23 พฤศจิกายน 2567, 19:22:15
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 360 361 [362] 363 364 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2601405 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 86 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #9025 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2556, 07:51:32 »


สวัสดีครับพี่เหยงและพี่น้องทุกท่าน
ตามข่าว รัฐบาลกลับลำ ไปใช้ราคารับจำนำข้าวราคาเดิม
อย่างงี้เอา รำ ไปให้กินซะดีมั๊ย เอ๊ะหรือว่า รำ จะดีเกินไป ...??



 จ๊าากกก จ๊าากกก
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9026 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2556, 09:16:46 »

สื่อต่างชาติออกข่าว ความไม่แน่นอนของนโยบายจำนำข้าวที่กลับไป-กลับมา ไม่น่าเชื่อถือ
และยังถือว่า ปัญหาก่อหนี้ไม่สิ้นสุด
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9027 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2556, 09:28:15 »

ฝนในประเทศเริ่มเพิ่มขึ้น จากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พาดผ่านอ่าวอันดามันและอ่าวไทย เข้าสู่ตอนกลางของประเทศ
กทม.และปริมณฑล มีฝนเพิ่มเป็นร้อยละ 60 ของพื้นที่และตกช่วงเย็นถึงค่ำ สร้างปัญหาในการเดินทางกลับบ้าน

ส่วนพายุโซนร้อน"รุมเบีย" ขึ้นฝั่งที่ประเทศจีน และแปรสภาพเป็นดีเปรสชั่น
โดยพายุลูกนี้ไม่มีผลกระทบถึงเมืองไทย (คือไม่น่าจะมีฝนตกลงมาถึงประเทศไทยนั่นเอง)




พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 2 กรกฏาคม 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุ “รุมเบีย”"

ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 02 กรกฎาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (2 ก.ค. 56) พายุโซนร้อน “รุมเบีย” (RUMBIA) บริเวณทะเลจีนใต้ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองจ้างเจียง (Zhanjiang) ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะไหหลำ ประเทศจีนแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 20.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 85 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันต่อไป พายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนตอนใต้ ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2556 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย
และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ส่วนบริเวณทะเลอันดามันคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.  

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ เลย
หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
  
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
  
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ชลบุรีระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากด้านตะวันตกไปทางด้านตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.  
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9028 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2556, 21:00:22 »

อัพเดทเรื่องคาวที่กำลังดังอยู่ในขณะนี้

หญิงหม้าย ชายบวชนาน

ขบวนการโปรโมตพระอรหันต์ ทำมาหาเงินแบ่งกันทั้งคนโกนหัวไม่โกนหัว และมักลงท้าย ก็มักกลายเป็นอรหอย เพราะถูกจับได้ว่าแอบไปมีเมีย ไม่ใช่จะเพิ่งมาเกิดถี่ในสมัยนี้ มีมานานแสนนานแล้ว

สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ฝ่ายอาณาจักรกับฝ่ายศาสนจักรใกล้กันมาก ยิ่งพระเจ้าแผ่นดิน อย่างรัชกาลที่ 4 ท่านเคยผนวชมานานถึง 27 พรรษา เวลาเกิดปัญหาเรื่องอรหอย...ท่านเห็นเป็นเรื่องขนมผสมน้ำยา

สั่งลงโทษไม่ละเว้นทั้งตัวพระ ทั้งสีกา คฤหัสถ์ ลองอ่านพระราชโองการ ต่อไปนี้ (ศาลไทยในอดีต ประยุทธ สิทธิพันธ์)

อนึ่ง สตรีที่เป็นหม้าย ผัวหย่า ผัวตาย ร้างมานาน ขึ้นคานอยู่ หรือหญิงสะเทิ้นที่ตั้งแต่เล็กยังไม่เคยพบชาย ขึ้นคานอยู่นานๆ ย่อมสืบเสาะหาผัวที่ไม่มีภรรยา วิสัยคนที่เป็นคฤหัสถ์ ก็มีภรรยาทุกคนด้วยกัน ไม่ใคร่มีใครว่างเปล่าอยู่

ฝ่ายพระสงฆ์ บวชอยู่นาน ไม่มีภรรยา เป็นคนว่างเปล่าอยู่ ถ้าให้สึกออกมาได้เป็นผัวจะดี

พระสงฆ์เล่าบวชอยู่นาน ได้ยศถาบรรดาศักดิ์แต่ในหลวงทรงตั้งให้เป็นพระราชาคณะ ฐานานุกรม เปรียญ รับนิตยภัตไตรปีได้ แลเทศนาบ้าง บังสุกุลบ้าง แลรับนิมนต์ไปในการพิธีอื่นๆบ้าง

หรือเป็นพระครู เจ้าอธิการ แลอนุจรก็ดี ได้เทศนาบังสุกุลรวบรวมเฟื้องสลึงตำลึงบาทไว้ได้มาก

ถ้าเราเกลี้ยกล่อมให้สึกออกมาเป็นผัว คงจะมอบหมายเงินทองที่เก็บไว้ให้แก่เรา คงอยู่ในอำนาจเรา จะใช้อย่างไรก็คงได้ดังปรารถนาทุกอย่าง ด้วยคนชาววัดบวชอยู่นาน ไม่เคยพบการชำเราชำเขา ได้พบเข้าแล้วก็ตื่นไป งมเซอะไปดังนี้

จึงคิดอุบายเอาบุตรชายไปฝากไว้บ้าง ชักโยงพวกพ้องพี่น้องให้ไปอยู่บ้าง พอได้ไปมาเป็นสนสื่อ แลได้ส่งคาวหวานเปรี้ยวเค็ม ถวายพระสงฆ์ที่ตนชอบใจ อยากได้เป็นผัว หรือเป็นเขยนั้นเนืองๆ

ฝ่ายพระสงฆ์เล่า เป็นชาววัด ได้อุปการะเกื้อหนุนสมดังที่คิดไว้ เมื่อยังไม่ได้สึกมักอ้อๆแอ้ๆ เข้าประจ๋อประแจ๋ประจบประแจง ฝากตัวเป็นญาติเป็นโยม เรียกโยมที่บ้าน โยมที่แพ โยมที่ตึก บ้านล่าง บ้านบน ดังนี้ ก็โดยมาก

ครั้นสึกออกมากินอยู่ด้วยกัน หรือชำเรากันเสียก่อน แต่ยังไม่สึกบ้าง

หญิงพอใจหาพระสงฆ์ชาววัดเป็นผัว พระสงฆ์ชาววัดที่สึกออกมาพอใจหาหญิงหม้าย หญิงขึ้นคานเป็นภรรยา อย่างนี้มีมากนัก ชุกชุมทุกหนทุกแห่ง จะระบุว่าคนนี้คนนั้นคู่นี้คู่นั้น จะพรรณนาไปก็ไม่สิ้นสุดลง แลเป็นเครื่องเคืองหูรำคาญใจ

ท่านที่ไม่แผล ไม่พอใจฟัง

เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าขอเตือนสติท่านทั้งปวง...ให้รู้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน มีพระราชหฤทัยประสงค์ จะทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้บริสุทธิ์ มิให้มัวหมองเป็นมลทิน แลให้รุ่งเรืองเป็นประโยชน์แก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน

จึงโปรดเกล้าฯ ให้ระวังตัวกลัวผิดด้วยกันทั้งชาววัดชาวบ้านว่า ตั้งแต่นี้สืบไป ถ้าผู้หญิงหาพระเป็นผัว หรือพระหาผู้หญิงหม้ายหญิงขึ้นคานเป็นภรรยา แลทำการสนสื่อไปมาเพื่อเมถุนสังวาสแล้ว มีผู้มาโจทนาว่ากล่าว สืบได้ความเป็นสัจ

จะให้ปรับไหมมีโทษตามพระราชบัญญัติ แลจะปรับพระสงฆ์ที่อยู่ใกล้เคียงในที่รังวัด 3 เส้น 15 วา ได้รู้เห็น ให้ทำวัดถากหญ้ารื้อขนอิฐปูนไปใช้ในการบุญ กว่าจะครบกำหนดตามกำหนดรังวัดที่ใกล้แลไกลตามสมควร

เมื่อสตรีใดๆ มีความเกี่ยวข้องด้วยเรื่องพระสงฆ์ หรือพระสงฆ์มีความเกี่ยวข้องด้วยเรื่องผู้หญิง คือหาภรรยาแต่ยังเป็นพระสงฆ์อยู่ก็ดี มีอยู่สักกี่แห่งกี่ราย

ก็ให้มาลุกะโทษเสียโดยตรง อย่าให้ปิดบังไว้ให้เนิ่นช้าเกิน 15 วัน จะโปรดยกโทษให้

ถ้ามีคดีเกี่ยวข้อง แลแกล้งปิดบังไว้ ไม่มาลุกะโทษ (หาก) มีปากโจทก์หรือผู้มาฟ้องร้องว่ากล่าว หรือกราบทูลพระกรุณาให้ขุ่นเคืองฝ่าละอองธุลีพระบาทก็ดี จะให้ปรับไหมมีโทษจงหนัก มีโทษเสมอกับคนที่เป็นปาราชิก

ทั้งชาววัดแลชาวบ้าน จะให้เสียรังวัดกึ่งผู้ผิด

ประกาศรัชกาลที่ 4 ฉบับนี้ จบเพียงเท่านี้...โทษเท่าผู้ปาราชิก ผมจำได้ระดับเดียวกับโทษขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง...ต้องเอาตัวไปตระเวนบก 3 วัน ตระเวนน้ำ 3 วัน แล้วเอาตัวไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง

กฎหมายนี้ ถ้าใช้ในสมัยนี้ ช้างมีมากแถวเมืองสุรินทร์ จุดขายให้คนไปเที่ยวสุรินทร์ คงเพิ่มจากไปดูการละเล่นช้าง...เป็นไปดูเนื้อตัวหน้าตา อรหอย ไฮโซ ไฮซ้อ ที่เป็นตะพุ่นหญ้าช้าง

คงน่ารักน่าชังนะครับ ถ้ามีให้ดูในยูทูบ คงมีคนคลิกเข้าไปดูกันเป็นแสนเป็นล้าน.


http://www.thairath.co.th/column/pol/chuckthong/354507
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #9029 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2556, 00:59:10 »

เข้ามาอ่านแล้ว
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #9030 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2556, 08:07:03 »

เรื่องทางโลกทางธรรม
ดูว่าช่วงนี้สับสนปนเปไปหมด

คนขี้ฉ้อในคราบพระก็มีให้เห็นบ่อยๆ
ญาติโยมก็เชื่อง่าย ไม่แยกแยะ...เฮ้อออออ..!!!


 เอิ่มม เอิ่มม
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #9031 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 07:03:01 »

เช้านี้ืที่จันทบุรีอากาศดีมากๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9032 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 10:15:06 »

เริง, หนุน

เมื่อวานนี้ไปให้คุณหมอส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ ที่ รพ.ศรีสวรรค์
เพลียมาก เพราะคุณหมอให้ยาสลบ ฟื้นมาพักผ่อนที่บ้าน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9033 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 10:32:59 »

ฝนลดน้อยลงกว่าเมื่อวานนี้
กทมงและปริมณฑลยังมีฝนร้อยละ 40 โดยตกจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก และตกช่วงบ่ายถึงค่ำ


พยากรณ์อากาศ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฏาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้จากทะเลจีนใต้พัดเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้
ด้านตะวันออกของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก จะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะยังคงมีฝนตกหนักได้บางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเล
อันดามันจะมีกำลังอ่อนลงในระยะ 1-2 วันนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย
บึงกาฬ เลย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์
อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก
ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากด้านตะวันตกไปตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9034 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 11:10:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 04 กรกฎาคม 2556, 10:15:06
เริง, หนุน

เมื่อวานนี้ไปให้คุณหมอส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ ที่ รพ.ศรีสวรรค์
เพลียมาก เพราะคุณหมอให้ยาสลบ ฟื้นมาพักผ่อนที่บ้าน



ผลการส่องกล้อง ไม่พบเนื้อร้ายทั้งที่กระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่
คุณหมอได้ตัดชิ้นเนื้อในกระเพาะ ไปตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยันด้วย

แต่คุณหมอพบว่า อาการป่วยน่าจะมาจากเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะที่สร้างกรดมากเกินปกติ
และมีผลทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น จนเกิดอาการจุกเสียด
และเมื่อกรดลงไปในลำไส้จะมีปฎิกริยากับด่างในลำไส้และน้ำดีจากตับ
จนเกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ซึ่งต้องให้ยารักษาอาการไปก่อน
จนกว่าผลพิสูจน์ทางแล็ปกลับมา จึงจะทราบชนิดของเชื้อแบคทีเรีย เพื่อเลือกใช้ยารักษาต่อไป


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9035 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 11:34:26 »

ฟัง นสพ.ฝ่ายรัฐบาลวิจารณ์เรื่องข้าว......

วันที่ 04 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์
ลึกๆกลับลำ"จำนำข้าว" (ตอน1)

ทวี มีเงิน

มติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งมีมติลดราคาจำนำข้าวไม่ทันไร ก็ต้องยอมเสียรังวัดกลับหลังหัน 360 องศา เมื่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มี "โต้ง"-กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นั่งเป็นประธานในที่ประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีมติให้กลับไปรับจำนำข้าวนาปรัง 2556 ในราคา 15,000 บาทต่อตัน จนสิ้นสุดฤดูกาล

พลันที่มติออกนึกสงสาร "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ที่ยอมลดราคาจำนำจาก 15,000 บาทต่อตัน เหลือ 12,000 บาทต่อตัน เพราะกระทรวงคลังยืนยันต้อง "รักษาวินัย" ไม่ทันไรรัฐมนตรีคลังกลับลำเสียเอง

เบื้องหน้าเบื้อง หลังการถ่ายทำ เริ่มปฏิบัติการทันทีที่มีการประกาศโผ ครม.ใหม่หมาดๆ โดย "ยรรยง พวงราช" รมช.พาณิชย์ใหม่ถอดด้าม เครื่องร้อนอาสาเป็นกาวใจหรือมีคำสั่งจากใครไม่รู้ให้ไป "ล็อบบี้" ตัวแทนชาวนาที่ร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่ง

ตัวแทนชาวนามีทั้ง "ประสิทธิ์ บุญเฉย" นายกสมาคมชาวนาไทย "วิเชียร พวงลำเจียก" เป็นตัวหลัก

ตัวแทนชาวนาที่อยู่ในวงล็อบบี้เล่าให้ฟังด้วยความขบขันว่า บรรยากาศเริ่มจาก "ยรรยง" เปิดฉากสาธยายถึงความจำเป็นยกแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมตัวแทนชาวนาให้เห็นใจ รัฐบาลที่ต้องปรับราคารับจำนำข้าวเหลือ 12,000 บาทต่อตัน มีเหตุผลหลายๆ อย่างทั้งมีปัญหาเงินไม่มี มีปัญหาขาดทุน วินัยการคลัง ข้าวขายไม่ได้ในตลาดโลก ปัญหาระบายข้าวไม่ได้

รวมถึงความ วิตกกังวลเครดิตประเทศ เพราะก่อนหน้านี้ทั้ง ไอเอ็มเอฟและมูดี้ส์ เคยเตือนมาแล้ว หากยังเดินหน้าต่ออาจจะถูกปรับลดเครดิตจะกระทบเงินกู้ได้ "ยรรยง" ยังย้ำว่าหากรัฐบาลไม่มีทางออกอื่นๆ ก็อาจจะต้อง "ยุบสภา"

ขณะ ที่ฝ่ายตัวแทนชาวนาก็โต้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของชาวนาแต่เวลาลดเงิน กลับไปลดในส่วนที่เป็นของชาวนา แต่ไม่ยอมลดต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ถือว่าไม่แฟร์ ตัวแทนชาวนาบอกว่าไม่เคยเรียกร้องว่าต้องได้ตันละ 15,000 บาท รัฐบาลเป็นฝ่ายให้เองหวัง "บลัฟ" การประกันราคาข้าวของประชาธิปัตย์ที่ประกาศจะเพิ่มอีก 25% จะมายกเลิกราคารับจำนำเดิม ตอนที่ชาวนาปลูกข้าวนาปรังไปแล้วต้นทุนทุกอย่างขึ้นหมด ชาวนาต้องขาดทุน หากไม่ได้ 15,000 บาท จะขนม็อบมาประท้วง

นี่คือที่มาที่ไปทำ ให้กขช.ที่ยอมกลืนน้ำลายให้รับซื้อข้าวจากชาวนาราคาเดิม จนสิ้นสุดฤดูการปลูกข้าวนาปรังปี 2556 ส่วนฤดูการผลิตใหม่ ค่อยว่ากันอีกที

เหตุผลลึกๆ ทำให้ กขช.ต้องกลับมติ ว่าต่อกันพรุ่งนี้

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9036 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 12:07:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 02 กรกฎาคม 2556, 07:51:32

สวัสดีครับพี่เหยงและพี่น้องทุกท่าน
ตามข่าว รัฐบาลกลับลำ ไปใช้ราคารับจำนำข้าวราคาเดิม
อย่างงี้เอา รำ ไปให้กินซะดีมั๊ย เอ๊ะหรือว่า รำ จะดีเกินไป ...??


 จ๊าากกก จ๊าากกก
ข้าว การเมือง ฉิบหาย
บทบรรณาธิการ                                                      2 July 2556 - 00:00

 นโยบายโครงการจำนำข้าว ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังนำประเทศที่มีฐานความมั่นคงอาหารอย่างข้าว เข้าสู่ภาวะวิกฤติ โดยการบริหารจัดการที่ล้มเหลว ที่ล่าสุดรัฐบาลกลับลำยืนราคาเดิม รับจำนำข้าวไว้ที่ราคา 1.5 หมื่นต่อตัน ถึงวันที่ 15 ก.ย. หลังจากที่ประสบสภาวะขาดทุนจนต้องประกาศปรับลดราคา จนนำมาสู่การเคลื่อนไหวตอบโต้ของกลุ่มชาวนาจากทั่วประทศ
    ขณะที่ฤดูกาลต่อไปนั้น รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนถึงราคา โดยกล่าวอ้างว่าจะมีการพิจารณาถึงความเหมาะสม และภาวการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ ราคาข้าวในตลาดโลก ฐานะการคลัง แนวทางการระบายข้าว อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งการพิจารณาทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้ข้อมูลในขณะนั้นว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร เพื่อให้ราคาสอดคล้องกับความน่าจะเป็น
    รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังเล่นการเมืองบนผลประโยชน์เรื่องข้าว ปั่นหัวชาวนาโดยใช้พวกเขาเป็นตัวประกันเพื่อสนองผลประโยชน์ของกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะความชั่วร้ายจากวิธีคิดเอาแต่ได้ ตกเขียวล่วงหน้าชาวนา เพื่อผลประโยชน์คะแนนเสียง ด้วยการมัดชาวนาไว้กับราคาข้าวตันละ 15,000 บาท
     หลักเกณฑ์ถูกปรับเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา โดยรัฐบาลแลกกับความเสียหายมหาศาลในระยะยาว ทั้งด้านความเชื่อมั่นและงบประมาณ ละเลยปัญหาใหญ่นั้นคือการกวาดล้างการทุจริตคอรัปชั่น ที่เป็นปัญหาใหญ่อย่างแท้จริง มากกว่าการพยายามปรับลดราคา การเร่งระบายข้าว และพัฒนาคุณภาพข้าว
    มาตรการสำคัญอย่าง ระบบบริหารจัดการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เน้นลดต้นทุนการผลิต เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้อย่างยั่งยืน ไม่เคยถูกกล่าวถึง หากเทียบประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเวียดนาม ที่วันนี้ผงาดแซงไทยขึ้นเป็นคู่แข่งสำคัญของอินเดียแทน
    โดยเฉพาะมาตรการสำคัญของประเทศเวียดนาม ที่น่าสนใจนั้นคือ 3 ลด 3 เพิ่ม คือ ลดปริมาณเมล็ดให้เหมาะสมต่อพื้นที่เพาะปลูก, ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และลดการใช้ยาปราบศัตรูพืช เพิ่มผลผลิต, เพิ่มคุณภาพ และเพิ่มกำไร ซึ่งจากนโยบายดังกล่าว ทำให้ชาวนาเวียดนามมีกำไรเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15-20   
    ขณะเดียวกัน ต้องจับตามาตรการโซนนิ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กำลังหาทางออกสำคัญวิกฤติข้าวเพื่อลอยตัวในอนาคต ด้วยการอ้างเหตุเพื่อจะมีการพัฒนาคุณภาพข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด จัดระบบการปลูกข้าวในพื้นที่ชลประทาน แต่ความจริงแล้ว คือการจำกัดไม่ให้ชาวนาปลูกข้าว ต้นเหตุจากความผิดพลาดนโยบายโครงการรับจำนำข้าวที่ทุจริตมโหฬาร ส่งผลให้ทำลายอู่ข้าวฐานการผลิตเลี้ยงชีวิตคนไทยให้ฉิบหายทั้งประเทศ!

http://www.thaipost.net/news/020713/75824
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9037 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 13:25:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 03 กรกฎาคม 2556, 08:07:03
เรื่องทางโลกทางธรรม
ดูว่าช่วงนี้สับสนปนเปไปหมด

คนขี้ฉ้อในคราบพระก็มีให้เห็นบ่อยๆ
ญาติโยมก็เชื่อง่าย ไม่แยกแยะ...เฮ้อออออ..!!!


 เอิ่มม เอิ่มม
เขตวัด สตรีห้ามเข้า

พระญี่ปุ่นบางนิกายมีเมียได้ครับ เมื่อไทยจัดงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ นิมนต์ท่านมาไม่ทันรู้ว่า ท่านต้องเอาเมียมานั่งข้างๆด้วย ต้องเจรจาสิ้นหลายกระแสความ...กว่าที่นั่งพระหลายๆประเทศที่นิมนต์มาจะลงตัว

แต่นิกายเซน ที่คนไทยคุ้นมากกว่า พระไม่มีเมีย บางสำนักยังมีกลิ่นอาย ไม่อยากให้ผู้หญิงเข้าใกล้

หนังสือปกหนาเล่มเล็ก “เล่านิทานเซน” (อ.อภิปัญโญ เล่า เขมานันทะ เขียนภาพฝีพู่กัน) นพ.จำนง ตัณฑิกุล กรุณาส่งมาให้ เรื่องที่ 3 ชื่อ พุทธศาสนาอย่างเซน ไม่มีผู้หญิง

สาวน้อยงามเป็นเลิศในปฐพีญี่ปุ่นคนหนึ่ง เกิด พ.ศ.2340 ชื่อโยเน็น เป็นบุตรสาวนักรบซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ นอกจากความงาม เธอได้รับการศึกษา ทั้งด้านเขียนภาพ บทกวี จนชื่อเสียงเลื่องลือ

อายุ 17 ปี องค์จักรพรรดิโปรดปราน เรียกเข้าไปรับใช้ใกล้ชิด ตำแหน่งท่านผู้หญิงสูงศักดิ์ในราชสำนัก ไม่เพียงทำให้เธอมีความสุขใจ ยังเผื่อแผ่ไปทำให้ครอบครัวมีหน้ามีตา

แล้ววันหนึ่ง...วันที่องค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ ลาภยศสุขสรรเสริญ ที่เธอเคยได้ ก็มลายหายไป ระหว่างความทุกข์โศก เธอใช้พื้นฐานจากการอ่านหนังสือ จึงพอรู้ว่าพระพุทธศาสนา สอนเรื่องเหล่านี้ไว้

แต่สอนอย่างไร ปฏิบัติตามแล้วเกิดผลประการใด...เธอไม่รู้ จึงประกาศจะทิ้งทางโลกเข้าวัด

แต่ทางครอบครัว...ขอร้องให้เธอแต่งงาน มีลูกสืบตระกูล 3 คน อายุ 25 ปี เธอก็โกนหัว หันหน้าเข้าวัด แต่ไม่มีวัดใดยอมรับ...สาวงามโยเน็น สงสัย เพราะเหตุใด

จาริกไปถึงเขตมณฑลอีโด เข้าไปกราบอาจารย์เทตสุยุ เจ้าสำนัก เมื่อเธอเงยหน้า ก็ได้ยินเสียงปฏิเสธลั่น “สำนักนี้รับเธอไว้ไม่ได้” “ทำไม หรือ” “เพราะเธอยังสาวนัก ยังสวยนัก ความสาวความสวย ไม่เป็นผลดีต่อคนส่วนใหญ่ในสำนัก”

เป็นความรู้ใหม่ แม่ชีโยเน็น อดีตสาวงามเพิ่งรู้ ความสาว ความสวย เป็นอุปสรรคสำคัญในเส้นทางธรรม...เหนื่อยล้าเต็มที แต่เธอก็ยังซมซานต่อไป ถึงสำนักเซนใหญ่...มีภิกษุ และแม่ชีจำนวนมาก พระอาจารย์ใหญ่ชื่อ ฮากูโอะ

เธอเริ่มมีความหวัง แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เลี่ยงเข้าไปดูลาดเลาทางแม่ชี

คืนนั้นโยเน็นนอนไม่หลับกังวลว่า เจ้าสำนักจะไม่ยอมรับ ยิ่งคิดเธอก็ร้องไห้ เหตุใดหนทางฝึกปฏิบัติธรรม...จึงตีบตันถึงเพียงนี้ นึกถึงคำอาจารย์เทตสุยุ “เธอสาวเกินไป เธอสวยเกินไป”

โยเน็นก็ตัดสินใจ เอาเหล็กเผาไฟมานาบเข้าที่หน้า ฉับพลันสาวงามกลายเป็นสาวอัปลักษณ์ ณ นาทีนั้น เธอก็เกิดแรงบันดาลใจ หยิบพู่กันมาเขียนบทกวี

“ครั้งเราสนองพระโอษฐ์ ในพระบรมจักรพรรดิ ณ วังหลวงอยู่นั้น เรามีแต่เผากำยานและของหอม อบร่ำพัตราภรณ์เพื่อให้สวมใส่ผ่องผิว

รมย์รื่นชื่นนาสา ครั้นมาบัดนี้เล่า ตกอยู่ในที่ยากไร้ ทั้งทรัพย์สิน ญาติพี่น้อง แลบ้านเรือนที่พักพิง

เราได้เผาเหมือนกัน แต่เผาผิวหน้าของตนเอง เพื่อขอเข้าศึกษาในสำนักเซน

เช้าวันรุ่งขึ้น โยเน็นได้เข้าไปหาหลวงพ่อ ทุกอย่างผิดคาด หลวงพ่อรับเข้าสำนัก ทั้งยังตำหนิการที่เธอเผาหน้า

“เซนที่แท้จริง ไม่มีความเป็นผู้หญิงผู้ชาย ความเป็นหญิงเป็นชายนั้น มีทีหลังการปฏิสนธิในครรภ์มารดา แต่จิตแท้ๆนั้น มันก่อนการมาได้ชาติความเกิดนั่นเสียอีก

ความคิดไปว่าตนเป็นเพศนั้นเพศนี้ ยังเป็นมายา สัตว์ทั้งหลายถูกกักขังอยู่ด้วยเรื่องนี้”

โยเน็นฟังคำท่านเจ้าสำนักแล้ว ก็...ซาโตริ บรรลุธรรมพื้นฐาน เพียรฝึกปฏิบัติอยู่ในสำนักอาจารย์อีก 13 ปี ก็แยกตัวไปเป็นเจ้าสำนักชีอยู่ที่ภูเขาเขตจังหวัดบันชู มีชื่อเสียงโด่งดัง มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เธอตายเมื่ออายุ 66 ปี

นี่คือประวัติเจ้าสำนักชี พุทธศาสนาแบบเซน ที่สอนว่า ผู้หญิงสวยนั้น บางมิติก็เป็นที่รังเกียจของผู้แสวงหาโมกขธรรม แต่หากมองทะลุมิติไปได้ ไม่ติดมายาภาพหญิงชาย จึงจะถือว่า ได้บรรลุธรรม...เข้าถึงความสุขสงบเย็นที่เป็นจริง

แต่พระส่วนใหญ่ ผ่านไม่พ้นมิติผู้หญิงสวย มักจะติดหนึบอยู่กับผู้หญิงสวย...สึกหาลาเพศไปรูปแล้วรูปเล่า พระไทยพรรษาอ่อนก็ไม่เว้น กระทั่งพระญี่ปุ่นพรรษา 38...ก็ไม่เว้น

อย่าว่าแต่พระเซนท่านจะกลัวผู้หญิง พระต้นแบบในสมัยพุทธกาล อย่างพระอานนท์ ท่านก็ยังกลัวผู้หญิง ทูลถามวิธีปฏิบัติ พระพุทธเจ้าทรงแนะไว้ว่า เจอผู้หญิงก็อย่ามอง ถ้าต้องมองก็อย่าพูด แต่ถ้าจำเป็นต้องพูด ก็ต้องมีสติ

สำหรับพระ ผู้หญิง (สวย) เป็นอันตราย เผลอสติพูดด้วย

เมื่อไร เป็นเสร็จผู้หญิงทุกที.


กิเลน ประลองเชิง
http://www.thairath.co.th/column/pol/chuckthong/354932
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9038 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 15:07:05 »

เรื่องโจ๊ก..ที่ต้องระวังเช่นกัน ??!!!

นักข่าวยอมเจ็บลูกหมากแทบตาย เพื่อแฉเล่ห์ฟอนเฟะ 3 รพ.เอกชนในปักกิ่ง
4 กรกฎาคม 2556 11:52 น.


หมอซ่ง ในโรงพยาบาลเป่ยจิงจิงถาน ผู้วินิจฉัยนักข่าวว่าเป็นสารพัดโรค (ภาพตัดจากพีเพิลเดลี)

          เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักข่าวสายลับคนหนึ่งได้พิมพ์รายงานเผยแพร่กลเล่ห์เพทุบายของโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่งในจีน หลังจากเข้าตรวจโรค เขาต้องทนเจ็บปวดสุดขีดจากการตรวจต่อมลูกหมาก และยังได้รับการวินิจฉัยที่ผิด ๆ จากหมอเอกชนว่า เขาเป็นสารพัดโรค
      
      นักข่าวคนนี้วัย 27 ปี สังกัดเป่ยจิงนิวส์ ได้เดินทางไปตรวจโรคยังโรงพยาลเอกชน 3 แห่งในช่วงวันที่ 19-21 มิ.ย. และได้เขียนรายงานข่าวขึ้น (1 ก.ค.) ระบุว่า โรงพยาบาลแห่งแรกคือ โรงพยาบาลเป่ยจิงถงจี้ ซึ่งนายแพทย์แซ่เผิง ได้โก่งราคาค่าตรวจโรคสูงถึง 561หยวน สำหรับการตรวจเลือดอย่างเข้มข้น ต่อมานักข่าวได้ขอต่อรองราคาลดลงมาอยู่ที่ 161 หยวน สำหรับการตรวจแบบธรรมดา อันประกอบด้วย ตรวจปัสสาวะ และตรวจต่อมลูกหมาก นักข่าวบอกว่า เจ็บเข้าไปในกระดองใจ
      
       "ผมไม่เห็นว่าโรงพยาบาลใช้ยาฆ่าเชื้อใด ๆ ระหว่างการตรวจ ไม่มีแม้แต่น้ำมันหล่อลื่น ทันทีที่เริ่มการตรวจ ทวารหนักก็เจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่ถูก"
      
       ... หลังจากการตรวจเสร็จสิ้น นายแพทย์เผิงก็บอกกับนักข่าวคนนี้ว่า ทวารหนักของเขาอักเสบอย่างรุนแรง และต้องทำการตรวจเลือดและตรวจผ่านระบบอุลตราซาวด์
      
       ....ทว่านักข่าวปฏิเสธ
      
       โรงพยาบาลแห่งที่สองคือ โรงพยาบาลเป่ยจิงซู่กวง ซึ่งนักข่าวบอกว่า ในระหว่างการตรวจต่อมลูกหมาก เจ็บปวดเกินจะทนไหว เจ็บกว่าโรงพยาบาลแรก ซึ่งแพทย์ที่ทำการตรวจแซ่หลิว ได้ใช้พละกำลังแบบเต็มพิกัด พร้อมกับบอกว่า คุณนักข่าวต้องจ่ายค่าตรวจ 370 หยวน เพื่อดูผลการตรวจโรค และที่นี่นักข่าวก็ถูกคะยั้นคะยอให้ตรวจเลือดและอุลตราซาวด์เหมือนกันทุกประการ

      
       ขณะที่นักข่าวปฏิเสธการตรวจขั้นต่อไป นายแพทย์หลิวก็โน้มน้าวว่า "คุณมาตรวจที่โรงพยาบาลเรา เราก็ได้จัดการตรวจให้อย่างเหมาะสม แล้วทำไมคุณคิดว่าไม่จำเป็นจำต้องตรวจเพิ่ม"
      
       ท้ายที่สุด แพทย์หลิวก็บอกนักข่าวว่า ต่อมลูกหมากอักเสบ ท่อปัสสาวะผิดปรกติ และหนังหุ้มปลายองคชาติเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียอย่างดี แพทย์หลิวแนะนำให้เขาทำการขริบ ซึ่งกระบวนการจะเสร็จสิ้นภายใน 20 นาที ทว่าราคาค่างวดอยู่ที่หลายพันหยวน
      
       ในตอนจบ แพทย์หลิวก็แนะนำด้วยการสั่งจ่ายยาแทนการขริบ หลังจากนักข่าวบอกไปว่าเขานำเงินมาไม่พอ และต้องการจ่ายด้วยบัตรเครดิต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกลับแนะนำว่า โทรเรียกญาติมาให้สำรองจ่ายไปก่อน
      
       โรงพยาบาลเป่ยจิงจิงถาน เป็นสถานที่ที่สามที่นักข่าวได้ไปลองตรวจ นักข่าวต้องทนเจ็บอีกครั้งกับการทำความสะอาดท่อปัสสาวะ ผลก็คือ เจ็บกล่องดวงใจไป 3 วันทุกครั้งที่ปัสสาวะ คุณหมอที่รับหน้าที่ตรวจนามว่าแพทย์ซ่ง บอกผลการตรวจว่า "คุณนักข่าวติดเชื้อรา ท่อปัสสาวะอักเสบและมีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวอันตรายปนอยู่ในน้ำปัสสาวะ" และอีกครั้งที่นักข่าวได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการรักษาด้วยราคาแสนแพง ครั้นเมื่อนักข่าวถามว่ามีช่องทางอื่นไหม คุณหมอก็บอกว่า "อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า"
      
       นักข่าวเดินทางกลับไปยังโรงพยาบาลเป่ยจิงจิงถาน อีกครั้งเพื่อดูผลการตรวจ แพทย์ซ่งก็บอกว่า เขาติดเชื้อไมโครพลาสมา ชนิด genitalium ซึ่งทำให้เกิดโรคระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ หมอบอกว่าต้องรักษาด่วนใช้เวลาอย่างต่ำ 20 วัน ส่วนเงินค่ารักษาไม่ต้องพูดถึง สูงหลายพันดอลลาร์สหรัฐ
      
       หลังจากเดินทางเข้ารับการตรวจโรคจาก 3 โรงพยาบาลเอกชนชุ่มใจแล้ว นักข่าวก็ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลรัฐบาล ได้แก่ โรงพยาบาลเป่ยจิงถงเหริน และโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น เพื่อดูให้แน่ชัดว่า เขามีโรคเหล่านี้จริงหรือไม่ ระหว่างการตรวจต่อมลูกหมากและปัสสาวะนักข่าวบอกว่าเจ็บปวดน้อยกว่ามาก ผลก็คือไม่พบอาการที่ผิดปรกติแต่ประการใด ขณะเดียวกันราคาก็ถูกกว่ามาก รพ.เป่ยจิงถงเหรินคิดราคา 126 หยวน ส่วน รพ. มิตรภาพฯ อยู่ที่ 192 หยวน เท่านั้น
      
       นายแพทย์แซ่หวัง ของโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น บอกกับนักข่าวว่า "คุณไม่มีปัญหาหนักหนาอะไร มีเพียงปัญญาเล็กน้อยเรื่องเซลล์เม็ดเลือดขาวมีปริมาณสูงไปหน่อย และคุณไม่มีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากอักเสบ"
      
       หมอหวังยังบอกว่า หากว่าคุณนักข่าวติดเชื้อไมโครพลาสมา ซึ่งก็ถือเป็นปรกติที่มีการติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ทว่าการรักษาค่ายาอยู่ที่ประมาณ 200 หยวน และใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียว
      
       ...แพทย์ รพ.เอกชนเริ่มลังเล หลังจากที่ผลการตรวจโรคของนักข่าวที่โรงพยาบาลรัฐวางกองอยู่ตรงหน้า
      
       "รพ.ถงเหรินแม้ว่าจะมีชื่อเสียง แต่รพ.ของเรา (เป่ยจิงจิงถาน) ก็มีผู้เชี่ยวชาญไม่ด้อยกว่ากัน" หมอซ่งออกมาโต้ หลังจากที่นักข่าวนำคำวินิจฉัยกลับไปยัน "หมอที่ถงเหรินตรวจให้คุณแบบลวก ๆ มีเพียงการตรวจแบบโอเวอร์ (ของเราที่นี่) เท่านั้นที่จะทำให้สามารถค้นพบโรคที่แฝงอยู่ได้"
      
       อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์หาเงินของโรงพยาบาลเอกชนในจีนก็เป็นที่เลื่องลือมานาน ก่อนหน้านี้ ก็มีนักข่าวออกมาเปิดเผยโรงพยาบาลในสือเจียจวง เสิ่นหยัง และฉังชุน ใช้ถ้วยชาเขียวแทนพลาสติกเก็บตัวอย่างปัสสาวะ ไม่มีแพทย์แม้แต่คนเดียวออกมายอมรับกลเล่ห์เหล่านี้ หมอแต่ละคนก็ทำการวิฉิจฉัยแบบผิดพลาด ให้โรคปลอมแก่ผู้ป่วย ซินโจวเดลีรายงาน โรงพยาบาลเอกชนเหล่านี้มีแต่ขอบคุณโรงพยาบาลรัฐที่คนแออัดเป็นปลากระป๋อง ทำให้คนรวยพอมีทรัพย์เลือก รพ. เอกชน เมื่อเนื้อกำลังจะเข้าปาก ก็ขอโก่งราคาด้วยการบอกว่าเป็นโรคนั้นโรคนี้สารพัด
      
       ชาวเน็ตขอบคุณรายงานของนักข่าวที่เล่าสู่กันฟัง เปิดหูเปิดตาประชาชีว่า รพ.เอกชนหลายแห่งก็เชื่อถือไม่ได้
      
       "อุตสาหกรรมสุขภาพ ไม่เคยมีคำว่าจริยธรรม" บล็อกเกอร์รายหนึ่งเขียนในเวยปั๋ว
[/size]
จาก http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000081187

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9039 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 15:19:54 »

ปัจจัยลบรุมกระหน่ำ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
4 กรกฎาคม 2556 13:55 น.

       ปัจจัยลบรุมเร้า ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 คาดยังชะลอตัวต่อเนื่อง เหตุคนกังวลปัญหาการเมือง เศรษฐกิจโลก และอำนาจซื้อหดตัว แนะรัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในด่วน
       
       นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. 2556 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันเพราะมีปัจจัยลบหลายอย่างบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. 2556 อยู่ที่ระดับ 81.6 ลดจากเดือน พ.ค. ที่ 82.5 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 64 ลดลงจาก 65 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 87.3 ลดลงจาก 88.3 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 71.8 ลดจาก 72.8 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 73.5 ลดจาก 74.4 ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 99.3 ลดจาก 100.4 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ดัชนีมีค่าต่ำกว่าระดับที่ 100
       
       สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงมีปัจจัยลบจากการที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้เหลือ 4.5% จากเดิม 5.3% ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับเรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ให้ทำประชาพิจารณ์และทำรายงานสิ่งแวดล้อม รัฐบาลลดราคาจำนำข้าวเหลือตันละ 1.2 หมื่นบาทในช่วงที่ทำการสำรวจ ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลง และการส่งออกลดลง ราคาน้ำมันสูงขึ้น กังวลเงินบาทแข็งค่า ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาภาคใต้ และค่าครองชีพสูง
       
       ทั้งนี้ ศูนย์ฯ คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ในช่วงขาลงไปจนถึงไตรมาส 3 เพราะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น และยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองในประเทศ เศรษฐกิจโลก ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อให้ประชาชนมีอำนาจซื้อ ซึ่งการชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ไปจนถึงเดือน ก.ย.นี้จะทำให้ไม่เกิดผลลบทางจิตวิทยาต่อผู้บริโภค และต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างอยู่โดยเร็วเพื่อช่วยพยุงการจ้างงาน รวมถึงต้องสนับสนุนการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ยังคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 4-4.5% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 5%


จาก http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000081455
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9040 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 17:47:10 »

ข่าวมงคลครับ....

"ในหลวง" เสด็จฯบางปู ทอดพระเนตรเรื่องน้ำ

updated: 04 ก.ค. 2556 เวลา 16:38:54 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 4 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเสด็จลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช ฉลองพระองค์สูทสีส้ม ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ พระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการในพระราชดำริ ณ วัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ หลังจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานตากอากาศบางปูเพื่อทอดพระเนตรเรื่องน้ำ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1372930816
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9041 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2556, 21:07:44 »

นครสวรรค์เมื่อหัวค่ำ เมฆมืด ฟ้าร้องเป็นระยะๆ  แล้วเงียบหายไปพักใหญ่ๆ

เพิ่มจะมีฝนปรอยๆ ลงมาเล็กน้อยครับ

คาดว่าพอให้ใบไม้ต้องต้นพืชได้รับน้ำพอที่จะสู้แดดในวันพรุ่งนี้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9042 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556, 08:42:36 »

ฝนในฝั่งทะเลอันดามันมีร้อยละ 70 ในขณะที่พังงาเกิดน้ำท่วม
โดยฝนทั่วประเทศ ตกกระจายอยู่ที่ร้อยละ 40 ขิงพื้นที่
กทม.และปริมณฑลมีฝนตกบ่ายถึงค่ำ และจากฝั่งตะวันตกไปทางทิศตะวันออก


พยกรณ์อากาศ ประจำวันศุกร์ที่ 5 กรกฏาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้จากทะเลจีนใต้พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ตอนบนของประเทศยังคงมีฝนต่อไป และบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก
มีฝนตกหนักได้บางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลงในระยะ
1-2 วันนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และตาก
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และบุรีรัมย์
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์
อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก
ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากด้านตะวันตกไปตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9043 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556, 10:39:19 »

กฎหมายกับกลไกตลาด โดย วีรพงษ์ รามางกูร
วันที่ 04 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23:01:22 น.

(ที่มา:มติชนรายวัน 4 ก.ค.2556)

ข่าวการจับกุมโรงสีที่เข้าโครงการรับจำนำข้าวมีให้อ่านให้ฟังทุกวัน จนเป็นเรื่องปกติ ทำให้นึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่ถูกนำมาเล่าให้พวกเราฟังในงานสัมมนาวิชาการ

เมื่อปี 2515 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ได้จัดสัมมนาวิชาการที่สวนสามพราน เป็นการสัมมนาร่วมกันของนักวิชาการหลายสาขาทางสังคมศาสตร์ เช่น รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยาและนิติศาสตร์ เป็นต้น ผู้แสดงปาฐกถานำคือ ดร.โยฮัน เกาตุง นักวิชาการสังคมศาสตร์ชื่อดังก้องโลก ชาวดัตช์ ดร.เกาตุง อารัมภบทในปาฐกถานำของท่านว่า

นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เช่น นักฟิสิกส์ นักเคมี หรือนักชีววิทยา เปรียบเสมือนคนที่อยู่ในห้อง เปิดไฟสว่าง แล้วโยนแมวให้ไล่จับ สักพักก็ชูแมวในมือว่าจับได้แล้ว

นักเศรษฐศาสตร์เหมือนคนที่อยู่ในห้องมืดสนิทแล้วโยนแมวดำให้จับ ไล่จับอยู่ทั้งวันก็จับไม่ได้ยอมแพ้รับว่าจับแมวไม่ได้ ถ้าจะจับให้ได้ต้องสมมุติว่าแมวเป็นสีขาวแล้วก็เชื่องด้วย ใช้เสียงเรียกก็เข้ามาหา

นักรัฐศาสตร์รวมทั้งนักการเมืองเหมือนคนที่ถูกปิดตาอยู่ในห้องมืด พยายามไล่จับแมวดำในห้องมืดไล่จับอยู่สักพักใหญ่ก็ร้องบอกว่า จับได้แล้ว คนอยู่นอกห้องร้องบอกสวนไปว่า ยังไม่ได้โยนแมวเข้าไปในห้องเลย

ส่วนนักกฎหมายก็เช่นเดียวกัน ให้ไล่จับแมวดำในห้องมืดสนิทอยู่สักพักก็ร้องบอกให้เปิดไฟ นึกออกได้แล้วว่ามามัวไล่จับอยู่ทำไม เดี๋ยวจะออกกฎหมายให้แมวมามอบตัว

นิทานทั้ง 4 เรื่องนี้พวกเราเอามาเล่าล้อเลียนระหว่างเพื่อนฝูงที่ต่างวิชาชีพกันอยู่เสมอตลอด 40 ปี ที่ผ่านมา

เมื่ออ่านข่าวว่าโรงสีโกงรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าว รับจำนำมันสำปะหลัง และอื่นๆ ทำให้นึกถึงนิทานของ ดร.โยฮัน เกาตุง ขึ้นมาทันที เพราะรัฐบาลกำลังบังคับใช้กฎหมายกับกลไกตลาด หรือกลไกเศรษฐกิจ

กลไกตลาดหรือพลังตลาดนั้นเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าเป็นพลังที่ขัดขืนได้ยาก เกิดจากความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ส่วนใหญ่ในระบบเศรษฐกิจ คือความโลภ ถ้ามนุษย์ไม่มีความโลภ ไม่มีความอยากได้ ไม่ต้องการอยากรวยแล้ว วิชาเศรษฐศาสตร์ก็ไม่มีความจำเป็น

ความอยากได้เพื่อสนองกิเลสและความอยากร่ำรวย ทำให้เกิดการบริโภค จับจ่ายซื้อขาย การผลิตและการเสนอขาย พลังทั้งสองมาพบกันก็ก่อให้เกิดการซื้อการขาย เกิดตลาด เกิดราคาซื้อราคาขาย ราคาจะขึ้นจะลงตามสภาพของพลังซื้อและพลังขาย ในระยะยาวราคาจะเป็นกลไกที่ทำให้ความต้องการซื้อและการใช้สอย ความต้องการขายและการผลิต มีปริมาณใกล้เคียงกัน จนไม่มีสินค้าคงเหลือในสต๊อกเกินความจำเป็น กลไกตลาดทำหน้าที่อย่างนั้นบนพื้นฐานของการแสวงหาผลประโยชน์ของมนุษย์ เป็นของธรรมดา เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ใช่ความชั่วร้ายอะไร แต่เป็นตัวทำให้โลกมนุษย์มีความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ

สมัยหนึ่งคอมมิวนิสต์คิดว่าการปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจดำเนินไปตามกลไกตลาดเป็นสิ่งชั่วร้าย ทำให้คนรวยรวยยิ่งขึ้น คนจนยิ่งจนลง กลุ่มคนรวยก็เข้ากุมอำนาจทางการเมือง ใช้กลไกทางกฎหมายกดขี่คนจน จึงยกเลิกกลไกตลาด ใช้กลไก "รัฐ" เข้าจัดการตลาด จัดการระบบเศรษฐกิจเสียเอง จัดการผลิตเอง ตั้งราคาสินค้าและบริการเสียเอง ในที่สุดก็ไปไม่รอด เกิดตลาดมืดไม่มีใครอยากทำงาน สินค้าขาดตลาดต้องปันส่วน เศรษฐกิจล้าหลังไม่เจริญก้าวหน้า ระบบคอมมิวนิสต์จึงล่มสลายหลังจากใช้มานานกว่า 70 ปี ในระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ กลไกตลาดก็ยังทำงานแต่ทำงานอยู่ใต้ดิน อยู่ในที่มืด แม้จะใช้อำนาจรัฐเข้าบังคับจับกุมลงโทษ หรือล้างสมองทางอุดมการณ์ ก็ไม่สำเร็จ มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่นั่นเอง

สำหรับสินค้าเกษตรแม้จะเป็นสินค้าเก่าแก่คู่โลกมานานกว่าสินค้าอื่นๆ ขณะเดียวกันก็เป็นสินค้าการเมืองด้วย เพราะเกี่ยวกับคนจำนวนมากในฐานะผู้บริโภคและผู้ผลิตสำหรับประเทศกำลังพัฒนา สำหรับประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ที่ค่าแรงและความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่ในระดับที่สูงจนไม่สามารถทำการเกษตรได้ เพราะราคาตลาดโลกต่ำเกินไป ผู้คนจึงออกจากตลาดเกษตรกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าปล่อยไปเช่นนั้นก็จะไม่เหลือเกษตรกรเลย รัฐบาลจึงเข้ามาจัดการด้วยหลักการว่า ผลิตเท่าที่จะต้องบริโภคภายในประเทศเท่านั้น ถ้าจะส่งออกก็จำกัดจำนวน เพียงเพื่อให้คงจำนวนเกษตรกรเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมดเอาไว้ โดยจำกัดเนื้อที่และแบ่งโซนการผลิตสำหรับสินค้าเกษตรแต่ละชนิด แล้วรัฐบาลตั้งราคาให้สูงห้ามการนำเข้าหรือถ้าจะมีการนำเข้าก็มีโควต้าการนำเข้า ไม่สนับสนุนการค้าเสรีในองค์การการค้าโลก หรือในสัญญาเขตการค้าเสรี ตั้งงบประมาณชดเชยอย่างจำกัดแค่ให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับภาระชดเชยเกษตรกร เกษตรกรซึ่งมีเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์ ของกำลังแรงงานทั้งหมดจึงมีฐานะดีกว่าคนในเมือง

แต่คนในเมืองจะเอาเงินไปซื้อที่ดิน ก็เพื่อที่จะสวมสิทธิเกษตรกรเก่าเท่านั้น ถ้าเขายอม แต่เขาคงจะไม่ยอม เมื่อแก่เฒ่าก็จะยกที่ดินให้ลูกหลานมากกว่า ยกเว้นไม่มีลูกหลานก็จะขายสิทธิของตัวไป

สำหรับประเทศกำลังพัฒนาและกึ่งพัฒนาที่ยังมีประชากรภาคเกษตรในสัดส่วนที่สูงถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งหมด ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการยังไม่สามารถดึงคนออกจากภาคเกษตรได้เกือบหมดอย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว การจะดึงเอาทรัพยากรการเงินจากภาคเหล่านี้ไปอุดหนุนเกษตรกรจำนวนมาก แต่มีผลิตผลเพียง10-15เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ คงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ถ้าขืนทำไปก็จะเป็นอันตรายต่อฐานะการคลัง ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง ยิ่งเป็นผู้ส่งออกด้วยแล้วยิ่งทำไม่ได้ใหญ่ เท่ากับไปชดเชยผู้นำเข้า

นอกจากนั้นผลผลิตทางการเกษตรรวมทั้งปศุสัตว์ เช่น ไก่ หมู หรือการประมง กุ้ง ปลา ขนาดตลาดภายในก็ไม่ใหญ่พอที่จะรองรับผลผลิตได้ทั้งหมด ต้องอาศัยตลาดต่างประเทศ ซึ่งเราไม่ได้เป็นผู้ตั้งราคา ราคาในตลาดต่างประเทศก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและผลผลิตทั่วโลก ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับฝนฟ้าอากาศและนโยบายของประเทศนำเข้ารายใหญ่รวมทั้งผลผลิตของสินค้าที่ทดแทนกันได้ ในตลาดใหญ่ๆ อย่างจีน อินเดีย ข้าวสาลีกับข้าวทดแทนกันได้ เนื้อสุกรก็แทนเนื้อไก่ได้ ปลาก็คงจะแทนกุ้งได้ เป็นต้น ไม่มีประเทศใดจะกำหนดราคาตลาดโลกได้ แม้จะลดปริมาณการส่งออกของตนลง

เคยมีคนพยายามจัดตั้ง "มูลภัณฑ์กันชน" หรือ "buffer stock" โดยผู้ผลิตรวมหัวกันเก็บสต๊อก ลดปริมาณการส่งออกเพื่อดึงราคาตลาดโลก อย่างเดียวกับที่โอเปคเคยทำโดยจำกัดโควต้าการผลิต เช่น มูลภัณฑ์กันชน ยางพารา กาแฟ โกโก้ และข้าว ก็ไม่มีทางสำเร็จได้ เสียเวลาประชุมกันเปล่าๆ

ขณะเดียวกันผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าจะรวมตัวกันซื้อเพื่อกดราคาก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าตนไม่ซื้อก็จะมีคนอื่นซื้อ ถ้าห้ามซื้อขายเลยก็จะเกิดตลาดมืด ตลาดใต้ดิน

ยิ่งมีระบบราชการที่ไม่เข้มแข็ง ไม่มีประสิทธิภาพ เงินเดือนต่ำ ไม่ซื่อตรง มีเส้นทางชายแดนที่ไม่อาจจะตรวจตราได้ทั่วถึง การลักลอบนำเข้าและส่งออกยิ่งควบคุมไม่ได้ ขนาดอเมริกายังควบคุมการลักลอบนำเข้าข้าวโพดจากเม็กซิโกไม่ได้ มาเลเซียควบคุมกองทัพมดลักลอบนำเข้าข้าวจากไทยไม่ได้ อินโดนีเซียก็ควบคุมเรือประมงขนาดเล็กลักลอบนำเข้าข้าวคุณภาพดีจากไทยไม่ได้ เราเองก็ควบคุมการค้าชายแดนไม่ได้

อำนาจรัฐสู้อำนาจกลไกตลาดไม่ได้ อย่าคิดทำเลย วุ่นวายอย่างเป็นข่าวเปล่าๆ ชาวไร่ ชาวนาได้ไม่คุ้มกับภาษีอากรที่เสีย ไม่คุ้มกับความเสียหายของประเทศชาติ ในระยะยาวก็เป็นผลเสียหายต่อชาวไร่ชาวนาเอง

นโยบายการเมืองใช้กับเศรษฐกิจนานๆ ไม่ได้หรอก

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1372934704&grpid=01&catid=&subcatid=
 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9044 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556, 10:43:08 »

เหมือนหรือต่าง รัฐประหารอียิปต์กับปฏิวัติไทย
วันที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08:17:23 น.

ภาพการจุดพลุแสดงความยินดี กับการรัฐประหาร โค่นประธานาธิบดีมอร์ซี แห่งอียิปต์ แพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลสะเทือนไปยังประเทศต่างๆ แม้แต่ประเทศไทย ที่ยังมีเสียงเพรียกหาการรัฐประหารอยู่ไม่ขาดสาย

การรัฐประหารล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่อียิปต์ก่อให้เกิดการถกเถียงในแวดวงต่างๆ เพราะหลักการประชาธิปไตย ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงด้วยการรัฐประหาร ขณะที่ประชาชนในอียิปต์ เห็นว่ารัฐบาลอียิปต์เอง กำลังนำประเทศย้อนกลับไปเป็นรัฐอิสลาม ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสิทธิเสรีภาพ

การจุดพลุดอกไม้ไฟแสดงความยินดีของชางอียิปต์ ทำให้บางคนนึกเปรียบเทียบกับการรัฐประหารไทย 2549 ที่มีประชาชนบางส่วนออกมามอบดอกไม้

การรัฐประหารในอียิปต์ และไทยแตกต่างกันมาก ทั้งพื้นฐานความจริง และเหตุผล

"ใบตองแห้ง"คอลัมนิสต์ออนไลน์ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วน มีเนื้อหาและมุมมองน่าสนใจ ขออนุญาตนำมาถ่ายทอดบางส่วนบางตอนดังนี้
 
"...... ข้อถกเถียงที่หาคำตอบโคตรยากส์เลย ว่ารัฐประหารในอียิปต์ (ใช้คำว่าถูกหรือผิด อาจง่ายไป) จำเป็นหรือไม่"

ตอบยากจริงๆ แม้โน้มเอียงไปด้านเห็นว่ายังไง รัฐประหารก็ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง (และเดี๋ยวก็จะเจอทางตันอยู่ดี)

ตอบอย่างมนุษย์ธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องเป็นวิชาการ ถ้าผม (ในตัวตนเช่นนี้) เป็นคนอียิปต์ ผมก็คงอยู่ฝ่ายต่อต้านมอร์ซี เพราะผมเป็นเสรีนิยม แต่มอร์ซีเป็นพวกอนุรักษ์นิยมที่อ้างศาสนาลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ใช้ความรุนแรงกับคนต่างนิกาย มาจากประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งแต่ใช้อำนาจไม่ต่างเผด็จการ
  

ตอบอย่างเป็นมนุษย์ธรรมดา ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียด มีทั้งฝ่ายหนุนฝ่ายต้านรัฐบาล เกิดความรุนแรงต่อเนื่อง เมื่อมีรัฐประหารถ้าผมเป็นคนอียิปต์(แล้วอยู่ฝ่ายต่อต้านมอร์ซี) ผมก็คง "โล่งใจ"
  
อ้าว พูดอย่างนี้ก็ไม่ต่างจากพวกเชียร์รัฐประหาร 19 กย 2549 ต่างสิครับ อย่าลืมว่ารัฐประหาร 2549 เกิดทั้งๆที่จะเลือกตั้งใหม่อยู่แล้ว โมเมกันมาให้เลือกตั้ง 2 เมษาเป็นโมฆะ ก็หยวนๆ เอ้า กกต.ใหม่ก็เลือกแล้ว กำลังจะประกาศวันเลือกตั้ง จู่ๆ พธม.ก็นัดชุมนุม แล้วกองทัพก็ฉวยโอกาสอ้างว่าจะเกิดความรุนแรง ทำรัฐประหารทั้งที่ไม่มีอะไรซักหน่อย
  
คือสมมติทักษิณโวยวายไม่ยอมรับการเลือกตั้งใหม่ ระดมมวลชน ยกพลเข้ากรุงมาปะทะพันธมิตร สั่งตำรวจเข้าสลายม็อบ มีคนตายมากมายวุ่นวายไปทั่วแล้วเกิดรัฐประหาร ผมก็คงบอกว่า "โล่งใจ" แม้เห็นว่าไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องแต่ก็คงอ้าปากคัดค้านได้ยากส์

แต่นี่แม่-ไม่มีไรเลย แค่กลัวว่าเลือกตั้งใหม่ ทรท.ก็ชนะอีก ทั้งๆ ที่กระแสตอนนั้นก็อาจบีบทักษิณให้เว้นวรรคไม่เป็นนายกฯ และชนะก็ไม่ถล่มทลาย เพราะคะแนนนิยมเริ่มตก คนไป Vote No เยอะแยะ

ทักษิณเป็นอำนาจนิยม แต่ไม่ถึงขั้นไล่ฆ่าคนเห็นต่าง ไม่ใช่ยุคเผ่า ศรียานนท์ ซึ่งตอบแบบมนุษย์ธรรมดา คนที่กลัวโดนตำรวจยุคอัศวินผยองอุ้ม ย่อมดีใจเมื่อสฤษดิ์รัฐประหาร (แต่ก็ถูกสฤษดิ์จับขังลืมในเวลาต่อมา)

ยิ่งเมื่อเกิดม็อบพันธมิตร รัฐบาลยิ่งระมัดระวังความรุนแรง ตรงกันข้าม พวกม็อบต่างหาก   จำได้ไหมบุกทำเนียบวันเด็กแล้วเอาหัวโขกเก้าอี้จะกล่าวหาว่าตำรวจทุบตี (คนเดียวกันที่หาว่าตำรวจตีตอนไปตะโกนด่าทักษิณ)

ทักษิณเป็นอำนาจนิยมในการบริหาร พัฒนาประเทศแบบทักษิโณมิคส์ไม่ฟังใคร พวกต่อต้านทุนนิยมโลกาภิวัตน์ไม่พอใจกลัวประเทศ "หายนะ" ซึ่งก็ไม่ใช่ผมเห็นด้วยกับทักษิโณมิคส์ แต่นั่นไม่ใช่เหตุเพียงพอที่จะรัฐประหาร มันยังสร้างพลังต่อรองได้ในกระบวนการประชาธิปไตย
  

กรณีอียิปต์ตอบยากส์ เพราะขั้วจารีตนิยมดันมาจากการเลือกตั้ง แต่ทหารอียิปต์กลับไม่ผูกติดจารีตนิยมเป็นอำนาจสูงสุด

ทหารอียิปต์หลังนัสเซอร์ปฏิวัติล้มระบอบกษัตริย์เมื่อ 60 ปีที่แล้ว ก็ไม่เคยเข้ามายึดอำนาจอีก กองทัพอียิปต์ดูเหมือนจะ "ก้าวหน้า" กว่าสังคมอียิปต์ จึงไม่แปลกที่คนอียิปต์มีทัศนะที่ดีต่อทหาร เชื่อว่าเข้ามายุติความวุ่นวายชั่วขณะแล้วจะถอยกลับเข้ารั้ว (แต่ไม่ว่าทางทฤษฎี หรือในความเป็นจริงก็ตาม ทหารอียิปต์เข้ามาแล้วถอยยาก ถอยไปไหน เลือกตั้งใหม่พวกศาสนานิยมก็ชนะอีก คือเมื่อการเลือกตั้งหาทางออกไม่เจอ รัฐประหารก็หาทางออกไม่เจอเหมือนกัน แม้ดูดีกว่าตอนแรก แต่ตอนท้ายอาจย่ำแย่กว่า)

ข้อแตกต่างสำคัญ ถ้าแยก "เสรีนิยม" กับ "ประชาธิปไตย" แบบ อ.เกษียร เตชะพีระ รัฐประหารอียิปต์ยังอาจมีด้านที่เป็นรัฐประหารเสรีนิยม (ในขั้นตอนนี้นะต่อไปไม่แน่) แต่รัฐประหารไทยไม่ใช่เลย เป็นรัฐประหารจารีตนิยมที่ฉวยโอกาสความขัดแย้งระหว่างเสรีนิยมกับประชาธิปไตย เข้ามายึดอำนาจ โดยฝ่ายเสรีนิยมจริง ที่เคยขัดแย้งกับทักษิณ ก็ไม่เอารัฐประหารซึ่งอ้างสถาบันยัดข้อหา "หมิ่นเหม่" ปลุกความเกลียดชังรัฐบาลที่ถูกล้ม

ท้ายที่สุดก็แยกขั้วชัดเจน "เสรีนิยม" กับ "ประชาธิปไตย" เดินมาด้วยกันจนวันนี้ แม้ขัดแย้งกัน (เพราะเราก็ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเพื่อไทยในหลายเรื่อง) ขณะที่พวกซากเดนพันธมิตร ไม่เหลือความเป็น "เสรีนิยม" เลยแม้แต่น้อย การเลือกตั้งก็ไม่เอา หลักนิติรัฐก็บิดเบือน หลักสิทธิเสรีภาพก็ "ฆ่ามันๆ"

 

ฉะนั้นกรณีอียิปต์อาจสับสน แต่ของไทยเราไม่สับสนครับ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1372987232&grpid=00&catid=&subcatid=
 

18800  win
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #9045 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556, 10:47:37 »


สวัสดีครับพี่เหยง
รายงานตัวระหว่างการเดินทางครับ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9046 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556, 12:58:53 »

หนุน


เดินทางปลอดภัย บรรลุวัตถุประสงค์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9047 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556, 13:09:23 »

ต่อเรื่องข้าว.......

วันที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์
ลึกๆกลับลำ "จำนำข้าว" (จบ)

ทวี มีเงิน

เมื่อ วานปูพรมเบื้องหลังที่ "ยรรยง พวงราช" รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ล็อบบี้ตัวแทนชาวนาไม่สำเร็จ จนนำมาสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ "กขช." ต้องกลับมติไปใช้ราคารับจำนำในอัตรา 15,000 บาทต่อตันเหมือนเดิม

ทันที ที่ดีดลูกคิดรางแก้วหักกลบลบกันจะกลัวใครดีระหว่าง "ม็อบชาวนา" กับ "มูดี้ส์" ในที่สุดกขช.ต้องยอม เสียหน้าเพื่อ "เบรกม็อบชาวนา" ที่เป็นฐานเสียงสำคัญในทางการเมืองถือว่าคุ้ม

ก็ได้แต่ หวังว่า"มูดี้ส์" คงไม่ทันโวยวาย ถึงโวยก็อาจจะอ้างว่าชาวนาปลูกข้าวนาปรังไป ปริมาณข้าวก็ไม่น่าจะเกิน 2 ล้านตัน ใช้เงินอีก 7,000-8,000 ล้านบาท น่าจะอยู่ในวิสัย รับได้ อธิบายได้หาก "มูดี้ส์" สงสัย

ส่วนฤดูการผลิตนาปี 2556/57 จะเริ่มเดือนต.ค.ค่อยว่า กันใหม่

อาจ จะหงุดหงิดบ้างมติที่กลับไปกลับมาจะโดน "ประชาธิปัตย์" หยิบมา "บลัฟ" ทางการเมืองแต่ก็คุ้มดีกว่าปล่อยให้ชาวนามาเดินขบวนประท้วงเป็นไหนๆ

จะ ว่าไปแล้ว เรื่องการปรับราคารับจำนำลงมา เหลือ 12,000 บาทต่อตัน ไม่แฟร์กับชาวนา อยู่ๆ อยากจะเพิ่มก็เพิ่มอยากจะลดก็ลด ที่สำคัญไปลดราคารับจำนำซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวนาควรจะได้ แต่ไม่ยอมลดในส่วนของค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการที่สูงลิบเกือบ 6 หมื่นล้านบาท ไม่แก้ปัญหาการระบายข้าว ค่าเช่าโกดังโรงสีเก็บสต๊อก

ที่ สำคัญ รัฐบาลไม่เอาจริงเอาจังกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่เม็ดเงินต้องสูญ เสียไปหลายหมื่นล้านบาท แค่ข้าวถุงอคส.ล่องหน ก็ปาไปหมื่นกว่าล้านบาท ยังไม่รวมข้าวในสต๊อกหายอีกไม่รู้เท่าไหร่

อย่างที่บอกจะมา ลดส่วนที่ชาวนาควรจะได้ จึงไม่แฟร์ แต่จะโทษชาวนาไม่ได้เพราะไม่ใช่ความผิดของชาวนา งานนี้จึงไม่ยอมเป็นแพะ ไม่ยอมเป็นตัวประกันให้รัฐบาล

นี่คือที่มาที่ไปที่ทำให้ กขช.ต้องกลืนน้ำลายตัวเองกลับมาใช้ราคารับจำนำเดิม 1.5 หมื่นบาทต่อตัน

การ กลับมติครั้งนี้ของรัฐบาล หนึ่งสะท้อนว่าคิดไม่ทะลุ ไม่มีข้อมูลตัดสินใจทั้งที่ชาวนากำลังปลูกข้าวนาปรัง ปริมาณก็ไม่ได้มากมายอะไร หากมีข้อมูลก็คงไม่ลุกลี้ลุกลนรีบปรับลดราคาจำนำ จนต้องยอมเสียหน้ากลับมติใหม่

สะท้อนว่า เมื่อก่อนอาจจะแคร์มูดี้ส์ ตอนนี้กลัวม็อบชาวนามาประท้วงมากกว่า

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01qazFNVFV5TWc9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9048 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556, 18:40:56 »

อุทาหรณ์จากอียิปต์
ท่านขุนน้อย4 July 2556 - 00:00

   วันนี้สงสัยคงต้องพักเรื่องบ้าน เรื่องเมือง เอาไว้ก่อน...ขนาดพวกหน้ากากขาว เค้ายังรู้จักพักเหนื่อย พักรบ รู้จังหวะ รู้โอกาส ว่าควรจะเดินหน้าในตอนไหน เมื่อไหร่ ระดับ หน้าเกือกเขียว อย่าง ท่านขุนน้อย ย่อมต้องขอเอามั่ง!!! จากที่เคยด่าใครต่อใคร จนลิ้นแข็ง ลิ้นด้าน แต่มันยังไม่รู้จักอาย เอาเลยซักกะที วันนี้เห็นทีจะต้องข้ามน้ำ ข้ามทะเล ไปว่ากันเรื่อง คุณหยิบ หรือ อียิปต์ ดูซักหน่อย...
                          ----------------------------------------------------------
    เพราะโดยแนวโน้ม ความเป็นไปของสถานการณ์ในช่วงนี้ อาจพอหยิบเอามาใช้เป็นอุทาหรณ์ เป็นอนุสติ สำหรับใครต่อใครในบ้านเรา ได้บ้างไม่มากก็น้อย เมื่อ มวลชน ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดี ผู้มาจากการเลือกตั้งอย่าง โมหะเหม็ด มูร์ชี กับฝ่ายต่อต้าน ต่างกรูออกมาเผชิญหน้ากันและกัน ในแบบม็อบชนม็อบ เกิดการยิง การปะทะ บาดเจ็บ ล้มตาย เป็นร้อยๆ ไปแล้ว ในทุกวันนี้ ล่าสุด...ใครก็ไม่รู้บุกเข้าไปกราดยิงม็อบสนับสนุนประธานาธิบดี ตายไป 6 บาดเจ็บไปร่วม 200 แถมยังมีผู้นำทางทหาร อย่างพลเอก อับเดล ฟัตตาห์ อัลซิซี ออกมายื่นคำขาด ให้ประธานาธิบดี มูร์ชี พิจารณาตัวเองภายในเวลา 48 ชั่วโมง กันซะอีกต่างหาก...
                        -----------------------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ว่า...โดยลักษณะความเป็นไป ของสถานการณ์ในอียิปต์ช่วงนี้ แทบไม่ต่างไปจากบ้านเราในอดีตที่ผ่านมา จนกระทั่งตราบเท่าปัจจุบัน คือภายใต้สภาวะที่ มวลชน ถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย และต่างฝ่ายต่างก็มักจะอ้างถึง ประชาธิปไตย ไปด้วยกันทั้งคู่ ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดี ดูจะหนักไปทางเอาแต่ท่องคาถาว่า ตัวเองมาจาก การเลือกตั้ง ของประชาชนส่วนใหญ่ หรือจากจำนวน 51.7 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ดังนั้น...ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าคิดจะล้มศาล ล้มเจ้า คิดจะแก้ไขกฎหมาย เพื่อนักโทษหนีคดีกลับบ้าน (ขอประทานโทษ...ออกนอกเรื่องไปซะหน่อย) บรรดาประชาชนอีก 48.3 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่ได้เลือกประธานาธิบดีผู้นี้ รวมทั้งประชาชนอีกจำนวนนับเป็นล้านๆ จึงชักจะเริ่มกลายเป็น ประชาชนทนไม่ไหว ยิ่งขึ้นมาทุกที...
                       --------------------------------------------------------------
    สุดท้าย...เลยต้องรวมมือ รวมตีน กรูออกมาบนท้องถนน เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีและรัฐบาล ให้พ้นไปจากตำแหน่ง ฝ่ายประธานาธิบดี ที่มีมวลชนของตัวเองอยู่ในมือ เป็นจำนวนไม่น้อย แถมยังเป็นมวลชนประเภท แดงไม่แดงแต่ขอให้แรงเข้าว่า ซะอีกด้วย คือเป็นประเภทที่หนักไปทางมุสลิมหัวรุนแรง ที่เรียกๆ กันว่าพวก ภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ซึ่งมีทั้งการจัดตั้ง การสนับสนุน ในเรื่องเงินๆ ทองๆ แม้กระทั่งเรื่องปืนผาหน้าไม้มาโดยตลอด เรียกว่าไม่ต่างจากพวก อันธพาล
บราเธอร์ฮูด ในบ้านเราทั้งหลายนั่นแหละ ดังนั้น...แม้นต้องเจอกับมวลชนฝ่ายตรงข้าม กรูออกมาบนท้องถนน นับเป็นแสนๆ ล้านๆ ประธานาธิบดี มูร์ชี ผู้เคยมีสถานะตำแหน่งเป็นถึงประธาน นปช.(ประทานโทษอีกแล้ว) เป็นถึงผู้นำขบวนการภราดรภาพมุสลิมในอียิปต์ อันเป็นขบวนการที่มีส่วนสำคัญเอามากๆ ในการโค่นล้มระบบปกครองของอดีตประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัก ที่มีทั้งอำมาตย์ ฟาโรห์ และกองทัพหนุนหลัง ให้ต้องพังพินาศล่มสลายไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ เลยไม่ได้รู้สึก รู้สา ใดๆ กับมวลชนฝ่ายตรงข้าม หันมางัดยุทธวิธี ใช้มวลชนปะทะมวลชน จนทำให้เลือดนองท้องอูฐ ไปแล้วในทุกวันนี้...
                      ---------------------------------------------------------------
    การที่รัฐบาลที่มักอ้างว่าตัวเองมาจาก ประชาธิปไตยแท้ๆ แต่พร้อมที่งัดเอามวลชนออกมาปะทะกับมวลชน ทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็เป็นลูกหลานฟาโรห์ไปด้วยกันทั้งนั้น จึงทำให้ผู้นำทหารของอียิปต์ อย่างพลเอก อับเดล ฟัตตาห์ อัลซิซี อดีตนักรบเหล่าราบ ผู้สร้างเนื้อ สร้างตัว สร้างชื่อเสียง มาจากการเป็นนายทหารแห่งหน่วยต่อต้านรถถัง ชักจะอดรนทนเป็น บิ๊กตู่ อีกต่อไปไม่ไหว เพราะไม่ใช่แค่ต้องยืนเอามือซุกหีบ ขณะที่ลูกหลานชาวอียิปต์ หันมาสังหาร พร่าผลาญ กันเองเท่านั้น แต่นับตั้งแต่ประธานาธิบดี มูร์ชี ขึ้นมาเถลิงอำนาจ เป็นผู้นำรัฐบาลอียิปต์ อดีตผู้นำขบวนการภราดรภาพมุสลิมรายนี้ มักสนุกสนาน ซุกซน อยู่กับการอาศัย ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ หรือ โลกทำลายประเทศ นำเอาประเทศอียิปต์เข้าไปยุ่งเกี่ยว พัวพัน กับสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง แบบสุดแสนจะ อันตราย หนักขึ้นเรื่อยๆ...
                        ------------------------------------------------------------
    เรียกว่า...แทบทำให้ประเทศอียิปต์ ที่เคยเป็นอดีตมหาอำนาจในภูมิภาคนี้ มาตั้งแต่ครั้งโบร่ำ โบราณ กลายสภาพไปเป็น ไม่ต่างอะไรไปจากลูกไล่ของ นักเสี้ยมแห่งตะวันออกกลาง อย่างซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ แบบชนิดวิญญาณพระเจ้ารามเสส และตุตันคามุน แทบน้ำตาเช็ดหัวเข่าประมาณนั้น คือไม่เพียงแค่เดินทางไปค้อมคำนับ ถวายเครื่องบรรณาการ ให้กับราชวงศ์ อัลซาอุดในซาอุดีอาระเบีย ผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการภราดรภาพมุสลิมทั่วทั้งโลก มานับเป็นศตวรรษๆ ยังดึงเอาพวกนักธุรกิจ นายทุน ในกาตาร์ แห่มาลงทุนทำกิจการสาธารณูปโภคในอียิปต์ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ แลกกับเงินกู้เพียงแค่ 2 พันล้านดอลลาร์เท่านั้นเอง แถมตัวประธานาธิบดีรายนี้ ยังถือเป็นเพื่อนซี้กับชาวอียิปต์อีกรายหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงก้องโลก แต่มีชื่อเสียงในฐานะผู้นำองค์กรก่อการร้ายตัวเอ้ นั่นก็คือนาย อัยมาน อัลซาวารี แห่งองค์กรอัลกออิดะห์ นั่นเอง...
                     --------------------------------------------------------------
    ว่ากันว่า...จุดที่ทำให้นายทหาร อย่างพลเอก อับเดล ฟัตตาห์ อัลซิซี เกิดอาการนอตหลุด น่าจะเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดี มูร์ชี ได้พยายามชักนำประเทศอียิปต์ เข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับรัฐบาลซีเรีย หรือจะเรียกว่าได้แสดงอาการ ชักศึกเข้าบ้าน อย่างเห็นได้ชัดเจน ด้วยการประกาศสนับสนุนพวกกบฏซีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มภราดรภาพมุสลิม และสมาชิกองค์กรก่อการร้ายอัลกออิดะห์ อยู่ยุ่มย่าม เยอะแยะ แถมยังเรียกร้องให้ชาวมุสลิมในอียิปต์ ออกไปทาง สงครามศักดิ์สิทธิ์ (Holy War) เพื่อโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดี อัลอัสซัด แห่งซีเรีย ที่ถูกเรียกว่า พวกนอกศาสนา แบบเปิดเผย ตรงไป-ตรงมา ซะอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นตัวตั้ง ตัวตี พยายามชักนำให้บรรดาประเทศตะวันตก เข้ามาจัดตั้ง เขตห้ามบินเพื่อเล่นงานกองทัพรัฐบาลซีเรีย กันซะอีกต่างหาก...
                    -------------------------------------------------------------------
    แม้ว่าอะไรต่อมิอะไรเหล่านี้...จะถือเป็นสิทธิ์ของรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มักยึดหลักว่าผู้ที่ได้ครอบครองเสียงส่วนใหญ่ ย่อมสามารถทำอะไรได้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่สำหรับ กองทัพ แล้ว นี่คือการ ก้าวข้ามเส้นพรมแดนความมั่นคง อันไม่ได้ถือเป็นเพียงแค่นโยบาย แต่ถือเป็น ยุทธศาสตร์ชาติ เอาเลยก็ว่าได้ ยิ่งเมื่อเห็นรัฐบาล ที่อ้างว่ามาจากประชาชน แต่กลับพร้อมที่จะให้ประชาชนกับประชาชน ต้องลุกขึ้นมาฆ่ากันเองเช่นนี้ การตัดสินใจ ยื่นคำขาด ให้รัฐบาลพิจารณาตัวเอง ของผู้นำทหารอย่างพลเอก อัลซิซี จึงไม่ถือเป็นเรื่องแปลก หรือเรื่องผิดปกติไปจาก วิถีทางธรรมชาติ ของสังคมแต่ละสังคม แต่อย่างใด แต่ก็นั่นแหละ...ความหวั่นใจ ความหวาดระแวง ต่อกองทัพ ต่ออำมาตย์ ต่อฟาโรห์ หรืออะไรก็แล้วแต่ อันถือเป็นสัญชาติญาณ ของบรรดานักประชาธิปไตยทั้งหลาย จึงทำให้สถานการณ์ในอียิปต์ ยังคงเป็นไปแบบกั๊กๆ ยังไม่รู้หมู่ รู้จ่า อยู่ในทุกวันนี้ แม้ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเลย เส้นตาย ของทหารมา ไม่รู้กี่ชั่วโมง ต่อกี่ชั่วโมง มาแล้วก็ตามที ส่วนประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย คงต้องคอยเงี่ยหูฟังเอาไว้ให้จงหนัก เพราะอีกไม่นาน ไม่ช้า สิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในอียิปต์ อาจนำเอามาใช้เป็นบทเรียน อุทาหรณ์ สำหรับบ้านเรา ในแบบวรรคต่อวรรค บรรทัดต่อบรรทัด เอาเลยก็ไม่แน่!!!
                        ---------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Helmuth Von Moltke... The Army is the most outstanding institution in every country, for it alone makes possible the existence of all civic institution. - กองทัพเป็นสถาบันที่สำคัญยิ่งในทุกๆ ประเทศ เพราะด้วยกองทัพเท่านั้น ที่ทำให้สถาบันพลเรือนทั้งหลายตั้งขึ้นและคงอยู่ได้...
                       ---------------------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/040713/75922
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9049 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2556, 10:57:44 »

ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากอันดามันและอ่าวไทย บวกกับลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้จากทะเลจีนใต้พัดเข้าสู่ประเทศไทยตอนบน มีผลให้ประเทศไทยไมี่รวมภาคอีสาน มีฝนตกเพิ่มขึ้น ทะเลมีคลื่นสูง ชาวเรือต้องระมัดระวัง
กทม.และปริมณฑลมีฝนร้อยละ 60 ฝนตกกระจายเกือบทุกแห่งในช่วงบ่ายถึงค่ำ

พยากรณ์อากาศ ประจำวันเสาร์ที่ 6 กรกฏาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้จากทะเลจีนใต้พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนต่อไป และบริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักได้บางแห่ง เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนน้อย
อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. 2556 นี้ ทำให้คลื่นลมมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
แม่ฮ่องสอนเชียงใหม่ ลำพูน ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
ลพบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 360 361 [362] 363 364 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><