23 มิถุนายน 2567, 09:38:56
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 91 92 [93] 94 95 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3320802 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2300 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 10:28:22 »



ทางที่มิใช่ทาง ไม่ว่าจะทางตรงหรืดไม่ ผิดหรือไม่ผิดทางสังคม แต่ผิดทางธรรม





ป้ายเหล่านี้ติดอยู่บนถนนสายเอเซียที่สิงห์บุรีทั้งขาไปและกลับบริเวณไม่ห่างไกลจากวัด
พี่สิงห์ถ่ายเมื่อวันพูธที่ ๑๕ มิถุนายน ตอนไปเยี่ยมแม่ที่สิงห์บุรี
นำมาฝาก ดร.สุริยา  และ ชาวซีมะโด่ง ที่สนใจ  เพื่อเช่าพระ เอาไปไว้บูชา  จึงแจ้งให้ทราบ


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                      วันนี้เป็น "วันพระ" พี่สิงห์ถือศีลแปด และเป็นวันที่พี่สิงห์ตั้งใจกระทำอย่างหนึ่งและขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า

                      กรรมใด และการกระทำใดๆ ของข้าพเจ้า(นายมานพ  กลับดี)ที่ผ่านมา ที่ข้าพเจ้า(นายมานพ   กลับดี)ได้กระทำล่วงเกินพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน พระอริยสงฆ์ พระโสดาบัน พระอนาคามี พระสกิทาคามี พระภิกษุ สามเณร ครูบาอาจารย์ อุบาสก  อุบาสิกา หมู่เพื่อนฝูง พี่ น้อง ชาวซีมะโด่ง เพื่อนร่วมโลก และเหล่าหมู่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จะด้วยกายก็ดี  ด้วยวาจาก็ดี  ด้วยใจก็ดี ทั้งที่ข้าพเจ้า(นายมานพ   กลับดี)รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดี ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ขอโปรดท่านเหล่านั้น จงยกโทษให้กับข้าพเจ้า(นายมานพ   กลับดี)ทั้งสิ้น ด้วยเทอญ และกรรมหรือการกระทำใดๆ ที่ท่านเหล่านั้น ได้เคยล่วงเกินแก่ข้าพเจ้า(นายมานพ  กลับดี)นั้น ข้าพเจ้า(นายมานพ   กลับดี) ก็ขอยกโทษอันนั้นให้ท่านเหล่านั้นด้วยเช่นเดียวกัน เทอญ

       สัพเพ      สัตตา,                     สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์, เกิด  แก่  เจ็บ  ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น,
       อะเวลา     โหนตุ,                    จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด, อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย,
       อัพฺยาปัชฌา    โหนตุ,               จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด, อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย,
       อะนีฆา            โหนตุ,              จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด, อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย,
       สุขี  อัตตานัง  ปะริหะรันตุ,          จงมีความสุขกายสุขใจ, รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัย, ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเทอญ

                       พี่สิงห์ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่ปราศจากความโลภ  ความโกรธใด ๆ อยากให้พ้นมนทินที่เคยล่วงเกินทุกท่าน ที่ยังเป็นบ่วงกรรมกับพี่สิงห์ โปรดจงยกโทษนั้นให้พี่สิงห์ด้วย  จักขอบพระคุณมาก  
                       ส่วนความหลง(โมหะ)ในความคิดตัวเองที่ยังเป็น "อัตตา" นั้น พี่สิงห์กำลังหาทางปลดทิ้งด้วย การสร้างความรู้สึกตัวให้มากไว้  ก็ได้แต่หวีงว่าสักวันจะปลดความหลงอยู่ในความคิดตัวเองได้ หรือให้หลงน้อยลง ๆ
                       สวัสดี(27710)
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2301 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 11:11:39 »

รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส
ตอนที่ ๑๓
ทุกข์เพราะความคิด


(คัดลอกมาจาก หนังสือ ปฏิบัติธรรม ของชมรมผู้ปฏิบัติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม)

                       เราเครียดเราทุกข์เพราะว่าเราคิดฟุ้งซ่านก่อให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาในใจแล้วเราไม่รู้ตัว  สิ่งใดภายนอก  คนใดภายนอก  ไม่ได้ทำให้เราเป็นทุกข์  เราทุกข์กับความคิดของเรา  เราปล่อยให้ความคิดของเราแล่นออกไปหรือส่งออกไปหาสิ่งภายนอกทำให้เราเป็นทุกข์  เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้  เช่น เวลาสามีภรรยาหรือคนรักทะเลาะกัน  ต่อจากนั้นก็ไปนอน(คนยิ่งทะเลาะกัน  ลูกยิ่งมาก) ขณะที่นอนหลับไปไม่ได้ทุกข์อะไรเลยเพราะไม่ได้ไปคิดถึงเรื่องที่ทะเลาะกัน ทั้งที่เขาอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ทุกข์  แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็เอาเรื่องนั้นมาคิดปรุงแต่ง  มันก็ทำให้เป็นทุกข์ทันที

ความทุกข์จึงเกิดจากความคิดปรุงแต่ง หรือส่งจิตออกนอก  ทำให้สิ่งนั้นมีอิทธิพลต่อใจจึงทำให้เป็นทุกข์ใจ

 
                       ท่านจึงกล่าวว่า อย่าโทษว่าคนใดมาทำให้เราทุกข์ เราทุกข์เพราะไม่ฝึกควบคุมจิตใจของเราเอง ต้องโทษตัวเองที่ไม่ฝึกฝนจิตใจของเราเอง ปล่อยให้ขาดสติ แล้วก็ไปคิด นึก ตรึก ตรอง ปรุงแต่ง ไปหาคนอื่น หรือคิดปรุงแต่งเรื่องใดมันจังทำให้เกิดเป็นทุกข์ เราต้องฝึกฝนจิตใจอย่างหนัก  โดยให้มีสติมารู้อยู่กับคำบริกรรม "พุทโธ" หรือรู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก (หรือรู้อยู่กับการเคลื่อนไหวด้วยมือ ๑๔ จังหวะของหลวงพ่อเทียน  จิตฺตสุโภ  หรือรู้อยู่กับการเดินจงกรม  หรือรู้อยู่กับการเคลื่อนไหวอิริยาบถของเรา : มานพ  กลับดี) พร้อมๆ กับรู้เท่าทันจิตใจตนเอง  ไม่ปล่อยให้จิตใจตนเองเป็นมายาหรือมารยาหลอกลวงตนเองจนลุ่มหลงหรือเป็นทุกข์  เมื่อใดสติขาด  มันส่งออกไปคิดถึงคนอื่น หรือสิ่งอื่น ก็ให้มีสติรู้สึกตัว หรือรู้เท่าทันทันที ฝึกอย่างนี้ให้ชำนาญ  มันก็จะไม่เผลอปล่อยให้คิด นึก  ตรึก  ตรอง  ปรุงแต่งไปตามยถากรรมได้เลย  เพราะอำนาจของสติควบคุมไว้
                       เมื่อมีสติ  ก็มีสมาธิ  มีปัญญาที่จะไม่ทำให้ใจเป็นทุกข์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2302 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 12:44:22 »







ผมสนใจ เนื่องจากนำเงินรายได้ไปสร้างสำนักเรียนวิปัสสนาในภาคอีสาน
คาดว่า หากเดินทางผ่าน จะแวะไปเช่าบูชา หรือหากมีผู้รวบรวมก็ยินดีครับ

ผมทราบมาว่า ท่านอนุญาตให้พระลูกศิษย์สร้างพระ เพื่อนำเงินไปสร้างโรงเรียนสำหรับพระที่อีสาน
ถือเป็นครั้งแรกที่อนุญาตให้สร้าง โดยมีการจำกัดปริมาณการสร้าง และท่านไม่ได้จับเงินก้อนนี้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2303 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 12:45:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 16 มิถุนายน 2554, 09:46:59
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 มิถุนายน 2554, 08:50:05
สวัสดีครับ พี่สิงห์

ผมตื่นมาดูตั้งแต่ตี 1, ตี 2 และตี 3 แต่เมฆมาก มองอะไรไม่เห็นเลย รู้สึกแต่ว่าฟ้าสว่าง
ช่วงตีสามครึ่ง ฝนตกอีก เลยต้องกลับเข้าบ้าน
คงต้องรอไปดูในวันที่ 28 กรกฎาคม 2556  ซึ่งจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป

                 ขอบคุณมากครับ  ตอนตีสี่ถึงหกโมงเช้า กรุงเทพฯก็มีฝนตกพรำ ๆ เหมือนกัน แต่พี่สิงห์ได้แต่นั่งเจริญสติ เอาชนะการปวดหัว มึนหัวข้างเดียว เพราะ อยู่กลางแจ้ง(ในร่มเงา)ทั้งวัน เพราะต้องคอยดูความเรียบร้อยในการเก็ัวอย่างคอนกรีต
                  พี่สิงห์ถึงนครศรีธรรมราชแล้ว อากาศครึ้มๆ ฝนคงตกบ่ายๆ หายมึนหัวแล้วครับเพราะนั่งเจริญสติบนเครื่องบินมาหนึ่งชั่วโมง จิตได้พัก อยู่ว่างๆ เลยผ่องใสได้
                   สวัสดี


สถาบันดาราศาสตร์โชว์ภาพจันทรุปราคา


 เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. นายปิยพงศ์ ใจจริง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) (สดร.) 191 ถ.ห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นำภาพถ่ายจากที่ทาง สดร.บันทึกปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง และปรากฏการณ์จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์นำออกเผยแพร่ โดยภาพดังกล่าวถ่าย ณ บริเวณดาดฟ้าชั้น 6 ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ถนนห้วยแก้ว
 

 กิจกรรมครั้งนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และสำหรับการถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ทางเว็บไซต์ของสถาบันฯ จากทั้ง 3 แห่ งได้แก่ เชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา และสงขลา ปรากฏว่า จุดถ่ายทอดจังหวัดเชียงใหม่ สามารถมองเป็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ดีที่สุด สำหรับผุ้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.narit.or.th หรือ Facebook สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ


 

นสพ. ข่าวสดออนไลน์
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNd09ERTRPVEk1Tmc9PQ==&sectionid=




      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2304 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 20:23:16 »

เมื่อคืนตอนตีสองครึ่ง แถวที่ผมอยู่ เสาชิงช้า-ศาลเจ้าพ่อเสือ เมฆหมอกมากแถมมีฝนโปรย อดชมเลย
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2305 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 20:24:46 »

รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส
ตอนที่ ๑๔
กลัวผีเพราะถูกผู้ใหญ่หลอก

                        เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ผมไปรับประทานอาหารเย็นกับคุณสมชาย คุณดิเรก ที่แพปลาริมน้ำป่าสักที่อำเภอเสาให้ คุณสมชาย ถามผมว่า "ทำอย่างไรดีครับ ที่จะไม่ให้กลัวผี ?" เนื่องจากต้องนอนค้างคืนตามโรงแรมต่างจังหวัดเสมอ พอนั่งทำสมาธิอยู่คนเดียวภายในห้องก่อนนอน จิตมันจะคิดเรื่องกลัวผี จนต้องเลิกนั่งสมาธิรีบนอนทันทีเพราะความกลัว
                        ทำไม คนจึงกลัวผี ? อย่าลืมแรกทารกเกิดนั้นจิตเป็นประภัสสร แต่พอโตขึ้นรู้เรื่องขึ้น ธรรมชาติของเด็ก คืออยากรู้อยากสน ทั้งที่เด็กจะไม่กลัวอะไรเลย เพราะไม่รู้ว่า "กลัว" เป็นอย่างไร? แต่เพราะความสน ผู้ใหญ่จึงหลอกเอาว่าอย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้  ถ้าทำจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ หรือโดนดุ โดนว่า โดนตี ก็เลยทำให้เด็กนั้นเกิดความกลัว  รู้จักอารมณ์ความกลัวขึ้นมา โดนหลอกบ่อยๆ เข้าจิตมันเลยสะสมความกลัวได้ โดยเฉพาะเรื่องกลัวผี  ผู้ใหญ่จะหลอกเรื่องกลัวผี  ถ้าทำผิด ห้ามไม่ฟังจะโดนผีหลอก ผีมาหักคน เป็นเรื่องน่าเกลียด หน้ากลัวมากสำหรับคำว่าผี จะทำให้ฝังใจเรื่องผี เป็นสิ่งที่ไม่ควรประสพพบเห็น เพราะอาจตายได้ จึงทำให้เกิดความกลัวเมื่อจิตมันนึกขึ้นมาได้ การอ่านหนังสือเกี่ยวกับผี  การดูหนังเกี่ยวกับผี การเล่าเรื่องเกี่ยวกัวผี จึงเป็นเรื่องที่หน้ากลัวมากเช่น แม่นาคพระโขนง ผีกระสือ ผีหัวขาด  ความโหดร้ายของผี จึงทำให้จิตของเรากลัวอยู่ในสันดาลเลย สำหรับผี
                         ดังนั้นเมื่อเราอยู่คนเดียว เงียบ บรรยากาศให้ จิตมันเลยคิดถึงเรื่องผี  จึงเกิดกลัวผีขึ้นมา ทั้งๆที่มันเป็นเพียง ความคิดขึ้นมาของจิต  แต่จิตไปจำอารมณ์ความกลัวได้  จึงทำให้เราปรุงแต่งอารมณ์เกิดขึ้น คิดไปต่างๆ นาๆ กลัวว่าผีจะมาทำกับเราถึงตายได้ มันเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่คำว่าผีนััน เป็นเพียงสมมติบัญญัติที่เขาเรียกคนที่ตายแล้วว่า "ผี"  คนตายแล้วจะมาทำอันตรายให้คนเป็นได้อย่างไร เพราะตายแล้ว จิตมันไม่มีแล้ว แต่เป็นเพราะเราโดนผู้ใหญ่หรอกมาตั้งแต่เด็ก จิตมันเลยปรุงแต่งไปเองถึงผี  ความน่ากลัวของผี และผลที่เกิดจากการกระทำของผี  ทั้งๆที่ความจริงผีไม่เคยทำให้มนุษย์เดือดร้อนเลย เป็นการคิดไปเองทั้งนั้น ครับ
                          ผีอาจจะมีจริงๆ ในโลก หรือไม่มีจริงๆในโลกก็ได้ ซึ่งเรายังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้เพราะเราอาจจะอยู่กันคนละมิติ อาจจะมีจริงตามที่กล่าวไว้  แต่ในฐานะนักปฏิบัติธรรม เราต้องมีจิตอยู่กับปัจจุบัน ในเมื่อเราไม่เคยเห็นผีออกมาทำร้ายคนเลย เราจะไปกลัวผีทำไม ที่เรากลัวเพราะส่งจิตออกนอกคิดไปเองทั้งนั้น ตามบรรยากาศที่เดียวดาย น่ากลัวมากกว่า นี่ละอารมณ์ และจิตของคนชอบปรุงแต่งไปเอง จึงเกิดความกลัว ตามที่เคยโดนหลอกมาตั้งแต่เด็ก
                          ผมเองเคยประสพโดนผีอำมาครั้งหนึ่ง ที่เมืองบิลลิ่ง รัฐไอโอว่า อเมริกา เป็นโรงแรมเล็กๆ ชั้นเดียว  บิลลิ่งเป็นเมืองที่ในยุคคาวบอย เขาไปล่าความป่าไบสันกันครับ คือผมนอนคู่กับคุณผลิณเมศวร์ พอลงนอนพร้อมกันหลับ โดนผีอำพร้อมกันแทบหายใจไม่ออกตาย พอสะดุ่งตืนขึ้นมาพร้อมกัน นั่งจ้องมองตากัน พูดเกือบพร้อมกันว่าโดนผีฝรั่งหลอกอำเอา ทำให้กลัวแต่ใจสู้เพราะอยู่สองคน ผมจึงสวดมนต์ แผ่เมตตา และใส่เหรียญไว้ที่ใต้หมอนเพื่อซื้อที่นอน คืนนั้น ผีฝรั่งไม่มารังควาญเลย หลับสบาย แต่ก่อนนอนผมลืมสวดมนต์ เพราะความรีบเนื่องจากเหนื่อยจากการเดินทาง
                          ผมเองเคยได้รับการสั่งสอน เวลาไปนอนนอกบ้าน จะต้องสวดมนต์แผ่เมตตา และเอาเหรียญซื้อที่นอนใส่ไว้ใต้หมอนเสมอ จึงปลอดภัยจากความกลัวผี  จึงได้แนะนำให้คุณสมชาย กระทำตามบ้างจะได้ไม่โดนผีหรอก
                          สวัสดี  ราตรีสวัสดิ์ครับสำหรับวันนี้ 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2306 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 20:26:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 16 มิถุนายน 2554, 20:23:16
เมื่อคืนตอนตีสองครึ่ง แถวที่ผมอยู่ เสาชิงช้า-ศาลเจ้าพ่อเสือ เมฆหมอกมากแถมมีฝนโปรย อดชมเลย

สวัสดีครับป๋าทู
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2307 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 20:32:35 »

สวัสดีครับ เมื่อคืนที่หอมีแต่คนพูดถึงพี่สิงห์กับพี่ป๋อง
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #2308 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 21:45:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 16 มิถุนายน 2554, 20:32:35
สวัสดีครับ เมื่อคืนที่หอมีแต่คนพูดถึงพี่สิงห์กับพี่ป๋อง
พวกเสียงนกเสียงกา
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2309 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 22:57:31 »

แต่ต่างกันตรงที่คนหนึ่งพูดถึงแต่ในทางดี
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2310 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 22:58:07 »

แต่อีกคนพูดในทาง.........................................................................












ที่ดีกว่า
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #2311 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 00:07:25 »

ระหว่างพี่สิงห์ กับพี่ป๋อง
คนที่ดีกว่า เป็นใคร คงไม่ต้องบอกนะครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2312 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 07:29:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 17 มิถุนายน 2554, 00:07:25
ระหว่างพี่สิงห์ กับพี่ป๋อง
คนที่ดีกว่า เป็นใคร คงไม่ต้องบอกนะครับ

                     อย่าไปสนใจเลยครับว่าใครดี  ใครด้อย กว่าใคร มันเป็นทุกข์ทั้งนั้น เพราะ "อวิชชา" คนจึงคิดไปเอง และจะคิดเข้าข้างตนเอง นี่คือความจริง ครับ  สู้รักษาสติให้ระลึกได้ว่าเรากำลังทำอะไร ณ ปัจจุบัน สร้างความรู้สึกตัว เข้าไว้ และดูกาย-ดูใจ ของเราดีกว่าครับ
                      ผมยังยืนยัน เราสามารถเห็นความคิดของตัวเองได้ และเราจะรู้.....หลายเรื่องด้วยปัญญาของเราเอง
                      สวัสดียามเช้าครับ ทำจิตให้ผ่องใสครับ เช้านี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2313 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 07:54:29 »

รู็สุขภาพวันละนิด จิตหมดทุกข์

รับประทานสูตร 2:1:1 คือผัก : ข้าว : โปรตีน งดอาหารรสจัด งดกินจุบจุบ งดน้ำอัดลม สุขภาพดี
นอนแต่หัวค่ำ  ตื่นมาจะไม่หงุดหงิด จะไร้โรค
ออกกำลังกายทุกวัน วันละหนึ่งชั่วโมง จิตผ่องใส
ปฏิบัติธรรมวันละนิด หมดทุกข์ครับ


ตอน
กินอย่างไร? ได้อย่างนั้น

                       วันนี้ขอพูดเรื่อง "กินอย่างไร? ได้อย่างนั้น" นี่ถือว่าเป็น สัจจะธรรมทางด้านสุขภาพ
                       ปัจจุบันมนุษย์เราก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตรู้อย่างมาก และด้วยสภาพสังคม ไม่ได้เป็นครอบครัว ที่สังคมเดิม เปลี่ยนไป คือ สุภาพสตรีที่มีครอบครัวแล้วมีหน้าที่ เป็นแม่บ้านแท้จริงเหมือนในอดีต คือ ทำอาหาร ทำงานบ้าน ดูแลบุตร อบรมบุตร สามีมีหน้าที่ไปหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แม้กระทั้งสัตว์เดรฉานก็ทำอย่างนี้ ดังนั้นครอบครัวสังคมในอดีต จึงเป็นครอบครัวที่มีแต่ความสุข อบอุ่น และไร้โรค ปัญหาสุขภาพน้อยเพราะอาหารที่รับประทานจะเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ เช่นสังคมไทยบ้านนอกจะมีแต่ผัก ปลา เป็นหลักในแต่ละมื้อ
                        แต่สังคมปัจจุบันเปลี่ยน แม่บ้านต้องไปทำงานหาเงิน  ลูกที่จะต้องเลี้ยงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของญาติ คนใช้ อาหารซื้อเป็นส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่เป็นอาหารขยะ คือ ประกอบด้วย น้ำมัน รสจัด เนื้อเป็นหลัก ดังนั้นสุขภาพก็ได้รับอย่างที่เห็น คือเต็มไปด้วยโรคเรื้อรัง โรคอ้วน  ความดัน  เบาหวาน  ไขข้ออักเสบ และหลอดเลือดหัวใจ เมื่ออายุ ๕๐ เป็นต้นไป ไม่เชื่อท่านลองมองสังคมรอบตัวท่านซิครับ ผู้สูงอายุเต็มไปด้วยโรคดังกล่าวทั้งสิ้น ไม่ว่าสังคมในเมือง และบ้านนอก  ท่านจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นกับตัวท่านหรือ? ท่านจะได้รับทุกข์ทางกาย และทางใจแน่นอน ทั้งๆที่ท่านสามารถจะหลีกเลี้ยงได้

                        "กินอย่างไร? มันได้อย่างนั้นจริง ๆ" ท่านลองคิดด้วยปัญญาแล้วท่านจะรู้เอง

                        น้องสาวผมที่สิงห์บุรี จะให้ผมไปสอนเรื่องการดูแลสุขภาพ แก่ชมรมผู้สูงอายุและบุคคลากรทางการแพทย์ของสิงห์บุรีนั้น ผมจะขอให้บุคคลากรทางการแพทย์ทำกับตัวเองเป็นหลักให้ได้ก่อนในเรื่องการดูแลสุขภาพ อย่างน้อยต้องไม่อ้วน  ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  จิตใจผ่องใสเข้าไว้  ถ้าบุคคลากรทางการแพทย์ ทำเป็นตัวอย่างให้ปรากฏ ประชาชนผู้มารับการรักษาจะกระทำตามเอง เพราะเห็นความแตกต่าง แต่ปัจจุบันบุคคลากรทางการแพทย์ยังละเลยในเรื่องการดูแลสุขภาพ ทั้งๆที่รู้ดี  แต่ไม่กระทำ ประชาชนเลยไม่กระทำตาม
                        เราทุกคนมีส่วนร่วมให้สังคมไทยไร้โรคได้  ลองมาช่วยกันดูแลสุขภาพตัวเอง ให้เป็นตัวอย่าง เช่น เดียวกับที่พี่สิงห์กระทำอยู่ นี่ละครับ สังคมไทย สังคมชาวซีมะโด่ง จะดีขึ้น เป็นสังคมตัวอย่างได้ครับ ไม่เชื่อลองดูซิครับ ว่าถูกหรือไม่ สนใจตัวเองก่อนครับ คนอื่นเป็นเรื่องนอกตัวเราทั้งสิ้น อย่าลืม "กินอย่างไร ได้สุขภาพกาย-จิต อย่่างนั้น " ครับ
                        สวัสดี (27845)
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2314 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 10:26:29 »

รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส

ตอนที่ ๑๕

สติขาด  โลกเสื่อม  ธรรมเสื่อม
สติมี   โลกเจริญ   ธรรมเจริญ


(คัดลอกมาจาก หนังสือ ปฏิบัติธรรม ของชมรมผู้ปฏิบัติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม)

                      หลวงปู่ดูลย์  อตุโล  กล่าวว่า จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ผลอันเกิดจากจิตส่งออกนอกเป็นทุกข์ จิตเห็นจิตเป็นมรรค  ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตเป็นนิโรธ หลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  รวมลงที่อริยสัจจ์ ๔ คือ ทุกข์  สมุทัย  นิโรธ  มรรค นี่เอง เพราะฉะนั้นจึงต้อง ฝึกสติให้รู้เท่าทันจิตใจ  อย่าปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ถ้าฝึกฝนสติอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ชีวิตทางโลกก็เจริญขึ้น ทางธรรมก็เจริญขึ้น  ที่ไม่เจริญโลก ไม่เจริญธรรม ก็เพราะขาดสติ เมื่อขาดสติ ก็ขาดสมาธิ ขาดปัญญาไปด้วย

                       และเมื่อขาดสติ จิตใจไม่ตั้งมั่นท่านก็จะทำอะไรตามใจตนเอง เพราะว่าความคิดปรุงแต่งมันลากไป อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะดูก็ดู เช่น ขณะนี้เป็นเวลาต้องทำงาน แต่เพื่อนชวนไปเที่ยว ร้องเพลงคาราโอเกะก็ต้องไปเสียหน่อย  รายการนี้ทีวีนี้ดีต้องต้องลุกไปดูเสียหน่อยตามความอยาก  อยากกินอะไรก็กินโดยที่ไม่มีสติมาพิจารณาว่ามันกินมากเกินไปหรือเปล่า มีไขมันมาก เค็มมาก หวานมาก มีรสจัด กินเข้าไปแล้วก่อให้เกิดโทษแก่ร่างกาย  เมื่อไม่มีสติยับยั้งชั่งใจก็จะกินมากเกินไป  หรือไปติดสุรายาเสพติด  เล่นการพนัน  เที่ยวกลางคืน  หมกมุ่นในอบายมุขชีวิตก็เสื่อมลงๆ เพราะขาดสติไม่ยับยั้งชั่งใจตนเอง อยากจะทำอะไรก็ทำตามใจตนเอง  พอเริ่มอายุมากตาฝ้าฟางเพราะความเครียด  ท่านไปดูพระอริยสงฆ์  หลวงปู่ทา  จารุธัมโม  อายุ ๙๘ ปี หลวงปู่บุดดา  ถาวโร อายุ ๑๑๐ ปี แต่ละองค์ตาใสเหมือนกับเด็ก อำนาจของจิตที่บริสุทธิ์ทำให้ร่างกายมีความบริสุทธิ์จริงๆ กระดูกก็เริ่มใสผิวพรรณก็เริ่มใส  แต่คนแก่ทั่วๆ ไปตาจะฝ้าฟาง มีแต่ความทุกข์ยาก มีแต่ความลำบาก

                       ดังนั้นเราต้องหมั่นฝึกฝนจิตใจตนเอง  อย่าปล่อยให้คิด  พูด  ทำไปตามยถากรรม  จะต้องมีสติยับยั้งชั่งใจไว้  รู้เท่าทันจิตใจตนเอง  รู้เท่าทันความคิด  นึก  ตรึก  ตรอง  ปรุงแต่งและอารมณ์  อย่าปล่อยให้เป็นไปตามความอยาก  อย่าปล่อยตามใจตนเอง  แล้วชีวิตของท่านจะเจริญขึ้นทั้งทางโลกและทางธรรม  โลกก็เจริญขึ้น  ธรรมก็จะเจริญขึ้น
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2315 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 13:19:12 »

สวัสดีค่ะ คุณน้อง Nok15 ที่รัก
                       พี่สิงห์ต้องกราบขอโทษ ที่ทักทายผิดตัว ครับ คงขาดสติไป  คิดเร็วไปเลยหลงอยู่ในความคิด ว่าเธอคงเป็น นก กนกวรรณ ทั้งๆที่เธอคือ Nok15 ศิริพร หรือ จิดาภา พี่สิงห์ต้องขอโทษจริงๆ  ตอนนี้พี่สิงห์ยังนึกหน้าไม่ออก ครับ ลองส่งรูปมาให้ดูหน่อยได้ไหมครับ ความจำพี่สิงห์จะได้คืนมา เพราะทุกวันนี้พยายามทิ้งอดีตทั้งหมด เพราะมันผ่านไปแล้วครับ
                       สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #2316 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 18:48:15 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 16 มิถุนายน 2554, 11:11:39
รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส
ตอนที่ ๑๓
ทุกข์เพราะความคิด


(คัดลอกมาจาก หนังสือ ปฏิบัติธรรม ของชมรมผู้ปฏิบัติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม)

                       เราเครียดเราทุกข์เพราะว่าเราคิดฟุ้งซ่านก่อให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาในใจแล้วเราไม่รู้ตัว  สิ่งใดภายนอก  คนใดภายนอก  ไม่ได้ทำให้เราเป็นทุกข์   เราทุกข์กับความคิดของเรา  เราปล่อยให้ความคิดของเราแล่นออกไปหรือส่งออกไปหาสิ่งภายนอกทำให้เราเป็นทุกข์  เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้  เช่น เวลาสามีภรรยาหรือคนรักทะเลาะกัน  ต่อจากนั้นก็ไปนอน(คนยิ่งทะเลาะกัน  ลูกยิ่งมาก) ขณะที่นอนหลับไปไม่ได้ทุกข์อะไรเลยเพราะไม่ได้ไปคิดถึงเรื่องที่ทะเลาะกัน ทั้งที่เขาอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ทุกข์  แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็เอาเรื่องนั้นมาคิดปรุงแต่ง  มันก็ทำให้เป็นทุกข์ทันที

ความทุกข์จึงเกิดจากความคิดปรุงแต่ง หรือส่งจิตออกนอก  ทำให้สิ่งนั้นมีอิทธิพลต่อใจจึงทำให้เป็นทุกข์ใจ

 
                       ท่านจึงกล่าวว่า อย่าโทษว่าคนใดมาทำให้เราทุกข์ เราทุกข์เพราะไม่ฝึกควบคุมจิตใจของเราเอง ต้องโทษตัวเองที่ไม่ฝึกฝนจิตใจของเราเอง ปล่อยให้ขาดสติ แล้วก็ไปคิด นึก ตรึก ตรอง ปรุงแต่ง ไปหาคนอื่น หรือคิดปรุงแต่งเรื่องใดมันจังทำให้เกิดเป็นทุกข์ เราต้องฝึกฝนจิตใจอย่างหนัก  โดยให้มีสติมารู้อยู่กับคำบริกรรม "พุทโธ" หรือรู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก (หรือรู้อยู่กับการเคลื่อนไหวด้วยมือ ๑๔ จังหวะของหลวงพ่อเทียน  จิตฺตสุโภ  หรือรู้อยู่กับการเดินจงกรม  หรือรู้อยู่กับการเคลื่อนไหวอิริยาบถของเรา : มานพ  กลับดี) พร้อมๆ กับรู้เท่าทันจิตใจตนเอง  ไม่ปล่อยให้จิตใจตนเองเป็นมายาหรือมารยาหลอกลวงตนเองจนลุ่มหลงหรือเป็นทุกข์  เมื่อใดสติขาด  มันส่งออกไปคิดถึงคนอื่น หรือสิ่งอื่น ก็ให้มีสติรู้สึกตัว หรือรู้เท่าทันทันที ฝึกอย่างนี้ให้ชำนาญ  มันก็จะไม่เผลอปล่อยให้คิด นึก  ตรึก  ตรอง  ปรุงแต่งไปตามยถากรรมได้เลย  เพราะอำนาจของสติควบคุมไว้
                       เมื่อมีสติ  ก็มีสมาธิ  มีปัญญาที่จะไม่ทำให้ใจเป็นทุกข์
สวัสดีค่ะพี่สิงห์   อ่านพระธรรมวันละนิดช่วยให้มีสติดีมากๆค่ะพี่สิงห์   ขอบพระคุณพี่มากค่ะ
 วันนี้น้ำอ้อยไปปิดประตูรั้วบ้านค่ะ ถ้าเดินเข้าบ้านเลยคงไม่เห็เจ้างูตัวนี้ค่ะ   แต่ น้ำอ้อยดันหันหลังไปมองที่ประตูรั้วอีกครั้งจึงเห็นเจ้างูตัวขนาดย่อมค่ะ หากเป็นเมื่อก่อน(ยังไม่ฝึกสติ)น้ำอ้อยจะกลัววววววมากกกกกกค่ะ    แต่วันนี้น้ำอ้อยเดินเข้าไปใกล้ๆโดยเดินให้ดังๆ   เจ้างูเลื้อยข้ามไปอีกฝั่งพอเจอหญ้าปับหายปุบเลยค่ะพี่สิงห์     
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #2317 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 19:26:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 16 มิถุนายน 2554, 20:24:46
รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส
ตอนที่ ๑๔
กลัวผีเพราะถูกผู้ใหญ่หลอก

                        เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ผมไปรับประทานอาหารเย็นกับคุณสมชาย คุณดิเรก ที่แพปลาริมน้ำป่าสักที่อำเภอเสาให้ คุณสมชาย ถามผมว่า "ทำอย่างไรดีครับ ที่จะไม่ให้กลัวผี ?" เนื่องจากต้องนอนค้างคืนตามโรงแรมต่างจังหวัดเสมอ พอนั่งทำสมาธิอยู่คนเดียวภายในห้องก่อนนอน จิตมันจะคิดเรื่องกลัวผี จนต้องเลิกนั่งสมาธิรีบนอนทันทีเพราะความกลัว
                        ทำไม คนจึงกลัวผี ? อย่าลืมแรกทารกเกิดนั้นจิตเป็นประภัสสร แต่พอโตขึ้นรู้เรื่องขึ้น ธรรมชาติของเด็ก คืออยากรู้อยากสน ทั้งที่เด็กจะไม่กลัวอะไรเลย เพราะไม่รู้ว่า "กลัว" เป็นอย่างไร? แต่เพราะความสน ผู้ใหญ่จึงหลอกเอาว่าอย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้  ถ้าทำจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ หรือโดนดุ โดนว่า โดนตี ก็เลยทำให้เด็กนั้นเกิดความกลัว  รู้จักอารมณ์ความกลัวขึ้นมา โดนหลอกบ่อยๆ เข้าจิตมันเลยสะสมความกลัวได้ โดยเฉพาะเรื่องกลัวผี  ผู้ใหญ่จะหลอกเรื่องกลัวผี  ถ้าทำผิด ห้ามไม่ฟังจะโดนผีหลอก ผีมาหักคน เป็นเรื่องน่าเกลียด หน้ากลัวมากสำหรับคำว่าผี จะทำให้ฝังใจเรื่องผี เป็นสิ่งที่ไม่ควรประสพพบเห็น เพราะอาจตายได้ จึงทำให้เกิดความกลัวเมื่อจิตมันนึกขึ้นมาได้ การอ่านหนังสือเกี่ยวกับผี  การดูหนังเกี่ยวกับผี การเล่าเรื่องเกี่ยวกัวผี จึงเป็นเรื่องที่หน้ากลัวมากเช่น แม่นาคพระโขนง ผีกระสือ ผีหัวขาด  ความโหดร้ายของผี จึงทำให้จิตของเรากลัวอยู่ในสันดาลเลย สำหรับผี
                         ดังนั้นเมื่อเราอยู่คนเดียว เงียบ บรรยากาศให้ จิตมันเลยคิดถึงเรื่องผี  จึงเกิดกลัวผีขึ้นมา ทั้งๆที่มันเป็นเพียง ความคิดขึ้นมาของจิต  แต่จิตไปจำอารมณ์ความกลัวได้  จึงทำให้เราปรุงแต่งอารมณ์เกิดขึ้น คิดไปต่างๆ นาๆ กลัวว่าผีจะมาทำกับเราถึงตายได้ มันเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่คำว่าผีนััน เป็นเพียงสมมติบัญญัติที่เขาเรียกคนที่ตายแล้วว่า "ผี"  คนตายแล้วจะมาทำอันตรายให้คนเป็นได้อย่างไร เพราะตายแล้ว จิตมันไม่มีแล้ว แต่เป็นเพราะเราโดนผู้ใหญ่หรอกมาตั้งแต่เด็ก จิตมันเลยปรุงแต่งไปเองถึงผี  ความน่ากลัวของผี และผลที่เกิดจากการกระทำของผี  ทั้งๆที่ความจริงผีไม่เคยทำให้มนุษย์เดือดร้อนเลย เป็นการคิดไปเองทั้งนั้น ครับ
                          ผีอาจจะมีจริงๆ ในโลก หรือไม่มีจริงๆในโลกก็ได้ ซึ่งเรายังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้เพราะเราอาจจะอยู่กันคนละมิติ อาจจะมีจริงตามที่กล่าวไว้  แต่ในฐานะนักปฏิบัติธรรม เราต้องมีจิตอยู่กับปัจจุบัน ในเมื่อเราไม่เคยเห็นผีออกมาทำร้ายคนเลย เราจะไปกลัวผีทำไม ที่เรากลัวเพราะส่งจิตออกนอกคิดไปเองทั้งนั้น ตามบรรยากาศที่เดียวดาย น่ากลัวมากกว่า นี่ละอารมณ์ และจิตของคนชอบปรุงแต่งไปเอง จึงเกิดความกลัว ตามที่เคยโดนหลอกมาตั้งแต่เด็ก
                          ผมเองเคยประสพโดนผีอำมาครั้งหนึ่ง ที่เมืองบิลลิ่ง รัฐไอโอว่า อเมริกา เป็นโรงแรมเล็กๆ ชั้นเดียว  บิลลิ่งเป็นเมืองที่ในยุคคาวบอย เขาไปล่าความป่าไบสันกันครับ คือผมนอนคู่กับคุณผลิณเมศวร์ พอลงนอนพร้อมกันหลับ โดนผีอำพร้อมกันแทบหายใจไม่ออกตาย พอสะดุ่งตืนขึ้นมาพร้อมกัน นั่งจ้องมองตากัน พูดเกือบพร้อมกันว่าโดนผีฝรั่งหลอกอำเอา ทำให้กลัวแต่ใจสู้เพราะอยู่สองคน ผมจึงสวดมนต์ แผ่เมตตา และใส่เหรียญไว้ที่ใต้หมอนเพื่อซื้อที่นอน คืนนั้น ผีฝรั่งไม่มารังควาญเลย หลับสบาย แต่ก่อนนอนผมลืมสวดมนต์ เพราะความรีบเนื่องจากเหนื่อยจากการเดินทาง
                          ผมเองเคยได้รับการสั่งสอน เวลาไปนอนนอกบ้าน จะต้องสวดมนต์แผ่เมตตา และเอาเหรียญซื้อที่นอนใส่ไว้ใต้หมอนเสมอ จึงปลอดภัยจากความกลัวผี  จึงได้แนะนำให้คุณสมชาย กระทำตามบ้างจะได้ไม่โดนผีหรอก
                          สวัสดี  ราตรีสวัสดิ์ครับสำหรับวันนี้ 

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ในพระไตรปิฎก...ซึ่งประกอบด้วย...พระวินัยปิฎก..พระอภิธรรมปิฎก..และพระสุตตันตปิฎก...

...พระอภิธรรมปิฎก...ซึ่งพูดถึงหลักธรรมล้วนๆ...มีตอนหนึ่งได้บอกไว้ว่า...จิตมีเกิดและดับ...อยู่ตลอดเวลา...

...พอคนตาย...จิตดับปุ๊บ...ก็จะไปเกิดทันที...เป็นคนหรือสัตว์ตามบุญหรือกรรมที่ทำเอาไว้...

...แต่ถ้ามีกรรมมาก...อาจไปเกิดเป็นเปรต...อสุรกาย...

...แสดงว่า...ศาสนาพุทธก็เชื่อว่าผีมีจริงค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2318 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 19:46:06 »

 สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
 เรื่องสวดมนต์ ทำอยู่ค่ะ
 แต่เรื่องเอาเหรียญไว้ใต้หมอนยังไม่เคยทราบเลยค่ะ
 ช่วงเมื่อ  ๑๐ ปีที่แล้วมานอนโรงแรมประจำ แต่โชคดียังไม่เคยโดนค่ะ
แต่ก็ไม่นึกกลัว นอนได้สบายใจ
ที่กลัวคือประตูจะแน่นหนาดีหรือเปล่า เพราะมีคนเคยส่งวิธีเปิดประตูที่คล้องด้านในได้ที่ใช้แผ่นกั้นตัวคล้อง
 แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง  จึงกังวลนิดหน่อย ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2319 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 20:29:55 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องไข่มุก ที่รัก
                       ขอแสดงความยินดี ที่เธอมีสติมั่นคง ไม่กลัว และพิจารณาด้วยเหตุ-ผล  ปกติงูมันจะไม่ทำร้ายคนอยู่แล้วครับ ยกเว้นไปทำร้ายมันก่อน  มันจะต่อสู้ด้วยสัญชาติญาณ


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
                       พระพุทธเจ้าท่านบอกภพ ชาติใหม่มี เพียงแต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังพิสูจน์ไม่ได้  เพราะหลายสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยญาณ นั้นพิสูจน์แล้วเป็นความจริง ครับ อย่าลืมมิติในโลกนี้มีจำนวนมาก นะครับ  
                       แต่อยู่กับปัจจุบันและป้องกันไว้ไม่เสียหลาย และไม่มีใครเดือดร้อน เป็นใช้ได้


สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                       ลองทำดูนะครับ
                       ลืมบอกไปที่โรงแรมทวินโลตัส ห้องเก่าของพี่สิงห์ก็มีครับ ห้อง 1131 พี่สิงห์นอนครั้งแรกก็เจอ แต่จิตพี่สิงห์กล้าแข็งไม่กลัว มันเป็นภาพเงาปรากฏลางๆ แต่เนื่องจากพี่สิงห์สวดมนต์ และซื้อที่นอนเสมอ และขออนุญาติเขา เขาจึงไม่รบกวนพี่สิงห์ อยู่กันได้ เพราะเช่าเป็นเดือน  มีอยู่ครั้งหนึ่งลูกน้องตัวเองอยากพาลูกมานอนโรงแรม  พี่สิงห์ให้มานอน ปรากฏว่านอนไม่ได้ ไปเจอเข้า เพราะไม่ได้ขออนุญาติ ต้องกลับไปนอนบ้าน ไม่กล้านอนเลยห้องนั้น และไม่กล้ามาอีกเลย
                       เพื่อความสบายใจ ตอนหลังทางโรงแรมเลยเปลี่ยนเป็นห้องสูตรให้ อยู่ 1136 ห้องนี้ไม่มีอะไรครับ เงียบ เพราะถ้าโรงแรมไม่เต็ม จะไม่มีใครมาน้องห้องข้างๆเลยเพราะเขากลัวส่งเสียงรบกวนผมครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่านครับราตรีนี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2320 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 20:35:24 »

รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส

ตอนที่ ๑๖

การฝึกสติเป็นบุญบารมีอันยิ่งใหญ่


(คัดลอกมาจาก หนังสือ ปฏิบัติธรรม ของชมรมผู้ปฏิบัติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม)

   การฝึกสติรู้เท่าทันจิตใจของตัวเองและมีความอดทน  อดกลั้น  ข่มใจ  ระงับยับยั้งชั่งใจที่จะไม่แอบคิด  พูด  ทำไปตามใจอยากในทางที่เป็นบาปอกุศลจะเป็นบุญบารมีอันยิ่งใหญ่  แต่น่าเสียดายที่คนทั้งหลายในโลกนี้เขาทอดทิ้งบุญบารมีที่มากล้นนี้ไปเสีย  การที่จะมีความสุขความเจริญ มีความรุ่งเรืองมีวาสนาบารมีก็เพราะบุญกุศลที่ได้สะสมเพิ่มพูนมา  ท่านทั้งหลายสร้างเอง ทำเอง  ในทางตรงกันข้ามการที่มีความทุกข์ยาก ลำบากแสนเข็ญ ตกต่ำเพียงใดก็เพราะบาปกรรมทั้งหลายที่ท่านสร้างไว้ เราทำทั้งนั้น  โทษใครไม่ได้เลย

   พระพุทธองค์ตรัสว่า “กัมมุนา  วัตตะตี  โลโก” สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมดี และกรรมชั่วเท่านั้นเป็นผู้ลิขิตสัตว์ทั้งหลายให้เป็นไปต่างๆ กัน ดลบันดาลให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีความแตกต่างกัน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน  ท่านต้องสร้างบุญบารมีให้แก่ตัวท่านเอง ด้วยการให้ทาน  รักษาศีล  ภาวนา  มี หิริโอตตัปปะ คือความละอายแก่ใจและความเกรงกลัวต่อบาป มีเมตตาบารมี มีขันติบารมี อดทน  อดกลั้น  ข่มใจ  ระงับยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ทำตามใจตนเอง  ไม่พูดตามใจตนเอง  ไม่ติฉินติเตียนนินทาว่าร้ายอิจฉา ริษยาผู้อื่น  ซึ่งจะเป็นเหตุให้ลดทอนบุญบารมีของตนเองไปเรื่อยๆ บางคนเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกไปแขวนคอ  โดยไปลดทอนบุญบารมีของตนเองด้วยการทำร้ายบิดา มารดา ด่าว่าบิดา มารดา ทำร้ายพระอรหันต์  ด่าว่าพระอรหันต์โดยที่ไม่รู้ตัว  ไม่รู้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์  ไปตำหนิติเตียนพูดตามเขาไป  บุญบารมีที่ตัวเองมีอยู่ดีๆ ที่เสวยบุญอยู่ดีๆก็ตกฮวบลงไปทันที  คนทั้งหลายไม่เข้าใจว่าทำไม ทำดีไม่ได้ดี ทำไมทำชั่วได้ดี  เพราะว่าท่านเสวยผลบุญอยู่ดีๆ  แต่ท่านทำบาปกรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจของท่านเสียเดี๋ยวนั้น  บุญบารมีที่ท่านเสวยอยู่จึงหมดสิ้นไป ท่านทอนด้วยตัวของท่านเอง การหักเหชีวิตนั้นอยู่ที่ตัวของท่านเอง  ไม่ควรไปเชื่ออะไรต่างๆ ในสิ่งที่ไม่ใช่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ให้เชื่อบุญและบาป ถ้าท่านเสวยบุญอยู่ดีๆ อย่าสร้างบาปกรรมทั้งกาย วาจา ใจ จะไปทอนบุญบารมีของตัวเองเสีย  แต่ถ้าท่านมีความทุกข์ยากลำบากอยู่  ก็หมั่นสร้างบุญบารมีให้แก่ตัวเอง ให้ทาน  รักษาศีล  มี หิริโอตตัปปะ มีเมตตา ขันติ อดทน อดกลั้น ข่มใจระงับยับยั้งชั่งใจ  แล้วก็มาปฏิบัติเจริญสติ สมาธิ ปัญญา ให้มีสติอย่างมั่นคงอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย  ก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นทั้งโลกทั้งธรรม

สติรู้เครื่องล่อพร้อมๆ กับรู้เท่าทันจิตใจตนเอง

   เลิกงานกลับไปบ้านแล้ว  หมั่นฝึกฝนสติสัก ๑๐ นาที พัก ๕ นาที ในช่วง ๑๐ นาที นี้จะตั้งสติให้มั่นคง  การที่เราตั้งใจอย่างมั่นคงนี้เรียกว่าสัจจะ  มีสัจจะแก่ตัวเองว่า  ๑๐ นาทีนี้ จะมีสติตั้งมั่น รู้อยู่กับการสร้างความรู้สึกตัวจากการเคลื่อนไหวด้วยมือ ๑๔ จังหวะ ตามแบบของหลวงพ่อเทียน  จิตฺตสุโภ หรือรู้อยู่ที่คำบริกรรมพุทโธ หรือรู้ลมหายใจเข้า – ออก หรือหายใจเข้าบริกรรมคำว่า “พุท” หายใจออกบริกรรมคำว่า “โธ”  หรือรู้อยู่กับการก้าวขาไปทีละก้าวขณะเดินจงกรม พร้อมกับรู้เท่าทันจิตหรือใจที่คิด นึก ตรึก ตรอง ปรุงแต่ง หรือมีอารมณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เผลอเพลินต่อไป เมื่อสติขาดรีบกลับมาทันที ถ้ามันง่วงนอนก็ทำจังหวะมือเร็วๆ หรือเดินเร็วๆ หรือบริกรรมถี่ๆ พุทโธให้มันเร็วๆ สติก็จะกลับมาตั้งมั่นอย่างมั่นคงแล้วก็คงจังหวะปกติ เดินปกติ บริกรรมปกติไปเรื่อยๆ ท่านก็จะได้บุญบารมีเพิ่มขึ้น ทำอย่างนี้แล้วขยายเวลาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่านก็จะได้บุญบารมีเพิ่มขึ้นๆ ทุกวัน ดีกว่าเสียเวลาไปเปล่าๆ ดูหนังดูละครเสียเวลา ไปโดยเปล่าประโยชน์  สร้างบุญบารมีให้แก่ตัวเองดีกว่า  ชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น

เจริญสติวันละนิด  จิตผ่องใส  สะสมความผ่องใสเอาไว้ดีกว่าสะสมทุกข์ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2321 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2554, 23:49:53 »

ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี แจ้งข่าวดีมาครับ สำหรับท่านที่สนใจจะซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ลดราคา

เรียน ท่านที่ปรึกษา ท่านกรรมการ และท่านสมาชิกทุกท่าน


 เริ่มแล้ว  “งานคอมพิวเตอร์ราคาถูก”   ลดกันสุดๆ  เพียง 10 วัน

                      ครั้งสุดท้ายในปีนี้เท่านั้น

วันที่  19 – 28 มิ.ย. 54    ณ ลานกิจกรรม  ชั้น 3

  อาคาร IT มอลล์ ฟอร์จูน  ถนนรัชดาภิเษก   โทร 02-641-0779 , 086-355-0135

 (ไม่มีค่าโฆษณาฝากช่วยกันส่ง ต่อ mailให้หน่อยจ้า)


      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #2322 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2554, 06:49:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 17 มิถุนายน 2554, 20:29:55
สวัสดีค่ะ คุณน้องไข่มุก ที่รัก
                       ขอแสดงความยินดี ที่เธอมีสติมั่นคง ไม่กลัว และพิจารณาด้วยเหตุ-ผล  ปกติงูมันจะไม่ทำร้ายคนอยู่แล้วครับ ยกเว้นไปทำร้ายมันก่อน  มันจะต่อสู้ด้วยสัญชาติญาณ


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
                       พระพุทธเจ้าท่านบอกภพ ชาติใหม่มี เพียงแต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังพิสูจน์ไม่ได้  เพราะหลายสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยญาณ นั้นพิสูจน์แล้วเป็นความจริง ครับ อย่าลืมมิติในโลกนี้มีจำนวนมาก นะครับ 
                       แต่อยู่กับปัจจุบันและป้องกันไว้ไม่เสียหลาย และไม่มีใครเดือดร้อน เป็นใช้ได้


สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                       ลองทำดูนะครับ
                       ลืมบอกไปที่โรงแรมทวินโลตัส ห้องเก่าของพี่สิงห์ก็มีครับ ห้อง 1131 พี่สิงห์นอนครั้งแรกก็เจอ แต่จิตพี่สิงห์กล้าแข็งไม่กลัว มันเป็นภาพเงาปรากฏลางๆ แต่เนื่องจากพี่สิงห์สวดมนต์ และซื้อที่นอนเสมอ และขออนุญาติเขา เขาจึงไม่รบกวนพี่สิงห์ อยู่กันได้ เพราะเช่าเป็นเดือน  มีอยู่ครั้งหนึ่งลูกน้องตัวเองอยากพาลูกมานอนโรงแรม  พี่สิงห์ให้มานอน ปรากฏว่านอนไม่ได้ ไปเจอเข้า เพราะไม่ได้ขออนุญาติ ต้องกลับไปนอนบ้าน ไม่กล้านอนเลยห้องนั้น และไม่กล้ามาอีกเลย
                       เพื่อความสบายใจ ตอนหลังทางโรงแรมเลยเปลี่ยนเป็นห้องสูตรให้ อยู่ 1136 ห้องนี้ไม่มีอะไรครับ เงียบ เพราะถ้าโรงแรมไม่เต็ม จะไม่มีใครมาน้องห้องข้างๆเลยเพราะเขากลัวส่งเสียงรบกวนผมครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่านครับราตรีนี้

...พี่สิงห์คะ...ที่ตู่อ่านหนังสือธรรมะมา...อาจารย์หลายท่านก็บอกไว้ว่า...พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์...ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้...

โดยการปฏิบัติธรรม...

...พี่สิงห์อ่านหนังสือธรรมะบ่อยๆก็จะทราบว่า...วิญญานมีจริง...ผีมีจริง...พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธ...

...เพียงแต่บางคนสื่อได้...บางคนสื่อไม่ได้...บางคนก็อายกลัวคนปรามาสว่าเพ้อเจ้อ...

...แต่ถ้าใครยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจริงๆ...ยังไม่เชื่อ...ยังมีความสงสัย...

...ก็ไม่อาจบรรลุธรรมได้ค่ะ...ในพระอภิธรรมก็บอกไว้...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2323 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2554, 17:17:16 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
                         เดี๋ยวนี้พี่สิงห์ไม่อยากอ่านหนังสือธรรม แล้ว อ่านเพื่อหาอะไรดีๆ มาให้พวกเราที่ไม่มีโอกาสอ่านได้อ่านกันตรงนี้ เท่านั้น
                         พี่สิงห์ต้องการเอาเวลาไปปฏิบัติธรรม หาให้พบด้วยตัวเองดีกว่า อ่านมาพอสมควรแล้ว และยังมีเวลาอีกมาก ปฏิบัติไป ทดลองกับตัวเองไป ผิดเป็นครู  เป็นทางที่เป็นสัจจธรรม เท่านั้น ทางที่เป็นอวิชชา คือ อกุศลธรรม ถือว่าผิดทาง ไม่เอา เรารู้ของเราได้ว่าถูกทาง หรือผิดทาง เพราะทางที่ถูกนั้น คือทางที่เป็นธรรมชาติ  สายกลาง สบายกาย-สบายใจ-จิตผ่องใส อยู่กับความว่างเปล่า ไม่มี ไม่เป็น ไม่เอาอะไรสิ้น อย่างนี้แหละ  สักวันคงจะค้นพบได้ ด้วย ศรัธทา ความเพียร และปัญญา ครับ
                         สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2324 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2554, 17:22:33 »

สวัสดีครับ คุณนันทิกา(เจี๊ยบ) ที่รัก

                       พี่สิงห์อยากทราบว่า นิสิตหอพักท่านใดได้รับทุนอยู่หอพักจากพี่สิงห์  ถ้ามีโอกาสพี่สิงห์ ไปหอพัก จะไปพบ ครับ
                       ขอบคุณมาก
                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 91 92 [93] 94 95 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><