Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13125 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:26:21 » |
|
งานพี่ทองอู่ จักรสิงห์ อายุครบ ๘๗ ปี คุณหมอตุ่น นัด 18:00-21:00 น. ปรากฏว่างานเริ่มตั่งแต่ 17:00 น. ดร.สุริยา-คุณรองรัตน์ อาสาไปรับท่านอาจารย์ สุพพัดดา ปวนฤทธิ์ ต้องขอขอบคุณยิ่ง อาจารย์สุพพัดดา บอกว่า เวลาวันพฤหัสบดี จะคิดถึงคุณสิงห์ ที่ต้องลงไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่คิดถึง วันนี้ได้เอาขนมเปี๊ยะ เจ้าที่อร่อยมากของสิงห์บุรี แต่ไม่มีใครรู้จัก เอาไปฝากพี่ ๆ ผู้อาวุโสด้วย คงต้องหาเวลาไปเยี่ยมท่านอาจารย์ให้มากขึ้น กว่าเดิม สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13126 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:35:02 » |
|
วันนี้ คุณทรงเกียรติ อดีตประธานชมรมฯ เป็นเจ้าชายสายเสมอ แต่ก็ต้องขอบคุณ ที่มาครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13127 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:38:34 » |
|
พี่ทองอู่ ยังแข็งแรง ยังแกว่งแขนวันละ ๑๐๐๐ ครั้ง แต่ช่วงหนึ่งอาทิตย์ ที่ผ่านมา กลัวมาร่วมงานไม่ได้ เลยแถมตอนเย็นแกว่งแขนอีก ๕๐๐ ครั้ง อย่าลืมการแกว่งแขนเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งของผู้สูงอายุ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13128 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:42:39 » |
|
สมาชิกชักน้อยลง คงติดภาระกิจ เช่นคุณกวางดำ ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่คุณมิ้ง ที่ไปเยี่ยมมาบอกว่า อาการดีขึ้น ยังต้องรอตรวจดูการอีกสักพัก ตอนนี้ลิ้นยังแข็ง แขนแกว่งได้ พ้นขีดอันตรายเพราะ ส่งโรงพยาบาลเร็ว มีเส้นเลือดแตกในสมองนิดหน่อย ความดัน 190
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13129 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:45:01 » |
|
ขอขอบคุณ คุณหนุ๋น คุณแหลม คุณน้องฮะยี ที่เป็นธุระในการจัดงานครั้งนี้ยิ่ง
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13130 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:47:15 » |
|
ช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา อาจารย์แจ่มใส ไปปฏิบัติธรรม อยู่ที่ประเทศพม่า กลับมาวันนี้ พอดี เลยได้รับประทานอาหารไทย
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13131 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:50:12 » |
|
ต้องขอขอบคุณ พี่กาญจนา ที่เป็นแม่งานในการจัดเลี้ยงครั้งนี้ ยิ่ง พี่กาญจนา สั่งขาหมูที่อาจารย์เผ่า ชอบ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13132 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2557, 20:52:11 » |
|
อย่าลืม เดือนธันวาคม เป็นวันเกิดท่าน อาจารย์สุพพัดดา
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13134 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2557, 08:25:30 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
วันนี้เช้า ได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน
ตอนนี้อยู่สนามบินดอนเมือง เพื่อรอขึ้น Nok Air ไปทำงานที่นครศรีธรรมราช Boarding 09:15 น.
ปฏิจจสมุปบาท หรือวงจรกาารเกิดทุกข์ และการเวียนว่ายตาย-เกิดในวัฏฏะสงสาร ของสัตว์โลก
เพราะมี ชาติ เป็นปัจจัย จึงมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย โกรธ ร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ทั้งหลาย
เพราะมี ภพ เป็นปัจจัย จึงมีชาติ เกิดขึ้น (ภพ คือความเกิดขึ้น ของสัตว์โลก)
เพราะมี อุปาทาน เป็นปัจจัย จึงมี ภพ เกิดขึ้น (อุปทาน คือความยึดมั่น ถือมั่น ว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นของเรา)
เพราะมี ตัณหา เป็นปัจจัย จึงมี อุปาทาน เกิดขึ้น(ตัณหา คือความทะยานอยาก ประกอบด้วย กามะตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา)
เพราะมี เวทนา เป็นปัจจัย จึงมี ตัณหา เกิดขึ้น(เวทนา ประกอบด้วย สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์)
เพราะมี ผัสสะ เป็นปัจจัย จึงมีี ตัณหา เกิดขึ้น (ผัสสะ คือการสัมผััััสของอายตนะภายใน สัมผัส อายตนะภายนอก คือ อาการเห็น ได้ยิน ได้รู้รส ได้ดมกลิ่น ได้สัมผัสทางกาย ได้สัมผัสทางใจ)
เพราะมี สฬายตนะ เป็นปัจจัย จึงมี ผัสสะ เกิดขึ้น(สฬายตนะ คืออายตนะภายใน ๖ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และอายตนะภายนอก ๖ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏทัฟพะ และธัมมารมณ์)
เพราะมี นาม-รูป เป็นปัจจัย จึงมี สฬายตนะ (นามคือ จิตไม่มีตัวตนเป็นสภาพของการรู้อารมณ์ ประกอบด้วย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป คือร่างกายที่เห็น ประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ)
เพราะมี วิญญาณ เป็นปัจจัย จึงมี นาม-รูป เกิดขึ้น (วิญญาณ คือ การรู้แจ้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิด จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ)
เพราะมี สังขาร เป็นปัจจจัย จึงมี วิญญาณ เกิดขึ้น (สังขาร คือ การคิดหรือการปรุงแต่งทางความคิด)
เพราะมี อวิชชา เป็นปัจจัย จึงเกิด สังขาร (อวิชชา คือความไม่รู้ ไม่รู้อริยสัจจ ๔ ไม่รู้โลกหน้า.... เป็นต้น คืออวิชชา ๘)
เพราะมี ชาติ ชรา มรณะ เป็นปัจจัย จึงมี สังขาร เกิดขึ้น
กองทุกข์ทั้งปวง เกิดขึ้นด้วยประการ ฉะนี้ การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก เกิดขึ้นด้วยประการ ฉะนี้ ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นด้วยเหตุ-ปัจจัย ทั้งสิ้น มันเกิดขึ้นเองไม่ได้
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13135 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2557, 11:07:08 » |
|
ทุกท่านต่างเอาใจช่วย ให้เป่าเทียนแท่งสุดท้ายดับ แสดงว่า พี่ทองอู่ ยังแข็งแรง พี่ทองอู่ แข็งแรงเพราะ แกว่งแขนตอนเช้าทุกวัน วันละ ๑๐๐๐ ครั้ง ปฏิจจสมุปบาท พิจารณาทางสายเกิด พิจารณาธรรม ตามเข็มนาฬิกา ในวงจรทุกข์
เพราะมี อวิชชา เป็นปัจจัย จึงมี สังขาร เกิดขึ้น
เพราะมี สังขาร เป็นปัจจัย จึงมี วิญญาณ เกิดขึ้น
เพราะมี วิญญาณ เป็นปัจจัย จึงมี นาม-รูป เกิดขึ้น
เพราะมี นาม-รูป เกิดขึ้น จึงมี สฬายตนะ เกิดขึ้น
เพราะมี สฬายตนะ เกิดขึ้น จึงมี ผัสสะ เกิดขึ้น
เพราะมี ผัสสะเกิดขึ้น จึงมี เวทนาเกิดขึ้น
เพราะมี เวทนา เกิดขึ้น จึงมี ตัณหา เกิดขึ้น
เพราะมี ตัณหาเกิดขึ้น จึงมี อุปาทาน เกิดขึ้น
เพราะมี อุปาทาน เกิดขึ้น จึงมี ภพ เกิดขึ้น
เพราะมี ภพ เกิดขึ้น จึงมี ชาติ เกิดขึ้น
เพราะมี ชาติ เกิดขึ้น จึงมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย (สร้่างกองทุกข์ขึ้นมาใหม่อีก)
กองทุกข์ทั้งมวล เกิดขึ้นด้วยประการ ฉะนี้ การเกิด-ดับในวัฏฏะสงสาร เกิดขึ้นได้ด้วยประการ ฉะนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุ-ปัจจัย ทั้งสิ้น มันเกิดขึ้นเองไม่ได้
จะเห็นว่าธรรมทั้งหลายใน ปฏิจจสมุปบาท นั้น เป็นเหตุ-ปัจจัย ซึ่งกันและกันทุกธรรม ทั้งพิจารณาตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกา ก็มีความหมายเดียวกัน เพราะเป็นอิทัปปัจจยตา และตถาคตา พี่สิงห์ ถึงนครศรีธรรมราช เรียบร้อยแล้ว วันนี้ได้เห็น ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ และคุณวิทยา แก้วภราไดย บนเครื่องบิน คุณวิทยาได้เชิญให้พี่สิงห์ ไปใส่บาตรพระตอนเช้าที่หน้าวัดพระธาตุ และเรียนให้ทราบว่า ตอนนี้ท่านได้รณรงค์ ให้คนนครศรีธรรมราช ใส่บาตรพระตอนเช้าที่หน้าวันพระธาตุ ทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเรื่องนี้ได้เสนอให้ท่านทราบมานานแล้ว ให้ทำเมืองนครศรีธรรมราช ให้เป็นแบบหลวงพระบาง ที่คนไทยไปเที่ยวนั้น เพื่อไปใส่บาตรข้าวเหนี๋ยวพระตอนเช้า ถ้านครศรีธรรมราชทำได้ นอกจากจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมนครศรีธรรมราชแล้ว คนนครเองจะเป็นผู้ให้ อาชญากรรม จะลดลง ระเบียบวินัย ความรับผิดชอบสังคทจะเกิดขึ้นเอง จากการใส่บาตรพระตอนเช้านี่ละ ขออนุโมทนา
สวัสดี
|
|
|
|
|
|
lek_adisorn
|
|
« ตอบ #13138 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2557, 14:10:06 » |
|
สว้สดีครับพี่สิงห์
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13139 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2557, 14:19:01 » |
|
สวัสดี อดิสร
ไม่ได้พบกันนานมากแล้ว เมื่อวานนึกว่า อดิสร จะไป แต่แล้วก็ไม่ได้ไป คงจะไม่ทราบข่าว
หวังว่าครอบครัว และตัวเอง คงมีความสุขตามเหตุ-ปัจจัย
อย่าลืมดูแลสุขภาพ ให้มาก อะไรที่ปลดลงจากบ่าได้ ก็ปลดลงบ้าง ทำงานอย่างมีสติ สนุกกับงาน และสุขใจด้วย
สวัสดี
|
|
|
|
|
lek_adisorn
|
|
« ตอบ #13141 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2557, 07:00:56 » |
|
สวัสดีครับพี่ งานพี่อู่ก็ทราบข่าวครับ วันนั้พยามเร่งงานให้เสร็จคิดว่าไปสายหน่อย น้องนัทก็อยากเจอน้องนาวหลานชายพี่อู่ น้องนัทก็ติดงานที่คณะกว่าจะเสร็จก็เกือบสองทุ่ม เลยไม่ได้ไปครับ วันอาทิตย์นี้ผมจะไปทำบุญกันที่วัดไร่ขิง ก็ยกเว้นนัทอีกที่ไม่ได้ไป ติดไปสอนเด็กที่วัดอะไรจำไม่ได้ เป็นจิตอาสาครับ พี่สบายดีนะครับ
|
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13144 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2557, 13:01:18 » |
|
สัมมาทิฐิ - ความเห็นชอบ ขอยก กัจจานโคตรสูตร มาแสดงให้ทราบก่อนที่จะแสดงความเห็น ของตนเอง
กัจจานโคตรสูตร เห็นปฏิจจสมุปบาท คือสัมมาทิฐิ
ครั้งหนึ่ง พระกัจจานโคตต์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ที่วัดเชตวัน ทูลถามว่า ที่พูดว่า สัมมาทิฐิ-สัมมาทิฐิ นั้น แค่ไหน เพียงใด จึงจัดว่า เป็นสัมมาทิฐิ พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า
"กัจจานะ ! โลกนี้ส่วนมากเห็นกันเป็น ๒ อย่าง คือ ๑. เห็นว่ามีอยู่อย่างเที่ยงแท้(อตฺถิตํ) ๒. เห็นว่าไม่มีอะไรอย่างแท้จริงเลย(นตฺถิตํ)
แต่เมื่อได้เห็นความเกิดขึ้นของโลก(โลกสมุทัย)ตามความเป็นจริงด้วยปัญญา ก็เป็นอันปฏิเสธความเห็นว่าโลกไม่มีอย่างแท้จริง และเมื่อได้เห็นความดับของโลก(โลกนิโรธ)ตามความเป็นจริงด้วยสัมมาปัญญา ก็เป็นอันปฏิเสธความเห็นว่าโลกมีอย่างเที่ยงแท้"
"กัจจานะ ! โลกนี้โดยมากผูกติดกับ อยู่กับ ภาวะ ๒ อย่าง คือ อัตถิตา(ความมีอยู่) และนัตถิตา(ความไม่มี) เมื่อเห็นความเกิดขึ้นของโลก(โลกสมุทัย) ตามที่มันเป็นด้วยสัมมาปัญญา นัตถิตาในโลกนี้ก็ไม่มี เมื่อเห็นความดับของโลก(โลกนิโรธ) ตามที่มันเป็น ด้วยสัมมาปัญญา อัตถิตาในโลกนี้ก็ไม่มี โลกนี้โดยมากยึดถือในอุบาย(ตัณหาและทิฐิ) และถูกคล้องไว้ด้วยอภินิเวส(ความยึดมั่นถือมั่น) ส่วนอริยสาวกไม่เข้าไปยึดถืออยู่กับอุบาย(ตัณหาและทิฐิ) ความปักใจ(เจตโส อธฏฺฐานํ) ความยึดมั่นถือมั่น(อภินิเวส) และอนุสัยว่ามีอัตตา
ส่วนอริยสาวกไม่เคลือบแคลงสงสัยเลย เพราะรู้ว่าทุกข์นั่นเอง เมื่อเกิดก็คือเกิด เมื่อดับก็คือดับ
อริยสาวกย่อมมีญาณในเรื่องนี้โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่นเลย กัจจานะ ! ถึงเพียงนี้แหละ คือสัมมาทิฐิ"
"กัจจานะ ! ความเห็นสุดโต่งข้างหนึ่งว่าทุกสิ่งมี อีกข้างหนึ่งว่าทุกสิ่งไม่มีนั้น เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนาม-รูป เพราะนาม-รูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะมีชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ กองทุกข์ทั้งปวงเกิดขึ้นด้วยอาการอย่างนี้ เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ เพราะวิญญาณดับ นาม-รูปจึงดับ เพราะนาม-รูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ กองทุกข์ทั้งปวงดับด้วยอาการอย่างนี้"
(คำว่า โลก ในพระดำรัสนี้ หมายถึงสังขารโลก(ขันธ์ ๕) สัมมาปัญญา ได้แก่ มัคคปัญญาพร้อมวิปัสสนา)
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13146 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2557, 07:40:39 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
วันนี้เช้า ได้เดินจงกรมออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะและแกว่งแขน ได้ปล่อยให้จิตพิจารณา ปฏิจจสมุปบาท มีหลายสิ่งที่น่าสนใจขอโน๊ตเอาไว้ก่อน จะมาอธิบายให้ทราบภายหลัง
- คำว่า สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นอย่างไร? - รูป-นาม ที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ที่จิตมาอาศัยอยู่ และเป็นนายคอยบงการรูป-นาม นั้น เป็นอย่างไร? - การเปลี่ยนจาก "อวิชชา" เป็น "วิชชา" หรือเปลี่ยนจาก "หลง" เป็น "รู้" นั้นหมายความอย่างไร? และทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร? - ผัสสะ ดับ กองทุกทั้งมวลก็ดับ ดร.สุริยา อาจจะแย้งว่า อย่างนั้นคนตายไม่มีวิญญาณ ไม่มีผัสสะ ก็คงสิ้นทุกข์ ได้ - เมื่อใดมีทุกข์ เมื่อนั่นมีศรัทธา ก็สิ้นทุกข์ได้ - การเปลี่ยน"ทุกข์" เป็น "มีศรัทธา" ด้วยกาารมีสติ-รู้สึกตัว - เปลี่ยน "อวิชชา" มาเป็น "วิชชา" ด้วยสติปัฏฐาน ๔ - อริยมรรคมีองค์ ๘ คือวิธีปฏิบัติที่พ้นทุกถาวร และแก้ปัญหาทางโลกได้สิ้นอย่างไร?
วันนี้้เช้า ได้หุงข้าว ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน
วันนี้ ต้องเดินทางไปทำงานที่ PSTC สระบุรี
ขอทุกท่านจงเห็นความจริงในธรรม ปฏิจจสมุปบาท ด้วยเถิด
สวัสดี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #13147 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2557, 08:09:14 » |
|
สวัสดีครับพี่สิงห์
ถ้ายังอยู่ภาคใต้ครับ..... ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอคลื่นสูง 1-2 เมตร
หากกลับ กทม.แล้ว..... กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #13148 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2557, 10:33:12 » |
|
สวัสดีครับ พี่สิงห์
ผมเองเป็นผ ุ้อ่านธรรมะมาพอสมควร แต่ปฎิบัติน้อยมาก กิเลสจึงครอบอยู่เสมอ โลภ โกรธ หลง
โดยเฉพาะ ตัวหลง หรือหลงตัว. มีอยู่ตลอดเวลา สติมาไม่ทัน
ได้อ่านบทความพี่สิงห์ ทำให้อยากปฎิบัติมากขึ้น ให้ได้เห็นได้พบเอง
แค่มีสติ อยู่กับตัว บ่อยๆ ก็ดีมากแล้ว. อยากมีตัวสตินี่แหละครับ
ที่กังวลคือการเข้าใจผิดระหว่าง ความนึกคิดกับสติ. แล้วคิดว่าเป็น ตัวเดียวกัน
ขอบคุณ พี่สิงห์ ที่เผยแผ่ ธรรมะดีๆ มาโดยตลอดครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #13149 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2557, 13:22:32 » |
|
สวัสดีครับ คุณสมชาย
สติ-ความรู้สึกตัว VS ความคิด
มันคนละอันกันเลย มันเป็นคู่อริกัน
จิตมนุษย์นั้น มันมีอารมณ์ มันรู้แจ้ง ได้ครั้งละอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่ออยู่กับความคิด มีแต่วิตกกังวล ไหลไปกับความคิด
แต่เมื่อรู้สึกตัว หรือมีสติ จะมีแต่ความรู้สึก ๆ ธรรมดา ๆ เท่านั้น มันจึงไม่ทุกข์ เราต้องมีความรู้สึกที่กาย เพราะเป็นอวัยวะอย่างหยาบ ที่จิดจะไปเกาะได้ง่าย
ต้องพยายาม แยกสติ-ความรู้สึกตัว กับ ความคิด ออกจากกันให้ได้
เมื่อใดหลง ไหลไปกับความคิด เรากลับมารู้ได้ เราก็จะเห็นสภาพของการคิดหรือความคิด เมื่อเรารู้จักอารมณ์ของความคิด เราก็จะรู้จักอารมณ์ของการไม่คิด
ในทำนองเดียวกันเมื่อเรารู้จักอารมณ์ของการขาดสติ ไปกับการคิด เราจะรู้จักอารมณ์ของสติ-ความรู้สึกตัวที่กาย ได้เช่นกัน
ต้องแยกให้ออกครับ ระหว่างสติ-ความรู้สึกตัว กับ ความคิด
ตั้งแต่เกิดเราชิน หลงไปกับความคิด แต่ตอนนี้เราต้องมาอยู่กับสติ-ความรู้สึกตัว ทำอารมณ์ตัวนี้ให้เกิดขึ้น ครับ มันเป็นทางสายเอกสายเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข ณ ปัจจุบัน และพ้นทุกข์ถาวรได้ จริง
สวัสดี
|
|
|
|
|