04 กรกฎาคม 2567, 06:15:37
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3348031 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 26 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #425 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2553, 21:02:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 08 ตุลาคม 2553, 20:16:27

สวัสดีครับคุณน้องหนุงหนิง
                        เห็นภาพนี้แล้วพี่สิงห์ ก็ได้แต่ปลง ครับ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่จิรังยั่งยืนย่อมพัฒนาไปตามเวลา
                        สมัยที่พี่สิงห์อยู่สิงห์บุรี สำหรับข้าวเหม้าจะได้รับประทานก็ต่อเมื่อ ข้าวตกรวงปานกลาง ถ้าเปรียบเหมือนคนก็อายุ 25 ปี ชาวบ้านจะไปเกี่ยวข้าวมาทำข้าวเหม้า วิธีการก็คือ ปลิดเมล้ดข้าวออกจากรวงซึ่งยังเขียวอยู่ จะนัดกันทำเพราะต้องเอาข้าวมาตำในครกตะลุมพุก จนแบนได้ที่ก้เอามาฝัดระอองทิ้ง เอาไปผสมกับมะพร้าวขูดโรยเกลือนิดหน่อย รับประทานกับน้ำอ้อยงบ อร่อยอย่าบอกใคร เดือนธันวาจะเป็นเดือนตำข้าวเหม้า เพราะข้าวนาปีเริ่มท้องโตเหมาะที่จะเอามาทำข้าวเหม้า แต่ปัจจุบันมีทั้งปีและแบบที่เห็นในภาพครับ
                        สวัสดี ราตรีสวัสดิ์

ปักษ์ใต้มีทั้งนาปี นาปรัง
จึงได้กินข้าวเม่าบ่อยกว่าไช่มั้ยคะ?
ที่อร่อยในความทรงจำเพราะพ่อมัก
พาลูกๆไปตลาดนัดวันอาทิตย์แล้วซื้อให้กินค่ะ.

หนิงเห็นข้าวเม่าแล้ว...คิดถึงพ่อค่ะ
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #426 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2553, 21:17:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 08 ตุลาคม 2553, 20:25:37

สวัสดีครับ
                             การเผาข้าวหลามก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้ใช้เตาถ่านไปหมดแล้ว เมื่อก่อนใช้กากอ้อยที่ตากแห้งแล้ว หรือฟางข้าว หรือฝืน ครับ เพราะฉนั้นต้องมีศิลปในการเผา ไฟแรงไป น้ำกะทิเดือดหกหมด หรือกระบอกไหม้ แต่ผมยังเชื่อว่าวิธีโบราณ นั้นสร้างความสามัคคีในครอบครัว เพราะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้ทั้งพ่อบ้าน(พ่อผมไปตัดไม้ ผมไปช่วยพ่อแบก) พ่อต้องตัดกระบอกไม้ไผ่เป็นปล้องๆ พี่สาวกับแม่ต้องกรอกข้าวเหนี๋ยวใส่กระบอก พ่อไปเตรียมราวเผาข้าวหลาม และทุกคนช่วยกันเผาข้าวหลาม เผาเสร็จก็ปอกข้าวหลามรับประทานแทนข้าวมื้อเย็น เก็บไว้ทำบุญตอนเช้า แจกญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน  แต่เดี๋ยวนี้มีเงินไปตลาดหาซื้อได้เลย แต่มันไม่อร่อยเหมือนกับครอบครัวช่วยกันทำครับ
                             เธอว่าจริงไหม?
                             ดร.ป๋อง  ไปตัดไม้ไผ่มา(เพราะที่บ้านมี) คุณน้องหนุงหนิง ไปหาข้าวเหนี๋ยวใหม่ มะพร้าว ถั่วดำ เกลือ คุณน้องหมีไปหาน้ำอ้อยงบมา นายเหยงไปหากากอ้อยตากแห้งมา(นครสวรรค์มี) พี่สิงห์จะทำข้าวหลามให้รับประทานท่ามกลางเสียงคาราโอเกะ ครับ
                             สวัสดี

กว่าจะได้มา...หลายกระบวนการ
แต่การทำอะไรด้วยกัน..มีนัยแฝงคะ
ว่าเป็นความสุขที่ในครอบครัวมีร่วมกัน.


"น้ำอ้อยงบ"คืออะไรคะ?
น้ำอ้อยคั้นบีบกะเครื่องเหรอคะ?
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #427 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2553, 07:51:46 »

สวัสดียามเช้าครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         เช้าวันนี้อากาศที่นครศรีธรรมราชดี ครับไม่มีฝนและแสงแดดไม่แรง เป็นการเริ่มต้นที่ดีภายหลังจากผ่านวันทำบุญเดือนสิบผ่านไปเมื่อวานนี้ ชาวนครศรีธรรมราชที่มาเยี่ยมครอบครัว คงหากิจกรรมทำกันในครอบครัว และเดินทางกลับไปทำหน้าที่ของตนตามปกติต่อไป โดยมีความเชื่อที่จะสามารถทำอะไรได้ดีกว่าเดิมเพราะได้มาทำบุญให้ผีปู่ ย่า ตา ยาย และญาติๆที่เสียชีวิตไปแล้ว ครับ

สวัสดีครับ คุณน้องหนุงหนิง
                          "น้ำอ้อยงบ" ก็คือ เคยเห็นชาวบ้านปลูกอ้อย ต้นสีแดงๆไหม นั่นละอ้อยที่จะมาทำน้ำอ้อยงบ วิธีการก็คือ ภายหลังอ้อยเจริญเติมโตเต็มที่แล้วหน้านี้พอดี ชาวไร่ก็จะตัดอ้อย มัดรวมกันเป็นมัด สมัยก่อนก็หาบมาที่โรงหีบอ้อย บ้านพี่สิงห์พ่อรับจ้างหีบอ้อย เมื่อเอาอ้อยมาหีบเราก็จะได้น้ำอ้อย กับซังอ้อย น้ำอ้อยเราก็เอาไปใส่กระทะใบบัวลูกเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑ เมตร และมีเตาต้มพิเศษจะทำจากเตาดิน มีที่ใส่ฝืน และมีปล่องดูดอากาศออก ต้มไปเรื่อยๆ น้ำอ้อยก็จะเดือด ข้น เหนียว ก่อนที่จะเป็นแตงเมย์(ข้นเกินไป) ส่วนหนึ่งพอเคี่ยวได้ที่ก็จะบรรจุปีปเป็นน้ำอ้อยบรรจุปีป(ลักษณะเหมือนน้ำผึ้งป่านี่ละ)เอาไปขายที่จังหวัดหรือกรุงเทพฯเพราะสมัยนั้นน้ำตาลยังไม่มีครับใช้น้ำอ้อยแทนทั้งหมด สำหรับน้ำอ้อยงบต้องเคัี้ยวต่อไปอีก และมีขี้เถ้าใส่พอข้นมาก ก็ใช้กระจ่า(กระจ่าทำจากกะลา เป็นรูปทับพีใช้ตักน้ำอ้อยหยอดลงในเบ้า) ตักสำหรับเบ้านั้น ใช้ไม้ไผ่หลาวแบนๆ ม้วนเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่านศุนย์กลาง ๒ นิ้วมัดด้วยหวาย พอเอากระจ่าตักน้ำอ้อยมาหยอดลง ปล่อยทิ้งไว้ไม่ถึงห้านาทีน้ำอ้อยก็แห้งกลายเป็นน้ำอ้อยงบ ครับ การเก็บรักษา เขาจะเรียงเป็นตั้ง แนวดิ่ง ตั้งละ ๑๐ งบและห่อด้วยใบตองแห้ง เป็นการเสริจกระบวนการทำน้ำอ้อยงบ แบบโบราณเอาเก็บไว้กินได้เป็นปี ครับ คุณภาพจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับอ้อยและวิธีการเคี้ยว คือเหนียว ไม่ตกทราย ครับ ปัจจุบัน ทำกันไม่เป็นแล้วเพราะน้ำตาลเข้ามาแทนที่หมดแล้ว น้ำอ้อยงบ หรือน้ำอ้อยปีป จึงหายไปจากท้องตลาดครับ
                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #428 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2553, 08:03:35 »

น้ำอ้อยงบ ปัจจุบันยังมีขายครับ เช่น ตลาด OTOP สิงห์บุรี จะมีน้ำอ้อยงบจำหน่าย พี่สิงห์เห็นจะซื้อประจำเอาไว้รับประทานกับข้าวหลาม

น้ำอ้อยปีป เอามาทำขนมเช่นกระยาสารท อร่อยอย่าบอกใครเชียวเพราะมีกลิ่นหอมของอ้อย ครับ หรือทำขนมต่างๆ ก็อร่อยแบบไทยๆ ครับ

ของกวนต่างๆ สมัยโบราณใช้น้ำอ้อยปีปทำทั้งนั้น พอน้ำตาลทราบมาแทนที่น้ำอ้อยปีปหายไปหมดเลย

นอกจากนี้ สมัยพ่อผมเป็นหนุ่มเวลาก่ออิฐสร้างโบสถ์ ศาลาวัด พ่อใช้น้ำอ้อยปัปนี่ละผสมกับหินปูนที่เผาสุกบดละเอียด แทนปูนซิเมนต์ใช้ในการก่อสร้าง มีความแข็งแรง ทนทานมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ทั้งนั้น นี่คือภูมิปัญญาชาวบ้านในการก่อสร้าง เพราะสมัยนั้นปูนซิเมนต์ไทยผลิตไม่ได้  ไม่มีขาย แต่วัดวาไทยก็ก่อสร้างด้วยคอนกรีต แต่เอาน้ำอ้อยผสมกับหินปูนเผา บดละเอียดนี่ลอครับแทนได้ ดีด้วย แตกก็ไม่แตก ทนก็ทน คือการก่อสร้างวัดในอดีตที่ใช้น้ำอ้อยปีปแทนปูนซิเมนต์

วันนี้พี่สิงห์กลับกรุงเทพฯเย็นครับ
สวัสดียามเช้า


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #429 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2553, 08:11:35 »



ไม่แน่ครับ บางทีหอประชุม ตึกอักษร อาจใช้น้ำอ้อยปีปเป็นส่วนผสมก็ได้ ครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #430 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2553, 10:40:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 08 ตุลาคม 2553, 20:25:37
สวัสดีครับ คุณน้องหมี
                             การเผาข้าวหลามก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้ใช้เตาถ่านไปหมดแล้ว เมื่อก่อนใช้กากอ้อยที่ตากแห้งแล้ว หรือฟางข้าว หรือฝืน ครับ เพราะฉนั้นต้องมีศิลปในการเผา ไฟแรงไป น้ำกะทิเดือดหกหมด หรือกระบอกไหม้ แต่ผมยังเชื่อว่าวิธีโบราณ นั้นสร้างความสามัคคีในครอบครัว เพราะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้ทั้งพ่อบ้าน(พ่อผมไปตัดไม้ ผมไปช่วยพ่อแบก) พ่อต้องตัดกระบอกไม้ไผ่เป็นปล้องๆ พี่สาวกับแม่ต้องกรอกข้าวเหนี๋ยวใส่กระบอก พ่อไปเตรียมราวเผาข้าวหลาม และทุกคนช่วยกันเผาข้าวหลาม เผาเสร็จก็ปอกข้าวหลามรับประทานแทนข้าวมื้อเย็น เก็บไว้ทำบุญตอนเช้า แจกญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน  แต่เดี๋ยวนี้มีเงินไปตลาดหาซื้อได้เลย แต่มันไม่อร่อยเหมือนกับครอบครัวช่วยกันทำครับ
                             เธอว่าจริงไหม?
                             ดร.ป๋อง  ไปตัดไม้ไผ่มา(เพราะที่บ้านมี) คุณน้องหนุงหนิง ไปหาข้าวเหนี๋ยวใหม่ มะพร้าว ถั่วดำ เกลือ คุณน้องหมีไปหาน้ำอ้อยงบมา นายเหยงไปหากากอ้อยตากแห้งมา(นครสวรรค์มี) พี่สิงห์จะทำข้าวหลามให้รับประทานท่ามกลางเสียงคาราโอเกะ ครับ
                             สวัสดี
ถ้าทุ่มทุนสร้างอลังกามหาศาลขนาดนั้น
คาราโอเกะมันไม่คู่ควรแล้วครับ
ต้องจ้างวงดนตรีวงใหญ่กรมโฆษณาการ
ไปบรรเลงให้ร้องกันสดๆในงาน จึงจะคู่ควร
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #431 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2553, 16:20:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 09 ตุลาคม 2553, 08:03:35
น้ำอ้อยงบ ปัจจุบันยังมีขายครับ เช่น ตลาด OTOP สิงห์บุรี จะมีน้ำอ้อยงบจำหน่าย พี่สิงห์เห็นจะซื้อประจำเอาไว้รับประทานกับข้าวหลาม

น้ำอ้อยปีป เอามาทำขนมเช่นกระยาสารท อร่อยอย่าบอกใครเชียวเพราะมีกลิ่นหอมของอ้อย ครับ หรือทำขนมต่างๆ ก็อร่อยแบบไทยๆ ครับ

ของกวนต่างๆ สมัยโบราณใช้น้ำอ้อยปีปทำทั้งนั้น พอน้ำตาลทราบมาแทนที่น้ำอ้อยปีปหายไปหมดเลย

นอกจากนี้ สมัยพ่อผมเป็นหนุ่มเวลาก่ออิฐสร้างโบสถ์ ศาลาวัด พ่อใช้น้ำอ้อยปัปนี่ละผสมกับหินปูนที่เผาสุกบดละเอียด แทนปูนซิเมนต์ใช้ในการก่อสร้าง มีความแข็งแรง ทนทานมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ทั้งนั้น นี่คือภูมิปัญญาชาวบ้านในการก่อสร้าง เพราะสมัยนั้นปูนซิเมนต์ไทยผลิตไม่ได้  ไม่มีขาย แต่วัดวาไทยก็ก่อสร้างด้วยคอนกรีต แต่เอาน้ำอ้อยผสมกับหินปูนเผา บดละเอียดนี่ลอครับแทนได้ ดีด้วย แตกก็ไม่แตก ทนก็ทน คือการก่อสร้างวัดในอดีตที่ใช้น้ำอ้อยปีปแทนปูนซิเมนต์

วันนี้พี่สิงห์กลับกรุงเทพฯเย็นครับ
สวัสดียามเช้า



อ๋อนึกออกแล้วค่ะ.
หนิงว่าจะคล้ายๆวิธีกรรม
การทำน้ำตาลแว่นของชาวสงขลา
ที่ทำมากที่อำเภอระโนดติดเขตนครฯ

ความที่เค้ามีต้นตาลโตนดมากมาย
เผลอๆจะมากมายกว่าเขตอื่นด้วย!
เค้านำมาเคี่ยว ทำเป็นสองผลิตภัณฑ์
คล้ายๆจากอ้อยค่ะ.

บ้านหนิงแม่จะใช้น้ำตาลแว่นจากตาลโตนด
มาทำน้ำพริกกะปิ-น้ำพริกมะขาม รสจะกลมกล่อม
กว่าการใช้น้ำตาลทราย.

 เมื่อปี 1999หนิงและครอบครัวกลับมาสงขลา
แฟนหนิงขับพาทะลุตรอกซอกซอยเข้าไปในเขต
สงขลา-ระโนด....เห็นเค้ากวนน้ำตาลโตนดหน้าบ้าน
เลยหยุดรถขอลงไปถ่ายภาพ-ชิมและซื้อผลิตภัณฑ์
ยังมีอยู่ค่ะแต่ไม่แพร่หลาย...พบได้ทั่วไปตามตลาดนัด.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #432 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2553, 16:28:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 09 ตุลาคม 2553, 08:03:35
นอกจากนี้ สมัยพ่อผมเป็นหนุ่มเวลาก่ออิฐสร้างโบสถ์ ศาลาวัด พ่อใช้น้ำอ้อยปัปนี่ละผสมกับหินปูนที่เผาสุกบดละเอียด แทนปูนซิเมนต์ใช้ในการก่อสร้าง มีความแข็งแรง ทนทานมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ทั้งนั้น นี่คือภูมิปัญญาชาวบ้านในการก่อสร้าง เพราะสมัยนั้นปูนซิเมนต์ไทยผลิตไม่ได้  ไม่มีขาย แต่วัดวาไทยก็ก่อสร้างด้วยคอนกรีต แต่เอาน้ำอ้อยผสมกับหินปูนเผา บดละเอียดนี่ลอครับแทนได้ ดีด้วย แตกก็ไม่แตก ทนก็ทน คือการก่อสร้างวัดในอดีตที่ใช้น้ำอ้อยปีปแทนปูนซิเมนต์

วันนี้พี่สิงห์กลับกรุงเทพฯเย็นครับ
สวัสดียามเช้า



โอ..
แล้วความหวานนั่นไม่เป็นผลเสียต่อ
ผนังอาคารเหรอคะ?
เพราะสภาพ humidในอากาศทำปฏิกิริยา
กะน้าตาลกวนอะไรซักอย่างแน่ๆหนิงว่า

หนิงเลยดูรายการ documentationเกี่ยวกับ
การวิเคราะห์วัสดุก่อสร้างของ the great wall
กำแพงเมืองจีน...มหัศจรรย์มากพี่สิงห์
เค้าใช้กาวที่กวนจากแป้งข้าวเจ้า...เป็นตัวยึด!
ฮ๊ะ...นี่น้ำตาลอ้อย
โอ๊ย...โบสถ์ไหนเดี๋ยวหนูจะไปชิม.
      บันทึกการเข้า


เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #433 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2553, 16:54:01 »

พี่สิงห์ครับ ฮานอยฉลอง 1000 ปี น่าสนใจไหม่ ??

เวียดนามนับหมื่นๆ สวนสนามใหญ่ฉลอง 1,000 ปี
10 ตุลาคม 2553 13:37 น.


 
       Photos Courtesy of Vietnam Express
       ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ทหารเหล่าทัพต่างๆ ทหารอาสา กองกำลังป้องกันชายแดน ตำรวจ อาสาสมัครป้องกันพลเรือน ผู้แทนเยาวชน แรงงาน เกษตรกร และผู้แทนชนเผ่าต่างๆ ชาวเวียดนามอาชีพต่างๆ ทั่วประเทศ ร่วมกันเดินขบวนสวนสนามครั้งใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยจัดขึ้นในประเทศนี้ เพื่อเฉลิมฉลองครอบ 1,000 ปี การก่อตั้งนครทางลอง (Thang Long) ซึ่งก็คือ ที่ตั้งกรุงฮานอยปัจจุบัน
       
       การจัดสวนสนามครั้งใหญ่ ซึ่งสื่อต่างๆ ในเวียดนาม กล่าวว่า ยิ่งใหญ่กว่าการจัดเดินขบวนเฉลิมฉลอง ในวาระสำคัญๆ ต่างๆ ในรอบกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ทั้งจำนวนคนที่เจ้าร่วมและจำนวนริ้วขบวน จัดขึ้นที่บริเวณจัตุรัสบาดี่ง (Ba Dinh) ของเมืองหลวงเวลา 08.00 น.วันอาทิตย์ (10 ต.ค.) นี้
       
       การสวนสนามครั้งใหญ่เริ่มขึ้นด้วยปืนใหญ่ยิงสลุต 21 นัด เอาฤกษ์เอาชัย และ เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพจำนวน 10 ลำ ที่ติดธงชาติเวียดนาม ธงพื้นแดงดาวเหลืองของพรรคคอมมิวนิสต์ และ ธงสัญลักษณ์งานฉลอง 1,000 ปี บินผ่านบริเวณจัตุรัส ท่ามกลางผู้ชมนับหมื่นๆ
       
       นี่คือ พิธีปิดการเฉลิมฉลองวาระสำคัญของประเทศ ที่ดำเนินมาเป็นเวลา 10 วัน แต่การจัดแสดงนิทัศน์การและการแสดงรื่นเริงต่างๆ จะยังคงดำเนินต่อไปตลอดวันตลอดคืน
       
        ไปดูพิธีปิดการฉลอง 1,000 ปี
 


ดูภาพเพิ่มเติมนับสิบภาพที่
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000142375
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #434 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 01:44:23 »

พี่เหยง,
ข่าวในเยอรมันเมื่อวาน(09.10.2010)
ออกมาแต่เช้ามืดว่า ชาวเยอรมัน 2 คน
ไปช่วยดูเรื่องพลุ-ประทัด เกิดอุบัติเหตุ
ไฟลุกไหม้ เข้าไปในตู้containerเก็บที่
เตรียมสำหรับงาน1000ปีนี้แหละ
เสียชีวิตทั้งคู่คะ!

สะดุดหูเพราะเด็กๆถามพ่อว่าถ้าเป็นคนชาติอื่น
ที่ไม่ไช่เยอรมันเสียชีวิตตู้containerประทัดระเบิด
จะเป็นข่าวมั้ย!
      บันทึกการเข้า


Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #435 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 06:18:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 07 ตุลาคม 2553, 05:40:31
เรียนพี่สิงห์
         ผมขออนุญาตินำ เรื่องการฝึกตันเถียนโยคะ โดย ..พี่สิงห์ ทั้ง 16 ท่า   ที่ผมได้ save เก็บไว้มาทะยอยโพสต์นะครับ

โดยจะเปิดเป็นกระทู้ใหม่ครับ


เรียนพี่สิงห์
            ผมได้โพสต์ข้อความเดิมของพี่สิงห์เสร็จแล้วครับ  พี่สิงห์สามารถเข้าไปเพิ่มเติมข้อมูลได้ที่

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6704.0.html
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #436 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 08:25:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 01:44:23
พี่เหยง,
ข่าวในเยอรมันเมื่อวาน(09.10.2010)
ออกมาแต่เช้ามืดว่า ชาวเยอรมัน 2 คน
ไปช่วยดูเรื่องพลุ-ประทัด เกิดอุบัติเหตุ
ไฟลุกไหม้ เข้าไปในตู้containerเก็บที่
เตรียมสำหรับงาน1000ปีนี้แหละ
เสียชีวิตทั้งคู่คะ!

สะดุดหูเพราะเด็กๆถามพ่อว่าถ้าเป็นคนชาติอื่น
ที่ไม่ไช่เยอรมันเสียชีวิตตู้containerประทัดระเบิด
จะเป็นข่าวมั้ย!


ตามข่าวในเมืองไทยเจอแล้วครับ แต่จั่วหัวว่า เวียตนามงดพลุเพื่อไว้อาลัยผุ้เสียชีวิตจากน้ำท่วม เมื่อไม่กี่วันนี้

เวียดนามงดพลุดอกไม้ไฟฉลอง 1,000 ปี อาลัยผู้เสียชีวิตน้ำท่วม
10 ตุลาคม 2553 14:41 น.


       ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ทางการเวียดนามได้ประกาศงดการแสดงพลุ กับดอกไม้ไฟ ในพิธีการเฉลิมฉลองครบรอบ 1,000 ปี การก่อตั้งเมืองหลวง ที่กำหนดขึ้นในคืนวันอาทิตย์ (10 ต.ค.) นี้ เพื่อไว้อาลัยแด่เพื่อนร่วมชาติเกือบ 100 คน ที่เสียชีวิตและยังสูญหาย จากเหตุอุทกภัยในหลายจังหวัดภาคกลางของประเทศสัปดาห์นี้
      
       เจ้าหน้าที่เวียดนาม กล่าวว่า เงินงบประมาณในส่วนนี้ จะนำไปช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติหลายหมื่นคนที่กำลังเดือดร้อนแสนสาหัส จากอุทกภัยซึ่งเกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว
      
       น้ำท่วมกินอาณาบริเวณกว้าง ตั้งแต่ จ.ห่าตี๋ง (Ha Tinh) เหงะอาน (Nge An) กว๋างบี่ง (Quang Binh) ไปจนถึง จ.กว๋างจิ (Quang Tri) กับบางส่วนของ จ.เถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue) จนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมาพบผู้เสียชีวิตแล้ว 62 อีก 23 คนยังคงสูญหาย
      
       เจ้าหน้าที่กล่าวว่า หลังค้นหาติดต่อกันมาหลายวัน โอกาสที่จะพบผู้สูญหายก็มีน้อยลงตามไปด้วย
      
       พิธีแสดงพลุดอกไม้ไฟอันโอฬารตระการตามีกำหนดขึ้นที่สนามกีฬาหมีดี่ง (My Dinh) ชานกรุงฮานอย ผู้นำหลายคน ทั้งทางการท้องถิ่น พรรคคอมมิวนิสต์ และรัฐบาล มีกำหนดจะไปร่วมในพิธีนี้ด้วย
      
       นอกจากนั้น เหตุระเบิดที่สนามกีฬาแห่งนี้ในสัปดาห์นี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่เยอรมัน 3 คน ที่ทำงานให้กับบริษัทในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้จัดแสดงพลุกับดอกไม้ไฟ และการแสดงบนเวทีในคืนวันที่ 10 ต.ค.ให้แก่เวียดนาม สื่อของทางการกล่าว
      
       เหตุระเบิดเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้ายถังเก็บพลุกดอกไม้ไฟ 2 ถัง เพื่อนำไปติดตั้งเตรียมสำหรับการแสดงในคืนวันอาทิตย์นี้ ซึ่ง “ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการโดยประมาท” สื่อของทางการอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงฮานอยผู้หนึ่ง

      
        คนนับหมื่นยังไร้ที่อยู่ เด็กๆ หิวโหย



ชมภาพเพิ่มเติม 7 ภาพใน
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000142414
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #437 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2553, 13:05:15 »

สวัสดีครับ ชาวเวบที่รักทุกท่านอ
                         ขอขอบคุณ คุณเหยง ที่เข้ามารายงานการเฉลิมฉลองกรุงฮานอยครบ ๑๐๐๐ ปี
                         คุณฯน้องหนิง วิธีการทำน้ำตาลตะโนดและน้ำอ้อยงบเหมือนกันครับ แต่น้ำอ้อยงบจะผลิตครั้งละมากๆ เป็นอุตสาหกรรม สมัยก่อนครับ เพราะการปลูกอ้อย แต่ละจ้าว ปลูกมาก ครับหีบอ้อยกันทั้งฤดูประมาณสามเดือน จนกว่าอ้อยจะหมดทุ่งครับ ส่วนหนึ่งชาวบ้านเก็บไว้รับประทาน และส่วนใหญ่จะขายส่งกรุงเทพฯ ซึ่งสมัยนั้นจะมีเรือเอี้อมจุ้นมารับซื้อ คือน่านี้พอดีครับ

                         ขณะนี้พี่สิงห์อยู่สนามบินดอนเมือง ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอพักผ่อน หยุดเดินทาง หยุดเข้าเวบ เพื่อจะดูใจตนเองว่าเป็นอย่างไรบ้าง ประกอบกับโรคหวัดลงคอไม่ยอมหายสักที ครับ จนรำคาญตัวเองวันนี้จึงไปโรงพยาบาลเวชธานีไปพบคุณหมอประเสริฐ  หมอเชี่ยวชาญทาง ENT หู ตา คอ จมูก ซึ่งพี่สิงห์เวลาป่วยก็ไปหาคุณหมอท่านนี้มาเกินสิบห้าปี ปรากฎว่าคุณหมอยังจำได้เพราะไม่ได้ไปหาคุณหมอตั้งแต่ต้นปี 2551 ครับ ก็บอกคุณหมอว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย  คราวนี้ก็เลยเล่าสาเหตุให้คุณหมอฟังตั้งแต่เริ่มเป็น สรุป คือ อากาศเปลี่ยนเนื่องจากเดินทาง อยู่ในชุมชน ใช้เสียงมาก ทำให้เป็นไข้หวัดธรรมดา คือหวัดลงคอ และดื้อยา จึงเป็นนาน จนรำคาญ   แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้หยุดพักจริงๆ เพราะยังต้งซ้อมและออกรอบตีกอล์ฟทุกวันเพื่อเตรียมตัวเข้าแข่งขันกอล์ฟอาชีพ อยู่กลางแดด  ฝนตก  เข้าห้องแอร์ โรคหวัดมันจึงไม่หาย จึงตัดสินใจไปพบคุณหมอประเสริฐ คุณหมอให้รับประทานยา Amoksiklav และ Prednisolone และบอกว่าสามวันก็คงจะดีขึ้นหรือหาย ครับ
                           ก็ขอรายงานเพียงเท่านี้ครับ ไว้ถึงนครศรีธรรมราชแล้ว คงมีเวลามาคุยกันครับ
                           สวัสดีทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #438 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2553, 20:02:58 »

สวัสดียามค่ำทุกท่านครับ
                          เย็นนี้ที่นครศรีธรรมราชฝนตก เมฆครึ้ม โรงแรมเงียบเหงา แขกมาพักน้อย พี่สิงห์ไม่ได้ไปออกกำลังกายเพราะอยากพักให้มาก ๆ ทดลองดูแต่ภายหลังจากรับประทานยามาสองมื้อ อาการดีขึ้นการระคายคอ และปวดร้าวที่หูหายไปแยะ ทุกอย่างดีขึ้นมาก เลยได้แต่เดินไปรอบๆบริเวณโรงแรม แบบจงกรม ภายหลังจากรับประทานอาหารเย็นตอนหกโมงเย็นเสร็จ พรุ่งนี้คงสามารถออกกำลังกายได้ปกติตอนหกโมงเช้า

                           รู้สึกว่าเงียบเหงาไปหน่อย คุณน้องหมี คงมีงานแยะเกินตัว จึงไม่เข้ามาเยี่ยมเยือน
           
                           พี่สิงห์ก็คิดอะไรไม่ออกที่ผ่านมาเพราะกิเลสมันชนะใจไปหมด  ขาดการปฏิบัติเจริญสติ  ได้แต่พยายามมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดหรือวิตกกังวลไปในอดีต-อนาคต ทั้งนั้น แต่ก็ขาดๆหายๆ คือ นึกขึ้นได้ก็มีสติ แต่พอเผลอตัวก็ลืมตัวไปบ้าง แต่ก็อยู่กับปัจจุบัน พยายามบอกตัวเองว่า เราต้องคิดอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น และต้องมีสติอยู่กับอิริยาบถต่างๆในการทำกิจวัตรประจำวัน ทำงาน ให้ได้ ถึงจะครบถ้วนและพยายามทำให้เป็นห่วงโซ่ แต่ถึงแม้จะขาดหายไป ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็พอบังคับจิตได้บ้าง ทำให้มันเชื่องขึ้นๆ ทำ 5ส.ใจ ไปได้แยะ พยายามไม่วิตกกังวลอะไรทั้งนั้น ปล่อยวาง คิดให้เป็นธรรมชาติ คือ อารมณ์ต่างๆที่ใจมันคิด มีเกิดขึ้น  ตั้งอยู่ ชราลง และดับ มันเป็นของมันอย่างนี้ตามธรรมชาติ ยกเว้นอย่างเดียวเราอย่าไปปรุงแต่งหรือเป็นทาษของความคิด มันคิดขึ้นมา เดี๋ยวมันก็ดับไปเอง เป็นธรรมชาติของจิต ที่ต้องคิด(เนื่องจากเรายังคุมมันไม่ได้) แต่ก็รับรู้สิ่งที่มันคิด ปล่อยวางผ่านไป แล้วมันก็จะเลิกคิดเรื่องนั้นไปเอง
                            มีสิ่งที่พี่สิงห์ค้นพบก็คือ เดิมทีพี่สิงห์นึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตทันที่ที่มีปัจจุยจะมีเฉพาะอาสวะกิเลส อย่างเดียว แต่จริงแล้ว ยังมีอาสวะกิเลสชนิดดีที่เรารักเราชอบ สามารถจะโพร่งขึ้นมาได้เองเมื่อมีปัจจัยเอื้ออำนวย เช่นเพลงที่เราชอบ มีความหมาย มันจะเกิดขึ้นมาคือนึกขึ้นมาได้ทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนเราภาวนาว่า พุทธ โธ เลยเหมือนกันครับ แต่ถ้าเป็นความรู้จากการ รู้จำ มันจะไม่โพร่งขึ้นมา ต้องใช้วิธีคิดเท่านั้น เพราะมันไม่ได้ฝังใจเป็นอาสวะ ครับ
                            ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
BU_KA
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 986

« ตอบ #439 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 02:39:04 »

หนูยังทำงานอยู่เลยค่ะ จะสว่างอีกแล้ว
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #440 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 05:06:41 »

อรุณสวัสดิ์ครับพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #441 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 07:41:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 05:06:41
อรุณสวัสดิ์ครับพี่สิงห์


สวัสดียามเช้าครับ ท่านขุน
                           หกโมงเช้าพี่สิงห์ไปออกกำลังกาย TAI  CHI และโยคะ ที่ลานเอนกประสงค์ชั้นสามของโรงแรม โดยมีเสียงนก และแสงแดดยามเช้าเป็นเพื่อน อากาศเช้าดีมากเพราะเมื่อคืนฝนตกทั้งคืนทำให้ในอากาศไม่มีฝุ่นละออง ครับ ภายหลังออกกำลังกายเสร็จ ก็นั่งเจริญสติให้จิตสงบและให้เหงื่อแห้ง
                           เจ็ดโมง ลงไปรับประทานอาหารเช้า แล้วกลับมาเดินจงกรม ทบทวนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับจิตของเรา และเพื่อให้อาหารย่อย จนรู้สึกว่าเหมื่อย ก้กลับมาห้องเมื่อเวลา 07:40 น.พอดี ครับก็เปิดเวบทันทีเลย
                           ท่านขุนช่วยกรุณาเล่าประสพการณ์ การเจริญสติสู่กันฟังบ้างซิครับ  ไม่แน่งาน Concrete World อาจจะไปพบท่านขุนก็ได้ครับ
                           สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #442 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 07:45:44 »

อรุณสวัสดิ์พี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #443 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 07:47:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ BU_KA เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 02:39:04
หนูยังทำงานอยู่เลยค่ะ จะสว่างอีกแล้ว

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องหมี
                         สงสารร่างกายบ้าง  ถึงแม้จะอยู่ในวัยย์ทำงานก็จริง  แต่ร่างกาย-จิตใจ ก็ต้องการพักผ่อนตามธรรมชาติ  ให้รู้จักปล่อยวางบ้างในบางโอกาส  อย่าคิดว่านอกจากเราแล้ว คนอื่นคงทำไม่ได้ดีเท่าเรา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป จึงปล่อยวางไม่ได้ เรียกว่า เป็นทาษของความคิดตัวเอง
                         สวัสดียามเช้าค่ะ อย่าลืม "ปัญญาจะเกิด เมื่อร่างกาย-จิตใจ เกิดความผ่อนคลาย และปล่อยวาง"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #444 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 07:49:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 07:45:44
อรุณสวัสดิ์พี่สิงห์

สวัสดีครับ คุณน้องไพรสนธิ์
                           พี่สิงหืไม่ได้คุยกับเธอนานมากแล้ว  พี่สิงห์ไม่ทราบเธอไปทำงานอะไร  ที่ไหน  สุขสบายดีหรือไม่ หรือเรียนต่อ และช่วยดูเวบของเรา ถ้าเป็นไปได้ พี่สิงห์ขอเบอร์โทรศัพท์ด้วย จะได้ติดต่อกันได้ สบายดีนะ
                            สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #445 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 07:50:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 07:47:03
อ้างถึง
ข้อความของ BU_KA เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 02:39:04
หนูยังทำงานอยู่เลยค่ะ จะสว่างอีกแล้ว

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องหมี
                         สงสารร่างกายบ้าง  ถึงแม้จะอยู่ในวัยย์ทำงานก็จริง  แต่ร่างกาย-จิตใจ ก็ต้องการพักผ่อนตามธรรมชาติ  ให้รู้จักปล่อยวางบ้างในบางโอกาส  อย่าคิดว่านอกจากเราแล้ว คนอื่นคงทำไม่ได้ดีเท่าเรา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป จึงปล่อยวางไม่ได้ เรียกว่า เป็นทาษของความคิดตัวเอง
                         สวัสดียามเช้าค่ะ อย่าลืม "ปัญญาจะเกิด เมื่อร่างกาย-จิตใจ เกิดความผ่อนคลาย และปล่อยวาง"

ชอบมากเลยครับคำพูดประโยคนี้

 เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #446 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 07:51:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 07:49:36
อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 07:45:44
อรุณสวัสดิ์พี่สิงห์

สวัสดีครับ คุณน้องไพรสนธิ์
                           พี่สิงหืไม่ได้คุยกับเธอนานมากแล้ว  พี่สิงห์ไม่ทราบเธอไปทำงานอะไร  ที่ไหน  สุขสบายดีหรือไม่ หรือเรียนต่อ และช่วยดูเวบของเรา ถ้าเป็นไปได้ พี่สิงห์ขอเบอร์โทรศัพท์ด้วย จะได้ติดต่อกันได้ สบายดีนะ
                            สวัสดีครับ

ทำงานครับพี่ อยู่แถวราม 76 ครับผม
ดูแลเว็บของเราด้วยครับ
เบอร์โทรผม 085-913-3507 ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #447 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 08:06:54 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหมี
                           พี่สิงห์สงสัยว่าเธอกับพี่ ดร.ป่อง  นั้นเป็นโรคเดียวกัน คือมนุษย์กลางคืน ตั้งแต่สมัยเรียน ดร.ป๋อง  กลางวันนอน กลางคืนทำงานเป็นแบบนี้จนติดเป็นนิสัย  แต่เดี๋ยวนี้ ดร.ป๋อง  ดีหน่อย 09:00-10:00 น. ตื่นแล้วและนอนไม่เกิน ตีสอง แต่เธอดูแล้วกัน ดร.ป๋อง  กินยาเป็นกำเหมือนกัน ยังดีที่รู้ตัวว่าคิดผิด เดี๋ยวนี้รู้จักดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้นแต่เก่า อาจจะเป็นเพราะอายุมากขึ้น จึงเริ่มได้คิด ไม่ประชดตัวเอง กลายเป็น ดร.ป๋อง คนดีกับตัวเองเพิ่มขึ้น ตอนเย็นก็ไม่กินเบียร์แล้ว   พี่สิงห์ก็ดีใจที่ ดร.ป๋อง  ดีขึ้นแต่ยังเสียอีกอย่าง ชอบสังสรรค์กับน้องๆ เพื่อนๆ มากไปหน่อย ตอนนี้ แต่ไม่เป็นไร ถ้าเป็นความสุขที่หาได้  เพราะความสุขในครอบครัวไม่มีเหมือนกับพี่สิงห์เช่นกัน
                           แต่ตอนนี้พี่สิงห์ดีกว่า ดร.ป๋อง  นิดหน่อย มีเหลนสาวมาอยู่ด้วย  ทำให้พี่สิงห์หายเป็นห่วงบ้านเวลาไม่อยู่ และเหลนสาวก็ ช่วยดูแลบ้าน และรีดผ้าให้พี่สิงห์โดยที่ไม่ได้บังคับ ส่วนผ้านั้นพี่สิงห์ซักเอง พยายามหางานให้ตัวเองทำ เมื่อก่อนพี่สิงห์รีดผ้าวันต่อวัน เพราะถ้ารีดมากๆ ยืนมันเหมื่อย แต่ก็ละวังเสมอกลัวลืมปิดไฟฟ้าเตารีด แต่ก็เพิ่มภาระให้พี่สิงห์คือ เขากลับบ้านมากกว่าสองทุ่ม เพราะทำงาน Over time เวลาเข้าบ้านต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์ แต่ถ้าพี่สิงห์อยู่บ้านจะขับรถไปรับที่ปากซอย เพราะเขานั่งรถไฟฟ้า ไปทำงาน และอย่างน้อย  ถ้าเกิดพี่สิงห์เป็นอะไรไป ก็มีคนดูแล ครับ
                           สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #448 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 14:27:57 »







วันนี้อาจารย์   ถาวรโชติชื่น
กรุณาส่งรูปที่ไปบรรยายให้เด็กนักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ศาลายา นครปฐม มาให้ เลยเอามาลงให้ดูกันครับ
สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #449 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2553, 15:32:09 »

สวัสดีครับ คุณพรชัย   เกตุเล็ก และกรรมการชมรมทุกท่าน
                         ปกติคนเราย่อมว่างไม่ตรงกันอยู่แล้วครับ นั่นเป็นธรรมชาติของคน เราต้องยอมรับ สำหรับการไปเยี่ยมโรงเรียนบ้านหนองหว้านั้น เดิมทีพี่สิงห์นึกว่าจะเลื่อนไปต้นปีหน้า(รับทราบทางเวบ) ก็เลยนอนใจว่าเขาคงเลื่อนกิจกรรมนี้ไป   แต่กระนั้นก็ดีบังเอิญคุยกันเรื่องนี้ Tippy ถามผมว่าว่างไหม? ผมก็ตอบว่าไม่ว่าง และตอบในเวบ และท่านอื่นๆ ก่อนที่กรรมการชมรมจะประชุมกันเสียอีก เพียงแต่ไม่มีใครแจ้งในที่ประชุม หรือลืมไปคิดว่ามันไม่สำคัญก็เลยมองผ่านไป
                          จึงมีมติไปเยี่ยมโรงเรียนในช่วงที่ผมไม่สามารถไปได้   ก็ไม่เป็นไร ขาดผมไปสักคนหนึ่งไม่เสียหายอยู่แล้ว ใครก็ทำและไปได้อยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลกับผม  ผมปล่อยวางได้อยู่แล้ว  ผมสามารถปล่อยมันให้เหมือนกับสายน้ำที่ไหลมาผ่านตัวผมแล้วก็เลยไป  ไม่คิดอะไรทั้งสิ้น  ก็ขอชี้แจ้งให้ทุกท่านได้ทราบที่มาที่ไป  จะได้ไม่มาลงเอยที่ผมหาว่าผมไม่รักค่าย  ไม่ไปเยี่ยมโรงเรียนที่ผมทำให้ไว้  ยากทำมากกๆในชีวิตด้วยครับ แต่เวลามันตรงกันเพราะกรรมการมีมติทีหลังและผมได้แจ้งแล้วว่าไม่ว่างช่วงนั้น ก่อนที่จะประชุมกันด้วย
                           สรุปคือ ผมติดธุระไม่สามารถไปได้ตามนั้นครับ อย่ามายุ่งกับผมเลยครับ อย่ามาอ้อนวอน อย่างโน้นอย่างนี้เลยครับ มันผ่านไปแล้วครับ
                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><