23 พฤศจิกายน 2567, 13:53:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 374 375 [376] 377 378 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2597295 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 23 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #9375 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 12:20:43 »

  แค่ จ่ามี คงไม่ทำให้เราวุ่นวายสักเท่าไหร? มั้งน้องเหยง 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9376 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 16:47:43 »

พี่ปี๊ด


แค่ "จ่ามี" ฟิลิปปินส์ก็จมน้ำไปค่อนเอวแล้ว ไม่รวมถึงประเทศจีน ที่เป็นปลายทางจองเส้นทาง ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9377 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 16:53:21 »

กำลังติดตามข่าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดเพชรบูรณ์ ประท้วงด้วยการปิดถนนสระบุรี-หล่มสักอยู่ในขณะนี้
จากกรณีปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ เพราะอาหารสัตว์รายใหญ่ กดราคารับซื้อและรายรองซื้อแล้วไม่จ่ายเงิน










ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/region/364432

ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000103248

มติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376883909&grpid=03&catid=&subcatid=

โพสต์ทูเดย์
http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD/241426/%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9378 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 19:27:16 »

ค่าครองชีพคนไทยสูงจริงหรือ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14:27:44 น

ที่มา : คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง มติชนรายวัน โดย ธีรภัทร เจริญสุข

ตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาท ก็ได้ยินเสียงบ่นกันหนาหูว่า ทำให้ค่าครองชีพทะยานสูงขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว ข้าวของอาหารน้ำ พริกน้ำปลา ยารักษาโรค ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าโทรศัพท์แพงหมด ร่ำๆ มีคนบ่นว่าอยากจะไปอยู่ลาวอยู่เขมรให้รู้แล้วรู้รอด

แต่แน่ใจหรือว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้นมีค่าครองชีพต่ำกว่าประเทศไทย?

ถ้าประเทศตะวันตกใช้ดัชนีบิ๊กแม็ค (Big Mc Index) เป็นดัชนีชี้วัดง่ายๆ เราชาวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง อาจจะใช้ดัชนีราคาก๋วยเตี๋ยวน้ำหรือ "เฝอ" สักหนึ่งชาม ในการวัดค่าครองชีพอย่างคร่าวๆ ได้เช่นกัน

ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อสดธรรมดา ซื้อกินอยู่ในกรุงเทพ ชามละ 35-40 ถ้ากินที่หนองคาย ราคาชามละ 30 บาท แต่เพียงแค่ข้ามแม่น้ำโขงไปนครหลวงเวียงจันทน์ ก็กลายเป็นชามละ 15,000-18,000 กีบ ตกราว 60-72 บาท ถ้าไปกินที่กรุงพนมเปญ ต้องจ่าย 2.5 ดอลลาร์ ประมาณ 75 บาท หรือกินที่ไซ่ง่อน ชามละ 50,000 ด่อง ราว 70 บาท กว่าจะอิ่ม

ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำของประเทศเพื่อนบ้านในเขตลุ่มน้ำโขงนั้นต่ำกว่าไทยมาก ค่าแรงขั้นต่ำของลาวอยู่ที่เดือนละ 626,000 กีบ หารแล้วตกวันละ 84 บาท ค่าแรงขั้นต่ำเวียดนามวันละ 110 บาท ส่วนเขมรนั้นแค่วันละ 60 บาท ส่วนเงินเดือนข้าราชการและพนักงานสำนักงานก็ต่ำกว่าไทยมากเช่นกัน

สาเหตุที่ค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคในประเทศเหล่านี้มีราคาสูง เนื่องจากปัจจัยด้านการผลิตที่ไม่สมบูรณ์ ขาดโรงงานผลิตเครื่องใช้ อาหารแปรรูป เครื่องปรุงรส ภายในประเทศ ทุกอย่างต้องนำเข้าทั้งหมด ยกเว้นวัตถุดิบอาหารพื้นฐาน โดยเฉพาะการนำเข้าจากประเทศไทยและประเทศจีนที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญ อีกประการหนึ่งคือปัจจัยทางพลังงานเชื้อเพลิง ได้แก่น้ำมันที่ใช้ในระบบขนส่ง และแก๊สหุงต้ม ที่ไม่ได้มีระบบกองทุนอุดหนุนราคา ไม่มีบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่สามารถเป็นกันชนให้แก่ประชาชนในเวลาราคาพลังงานในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงได้

แล้วชาวลาว เขมร เวียดนามนั้น อยู่ได้อย่างไรกับค่าครองชีพที่สูงเช่นนี้? ถ้าไปถามคนท้องถิ่น เขาก็จะตอบว่า ก็ต้องทำกับข้าวกินเอง หาเลี้ยงไก่ปลูกผัก ลงจับปลาตามห้วยบึง รอข้าวสารจากญาติพี่น้องในชนบทส่งมาให้ แต่นี่ไม่น่าจะใช่ทางออกที่ถูกต้อง

แม้ว่ารัฐบาลของลาวและเวียดนาม จะเร่งขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้รับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ด้วยกลไกการผลิตและระบบโลจิสติกส์ที่ยังขาดแคลน ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งถูกบวกเข้าไปในราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตลอด ประกอบกับระบบรัฐบาลสังคมนิยมที่ขาดความคล่องตัว การเบิกจ่ายและบังคับใช้ขึ้นค่าจ้างก็เป็นไปได้ยาก แม้กระทั่งข้าราชการสำคัญอย่างครู ยังไม่ได้รับเงินเดือนเป็นเวลาหลายเดือน ส่วนกัมพูชา การขึ้นค่าแรงนั้นส่งผลกระเทือนต่อแผนดึงดูดโรงงานผลิตต่างชาติที่เข้ามาใช้แรงงานราคาถูกซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ทำให้ไม่ได้รับการตอบรับเท่าใดนัก

ในขณะที่ไทยกำลังหลุดพ้นจากกับดักประเทศค่าแรงต่ำ ก้าวเข้าสู่การผลิตที่ใช้ทักษะและงานบริการ อัตราการว่างงานต่ำ และยิ่งเมื่อดูจากดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2554 เพียง 5.42% (เดือนกรกฎาคม 2556) ในขณะที่ค่าแรงเพิ่มขึ้น 39.5% (จาก 215 บาท เป็น 300 บาท) และจากสถิติของสำนักนโยบายการออม ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเมื่อหักกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นแล้ว ทำให้คนทำงานมีเงินออมมากขึ้นเพราะฐานรายได้มากกว่าเดิม สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เลิกกิน "มาม่า" จนยอดขายมาม่าตกไป 9%

หมายความว่า "ค่าครองชีพ" ไทยไม่ได้สูงหรอก แค่ "ค่าแรง" ที่ผ่านมามันต่ำเกินไปเท่านั้นเอง อย่าเพิ่งด่วนข้ามแม่น้ำโขงไปกินใช้ของแพง รับค่าแรงต่ำก็แล้วกัน

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376724545&grpid=&catid=02&subcatid=0200

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9379 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 07:20:28 »

ฝนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากกว่าภาคอื่นจากร่องมรสุม และหย่อมความกดอากาศต่ำในอ่าวตั่งเกี๋ย

พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นในระยะ 2-3 วันนี้
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามัน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย
อนึ่ง พายุโซนร้อน “จ่ามี” (TRAMI) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ และมีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไต้หวัน และด้านตะวันออกของประเทศจีน ในช่วงวันที่ 22-23 สิงหาคม 2556 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และตาก

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย
หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สระบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 40 ส่วนมากในช่วงเย็นถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9380 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 07:28:09 »

อีกสักครู่จะออกเดินทางไปอำเภอท่าตะโก และอยู่ที่นั่นทั้งวันครับ
เพราะมีงานสร้างเครือข่ายของกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด กับชาวบ้าน 100 ราย
ซึ่งมาจากอำเภอหนองบัว ท่าตะโก ตากฟ้า ตาคลี และไพศาลี
เพื่อช่วยกันดูแลโครงการก่อสร้าง ให้ได้ถาวรวัตถุของประเทศให้ประชาชนได้ใช้อย่างมีคุณภาพ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9381 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 07:29:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 19 สิงหาคม 2556, 16:53:21
กำลังติดตามข่าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดเพชรบูรณ์ ประท้วงด้วยการปิดถนนสระบุรี-หล่มสักอยู่ในขณะนี้
จากกรณีปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ เพราะอาหารสัตว์รายใหญ่ กดราคารับซื้อและรายรองซื้อแล้วไม่จ่ายเงิน










ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/region/364432

ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000103248

มติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376883909&grpid=03&catid=&subcatid=

โพสต์ทูเดย์
http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD/241426/%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3



เมื่อคืนนี้ จังหวัดเพชรบูรณ์ประกาศยอมรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรในราคาที่สูงขึ้น
แต่ยังไม่มีมาตรการ วิธีปฎิบัติที่เป็นรูปธรรมออกมา เหมือนแจ้งให้ทราบเพื่อสลายการปิดถนน
เกษตรกรจะไปฟังความคืบหน้าอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 22 นี้
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #9382 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 13:18:46 »


สวัสดีครับพี่เหยง พี่ปี๊ด และสมาชิกทุกท่าน
ตามอ่าน อัพเดทข้อมูลครับ


 รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9383 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 19:00:38 »

BBC บอก....

"บีบีซี"ชี้ศก.ไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย ห่วงหนี้ครัวเรือน-ราคาสินค้าพุ่ง
คลังรับถดถอยจริง ลุ้นไตรมาส 3 ฟื้น

วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12:57:02 น

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2556 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยโดยมีข้อบ่งชี้จากตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายนหดตัวลง 0.3% หลังจากร่วงลงไปก่อนหน้านี้ในไตรมาสแรกของปี 1.7% ขณะที่ก่อนหน้าตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเข้มแข็ง แซงหน้าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ด้วยตัวเลขการเติบโตถึง 6% ในปี 2555 ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดหวังว่าแนวโน้มที่ดีดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อเนื่องต่อไป

นายสันชัย มาเธอร์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจของธนาคารอาร์บีเอส ระบุว่า การส่งออก ความต้องการการบริโภคในประเทศที่แย่ลง ผนวกกับความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดน้อยลงล้วนเป็นเหตุให้เศรษฐกิจไทยถดถอย อย่างไรก็ดีปัญหาพื้นฐานไม่ใช่การส่งออก แต่เป็นการบริโภคในประเทศ ซึ่งจากเดิมคาดการณ์ว่าน่าจะมีตัวเลขการเติบโตในปีนี้ถึง 3.5% และไทยการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังจะแซงหน้าประเทศอื่นในอาเซียน สิ่งที่เกิดขึ้่นจึงเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่

บีบีซีระบุว่า การยุตินโยบายการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล รวมถึงน้ำท่วมใหญ่ในปลายปี 2554 ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้การบริโภคในประเทศลดลง ซึ่งการบริโภคดังกล่าวเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย หลังจากที่ในปลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโตเกินคาด โดยจีดีพีในช่วงไตรมาสสุดท้ายพุ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 18.9% อย่างไรก็ดีหนี้ภาคครัวเรือนและราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นยังเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

วันเดียวกัน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 2.8% ว่า ต่ำกว่าที่สศค.ประมาณการไว้ที่ 3% และหากจะมองทางเทคนิคก็จะถือว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะชะลอตัวต่อเนื่องกัน 2 ไตรมาส แต่หากมองทางปัจจัยพื้นฐานแล้ว จะเห็นว่ามาจากฐานที่สูงในปีก่อนและไตรมาสที่ 2 ยังมีเรื่องก๊าซในพม่าที่ปิดโรงงานไป 10 วันในเดือนเมษายน ซึ่งกระทบต่ออุตสาหกรรมพอสมควร อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากฐานที่ต่ำเช่นกัน   

“สศค.กำลังนำตัวเลขจริงที่สภาพัฒน์ประกาศมาใส่เข้าไปแบบจำลอง เพื่อปรับประมาณการเศรษฐกิจตัวเลขทั้งปีใหม่ในเดือนกันยายน ซึ่งกำลังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคมด้วยเช่นกันว่า ตัวเลขเบื้องต้นจะเป็นอย่างไร รวมถึงรอตัวเลขของสัญญาณต่างๆที่สศค.มองว่า เริ่มส่อแว่วว่าจะดีขึ้น หรือ Green shoot เช่น ยอดการส่งออกสินค้าไทยไปยังกลุ่มประเทศ CLMV หรือกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม รวมถึงการค้าขายกันเองในกลุ่ม TIP หรือ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการท่องเที่ยวว่า ตัวเลขออกมาดีตามคาดหรือไม่”นายเอกนิติกล่าว

อย่างไรก็ตาม สศค.ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 มาตรการของรัฐบาล เพื่อเร่งการทำงานให้มีผลปฏิบัติโดยเร็ว เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะปัจจุบันที่ไม่สามารถอาศัยการกระตุ้นการบริโภคได้ เนื่องจากมีข้อจำกัด จึงจะหันมาเน้นการลงทุนแทน แต่ต้องใช้เวลานาน จะไม่ทันกับช่วงที่เศรษฐกิจจะชะลอลงได้ ดังนั้นจึงต้องเร่งหาทางกระตุ้นการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2556 ที่ยังค้างจ่ายประมาณ 1.7 แสนล้านบาทให้มีการเร่งการเบิกจ่าย มีการหารือกับกองทุนต่างๆ เพื่อให้เกิดการลงทุนทั้งกองทุนสตรีหรือกองทุนตั้งตัวได้   
 


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1376977976&grpid=00&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9384 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 19:02:56 »

แต่ รมต. คลังบอกว่า............

"โต้ง"ยังอ้าง ศก.ไม่ถอถอยแม้ขยายตัวเหลือ 2.8 % เล็งเร่งการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 สิงหาคม 2556 16:57 น.
 
กิตติรัตน์" ดันทุรังโวกับคณะรัฐมนตรี เศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอยตามที่สื่อต่างชาติเสนอ ทั้งที่ตัวเลขขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 2 หดเหลือ 2.8 % อ้างเทียบครึ่งปีแรก 2556 ระบุรัฐบาลยังมีเวลาทำมาตรากรรกระตุ้น นัดถกสำนักงบฯ กรมบัญชีกลาง สัปดาห์หน้า เร่งการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อให้การเติบโต้ทางเศรษฐกิจขยายตัว
       
       ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สอง และแนวโน้มปี 2556 ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ 2.8 และเมื่อร่วมครึ่งปีแรก เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 4.1 ซึ่งได้มีสื่อมวลชนเสนอข่าวทำนองว่า สื่อมวลชนต่างประเทศได้ระบุว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยหรืออยู่ในสภาวะน่าเป็นห่วงนั้น นายกิตติรัตน์ ณ.ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.คลัง ยืนยันว่า เศรษฐกิจของไทยไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอยหรือน่าวิตกอย่างที่สื่อมวลชนเสนอข่าวแต่อย่างใด
       
       ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ หรือ ปี 2556 สูงกว่าครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว หรือ ปี 2555 ดังนั้น รัฐบาลยังมีเวลาในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ หรือการสนับสนุนการส่งออก เพื่อให้การเจริญเติบโตและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามเป้าหมาย จึงขอให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและอย่าตื่นตระหนกตามกระแสข่าว
       
       ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์หน้า นายกิตติรัตน์ จะร่วมหารือกับกรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาการจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการต่างๆ ให้เป็นไปตามแผน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมทั้ง จะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2557 และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ ในช่วงไตรมาสแรก คือ เดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ เพื่อช่วยเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000103902
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9385 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 19:06:46 »

แต่ที่แน่ๆ "กระเป๋าหลุยส์" จำนำได้ที่ฮ่องกง

“กระเป๋าหลุยส์วิตตอง” สกุลเงินใหม่ของฮ่องกง-สาวฮ่องกงใช้ “กระเป๋าแบรนด์เนมเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้”
20 สิงหาคม 2556 15:21 น.

 

       เอเจนซีส์ - กระเป๋าแบรนด์เนมขณะนี้ได้ถือเป็นสกุลเงินใหม่ของฮ่องกงไปแล้ว สาวๆในฮ่องกงต่างใช้กระเป๋าแบรนด์เนมชั้นนำของ หลุยส์วิตตอง แอร์เมส ชาแนล หรือกุชชี ในการเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้เงินจากบริษัทที่ให้การรับจำนำที่จะให้วงเงินเท่ากับ 80% ของมูลค่ากระเป๋า
       
       โดยชาวฮ่องกงถือว่าการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมชั้นนำเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ปลอดภัย บรรดาบริษัทที่ให้การรับจำนำในฮ่องกงถือว่ามูลค่ากระเป๋าแบรนดเนมชั้นนำของหลุยส์วิตตอง แอร์เมส ชาแนล หรือกุชชี นั้นราคาไม่เคยตก ดังนั้นบบริษัทรับจำนำในฮ่องกงอนุญาตให้ใช้กระเป๋าจากทั้ง 4 แบรนด์เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ส่วนตัวได้ ซึ่งลูกค้าสาวฮ่องกงที่หมุนเงินไม่ทันสามารถกู้เงินได้มากถึง 80% จากราคาป้ายของกระเป๋าแบรนด์เนมของตัวเอง โดยมีข้อกำหนดว่าลูกค้าที่นำกระเป๋ามาจำนำไว้นั้นต้องคืนเงินกู้ภายใน 4 เดือนพร้อมทั้งดอกเบี้ยรายเดือน และพวกเธอจะได้กระเป๋ากลับคืนก็ต่อเมื่อชำระหนี้ครบจำนวนแล้วเท่านั้น
       
       นิตยสารวอลสตรีทเจอร์นัล เผยว่า บริษัท Yes Lady Fiance Com. http://yeslady.com.hk/en/เป็นหนึ่งในกว่า 200บริษัทที่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องและกว่า 900 บริษัทนอกระบบที่ทำธุรกิจให้การรับจำนำกระเป๋าในฮ่องกงนั้น โดยYes Lady Com.จะสามารถให้การอนุมัตเงินกู้ได้ภายในครึ่งชั่วโมง หากกระเป๋าแบรนด์เนมที่นำมาค้ำประกันนั้นอยู่ใน 4 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกคือ หลุยส์วิตตอง แอร์เมส ชาแนล หรือกุชชี
       
       และหากว่ากระเป๋าที่นำมาค้ำประกันเงินกู้นั้นเป็นรุ่นลิมิตเต็ดเอดิชัน หรือเป็นรุ่นวินเทจของจากแบรด์ทั้ง 4 แล้ว วงเงินจำนำจะสูงตามไปด้วย และไม่เพียงแต่ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น จากสถิติพบว่า 1 ใน 5 ของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเป็นผู้ชาย
       
       นางหว่องเป็นหนึ่งในลูกค้าที่นำกระเป๋ากุชชีและหลุยส์วิตตองของเธอมาจำนำกับ บริษัท Yes Lady Fiance Com เมื่อไหร่ก็ตามที่นางต้องการหมุนเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันหรือค่าเทอมลูกชาย ในขณะที่แองเจล แยม ลูกค้าอีกรายของบริษัทได้นำกระเป๋าชาแนลใบโปรดมาจำนำเนวงเงิน 960 ปอนด์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวหรือการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
       
       กระเป๋าทุกใบที่ผ่านเข้ามาในบริษัทYes Lady Fiance Com. นั้นจะได้รับการตรวจตราพิสูจน์ความแท้อย่างเข้มงวดจากผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์กระเป๋ามือสองของบริษัท Milan Station Holding Ltd. ที่ทำงานร่วมกับบริษัท Yes Lady Fiance Com. ในการให้บริการรับจำนำกระเป๋า
       
       และนิตยสารวอลสตรีทเจอร์นัลยังเผยต่อไปว่า “เกือบจะทั้งหมด” ของลูกค้าของ Yes Lady Com ที่แปลว่า “เศรษฐีนี”ในภาษาจีนกวางตุ้ง สามารถรับกระเป๋าของพวกเธอกลับไปโดยจ่ายคืนครบเต็มจำนวนภายในระยะเวลา 4 เดือนตามที่บริษัทกำหนดไว้
       
       นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กระเป๋าแอร์เมสรุ่นเบอร์กิ้น ที่มีราคาตามป้ายสูงถึง 100,000 ปอนด์ ที่ถือโดยเซเลประดับโลกเช่น คิม คาร์เดเชียนและวิคตอเรีย เบคแฮม นั้นได้เคยใช้เป็นหลักประกันขอเงินกู้ได้สูงถึง 13,170 ปอนด์

 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000103815
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9386 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 19:09:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 20 สิงหาคม 2556, 07:28:09
อีกสักครู่จะออกเดินทางไปอำเภอท่าตะโก และอยู่ที่นั่นทั้งวันครับ
เพราะมีงานสร้างเครือข่ายของกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด กับชาวบ้าน 100 ราย
ซึ่งมาจากอำเภอหนองบัว ท่าตะโก ตากฟ้า ตาคลี และไพศาลี
เพื่อช่วยกันดูแลโครงการก่อสร้าง ให้ได้ถาวรวัตถุของประเทศให้ประชาชนได้ใช้อย่างมีคุณภาพ


กลับมาได้พักใหญ่ครับ
พร้อมกับ "เห็ดโคน" 3 ถุง เป็นเห็ดชุดแรกของฤดูกาลนี้


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9387 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 19:15:57 »

วันนี้ไปไกล 62 ก.ม. จากบ้าน คือห้องประชุมเทศบาลตำบลท่าตะโก อำเภอท่าตะโก ครับ







      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9388 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 21:50:07 »

อึ้ง! ผลสำรวจชี้ นักธุรกิจอเมริกันไม่เชื่อ อาเซียนจะรวมตัวเป็นตลาดเดียวได้ทันในปี 2015 มองไทยน่าลงทุนน้อยกว่าอินโดฯ-เวียดนาม
20 สิงหาคม 2556 19:51 น.

 

       เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ องค์กรภาคธุรกิจของสหรัฐฯยังคลางแคลงใจต่อศักยภาพของ “อาเซียน” ในการรวมตัวเป็น “ตลาดเดียว” ในปี 2015 ชี้กว่าจะรวมตัวสำเร็จอาจต้องรอหลังปี 2020 ขณะที่ไทยถูกมองเป็นดินแดนที่น่าลงทุนเป็นลำดับ 3 ของอาเซียนในสายตาชาวอเมริกันตามหลังอินโดนีเซียและเวียดนาม
       
       ผลสำรวจความคิดเห็นที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (20) ของบรรดาผู้บริหารอาวุโสของบริษัทสัญชาติอเมริกันจำนวน 475 ราย ที่มีการทำธุรกิจอยู่ใน 10 ประเทศที่เป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ระบุว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มผู้บริหารภาคธุรกิจของสหรัฐฯ “ไม่เชื่อ” ว่า กลุ่มประเทศอาเซียนจะบรรลุเป้าประสงค์ของตนในการรวมตัวเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ “เออีซี” ในปี 2015
       
       ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำร่วมกันโดยสภาหอการค้าอเมริกัน และหอการค้าอเมริกันประจำสิงคโปร์ยังระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า กว่าที่อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายในการรวมตัวเป็นตลาดเดียวของเออีซีได้อย่างแท้จริงนั้น อาจต้องรอจนถึงปี 2020 หรือนานกว่านั้น มีผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเพียง 23 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่า อาเซียนจะประสบความสำเร็จในการสร้าง “ตลาดเดียว” ภายในปี 2015
       
       แม้ผลสำรวจที่ออกมาจะสะท้อนถึงความเคลือบแคลงของนักธุรกิจอเมริกันที่มีต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ผลสำรวจก็ชี้ให้เห็นว่า โดยภาพรวมแล้วบริษัทอเมริกันยังคงมี “มุมมองในเชิงบวก” ต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่มูลค่าการค้าและการลงทุนของสหรัฐฯในอาเซียนก็ปรับเพิ่มขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกตลอด 5 ปีข้างหน้า
       
       ขณะเดียวกัน ผลสำรวจครั้งนี้ยังระบุว่า อินโดนีเซียถูกยกให้เป็นประเทศที่ “น่าดึงดูดมากที่สุด” สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ของสหรัฐฯ รองลงมาคือ เวียดนาม ไทย และ พม่า ตามลำดับ


 




 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000104008
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9389 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 21:59:00 »

สกอ.เรียก “อุเทนถวาย-จุฬาฯ” ถกหาทางออกปัญหาที่ดินให้ 2 สถาบันร่างแผนเสนออีกรอบ
20 สิงหาคม 2556 18:45 น.
 
       สกอ.เชิญ “อุเทนถวาย-จุฬาฯ” ถกหาทางออกปัญหาที่ดิน เสนอให้ร่วมจัดการศึกษาร่วมกัน สร้างลุคใหม่ภายใต้ชื่อ “อุเทนถวายแห่งจุฬาลงกรณ์” ด้าน “กำจร” เผยผลหารือเบื้องต้น 2 สถาบันเห็นด้วยแนวทางดังกล่าวแต่ขอไปหารือกันภายในก่อนให้คำตอบอีกครั้งจากนั้นเสนอ รมว.ศธ.และเข้า ครม.เพื่อเป็นหลักฐานไม่ให้ผิดสัญญาในอนาคต ฟากอุเทนถวายให้คำมั่นระหว่างนี้จะไม่สร้างความวุ่นวาย
 
       รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เชิญ นายสืบพงศ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะศิษย์เก่าอุเทนถวาย และ ม.ร.ว.กัลยา ติงศภัทิย์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมหารือเพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับกรณี จุฬาฯขอคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากอุเทนถวาย โดยให้อุเทนฯ ย้ายออกจากที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทั้งอุเทนฯ และ จุฬาฯ ได้ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นตัวกลางหาข้อยุติเรื่องดังกล่าว
       
       ทั้งนี้ ตนเห็นว่าเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมา ไม่ควรมาจะมาพูดเรื่องให้อุเทนฯ ย้ายออกจากพื้นที่อีก แต่ควรจะหาวิธีการร่วมกัน โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้เสนอทางเลือกให้ทั้งจุฬาฯ และอุเทนฯ ใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวจัดการศึกษาร่วมกัน โดยอาจจะพัฒนาอุเทนถวายให้เป็นสถาบันใหม่ ที่มีชื่อว่า “อุเทนถวายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ซึ่งเน้นการเรียนการสอนทางด้านช่างฝีมือ ซึ่งเป็นสาขาที่ขาดแคลนและมีความต้องการสาขาหนึ่ง
       
       นพ.กำจร กล่าวต่อว่า จากการหารือดังกล่าวในส่วนของ อุเทนฯ โดย นายชาญชัย เห็นว่าแนวทางดังกล่าวมีความเป็นไปได้ แต่ได้ขอเวลาประมาณ 6 เดือนไปสอบถามความคิดเห็นจากทั้งศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันว่าเห็นด้วยหรือไม่ และระหว่างนี้ทางศิษย์เก่าฯ รับปากว่าระหว่างนี้จะไม่ก่อปัญหา ทั้งการเดินขบวนหรือสร้างข่าวต่างๆ ให้เกิดความวุ่นวาย ขณะที่ในส่วนของจุฬาฯ เห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้ทั้งสองสถาบันสามารถอยู่ร่วมกันได้และเชื่อว่าประชาคมจุฬาฯ จะเห็นประโยชน์ทางวิชาการมากกว่า ปัญหาเรื่องความขัดแย้ง
       
      “ดังนั้นผมจึงขอให้ทั้งสองสถาบัน ไปร่างแผนการดำเนินงานการจัดการศึกษาร่วมกัน ว่าแต่ละฝ่าย ต้องการ จัดการศึกษาในรูปแบบใด เพื่อให้ตรงตามความต้องการของทั้งสองสถาบัน ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ลงตัวแล้ว สกอ.จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้ รมว.ศึกษาธิการ รับทราบ เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อยุติในปัญหาดังกล่าว และเพื่อเป็นหลักฐาน ไม่ให้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญา ในอนาคต” รศ.นพ.กำจร กล่าว

ชมภาพเพิ่มจาก     
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000103927
 
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #9390 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 08:40:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 20 สิงหาคม 2556, 21:50:07
อึ้ง! ผลสำรวจชี้ นักธุรกิจอเมริกันไม่เชื่อ อาเซียนจะรวมตัวเป็นตลาดเดียวได้ทันในปี 2015 มองไทยน่าลงทุนน้อยกว่าอินโดฯ-เวียดนาม
20 สิงหาคม 2556 19:51 น.


       เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ องค์กรภาคธุรกิจของสหรัฐฯยังคลางแคลงใจต่อศักยภาพของ “อาเซียน” ในการรวมตัวเป็น “ตลาดเดียว” ในปี 2015 ชี้กว่าจะรวมตัวสำเร็จอาจต้องรอหลังปี 2020 ขณะที่ไทยถูกมองเป็นดินแดนที่น่าลงทุนเป็นลำดับ 3 ของอาเซียนในสายตาชาวอเมริกันตามหลังอินโดนีเซียและเวียดนาม
       
       ผลสำรวจความคิดเห็นที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (20) ของบรรดาผู้บริหารอาวุโสของบริษัทสัญชาติอเมริกันจำนวน 475 ราย ที่มีการทำธุรกิจอยู่ใน 10 ประเทศที่เป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ระบุว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มผู้บริหารภาคธุรกิจของสหรัฐฯ “ไม่เชื่อ” ว่า กลุ่มประเทศอาเซียนจะบรรลุเป้าประสงค์ของตนในการรวมตัวเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ “เออีซี” ในปี 2015
       
       ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำร่วมกันโดยสภาหอการค้าอเมริกัน และหอการค้าอเมริกันประจำสิงคโปร์ยังระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า กว่าที่อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายในการรวมตัวเป็นตลาดเดียวของเออีซีได้อย่างแท้จริงนั้น อาจต้องรอจนถึงปี 2020 หรือนานกว่านั้น มีผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเพียง 23 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่า อาเซียนจะประสบความสำเร็จในการสร้าง “ตลาดเดียว” ภายในปี 2015
       
       แม้ผลสำรวจที่ออกมาจะสะท้อนถึงความเคลือบแคลงของนักธุรกิจอเมริกันที่มีต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ผลสำรวจก็ชี้ให้เห็นว่า โดยภาพรวมแล้วบริษัทอเมริกันยังคงมี “มุมมองในเชิงบวก” ต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่มูลค่าการค้าและการลงทุนของสหรัฐฯในอาเซียนก็ปรับเพิ่มขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกตลอด 5 ปีข้างหน้า
       
       ขณะเดียวกัน ผลสำรวจครั้งนี้ยังระบุว่า อินโดนีเซียถูกยกให้เป็นประเทศที่ “น่าดึงดูดมากที่สุด” สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ของสหรัฐฯ รองลงมาคือ เวียดนาม ไทย และ พม่า ตามลำดับ







 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000104008
 


รัฐบาลโยนโอกาส ดีๆ ของปรเทศชาติทิ้งไปมากมายในช่วงที่ผ่านมา
ไปให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ไกล ... มากเกินไปผมว่านะ...!!!...


 เหนื่อย จ๊าากกก
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #9391 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 10:55:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 21 สิงหาคม 2556, 08:40:27
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 20 สิงหาคม 2556, 21:50:07
อึ้ง! ผลสำรวจชี้ นักธุรกิจอเมริกันไม่เชื่อ อาเซียนจะรวมตัวเป็นตลาดเดียวได้ทันในปี 2015 มองไทยน่าลงทุนน้อยกว่าอินโดฯ-เวียดนาม
20 สิงหาคม 2556 19:51 น.


       เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ องค์กรภาคธุรกิจของสหรัฐฯยังคลางแคลงใจต่อศักยภาพของ “อาเซียน” ในการรวมตัวเป็น “ตลาดเดียว” ในปี 2015 ชี้กว่าจะรวมตัวสำเร็จอาจต้องรอหลังปี 2020 ขณะที่ไทยถูกมองเป็นดินแดนที่น่าลงทุนเป็นลำดับ 3 ของอาเซียนในสายตาชาวอเมริกันตามหลังอินโดนีเซียและเวียดนาม
      
       ผลสำรวจความคิดเห็นที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (20) ของบรรดาผู้บริหารอาวุโสของบริษัทสัญชาติอเมริกันจำนวน 475 ราย ที่มีการทำธุรกิจอยู่ใน 10 ประเทศที่เป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ระบุว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มผู้บริหารภาคธุรกิจของสหรัฐฯ “ไม่เชื่อ” ว่า กลุ่มประเทศอาเซียนจะบรรลุเป้าประสงค์ของตนในการรวมตัวเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ “เออีซี” ในปี 2015
      
       ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำร่วมกันโดยสภาหอการค้าอเมริกัน และหอการค้าอเมริกันประจำสิงคโปร์ยังระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า กว่าที่อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายในการรวมตัวเป็นตลาดเดียวของเออีซีได้อย่างแท้จริงนั้น อาจต้องรอจนถึงปี 2020 หรือนานกว่านั้น มีผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเพียง 23 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่า อาเซียนจะประสบความสำเร็จในการสร้าง “ตลาดเดียว” ภายในปี 2015
      
       แม้ผลสำรวจที่ออกมาจะสะท้อนถึงความเคลือบแคลงของนักธุรกิจอเมริกันที่มีต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ผลสำรวจก็ชี้ให้เห็นว่า โดยภาพรวมแล้วบริษัทอเมริกันยังคงมี “มุมมองในเชิงบวก” ต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่มูลค่าการค้าและการลงทุนของสหรัฐฯในอาเซียนก็ปรับเพิ่มขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกตลอด 5 ปีข้างหน้า
      
       ขณะเดียวกัน ผลสำรวจครั้งนี้ยังระบุว่า อินโดนีเซียถูกยกให้เป็นประเทศที่ “น่าดึงดูดมากที่สุด” สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ของสหรัฐฯ รองลงมาคือ เวียดนาม ไทย และ พม่า ตามลำดับ







 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000104008
 


รัฐบาลโยนโอกาส ดีๆ ของปรเทศชาติทิ้งไปมากมายในช่วงที่ผ่านมา
ไปให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ไกล ... มากเกินไปผมว่านะ...!!!...


 เหนื่อย จ๊าากกก
 ตอนนี้คงไม่อยู่ไกลแล้วละ.... คงมาชุกๆตัวอยู่แถวภูเขาทางเหนือนี้แหละ มีความสุขกว่า บ้านเมื่องไหนเขาก็ไม่เอาด้วยแล้ว
  ต่อให้รวยล้นฟ้าอย่างไร  ( ถ้าจะไปเป็นเหตุของปัญหา ) แปลกนะเรื่องง่ายๆแค่นี้ คิดไม่ได้ แต่อยากปกครองคนทั้งประเทศ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9392 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 11:02:19 »

พี่ปี๊ด, หนุน

คนที่มีความก้าวหน้า เขา..........
คิดแบบเจ๊ก คิดจากทำเล็กๆ ไปหาใหญ่ๆ
แต่.....คนไทย คิดใหญ่ๆ แต่ทำเล็กๆ ครับ มันถึงไปได้ไม่ไกล ??!!
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9393 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 11:11:11 »

ฝนเพิ่มขึ้นในภาคเหนือ ภาคอีสานเล็กน้อย
กทม.และปริมณฑล มีฝนร้อยละ 40 ตกช่วงบ่ายถึงค่ำ

พยากรณ์อากาศ ประจำวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่
หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นในระยะ 2-3 วันนี้
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามัน จะมีคลื่นสูงประมาณ
2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย
อนึ่ง พายุโซนร้อน “จ่ามี” (TRAMI) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะไต้หวัน กำลังเคลื่อนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 18 กม./ชม. และมีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้บริเวณหัวเกาะไต้หวัน และด้านตะวันออกของประเทศจีน ในช่วงวันที่ 21-22 สิงหาคม 2556 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.  

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากทางตอนบนของภาค บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ
หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 40 ส่วนมากในช่วงเย็นถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9394 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 11:21:09 »

เส้นทางเดินของพายุในวันนี้



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9395 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 11:21:52 »

วันนี้ วันสาร์ทจีน หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือนเจ็ดตามจันทรคติ

คนจีนมีประเพณีนิยมในการไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
รวมทั้งทำบุญ-ทำทาน อาทิ พิธีเทกระจาด แจกจ่ายข้าวของให้ผู้มีรายได้น้อย-ผู้ยากไร้ ได้อิ่มในวันนี้
ถือเป็นทานอย่างหนึ่งที่สมควรปฎิบัติ หลังตักบาตรทำบุญกับพระสงฆ์ สามเณร ชี ในช่วงเช้าไปแล้ว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9396 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 16:46:25 »

รัฐบาลจะทำมั๊ยเนี่ย...
เพราะทำแบบนี้ เงินหายไปจากระบบหมดเลย ?? !!


วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 02:52 น.  ข่าวสดออนไลน์
ข้อเสนอของชาวนา

บทบรรณาธิการ

คอลัมน์เมืองไทย 25 น. ในหน้าเศรษฐกิจข่าวสดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มแกนนำชาวนา 4 ภาค และชาวนาจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 100 คน

ซึ่งเสวนาหารือกันหาทางออกให้กับโครงการรับจำนำข้าวที่กรมส่งเสริมการเกษตร

ในที่ประชุมระบุว่าเม็ดเงินจำนำข้าวตกถึงมือชาวนาจริงๆ เพียงแค่ 86,400 ล้านบาท ขณะที่รัฐต้องจ่ายค่าบริหารจัดการ ค่าเช่าโกดัง ค่าแปรสภาพข้าว ค่าเจ้าหน้าที่ราวๆ 1.2 แสนล้านบาท

อันสะท้อนปัญหาด้านประสิทธิภาพของโครงการและการจัดการ ในขณะที่ตัวโครงการเองมีส่วนทำให้ต้นทุนของการทำนาเพิ่มสูงขึ้น

เช่น ค่าเช่านาขึ้นจากไร่ละ 500 บาทเป็นไร่ละ 1 พันบาท เช่นเดียวกับปุ๋ย ค่าแรง ค่าพันธุ์ข้าว

ตัวแทนชาวนาระบุด้วยว่า หากรัฐบาลต้องการช่วยชาวนาจริงๆ ก็อยากให้เข้ามาจัดการควบคุมต้นทุนเหล่านี้มากกว่า

โดยที่ประชุมเสนอทางออกให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ปัญหาค่าเช่านาขึ้นราคา และพร้อมจะเสนอให้ยกเลิกโครงการรับจำนำ เพื่อนำเงินประมาณ 60,000 ล้านบาทมาอุดหนุน ในการลดต้นทุนการผลิต

ขณะที่อีกหนึ่งหมื่นล้านตั้งเป็นกองทุนเอาไว้ในยามฉุกเฉิน และอีก 2 หมื่นล้านบาทเพื่อ วิจัยพัฒนาพันธุ์ พัฒนาระบบการบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้นจะใช้เงินปีละประมาณ 90,000 ล้านบาท

และขอเวลาเพียง 3 ปี หลังจากนั้นชาวนาเชื่อว่าจะยืนอยู่ได้โดยไม่ต้องให้รัฐอุดหนุนอีกต่อไป

เพื่อมิให้เป็นภาระกับผู้เสียภาษีคนอื่นๆ

ข้อเสนอที่ไปไกลกว่าโครงการรับจำนำข้าวของกลุ่มชาวนาเหล่านี้เป็นประเด็นที่น่ารับฟัง

และหลายประการก็สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐและหน่วยราชการหลายแห่งดำเนินการอยู่ เพียงแต่ยังไม่มีการขยายขนาดให้เป็นโครงการระดับชาติ

ทำอย่างไรจึงจะให้มีการพูดจาหารือกันได้โดยเปิดเผย เปิดกว้าง และบ่อยครั้งขึ้น เพื่อนำข้อดีของแต่ละส่วนเข้ามาประกอบกันเป็นข้อเสนอ-นโยบายที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์มากขึ้น

ภาครัฐควรจะเข้ามาเป็นตัวนำในการระดมสมองครั้งใหญ่นี้ด้วยความกระตือรือร้น

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9397 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 17:24:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 21 สิงหาคม 2556, 11:21:52
วันนี้ วันสาร์ทจีน หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือนเจ็ดตามจันทรคติ

คนจีนมีประเพณีนิยมในการไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
รวมทั้งทำบุญ-ทำทาน อาทิ พิธีเทกระจาด แจกจ่ายข้าวของให้ผู้มีรายได้น้อย-ผู้ยากไร้ ได้อิ่มในวันนี้
ถือเป็นทานอย่างหนึ่งที่สมควรปฎิบัติ หลังตักบาตรทำบุญกับพระสงฆ์ สามเณร ชี ในช่วงเช้าไปแล้ว


วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15:14 น.  ข่าวสดออนไลน์
ชาวไทยเชื้อสายจีนขอนแก่น ไหว้วันสารทจีนคึกคัก

วันที่ 21 ส.ค.บรรยากาศวันไหว้เจ้าและบรรพบุรุษของคนไทยเชื้อสายจีน  ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 ของวันสาร์ทจีนปีนี้  ที่ศาลเจ้าปึงเฒ่า กงม่า ริมบึงแก่นนคร และศาลหลักเมืองขอนแก่น  ถนนศรีจันทร์ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น  มีชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดขอนแก่น ได้นำเครื่องเซ่นไหว้ ประกอบด้วย หมู เป็ด ไก่ ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และ ดอกไม้ธูปเทียน มากราบไหว้ ที่ศาลเจ้า ปึงเฒ่า กงม่า และ ศาลหลักเมืองขอนแก่น  สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาว จ.ขอนแก่นให้ความเคารพนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

ส่วนที่บ้านเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับโดยทำพิธีเซ่นไหว้  ซึ่งลูกหลานจะแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว สำหรับการไหว้ในเทศกาลสารทจีน แบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ช่วง ไหว้เจ้าในช่วงตอนเช้า ไหว้บรรพบุรุษ ตั้งโต๊ะไหว้นอกบ้านในช่วงสาย และ ไหว้วิญญาณพเนจร ผีไม่มีญาติ หรือไหว้ “หอเฮียตี๋ “จะต้องไหว้นอกบ้านในช่วงบ่าย

ส่วนบรรยากาศการจับจ่ายซื้อเครื่องเซ่นไหว้ที่ผ่านมา ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ที่มีตลาดสดเทศบาล  3 แห่ง และตลาดสดบางลำพู 1 แห่ง มีคนไทยเชื่อสายจีนใน จ.ขอนแก่นได้มา จับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน  โดยเฉพาะอาหารสด เนื้อหมู ไก่สด ขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้ ซึ่งในปีนี้พ่อค้า แม่ค้า ต่างปรับราคาสินค้าลดลงเพื่อเป็นกลไกของการขายเพื่อดึงลูกค้า โดยเฉพาะขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งในปีนี้มีราคาลดลงมากกว่าปีที่แล้ว โดยขนมเทียนจากเดิมปี 2555 ที่เคยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ในปีนี้ปรับราคาเหลือเพียงราคากิโลกรัมละ 80 บาท ขนมเข่งจากเดิม 90 บาท เหลือเพียง ราคากิโลกรัม 70 บาทเท่านั้น  สำหรับราคาสินค้าประเภทอื่น อาทิ ราคาหมู และไก่ ยังราคาปกติ ไม่มีการปรับราคาแต่อย่างใด

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056QTNNamt4TVE9PQ==&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9398 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 19:47:42 »

มาแชร์ให้ทราบครับ........!!!

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13:09 น.  ข่าวสดออนไลน์
แชร์ว่อนเน็ต! เตือนภัย พระโบกรถ "อย่าจอด"



ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ : ในเว็บไซต์พันทิปได้มีผู้โพสต์ข้อความ มีเรื่องเล่าเป็นอุทาหรณ์มาฝากกันครับ ท่านที่เดินทางไปไหนแล้วเจอพระโบกรถขอโดยสารมาด้วย. อย่าจอดรับ

"....เมื่อเช้าวาน ผมกับน้องชายเรากำลังจะขับรถไปลาวกัน ทางจังหวัดหนองคาย อีกประมาณ 20 กม. จะถึงด่านแล้ว เจอพระโบกรถอยู่ข้างทาง แต่ไม่มีใครจอดรับ ผมเลยมาเพราะวิ่งด้วยความเร็ว แต่ก็ตัดสินใจจอดแล้วถอยกลับไป เพราะคิดว่าพระอาจต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ
             
พอถามพระรูปนั้นอายุราว ๆ 30 กว่า ๆ บอกว่าจะไปวัดโน้นวัดนี้ ขอติดรถมาด้วย ตอนนั้นผมก็ลังเล เพราะในรถมีทรัพย์สินพอสมควร เนื่องจากจำเป็นต้องติดมาคุยเรื่องงานที่ลาว แต่ด้วยความสงสารจึงเสี่ยงยอมให้ติดรถมาด้วยโดยพระนั่งเบาะหลังคนนั่ง พอรถออกพระมีอาการแปลก ๆพูดจาวกวน ชวนคุยเรื่องธรรมมั่ว ๆ และเอามือกุมย่ามที่เหมือนกับมีบางอย่างซ่อนอยู่... ผมก็เริ่มไม่ไว้วางใจ ช่วงถึงซอยเปลี่ยวพระบอกให้เลี้ยวเข้าไปส่งหน่อยนัดลูกน้องไว้ (เป็นพระ แต่หลวงพี่ครับ...มีลูกน้องด้วย 555 ) ก็เลยบอกว่าอย่าเลยหลวงพี่ ผมเป็นห่วงหลวงพี่ ไปที่ผมอยากให้หลวงพี่ไปกับผมดีกว่าไม่ต้องให้ลูกน้องมารับหรอก ผมเป็นตำรวจเดี๋ยวผมพาไปที่อู่รถคิวรถที่น้อง ๆ ผมคุมอยู่ หลวงพี่หน้าเปลี่ยนสี ผมก็บึ่งรถอย่างเร็ว (ระหว่างนั้นก็ลุ้นตลอดว่าจะควักอะไรออกจากย่ามมาทักทายเรา) ไม่นานนักเจอซอยอู่รถที่คุ้น ๆ เลี้ยวเข้าไป จอดตรงกลุ่มคน แล้วบอกว่า เชิญนิมนต์ลงไป น้อง ๆ ที่ยืนอยู่เป็นตำรวจลูกน้องผม พระอิดออดไม่ยอมลง ผมก็เลยถามว่าจะลงไปเองมั๊ยหรือว่าจะ....? พูดไม่ทันจบ หลวงพี่รีบลงไปแล้วหันมาให้พรว่า"รู้งี้ไม่มาด้วยหรอก"
       
แต่ระหว่างนั้นช่วงพลิกตัวเห็นได้ชัดเลยว่าในย่ามคือ มีด ! อารมณ์ 10 กว่านาทีในรถตอนนั้นเหมือนในหนังเป๊ะ ! ทำได้ดีที่สุดแค่ขู่มัน ! ไอ้คนขู่ก็เสียวแทบตาย 55555 พอไปที่ด่านได้คุยกับเจ้าหน้าที่รายการวิทยุท่านหนึ่ง บอกชัดเลยว่าเป็นพระปลอมที่ดักหลอกคนที่สงสารจอดรับแล้วให้พาไปในที่เปลี่ยว ซึ่งมีพวกรออยู่เพื่อปล้น มีประจำตรงจุดก่อนข้ามด่านพรมแดน. ถ้าเป็นสาว ๆ อาจจะโดนข่มขืนด้วย แต่ผมไม่กลัวเรื่องนั้น 5555 ที่แถวนี้มีบ่อยเพราะเมื่อเกิดอะไรขึ้นก็หนีข้ามไปอีกประเทศง่ายมาก ๆ ๆ ๆ เลย เจอประจำ !
             
หลายคนคิดว่ากลางวันและเป็นพระด้วย คงไม่มีอะไร ทางแก้ที่ดีสุดหากเจอพระโบกรถแล้วเรามีเมตตาให้บอกว่า " ให้หลวงพี่รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวเราประสานขอความช่วยเหลือตำรวจให้ " !!!

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056QTJOVFF3T0E9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9399 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2556, 08:43:32 »

ภาคเหนือ ภาคอีสาน ฝนตกหนักขึ้นรวมร้อยละ 80 ของพื้นที่
ภาคอื่นๆของประเทศ ฝนมากขึ้นจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามันและอ่าวไทย
กทม.และปริมณฑล ฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่

พยากรณ์อากาศ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย และเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง
อนึ่ง พายุโซนร้อน “จ่ามี” (TRAMI) ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลฟูเจี้ยน ประเทศจีนแล้ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย และพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ตาก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากทางตอนบนของภาค บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ
หนองบัวลำภู เลย ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร นครพนม และกาฬสินธุ์

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี
สุพรรณบุรี ราชบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากdว่า 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพรและสุราษฎร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 60
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 374 375 [376] 377 378 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><