28 มิถุนายน 2567, 13:14:13
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 23 24 [25] 26 27 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3330386 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #600 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 12:03:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 26 ตุลาคม 2553, 23:31:26
แล้วค่อยมาต่อนะครับ

ผมแอบมาคั่นโฆษณา จบแล้ว เชิญพี่เหยง ต่อเลยครับ  อายจัง


สวัสดีพี่ๆ ทุกท่าน ครับ
sorry
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #601 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 13:21:43 »

สวัสดี ดร.มนตรี และทุกท่าน

นาแปลงนี้ใครสมควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบครับ (ภาพถ่ายเมื่อวานนี้ 26 ตุลาคม  2553)

ระดับน้ำท่วมนาข้าวซึ่งรวงข้าวเริ่มเหลือง ครบอายุ และจะเก็บเกี่ยวได้อยู่แล้ว



น้ำท่วมกระท่อมเฝ้าข้าว อย่างน้อยครึ่งหลัง นี่แหละเกษตรกรไทย ผู้ปลูกข้าวเลี้ยงชาวไทย เสี่ยงภัยทุกอย่าง และที่สุดก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้







      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #602 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 13:26:39 »

ในปี พ.ศ. 2459 หรือ ค.ศ. 1916 มิสเตอร์บัทเลอร์ Butler ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของชำ ฟ้องรัฐบาลสหรัฐ ให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการที่ตนเองประกอบกิจการร้านขายของชำแล้วขาดทุน โดยอ้างว่า รัฐบาลสหรัฐใช้เงินภาษีอากรออกมารับซื้อผลผลิตการเกษตรของชาวนา อันประกอบด้วย ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง เพื่อมิให้เกษตรกรผู้ปลูกต้องขาดทุน

ศาลสูงหรือศาลฎีกาสหรัฐมีคำพิพากษาว่า เป็นเรื่องเศร้าของเกษตรกรผู้ปลูกที่ได้รับผลผลิตที่ดีจากการที่ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลให้มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น จากการปลูกในพื้นที่เท่าเดิม ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าชาวสหรัฐจะมีอาหารอย่างเพียงพอในการบริโภค แต่เพราะผลผลิตออกมามากนั้น เกษตรกรกลับถูกกดราคารับซื้อ ส่งผลให้ตนเองต้องรับเคราะห์กรรมขาดทุน มีหนี้สิน ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข ซึ่งหากเทียบกับการทำธุรกิจ การได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ก็คือผลกำไรที่มากขึ้น สร้างความร่ำรวยให้ธุรกิจของตนเอง แต่กับชาวไร่ชาวนานั้นกลับมีสภาพตรงกันข้าม การที่รัฐบาลนำเงินออกมาซื้อผลผลิตส่วนเกินเอาไว้ แทนการให้นายทุนออกมาซื้อในราคาถูก ก็จะทำให้ราคาผลผลิตดีขึ้นและกลับคืนสู่สภาวะปกติ และในความเป็นจริง การที่เกษตรกรผู้ปลูกขายผลผลิตได้ในราคาถูก ก็ไม่มีหลักประกันว่า ประชาชนชาวสหรัฐทั่วไปจะสามารถซื้อสินค้านั้นได้ในราคาถูกเพื่อบริโภค ผู้ได้กำไรจากส่วนต่างกลับเป็นพ่อค้า หรือนายทุน หรือผู้ปล่อยกู้นั่นเอง การที่รัฐบาลออกมาซื้อผลผลิตส่วนเกินเก็บไว้เพื่อให้ราคาผลผลิตมีราคาคงที่นั้น ชอบแล้ว แต่การที่นายบัทเลอร์ ซึ่งทำการค้าขายของชำและขาดทุนนั้น ไม่ต้องตามเงื่อนไข รัฐบาลไม่จำเป็นต้องให้การช่วยเหลือ

และนี่เป็นบรรทัดฐานให้กระทรวงเกษตรของสหรัฐ หรือ USDA ใช้ในการประกันราคาผลผลิตนับแต่นั้นมา และอีก 6 ปีจะครบ 100 ปีที่สหรัฐดำเนินการในเรื่องนี้ ส่วนรัฐบาลไทยโดย นรม.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่งใช้วิธีนี้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง

 งง งงอะไรที่ทำให้รัฐบาลไทย ซึ่งเคยเดินตามก้นอเมริกาต้อยๆ ไม่ยอมทำโครงการประกันราคา แต่กลับเลือกโครงการรับจำนำแทน  งง งง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #603 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 13:58:42 »

รัฐบาลไทย โดยหน่วยงานที่ทำโครงการรับจำนำ เปิดช่องให้รั่วไหลและไม่เป็นไปตามระเบียบ และทำให้ยากในการติดตาม ดังเช่น

1. เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถนำข้าวเปลือกเข้าโครงการจำนำได้ถึง 500,000 บาท ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกพืชอื่นนำเข้าโครงการได้ 350,000 บาท ซึ่งวงเงินขนาดนี้ ถือว่ามีรายได้ที่ต้องยื่นแบบชำระภาษี ภงด.9 แล้ว และข้าวเปลือก ให้สามารถนำเข้าจำนำได้ถึง 3 ฤดูต่อปี แต่หน่วยงานของรัฐปกป้องและอ้างว่าเป็นการช่วยชาวนาและไม่ควรเสียภาษี วัตถุประสงค์คือ ไม่ต้องการให้ คตง.หรือส่วนราชการใดๆ เข้าไปตรวจสอบ

2.เจ้าของโรงสี เจ้าของโกดังรับฝาก สามารถจดทะเบียนเป็น"คณะบุคคลโดย.." ซึ่งไม่ใช่ "นิติบุคคล เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฯ"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ขึ้นมารับงานโครงการรับจำนำของรัฐบาล ซึ่ง "คณะบุคคลโดย.." สามารถล้มเลิกไปเมื่อหมดภาระกิจ ติดตามต่อหลังจากนั้นไม่ได้ ผิดกับ "นิติบุคคล" ซึ่งต้องประกาศ และจดทะเบียนเลิก..ถามว่าช่วยกันกลบเกลื่อน เพื่ออะไร.. ?? 

3.ในการขายข้าวสารแบบ G to G เช่น ขายข้าวสารให้รัสเซีย, เกาหลีเหนือ ขายไปแล้วรัฐบาลของประเทศนั้นไม่จ่ายค่าซื้อ และที่แสบสุดๆ คือการขายข้าวสารให้เกาหลีเหนือ มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท เรือไปถึงเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือเอาข้าวไปขายต่อ รับเงินไปใช้ฟรีๆ เป็นไปได้อย่างไร ส่วนราชการที่กำกับดูแลการค้า-การขาย หรือกระทรวงการต่างประเทศของไทย ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร จนบัดนี้ยังไม่ได้เงินเลย หรือตรงกับคำที่ว่า คนไทยเก่งแต่เป็นข้าราชการ เลียไปวันๆ แต่คิดจะเป็นพ่อค้า กลับทำไม่เป็น ทั้งๆที่การค้าคือการเจรจาต่อรอง เสนอเงื่อนไข ก็คือการฑูตดีๆนี่เอง เรื่องตามมาคือ การฑูตของประเทศไทยก็ไม่เก่งอีก จึงเป็นลูกไล่ของเขมร ดังเช่นทุกวันนี้ไง ??
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #604 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 21:14:02 »


สวัสดีครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                                  พี่สิงห์อ่านที่คุณเหยง บรรยายมา มันก็เป็นความจริงอย่างนั้น จริงๆ แต่สังคมไทยเรากลับเชิดชู และบูชาผู้ที่ทุจริตในนโยบายแบบนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร? ประเทศไทยไม่ใช้ของผมคนเดียว แต่ผมก็ทำความดีเฉพาะที่ผมทำให้ได้กับสังคม ตามกำลังของผม และเป็นคนดีเพื่อบ้านเมือง ก็หวังว่าท่านๆอื่นๆคงจะทำแบบผมบ้าง ถ้ามากขึ้นเรื่อยๆ อะไรมันก็คงดี แต่คงอยากครับ
                                  ผมเลยนำภาพนี้มาให้ทุกท่าน ได้ใช้ปัญญา พิจารณาเอาเองว่า ให้อะไรกับท่านบ้าง  
                                  คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #605 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 21:20:25 »

พี่สิงห์,
ที่สิงห์บุรีน้ำท่วมรึปล่าวคะ?
เมื่อสุดสัปดาห์เป็นข่าวในวิทยุ
ว่ากรุงเทพและหลายจังหวัดน้ำท่วม
สิงห์บุรีด้วยแน่ๆ...


nn.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #606 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 21:23:27 »

พี่สิงห์,
ไหนคะ รายละเอียด โปรแกรมออสเตรีย?
ขอแต่เส้นทางก็ได้คะพี่
หนิงจะได้ไปก่อนล่วงหน้า
ทั้งภาพทั้งกลิ่น!


nn.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #607 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 21:31:17 »

สวัสดีค่ะคุณน้องหนุงหนิง
                         บ้านที่อินทร์บุรี ชั้นสองเหลือบันไดสามขั้นแสดงว่าน้ำท้วมสูงกว่าหัวพี่สิงห์ ที่บ้านน้องสาวที่สิงห์บุรีระดับเอว ครับน้ำยังไม่ลด แม่ต้องอยู่ชั้นสอง ลำบากครับ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงครับ
                         โปรแกรมยังไม่ได้ออกครับได้เมื่อไรจะนำมาลงให้ครับ
                         ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #608 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 21:36:52 »

ข่าวในเยอรมันมีภาพด้วยคะ
ขอหนิงค้นแป๊บ
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #609 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2553, 22:30:20 »

พี่สิงห์ขา,
ข่าวเมื่อหลายวันก่อนพูดถึงภาคกลาง
แต่ล่าสุด เมื่อวาน หนิงมีของกรุงเทพคะ

สูงกว่าระดับปกติ 2 เมตร,เสียชีวิตทั้งสิ้น~50
200กว่าคนในกทม.ป่วยจากน้ำท่วมค่ะ


<a href="http://img688.imageshack.us/flvplayer.swf?f=Ptv2010102613463201w" target="_blank">http://img688.imageshack.us/flvplayer.swf?f=Ptv2010102613463201w</a>

Quelle: http://www.tagesschau.de/multimedia/video/ondemand100_id-video795876.html
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #610 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 11:35:00 »

สวัสดีครับคุณน้องหนุงหนิง คุณเหยงและชาวเวบที่รักทุกท่าน
                          เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา หลานสาวโทรศัพท์มาจากอินทร์บุรีว่า ปีนี้ระดับน้ำท้วมสูงที่สุดที่เคยประสพมา ไม่น่าเชื่อเลยครับ ระดับน้ำที่เคยสูงสุดคือ สูงแตะพื้นครัวบ้านพี่สาว แต่ปีนี้ระดับน้ำสูงเลยพื้นครัว ท้วมระดับพื้นชั้นสองแล้ว นั่งแสดงว่าพี่สิงห์ยืนชูมือ ระดับน้ำก็มิดมือครับ ถนนสายสิงห์บุรี-วัดสิงห์ ท้วมครั้งแรงสุด ระดับน้ำสูงกว่าถนน 0.50 m. กรมทางถมเพิ่มมาอีก 0.50 m. ทำใหม่เมื่อสามปีที่แล้ว ปรากฎว่าปีนี้ระดับน้ำท้วมถนนที่เสริมแล้ว รถเล็กผ่านไม่ได้ ผ่านได้เฉพาะรถโดยสาร รถบรรทุก
                          ขณะนี้โรงพยาบาลอินทร์บุรีที่มีคันกั้นน้ำเป็นถนนดินสูง 2.50m. กำลังต่อสู้อย่างหนักอยู่ถ้าต่อสู้ไม่ไหวผลคือ โรงพยาบาลจะท้วมหมด เพราะตึกส่วนใหญ่จะมีสองชั้น ดังนั้นชั้นล่างมิดน้ำถึงพื้นชั้นสองแน่ๆ ถ้าคันกั้นน้ำเอาไม่อยู่ ทุกคนกำลังจะเอาไม่ไหวแล้ว
                          โรงพยาบาลสิงห์บุรีก็เหมือนกัน ตอนนี้คันกั้นน้ำของเทศบาลสิงห์บุรี ก็กำลังจะเอาไม่อยู่เหมือนกัน ตอนนี้โรงพยาบาลสิงห์บุรี ไม่รับผ่าตัดคนไข้หนักทั้งสิ้นเพราะกลัวน้ำทะลักเข้าโรงพยาบาลจะผ่าตัดไม่สำเร็จ กำลังเตรียมที่จะย้ายคนไข้ทั้งอินทร์บุรีและสิงห์บุรี เท่าที่ได้รับข้อมูลจากหลานสาว เพราะหลานสาวบอกมาว่า ไม่ต้องไปบ้านเพราะรถไปไม่ได้แล้ว ทางพี่สาวเตรียมตัวดีจึงพ้นภัยแต่บ้านชั้นเดียวโดยรอบมิดหลังคาไปแล้วข้าวของขนไม่ทันเดือดร้อนถ้วนหน้าเลย หนักจริงๆ ทำไม่กรมชลประทานชุ่ยอย่างนี้ และพวกเตือนภัยทั้งหลายทำไมคาดการณ์ไม่ตรงกับความจริง วานคุณเหยง จัดการแถลงไขให้ทราบด้วย
                           หลานสาวไปดูน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ผลคือ ทางเขื่อนก็ระบายน้ำออกไม่หยุดเพราะกลัวเขื่อนพัง ระดับน้ำจึงไม่ลด ดีไม่ดี คันกั้นน้ำกรุงเทพฯจะเอาไม่อยู่เหมือนกันถ้าระดับน้ำสูงอย่างนี้ ครับ กรรมแน่ๆ
                            ก็รายงานให้ทุกท่านได้ทราบ นี่ละธรรมชาติย้อนกลับสู่ผู้ทำลายธรรมชาติ ย่อมเป็นไปเช่นนี้ตามหลักธรรมชาติ
                           วันนี้ผมเดินทางไปนครศรีธรรมราช Boarding14:15 น. ครับ
                            สงสารแม่ ครับ
                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #611 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 11:37:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 ตุลาคม 2553, 21:14:02

สวัสดีครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                                  พี่สิงห์อ่านที่คุณเหยง บรรยายมา มันก็เป็นความจริงอย่างนั้น จริงๆ แต่สังคมไทยเรากลับเชิดชู และบูชาผู้ที่ทุจริตในนโยบายแบบนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร? ประเทศไทยไม่ใช้ของผมคนเดียว แต่ผมก็ทำความดีเฉพาะที่ผมทำให้ได้กับสังคม ตามกำลังของผม และเป็นคนดีเพื่อบ้านเมือง ก็หวังว่าท่านๆอื่นๆคงจะทำแบบผมบ้าง ถ้ามากขึ้นเรื่อยๆ อะไรมันก็คงดี แต่คงอยากครับ
                                  ผมเลยนำภาพนี้มาให้ทุกท่าน ได้ใช้ปัญญา พิจารณาเอาเองว่า ให้อะไรกับท่านบ้าง   
                                  คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ


ปัญหามีอยู่ว่า คนไทยเราเก่งเรื่องโกง แต่เป็นการโกงกันเอง แบบคนฉลาดโกงคนโง่ คนรวยโกงคนจน ขรก.ใหญ่โกงตัวเล็ก
ขรก.โกงประชาชนคนไทยด้วยกัน มีให้เห็นทุกรูปแบบ ทั้งแบบตั้งใจโกง และแบบหน้าด้าน
ที่เจ็บสุดๆ คือ คนไทยไม่โกงชาวต่างประเทศ แต่ยังร่วมกับต่างชาติโกงคนไทย แทบไม่มีข่าวเลยว่าคนไทยรวมหัวไปโกงชาวต่างชาติ
เมื่อไม่โกงชาวต่างชาติ ก็ไม่คิดจะไปช่วยทำมาหากินกับชาวต่างชาติเอาเงินกลับประเทศ

ดูอเมริกาสิ มีประธานอยู่ใน IMF บอกว่าเมืองไทยต้องขายทรัพย์ที่ยึดใน"วิกฤติต้มยำกุ้ง" ออกไป ก็บริษัทอเมริกันเข้ามาซื้อ
ที่ปรากฏชื่อ เช่น J P Morgan, Morgan Stanley ฯลฯ ซึ่งต่อมาคือผู้สร้างวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ มาซื้อหนี้สินราคาถูกไปขาย
โดยชาติอื่นๆ ไม่สามารถเข้ามาชิงซื้อ เพราะ IMF ไม่ยอม, หรือดูอย่าง Iraq ถูกอเมริกาเข้ายึดครองด้วยกองทหารสันติภาพ
(ก็ทหารอเมริกันล้วนๆ) บริษัทของอเมริกันเป็นผู้ส่งสินค้าเข้าอิรัคทั้งหมด และรับเงินค่าขายซึ่งสหรัฐยึดเงินเอาไว้ในครอบครอง
ชาติอื่นจะขายต้องขออนุญาต และหากพบว่ามีบริษัทอเมริกันขายอยู่ก่อนแล้ว ชาติอื่นก็หมดสิทธิขาย
สิ่งนี้เราต้องยอมรับว่า อเมริกันมันฉลาด ปกป้องผลประโยชน์อย่างจริงจัง เพื่อชาวอเมริกันจริงๆ
คนไทยทั้งหลายสมควรเอาแบบอย่าง พร้อมสอนลูก-สอนหลาน ให้ทำตามแบบอเมริกันด้วย


มีเรื่องหนักใจอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 53 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 08.10 น. ผมได้รับโทรศัพท์จากหมายเลข +88626107315
แจ้งว่า เป็นศูนย์บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย แจ้งว่าผมเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ 3,600 บาท ให้ไปชำระที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงเทพจำกัด
จึงฟังไปเรื่อยๆ แล้วบอกว่า คุณเป็นคนไทยรวมหัวกับต่างชาติโกงคนไทย, คุณบอกว่าผมเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยจำกัด
แต่ให้ผมไปจ่ายเงินที่ตู้ ATM ของธนาคารกรุงเทพจำกัด แทนที่จะแนะให้ไปชำระที่เคาเตอร์ของธนาคารกสิกรไทยจำกัด
คุณนึกว่าผมไม่รู้หรือว่าคุณเป็น"แก้งค์คอลเซ็นเตอร์"....... มันรีบวางสาย โดยไม่ต่อล้อต่อเถียงเลย...ทำไงกับพวกนี้ดี ?? !! ??
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #612 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 14:21:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 11:37:53
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 ตุลาคม 2553, 21:14:02

สวัสดีครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                                  พี่สิงห์อ่านที่คุณเหยง บรรยายมา มันก็เป็นความจริงอย่างนั้น จริงๆ แต่สังคมไทยเรากลับเชิดชู และบูชาผู้ที่ทุจริตในนโยบายแบบนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร? ประเทศไทยไม่ใช้ของผมคนเดียว แต่ผมก็ทำความดีเฉพาะที่ผมทำให้ได้กับสังคม ตามกำลังของผม และเป็นคนดีเพื่อบ้านเมือง ก็หวังว่าท่านๆอื่นๆคงจะทำแบบผมบ้าง ถ้ามากขึ้นเรื่อยๆ อะไรมันก็คงดี แต่คงอยากครับ
                                  ผมเลยนำภาพนี้มาให้ทุกท่าน ได้ใช้ปัญญา พิจารณาเอาเองว่า ให้อะไรกับท่านบ้าง   
                                  คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ


ปัญหามีอยู่ว่า คนไทยเราเก่งเรื่องโกง แต่เป็นการโกงกันเอง แบบคนฉลาดโกงคนโง่ คนรวยโกงคนจน ขรก.ใหญ่โกงตัวเล็ก
ขรก.โกงประชาชนคนไทยด้วยกัน มีให้เห็นทุกรูปแบบ ทั้งแบบตั้งใจโกง และแบบหน้าด้าน
ที่เจ็บสุดๆ คือ คนไทยไม่โกงชาวต่างประเทศ แต่ยังร่วมกับต่างชาติโกงคนไทย แทบไม่มีข่าวเลยว่าคนไทยรวมหัวไปโกงชาวต่างชาติ
เมื่อไม่โกงชาวต่างชาติ ก็ไม่คิดจะไปช่วยทำมาหากินกับชาวต่างชาติเอาเงินกลับประเทศ

ดูอเมริกาสิ มีประธานอยู่ใน IMF บอกว่าเมืองไทยต้องขายทรัพย์ที่ยึดใน"วิกฤติต้มยำกุ้ง" ออกไป ก็บริษัทอเมริกันเข้ามาซื้อ
ที่ปรากฏชื่อ เช่น J P Morgan, Morgan Stanley ฯลฯ ซึ่งต่อมาคือผู้สร้างวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ มาซื้อหนี้สินราคาถูกไปขาย
โดยชาติอื่นๆ ไม่สามารถเข้ามาชิงซื้อ เพราะ IMF ไม่ยอม, หรือดูอย่าง Iraq ถูกอเมริกาเข้ายึดครองด้วยกองทหารสันติภาพ
(ก็ทหารอเมริกันล้วนๆ) บริษัทของอเมริกันเป็นผู้ส่งสินค้าเข้าอิรัคทั้งหมด และรับเงินค่าขายซึ่งสหรัฐยึดเงินเอาไว้ในครอบครอง
ชาติอื่นจะขายต้องขออนุญาต และหากพบว่ามีบริษัทอเมริกันขายอยู่ก่อนแล้ว ชาติอื่นก็หมดสิทธิขาย
สิ่งนี้เราต้องยอมรับว่า อเมริกันมันฉลาด ปกป้องผลประโยชน์อย่างจริงจัง เพื่อชาวอเมริกันจริงๆ
คนไทยทั้งหลายสมควรเอาแบบอย่าง พร้อมสอนลูก-สอนหลาน ให้ทำตามแบบอเมริกันด้วย


มีเรื่องหนักใจอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 53 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 08.10 น. ผมได้รับโทรศัพท์จากหมายเลข +88626107315
แจ้งว่า เป็นศูนย์บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย แจ้งว่าผมเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ 3,600 บาท ให้ไปชำระที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงเทพจำกัด
จึงฟังไปเรื่อยๆ แล้วบอกว่า คุณเป็นคนไทยรวมหัวกับต่างชาติโกงคนไทย, คุณบอกว่าผมเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยจำกัด
แต่ให้ผมไปจ่ายเงินที่ตู้ ATM ของธนาคารกรุงเทพจำกัด แทนที่จะแนะให้ไปชำระที่เคาเตอร์ของธนาคารกสิกรไทยจำกัด
คุณนึกว่าผมไม่รู้หรือว่าคุณเป็น"แก้งค์คอลเซ็นเตอร์"....... มันรีบวางสาย โดยไม่ต่อล้อต่อเถียงเลย...ทำไงกับพวกนี้ดี ?? !! ??



 เหนื่อย เหนื่อย จ๊าากกก
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #613 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 14:24:40 »

 
อ้างถึง   
ก็รายงานให้ทุกท่านได้ทราบ นี่ละธรรมชาติย้อนกลับสู่ผู้ทำลายธรรมชาติ ย่อมเป็นไปเช่นนี้ตามหลักธรรมชาติ

 ชอบใจคำนี้จริงๆ    นี่คือกฏของธรรมชาติ  จะเรียกว่ากฏแห่งกรรมก็ได้ เค้าไม่ยอม so sad
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #614 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 17:53:26 »

วันนี้ ไปดูระดับน้ำซะเย็นครับ ณ เวลา 17.00 น. ระดับน้ำในวันนี้ลดลงอีกเล็กน้อยครับ จนท.บอกว่า ถ้าไม่มีฝนตกลงมาอีก ก็ไม่น่ามีปัญหาครับ

สังเกตุจากระดับน้ำใต้หัวเรือครับ เริ่มลดต่ำลง



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #615 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 17:55:41 »

และนี่ครับ อาหารกล่อง ทำแจกแต่เช้า แต่อยู่ถึงเย็น ที่สุดผู้รับแจกทานแต่ไข่ดาว แล้วก็ทิ้งครับ....เสียดาย

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #616 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 18:02:00 »

วันนี้เช่นกัน..หนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ว่าได้ สละเนื้อที่อย่างน้อยก็ 1 ใน 8 ลงข่าว พอ]ล่า เทเลอร์ จะสละโสดในวันที่ 22 ธันวา

ข่าวสำคัญกว่าน้ำท่วม, วิกฤติศาลรัฐธรรมนูญ, การตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฯลฯ เสียอีก



เวรกรรมของประเทศไทยซะจริงๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #617 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 18:09:32 »

มีข่าวที่เกี่ยวกับชาวหอเราครับคือ ข่าวของพี่หมอมนัส กนกศิลป์ ผอ. รพ. สรรพสิทธิประสงค์

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ทำกระสอบกั้นน้ำ

ส่วนที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ โรงพยาบาลประจำจังหวัดอุบลราชธานี นพ. มนัส กนกศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้ขอกำลังพลจากทหารอากาศ กองบินที่ 21 และนักศึกษาอาชีวศึกษาช่วยนำทรายบรรจุถุงปุ๋ยจำนวน 10,000 ใบ ทำเป็นกระสอบทรายใช้กั้นน้ำ นำไปวางไว้รอบโรงพยาบาล เพื่อทำเป็นพนังกั้นน้ำ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากสำนักงานชลประทานจังหวัด 8 เครื่องไปติดตั้งไว้ตามจุดสำคัญ เพื่อไม่ให้น้ำมีโอกาสไหลเข้าท่วมเหมือนโรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา

ข่าวจาก นสพ.ผู้จัดการรายวัน หน้า 13 วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม 2553
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #618 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 20:21:14 »

สวัสดีครับคุณเหยง และชาวเวบที่รักทุกท่าน
                        เมื่อตอนหนึ่งทุ่มได้คุยกับน้องสาวที่อ.เมืองสิงห์บุรี ขณะนี้ในเทศบาลสิงห์บุรีที่มีเขื่อนล้อมรอบ ทางเทศบาลได้ขนลูกรังมาทำคันกั้นนั้สูงจากถนนขึ้นไปอีกหนึ่งเมตรโดยแบ่งถนนออกเป็นเลนเดียวส่วนอีกเลนนั้นมีแต่ดินเหนี๋ยวและลูกรังทำเป็นคันกั้นน้ำล้อมรอบเทศบาลเมือง รวมโรงพยาบาลสิงห์บุรีด้วย ระดับน้ำยังไม่หยุดยังขึ้นเรื่อยๆ สำหรับโรงพยาบาลสิงห์บุรี งดผ่าตัดใหญ่ทั้งหมดเพราะกลัวว่าถ้าผ่าแล้ว น้ำเกิดท้วมเอาไม่อยู่ เครื่องมือช่วยชีวิตจะใช้ไม่ได้ เพราะห้องผ่าตัดทั้งหมดอยู่ชั้นล่างครับ เพราะกลัวน้ำทะลักท้วมโรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับทางเทศบาล ส่วนที่โรงพยาบาลอินทร์บุรีนั้น ปัญหาทางโรงพยาบาลต้องช่วยตัวเอง เพราะกองทหารไม่มี และไม่สามารถไปทางรถได้อันตรายเกินไป กำลังสงสัยว่าจะเอาอยู่หรือไม่อยู่ เพราะโรงพยาบาลอินทร์บุรีเป็นโรงพยาบาลที่สร้างโดยหลวงพ่อท่านเจ้าคุณผึ่ง(อุปชาของผม)และพ่อของผมเป็นคนสร้างนานมาแล้ว ดังนั้นตึกส่วมมากเป็นชั้นเดียวเพราะสร้างโดยเงินบริจาค เป็นตึกเก่า มีเพียงตึกสี่ชั้นเล็กๆตึกเดียวเท่านั้น ถ้าน้ำท้วม คงระบายคนไข้ไปอยู่โรงเรียนอินทร์บุรีแน่นอนเพราะเป็นโรงเรียนสามชั้น แต่ต้องขนโดยทางเรือ รถวิ่งไม่ได้ ขอให้ทุกท่านช่วยกันภาวนา อย่าให้น้ำท้วมโรงพยาบาลอินทร์บุรี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านผมเลยครับ  ไม่รู้กระทรวงสาธารณสุชจะช่วยอย่างไร?
                         สาเหตุน้ำท้วมสูงเป็นประวัติการครั้งนี้นั้น ทราบสาเหตุแล้ว กรมชลประทานไม่กล้าปล่อยน้ำลงทุ่งนาข้าวทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา กักน้ำจำนวนมหาศาลอยู่แต่ในลำน้ำเจ้าพระยาเท่านั้น ในนาข้าวไม่มีน้ำเท่าไร  รับรองอีกไม่ช้าไม่นาน บรรดาบ้านที่น้ำท้วมทนไม่ไหว ต้องมีการทำลายทำนบดินที่กรมชลประทานไปถมบนถนนเป็นคันกั้นน้ำไม่ให้เข้านาเป็นแน่แท้ เมื่อเป็นอย่างนี้ ปริมาณน้ำจำนวนนี้จะพุ่งเข้ากทม.แน่นอน และน้ำจะท้วมนานขึ้นอยู่กับการไหลลงทะเลอย่างเดียวเท่านั้น อนิจจา กรรมของประชาชนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและอยู่นอกเขื่อน จริงๆ
                          ทำไมไม่ใช้หลักการเฉลี่ยความเดือดร้อนให้เป็นธรรมชาติกระจายน้ำออกไปตามทุ่งนาบ้าง เพื่อไม่ให้ระดับน้ำสูงจนมิดหลังคาบ้านอย่างนี้ ข้าวของ รถยนต์ จมน้ำเสียหายหมดเกือบทุกบ้านเพราะไม่คาดว่ามันจะมาเร็วและสูงอย่างนี้ สามวันเท่านั้นสูงมากกว่า 3.00 เมตร ครับ
                          น้องสาวบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง แม่สบายดี และไม่ต้องไปหาเพราะ ไม่มีเรือมารับ ที่บ้านสามบ้านมีเรือลำเดียวเท่านั้นในการใช้งาน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี
                            สวัสดีครับ รายงานให้ทราบเท่านี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #619 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 20:35:12 »

สวัสดีครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         ผมอยู่นครศรีธรรมราช อากาศดีครับมีฝนตกนิดหน่อยเปาะแปะครับเย็นนี้ สำหรับท่านที่เป็นห่วงสุขภาพผมนั้น ขอรายงานให้ทราบว่าอาการหวัดลงคอเกือบหายแล้วครับ แต่ยังรับประทานยาอยู่อีกสองวันครับต้องรับประทานให้หมดเพราะเดี๋ยวเชื้อดื่อยา
                         เมื่อตอนเย็นผมไปออกกำลังกาย รำมวยจีน ทำโยคะท่านมัสการพระอาทิตย์สองรอบ และต่อด้วยโยคะ ๔๔ ท่า เสร็จแล้วนั่งเจริญสติต่ออีกพักใหญ่ จึงลงไปรับประทานอาหารเย็น เป็นสลัดทูน่า เสร็จแล้วมาเดินจงกรมต่ออีกครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหารย่อย และเป็นการพักจิตให้สงบ
                          ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง ต่อไปผมต้องใช้เสียงให้อยู่ใน Limit ที่จะไม่ทำให้คอบวม อักเสบ และจะวางแผนการออกกำลังกายใหม่ให้มากขึ้น นอนสามทุ่ม ตื่นตีห้าเพื่อนั่งเจริญสติ ซึ่งสงบดี ก็หวังว่าได้บทเรียนทางกาย ทางใจพอสมควรในช่วงที่ไม่สบาย ต้องนำผลที่ได้ไปแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
                          วันนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #620 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 21:19:22 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์

ดีใจครับ ที่อาการป่วยดีขึ้นจนใกล้หาย อย่างที่โพสต์ครับว่า แม้หายแล้วก็ต้องทานยาให้หมด
เพราะเดี๋ยวนี้เชื่อมันรู้จักยาดีขึ้น หากทานยาไม่ครบ เท่ากับไปกระตุ้นให้มันสร้างภูมิต้านทานยาปฏิชีวะนะที่ใช้อยู่
ต้องหายาใหม่ๆมาปราบมัน เป็นการสิ้นเปลืองทั้งเวลาและเงินทองในการศึกษาและวิจัยยาใหม่ๆ โดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม พี่สิงห์อาจจะพบว่า อาการยังไม่หาย 100% แต่ยาหมดแล้ว ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ไปพบแพทย์และขอยาเพิ่มอีกครึ่งโดส
เพื่อให้หายขาด(ในกรณีเป็นจริง)
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #621 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 21:25:35 »

เรื่องน้ำท่วมตั้งแต่อยุธยา ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดระดับลงนั้น
อดีตนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ออกรายการกับคุณสรยุทธ เมื่อ 2 วันก่อน พูดว่า มาจากการที่กรมชลประทานหน่วงการปล่อยน้ำ
แถมยังมีการผันน้ำออกไปสุพรรณบุรีจนเป็นเหตุให้จังหวัดสุพรรณบุรีท่วมไป(มากกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่)แล้ว และมีผลถึงจังหวัดนครปฐมด้วย
ทั้งๆที่กรมชลประทานอยู่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่ง รมต.ธีระ วงศ์สมุทร(อดีตอธิบดีกรมชลประทาน) สังกัดพรรคชาติไทย
ยังทำให้เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งในเบื้องต้นไม่น่าจะต้องมารับเคราะห์ในครั้งนี้ ต้องมาร่วมจมน้ำกับเขาด้วย
สงสารท่านอดีตนายกรัฐมนตรีจริงๆ ครับ ที่ลูกน้องผันน้ำเข้าท่วมจังหวัดตัวเอง 5 5 5 5 ซวย..ย..ย ช่วยไม่ได้จริงๆ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #622 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 21:36:23 »

 

กรมชลประทาน save นาข้าวไว้ ก็เป็นเรื่องสมควรครับ
ชาวบ้านต้องยอมเสียสละเพื่อให้ได้ข้าวไว้กิน มิฉะนั้นย่อยยับหมด แถมไม่มีข้าวกินอีกต่างหาก
แต่อย่างไรก็ตาม ที่สุดกลัวว่าจะ save ไว้ไม่อยู่ เนื่องจากคั้นดินรับแรงน้ำไม่ไหวมากกว่าถูกชาวบ้านรื้อ
ในยามวิกฤติ สติต้องมาก่อน เดี๋ยวจะเข้าตำรา "หมดสติ ก็หมดสตางค์"ครับ ความเดือดร้อนจะมากกว่านี้เป็นเท่าทวี
คนไทยมีข้อเสียเรื่องความอดทน และประการสำคัญคือ รับไม่ได้กับ "การเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อส่วนรวม"
น้ำท่วมบ้านเราแล้ว ไม่จำเป็นต้องท่วมบ้านคนอิ่นด้วย และยิ่งเป็นนาข้าว ยิ่งต้องรักษาไว้ครับ

ภาพที่โพสต์ข้างบนนี้ บาดจิตบาดใจครับ ใครสมควรต้องรับผิดชอบ ชาวนาปลูกเพื่อพวกเรา แต่ล่มจมเขารับใช้หนี้เพียงคนเดียว ??
แม่โพสฬจมน้ำ ทั้งๆที่จะเก็บเกี่ยวขึ้นมา เพื่อเลี้ยงคนไทย ยิ่งในยามทุกข์ ท้องก็ไม่อิ่ม แล้วจะมีปัญญาแก้ไขวิกฤติให้ผ่้านพ้นไปได้อย่างไร ??
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #623 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 21:55:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 28 ตุลาคม 2553, 20:35:12
สวัสดีครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         ผมอยู่นครศรีธรรมราช อากาศดีครับมีฝนตกนิดหน่อยเปาะแปะครับเย็นนี้ สำหรับท่านที่เป็นห่วงสุขภาพผมนั้น ขอรายงานให้ทราบว่าอาการหวัดลงคอเกือบหายแล้วครับ แต่ยังรับประทานยาอยู่อีกสองวันครับต้องรับประทานให้หมดเพราะเดี๋ยวเชื้อดื่อยา
                         เมื่อตอนเย็นผมไปออกกำลังกาย รำมวยจีน ทำโยคะท่านมัสการพระอาทิตย์สองรอบ และต่อด้วยโยคะ ๔๔ ท่า เสร็จแล้วนั่งเจริญสติต่ออีกพักใหญ่ จึงลงไปรับประทานอาหารเย็น เป็นสลัดทูน่า เสร็จแล้วมาเดินจงกรมต่ออีกครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหารย่อย และเป็นการพักจิตให้สงบ
                          ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง ต่อไปผมต้องใช้เสียงให้อยู่ใน Limit ที่จะไม่ทำให้คอบวม อักเสบ และจะวางแผนการออกกำลังกายใหม่ให้มากขึ้น นอนสามทุ่ม ตื่นตีห้าเพื่อนั่งเจริญสติ ซึ่งสงบดี ก็หวังว่าได้บทเรียนทางกาย ทางใจพอสมควรในช่วงที่ไม่สบาย ต้องนำผลที่ได้ไปแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
                          วันนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ สวัสดี

รักษาสุขภาพครับพี่สิงห์ ...  

ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม จะเล่นโยคะและเดินจงกรม แทนวิชาพละ

----------------



ที่มา:ไทยรัฐออนไลน์

"วัดฝั่งหมิ่นวิทยา" สงฆ์กลุ่มแรกที่สัมผัสไวแมกซ์

สาเหตุที่ทำให้พระภิกษุและสามเณรในวัดฝั่งหมิ่นวิทยาเป็นคณะสงฆ์ไทยกลุ่มแรก ที่ได้ใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง"ไวแมกซ์"อย่างจริงจัง คือการที่โรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญในจังหวัดเชียงราย ถูกเลือกให้เป็นสถานที่ติดตั้งไวแมกซ์ในโครงการต้นแบบศูนย์ศึกษาทางไกลเพื่อ การศึกษาและพัฒนาชนบทฯ ผลคือพระอาจารย์และสามเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯแห่งนี้จะได้ใช้ประโยชน์ จากไวแมกซ์ก่อนใครในประเทศไทย
      
       คำบอกเล่าของพระมหาวิสณุรักษ์ พระอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยาต่อไปนี้ จะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่า การศึกษาในโรงเรียนปริยัติธรรมคงจะครอบคลุมเฉพาะเรื่องธรรมะอย่างเดียว โดยพระอาจารย์ยืนยันความตั้งใจว่า สามเณรที่จบจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญนี้ "ต้องเขียนเว็บเป็น"
      
       "โรงเรียนนี้มีสามเณรมาศึกษากว่า 200 รูป พระอาจารย์ 8 รูป และครูฆราวาส 7 คน พระภิกษุก็ต้องเรียน ต้องพัฒนาความรู้และอารมณ์ เราได้ครูจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมาสอนภาษาจีนด้วย มีทุนเรียนดี มีการทัศนศึกษา มีการทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนฆราวาสในชุมชน จบมาได้วุฒิไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยได้ กระทรวงศึกษาให้การรับรองเหมือนโรงเรียนทั่วไป
      
       หลายคนมองว่าโรงเรียนในวัดน่าจะมีแค่นักธรรมบาลี แต่โรงเรียนนี้เป็นแผนกสามัญศึกษา อยู่ในความคุ้มครองของกระทรวงศึกษาธิการ มีการประเมินคุณภาพ แต่สิ่งที่แตกต่างคือเราไม่มีวิชาพละ ไม่มีลูกเสือเนตรนารีแต่เน้นเรื่องภาษาบาลีแทน จากเตะฟุตบอลก็เปลี่ยนมาเป็นบิณฑบาต จากพละก็เป็นโยคะและเดินจงกรม
      
       จุดมุ่งหมายของการใช้ไวแมกซ์ที่โรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยา เกิดเพราะความต้องการพัฒนาครูและชุมชน ครูทั้งที่เป็นพระภิกษุและฆราวาสกว่า 15 คนของโรงเรียน ขณะนี้ทำสื่อการสอนอย่าง eBook เป็นแล้ว ทางม.แม่ฟ้าหลวงเข้ามาอบรมเรื่องการทำเว็บไซต์ให้ด้วย ร่วมกับการทำ 3D Animation และการจัดรายการวิทยุ ซึ่งตอนนี้ สามเณรของโรงเรียนก็เริ่มจัดรายการวิทยุเพื่อกระจายข่าวสารความรู้แก่ชาว บ้านแล้ว
      
       หลังได้รับไวแมกซ์มาใช้ ยอมรับว่าชุมชนยังขาดความรู้เรื่องโปรแกรมเบื้องต้น แต่ส่วนใหญ่ตื่นเต้น ซึ่งเป็นเรื่องดีที่กลุ่มชาวบ้านอายุ 40-50 ปีมีความตื่นตัว
      
       ไวแมกซ์ทำให้เด็กๆได้ค้นหาข้อมูล ก่อนนี้เน็ตช้าและจำกัดให้ใช้แค่ครู นร.จะใช้งานก็ต้องไปซื้อชั่วโมง 20 บาท มีอินเทอร์เน็ตหูตาก็เปิดกว้าง แค่พิมพ์ก็ค้นหาข้อมูลเจอแล้ว แต่ถ้าเป็น"เว็บต้องห้าม" เราก็ป้องกัน ซึ่งโดยรวมแล้ว เด็กได้เรียนรู้มากขึ้น
      
       อาตมามีความคิดว่า เด็กที่จบจากโรงเรียนนี้ไปจะต้องเขียนเว็บเป็น เด็กหรือสามเณรไม่ได้เป็นพระภิกษุตลอดไป ถ้าจะไม่เป็นพระภิกษุก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ถ้าจะเป็นพระภิกษุก็ต้องเป็นพระภิกษุที่ดี
      
       โรงเรียนจะดูแลไม่ให้สามเณรเข้าเว็บไซต์อนาจาร จะมีพระอาจารย์เดินตรวจตราใกล้ชิด พบเมื่อไรจะทำโทษ ยอมรับว่าเด็กมีความอยากรู้อยากเห็นสารพัด แต่เชื่อว่าถ้าใช้เทคโนโลยีให้ถูกทางก็จะเป็นประโยชน์
      
       ร้านอินเทอร์เน็ตบางร้าน มีการเปิดประตูหลังให้สามเณรแอบเข้าไปเล่นเกมทางหลังร้านด้วย อาตมาเคยเอาตำรวจไปขู่มาแล้ว
      
       ณ ตอนนี้ ชุมชนที่ใช้ประโยชน์ได้จากเครือข่ายไวแมกซ์คือชุมชนฝั่งหมิ่น สามารถเดินมาขอใช้อินเทอร์เน็ตได้ในวันอาทิตย์ ชุมชนในพื้นที่ไกลๆอาจมีคอมพิวเตอร์อยู่แล้วที่บ้าน
      
       เริ่มต้นใช้งานช่วงแรกมีปัญหาบ้าง แต่บริษัทก็เข้ามาแก้ไข แจ้งไปก็มาแก้ หลายวันมานี้เน็ตไม่หลุดเลย ถือว่าแก้ไขไปก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และต้องถือว่าพวกเราเรียนรู้ได้ไว มีการศึกษาเรียนรู้เองเพิ่มเติมและแลกเปลี่ยนกันระหว่างศูนย์ศึกษาใน โรงเรียนอื่น
      
       ห้องคอมพิวเตอร์ที่ได้จากโครงการนี้เป็นห้องที่สองของโรงเรียน ก่อนหน้านี้ กทช. และทีทีแอนด์ทีได้มาทอดกฐิณสร้างไว้ให้ 21 เครื่องเมื่อปีที่แล้ว แต่ตอนนี้บางเครื่องมีปัญหา
      
       อาตมามองว่าการใช้เทคโนโลยีในการเผยแผ่พระศาสนาเป็นสิ่งจำเป็น สมัยก่อน การเผยแผ่ศาสนาเป็นไปอย่างลำบาก กว่าจะได้ฟังธรรมต้องเดินทางไกล แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นพระมหาสมปองหรือท่าน ว. วชิรเมธี ก็ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางหมดแล้ว อย่างอาตมาคิดอะไรไม่ออก ก็ไปคลิกๆแล้วนำมาเทศน์ต่อได้
      
       คุณโยมลองไปเสิร์ชดู จะเห็นว่าไม่ว่าธรรมะบทไหนก็มี เพราะฉะนั้นการเผยแผ่ธรรมะผ่านอินเทอร์เน็ตล้วนมีข้อดี สาธุชนอยากฟังอะไรก็ได้ฟัง ไม่ต้องเสียค่ารถหรือซื้อหนังสือ เป็นประโยชน์มหาศาล คนไทยอยู่ประเทศไหนก็สามารถฟังธรรมได้ ทำบุญได้ ไม่ใช่ว่าจะทำบุญแล้วต้องมาที่เมืองไทยอย่างเดียว
      
       เทศบาลเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณโรงเรียน เริ่มก่อสร้างด้วยเงิน 1 ล้านบาท แต่ยังมีปัญหาในการของบประมาณและแรงสนับสนุนจาก อบต. เพราะโรงเรียนตั้งอยู่ก้ำกึ่งในเขตเทศบาลและตำบลริมกก เมื่อของบประมาณไปทาง อบต.ริมกกกลับผิดระเบียบและทำไม่ได้
      
       งบประมาณส่วนใหญ่ใช้ไปกับเงินเดือนครูและค่าอาหาร เฉพาะบิณฑบาตรอย่างเดียวไม่พอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 250,000 บาท ต้องใช้รถรับส่งสามเณรจากต่างวัดเข้ามาเรียนในโรงเรียน นร.สามารถเรียนได้ฟรี เข้า ม.1 เสียเฉพาะค่าประกันหนังสือ 200 บาท และค่าทำบัตรนักเรียนอีก 50 บาท ถ้ายืมหนังสือแล้วส่งคืนครบก็ได้จะได้คืนตอน ม.3 เท่ากับเรียน 3 ปีจ่าย 250 บาท สมุดแจกฟรี บวชฟรี และเรียนฟรี
      
       ตอนนี้โรงเรียนวัดฝั่งหมิ่นวิทยากำลังพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ ที่ผ่านมามีการสอนตัดต่อวิดีโอ และมีการส่งหนังสั้นด้านศาสนาเข้าประกวดกับทางกันตนาด้วย ทั้งหมดนี้อาตมาเชื่อว่าเป็นเรื่องดีหากสามารถดึงเด็กมาเข้าวัด มาบวชเพื่อศึกษาได้ อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกที่ทำให้เด็กเข้ามาใกล้ชิดวัดมากขึ้นกว่าเดิม"
      
            
       การประเมินโครงการจะครอบคลุมถึงความสามารถครู นักเรียน และชุมชน โดยจะวัดผลจากคะแนนสอบของครูและนักเรียนว่ามีความสามารถเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไร หลังการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการเรียนการสอน รวมถึงจะมีการวัดดัชนีการรับรู้ข่าวสารของชุมชนว่ามีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง หรือไม่อย่างไร โดยหลังพ้นช่วงโครงการมีแผนจะผลักดันให้กระทรวงศึกษาและองค์การบริหารส่วน ท้องถิ่นนำไปเป็นต้นแบบในพื้นที่ชนบทของไทยต่อไป
      
       ประวัติ
      
       พระมหาวิสณุรักษ์  วิโรทรํสี
       ตำแหน่ง    ครูใหญ่
       การศึกษา  ปริญญาตรี
       ภูมิลำเนา   จังหวัดสุรินทร์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #624 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2553, 21:58:32 »

ปีนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา เราประสบภัยแล้งยาวนานต่อเนื่อง ไม่มีฝนในเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ฝนเริ่มโปรยปรายให้เรา ก่อนเราจะไปทัวร์อุบลราชธานี ลาวใต้ เพียงไม่กี่วัน และคณะทัวร์ของเรา ฝ่าฝนทั้งขาไปและกลับ
หรือพอสรุปได้ว่า ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลโดยขาดหายไป 1 เดือนครึ่งจากวันแรกของฤดูฝนในปีนี้
แต่เมื่อเริ่มมีฝน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง เหมือนกับว่าต้องทำหน้าที่ให้ครบถ้วนไม่มีที่ไหนฝนไม่ตกเลยนับแต่นั้นมา
ชาวนาจึงเริ่มไถ ปักดำ หรือหว่านเมล็ดข้าว เพื่อเริ่มฤดูเพาะปลูก หวังให้ได้รวงข้าวและเก็บเกี่ยว
ซึ่งหากปลูกกลางเดือนกรกฎาคม ก็ต้องเก็บเกี่ยวกลางเดือนตุลาคม ซึ่งครบระยะเวลาปลูก 4 เดือนตามอายุข้าว
11 ตุลาคม ฝนเริ่มตกหนัก อย่างต่อเนื่อง ทั้งวัน-ทั้งคืนติดต่อกันยาวนานเกิน 8 วันขึ้นไปในบางพื้นที่
ส่งผลให้นาล่ม ฝนตกบนเขาพาน้ำไหลลงมารวมกับน้ำในพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังหลายๆพื้นที่ อย่างไม่เคยเกิดมาก่อน
อย่างเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ ในเดือนกรกฏาคม บอกเหลือน้ำเพียงร้อยละ 17 ไม่สามารถปล่อยน้ำออกท้ายเขื่อนได้อีกแล้ว
แต่ฝนตกในพื้นที่เพียง 4 วัน 4 คืน มีน้ำในเขื่อนถึงร้อยละ 121-122 ของความจุ นี่คือความจริง น้ำส่วนเกินจาก 100 ไปไหน
เราก็เห็นแล้วนี่ครับว่า มันอยู่ในจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียงนั่นแหละ ถนนที่สร้างโดยไม่มีทางน้ำรอด, อาคารขวางลำน้ำ,
บ่อ คลอง ลำรางสาธารณะเพื่อรับน้ำหายไปไหน แต่เดิมหากเราขับรถจาก กทม.ไปเชียงใหม่ ตลอด 2 ข้างทางจะมีคลองขนานไปกับถนน
ยายเหยียดไป เดี่ยวนี้มันหายไปเป็นพื้นที่ถมเสร็จหน้าอาคารที่ก่อสร้างยาวตลอดแนวถนนได้อย่างไร
ไม่มีการลอกคู คลอง แม่น้ำ ไม่มีการตัด ริด กิ่ง ก้านของต้นไม้ใหญ่ที่อาจอุ้มน้ำไว้จนหักโค่น เหนี่ยวสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ขาด
ปัจจัยหลักที่ไม่คิดจะทำ ไม่ระมัดระวัง ไม่คิดล่วงหน้า ก็เพราะเชื่อว่า ปีนี้จะแล้ง ฝนจะน้อย นั่นไง (นี่คือความประมาทครับ-สมบัติติดตัวคนไทย)
ชาวบ้านในเมืองโคราชถูกสื่อมวลชนถามว่า ทำไม่ไม่คิดจะเก็บข้าว-เก็บของหนีน้ำ เขาตอบว่า ไม่เคยเกิดน้ำท่วมขนาดนี้ในชีวิต ?? !!


มีข้อสังเกตุจนถึงบัดนี้คือ ปีนี้ไม่มีข่าวว่าฝนตกหนักและมีน้ำท่วมเมืองเชียงราย เมืองเชียงใหม่ ดังเช่นทุกปี
แต่ต่ำกว่านั้นคือเมืองลำพูน เมืองลำปาง กลับมีข่าวฝนตกหนักในช่วงเดือนกันยายน ที่ผ่านมา...แปลกดีไหม??
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 23 24 [25] 26 27 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><