เช้านี้ สิ่งที่ได้จากการดูสามเณร-แม่ชี น้อย คือ
ท่าการเปลี่ยนอิริยาบถ จากนั่งพับเพียนเป็นนั่งขัตมาต และนั่งพับเพียบสลับซ้าย-ขวา ต้องคุกเข้าก่อนทุกครั้งเสมอ
และ ท่าประนมมือ ท่าไหว้ กราบพระ ที่งดงาม แต่ไม่ใช่ท่า "เบญจางคประดิษฐ์"
ได้เห็นจิตของสามเณร-แม่ชีน้อย ที่ขาดสติ และหลงอยู่ในความคิด คือนั่งสัปหงก หลับ คอตก
และได้ เห็นวิธีฝึกสามเณร-แม่ชีน้อย ที่เราจะนำไปสอนต่อได้
เมื่อวันศุกร์ ที่ไปสอนนักศึกษา ก็ได้นำวิธีการสอนสามเณร-แม่ชีไปใช้คือ
ก่อนเริ่มเรียน ได้สอน อิทธิบาท ๔ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ฉันทะ คือรักในการกระทำงาน หรือรักที่จะใฝ่เรียนรู้
วิริยะ คือมีความขยัน มั่นเพียร อดทนในการกระทำ ไม่เสร็จไม่เลิก หรือเรียน
จิตตะ คือตั่งใจกระทำด้วยจิตที่ตั้งมั่นในการกระทำนั้น ไม่ไปคิดเรื่องอื่น ๆ ขณะทำงาน นั้น เรียนก็ตั้งมั่นในเรียน
วิมังสา คือ ขณะทำงาน หรือเรียนให้ใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง พิจารณา สอบสวน แก้ไขข้อขัดข้องบกพร่อง ไปด้วย
โดยเน้นไปที่ขอให้มีฉันทะเกิดขึ้นก่อน คือการรักในอาชีพของการเป็นวิศวกรทางด้านคอนกรีตอัดแรง ที่จะทำให้เรามีงานทำ มีรายได้ สร้างครอบครัวได้ เมื่อเกิดความรัก แล้ว วิริยะ จิตตะ และวิมังสา มันมาเอง
และได้สอน หัวใจของนักปราชญ์ คือ สุ จิ ปุ ลิ
สุ คือสุตตะ เป็นผู้ได้ยิน ได้ฟังมามาก หรือเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้
จิ คือจิตตะ เป็นตั้งใจฟัง หรือตั้งใจเรียนด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ
ปุ คือปุจฉา อะไรที่ไม่รู้ มีข้อสงสัย ก็ให้ถาม
ลิ คือลิขิต สิ่งใดที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้เรัยนรู้ จำไม่ได้ก็ให้จดบัณทึกเอาไว้ดู เอาไว้ศึกษา ภายหลังได้
คราวหน้าจะสอน อริยสัจจ ๔ ก่อนเริ่มเรียน เพื่อเอาไว้แก้ปัญหาในการเรียน ในการทำงานของนักศึกษาในอนาคต ว่าทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ต้องแก้ที่เหตุ และวิธีปฏิบัติ หรือวิธีดารทพงานที่ถูกต้อง
สามเณรกับลังบิณฑบาตร แม่ชีน้อย จัดอาสนะในดารฉันเช้า
วันนี้ พี่สิงห์ ใส่บาตร และรีบประทานอาการเช้าเรียบร้อยแล้ว กำลังซักผ้า
สวัสดี