรคพวกในไทย เป็นตัวกลางถูกต้องตามกฎหมาย ต้องการแรงงานสี่สิบคน ผู้หยิง-ชายไม่เกี่ยงขอให้ทำงานได้ ตอนนี้เขาคิดค่าหัว 32,000 บาท เรามีสิทธิหักคนงานคืนได้ 18,000 บาทโดยหักเดือนละ 2,000 บาท จนกว่าจะครบ ต้องเลี้ยงอาหารกลางวันหนึ่งมื้อ และค่าแรง 200 บาทต่อวัน มีที่พักพร้อม อาทิตย์หน้าผมจะไปลาวเพื่อไปคัดเลือกคนงานมาทำงาน อยากได้เป็นครอบครัว หรือพี่น้อง จะได้อยู่นาน ครบตามสัญญาสองปีต่อได้อีกปีหนึ่ง และอีกหนึ่งปี รวมสี่ปี คิดว่าคุ้ม อย่างไรก็ต้องเอาเพราะเดี๋ยวนี้ คนไทยไม่ยอมทำงานก่อสร้างแล้ว คนไทยชอบอยู่สบาย เช่นขับรถเครื่องตามปากซอย หรือคอยรับ Job ประท้วง คุ้มกว่ามาทำงานก่อสร้างค่าแรงวันละ 250 บาท ครับ เดี๋ยวนี้อาชีพวิศวกรโยธาไม่น่าทำแล้วครับ เพราะไม่มีคนงานทำงาน เป็นแบบนี้ทุกบริษัท จริงๆ
                          ถึงอย่างไรก็ขอขอบคุณมากครับ
                          ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ