Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2150 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2554, 15:59:35 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก กรุณาส่งมาทาง Email ดีกว่าครับ บริษัททัวร์ มี Email แน่นอน แล้วจะส่งต่อคุณหลิวให้ครับ WWW.singhamanop@gmail.com พี่สิงห์จะได้เอามาลงในกระทู้นี้ได้ด้วย ขอบคุณมาก สวัสดี
|
|
|
|
krongon2513
|
|
« ตอบ #2151 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2554, 17:29:08 » |
|
คุณสิงห์คะ ขอโทษที่ไปทำบุญด้วยไม่ได้ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนแม่ น้องสาวไปต่างประเทศค่ะ ตอนคุยด้วยยังไม่รู้เลย จึงเตรียมการไม่ทัน ฉันขออนุโมทนาบุญด้วย รู้สึกชอบความเป็นอยู่ที่อบอุ่นและเรียบง่ายดังที่เห็นนี้..ก็เราเป็นคนบ้านนอกนี่นะ โอกาสหน้าคุณสิงห์แจ้งฉันล่วงหน้านานๆหน่อยนะคะ จะได้ไปร่วมด้วยได้ ขอบคุณที่ชวนค่ะ
ชอบที่คุณสอนดร.ป๋อง..ฉันเห็นด้วยทุกประการ...ไชโย
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2152 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2554, 18:03:40 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณอ้อย มันกระทันจริงๆ เพราะอาจารย์เผ่า ว่างพอดี อาจารย์เผ่าเป็นผู้กำหนด ผมก็ต้องเอาตามนั้น ครับ โอกาสหน้ายังมีครับ จริงๆ อยากไปเมื่อไร ผมจัดได้ทันทีครับ ตอนนี้ที่บ้านฝนตก ไฟฟ้าดับครับ สวัสดี
|
|
|
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์
รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692
|
|
« ตอบ #2153 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2554, 21:28:24 » |
|
พี่สิงห์ที่เคารพรัก ขอเป็นกำลังใจให้พี่ป๋องอีกคน นั่งฝึกใจให้นิ่งช่วยได้ค่ะ คำเตือนนี้มีค่านัก ติ๋มขอรับไปใช้ด้วย หนังสือที่พี่สิงห์ให้อ่านก็มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตมาก ถ้าละความคิดที่เอาตัวเองเป็นอัตตาแล้ว ทุกอย่างก็เป็นอนิจจัง มันเกิดๆดับ ต้องตามทัน อยู่อย่างสงบ ลดความโลภ โกรธ หลง มีสมถะนั้นทำชีวิตให้ง่ายขึ้นค่ะ
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
|
|
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์
รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692
|
|
« ตอบ #2154 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2554, 21:32:52 » |
|
ระลึกถึงพี่อ้อยอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะยามคิดถึงเวลาที่มีคุณแม่และดูแลท่านนั้นหายไป เลยเอาเวลาเหล่านั้นมาปฏิบัติปัดฝุ่นในใจค่ะ ถ้าทำแล้วได้บุญก็ส่งให้ท่าน และคิดถึงพี่อ้อยจริงๆ
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #2155 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2554, 23:14:08 » |
|
แอบเข้ามาฟังเพลงยามดึกครับ ^_^
|
|
|
|
suriya2513
|
|
« ตอบ #2156 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2554, 23:34:23 » |
|
พี่ป๋องว่า เป็นเพลงดีเพลงหนึ่งเลยนะครับดร.มนตรี
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #2157 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 01:14:20 » |
|
...พี่สิงห์คะ...มีอีเมล์และเว็บของบริษัททัวร์ค่ะ...
...แต่ปกติหมอจะติดต่อทางโทรศัพท์และแฟ็กซ์ค่ะ...ยังไงจะลองติดต่อทัวร์ให้นะคะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
lek_adisorn
|
|
« ตอบ #2158 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 07:47:26 » |
|
พี่สิงห์ ไปงานโบลิ่งหรือไม่ครับ ผมจะนำรูปและ CD เอามาให้มีอยู่ประมาณยี่สิบกว่ารูปครับ
|
|
|
|
lek_adisorn
|
|
« ตอบ #2159 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 07:59:50 » |
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2160 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 08:13:40 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก มีความก้าวหน้า หรือมีปัยหา วิปัสนูกิเลศ บอกกล่าวมาได้เลย อย่าเกรงใจ ถือว่าเรามาแลกเปลี่ยนสิ่งที่รู้กัน แต่อย่าไปเป็นทาษความคิดของเรา หรือติดไปกับการปฏิบัติธรรม โดยไม่ทำอะไรเลยที่ยังเป็นความรับผิดชอบของเรา วันหนึ่งๆขอเพียงนั่งเจริญสติภายหลังสวดมนต์ก่อนนอน และเช้ามืดภายหลังตื่นนอน ทำเพื่อให้ใจนิ่งมีสติเป็นสมาธิ หรือเวลาว่าง ก็เพียงพอ การปฏิบัติธรรมที่แท้จริง คือ การรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ ณ ปัจจุบัน ที่เราทำงาน ทำกิจวัตรประจำวัน อิริยาบถต่างๆ นี่ละให้จิตมันอยู่ในสิ่งที่เรากำลังทำ อย่าไปคิดนอกตัว ถ้ามีสติ เอาสติดูกาย-ใจของเรานี่ละ เราก็ยังทำมาหากินของเราได้ และจะทำได้ดีกว่าเดิมอีกเพราะเราทำอย่างมีสติ ไม่ใช่ทิ้งงานทิ้งการ ไปนั่งภาวนาทั้งวัน ครับ แบบนั้นขอให้ทำเมื่อเราไม่ต้องทำงานแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว เราก็สามารถเดินจงกรม เจริญสติได้ทั้งวัน ผลมันก็อันเดียวกัน คือการรู้สึกตัวทั่วพร้อมตลอดเวลา นั่นเอง ครับ สวัสดียามเช้าครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2161 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 08:48:11 » |
|
ดร.สุริยา (เมื่อวาน ดร.สุริยา โทรศัพท์ มาหาผม บ่นถึงทุกข์ที่เกิดขึ้นกับ ดร.สุริยา ผมเลยตอบให้ทราบ เพราะ ดร.สุริยา วางใจผิดที่) . ตามเนื่อเพลง "สุข ทุกข์ มันอยู่ที่ใจ" ดังนั้น เราต้องรู้จักวางใจของเราให้ถุกที่ เมื่อประสพกับทุกข์ ทุกชนิด ครับ มันอยู่ที่เมื่อเราประสพสิ่งที่ไม่รัก ไม่ชอบ ไม่ถุกใจ (ตัวเรา ที่มาตรฐานสูง) เราก็เป็นทุกข์ตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอน คือความพรุ่งพร่านเดือดดาลใจ หงุดหงิดใจ หดหู่ใจ(กรณีปลง) กลายเป็นความโกรธ เราต้อง "รู้จักวางใจของเราให้ถูกที่" คือวางใจของเราเพียงแค่กำหนดรู้ในสิ่งที่ประสพนั้น ให้รับรู้ถึงสิ่งที่มันทำให้เราไม่ชอบพรุ่งพร่านใจขึ้นมา ณ เวลานั้นถ้าเรามีสติ ดูใจ จะเห็นสาเหตุแห่งการพรุ่งพร่านเดือดดาลใจ ขึ้นมาเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าวางใจได้ดี ถูกต้อง เราก็ไม่หลงไปเป็นทาษ ความคิดที่เกิดขึ้นในสิ่งที่ประสพนั้น เพียงกำหนดรู้เท่าทันเท่านั้น แต่ถ้าเราวงาใจของเราไม่ดี ผิดที่ หลงเข้าไปเป็นเสียเองในสิ่งที่ได้ประสพนั้น ใจเราก็ทุกข์ เท่านั้นเอง ใจของคนเรานั้นพอประสพกับสิ่งไม่รักไม่ชอบ ใจมันชอบแส่เข้าไปเป็นเสียเอง ทั้งสิ้น จึงต้องเจริญสติ สร้างสติให้รู้เท่าทันมันเข้าไว้ จะได้วางใจได้ถูกต้อง ถูกเวลา ครับ กรณีแบบนี้ถ้าเกิดกับผม สติมันจะเป็นตัวบอกผมทันทีว่า "ภูมิ" ของคนมันเป็นอย่างนี้ ภูมิ(ปัญญา ความรู้ ประสพการณ์ ความคิด)ของเขามีเพียงเท่านั้น เขาไม่เหมือนอย่างเรา ภูมิ มาตรฐานทางความคิดแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครมีแค่ไหนก็จะแสดงออกมาเองแค่นั้น และมันเป็นเรื่องนอกตัวเราทั้งนั้น เราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือสนใจมัน ปล่อยมันไป เพียงขอให้มีสติ ใช้ปัญญา และอุเบกขา เข้าไว้ ความพรุ่งพร่านเดือดดาลใจ มันก็จะดับไปด้วยตัวของมันเอง(ความคิดในสิ่งที่ประสพ) เราก็ไม่ทุกข์ หรือ เราถอยห่างออกไปอย่าไปคิดมัน อย่าไปข้องเกี่ยวมัน เพราะเราสั่งให้ตัวเราทำนั้น เราสามารถสั่งได้ แต่ไปสั่งให้คนมีภูมิ แค่นั้น เราสั่งเขาไม่ได้เพราะเขาจะมีเหตุผล หาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองจนได้ มันจะได้อะไร สู่สั่งตัวเราถอย อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน ห่างมันเสีย ซึ่งเราทำได้ เรื่องของคนอื่นก็เป็นของคนอื่น เราจะมาเอาเป็นเรื่องของเรา แล้วเราต้องได้รับทุกข์ จะทำไปทำไมรับรู้ไปทำไมครับ ขณะนี้ผมเองไม่ทำอย่างนั้นแล้ว สามารถปล่อยวางได้แล้ว ได้แต่ให้แง่คิด แสดงควมเห็น แนะนำ แต่เขาต้องตัดสินใจเอง แนะนำเสร็จ ผมก็ลืมมันหมดไม่เก็บเป็นอารมณ์ให้ทุกข์ เพราะมันเป็นอดีตไปแล้ว ผมดำรงค์ชีวิตของผมแบบนี้ครับ ยังตั้งต้นได้ใหม่เสมอ ไม่มีคำว่าสาย ครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2162 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 08:52:13 » |
|
สรุป ยอดเงินทำบุญที่พวกเราให้ ดร.กุศล ถวายเจ้าอาวาสนั้น เก้าพันกว่าบาท รวมกับของคุณเหยง หนึ่งพันรบาท เป็นหมื่นกว่าบาทนั้น เอาไว้ซ่อมศาลาวัดทั้งหมดครับ ทำให้ยอดเงินซ่อมศาลามีอยู่ประมาณหนึ่งล้านบาท ขณะนี้
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2163 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 08:58:28 » |
|
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #2164 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 08:58:45 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ตู่เข้าไปส่งเมล์ขอโปรแกรมให้พี่สิงห์แล้วนะคะ...แต่ไม่ทราบว่าผลจะเป็นยังไงค่ะ...
...เพราะพอกดส่งเมล์ไป...มันตอบกลับมาเป็นภาษาที่อ่านไม่รู้เรื่องค่ะ...เข้าใจว่าเว็บอาจไม่อัพเดทค่ะ...
...เว็บของบริษัททัวร์ค่ะ...http://www.colatour.co.th/contact.php
...แต่เข้าไปดูแล้วไม่มีโปรแกรมที่เราจะไปค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2165 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 09:28:48 » |
|
เมื่อเย็นวันอังคารที่ 24 พฤษภาคม ฝนตกไฟฟ้าดับทั้งซอยและปากทางลาดพร้าว รถติดมาก พี่สิงห์ไปนั่งรับประทานอาหารเย็นกับหลานสาว น้องสาว และพยาบาลโรงพยาบาลสิงห์บุรีที่มาประชุมอีกสองท่าน ที่ร้านอาหารลองดู(เวียตนาม) พี่สิงห์ได้แต่รับฟังปัญหาของเขาในที่ทำงานที่ต้องทำงานกับเจ้านายหลายคน กับระบบการบริหารโรงพยาบาลใหม่ ที่ทางกระทรวงต้องการอีกอย่างเป็นนโยบาย แต่บรรดาผู้บริหารโรงพยาบาล ทำอีกอย่าง ทุกข์มันก็เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติ พี่สิงห์ก็เลยแนะนำให้น้องสาวไปพักผ่อน ที่โรงพยาบาลจอมทองสักอาทิตย์ และถ้าแบ่งเวลาได้ไป ปฏิบัติธรรมสงบใจที่วัดป่าสุคะโตสักอาทิตย์ แล้วการทำงานจะดีขึ้นกว่าเดิม แน่นอน แต่ในขั้นต้นนี้ พี่สิงห์จะไปสอนให้ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ในเรื่องการออกกำลังกาย-เจริญสติ ให้เป็นเบื่องต้นก่อน ดีกว่าปล่อยให้ทุกข์อยู่อย่างนี้ เพราะทุกคนเล่น ไปหลง ไปเป็นทาษ ความคิดตัวเองหมด คือเป็นผู้เล่นเสียเอง มันก็ทุกข์เท่านั้นเอง คือวางใจของตนไม่ถูกต้อง นั่นเอง ไฟฟ้าบ้านพี่สิงห์ดับ พี่สิงหืไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ก็ได้แต่เดินจงกรม ให้อาหารย่อย นั่งเจริญสติพอสามทุ่มก็เข้านอน ตื่นขึ้นประมาณตีหนึ่งไฟฟ้ามาพอดี ก็จึงไปจัดการเรื่องไฟฟ้าเสร็จนอนต่อ ไม่เดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้มันเป้นไปของมัน เพราะคิดมากไปก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น มันก็เลยไม่ทุกข์เรื่องไฟฟ้าดับ ฝนตก ครับ วันนี้บ่ายพี่สิงห์มีนัดกับ MD ของ SIW และ PSTC ไปตีกอล์ฟที่สนาม Royal Jame ที่รังสิตคลองสอง สนามใหม่ รับเฉพาะ member และแพงมาก เราไปตีฟรีเพราะไปซื้ออุปกรณ์กอล์ฟไปแจกลูกค้าเกินแสน เขาสมนาคุณให้ไปทดลองสนามฟรี จึงต้องหาโอกาสไป เพราะชาตินี้คงไม่ได้ไปที่สนามนี้อีกแล้ว เก้าหลุมแรกของสนามนี้เขาเอา Lay out สนามที่ดีที่สุด มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกามาสร้าง และเก้าหลุมหลัง Coppy จากสนามเนชั่นแนลออกัสต้า มาทั้งหมด เท่ากับเราได้เป็นเล่นสนามกอลืฟที่ lay out ดีที่สุดในโลก แต่เล่นที่เมืองไทย ครับ พรุ่งนี้เช้าวันพฤหัสบดี ไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2166 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 09:39:58 » |
|
วันนี้เป็นวันพระ
พี่สิงห์ถือ อุโบสถศีล คือ ศีลแปด ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #2167 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 13:02:03 » |
|
...พี่สิงห์คะ...ตู่โทรคุยกับคุณเก๋ไก๋...รองผู้จัดการทัวร์แล้วนะคะ...เค้าบอกว่าได้รับเมล์แล้วค่ะ...
...เค้าขอปรับปรุงโปรแกรมทัวร์นิดหน่อยค่ะ...แล้วจะส่งอีเมล์ถึงพี่สิงห์นะคะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
lek_adisorn
|
|
« ตอบ #2168 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 19:07:28 » |
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2169 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 20:45:10 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน วันนี้พี่สิงห์ไปลองเล่นกอล์ฟสนามใหม่ของ Royal Jame ที่คลองหกมา พี่สิงห์ตีหมุดน้ำเงิน ระยะ 6100 หลา Par 71 รอบเก้าหลุมแรก ลอกแบบมาจากสนามดังในอเมริกา และอังกฤษ เช่นหลุมสาม Par 3 coppy มาจากหลุม 17 TPC SAW GRASS เป็นต้น เก้าหลุมหลังลอกแบบมาจากเนชั่นแนลออกัสต้า คะแนนพี่สิงหืดีมาก คือให้ทั้งสี่ท่านรุมพี่สิงห์คนเดียว พี่สิงห์ชนะห้าหลุม ในความรู้สึกของพี่สิงห์ให้ไปตีฟรีตี แต่ถ้าเสียเงินไม่ไปครับ เพราะแพงมาก และไม่มีความอยากด้วย ถึงแม้จะรอกแบบมาจากสนามดัง แต่การเล่นระดับบนกรีนไม่เหมือนที่เห็นใน TV เลย แสดงว่าลอกมาไม่ร้อยเปอร์เซ็น ปล่อยให้พวกเศรษฐีเมืองไทยเขาไปเป็น member กันไปดีแล้ว สำหรับพี่สิงห์เลิกทำงานเมื่อไรคงเลิกเส่นกอล์ฟเพราะค่าใช้จ่ายแพงมาก สู้อยู่บ้านเจริญสติดีกว่าครับ ผิดหวังนิดๆในการไปเล่น เพราะไม่สมคำร่ำลือเลย หรือเป็นเพราะเราหมดความอยากก็ไม่รู้จึงรู้สึกเฉยๆ ครับ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
|
|
|
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์
รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692
|
|
« ตอบ #2170 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 22:34:02 » |
|
พี่สิงห์ที่เคารพรัก ติ๋มทำอย่างที่ได้ตีความจากการอ่านหนังสือที่พี่สิงห์กรุณาส่งให้อ่าน และเล่มอื่นๆที่ได้มาจากทุกท่านที่กรุณาค่ะ ก็เข้าใจบ้างบางเล่มเฉพาะที่เข้ากับจริต และพื้นความคิดของติ๋มค่ะ มีพระวัดป่าหลายๆท่านที่ติ๋มอ่านรวมทั้งหลวงพ่อเทียนที่พี่สิงห์ให้อ่านค่ะ พระพุทธทาสภิกขุ นั้นได้อ่านหนังสือของท่านจากคุณพ่อค่ะ ติ๋มปฏิบัติหลังสวดมนต์ดังนี้ค่ะ ติ๋มนั่งลงพร้อมกับคิดถึงการปล่อยและวางลง ปล่อยและวางอะไรก็ได้ที่คิดอยู่ขณะที่กำลังนั่งลง แล้วก็บอกว่าเราวางสิ่งที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยในมือเรา ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย เหมือนตัวเรา ว่างเปล่าแล้วพยายามหยุดอยู่แค่นั้น หายใจลึกๆ หายใจลึก เอาความว่างเปล่าไปสู่ความว่างเปล่า แล้วปล่อยไปตามธรรมชาติ ไม่คาด ไม่หวังที่จะเห็นหรือรู้สึกใดๆเลยปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้ามีอะไรแวบเข้ามาในความคิดต้องรีบปล่อยและวางอย่าพยายามจับไว้ เพราะจับไม่ได้เก็บไม่ได้ มันว่างเปล่า ทุกสิ่งว่างเปล่า
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2171 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2554, 05:28:18 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก และสวัสดียามเช้าชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่านครับ มันอาจจะเป็นวิธีเจริญสติอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือ ให้จิตมันภาวนะคำว่า "ว่างเปล่า" มันก็เหมือน ภาวนาคำว่า "พุทโธ" นั่นแหละ อันเดียวกัน พี่สิงห์เจอมามากแล้ว คือพระท่านก็มีทิฐธิของท่าน ท่านอยากจะหาวิธีของท่านเอง ไม่อยากเรียนแบบครูบาอาจารย์ อยากให้เป็นเอกลักษณ์ของท่าน ยกตัวอย่างการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหวของหลวงพ่อเทียน มีพระหลายสำนักประดิษฐ์การเคลื่อนไหวไม่เหมือนหลวงพ่อเทียน แต่รากเหง้ามาจากหลวงพ่อเทียน ก็ไม่ว่ากัน ต่างจิตต่างใจ ขอให้เรารู้ไว้เท่านั้น จริงๆ แล้วเราไม่ได้ต้องการความว่างเปล่า เพราะจิตเดิมมันว่างเปล่าอยู่แล้ว แต่เรากลับไปหาจิตเดิมยังไม่ได้ เราก็ต้องอาศัย สติปัฏฐานสี่ ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนนี่ละ คือ พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม เราต้องให้มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมทั้งกายและใจ จนมันจะเป็นสติปัฏฐานขึ้นมา เมื่อรู้สึกตัวแล้วให้จิตมันคิดถ้ามันอยากคิด แต่ต้องคิดอยู่ในตัวเราคือคิดเกี่ยวกับกาย-จิต เท่านั้น แล้วจะรู้ขึ้นมาเอง แนวหลวงพ่อเทียนนั้น การรู็ซื่อๆ อยู่กับปัจจุบันนี้ละ จิตมันจะไม่ส่องออกนอก ทำบ่อยเข้าๆ สติมันจะเร็วมาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันจะค่อย ๆ จางไปของมันเอง และจะรู้และมีความเข้าใจขึ้นมาเองจากอารมณ์ความรู้สึก สังขารทั้งหลายอนิจจัง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา จิตใจของเราจะเบาลง ความอยากจะหายไปมาก ครับ การเจริญสติ ถ้านั่งหลับตาจะมีแต่จินตญาณ คือคิดไปเอง เห็นไปเองทั้งนั้น เพราะจิตมันเป็นอย่างนั้น จริงๆ มันไม่มีอะไรเลย พอลืมตาทุกสิ่งก็หายไปหมด เท่ากับว่าเราหลงเข้าไปในความคิดที่จิตมันคิดติดอยู่กับมันจนลืมกาย ลืมใจ เห็น....ไปหมดพอรู้สึกตัวลืมตาก็ไม่มีทั้งนั้นในสิ่งที่จิตมันเห็น เราต้องยอมรับ ความจริงก็คือความจริง อย่าไปหรอกตัวเองว่าเห็นโน่นเห็นนี่ มันเป็นเพียงความคิด ถ้าเราไปหลงอยู่กับมันความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมมันไม่เกิดหรอก เป็นทางที่ผิด พิจารณากายในกาย ที่พี่สิงห์พบ คือรู้ "รูป-นาม" คือมีความรู้สึกว่าคนเราแยกออกเป็นสองคนด้วยความรู้สึก คือ รูปคือตัวเราที่กำลังสร้างความรู้สึกตัวนี้ และนามคือ จิตที่มันรับรู้ได้ มีความรู้สึกได้ คิดได้ และจำได้ ไม่มีตัวไม่มีตน จิตนี่ละที่มันสามารถสั่งการ ควบคุมให้รูปทำอะไรก็ได้ คือ เห็น รูป-นาม และนาม-รูป เจ้านาม-รูปนั้นคือจิตไม่มีตัวไม่มีตน มันคิดตลอดเวลา เป็นตัวทุกข์ นอกจากนี้จะรู้ขึ้นมาว่า รอบๆตัวเราที่เราเห็นจำได้นั้น เขาสมมติ ตั้งชื่อขึ้นมาทั้งนั้นเพื่อให้จิตมันจำได้ นั่นก็คือ ทุกสิ่งล้วนเป็นสมมติบัญญัติเพื่อให้จำได้ เมื่อเจอ หรือคิดขึ้นมา นอกจากนี้จะรู้ขึ้นมาว่าเวลาเราทุกข์นั้นมันจะมีสองอย่าง คือ ทุกข์กาย กับทุกข์ใจ เราต้องดูให้ออกว่ารูปมันทุกข์จริงๆ หรือรูปมันไม่ทุกข์แต่จิตมันทุกข์ จิตมันทุกข์นั้นมีสองอย่างคือจิตทุกข์จอมปลอม กับจิตมันทุกข์จริงๆ ต้องแยกให้ออกด้วยปัญญา เมื่อเรารู้สาเหตุแท้จริงก็ต้องแก้ที่เหตุจริงๆ ส่วนใหญ่จิตมันจะทุกข์ปลอมๆก่อนเสมอเพื่อตรวจสอบเราเองว่าเราจะมีความเพียรและปัญญามากเพียงใด พิจารณาเวทนาในเวทนานั้น ขณะนั่งเจริญสติสร้างความรู้สึกตัวนั้น มันจะเกิดเวทนาขึ้นกับรูป คือปวดเหมือ่ย ง่วงนอน อยากเลิกเป็นต้นเราต้องพิจารณาด้วยปัญญาให้ออกว่า ทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นเราอย่าไปเป็นเสียเอง กำหนดรู้ว่านี่คือทุกข์ เมื่อกำหนดรู้แล้วต้องหาสาเหตุแห่งทุกข์นั้น เมื่อหาสาเหตุพบ ต้องแก้ทุกข์นั้นที่ต้นเหตุ นอกจากนั้นเราจะรู้จักอารมณ์แห่งทุกข์ รู้อารมณ์แห่งสุขในกรณีที่เราสามารถใช้ปัญญาแก้ไขสำเร็จจะพบกับความปีตินั่นคืออารมณ์แห่งสุขเราเพียงกำหนดรู้เท่านั้นแต่อย่าไปติดกับมัน นอกจากนี้จะรู้อารมณ์ว่างเปล่า คือรู้อารมณ์ที่จิตมันไม่ได้นึก ไม่ได้คิดว่ามีอารมณ์อย่างไร ให้กำหนดรู้เท่านั้น เมื่อเรากำหนดรู้จากทุกข์แล้วเราก็แก้ทุกข์ เช่น ถ้านั่งอยู่มันเหมื่อยก็ต้องสลับเป็นยืน ถ้ายืนเมื่อยก็เดินจงกรม ส่วนใหญ่จะสลับนั่งกับเดินจงกรมในการปฏิบัติธรรม อย่าลืมต้องกำหนดรู้ทุกข์เท่านั้น แล้วก็แก้ทุกข์ให้เป็น ไม่ใช่ไปทรมานสังขารจนเป็นเหน็บชา นั่นมันเป็นทางสุดโต่ง พระพุทธองค์ใช้มาแล้วไม่ได้ผล ทุกข์ อารมณ์ต่างๆ นั้นเรากำหนดรู้เฉยๆ อย่าไปเป็นเสียเอง แล้วใช้ปัญญาใคร่ครวญหาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ อย่าไปสนใจหนังสือ อาจารย์แนะนำ การปฏิบัติธรรมนั้นต้องหาให้พบด้วยตัวเองจากการพิจารณากาย-ใจ ของเราไม่ต้องคิดนอกตัวแล้วจะพบเอง ขอพูดสั้นๆ เพียงแค่นี้ พี่สิงห์นั่งเขียนตามความรู้สึกตัวเอง อยู่ที่สนามบินดอนเมือง แบตเตอรี่จะหมดแล้ว และจะ Boarding 06:00 น. ขออนุญาติจบเพียงแค่พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนาเท่านี้ก่อนครับ เพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง เพราะนั่นคือสิ่งที่พี่สิงหืพบรู้ขึ้นมาเอง จริงๆมันมีมากกว่านั้นครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2172 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2554, 08:55:37 » |
|
สวัสดีครับ คุณน้องจันทร์ฉายที่รัก และชาวซีมะโด่งทุกท่าน พี่สิงห์เดินทางถึงนครศรีธรรมราช กินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว ตามเคยอาหารเช้าพี่สิงห์คือ ข้าวต้มกล้องสองทัพพี ผักสดหนึ่งจาน ถั่วลิสงนิดหน่อย และผลไม้ พี่สิงหืกำลังรอคนมารับก้เลยถือโอกาสต่อให้จบครับ พิจารณาจิตในจิต ไม่ต้องไปหาที่ไหนหาในตัวเรานี่ละ เราจะรู้ขึ้นมาเอง เมื่อเรามาดูความคิดของเราด้วยสติ ขั้นแรกเราสามารถจะแบ่งความคิดของเราได้สามประการ คือ ประการแรกจิตเราจะคิดคร่ำครวญ รำพัน เสียดาย หดหู่ เศร้าหมอง จมปรักอยู่กับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ที่เคยเกิดขึ้นกับเรา ทั้งๆที่มันผ่านไปแล้ว หวนคืนมาไม่ได้ทั้งสิ้น ประการที่สอง จิตของเราจะคิดวิตกกังวลไปในอนาคต ในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ยังไม่เกิดขึ้น ประการที่สาม จิตของคนเราจะคิด ณ ปัจจุบัน แต่น้อยมากๆ เมื่อมันเป็นอย่างนี้ เมื่อคิดแต่เรื่องนอกกายผลคือ จิตมันก้เศร้าหมองได้รับความทุกข์ ครับ ประการที่สี่ ถ้าเราเจริญสติ รู้ตัวทั่วพร้อมทั้งกายและใจ ตลอดเวลา มันจะเกิดตาปัญญา หรือปัญญาญาณขึ้นมาเอง คือจิตคนมันอยู่เฉยๆไม่เป็นเพราะยังเป็นปุถุชนม์อยู่ มันต้องคิด เมื่อเรามีสติอยู่กับปัจจุบัน มันก็คิดไม่ได้ แต่มันจะมีตาปัญญาแวบเข้ามาในความคิด เราต้องดูให้ออก คือความคิดใหม่ๆ ที่เรายังไม่เคยได้รู้มาก่อน เราต้องให้มันคิด แต่อย่าให้มันคิดนอกตัวของเราคือกาย ใจ เมื่อมันคิดเราก็จะรู้ขึ้นมา อย่างการรู้เรื่องรูป-นาม การคิดของจิต เราจะเห็นในความคิด เมื่อเราเห็นความคิดเราเป็นอย่างนี้ เราก็เฝ้าดูความคิดของเราในอารมณ์ต่างๆที่มันเกิดขึ้น เราจะรู้เท่าทันมัน อย่างความโกรธที่พี่สิงห์เคยบอกไปแล้ว เวลาเราจะโกรธอะไรสักอย่างหนึ่ง ถ้าเราฝึกสติมาดี ความเร็วของสติจะวิ่งมาเตือนเราทันทีในสิ่งที่จะโกรธ เห็นอารมณ์การเกิด เห็นรู้สาเหตุที่จะโกรธ และจะมีความคิดด้วยปัญญา เมื่อรู้ความจริงในสัจจธรรมแล้ว ความโกรธมันก็ไม่เกิดจากรูป เราเพียงกำหนดรู้เท่านั้น เพราะโกรธไปก็มีแต่ก่อทุกข์ หรืออารมณืต่างๆ ความโลภก็ดี ความหลงก็ดี เราจะเห็นหมด เมื่อรู้สาเหตุแล้ว จิตมันก็จะคลายความกำหนดลงเอง คือไม่อยาก เบื่อ รู้สึกเฉยๆ ขึ้นมาของมันเอง ด้วยอุเบกขา ขอให้ฝึกดูจิตด้วยสตินี่ละจะรู้จะเห็นความคิดของเราจริงๆ แต่ต้องใช้ปัญญา ควบคุมตัวเอง เพราะเรายังเป็นปุถุชนม์ ไม่สามารถควบคุมจิตของเราได้ ยังไม่หลุดพ้น แต่เราเอาชนะจิตเราได้ด้วยปัญญาได้ ความทุกข์ก็ไม่เกิด คืออย่าไปหลงเป็นทาษความคิดของเรา เราเป็นทาษความคิดของเรามาเพียงพอแล้ว ต้องใช้สติ ความเพียร ปัญญา ทวนกระแสความคิด เอาชนะมันให้ได้จาก การไม่ทำตามที่มันคิดและสั่งการ เราจะทำตามจิตมันคิดด้วยปัญญาและการมสติเท่านั้นในทางธรรม การพิจารณาธรรมในธรรม สำหรับพี่สิงห์ที่เอาสติมาตามดูความคิดตัวเอง เราจะรู้ด้วยตัวเองเลย ความคิดนั้นพอจิตมันคิดขึ้นมา มันจะสั่งการให้รูปกระทำหรือคิดตามมัน ถ้าเรามีอุเบกขา คือเฝ้าดูมัน ไม่ทำตามมัน ไม่คิดตามมัน จะเห็นว่าความคิดที่จิตมันขึ้นนั้น มันจะตั้งอยู่ทรงความคิดนั้นอยู่ไม่ได้นานหรอก แล้วมันก็จะดับสูญไป เพราะสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เราจะเข้าใจหลักไตรลักษณ์ได้ทันที ความคลายกำหนัด ไม่ยึดติด ไม่ยินดียินร้าย มันก็จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในจิตของเรา เมื่อรู้ความจริงแห่งธรรมอันนี้ เราก็สามารถจะใช้ปัญญาของเรา จะกระทำ หรือไม่กระทำ จะคิดหรือไม่คิด ตามที่จิตมันอยากให้เรากระทำได้ ด้วยตัวของเราเพราะเรายังเป็นปุถุชนม์อยู่ ก็ต้องใช้ปัญญา จะเห็นว่าการพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม นั้น ไม่ต้องดูที่ไหน ดูในตัวเราเองนี่ละ มันจะรู้ขึ้นมาเองเรื่อยๆ จนถึงวิมุตติ คือสามารถจะอยู่เหนือสิ่งที่อายตนะที่สัมผัสมาได้ ด้วยปัญญาถึงแม้เรายังจะเป็นปุถุชนม์อยู่เราก็สามารถเข้าถึงอารมณ์นั้นได้และมีความเข้าใจ เมื่อเข้าใจเราก้เอามาใช้ในชีวิตประจำวันของเรา เราก้จะอยู่อย่างพอเพียง มีความอยากน้อย ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง ไม่กังวล และข้อสำคัญไม่ทุกข์เมื่อจิตเราอยู่กับปัจจุบันด้วยสติ แต่มีข้อเสียคือหลายๆอย่างที่เรามีมันจะลืมหายไปในสิ่งที่ไม่ควรจดจำ พี่สิงห์ต้องไปทำงานแล้วครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #2173 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2554, 13:45:48 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน ลืมเล่าให้ฟังไปเมื่อวานนี้ที่พี่สิงห์ถือศีลแปด และต้องไปตีกอล์ฟตอนบ่าย ซึ่งใช้พลังงานมาก ย่อมต้องกินทดแทน ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะถือศีลแปด ก็เลยต้องทำให้ได้ พอเล่นเสร็จก็ไปกินข้าวกันพรรคพวกสั่งแต่ของดีๆ มาเต็มโต๊ะเลย ใจพี่สิงห์มันก็คิดขึ้นมาว่า เราเหนื่อยเสียพลังงานไปมาก ต้องหาพลังเพิ่ม คือต้องกินข้าว ถ้าไม่กิน มันจะต้องหิว นอนไม่หลับ กระวนกระวายใจท้องร้อง โดยจิตมันหาเหตุผลมาว่า เราก็ไม่ได้ไปรับศีลแปดกับพระ เพียงแค่กำหนดขึ้นเองเท่านั้น มันก็ไม่ผิดศีล แต่สติมันก็เตือนว่าการถือศีลนั้น ในเมื่อตั้งใจแล้ว จะรับศีลหรือไม่ก็ถือว่ารับศีลแล้ว ไม่กระทำไม่ได้ ผิดสัจจะตัวเอง ก็เลยไม่กินข้าวเย็นได้แต่นั่งดู และนั่งปลง วางเฉยเข้าไว้ไม่สนใจจิตมันอยากให้กิน พอถึงบ้านสามทุ่มก็สวดมนต์เย็น นั่งเจริญสติสักพัก แล้วนอนเลย มันก็ไม่เห็นจิตมันกระวนกระวาย หรือมันหิวเลย ลืมไปเสียด้วยเพราะไม่ได้คิดเรื่องไม่ได้กินข้าวเย็น เราก็สามารถถือศีลแปดได้อีกวันพระหนึ่ง จะเห็นว่าจะสุข จะทุกข์ก็ตามมันอยู่ที่จิต ถ้าเราไม่ไปคิดตามมันเสียอย่าง มันก็ไม่กังวล หรือไม่ทุกข์นั่นเอง ถึงบอกจิตของเราต้องเมื่อประพสกับอะไรก้แล้วแต่ ต้องมีสติวางจิตของเราให้ถูกที่ ถูกเวลา ครับ อย่าไปวางผิดที่ แล้วไปหลงอยู่กับความคิด มันจะก่อทุกข์ให้เราครับ สวัสดียามบ่ายครับ
|
|
|
|
Khun28
Full Member
ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784
|
|
« ตอบ #2174 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2554, 14:32:08 » |
|
สวัสดีครับพี่สิงห์ วันที่ 4 มิถุนา ผมจะไปพักที่โรงแรมทวินโลตัส 1 คืน คงมีโอกาสได้เจอพี่สิงห์นะครับ
|
|
|
|
|