30 มิถุนายน 2567, 22:45:22
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3335942 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #550 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 11:35:35 »

หายไวๆ ครับ พี่สิงห์ เอาใจช่วย
ดีใจที่เห็น ท่านเหมียว เข้ามาโพสต์
(พี่สิงห์ พี่ป๋อง ทั้ง2ท่านเห็น ไตรลักษณ์ ได้แจ่มแจ้ง จึงไม่ยึดติดอย่างที่เห็นๆ กันอยู่) ปิ๊งๆ

      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #551 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 15:02:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 24 ตุลาคม 2553, 11:35:35
หายไวๆ ครับ พี่สิงห์ เอาใจช่วย
ดีใจที่เห็น ท่านเหมียว เข้ามาโพสต์
(พี่สิงห์ พี่ป๋อง ทั้ง2ท่านเห็น ไตรลักษณ์ ได้แจ่มแจ้ง จึงไม่ยึดติดอย่างที่เห็นๆ กันอยู่) ปิ๊งๆ


ที่แลเห็นเหมือนปลงตก เพราะรู้แน่แก่ใจแล้วว่า ชาตินี้เอาดีไม่ได้มากกว่าครับ
(พี่ป๋องว่าคนเดียว ไม่เกี่ยวพี่สิงห์)
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #552 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 18:18:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 24 ตุลาคม 2553, 11:35:35
หายไวๆ ครับ พี่สิงห์ เอาใจช่วย
ดีใจที่เห็น ท่านเหมียว เข้ามาโพสต์
(พี่สิงห์ พี่ป๋อง ทั้ง2ท่านเห็น ไตรลักษณ์ ได้แจ่มแจ้ง จึงไม่ยึดติดอย่างที่เห็นๆ กันอยู่) ปิ๊งๆ


ที่ยึดอยู่น่ะ คือ ขอมีชีวิตอยู่ต่อ อย่างอื่นไม่ขอ จริงไหม...พี่ป๋อง ??  หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #553 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 21:18:05 »

สวัสดีครับคุณสมชาย
                          ขอบคุณมากที่เป็นห่วง  วันนี้เย็นก็ยังมีไข้อยู่ครับ แต่ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะยังพอมียาเหลืออยู่ ยาอาจจะอ่านมากต้องใช้เวลา ก็พยายามทนมัน เรื่องแค่นี้ถ้าทนไม่ได้ ถ้าแก่กว่านี้เป็นโรคเรื้อรังจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เป็นการทดลองความอดทนครับ
                          พี่สิงห์ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรแน่ ได้ต่างสังเกตสิ่งต่างๆ ปัจจุยต่างๆ ที่มีผลกระทบกับตัวเรา ไปหาหมอ หมอก็จะบอกเป็นหวัดลงคอ ก็มีเท่านั้นต้องกินยาแก้อักเสพ  ก็เลยไม่ไปมัน อาการอย่างอื่นไม่มี เพียงเป็นไข้ ระบบในช่องปากมาก เท่านั้น อาจจะเป็นเพราะพี่สิงห์ได้ฉีดวัคซีนไข้หวัด 2009  Type A&B อาการมันจึงไม่เปิดเผยตัวเอง เป็นแบบซ่อนเร้น จึงไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรแน่ พยายามอ่านทบทวนโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด 2009 มันก็ไม่ตรงเลย จึงแต่ดูความเป็นไปของร่างกายเรา และใจไว้เป็นข้อมูลป้องกันมัน และถ้ามีโอกาสคงไปถามคุณหมอ เพราะมันจะต้องเกิดกับพี่สิงห์อีก จะได้ป้องกันมันแต่ต้นไม่ให้เป็น
                          พี่สิงห์ก็ยอมรับ อายุที่มากขึ้น  หักโหมเกินไป  อยู่ในชุมชนแออัด เดินทางไกล มันมีผลต่อร่างกายทั้งนั้นครับ กะว่าถ้าเป็นปกติจะต้องวางแผนการดูแลตัวเองใหม่หมดให้เป็นระบบ  จะได้ไม่เป็นอย่างนี้อีกครับ นี่เป็นบทเรียนในชีวิต ที่เราจะต้องศึกษา หาสาเหตุให้พบ และป้องกันมัน ครับ
                          ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #554 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 21:22:21 »

ลืมบอกไปน้ำท้วมบ้านหมดแล้วกั้นไม่อยู่ บ้านพี่สาวเหลือบันไดอีกสี่ขั้นถึงพื้น บ้านน้องสาวที่แม่อยู่ท้วมหมดแล้ว ต้องเอาแม่ไปอยู่ชั้นสอง
การคมนาคมต้องใช้เรือครับ เป็นอันว่าสิงห์บุรีบ้านผมจมอยู่ในน้ำทั้งหมด ยกเว้นตลาดในตัวเมืองที่มีเขื่นกั้นครับ
ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #555 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 09:40:50 »

สวัสดีครับ ชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         เช้านี้อาการทางกายของพี่สิงห์ยังไม่ดีขึ้น ยังปวดร้าวในช่องปาก ระบบ ปวดร้าวไปถึงหูด้านขวา คิดว่ากลางวันนี้จะไปหายาฆ่าเชื้อในช่องปากมารับประทานแต่จะคุยกับหมอหลานชายก่อนว่าสมควรหรือไม่ ตามที่คุณหมอโรงพยาบาลเวชธานีเคยให้รับประทาน เพราะอาการเหมือนเดิม ตามที่คุณหมอประเสริฐ  วินิจฉัยไว้และให้ยาไว้แล้ว
                          เดิมทีตั้งใจไว้วันนี้จะไปเยี่ยมแม่ที่สิงห์บุรี  แต่ดูแล้วร่างกายยังไม่พร้อมจะเอาโรคไปติดแม่เสียมากกว่า  จึงตัดสินใจยังไม่ไปครับ และถ้าไปก็จะไปสร้างความเดือดร้อนให้น้องสาวเพราะต้องพายเรือมารับที่ถนนในตัวเมืองสิงห์บุรี เพราะรถต้องจอดบนถนนเท่านั้น สู้โทรศัพท์คุยกันก็พอครับ
                          สวัสดี

                        
ถ้าทุกท่านมีเวลา พี่สิงห์แนะนำให้ไปอ่านที่กระทู้ ฝึกตันเถียนโยคะกับพี่สิงห์ มีสาระความรู้ทางการดูแลกาย-จิต ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #556 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 10:01:07 »

พี่สิงห์ครับ

แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ตา หู คอ จมูก เพิ่มเติมจากอายุรแพทย์ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #557 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 10:04:56 »

ระดับน้ำท่วมสูงขึ้น เนื่องจากการไหลของน้ำที่ท่วมสะสม ลงมาจากพื้นที่ที่ฝนตกหนักเมื่อหลายวันก่อน
และแม้ฝนจะไม่ตกลงมาในช่วงนี้ แต่ก็มีการหนุนของน้ำทะเลจนถึงวันที่ 27 ตุลาคม
ดังนั้นการคาดการณ์ว่าน้ำจะลดในช่วงนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ครับ มีแต่จะมีพื้นที่ท่วมเพิ่มเติมในหลายจังหวัด
อาทิ ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี ซึ่งน้ำจากลำน้ำมูล และลำน้ำชี ไหลไปลงแม่น้ำโขงที่นั่น
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #558 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 10:10:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 ตุลาคม 2553, 10:01:07
พี่สิงห์ครับ

แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ตา หู คอ จมูก เพิ่มเติมจากอายุรแพทย์ครับ
สวัสดีครับ คุณเหยง
                          คุณหมอที่ไปพบที่โรงพยาบาลเวชธานี ตลอดมาสิบกว่าปี ก็คุณหมอประเสริฐ   เป็นแพทย์เชี่ยวชาญทาง หู คอ จมูก ครับ แกก็บอกว่า เป็นหวัดลงคอ ให้งดออกเสียง ให้พักผ่อนมากๆ เพราะอากาศเปลี่ยน และให้ยาฆ่าเชื้อ Amoksliklav และ Prednisolone และปัจจุบันอาการมันก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเพิ่มเต็ม เพียงแต่ต้องใข้เวลา และความอดทนทางจิตใจ ไปหาหมอประเสริฐ  ท่านก็จะให้ยาแบบเดิมมาอีก แต่ค่ารักษา ประมาณ 1200 บาท ขอทนดูครับ
                          ขอบคุณ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #559 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 10:58:17 »

...เอาใจช่วยให้นำไม่ท่วมบ้านคุณแม่และพี่สาวนะคะ...พี่สิงห์...
...และทานยาอะม๊อกซี่แก้อักเสบด้วยนะคะ...
...ขอให้หายเร็วๆค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #560 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 12:42:11 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ และคุณเหยง
                         ตกลงพี่สิงห์คุยกับหมอหลานชายแล้ว เขาแนะนำให้ไปหาหมอ  พี่สิงห์ก็กลับไปพบคุณหมอประเสริฐ  หมอผู้เชี่ยวชาญหู  คอ  จมูก โรงพยาบาลเวชธานี เล่าทุกสิ่งให้คุณหมอทราบ คุณหมอก็ตรวจคอ หู จมูก พร้อมกับแนะนำต่างๆ คุณหมอให้ยา CLARIthromycin 500 mg. รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น แก้อักเสบติดเชื้อ และยา Prednisolone 5 mg. รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้งหลังอาหารเช้า-เย็น ให้ทานหลังอาหารทันที เพราะยานี้จะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร รวมเสียค่ายา-รักษาพยาบาลไป 1012.50 บาท
                         ไปเสียเงินมาแล้วก็สบายใจ กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปงานศพที่ชลบุรี ฟังพระสวดตอนค่ำ ต่ออีกไม่ไปไม่ได้ด้วย เป็นศพคุณพ่อของคุณทรงศักดิ์  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท SIW ครับ ดีที่ไม่ต้องขัยรถไปเอง พรุ่งนี้ทาง SIW เป็นเจ้าภาพ
                         ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร  ช่วงนี้มีแต่ข่าวน้ำท้วม  อึกกะทึกครึกโครม พี่สิงห์จำได้สมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่อินทร์บุรี  ปีไหนน้ำไม่ท้วม ปีนั้นถือเป็นเรื่องผิดปกติ  เพราะน้ำจะท้วมทุกปี และก็ไม่เคยมีใครไปแจกข้างของเลย ชาวบ้านก็อยู่กันได้ เพราะทุกบ้านมีเรือ และเตรียมพร้อม ส่วนนาข้าวก็เป็นข้าวหนักสามารถหนีน้ำท้วมได้ แต่ปัจจุบันสภาพมันเปลี่ยนไป น้ำท้วมกลายเป็นเรื่องใหญ่
                         สมัยก่อนน้ำท้วมสนุก เพราะอาหารจะบริบูรณ์ ปลาจะชุม หลังน้ำลด ดินจะอุดมสมบูรณ์ปลูกผักได้ดี ไม่เดือดร้อน แต่เดี๋ยวนี้ น้ำท้วมต้องทำให้เดือดร้อน จะได้รับความช่วยเหลือ มันแตกต่างกันตรงกันข้ามกับสมัยที่ผมเป็นเด็กจริงๆ ครับ ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกกับการอยู่แบบพอเพียงวิถีชีวิตชาวชนบท กับวิธีชีวิตปัจจุบันที่พึ่งอุตสาหกรรม แต้พีีสิงห์คิดว่า สมัยก่อนทุกบ้านมีความสุข  จิตใจเป็นสุข  ไม่ทุกข์แบบทุกวันนี้ครับ เป็นสมัยก่อนหน้าน้ำท้วม ก็ทอดกฐิน แข่งเรือยาวชิงน้ำมันก๊าด ชาวบ้านก็ไปทุ่งพายเรือไปหาหญ้าให้ควาย และวางเบ้ดตกปลามาเป็นอาหาร สบายใจ ข้าวก็โตของมันเพราะหนีน้ำได้ ไม่เดือดร้อน ไปไหนก็พายเรือกันไป ทุกบ้านอยู่พร้อมหน้า นี่ละความสุข
                      สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #561 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 12:44:42 »

คิดถึงคุณน้องหมี และคุณน้องหนุงหนิง จังเลย
หายไปไหน  โกรธพี่สิงห์แล้วหรือ  ถ้าพี่สิงห์ทำอะไรไม่ถูกใจ  ต้องขออภัยด้วยครับ
คิดถึง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #562 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 12:51:11 »

คุณกิตติมา   ส่งมาให้พี่สิงหือ่าน  อ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อครับ
                   สวัสดี

"9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์"
               
โดย
 วนิษา เรซ
ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจากม.ฮาร์วาร์ด

               
                  ผู้หญิงสมัยนี้ อยากสวย ฉลาด และสุขภาพดี ทุกคนจึงพากันดูแลรูปร่าง ด้วยการออกกำลังกาย เคร่งครัด เรื่องอาหารการกิน แต่ไม่เคยมีใครสนใจว่าจะดูแลสมองอย่างไรให้มีสุขภาพดี ทั้งที่สมอง เป็นอวัยวะที่ตัดสินใจทุกเรื่องของชีวิต เราจึงควรเอกเซอร์ไซส์สมองให้ไบรท์ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ต่อไปนี้

1. จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very often)
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่ง ผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

2. กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3)
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day)
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention)
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิด ขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile)
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday)
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็น โดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ ไปเรื่อยๆเมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress)
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things inlife every day)
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึก ๆ (Deep breath)
สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยาย ใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #563 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 15:30:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 ตุลาคม 2553, 12:42:11
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ และคุณเหยง
                         ตกลงพี่สิงห์คุยกับหมอหลานชายแล้ว เขาแนะนำให้ไปหาหมอ  พี่สิงห์ก็กลับไปพบคุณหมอประเสริฐ  หมอผู้เชี่ยวชาญหู  คอ  จมูก โรงพยาบาลเวชธานี เล่าทุกสิ่งให้คุณหมอทราบ คุณหมอก็ตรวจคอ หู จมูก พร้อมกับแนะนำต่างๆ คุณหมอให้ยา CLARIthromycin 500 mg. รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น แก้อักเสบติดเชื้อ และยา Prednisolone 5 mg. รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้งหลังอาหารเช้า-เย็น ให้ทานหลังอาหารทันที เพราะยานี้จะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร รวมเสียค่ายา-รักษาพยาบาลไป 1012.50 บาท
                         ไปเสียเงินมาแล้วก็สบายใจ กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปงานศพที่ชลบุรี ฟังพระสวดตอนค่ำ ต่ออีกไม่ไปไม่ได้ด้วย เป็นศพคุณพ่อของคุณทรงศักดิ์  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท SIW ครับ ดีที่ไม่ต้องขัยรถไปเอง พรุ่งนี้ทาง SIW เป็นเจ้าภาพ
                         ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร  ช่วงนี้มีแต่ข่าวน้ำท้วม  อึกกะทึกครึกโครม พี่สิงห์จำได้สมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่อินทร์บุรี  ปีไหนน้ำไม่ท้วม ปีนั้นถือเป็นเรื่องผิดปกติ  เพราะน้ำจะท้วมทุกปี และก็ไม่เคยมีใครไปแจกข้างของเลย ชาวบ้านก็อยู่กันได้ เพราะทุกบ้านมีเรือ และเตรียมพร้อม ส่วนนาข้าวก็เป็นข้าวหนักสามารถหนีน้ำท้วมได้ แต่ปัจจุบันสภาพมันเปลี่ยนไป น้ำท้วมกลายเป็นเรื่องใหญ่
                       สมัยก่อนน้ำท้วมสนุก เพราะอาหารจะบริบูรณ์ ปลาจะชุม หลังน้ำลด ดินจะอุดมสมบูรณ์ปลูกผักได้ดี ไม่เดือดร้อน แต่เดี๋ยวนี้ น้ำท้วมต้องทำให้เดือดร้อน จะได้รับความช่วยเหลือ มันแตกต่างกันตรงกันข้ามกับสมัยที่ผมเป็นเด็กจริงๆ ครับ ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกกับการอยู่แบบพอเพียงวิถีชีวิตชาวชนบท กับวิธีชีวิตปัจจุบันที่พึ่งอุตสาหกรรม แต้พีีสิงห์คิดว่า สมัยก่อนทุกบ้านมีความสุข  จิตใจเป็นสุข  ไม่ทุกข์แบบทุกวันนี้ครับ เป็นสมัยก่อนหน้าน้ำท้วม ก็ทอดกฐิน แข่งเรือยาวชิงน้ำมันก๊าด ชาวบ้านก็ไปทุ่งพายเรือไปหาหญ้าให้ควาย และวางเบ้ดตกปลามาเป็นอาหาร สบายใจ ข้าวก็โตของมันเพราะหนีน้ำได้ ไม่เดือดร้อน ไปไหนก็พายเรือกันไป ทุกบ้านอยู่พร้อมหน้า นี่ละความสุข  
                สวัสดีครับ

ชอบมากครับพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #564 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 16:00:51 »

สวัสดีครับท่านขุน
                         มีอยู่ปีหนึ่งน้ำท้วมมากเข้าใจว่าผมอยู่ ป.๕ ปีนั้นที่วัดไม่มีใครทอดกฐิน คุณพ่อ-คุณแม่ ผมรับปากเจ้าอาวาสขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน(เพราะพี่ๆผมเขาไม่ได้บวชให้พ่อ-แม่ จึงทอดกฐินแทน) แต่มีข้อแม้ว่า คงไม่มีเงินบริจาคให้วัดมากมายอะไร ระดับน้ำมิดหัวผมครับ แม่ได้ไปซื้อโต๊ะหมู่บูชา  ไตรจีวร เครื่องบริขาลต่างๆ มากมาย และเพื่อให้เป็นไปตามประเพณีที่หายไปไม่มีใครทำกันเพราะมันทำยาก คือแม่ได้ทำขนมกง วงใหญ่เท่าถาดทองเหลืองหลายคู่เอาไปถวยพระ และทำเป็นกงเล้กๆ แจกญาติๆ ที่มาร่วมงาน
                          แม่ได้เรียนเชิญพี่ชาย(คุณพ่อของพี่โกวิทย์   ปัญญาตรง)-พี่สาวแม่ ยายหนู ยายน้อย-ตาฝ้าย มาจากตลาดปากบาง อำเภอพรหมบุรี ซึ่งญาติได้พายเรือ ท่อเรือเอี้ยมจุ้นกันมาจากอำเภอพรหม โดยออกแต่เช้ามืดก่อนสว่าง ขึ้นมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา มาถึงบ้านผมก็บ่ายโขแล้ว เพื่อมาทอดกฐินกับแม่ ทำให้ผมได้รู้จักกับลุง ตา ยาย ของแม่ที่พรหมบุรีเป็นครั้งแรก
                         รุ่งขึ้นอีกวันเราก็ไปทอดกฐินที่วัด ไม่มีลิเก หนังฉาย ทั้งนั้น ทุกบ้านในระแวกวัดต่างก็พายเรือมาทอดกฐินกับพ่อ-แม่ผม ได้เงินบริจาคเกือบแสนบาท ในสมัยนั้นนับว่ามากโขอยู่ เพราะก๊วยเตี๋ยวชามตราไก่บาทเดียวและเป็นบะหมี่ด้วย
                        ขนมกงนี่แม่ผมจะทำก็หน้านี้ละ คือน่าสารท เวลาแม่รับกัณเทศมหาชาติ แม่จะทำขนมกงไปถวายพระ ด้วย แต่บ้านอื่นไม่มีใครทำกันเพราะทำไม่เป็น ผมเพิ่งมารู้ไม่นานนี้ว่า แม่ผมทำขนมไทยๆขายมาก่อน ครับเพราะผมเห็นที่บ้านมีอุปกรณ์ทำขนมครบทุกอย่างมาตั้งแต่เล็กแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าแม่ทำขนมขายเพราะผมเกิดไม่ทันในสมัยนั้นแต่พี่ชายใหญ่และพี่สาวรู้เพราะเขาเกิดทันกัน
                        ผมเองรักแม่และพ่อมาก เพราะรู้ว่า ท่านลำบากมาจริงๆ เพื่อลูกได้เรียนหนังสือ ท่านจึงอดออมทุกอย่างเพื่อลูกครับ
                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #565 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 17:08:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 ตุลาคม 2553, 12:42:11
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ และคุณเหยง
                         ตกลงพี่สิงห์คุยกับหมอหลานชายแล้ว เขาแนะนำให้ไปหาหมอ  พี่สิงห์ก็กลับไปพบคุณหมอประเสริฐ  หมอผู้เชี่ยวชาญหู  คอ  จมูก โรงพยาบาลเวชธานี เล่าทุกสิ่งให้คุณหมอทราบ คุณหมอก็ตรวจคอ หู จมูก พร้อมกับแนะนำต่างๆ คุณหมอให้ยา CLARIthromycin 500 mg. รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น แก้อักเสบติดเชื้อ และยา Prednisolone 5 mg. รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้งหลังอาหารเช้า-เย็น ให้ทานหลังอาหารทันที เพราะยานี้จะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร รวมเสียค่ายา-รักษาพยาบาลไป 1012.50 บาท
                         ไปเสียเงินมาแล้วก็สบายใจ กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปงานศพที่ชลบุรี ฟังพระสวดตอนค่ำ ต่ออีกไม่ไปไม่ได้ด้วย เป็นศพคุณพ่อของคุณทรงศักดิ์  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท SIW ครับ ดีที่ไม่ต้องขัยรถไปเอง พรุ่งนี้ทาง SIW เป็นเจ้าภาพ
                         ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร ช่วงนี้มีแต่ข่าวน้ำท้วม  อึกกะทึกครึกโครม พี่สิงห์จำได้สมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่อินทร์บุรี  ปีไหนน้ำไม่ท้วม ปีนั้นถือเป็นเรื่องผิดปกติ  เพราะน้ำจะท้วมทุกปี และก็ไม่เคยมีใครไปแจกข้างของเลย ชาวบ้านก็อยู่กันได้ เพราะทุกบ้านมีเรือ และเตรียมพร้อม ส่วนนาข้าวก็เป็นข้าวหนักสามารถหนีน้ำท้วมได้ แต่ปัจจุบันสภาพมันเปลี่ยนไป น้ำท้วมกลายเป็นเรื่องใหญ่
                         สมัยก่อนน้ำท้วมสนุก เพราะอาหารจะบริบูรณ์ ปลาจะชุม หลังน้ำลด ดินจะอุดมสมบูรณ์ปลูกผักได้ดี ไม่เดือดร้อน แต่เดี๋ยวนี้ น้ำท้วมต้องทำให้เดือดร้อน จะได้รับความช่วยเหลือ มันแตกต่างกันตรงกันข้ามกับสมัยที่ผมเป็นเด็กจริงๆ ครับ ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกกับการอยู่แบบพอเพียงวิถีชีวิตชาวชนบท กับวิธีชีวิตปัจจุบันที่พึ่งอุตสาหกรรม แต้พีีสิงห์คิดว่า สมัยก่อนทุกบ้านมีความสุข  จิตใจเป็นสุข  ไม่ทุกข์แบบทุกวันนี้ครับ เป็นสมัยก่อนหน้าน้ำท้วม ก็ทอดกฐิน แข่งเรือยาวชิงน้ำมันก๊าด ชาวบ้านก็ไปทุ่งพายเรือไปหาหญ้าให้ควาย และวางเบ้ดตกปลามาเป็นอาหาร สบายใจ ข้าวก็โตของมันเพราะหนีน้ำได้ ไม่เดือดร้อน ไปไหนก็พายเรือกันไป ทุกบ้านอยู่พร้อมหน้า นี่ละความสุข
                      สวัสดีครับ


พี่สิงห์

ผมขีดตัวแดงไว้ 3 เรื่อง ขอให้รายละเอียดทีละเรื่องครับ
1.การเจ็บป่วย ผมฟังอาการและการบรรยายถึงขั้นตอนที่ไปหาหมอแล้ว ผมคิดว่าหมอสั่งจ่ายยารักษาตามอาการที่เคยพบและที่พี่สิงห์เคยเป็น แต่ไม่ได้ลงลึกไปตรวจที่ช่องปาก คอ จมูก และในหู ซึ่งเกี่ยวพันกัน ว่ามีอาการอักเสบหรือติดเชื้อในระดับใด ซึ่งเมื่อตรวจแล้ว ย่อมสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ และน่าจะหายจากอาการได้เร็วขึ้น
การตรวจในปัจจุบันนั้น คนไข้จำนวนมาก มักเป็นโรคหรือไข้แบบเดียวกันมา หมอจึงตรวจและรักษาไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็ถือได้ว่าถูกต้องครับ แต่อาจจะมีบางเคส เช่นพี่สิงห์-ที่มีอาการมากกว่าคนไข้อื่น(ออกกำลังตีกอล์ฟกลางแดด มีเหงื่อ เหนื่อยจากการออกกำลังและความร้อนของร่างกายสูง ขณะถูกฝนที่ตกลงมาในสนามกอล์ฟ ร่ายกายปรับสภาพไม่ทันจึงเป็นไข้ คนจีนเรียกโรคนี้ว่า เซียว ฮวง จุ้ย - โรคที่ป่วยเพราะแพ้อากาศหรือลม และน้ำ หนักสุดคือ ไข้สูง ปอดชื้น-บวม นิวมอเนีย) ยาจำนวนที่ใช้ในคนไข้รายอื่นจึงไม่เพียงพอที่จะบรรเทาอาการและรักษาให้โรคภัยหายขาดได้ในเวลาที่สมควรจะเป็น จึงต้องตรวจเพิ่มเติมและให้ยามากขึ้น โรคภัยจึงจะทุเลาลงได้

2.ถุงยังชีพ มีการรับจัดทำกันที่นครสวรรค์ หน่วยงานไหนไม่ต้องเอ่ย..... ถ้าตั้งราคา 850 บาท ก็จัดของใส่ 650 บาท, ถ้าตั้งราคา 650 บาท ก็จัดของใส่ 450 บาท ประการสำคัญ "ผงซักฟอก"ใส่รวมกับ"ข้าวสาร" และอาจจะมี"น้ำปลา" กับ"น้ำมันพืช" ซึ่งเป็นขาดพลาสติค หากจัดใส่รวมกันเป็นเวลาหลายๆวัน ชาวบ้านแย่เลย กลิ่นผงซักฟอกมันซึมเข้าไปอยู่ใน"ข้าวสาร" "น้ำปลา" และ"น้ำมันพืช" ชาวบ้านกินไม่ลงครับ
คติไทยแต่โบราณ สอนลูก สอนหลาน ให้กลัวและไม่กระทำความชั่ว โกง มันพ้นสมัยไปเสียแล้ว เพราะความร่ำรวยมันต้องมีโอกาส ถึงจะสร้างความร่ำรวยให้เกิดขึ้นได้ สุภาษิตคือ "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ของหลวงกินตั้งนานก็ไม่หมด" มีกินได้ทุกปี ยิ่งมีภัยแล้ง แล้วตามด้วยน้ำท่วมทุกปียิ่งดี บ้านที่ผมรู้จัก ซึ่งรับทำถุงยังชีพ ร่ำรวยมากครับ จนต้องส่งคนในบ้านสมัครเป็นสมาชิก อบจ. ทุกสมัย ก็เพราะรายได้ตรงนี้ล่ะ

3.น้ำท่วม ปลาชุม เป็็นเรื่องจริง ผมสังเกตุจากชาวพม่าที่เป็นคนงานในโกดังของผม ทุกเย็นเขาจะต้องขอลาไปจับปลา กบ พร้อมกับคนขับรถที่รถไม่ได้คิวล่องของ ในช่วงกลางคืน และเช้าๆ ผมจะเห็นปลาหลากชนิด กบอีกจำนวนหนึ่ง พวกเขาและครอบครัวไม่ต้องซื้ออาหารโปรตีนเลย เพราะการออกไปหาปลา หากบ เขียด รวมทั้งงูเห่า ซึ่งเอาไปขายให้ร้านอาหารป่าได้ตัวละ 350 บาทอีกต่างหาก
เขามักจะบ่นมากๆคือ วันคืนเดือนเพ็ญ ท้องฟ้าจะสว่าง ซึ่งจะจับกบไม่ค่อยได้ เนื่องจากกบไม่สนใจแสงจากไฟฉาย เขาจึงใช้วิธีปักเบ็ดราวไว้แล้วไปกู้ตอนเช้าแทน
คนงานพม่าที่ขยัน เขาสามารถส่งเงินจากการรับจ้างแรงงานกลับไปซื้อที่ดิน วัว ควาย สร้างบ้านที่ประเทศของเขาได้เพราะความขยัน ซึ่งเคยมีอยู่ในตัวคนไทย แต่เดี๋ยวนี้หมดไปโดยไม่อาจเรียกคืนมาได้แล้ว
พูดถึงเรื่องต้นข้าว ถือเป็นโศกนาฎกรรมของชาวไทยครับ ข้าวที่สู้น้ำท่วมโดยไม่ล้ม และเมื่อน้ำลด กอข้าวจะตั้งฉากกับพื้น ให้ชาวนาเก็บเกี่ยว หมดไปจากท้องทุ่งนาของชาวไทยนานพอสมควร(แต่เขาคงเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้) เดี๋ยวนี้ข้าวพันธุ์ กข. เจอน้ำเป็นล้ม รวงข้าวไม่ตั้งฉากกับพื้นก็แช่จมน้ำเน่าภายใน 2-3 วัน ดังที่เราเห็นจาก ที วี, ชาวนาเร่งปลูกข้าวให้ได้ 3 หน/ปี เก็บเกี่ยวข้าวกลางฤดูฝน เพราะรัฐบาลเลวที่ไปทำโครงการรับจำนำข้าวทั้งปีเอาใจชาวนา โดยไม่มีการสอนถึงหลักของการเพาะปลูกที่ดีให้ โดยให้โรงสีเทลานตาก พร้อมตั้งเครื่องอบข้าว ให้โรงสีเป็นผู้รับข้าวเปลือก สีเอาข้าวต้นส่งโกดังของรัฐ เอารำและปลายให้โรงสีไปขายเป็นค่าแปรสภาพ เราจึงเห็นโรงสีสร้างขึ้นมาเพื่อเข้าโครงการรับจำนำมากมาย และบัดนี้พระอาทิตย์ตก เมื่อหมดโครงการจำนำเพราะรัฐบาลเปลี่ยนเป็นโครงการประกันราคา(แบบอเมริกา) เราจะเริ่มเห็นโรงสีขนาดใหญ่ สร้างใหม่เอี่ยมเริ่มเจ๊งหรือถูกธนาคารยึดกันแล้ว เพราะโรงสีพวกนี้หากินเองไม่เป็น หมดโครงการของรัฐบาลก็หมดปัญญาหากินครับ กลับมาที่ชาวนาซึ่งยังฝันหวานว่าปลูกข้าวอะไรก้ได้ เก็บเกี่ยวกลางฝนได้เมล็ดข้าวที่เปียกน้ำ จมน้ำ ก้เอาไปให้โรงสีที่เข้าโครงการรับจำนำ ก็ได้เงินนั้น ต่อแต่นี้ไป ไม่มีอีกแล้ว เก็บเกี่ยวข้าวกลางฝน แล้วนำไปขาย ถ้าโรงสีไม่ซื้อก็จบ..หรือเดินไปปิดถนน บังคับรัฐบาลออกมาซื้อ..ดังที่เคยเห็น...ชาวนาไทยไม่เหมือนอดีตแล้วครับ

จริงๆแล้ว เกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ หลักเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวง เป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับชาวไทยในยุคนี้ที่จมกับการบริโภคอย่างฟุ้งเฟ้อตามแบบชาวตะวันตก และบริโภคสื่อ มือถือ แบรนด์เนม แบบแข่งขันอวดร่ำ-อวดรวย แต่ในความเป็นจริง คนไทยจนมากๆ เป็นลูกหนี้เงินกู้ทั้งในและนอกระบบ แต่ต้องอวดรวยเอาไว้ก่อน...มันจมไม่ลงซะแล้วครับ

ตัวอย่างชัดเจน S Korea เมื่อปี 2513 ไม่มีความสามรถจัด ASIAN GAMES ครั้งที่ 6 ต่อจากไทย ซึ่งจัดครั้งที่ 5 ผ่านไป และขอให้ไทยจัดครั้งที่ 6 แทน แต่บัดนี้ S Korea ก้าวข้ามความยากจนไปได้แล้ว เขามีระบบเศรษฐกิจที่ตนไทยยังต้องสมัครไปใช้แรงงานที่นั่น เขาจัดโอลิมปิคร่วมกับญี่ปุ่นไปแล้ว ชิว ชิว แต่ไทยยังก้าวไม่ข้ามเลย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #566 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 17:12:07 »

อีกเรื่องหนึ่ง
เขาบอกว่า ถ้าทำหน้า-ดึงจมูกให้สวย ให้ไปเกาหลีใต้ ออกมาหน้าเหมือนกับเปี๊ยบเลย ยาวเป็นรูปไข่แบบเดียวกันหมด
แต่ถ้าจะทำอก-ทำนม ให้มาประเทศไทยครับ แสดงว่าไทยเราก็ยังเก่ง นิ

                                                       เหอๆๆ  หลั่นล้า  เขินน๊า!!  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #567 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 17:36:46 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 ตุลาคม 2553, 17:08:17
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 ตุลาคม 2553, 12:42:11
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ และคุณเหยง
                         ตกลงพี่สิงห์คุยกับหมอหลานชายแล้ว เขาแนะนำให้ไปหาหมอ  พี่สิงห์ก็กลับไปพบคุณหมอประเสริฐ  หมอผู้เชี่ยวชาญหู  คอ  จมูก โรงพยาบาลเวชธานี เล่าทุกสิ่งให้คุณหมอทราบ คุณหมอก็ตรวจคอ หู จมูก พร้อมกับแนะนำต่างๆ คุณหมอให้ยา CLARIthromycin 500 mg. รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น แก้อักเสบติดเชื้อ และยา Prednisolone 5 mg. รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้งหลังอาหารเช้า-เย็น ให้ทานหลังอาหารทันที เพราะยานี้จะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร รวมเสียค่ายา-รักษาพยาบาลไป 1012.50 บาท
                         ไปเสียเงินมาแล้วก็สบายใจ กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปงานศพที่ชลบุรี ฟังพระสวดตอนค่ำ ต่ออีกไม่ไปไม่ได้ด้วย เป็นศพคุณพ่อของคุณทรงศักดิ์  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท SIW ครับ ดีที่ไม่ต้องขัยรถไปเอง พรุ่งนี้ทาง SIW เป็นเจ้าภาพ
                         ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร ช่วงนี้มีแต่ข่าวน้ำท้วม  อึกกะทึกครึกโครม พี่สิงห์จำได้สมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่อินทร์บุรี  ปีไหนน้ำไม่ท้วม ปีนั้นถือเป็นเรื่องผิดปกติ  เพราะน้ำจะท้วมทุกปี และก็ไม่เคยมีใครไปแจกข้างของเลย ชาวบ้านก็อยู่กันได้ เพราะทุกบ้านมีเรือ และเตรียมพร้อม ส่วนนาข้าวก็เป็นข้าวหนักสามารถหนีน้ำท้วมได้ แต่ปัจจุบันสภาพมันเปลี่ยนไป น้ำท้วมกลายเป็นเรื่องใหญ่
                         สมัยก่อนน้ำท้วมสนุก เพราะอาหารจะบริบูรณ์ ปลาจะชุม หลังน้ำลด ดินจะอุดมสมบูรณ์ปลูกผักได้ดี ไม่เดือดร้อน แต่เดี๋ยวนี้ น้ำท้วมต้องทำให้เดือดร้อน จะได้รับความช่วยเหลือ มันแตกต่างกันตรงกันข้ามกับสมัยที่ผมเป็นเด็กจริงๆ ครับ ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกกับการอยู่แบบพอเพียงวิถีชีวิตชาวชนบท กับวิธีชีวิตปัจจุบันที่พึ่งอุตสาหกรรม แต้พีีสิงห์คิดว่า สมัยก่อนทุกบ้านมีความสุข  จิตใจเป็นสุข  ไม่ทุกข์แบบทุกวันนี้ครับ เป็นสมัยก่อนหน้าน้ำท้วม ก็ทอดกฐิน แข่งเรือยาวชิงน้ำมันก๊าด ชาวบ้านก็ไปทุ่งพายเรือไปหาหญ้าให้ควาย และวางเบ้ดตกปลามาเป็นอาหาร สบายใจ ข้าวก็โตของมันเพราะหนีน้ำได้ ไม่เดือดร้อน ไปไหนก็พายเรือกันไป ทุกบ้านอยู่พร้อมหน้า นี่ละความสุข
                      สวัสดีครับ


พี่สิงห์

ผมขีดตัวแดงไว้ 3 เรื่อง ขอให้รายละเอียดทีละเรื่องครับ
1.การเจ็บป่วย ผมฟังอาการและการบรรยายถึงขั้นตอนที่ไปหาหมอแล้ว ผมคิดว่าหมอสั่งจ่ายยารักษาตามอาการที่เคยพบและที่พี่สิงห์เคยเป็น แต่ไม่ได้ลงลึกไปตรวจที่ช่องปาก คอ จมูก และในหู ซึ่งเกี่ยวพันกัน ว่ามีอาการอักเสบหรือติดเชื้อในระดับใด ซึ่งเมื่อตรวจแล้ว ย่อมสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ และน่าจะหายจากอาการได้เร็วขึ้น
การตรวจในปัจจุบันนั้น คนไข้จำนวนมาก มักเป็นโรคหรือไข้แบบเดียวกันมา หมอจึงตรวจและรักษาไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็ถือได้ว่าถูกต้องครับ แต่อาจจะมีบางเคส เช่นพี่สิงห์-ที่มีอาการมากกว่าคนไข้อื่น(ออกกำลังตีกอล์ฟกลางแดด มีเหงื่อ เหนื่อยจากการออกกำลังและความร้อนของร่างกายสูง ขณะถูกฝนที่ตกลงมาในสนามกอล์ฟ ร่ายกายปรับสภาพไม่ทันจึงเป็นไข้ คนจีนเรียกโรคนี้ว่า เซียว ฮวง จุ้ย - โรคที่ป่วยเพราะแพ้อากาศหรือลม และน้ำ หนักสุดคือ ไข้สูง ปอดชื้น-บวม นิวมอเนีย) ยาจำนวนที่ใช้ในคนไข้รายอื่นจึงไม่เพียงพอที่จะบรรเทาอาการและรักษาให้โรคภัยหายขาดได้ในเวลาที่สมควรจะเป็น จึงต้องตรวจเพิ่มเติมและให้ยามากขึ้น โรคภัยจึงจะทุเลาลงได้

2.ถุงยังชีพ มีการรับจัดทำกันที่นครสวรรค์ หน่วยงานไหนไม่ต้องเอ่ย..... ถ้าตั้งราคา 850 บาท ก็จัดของใส่ 650 บาท, ถ้าตั้งราคา 650 บาท ก็จัดของใส่ 450 บาท ประการสำคัญ "ผงซักฟอก"ใส่รวมกับ"ข้าวสาร" และอาจจะมี"น้ำปลา" กับ"น้ำมันพืช" ซึ่งเป็นขาดพลาสติค หากจัดใส่รวมกันเป็นเวลาหลายๆวัน ชาวบ้านแย่เลย กลิ่นผงซักฟอกมันซึมเข้าไปอยู่ใน"ข้าวสาร" "น้ำปลา" และ"น้ำมันพืช" ชาวบ้านกินไม่ลงครับ
คติไทยแต่โบราณ สอนลูก สอนหลาน ให้กลัวและไม่กระทำความชั่ว โกง มันพ้นสมัยไปเสียแล้ว เพราะความร่ำรวยมันต้องมีโอกาส ถึงจะสร้างความร่ำรวยให้เกิดขึ้นได้ สุภาษิตคือ "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ของหลวงกินตั้งนานก็ไม่หมด" มีกินได้ทุกปี ยิ่งมีภัยแล้ง แล้วตามด้วยน้ำท่วมทุกปียิ่งดี บ้านที่ผมรู้จัก ซึ่งรับทำถุงยังชีพ ร่ำรวยมากครับ จนต้องส่งคนในบ้านสมัครเป็นสมาชิก อบจ. ทุกสมัย ก็เพราะรายได้ตรงนี้ล่ะ

3.น้ำท่วม ปลาชุม เป็็นเรื่องจริง ผมสังเกตุจากชาวพม่าที่เป็นคนงานในโกดังของผม ทุกเย็นเขาจะต้องขอลาไปจับปลา กบ พร้อมกับคนขับรถที่รถไม่ได้คิวล่องของ ในช่วงกลางคืน และเช้าๆ ผมจะเห็นปลาหลากชนิด กบอีกจำนวนหนึ่ง พวกเขาและครอบครัวไม่ต้องซื้ออาหารโปรตีนเลย เพราะการออกไปหาปลา หากบ เขียด รวมทั้งงูเห่า ซึ่งเอาไปขายให้ร้านอาหารป่าได้ตัวละ 350 บาทอีกต่างหาก
เขามักจะบ่นมากๆคือ วันคืนเดือนเพ็ญ ท้องฟ้าจะสว่าง ซึ่งจะจับกบไม่ค่อยได้ เนื่องจากกบไม่สนใจแสงจากไฟฉาย เขาจึงใช้วิธีปักเบ็ดราวไว้แล้วไปกู้ตอนเช้าแทน
คนงานพม่าที่ขยัน เขาสามารถส่งเงินจากการรับจ้างแรงงานกลับไปซื้อที่ดิน วัว ควาย สร้างบ้านที่ประเทศของเขาได้เพราะความขยัน ซึ่งเคยมีอยู่ในตัวคนไทย แต่เดี๋ยวนี้หมดไปโดยไม่อาจเรียกคืนมาได้แล้ว
พูดถึงเรื่องต้นข้าว ถือเป็นโศกนาฎกรรมของชาวไทยครับ ข้าวที่สู้น้ำท่วมโดยไม่ล้ม และเมื่อน้ำลด กอข้าวจะตั้งฉากกับพื้น ให้ชาวนาเก็บเกี่ยว หมดไปจากท้องทุ่งนาของชาวไทยนานพอสมควร(แต่เขาคงเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้) เดี๋ยวนี้ข้าวพันธุ์ กข. เจอน้ำเป็นล้ม รวงข้าวไม่ตั้งฉากกับพื้นก็แช่จมน้ำเน่าภายใน 2-3 วัน ดังที่เราเห็นจาก ที วี, ชาวนาเร่งปลูกข้าวให้ได้ 3 หน/ปี เก็บเกี่ยวข้าวกลางฤดูฝน เพราะรัฐบาลเลวที่ไปทำโครงการรับจำนำข้าวทั้งปีเอาใจชาวนา โดยไม่มีการสอนถึงหลักของการเพาะปลูกที่ดีให้ โดยให้โรงสีเทลานตาก พร้อมตั้งเครื่องอบข้าว ให้โรงสีเป็นผู้รับข้าวเปลือก สีเอาข้าวต้นส่งโกดังของรัฐ เอารำและปลายให้โรงสีไปขายเป็นค่าแปรสภาพ เราจึงเห็นโรงสีสร้างขึ้นมาเพื่อเข้าโครงการรับจำนำมากมาย และบัดนี้พระอาทิตย์ตก เมื่อหมดโครงการจำนำเพราะรัฐบาลเปลี่ยนเป็นโครงการประกันราคา(แบบอเมริกา) เราจะเริ่มเห็นโรงสีขนาดใหญ่ สร้างใหม่เอี่ยมเริ่มเจ๊งหรือถูกธนาคารยึดกันแล้ว เพราะโรงสีพวกนี้หากินเองไม่เป็น หมดโครงการของรัฐบาลก็หมดปัญญาหากินครับ กลับมาที่ชาวนาซึ่งยังฝันหวานว่าปลูกข้าวอะไรก้ได้ เก็บเกี่ยวกลางฝนได้เมล็ดข้าวที่เปียกน้ำ จมน้ำ ก้เอาไปให้โรงสีที่เข้าโครงการรับจำนำ ก็ได้เงินนั้น ต่อแต่นี้ไป ไม่มีอีกแล้ว เก็บเกี่ยวข้าวกลางฝน แล้วนำไปขาย ถ้าโรงสีไม่ซื้อก็จบ..หรือเดินไปปิดถนน บังคับรัฐบาลออกมาซื้อ..ดังที่เคยเห็น...ชาวนาไทยไม่เหมือนอดีตแล้วครับ

จริงๆแล้ว เกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ หลักเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวง เป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับชาวไทยในยุคนี้ที่จมกับการบริโภคอย่างฟุ้งเฟ้อตามแบบชาวตะวันตก และบริโภคสื่อ มือถือ แบรนด์เนม แบบแข่งขันอวดร่ำ-อวดรวย แต่ในความเป็นจริง คนไทยจนมากๆ เป็นลูกหนี้เงินกู้ทั้งในและนอกระบบ แต่ต้องอวดรวยเอาไว้ก่อน...มันจมไม่ลงซะแล้วครับ

ตัวอย่างชัดเจน S Korea เมื่อปี 2513 ไม่มีความสามรถจัด ASIAN GAMES ครั้งที่ 6 ต่อจากไทย ซึ่งจัดครั้งที่ 5 ผ่านไป และขอให้ไทยจัดครั้งที่ 6 แทน แต่บัดนี้ S Korea ก้าวข้ามความยากจนไปได้แล้ว เขามีระบบเศรษฐกิจที่ตนไทยยังต้องสมัครไปใช้แรงงานที่นั่น เขาจัดโอลิมปิคร่วมกับญี่ปุ่นไปแล้ว ชิว ชิว แต่ไทยยังก้าวไม่ข้ามเลย



อ่านของพี่สิงห์ กับ พี่เหยง แล้ว สะกิดใจจัง
เรื่องการพัฒนา แบบผิดทิศผิดทาง(หรือถูกทิศทางแล้ว) คุยกัน วิภาค วิจารณ์ กันไป อีก  สิบปี ก็คงไม่จบ เค้าไม่ยอม
เพราะเรื่องผิดทิศทาง มันแยะ   บางเรื่องนโยบายถูกทาง ผู้ปฏิบัติทำผิดทางให้มันโฉเก ก็มาก จ๊าากกก
ไม่ต้องแข่งกับใคร(ประเทศอื่นๆ)เขาหรอก  เอาแค่แข่งกับตัวเองนี่แหละ GNH (ดัชนีความสุข)ดีกว่ามั้งง  เหนื่อย

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #568 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 20:49:23 »

สวัสดีครับคุณเหยงและคุณสมชาย
                          ขอขอบคุณทั้งสองท่านที่ให้ความกระจ่างเพิ่มเติม พี่สิงห์ก็พุดความจริงในสิ่งที่พี่สิงห์เห็นในอดีต มาเล่าสู่กันฟังครับ
                          มันก็จริงดังที่ทั้งสองท่านแสดงความเห็น เดี๋ยวนี้ คนไม่กินสินบนในหมู่ข้าราชการ บริษัทเอกชน มันเหลือน้อยเติมที
                          ควรส่วนใหญ่นิยม เชิดชู ผู้ที่ร่ำรวยจากการเอาเปรียบคน หรือข้าราชการ นักการเมืองที่ทุจริต เป็นวัฒนธรรมไปแล้ว
                          จะเห็นได้เดี๋ยวนี้ เวลาสมัครงานที่อบต. เป็นแสนคนครับ บรรจุที่ไหนก็ไป นานแค่ไหนก็รอ เพราะจะมีเงินตามมาภายหลังถ้าได้บรรจุ โดยเฉพาะช่าง อบต. พี่สิงห์เห็นทำงานไม่เกินห้าปี ฐานะร่ำรวยแยะ บ้านช่องใหญ่โต  มีรถขับโก้ แต่เงินเดือนไม่เท่าไร นี่ละครับเมืองไทย
                          กลายเป็นมือใครยาวสาวได้สาวเอา  แต่พี่สิงห์ไม่เอาด้วยครับ ขออยู่อย่างพอเพียง  ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน  อะไรที่ช่วยสังคมได้โดยที่เราไม่ต้องลงทุนมากนัก เช่น สอนความรู้ทางด้านวิศวกรรมที่พี่สิงห์เชี่ยวชาญ  สอนดูแลร่างกายไม่ให้เจ็บป่วย  สอนรำมวยจีน  โยคะ สอนการเจริญสติ สอน 5ส. สอนเรื่องการทำงาน ต่างๆ ที่พอมีความรู้ สอนฟรีมาตลอด หรือให้คำแนะนำต่อลูกน้องเวลาเจ็บป่วยก็ทำมามาก จนลูกน้องนับถือผมมากกว่าคุณหมอเสียอีก เพราะผมมีคำแนะนำที่เข้าใจง่าย ปฏิบัติได้ และเห็นผลตามที่ทุกคนต้องการ เพียงแค่นี้ทำไปวันๆ ก็มีความสุขแล้วครับ ถึงพี่สิงห์จะไม่ร่ำรวยเงินทอง  ยังต้องทำงานต่อไป เพราะไม่ทำอดแน่ๆ ไม่มีเงินเก็บเลย ยกเว้นกรณีเดี๋ยวไปบวช  แต่ก็ไม่ทำครับ เพราะจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ต่อหาข้าวมาใส่บาตรให้พี่สิงห์ เท่ากับเราไปทำให้เขาทุกข์ ไม่เอาดีกว่า พี่สิงห์ยังมีสมอง  สองแขน  สองขา พยายามทำดีเพื่อความสุขตนเอง รู้เพียงตัวเองก็สุข  ไม่ต้องได้หน้าก็สุขได้ครับ
                            เย็นนี้พร่ามเสียนาน เพราะเมื่อกลางวันรับประทานยาไปแล้ว มันคงออกฤทธิ์รุนแรง เพราะระบบช่องคอ เหมือนเป็นไข้ คงต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้หลับไปสองชั่วโมง  ทั้งๆที่ไม่เคยหลับกลางวันเลย และเย็นนี้เป็นวันแรกที่ตกเย็นไม่มีไข้ ครับ
                           พี่สิงห์ป่วยกาย  แต่ไม่ยอมป่วยใจครับ เพราะป่วยกายบังคับไม่ได้มันเป็นธรรมชาติ  แต่ป่วยใจนี่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งนั้น ครับ
                           ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

                            ถ้าทุกท่านมีเวลา พี่สิงห์แนะนำให้ไปอ่านที่กระทู้ ฝึกตันเถียนโยคะกับพี่สิงห์ มีสาระความรู้ทางการดูแลกาย-จิต ครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #569 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 21:24:40 »

ผมใช้วิธี เดินสายพานวันละครึ่งชั่วโมง
ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าวันนี้เดินได้ พรุ่งนี้ก็น่าที่จะเดินได้อีก

ที่ำไม่เล่นโยคะ ไท้จี้ อะไรสักอย่างนั้น
เพราะไม่มีสัมมาสมาธิที่จะมุ่งมาดอย่างนั้นได้

เวลาน่ะ่มีครับ แต่ไม่มีสมาธิ
พอต้องทำอะไรที่ต้องใช้ความพยายามมันคอยจะเครียด
พอเครียดแล้วความดันมันจะขึ้นเอา

ก็เลือกเอาวิธีมักง่ายตามถนัด คือเดินสายพานวันละครึ่งชั่วโมงดังกล่าว

มันจะต้องตายทรมานกว่าสิงห์ มานพ ไปสักกิโลขีดอะไรก็ยอม

(ผมถือว่าผมเดินสายกลางครับ ไม่เอาดีมาก แต่ก็ไม่ให้ผู้คนประณาม
ว่าอนาคตเมื่อแก่มาก จะต้องผลาญภาษีชาวบ้านในการรักษาพยาบาล)
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
BU_KA
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 986

« ตอบ #570 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2553, 02:08:04 »

มาแว้ววค่ะ


มาดูผู้ใหญ่  บ่นเรื่อง วัย ค่ะ
      บันทึกการเข้า
BU_KA
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 986

« ตอบ #571 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2553, 02:08:33 »

วันนี้ อยากวีน แต่ไม่วีนค่ะ


เก็บไว้ วันสองวันก็หาย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #572 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2553, 07:28:24 »

สวัสดียามเช้าครับคุณน้องหมี
                          พี่สิงหืดีใจที่น้องหมีเข้ามา  นึกว่าโกรธพี่สิงหืไปเสียแล้ว
                          ที่บ้านน้ำท้วมหรือเปล่าครับ
                          เมื่อวานพี่สิงห็ส่ั่งให้วิศวกรที่สูงเนิน ไปนั่งเรือเล่นในพื้นที่น้ำท้วมนครราชสีมาในตัวเมือง ถ่ายรูปเก็บไว้ให้มากที่สุด ทำรายงานการมาของทิศทางน้ำในครั้งนี้ ว่ามาจากแห่งใดบ้าง น้ำต้องไหลผ่านทางไหน มีอะไรเป็นตัวกั้นไม่ให้น้ำผ่าน และน้ำไหลออกไปทางไหน หาข้อมูลให้ระเอียด ทำระดับน้ำไว้ด้วย เพราะพี่สิงห์เชื่อว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องทำเขื่อนป้องกันน้ำท้วม เพราะมีความคิดเท่านี้ จริงๆ มันทำอย่างอื่นได้อีกมากที่จะป้องกันน้ำท้วม  พี่สิงห์บอกพรรคพวกว่ามันเป็นโอกาสของโรงงานที่สูงเนินจะได้งานทำ ดังนั้นทำอย่างไรเราจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้ออกแบบ หรือที่ปรึกษาได้ เพื่อเวลาเขาจะทำเขื่อนกันจริงๆ เราจะได้มีโอกาสผลิตเสาเข็มเขื่อนให้เขา โดยให้ท่านนายกเทศมนตรีสูงเนินคุณนคร ไปลองหาข้อมูลดู พี่สิงห์สามารถออกแบบเขื่อนให้ได้ เพราะอย่างน้อยเขื่อนในกทม.พี่สิงห์ทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70% พอมีประสพการณ์ทั้งออกแบบและก่อสร้างบ้าง
                          "อยากวีน" หมายความว่าอะไร พี่สิงห์ไม่เคยได้ยินศัพท์คำนี้เลยครับ  ดร.ป๋อง รู้ความหมายไหม?
                          เธอคงใช้ BB จึงมีข้อความสั้นๆ (ดูเวลาที่เธอโพสต์ แล้ว.......... นี่ละศิษย์ ดร.ป๋อง พวกนอนดึก)
                          สวัสดียามเช้า และดีใจครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #573 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2553, 07:38:28 »

                          ยังดีที่ดร.ป๋อง เดินสายพานวันละครึ่งชั่วโมง แต่รับรองทำเพราะเวลาไปหาคุณหมอเพื่อตรวจความดัน จะพบว่าความดันไม่ลด คุณหมอก็บ่นให้ได้ยินว่าให้ออกกำลังกาย เพราะเป็นสูตรสำเร็จของคุณหมอที่จะต้องบอกคนไข้  เกรงใจคุณหมอก็เลยเดินสายพาน แต่ก็ดีครับ
                          จริงๆ การเดินสายพานก็ดี แต่คนสูงอายุมันยังมีแรงกระแทกจากการลงเท้าอยู่บ้างทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้ เมื่อก่อนผมก็เดินสายพาน เดินจนพัง เปลี่ยนมาเป็นจักรยานก็พังไปแล้ว ปัจจุบันใช้เดินบน "สกายวอคเกอร์" เพื่อลดแรงกระแทกของข้อเข่า เวลาเดินจะดูทีวีไปด้วยเพื่อให้ไม่กังวลว่าจะเบื่อ แต่ก็ดูนาฬิกาเพื่อบังคับเวลาด้วยต้องมากกว่า 30 นาทีขึ้นไปจนเหงื่อออก ครับ
                          วันนี้ป่วยทางกายดีขึ้นมาก ไม่มีไข้แล้ว แต่ยังระคายคออยู่ ก็คงต้องพักผ่อนต่อ แต่ค่ำต้องไปงานสวดพระอภิธรรมศพ ที่ชลบุรี คงกลับดึก แต่ก็ต้องไปครับ
                           สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #574 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2553, 08:53:48 »

สวัสดีครับพี่สิงห์
อ่านเรื่องพี่สิงห์ไม่สบายแล้วก็ไม่ค่อยสบายใจครับ
ขอเป็นกำลังใจให้หายเจ็บหายป่วยเร็วๆนะครับ

วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาต้อนรับรุ่งอรุณครับ
ดูท่าฝนจะตกครับผม

ตอนนี้ผมพยายามทำตามคำแนะนำของพี่สิงห์ได้บ้างแล้วนะครับ
ไม่เกิน 5 ทุ่มก็เ้ข้านอน แล้วตื่นแต่เช้า แต่เพิ่งทำติดต่อกันได้ 4 วันเองครับ
จะพยายามต่อไป แหะๆ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><