too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1700 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 11:26:01 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์... ...ฟังข่าวเมื่อเช้าบอกว่าน้ำเริ่มลดแล้ว... ...ดูในทีวีบางบ้านท่วมถึงชั้น 2... ...ภาวนาว่าขอให้น้ำลดเร็วๆนะคะ...บ้านเรือนจะได้มีสภาพเป็นปกติเร็วๆค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1703 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 14:02:15 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน ขอบคุณคุณน้องอ้อย 14 คุณน้องตู่ และคุณน้องป้อม ที่เป็นกำลังใจให้ครับ พี่สิงห์์ในฐานะผู้บริหาร ก็ต้องตอบแทนลูกน้องตัวเองที่จะไม่มีรายได้เพราะกว่าจะปกติสามารถทำงานได้ต้องสองอาทิตย์ ดังนั้น พี่สิงห์ได้สั่งการคือ พี่สิงห์จะให้เงินลูกน้องตัวเองที่เป็นคนงาน ที่ต้องขาดรายได้ในช่วงน้ำท้วม โดยให้คนละ 1000 บาท เป็นเงินส่วนตัวของพี่สิงห์เพราะคนงานลำบากกว่าพี่สิงห์ นี่คือสิ่งที่สามารถกระทำได้ทันที ส่วนในส่วนของบริษัท นั้น ต้องรอประชุมกันก่อนต้องใช้เวลาคงเป็นวันเสาร์หน้า ถ้าสนามบินเปิดดำเนินการได้ ตอนนี้ก็ได้ให้พนักงานฝ่ายบุคคล จัดหาข้าวให้กินทั้งสามมื้อ ไปก่อน จนกว่าจะสามารถหุงหาเองได้ รวมทั้งที่นอนด้วยเพราะน้ำท้วมบ้านพักคนงานทั้งหมด ล่าสุดระดับน้ำลดลงแล้ว ภาวนาไม่ให้ฝนตกลงมาซ้ำเท่านั้นครับ กำลังเร่งให้สูบน้ำทิ้ง และวางแผนการซ่อมเครื่องมือให้ปฏิบัติได้เลย เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา ค่าเสียหายมากกว่าสิบล้านบาทแน่นอน ครับ สวัสดี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1704 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 15:16:49 » |
|
ติ๋ม-จันทร์ฉาย บอกกับผมพร้อมให้ดูภาพจากกล้องที่ถ่ายไว้ เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม ในตอนใส่บาตร ว่า ไม่ได้พบพี่สิงห์ และมีชาวหอที่พบ อาทิ เสียด-วรรณี จากนั้นติ๋มพาครอบครัวไปทัวร์หัวหิน ไม่ได้อยู่ร่วมงานคืนนั้น
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1705 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 15:19:32 » |
|
เราตัดไม้ทำลายป่า เอาทั้งไม้ไปขายทำฟอร์นิเจอร์ เอาที่ดินไปปลูกยางพาราและต้นปาล์มน้ำมัน
ไม้ที่ปลูกหยั่งรากไม่ลึก ดูดซับน้ำได้น้อย
เมื่อฝนตกหนัก น้ำจึงไหลลงสู่ที่ราบ ซึ่งเป็นบ้านของคนที่ขึ้นไปตัดไม้และญาติโก-โหติกานั่นเอง
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #1706 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 21:47:46 » |
|
สวัสดีค่ะพี่สิงห์ ไปพักฟื้นที่บ้านต่างจังหวัดหลายวัน ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียน มาสวัสดีก่อนคะ
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #1707 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 22:03:45 » |
|
พี่สิงห์คะ ส่งกำลังใจมาช่วยค่ะ ขอให้น้ำลดลงเร็วๆนะคะและอย่าให้เสียหายมาก
|
|
|
|
อ้อย17
|
|
« ตอบ #1708 เมื่อ: 29 มีนาคม 2554, 08:10:52 » |
|
พี่สิงห์คะ.... เป็นไงบ้างคะ...ตอนนี้ยังติดอยู่ที่นครฯหรือคะ ตามข่าวอยู่เห็นว่าฝนยังตกอยู่คงต้องระมัดระวังกันต่อไป.. ยินดีและภูมิใจที่ทราบว่าพี่สิงห์สละทรัพย์ส่วนตัวช่วยเหลือคนงาน..หากผู้หลักผู้ใหญ่ คนร่ะคนรวยมีจิตใจงาม ได้เพียงครึ่งนึงของพี่ โลกนี้ ประเทศนี้คงไม่ลำบากขนาดนี้... สิ่งดีๆที่พี่ทำจะเป็นเกราะป้องกันภัยให้พี่ตลอดไป และพี่จะไม่มีวันจน...แน่นอน....
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #1709 เมื่อ: 29 มีนาคม 2554, 13:09:07 » |
|
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์ พี่สิงห์ คงกำลังยุ่ง มาก หวังว่าน้ำท่วมคงดีขึ้นมากแล้ว มีน้องๆส่งกำลังใจมาให้พี่สิงห์มากมาย กำลังใจคงทำให้พี่สิงห์ ผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างดีค่ะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1710 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 08:42:17 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย 17 คุณน้องเอมอร คุณเหยง และคุณน้องตู่ ที่รัก ขอบคุณมาก ๆ พี่สิงห์อยู่กรุงเทพฯ เพราะวันศุกร์พี่สิงห์ต้องไปงานและไปช่วยทำงานให้กับทาง SIW พี่สิงห์กลับจากนครศรีธรรมราชเย็นวันพฤหัสบดี แต่ต้องล่าช้าเพราะฝนตกหนักเครื่องบินขึ้นไม่ได้ ต้องรอจนฝนซาลงจึงสามารถขึ้นได้ แต่ก่อนกลับกรุงเทพฯก็สังหรณ์ใจเหมือนกันเพราะก่อนหน้านั้นฝนตอทั้งวันทั้งคืนและรู้ว่ากรุงเทพฯหนาว ใต้ฝนตกหนัก ได้แต่เตือนลูกน้องให้เฝ้าระวัง แต่เนื่องจากหน้านี้ไม่เคยมีฝนตกหนัก ทุกคนจึงไม่ได้ระวังเท่าที่ควร แต่ก็ติดตามข่าวอากาศกันเพราะจะบังคับอยู่แล้ว แต่พอน้ำมันมาจริง ๆ เหมือน ซึนามิ คือมารวดเร็วมากจากภูเขาหลวง ไม่สามารถต้านทานได้ทัน ทำได้เพียงย้ายรถทั้งหมดเอาไปไว้บนถนน และยกเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นไว้บนโต๊ะ ส่วนเอกสารเอาไม่ทันครับ ตอนนี้สูบน้ำออกจากโรงงานเกือบหมดแล้ว เพื่อให้คนงานสามารถกลับบ้านพักได้ ส่วนสำนักงานนั้นไปเช่าตึกแถวชั่วคราวเพื่อให้ทำงานได้ ส่วนสำนักงานกำลังเก็บกวาด ซ่อมแซมที่เสียหาย และจัดการเรื่องเอกสารที่เปียกน้ำทั้งหมด ฝนยังคงตกอยู่ทั้งวันแต่ไม่หนักมาก ไม่สามารถทำอะไรได้ สนามบินนครศรีธรรมราชปิด ยังไม่มีกำหนดเปิด เพราะน้ำท้วม Runway ระบบสัญญาณไฟขึ้น-ลง เสียหายหมด ต้องระตรวจสอบและซ่อมแซม คงใช้เวลาอีกนาน ทาง Nok Air เลยให้ผู้โดยสารไปลงที่สนามบินตรัง แทนโดยจัดรถโดยสารรับส่งระหว่างสนามบินตรัง -นครศรีธรรมราชที่โรงแรมทวินโลตัสให้แทน ครับ สิ่งที่เป็นห่วงคือ คนงานไม่สามารถทำงานได้ จะไม่มีรายได้ ก็ต้องช่วยเหลือกันไป เพราะคนต้องกินข้าว-ใช้จ่าย พี่สิงห์ก็ทำได้เพียงแค่นี้ และหาหนทางเสนอให้บริษัทช่วยเหลืออีกทาง คือ ให้ทุกคนได้เงินโดยมาเก็บ-ทำความสะอาดโรงงาน แต่ก็เจอฝนตกอยู่ครับ ปีนี้ 2011 เราคงเจอปัญหาหนักทางด้านธุรกิจแน่นอน เพราะเราเสียหายมากเป็นสิบล้านบาท อาจจะต้องใช้วิธีลดเงินเดือนระดับผู้บริหาร ซึ่งก็มีสามคน คือพี่สิงห์ ผู้จัดการและรองผู้จัดการ เพราะที่เหลือไปลดเขา เขาเดือดร้อนมากกว่า ครับ เราคงทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น งานต่างจังหวัดมันมีไม่มากอยู่แล้ว และแรงงานเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเรา ขอบคุณที่เป็นห่วง สวัสดีครับ
|
|
|
|
อ้อย17
|
|
« ตอบ #1711 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 08:46:45 » |
|
สวัสดีค่ะพี่สิงห์.... กำลังเป็นห่วงอยู่เชียว เพราะไม่เห็นพี่มาตอบ... ตอนนี้ก็หายห่วงแล้ว ถ้างั้นอาทิตย์นี้พี่สิงห์คงไม่ได้ไปนครฯใช่ไหมคะ...
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1712 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 09:03:03 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รัก สำหรับน้ำท้วมใต้ครั้งนี้ สาหัสมากครับ แต่เนื่องจากพี่สิงห์ฝึกจิตไว้ดีพอสมควร จึงสามารถปลงได้ ไม่วิตกกังวลใดๆ ยอมรับทุกสภาพที่เกิดขึ้น มีสติ ค่อยๆแก้ไข สั่งการให้ลูกน้องได้ปฏิบัติ ให้กำลังใจทุกคน ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น ปล่อยวาง ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตัดสินใจด้วยปัญญาเท่านั้น เพราะมันเป็นอดีตไปแล้วน้ำท้วมใต้ครั้งนี้ แต่ก็เริ่มที่จะวางแผนงานรองรับ เพราะทราบผลที่จะตามมากับเรา เพื่อให้เราผ่านพ้นอุปสรรคนี้ให้ได้ทางด้านธุระกิจของบริษัทฯ ในปีนี้ ถึงแม้ภัยอันนี้เราไม่ได้ก่อก็ตาม แต่มนุษย์ก็เป็นผู้ทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติย่อมลงโทษ อยู่อย่างนี้ถ้าเราไม่ตระหนักและหาหนทางแก้ไขอย่างถาวร สำหรับชาวนครศรีธรรมราชนั้น พี่สิงห์มีวิธีแก้ไข แต่พี่สิงห์เป็นเพียงวิศวกรเล็กๆ ไม่มีอำนาจทางการเมืองท้องถิ่น และชาวนครศรีธรรมราชเอง คุยเก่ง เก่งทุกเรื่องแต่.....ทำไม่เป็น แต่อวดเก่ง เป็นสัญญลักษณ์ของชาวนครศรีธรรมราชท้องถิ่นที่ทำงานที่นครศรีธรรมราช นิสัยมันเป็นอย่างนี้ พี่สิงห์เถียงสู้ไม่ได้ ได้แต่เงียบ สงบ ยิ้มอยู่ในใจ ทำได้เพียงแค่นี้ครับ และงบประมาณเป็นสิ่งที่นักการเมืองท้องถิ่นต้องการ ดังนั้น ความคิดเขากับพี่สิงหืไม่เหมือนกัน ดังนั้น เข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม ครับ คือปล่อยวาง เพราะตัวเราไม่เดือดร้อน ถ้าไปขวางซิเดือดร้อนแน่ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1713 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 09:13:01 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย 17 ที่รัก วันที่ 31 มีนาคม พี่สิงห์ต้องอยู่กรุงเทพฯ จัดกอล์ฟการกุศลหาเงินเข้ากองทุนวิศวฯ รุ่น ๕๔ ครับ วันศุกร์ไปนครศรีธรรมราช ไปลงที่ตรัง เพราะต้องไปประชุมกรรมการบริหาร เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือคนงาน และการแก้ไขปัญหาของบริษัท ให้พ้นวิกฤตของบริษัทฯ จากภัยน้ำท้วมครั้งนี้ กลับกรุงเทพฯเย็นวันเสาร์จากสนามบินตรัง ตอนนี้กำลังให้ลุกน้องตรวจสอบกับทางสายการบิน Nok Air เพราะซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้แล้วหนึ่งเดือนเต็ม ตอนนี้ทางสนามบินนครศรีธรรมราชยืนยันเป็นทางการแล้ว ว่าทางสนามบินสามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน เป็นต้นไป เพราะสามารถแก้ไขสัญญาณไฟขึ้น-ลง ตรวจสอบ Runway เรียบร้อยแล้วและน้ำลดลงแล้ว ขอบคุณมากค่ะ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1714 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 09:25:33 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก เธอไปต่างจังหวัด พี่สิงห์ก็ดีใจด้วย แสดงว่ากระดูกติดเรียบร้อยดีแล้วสามารถปไไหนได้ปกติแล้ว จะได้เปลี่ยนสถานที่ จะเป็นผลดีต่อจิตใจ ที่ต้องอยู่ที่เดิมมานานเป็นเดือน ๆ แต่อย่างไรขอให้ดูกายตัวเองด้วยปัญญา อย่าทำตามที่ใจคิดเด้ดขาด เธอสามารถดูกาย-ดูใจ ของเธอได้ด้วยปัญญา "ว่าควร-ไม่ควร" ต้องให้หายด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง อย่ารีบร้อนเหมือนนักฟุตบอลอาชีพ เจ็บซ้ำๆซากๆ เพราะความโลภแห่งจิต ครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1715 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 09:27:49 » |
|
มันก็ถูกต้องตามนั้น ทุกประการ เพราะคนเป็นทาษความคิด หรือลงติดอยู่ในความคิดของตัวเอง ด้วยความโลภ หลงผิด
ขอบคุณมาก-สวัสดีครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1716 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 10:38:31 » |
|
พี่สิงห์ครับ
เห็นข่าวช่อง 9 เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา บอกว่าน้ำท่วมซ้ำในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
โดยน้ำที่สะสมจากเขาลงมา บวกกับที่พยายามระบายออกไป แต่ยังไม่หมด จึงท่วมซ้ำขึ้นมาดังกล่าว
รถบันทุก 10 ล้อ รถพ่วง เมื่อนำขึ้นไปจอดไว้บนถนน จะสูงพอให้พักอาศัยหรือเอาเครื่องครัวไปทำบนนั้น พอแก้ขัดได้
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1717 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 10:40:16 » |
|
ความคิดที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนครศรีธรรมราชคงต้องให้ Idea คนใต้เขาด้วยกัน เพราะนิสัยของเขา..รั้นฉิบหายเลย
ออกความคิดแล้วให้พวกเขาไปคุยกันเองครับ...น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1718 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 10:45:05 » |
|
ขอบคุณมาก บางทีพี่สิงห์จะใช้วิธี ออกรายการสดทางวิทยุท้องถิ่น ซึ่งมีสถานีออกอากาศที่โรงแรมทวินโลตัส เสนอแนวความคิดต่อชาวนครศรีธรรมราช ดูครับ สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1719 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 11:02:21 » |
|
...พี่สิงห์คะ...ดูข่าวเมื่อเช้านี้...น้ำแห้งแล้ว...โล่งอกไปทีค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1720 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 11:05:02 » |
|
การแก้ไขปัญหาน้ำท้วมจังหวัดนครศรีธรรมราช ๑. คู คลอง แม่น้ำตามธรรมชาติที่มีอยู่เดิมทั้งหมด น่าจะสามสายจากเขาหลวง ต้องได้รับการขุดลอกใหม่ให้น้ำไหลได้สะดวก ลงสู้ทะเลได้รวดเร็วกว่าเดิม โดยไม่มีอะไรกั้นทั้งสิ้น ๒. ถนนเส้นบายพาสต์จากสี่แยกหัวสนามบินด้านทิศเหนือไปจนถึงสี่แยกเบญจมะ ควรจะขุดคลองเรียบถนนให้กว้างไม่ต่ำกว่า ๒๐ เมตร ขนานไปกับถนนที่เป็นที่ราชพัสดุส่วนใหญ่ เพื่อรองรับน้ำที่ลงขากเขาทั้งหมดมาลงคลองนี้อีกสาย และตัดคลองใหม่ทำสะพานข้ามถนนเลยสี่แยกที่จะเลี้ยวเข้าสนามบอนจากสายท่าศาลา-นครศรีธรรมราช ตัดลงทะเลเลย เพราะเป็นจุดที่ใกล้ทะเลที่สุด และมีบ้านคนเพียงสอง-สามหลังเท่านั้น จะเพิ่มปริมาณน้ำลงทะเลได้รวดเร็วต่อจากแก้มลิงธรรมชาติที่เป็นป่าที่ราชพัสดุรับน้ำจากเขาหลวงทั้งหมด ณ ขณะนี้ ถ้าทำได้ผมมีความมั่นใจเต็มร้อย น้ำจะไม่ท้วมตัวเมืองนครศรีธรรมราช ไม่ท้วมสนามบิน เพราะน้ำจะไม่ท้วมขังโดยมีถนนกรมทางไปกั้นเป็นเขื่อนเอาไว้แต่จะระบายลงทะเลทันทีอย่างต่อเนื่อง และเสียค่าใช้จ่ายไม่แพงมากนัก และนักการเมืองไม่ได้ผลประโยชน์เลย เพราะส่วนใหญ่เป็นที่ราชพัสดุ ปัจจุบันน้ำก็มาจ่ออยู่แล้ว แต่หาทางลงทะเลไม่ได้ เพราะถูกถนนท่าศาลา-นครศรีธรรมราชกั้นไว้ก่อนถึงทะเลไม่เกินสาม-ห้าร้อยเมตร ครับ ถ้าขุดได้ น้ำจะมีช่องทางไหลลงทะเลอีกหนึ่งช่องทางทำให้ใหญ่แบบที่นายหลวงท่านทำที่หาดใหญ่แบบนั้น ครับ คือคลองอู่ตะเภา เพียงแค่นี้จริงๆ แต่ถ้าจะเพิ่มจุดอื่นอีก ก็ทำสะพานเพิ่มโดยตัดถนนออกทำเป็นสะพานทุกหนึ่งกิโลเมตร ทุกถนน เพื่อให้น้ำได้ระบายลงทะเลแบบธรรมชาติ ไม่มีการกั้นไว้โดยถนนกรมทางหลวงแผ่นดิน เพราะถนนกรมทางหลวงนี่แหละเป็นตัวทำให้น้ำท้วมทั้งนั้นเพราะไปปิดกั้งทางน้ำ ส่วนใหญ่ หรือรูระบายตามธรรมชาติเพีบงรูหนูเท่านั้น มันก็เป็นเช่นนี้ทุกจังหวัดครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1721 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 11:11:56 » |
|
ปัจจุบันที่นครศรีธรรมราช จะมีสะพานอยู่ตัวหนึ่งที่ระบายน้ำผ่านตัวเมืองนครศรีธรรมราช คือ เกิดซ้ำซากทุกครั้ง ทุกปี ปีละหลายครั้ง ที่มีน้ำไหลลงจากเขาหลวง คือ คอสะพานขาด ทำแล้วทำอีก เพราะน้ำลงมาจากเขาหลวงมาก จะเป็นคอขวดตรงนี้ รอผ่านไปอีกฝากถนน กระแสน้ำแรงผลคือคอสะพานขาด เพราถูกน้ำเซาะและแรง ซ้ำซาก ซ่อมกันเพลินเลย งาบกันเพลินเลย จริง ๆ ผมถึงให้เพิ่มคลองพาน้ำจากจุดนี้ไปลงทะเลหัวสนามบินเพราะเสียค่าก่อสร้างน้อย ใกล้ทะเล ชาวบ้านเดือดร้อนไม่เกินสิบราย เพราะเป็นที่ว่างๆ ราชพัสดุเป็นส่วนใหญ่ บางทีน้ำอาจจะไม่ท้วม ม.วลัยลักาณ์ด้วยเพราะคลองอันนี้ ครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #1722 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 11:15:15 » |
|
เป็นอันว่าอาทิตย์นี้พี่สิงห์ไม่สามารถไปนครศรีธรรมราชได้ สนามบินปิด ไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง ใช้คุยกันทางโทรศัพย์แทน ไปก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นการเพิ่มภาระให้ลูกน้องตัวเองอีกมาก เลยตัดสินใจอยู่กรุงเทพฯ ปรึกษา หารือกัน ทางโทรศัพท์แทน ครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1723 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 11:19:28 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1724 เมื่อ: 30 มีนาคม 2554, 20:30:34 » |
|
นำบทบรรณาธิการ นสพ.ไทยโพสต์ มาลงให้ฝากให้พี่สิงห์และสมาชิกห้องนี้อ่านครับ ภัยพิบัติสไตล์ไทยแลนด์บทบรรณาธิการ 30 มีนาคม 2554 - 00:00 ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำ หรือเพราะโลกกลมๆ ที่เราเคยอยู่ เคยอาศัยและเกาะกิน เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อสอนสั่งมนุษยชาติที่โลภโมโทสันกันแน่ จึงทำให้นานาประเทศทั่วโลกต่างต้องรับความพิโรธของธรรมชาติ ที่มาในรูปของภัยพิบัติอย่างที่คาดไม่ถึงและคาดถึง ทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ และน้ำท่วม ปัญหาภาวะโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อากาศวิปริตแปรปรวน ถือเป็นสิ่งเตือนให้มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ได้ตระหนัก ซึ่งทั่วโลกก็ตื่นเต้นและตื่นตูมกับปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างถ้วนทั่ว มีการประชุม มีการรณรงค์ เรียกร้องกันให้ดูแลโลกมากขึ้น กระแสเห่ออนุรักษ์ท่วมทุกชาติทุกภาษา แต่ในการปฏิบัติจริงกลับสวนทาง การลงทุนเพื่อตัวเลขการเจริญเติบโต การตักตวงทรัพยากรยังเป็นหลักหมุดนำชัยของนานาประเทศ โดยมีเพียง “วาทกรรม” อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นกระสายให้รับรู้รับฟัง ให้ดูดีโก้เก๋เท่านั้น ไทยเองก็ไม่ได้แตกต่างจากทั่วโลกแต่อย่างใด ที่กระแสตื่นเต้นและเห่อการอนุรักษ์ระบาดไปทั่วทั้งภาครัฐ เอกชน ตลอดจนประชาชน ฟุ้งฝันว่าการหันมาใช้ถุงผ้า ปิดไฟตามเทรนด์ จะทำให้ชาติและโลกดีขึ้น! ทั้งที่ตัวเลขการจองรถยนต์ การลงทุน การก่อตั้งโรงงานที่ต้องผลาญทรัพยากรกลับพุ่งสูงขึ้น ยังไม่นับยอดการใช้ไฟฟ้า-น้ำมันที่ทบทวีขึ้นทุกคราเป็นเงาตามตัวด้วย ที่สำคัญตัวเลขเหล่านี้กลับเป็นที่พิสมัยของทุกฝ่ายมากกว่ายอดการใช้ถุงผ้าเสียอีก แสดงชัดแจ้งว่า วาทกรรมอนุรักษ์ก็เป็นเพียงพิธีกรรมสร้างความชอบธรรม เหมือนกับที่นานาชาติมีไว้ประดับเพื่อความโก้หรู และหลอกตัวเองว่าไม่ได้ตักตวงอย่างเดียว แต่มีการตอบแทนด้วย ซึ่งคำถามคือ เรากอบโกยมาเท่าใดแล้ว และให้คืนถึงหนึ่งในล้านหรือไม่ จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่ทุกวันนี้เราถูกทวงคืนทั้งต้นและดอกจากโลกและธรรมชาติ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น-ประเทศที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี และเป็นหนึ่งในระดับต้นๆ ที่สร้างภาวะเรือนกระจก รวมถึงการการตักตวงชีวิตจากท้องทะเล ซึ่งมีทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิเข้าไปแบบเต็มกลืน รวมทั้งต้องเผชิญกับวิกฤตินิวเคลียร์ที่เจ้าตัวครอบครอง วิกฤติครั้งนี้ นอกจากแสดงความโกรธของโลกแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงมนุษยธรรมของคนบนโลก ที่ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติและสีผิวใด เมื่อมีภัยต่างพร้อมใจช่วยเหลือทั้งแรงกายและแรงทรัพย์เท่าที่ทำได้ โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นมิตรประเทศอันดี เพราะมีความสัมพันธ์มายาวนานตั้งแต่ครั้นกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีประวัติศาสตร์ตั้งแต่ครั้นออกพระสุมิฮิโร, คิวเอมอน ชิโรอิ จนถึงยามาดะ นากามาสะ ซึ่งได้เป็นถึงออกญาเสนาภิมุขในสมัยพระเจ้าทรงธรรม และในช่วงท้ายของชีวิตก็เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เรียกได้ว่าความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน จึงไม่แปลกที่เมื่อญี่ปุ่นมีภัย คนไทยจึงเฮโลที่โดดเข้าไปช่วยเหลือในแทบทุกวงการ ถือเป็นเรื่องดี ที่แสดงถึงน้ำมิตรของคนไทยที่ไม่ทิ้งเพื่อนร่วมโลก แต่คำถามที่น่าสนใจคือ มันเกินพอดีไปหรือไม่ เพราะดูเหมือนทุกวันนี้เราก็ยังเดินหน้าช่วยเหลือญี่ปุ่นกันต่อเนื่อง ทั้งที่ไทยเองก็เผชิญภัยพิบัติจากธรรมชาติทั้งแผ่นดินไหวที่พม่าและภาคเหนือของไทย น้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ และล่าสุด ยังมีภัยหนาวอย่างผิดฤดูมาผสมโรงอีก เข้าใจว่าภัยที่ญี่ปุ่นเป็นวิกฤติระดับโลก ที่ใครหากโดดมาช่วยเหลือก็มีชื่อติดสื่อ มีภาพให้สังคมได้เห็นทั่วถ้วน แต่กรณีการช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเองมันไม่โก้เก๋ ไม่มีภาพข่าว ไม่ได้รับความสนใจหรือ น่าน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อเร็วๆ นี้ ยังไม่สร่างซาจากภาพความทรงจำเท่าใดนัก ล่าสุด ดินแดนด้ามขวานก็ถูกมาซ้ำเติมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนทั้งรัฐบาลและประชาชนคนไทยกลับไม่ดูดำดูดี เพราะแม้แต่ภาครัฐเองยังต้องรอดูก่อนว่าราษฎรจะจมน้ำนานวันเหมือนคราก่อนหรือไม่ หากซ้ำรอยเดิมถึงจะจ่ายเงินชดเชย! มิพักต้องไปพูดถึงของเอกชน หรือสื่อที่ชอบสร้างภาพสร้างราคา เพราะตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวที่พม่า จนถึงน้ำท่วม ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีใครเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันนำหน้าช่วยเหลือเหมือนกรณีญี่ปุ่นแม้แต่รายเดียว ประเทศไทยยังโชคดีที่ยังมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่เห็นราษฎรเป็นลูกหลาน จึงมีหลายพระองค์ได้ประทานความช่วยเหลือไปแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศกลับยังไม่สนใจแต่อย่างใด นี่ยังไม่นับรวมความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลในเรื่องข้อมูลเรื่องภัยพิบัติ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องของข้อเท็จจริง เช่น กรณีอาหารปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่น กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า พบในมันเทศนำเข้าแล้ว แต่คณะรัฐมนตรีดันแถลงออกมาว่า ไม่พบในอาหารใดๆ เลย ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม สธ.แถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 8 ราย แม้ตัวเลขจะไม่ทันสมัยบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่ ครม.ออกมาแถลงว่ามีแค่ 5 ราย รวมทั้งจังหวัดที่น้ำท่วมที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแถลงว่า มีกว่า 7 จังหวัด แต่รัฐบาลก็ระบุว่ามีเพียง 5 จังหวัด แค่ตัวเลขง่ายๆ ที่ไม่ต้องหลบต้องซ่อน ยังตะแบงตัวเลขให้ดูดีอย่างนี้ เพราะกลัวเสียภาพจน์หรืออย่างไร แล้วหากเกิดภัยพิบัติระดับชาติขึ้นมาอย่างจริงๆ จังๆ ประชาชนคนธรรมดาจะสามารถเชื่อถือข้อมูลของรัฐบาลได้ละหรือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไม่ต้องขวนขวายไปถึงการยกระดับภัยพิบัติให้เป็นวาระแห่งชาติเลย แค่นำเสนอเรื่องข้อมูลให้เป็นเอกภาพอย่างถูกต้องครบถ้วนอย่างเดียวคงไม่ลำบากกินแรงเท่าใด เพราะทุกวันนี้คนไทยเขารู้แล้วว่า พึ่งนักการเมืองไม่ได้ ต้องพึ่งลำแข้งตัวเองเท่านั้น ทั้งยามปกติหรือทุกข์ร้อน เพราะชาวบ้านตาดำๆ จะได้รับการดูดำดูดีก็ต่อเมื่อเป็นข่าว และมีผลด้านลบเท่านั้น แต่หากยังทุกข์ทนกันได้แบบไม่เหลือบ่ากว่าแรงแล้วล่ะก็ ก็ต้องทนกันไป เพราะดันโชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทยภายใต้การดูแลของรัฐบาลที่บอกว่าเป็นตัวแทนประชาชน.http://www.thaipost.net/news/300311/36407
|
|
|
|
|