ดูบอลโลก แล้วย้อนมอง "ไทย"

[Samrotri2517]

ขอขอบคุณเวบแนวหน้า คอลัมภ์ กวนน้ำให้ใส (สารส้ม)
http://www.naewna.com/news.asp?ID=217164



ดูบอลโลก แล้วย้อนมอง "ไทย"

คนไทยเรา ดูฟุตบอลโลกคราวนี้ น่าจะได้แง่คิดหลายอย่าง

1) การแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่างทีมชาติอังกฤษ กับทีมชาติเยอรมัน

บทสรุปของการแข่งขัน ผลปรากฏว่า เยอรมันชนะอังกฤษ 4 ประตูต่อ 1

แต่เกิดเหตุการณ์อันเป็นที่ถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ และน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าผลการแข่งขัน

โดย อังกฤษยิงตีตื้นขึ้นมาได้เป็น 2 ประตูต่อ 1 ยิงเข้าประตูไปแล้ว โดยที่ภาพการถ่ายทอดสด

ผ่านโทรทัศน์ออกอากาศทั่วโลก แสดงให้เห็นชัดเจน แต่ผู้ตัดสินในสนามมองไม่เห็น

ผู้ตัดสินปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! นักฟุตบอลอังกฤษ ดีใจเก้อ...

ผู้จัดการทีมอังกฤษทำหน้าตาเหมือนถูกผีหลอก ไม่เชื่อว่าทีมตนเองจะไม่ได้ประตู...

แฟนบอลอังกฤษโห่ฮา อื้ออึง..ส่วนนักฟุตบอลอังกฤษ ก็แสดงอาการไม่พอใจ แต่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ

โดยที่เกมไม่สะดุดหยุดลงเลย ก่อนจะทำใจ ยอมรับ เล่นฟุตบอลต่อไป จนจบเกม...

การยอมรับในคำตัดสินของทีมอังกฤษ!

 

ตรงนี้เอง ที่น่าชมเชย และทำให้การพ่ายแพ้ของอังกฤษดูดีขึ้นมาเยอะ

(แม้ในเกมการแข่งขันครั้งนี้จะทำได้ไม่ดีนักก็ตาม)

2) ลองคิดดู... ถ้านักฟุตบอลอังกฤษเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวมากๆ

คงจะมีการประท้วง หรือแม้แต่เล่นเกมป่วน เล่นนอกกติกา ทำร้ายผู้ตัดสิน ทำร้ายคู่แข่ง

หากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น จะกลายเป็น "การเสื่อมทราม" แก่วงการฟุตบอลของโลก เพียงใด ?

3) การยอมรับคำตัดสิน ยอมรับกฎกติกา โดยไม่จำเป็นว่าตนเองจะเห็นด้วย หรือ

เห็นต่าง หรือเสียผลประโยชน์จากคำตัดสินนั้นอย่างไร คือสิ่งที่น่ายกย่อง

นักฟุตบอลไทย นักกีฬาไทย หรือแม้แต่บรรดานักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง

ตลอดจนประชาชนคนไทยที่สนใจจะมีส่วนร่วมทางการเมือง ควรจะนำมาพิจารณาไตร่ตรอง

"ดูบอลโลก แล้วย้อนมองไทย" อย่างยิ่ง

โดยเฉพาะบรรดาผู้ถูกศาลยุติธรรมพิพากษาตัดสินว่ามีความผิด แต่กลับไม่ยอมรับคำตัดสิน

เที่ยวไปปลุกระดม ก่อเหตุ ก่อความรุนแรง ป่วนเกม

ในขณะเดียวกัน คดีอื่นๆ ที่ ศาลยุติธรรมตัดสินให้ตนเป็นฝ่ายได้ประโยชน์

ก็ออกมาแสดงการยอมรับ เคารพในการทำหน้าที่ของศาล

บางครั้ง... "ความมีน้ำใจนักกีฬา" ก็สามารถนำไปใช้ได้อย่างดีเยี่ยมกับ

เรื่องที่เอาจริงเอาจังกันยิ่งกว่าในเกมกีฬาเสียอีก

"ไทย" เราเองต่างหาก ที่ยังคงเห็นการตีกันในสนามกีฬาเป็นเรื่องปกติ,

ข่มขู่ ทำร้ายกันแม้แต่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่ต้องเอ่ยถึง

การเล่นเกม ป่วนบ้านป่วนเมืองไม่รู้จบ เพียงเพราะ

ตนเองยอมรับไม่ได้กับการเสียผลประโยชน์ของฝ่ายตัว!

วันที่ 29/6/2010

 

[Samrotri2517]

ขอขอบคุณเวบเดลินิวส์ วันอาทิตย์ ที่ 18 กรกฎาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=534&contentId=78780



ดูบอลโลก แล้วย้อนมอง "ไทย"
    
1.สเปนมาแปลก เพราะลงแข่งขันประเดิมรอบแรกก็แพ้สวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็เป็นแชมป์ได้
    
เพราะแพ้ครั้งแรกในรอบแรกก็จริง แต่สามารถชนะครั้งสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ
    
ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งวิจารณ์ว่า การที่สเปนได้แชมป์ สาเหตุสำคัญเพราะ

รู้จักแพ้ตั้งแต่นัดแรก ต้องปรับปรุงวิธีการเล่นของทีม ทำให้เล่นดีขึ้นเรื่อย ๆ
    
กรณีสเปน ทำให้ได้แง่คิดว่า การทำอะไรทุกอย่างเมื่อมีการผิดพลาดเกิดขึ้น

ห้ามท้อถอยเด็ดขาด ถ้าสเปนท้อถอย โอกาสที่จะกลับมาเป็นแชมป์ก็จะหมดไปทันที
    
2.เหตุที่ทีมบราซิลกับอาร์เจนตินาไม่พบกับความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

ก็เพราะนักฟุตบอลตัวดัง ๆ เล่นแบบนักฟุตบอลฉายเดี่ยว ไม่เล่นเป็นทีม
    
สำหรับเรื่องนี้ ได้ข้อคิดว่า จะทำอะไรก็ตาม ถ้าจะให้ได้ผลดีตามเป้า ต้องทำงานเป็นทีม
    
อีกเหตุผล นักฟุตบอลตัวเด่นที่มีชื่อเสียงมาก่อนมักจะถูกจับตาย แล้วยังมีความกดดัน
    
กรณีนี้ก็ได้ข้อคิดอีกนั่นแหละว่าการตั้งความหวังอยู่กับคน เพียงคนหรือสองคนไม่ได้
    
3.นักฟุตบอลไม่จำเป็นว่าจะต้องมีรูปร่างสูงเสมอไป รูปร่างเตี้ยแบบคนไทยก็สามารถ

เล่นบอลให้ดีได้ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นหลายคนมากที่ตัวเล็กแต่เล่นได้ยอดเยี่ยม
    
เด็กไทยรุ่นใหม่ที่อยากเป็นนักกีฬาแต่ไม่รู้ว่าเมื่อโตขึ้นรูปร่างจะสูงหรือเตี้ย ตัดสินใจ

ไม่ได้ว่าควรเล่นกีฬาอะไรดีที่เหมาะกับตัวเอง ขอแนะนำให้เล่นฟุตบอลดีที่สุด เพราะ

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เปิดโอกาสให้คนที่มีรูปร่างอย่างไรก็เล่นให้ดีได้
    
นักฟุตบอลจากเอเชียสมัยนี้ ยกระดับความสามารถใกล้เคียงกับทีมจากทวีปอื่นได้แล้ว

วัดจากทีมญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
    
4.ประเทศไทยน่าจะจับมือกับมาเลเซียและสิงคโปร์เสนอขอเป็นเจ้าภาพบ้าง
    
ถ้าเสนอขอเป็นเจ้าภาพบอลโลกแบบที่ว่านี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอชาติหน้าตอนบ่าย ๆ
    
หากไทยได้เป็นเจ้าภาพร่วม ทีมฟุตบอลของไทย ก็เท่ากับ ได้สิทธิเข้าแข่งขันบอลโลก
    
ถึงวันนั้น นักฟุตบอลไทยก็จะมีมาตรฐานดีขึ้น เพราะวันนี้เมืองไทยมีฟุตบอลอาชีพเรียบร้อยแล้ว
    
การที่ประเทศใดจะมีทีมฟุตบอลระดับโลกไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นประเทศที่รวย มีประชากรมาก

ดูตัวอย่าง

เนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีประชากรแค่ 20 กว่าล้านคน อีกทั้งยังมีเนื้อที่น้อยกว่าภาคอีสานของไทย

แล้วยังมีผืนดินอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอีก หรืออุรุกวัยก็มีพลเมืองเพียง 3 ล้านกว่าคนเท่านั้น
    
เปเล่ซึ่งเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ทำนายผลการแข่งขัน

ผิดพลาดเสมอ โดยเฉพาะทำนายว่า ทีมใดจะได้เป็นแชมป์โลกเปเล่ทายไม่เคยถูก
    
5.การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า

มนุษย์รู้เรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลดีแค่ไหน ก็ทำนายผลการแข่งขันสู้ปลาหมึกไม่ได้
    
6.นักฟุตบอลสมัยนี้ ขณะแข่งขันทำตุกติกผิดกติกาไม่ได้เลย  เพราะจะมีกล้องซึ่งติดตั้งอยู่

รอบสนามและบนที่สูงจับภาพไว้ได้หมดทุกอิริยาบถ หลบกล้องไม่พ้นแม้การถ่มน้ำลายหรือ

เอามือทุบกล่องดวงใจฝ่ายตรงข้าม
    
ขนาดมีกล้องที่ว่า ก็ยังมีนักฟุตบอลบางคนแอบทำผิดจนได้ เช่นใช้มือรับบอลบ้าง ทำฟาวล์บ้าง
    
ฉะนั้น การแข่งขันบอลโลกครั้งหน้าควรนำกล้องมาช่วยในการตัดสินของกรรมการด้วยก็คงดี

เพราะที่ผ่านมาบางคู่กรรมการตัดสินผิดพลาด เห็นใจทีมที่แพ้ด้วยกรณีนี้
    
ถึงแม้การแข่งขันบอลโลกแต่ละครั้งมักมีการผิดพลาดมาตั้งแต่รอบแรก ๆ และกรรมการบางคน

ไม่เป็นธรรมอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง

ทุกอย่างก็ต้องจบ รออีก 4 ปีข้างหน้าค่อยมาต่อสู้กันใหม่

 
    
ดูบอลโลกแล้ว อดหันมาดูการเมืองของไทยไม่ได้
    
อยากให้การเมืองของไทยเหมือนบอลโลก เหมือนตรงที่ว่า เมื่อพรรคใดได้เป็นรัฐบาล

พรรคฝ่ายค้านจะต้องอดใจรออีก 4 ปีข้างหน้า ค่อยมาสู้กันใหม่
    
ฝ่ายค้านไม่ควรสนับสนุนปลุกระดมชักชวนให้ผู้คนออกมาเต็มถนน เพื่อประท้วงขับไล่รัฐบาล
    
ถ้านักการเมืองรักชาติจริง ต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยความจริงใจ

ควรต่อสู้เอาชนะกันในสภาดีที่สุด
    
ถึงแม้ ส.ส.ในสภาจะชกต่อยและถอดรองเท้าตบปากกันเหมือน ส.ส. ของไต้หวันบ้างก็ไม่เป็นไร
    
เพราะการทำร้ายร่างกายหรือด่ากันในสภา ผู้เสียหายคือคนที่เป็น ส.ส.เท่านั้น
    
แต่ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายยับเยินเหมือนนำฝูงชนออกไปเล่นนอกสภา.

ไมตรี ลิมปิชาติ

[khesorn mueller]

เค้าไม่กล้าโวยหรอกคะพี่หมอ
คู่อังกฤษ-เยอรมันนีน่ะ!
caseนี้เกิดแล้วเมื่อ 44 ปีก่อน.


Déjà-vu!

[Samrotri2517]

ขอขอบคุณไทยรัฐออนไลน์วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2553  ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.thairath.co.th/content/oversea/102320



เคนเนธ กรอสส์ และ เทรเวอร์ มัวร์ ทูตมะกัน-ผู้ดี โดดน้ำทั้งสูท แพ้พนันบอลโลก

เอกอัคราชทูตสหรัฐ-อังกฤษ ประจำประเทศทาจิกิซสถาน พากันกระโดดน้ำขณะแต่งกายเต็มยศ ตามข้อตกลงทายผลบอลโลก 2010 ที่ผ่านมา...ศึกแห่งศักดิ์ศรีลูกหนัง ฟุตบอลโลก ประจำปี 2010 ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่สำนักข่าวต่างประเทศยังเก็บตกข่าวน่าสนใจ ล่าสุดมีรายงานเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ว่า เอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกา เคนเนธ กรอสส์ และ เทรเวอร์ มัวร์ เอกอัคราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศทาจิกิซสถาน พากันกระโดดน้ำลงสระว่ายน้ำ พร้อมทั้งชุดสูท หลังทั้งคู่พนันขันต่อกันเล็กน้อย จากทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบแรก นัดทีมชาติพญาอินทรี พบกับ ทีมชาติสิงโตคำราม

ซึ่งผลการแข่งขันจบลงด้วยสกอร์เสมอ 1-1 แบ่งแต้มไปเท่ากัน เอกอัคราชทูตทั้ง 2 ประเทศ จึงกระโดดลงสระว่ายน้ำ ตามข้อตกลงที่ให้ไว้ร่วมกัน หลังมีโอกาสพบปะกันที่กรุงดูชานเบ เมืองหลวงของทาจิกิซสถาน เมื่อเดือนที่แล้ว.

 

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

สปิริต รักษาคำพูด ไม่พนันกันด้วยเงิน ที่ต้องฆ่าตัวตาย หรือ ถูกฆ่า