เหยง 16
|
|
« ตอบ #8875 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:58:33 » |
|
น้องเริง
มีคนเปรียบให้ฟัง ซึ่งหมายความว่า ทำกำไรจนเหลือล้าน ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8876 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 16:00:03 » |
|
ขออนุญาต นำ VDO ของน้องเล็ก อดิสร มาลงให้ชม ก่อนที่ชาวหอใน กทม. จะไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมในคืนวันพรุ่งนี้
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8877 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 16:03:19 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8878 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 20:41:20 » |
|
สวัสดีน้อง ดร. มนตรี
ติดภาระหน้าที่หรือไร ?? หายไปนานทีเดียว ??
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8879 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 07:23:01 » |
|
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีฝนน้อยกว่าภาคอื่น ภาคใต้ทั้ง 2 ฝั่งและภาคตะวันออกมีฝน คลื่นในทะเลสูงกว่า 2 เมตร ลมแรง ต้องระวัง กทม.และปริมณฑล ฝนร้อยละ 60 มักตกในช่วงบ่ายและค่ำ พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2556 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ยังคงมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2556 ไว้ด้วย อนึ่ง พายุดีเปรสชันทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร และสุราษฏร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8880 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 07:38:42 » |
|
เรียนทกท่าน
เย็นนี้ สำหรับท่านที่อยู่ใน กทม.และปริมณฑล ท่านมีนัดไปร่วมฟังสวดพระสวดพระอภิธรรมศพพี่เปรมประจักษ์ โปตะวณิช ที่ศาลา 1 วัดมกุฎกษัตริย์ เริ่มเวลา 18.30 น.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8881 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 07:41:19 » |
|
ภาพจากห้องของ หนุน 21 ครับ
|
|
|
|
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์
คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927
|
|
« ตอบ #8882 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 08:24:36 » |
|
ตามเข้ามาสวัสดีตอนเช้าพี่เหยงครับ ได้ข่าวว่าฝนไม่ตกที่นครสวรรค์หลายวันแล้ว ที่ กทม. ตกตอนเย็น ต่อเนื่องมาหลายวันแล้วครับ
|
“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้ อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8883 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 12:33:39 » |
|
หนุน
ถ้าแล้งต่อเนื่องมากกว่า 7 วัน ต้นข้าวโพดจะตายเป็นลำดับแรก ต้องไถทิ้งแล้วปลูกใหม่ เป็นภาระกับชาวไร่ ที่ต้องลงทุนค่าเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยในชั้นหยอดเมล็ด
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8884 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 12:34:18 » |
|
|
|
|
|
lek_adisorn
|
|
« ตอบ #8885 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 13:21:24 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8886 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 21:10:17 » |
|
ออกไปข้างนอกเพื่อออกกำลังและเพิ่งกลับมาครับ พอดีกับฝนที่ตกลงมาเช่นกัน
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8887 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 21:15:55 » |
|
น้องเล็ก
ปะฝากไว้ก่อได้ จะให้พี่ไปแปะต่อที่ไหนก็บอกด้วยละกัน
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8888 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 22:00:27 » |
|
|
|
|
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์
รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692
|
|
« ตอบ #8889 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2556, 22:09:41 » |
|
คุณเหยง ที่ Memphis ก็มีฝนหนักเมื่อวาน แล้วก็มีฝนตกๆหยุดๆมา 2-3 วันแล้วเหมือนกัน ปวดหัวปวดกระดูกไปตามเรื่องของสังขารเขา ท่านผบทบ สบายดีนะคะ ฝากความระลึกถึงด้วย
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8891 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 11:54:16 » |
|
คุณติ๋ม
คุณ ผบ.ทบ. ฝากขอบคุณมายังคุณติ๋มครับ บอกสบายดี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8892 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 12:00:32 » |
|
ฝนเริ่มลดลงร้อยละ 10 ของทุกภาค แต่บริเวณที่ฝนตกหนัก ลมแรง-ฟ้าคะนองเช่นเดิม ภาคใต้ทั้งสองฝั่ง และภาคตะวันออก คลื่นสูง-ลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง พายุมาแล้วคือ พายุโซนร้อน "หลี่ผี" อยู่ในฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ มุ่งหน้าสู่ญี่ปุ่น พยากรณ์อากาศ ประจำวันพุธที่ 19 มิถุนายน 2556 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง พังงา และภูเก็ต ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและชายฝั่ง ภาคตะวันออก ยังคงมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2556 ไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “หลี่ผี” (Leepi) ทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และญี่ปุ่นควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร และสุราษฏร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8893 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 12:22:57 » |
|
ข่าวร้ายของวันนี้.......... ไอเอ็มเอฟเตือนไทยระวังเงินเฟ้อ-หนี้ครัวเรือนสูง หวั่นทุจริตใช้เงินนอกงบ19 มิถุนายน 2556 07:41 น. “ไอเอ็มเอฟ” เตือนไทยระวังเงินเฟ้อ แนะจับตาหนี้ครัวเรือนในระดับสูง พร้อมให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รายงานข่าวหลังคณะผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้เดินทางเข้าหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจประจำปี 2556 โดยนาย Luis E. Breuer หัวหน้าคณะผู้แทนกองทุนการเงินฯ ได้ว่าสรุปผลการประเมินโดยมีประเด็นที่สำคัญว่า เศรษฐกิจไทยมีความสามารถในการปรับตัวเพื่อรองรับความเสี่ยงต่างๆ ที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นผลจากวิกฤตการเงินโลก และมหาอุทกภัยในปี 2554 โดยเป็นผลมาจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากการขยายตัวในระดับสูง เสถียรภาพที่อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งรวมไปถึงการมีวินัยด้านการคลัง งบการเงินของภาคธนาคารพาณิชย์ และภาคธุรกิจที่แข็งแกร่ง และระดับทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง ส่วนระดับหนี้สาธารณะที่สามารถบริหารจัดการได้ แม้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอลงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ไอเอ็มเอฟคาดว่าทั้งปี 2556 และ 2557 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ 4.75% และ 5.25% โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากอุปสงค์ภาคเอกชนที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี และการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังมีอยู่โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอก ขณะที่การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น และส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่ทั้งนี้ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายจะเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟมีความกังวลจากการขยายบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) และระดับหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น จากนโยบายการกระตุ้นการบริโภคในประเทศในระยะสั้น และย้ำว่าเป็นเรื่องที่ทางการไทยยังต้องติดตามต่อไป พร้อมทั้งสนับสนุนการรักษากรอบวินัยทางการคลังด้วยการกำหนดเป้าหมายสัดส่วนหนี้สาธารณะไม่เกิน 50% ของ GDP และมีงบประมาณสมดุลในปี 2560 ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟเห็นว่าการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อและความน่าเชื่อถือของ ธปท. เป็นปัจจัยที่ช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความผันผวน และนักลงทุนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลงทุนต่อความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟยังได้ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณและการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน
จาก http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073909
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8894 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 12:33:43 » |
|
เรื่องที่สอง.............บะหมี่ยอดขายวูบ-สัญญาณหายนะ ประจานแม้วคิด-ปูทำ!!19 มิถุนายน 2556 05:48 น. ผ่าประเด็นร้อน การสะท้อนดัชนีชี้วัดการเติบโตหรือถดถอยทางด้านเศรษฐกิจบางครั้งอาจไม่มีอะไรซับซ้อนหรืออ้างอิงตัวเลขอะไรมากมาย เพียงแค่พิจารณาจากยอดขายของสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการก็สามารถชี้วัดภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมได้เป็นอย่างดี อย่างกรณีที่มีการเปิดเผยตัวเลขจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือสหพัฒน์ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ที่ระบุว่าเศรษฐกิจกำลังซบเซา ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ทำให้ส่งผลกระทบไปถึงยอดขายของเครือสหพัฒน์ที่คาดว่าในปีนี้ทั้งปีจะเติบโตแค่ร้อยละ 4-5 เท่านั้น จากปกติจะโตปีละร้อยละ 10 ถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี ประธานเครือสหพัฒน์ยังระบุอีกว่า สาเหตุสำคัญมาจากนโยบายของรัฐบาล เช่น รถคันแรก และค่าแรงวันละ 300 บาท เป็นต้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นการประจานผลงานทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงประจานความล้มเหลวของระบบคิดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด เพราะสิ่งที่ทักษิณคิดล้วนสะท้อนออกมาเป็นนโยบาย “ประชานิยม” ของรัฐบาลชุดนี้ทั้งสิ้น ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า นโยบายประชานิยมดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น “จำนำข้าว” ที่เจ๊งบักโกรกกว่า 200,000 ล้านบาท และกำลังปกปิดบิดเบือนกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในเวลานี้ นโยบายรถคันแรก ค่าแรงวันละ 300 บาท กลับไปสร้าง “ผลกระทบในมุมกลับ”ได้อย่างไร ในเมื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ก็น่าจะเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเติบโตไปด้วย เหมือนกับว่า “หมุนไปหลายรอบ” แต่ในความเป็นจริงก็คือ หากยกตัวอย่างกรณีโครงการ “รถคันแรก” ก่อน ที่ทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตร เพราะกำลังกลายเป็นสาเหตุทำให้เศรษฐกิจหดตัว กระทบเป็นลูกโซ่ และที่สำคัญกำลังสร้าง “หนี้เสีย” ให้กับภาคครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ต้องรับรู้กันก็คือ คนส่วนใหญ่ที่ซื้อรถคันแรกล้้วนแล้วแต่เป็นคนหนุ่มสาว เพิ่งทำงานมีเงินเดือนได้ไม่นาน และมีรายได้ไม่เกินเดือนละ 2 หมื่นบาท เมื่อต้องมีภาระต้องผ่อนค่างวด 6-8 พันบาท บวกด้วยค่าน้ำมัน (อาจมีค่าทางด่วนและค่าจอดรถ เพราะส่วนใหญ่ยังไม่มีบ้านต้องเช่าอพาตเมนท์และเมื่อนำมารวมกับค่าใช้จ่ายประจำที่เป็นค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นประจำวันทำให้เป็นภาระหนัก หรือเงินไม่พอจ่าย และนี่คือคำตอบว่าทำไมบรรดาห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงสินค้าขายไม่ออก เพราะคนไม่ออกไปไหน หรือไปแล้วก็ซื้อน้อยหรือไม่ซื้อ จากข้อมูลของเครือสหพัฒน์ที่ถือว่าเป็นเจ้าตลาดสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือนที่จำเป็นทุกอย่าง ยังได้รับผลกระทบหนักแบบนี้ มันก็ย่อมเป็นยืนยันแบบเถียงไม่ออกว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวหรืออาจเข้าขั้นถดถอยในอนาคตก็เป็นได้ เพราะจากข้อมูลที่น่าตกใจก็คือเวลานี้ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังยอดขายตก” ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกก็เป็นได้ เพราะหากให้ย้อนกลับไปในปี 2540 คราวเกิด"วิกฤติต้มยำกุ้ง" แม้ว่าสินค้าอื่นจะขายไม่ได้ แต่สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดขายกลับพุ่งพรวดโตสวนทาง เมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องถือว่าแย่จริงๆ ขณะเดียวกัน อีกแง่มุมหนึ่งยังไม่นับเรื่องการยกเลิกใบจอง เลื่อนการขอรับรถ รวมไปถึงการค้างชำระค่างวดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น สำหรับผลจากนโยบายขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาทก็เช่นเดียวกัน บอกว่าเป็นการเพิ่มรายได้ เพิ่มกำลังการใช้จ่ายเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาเข้าจริง มันก็ไม่ได้เพิ่มจริง เพราะสินค้าราคาแพงขึ้นจากต้นทุนดังกล่าว มิหนำซ้ำสวัสดิการก็จะถูกนำมารวมกับต้นทุนค่าแรงอีก รวมไปถึงเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างอีกไม่น้อย หรือแม้แต่ที่อ้างว่าชาวนามีรายได้เพิ่มจากนโยบายจำนำข้าวนั้น จากสำรวจในวันแรงงานที่ผ่านมาผลก็ออกมาว่า ทั้งคนงานและชาวนามีความเป็นอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังพบว่ามีปัญหา “หนี้ครัวเรือน” เพิ่มขึ้นด้วย สิ่งที่สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมก็คือ สัญญาณเตือนล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่เพิ่งส่งตัวแทนเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง โดยคาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้“จะไม่เป็นไปตามเป้า”ที่รัฐบาลเคยตั้งเป้าเอาไว้ว่าเกินร้อยละ 5 พร้อมทั้งเตือนเรื่อง “หนี้ครัวเรือน-โครงการจำนำข้าว” ซึ่งสอดคล้องกับธนาคารโลกที่เตือนในเวลาไล่เลี่ยกันว่าให้ระวังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเห็นสัญญาณจาก “ไตรมาสแรก” มาแล้ว แต่ที่น่าจับตาที่สุดก็คือการคาดการณ์จาก บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา บิ๊กสหพัฒน์ ที่ระบุว่าน่าจะโตแค่ร้อยละ 2-3 เท่านั้น ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง นี่ยังไม่นับกรณีที่สถาบันจัดอันดับ “มูดี้ส์” ออกโรงเตอนว่าอาจจะลดเครดิตไทยลงมาในปลายปีนี้จากกรณีความไม่โปร่งใส มีความพยายามปกปิดตัวเลขขาดทุนจากโครงการจำนำข้าว ก็ภาวนาว่าอย่าให้เกิดขึ้น เพราะหากเกิดขึ้นจริงถือว่าหายนะอย่างชัดเจน ที่สำคัญ “โคตรเงินกู้ 2 ล้านล้าน” ที่เมื่อรวมเงอนต้นดอกเบี้ยเดิมคำนวณไว้ที่ 5 ล้านล้านบาทจะพุ่งพรวดไม่ต่ำกว่า 7 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ดี เมื่อหันมาพิจารณาจากความเชื่อมั่น และการประเมินการทำงานจากนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำที่สำรวจโดย “กรุงเทพโพลล์” ก็ให้คะแนนรัฐบาลสอบตก โดยจากคะแนนเต็มสิบได้แค่ 4 กว่าเท่านั้น รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจล้วนสอบตกกราวกรูด โดยเฉพาะ บุญทรง เตริยาภิรมย์ ผลออกมา “ห่วยแตก” ที่สุด มันก็ยิ่งชวนหดหู่ไร้ความหวังไปอีก ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว และอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในอนาคตที่รับรู้ได้จากสถานการณ์จริง ไม่มีเรื่องการเมืองมากล่าวหา สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นดัชนีชี้วัดได่อย่างดี ว่าแนวโน้มความเดือดร้อนชาวบ้านตั้งแต่ระดับชนชั้นกลางลงมาในอีกไม่ช้า!!
จาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073844
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8895 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 12:46:42 » |
|
เรื่องที่สาม.........วุฒิฯ แฉข้าวสารถุงช่วยเหลือ ปชช. ขายผ่านร้านถูกใจ ล่องหนกว่า 1 ล้านตัน19 มิถุนายน 2556 10:19 น. ประธานอนุ กมธ.สอบการระบายข้าวสาร วุฒิสภา แฉข้าวสารถุงช่วยเหลือประชาชนที่ปล่อยผ่านร้านถูกใจของกระทรวงพาณิชย์ และร้านค้าทั่วไป ล่องหนกว่า 1 ล้านตัน เตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลปี 2554/2555 วุฒิสภา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสต๊อกข้าวในการทำข้าวถุงช่วยเหลือประชาชนจำนวน 2.5 ล้านตัน จากจังหวัดต่างๆ ที่เอาไปจำหน่ายให้แก่ร้านทั่วไป จำนวน 1.2 ล้านตัน และร้านถูกใจของกระทรวงพาณิชย์ ในจำนวน 1.3 ล้านตัน มีความไม่ชอบมาพากล พล.ต.ท.ยุทธนากล่าวว่า ร้านถูกใจเหมือนกับเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการขออนุมัติโครงการนี้ 2 ล้านกว่าตัน แต่จำหน่ายจริงเพียง 7-8 หมื่นตันเท่านั้น ไม่ถึง 1 แสนตัน จากการสอบถามพบว่ามีปัญหาเรื่องการขนส่งที่ไม่มีกระบวนการที่แน่นอน ทำให้ข้าวไม่ถึงมือประชาชน จึงไปสอบถามทาง อคส.ก็ยืนยันว่าได้เอาไปดำเนินการประมาณ 1.1 ล้านตัน ที่มีหลักฐานตรวจสอบได้มีเพียง 4.1 แสนตัน และส่งไปยังร้านถูกใจ 8 หมื่นตัน ทำให้ข้าวหายไป 3.3 แสนตัน แต่อีก 6.9 แสนตันไม่รู้ว่ายังอยู่ในคลังหรือไม่ เพราะมีการจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว รวมแล้วหายไปกว่า 1 ล้านตัน และจากการตรวจสอบร้านทั่วไปก็ไม่พบข้าวส่งไป จึงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล หลังจากนี้จะต้องเรียกหน่วยงานต่างๆ มาสอบถามว่าข้าวหายไปไหน เพราะยังไม่ถึงมือประชาชน และต้องมีการตรวจสอบกันต่อไป จาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073954
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8896 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 12:51:24 » |
|
เรื่องที่สี่............ สื่อนอกประโคมข่าว “รัฐบาลไทยยอมรับ” ขาดทุน 4.4 พันล้าน ดอลลาร์ จาก “นโยบายจำนำข้าว”19 มิถุนายน 2556 11:59 น. เอเจนซีส์ - วันอังคาร(18) ที่ผ่านมานี้ รัฐบาลไทยยอมรับว่าขาดทุนมากกว่า 4.46 พันล้าน ดอลลาร์ ภายใน 1 ปี ในนโยบายจำนำข้าวอันอื้อฉาว ที่มีจุดประสงค์เพื่อทำให้ข้าวที่ชาวนาขายมีราคาสูงขึ้น ทำให้ประเทศไทยหล่นจากการเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับต้นๆในตลาดโลก นโยบายจำนำข้าวนี้เปรียบเมือนการอุดหนุนจากภาครัฐเพื่อลดการขาดทุนของชาวนา รัฐมนตรีพานิชย์กล่าว รัฐมนตรีประจำสำนักนายก วราเทพ รัตนากร กล่าว่า รัฐบาลขายข้าวที่ได้รับซื้อมาจากชาวนาจากโครงการจำนำข้าวในปี 2011-2012 รัฐบาลไทยถูกตำหนิ เพราะปฎิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขการขาดทุนและข้าวที่รัฐบาลรับซื้อมานั้นเพิ่มมากขึ้นในสต๊อกเก็บข้าว ภายใต้นโยบายนี้ รัฐบาลซื้อข้าวจากชาวนา ที่ราคา 490 ดอลลาร์ ต่อ ตัน ราคาสูงกว่าราคาตลาดราวร้อยกว่าดอลลาร์ และเป็นเพราะรัฐบาลไทยไม่สามารถขายราคาที่สูงมากนักในตลาดโลก ทำให้ทั้งอินเดียและเวียดนามที่ขายข้าวราคาต่ำกว่าแซงหน้าไทยไป คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ (กขช.) ได้ประกาศแผนการในวันจันทร์(17) ว่า จะลดราคาจำนำที่จะต้องจ่ายให้ชาวนาลงเพื่อให้เหมาะสม รัฐมนตรีพานิชย์ บุณทรง เตริยาภิรมณ์ กล่าวว่า ทาง ครม.ของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ คาดหวังว่าที่จะอนุมัติการเปลี่ยนแผนในครั้งนี้และมันจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน “ การปรับเปลี่ยนจะแสดงให้เห็นว่าถึงแม้รัฐบาลไทยจะพยายามที่จะออกนโยบายหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ทว่าก็ต้องอยู่ในวินัยการคลัง” บุญทรงกล่าว นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร แห่ง ประเทศไทย เผยว่า รัฐบาลของเธอพยายามที่จะลดการขาดทุนโดยการตัดรายจ่าย แต่ก็ต้องพยายามให้ชาวนาได้ประโยชน์สูงสุด โครงการนโยบายจำนำข้าวนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2004 ภายใต้การนำของพี่ชายของ น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งเป็นผู้นำการเมืองแบบประชานิยม นโยบายจำนำข้าวนี้ถูกตำหนิอย่างกว้างขวางเพราะ ปัญหาการสวมสิทธิ์และต้นทุนค่าดำเนินการที่สูง และทักษิณถูกบังคับให้ออกนอกประเทศไป โดยการปฎิวัติในปี 2006 หลังจากการประท้วงในเมืองหลวง ต่อต้านการคอรัปชันและการใช้อำนาจในทางมิชอบของเขา ยิ่งลักษณ์เริ่มนำนโยบายจำนำข้าวนี้กลับมาใช้อีกครั้งในเดือนตุลาคม ปี 2011 โดยไม่จำกัดจำนวนของการรับซื้อจากชาวนา ดังนั้น ประมาณได้ว่ารัฐบาลได้รับซื้อข้าวจากชาวนาไปแล้วราว 35.2 ล้าน ตัน โดยจ่ายเงินให้ชาวนาไปราว 11 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่สามารถนำบางส่วนไปขายต่อในตลาดต่างประเทศได้เพียง 1.9 พันล้านดอลลาร์ วราเทพ กล่าว ค่าใช้จ่ายของโครงการนี้รวมไปถึง ค่าจัดการโดยผ่านธนาคารเพื่อการเกษตร และค่าใช้จ่ายที่ต้องเก็บข้าวในโกดัง ประมาณ 482 ล้านดอลลาร์ “ถ้าจะคิดถึงตัวเลขตามบัญชี คงต้องบอกว่าขาดทุน” ยิ่งลักษณ์ กล่าว แต่เธอย้ำว่า การขาดทุนนั้นแท้จริงคือกำไรที่บรรดาชาวนาไทยจะได้ประโยชน์จากโครงการนี้
จาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000074015
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8897 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 13:15:13 » |
|
เรื่องที่ 5............... นายกรัฐมนตรีไม่ีรู้ว่าโครงการจำนำข้าวขาดทุน ?? และขาดทุนเท่าไหร่ ??“อัมมาร” งง “ปู” ไม่รู้จำนำข้าวเจ๊งเท่าไหร่ แนะเลิกโครงการมาใช้วิธีประกันราคา 19 มิถุนายน 2556 09:25 น. “อัมมาร” ประหลาดใจ “นายกฯ ปู” ไม่รู้โครงการจำนำข้าวขาดทุนเท่าไหร่ เชื่อมีความไม่โปร่งใส ชี้แม้ลดราคาจำนำข้าว แต่ก็ยังสร้างความเสียหายอยู่ดี แนะยุติโครงการแล้วใช้วิธีประกันราคาข้าว วันนี้ (19 มิ.ย.) นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมีการปกปิดตัวเลขผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว เพราะกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ต่างก็มีตัวเลขผลการดำเนินงานที่ไม่ตรงกัน และก็เชื่อว่ามีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่ประหลาดมากที่สุดก็คือ นายกรัฐมนตรีเองก็ไม่รู้ว่าโครงการนี้กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ ทั้งที่โครงการนี้ดำเนินการมาร่วม 2 ปี จึงต้องให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นคนกลางรวบรวมข้อมูล นายอัมมารกล่าวว่า การที่รัฐบาลเตรียมปรับลดราคาจำนำข้าว ปี 2556/2557 จากราคาปัจจุบันที่ตันละ 15,000 บาท สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ดื้อเหมือนก่อน รู้ว่าผิดพลาดจากการดำเนินนโยบาย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะลดราคารับจำนำข้าวลงมาก็ถือว่ายังสร้างความเสียหายอยู่ดี ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจะระงับการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวได้ คือ ต้องยุติโครงการแล้วหันมาดำเนินนโยบายรับประกันราคา ซึ่งมีข้อดีคือให้กลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่ จาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073932
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8898 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 13:26:17 » |
|
อ่าน 5 เรื่องก่อนครับ...อีกสักประเดี๋ยวมาดูเรื่องอื่นต่อกัน
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8899 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2556, 16:57:38 » |
|
สวัสดีครับ
ไปส่งปุ๋ยให้ชาวบ้านมา 3 เที่ยวรถครับ ข่าวการปรับลดราคาจำนำข้าวเริ่มมีผลแล้วครับ ชาวนาไม่ยอม และมีกระแสด้วยว่า จะพากันเดิน เดิน ไปกดดันรัฐบาล คนแรกที่บอกว่ายอมลดราคาได้ กลับเป็นการพูดแค่เอาตัวรอด ไม่นึกว่ารัฐบาลจะทำจริง ก็คนที่เป็นนายกสมาคมชาวนา..ที่ไหรไม่รู้ แต่ตัวชาวนาทั้งหลายไม่ยอม ??
|
|
|
|
|