คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ

[เหยง 16]

66. ห้องสุขา เป็นอุปสรรคสำคัญ ซึ่งด้านบนกำลังก่อสร้าง
ทุกคนจึงเดินลงมาที่ท่าเทียบเรือ ซึ่งมีห้องสุข และร้านค้าอยู่

[เหยง 16]

67. เรากำลังจะกลับไปลงเรือ โดยเดินผ่านจุดที่เจ้าหน้าที่นั่งตรวจเช็คการเข้า-ออกของเรือ

[เหยง 16]

68. หลังจากขึ้นเรือ จึงมีการเสริฟอาหารกลางวัน ทัวร์เวียตนามจัดอาหารซึ่งมีปูม้าตัวเล็กให้คนลละ 1 ตัว



ส่วน"โมเดิร์น ทราเวล" ซื้อปูมาเพิ่มให้คนละ 2 ตัว (ดูขนาดเทียบกันครับ) สรุปว่าคละ 1 ตัวเล็กและ 2 ตัวใหญ่



น้ำจิ้มที่จัดเตรียมกันมาจากประเทศไทย

[เหยง 16]

69. บรรยากาศขณะรับประทานปูม้า พร้อมอาหารอื่น ในมื่อกลางวัน

[เหยง 16]

70. เรือเดินทางไปได้สักครู่ ก็ถึงเกาะไก่คู่ สัญญลักษณ์ของอ่าวฮาลอง









หมายเหตุ: บรรดาเรือมาจอดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพกับสัญญลักษณ์ไก่คู่ จนแน่นหน้าเกาะเล็กนี้
                ในประเทศไทย เกาะตาปู ที่พังงา ซึ่งเคยเข้าฉาก เจมส์บอนด์ 007 ก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยาไปชมและถ่ายภาพกันมากทีเดียว

[เหยง 16]

71. เรือถึงท่าเทียบเรือของอ่าวฮาลอง

[เหยง 16]

72. เราคืนบัตรผ่านซึ่งเจาะโดยเจ้าหน้าที่บนเกาะนางฟ้าให้ไกด์สมชาย
เพื่อนำไปเคลมค่าใช้จ่ายกับบริษัททัวร์ของเวียตนามที่รับช่วงต่อจาก โมเดิร์น ทราเวล

[เหยง 16]

73. ภาพที่ถ่ายในถ้ำนางฟ้า และหน้าเกาะไก่คู่

[เหยง 16]

74. เราขึ้นรถบัส พาคณะเราไปต่อที่ร้านขายกาแฟ ตั้งอยู่ริมอ่าวฮาลอง
โดยทางร้านให้คูปองส่วนลด 10,000 ด่อง ในกรณีที่ซื้อสินค้าของเขา

[เหยง 16]

75. มี PR บรรยายภาษาเวียตนาม โดยพี่สมชายไกด์ของเราแปล
เรื่องการกำเนินดต้นกาแฟและอุตสาหกรรมกาแฟในเวียตนาม จนขณะนี้เวียตนามเป็นผู้ส่งออกกาแฟ ลำดับที่ 1 แล้ว

[เหยง 16]

76. ชมเครื่องมือในยุดแรก และในยุคปัจจุบัน
จักรยานสำหรับเก็บและขนส่งเมล็ดกาแฟ



เตาคั่วกาแฟในปัจจุบัน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนกานคั่วด้วยมือ



เตาทำขนมทองม้วน (โอท๊อปจากผลผลิตมะพร้าว)

[เหยง 16]

77.  จากนั้น มีการเสนอการขายกาแฟ และสินค้าโอท๊อปของอ่าวฮาลอง อาทิ ท๊อฟฟี่มะพร้าว ฯ

[เหยง 16]

78. คณะของเราสนใจทดลอง กาแฟชะมด
ซึ่งผิดคาด จากเดิมไกด์สมชายแจ้งว่า ราคาถ้วยละ 3 ดอลล่าร์สหรัฐ ไปครั้งนี้ทางร้านขึ้นราคาเป็น 6 ดอลล่าร์สหรัฐ
แต่เมื่อไปแล้ว ก็ต้องทดลอง แต่ไม่ซื้อ เพราะเห็นว่า แพงเกินเหตุ





หมายเหตุ: รูปที่ปิดข้างถุง ข้างกล่อง เรามองเป็นตัวกระรอก มากกว่าตัวชะมดครับ

[เหยง 16]

79. ไกด์สมชายบอกว่า เวียตนามปลูกกาแฟทั้งพันธุ์อราบิกา และพันธุ์โรบัสต้า
ต้นต้องมีอายุมากกว่า 3 ปี ผลจึงจะเริ่มใช้ได้
ในไร่จะมีการเลี้ยงชะมด เม่นเอาไว้ เมื่อผลกาแฟสุก ก็จะหยุดให้อาหารชะมด และเม่น
เพื่อให้ชะมด เม่น กินผลกาแฟที่สุก กรดในท้องของชะมดและเม่นจะกระตุ้นเมล็ดกาแฟที่ผ่านกระเพาะ
ให้กลิ่นของกาแฟหอมเพิ่มขึ้นเมื่อนำเมล็ดกาแฟจากการถ่ายมูลไปคั่ว ทำให้อัพราคาสูงขึ้นกว่าปกติ
ราคาขายผงกาแฟชะมดบดแล้ว ที่กรุงฮานอย โรบัสต้า กก.ละ 800,000 ด่อง หรือ 1,200 บาท/กก.,
อราบิก้า กก.ละ 600,000 ด่อง หรือ 900 บาท/กก.

ข้อมูลจากเว็ปและ นสพ.ของไทยครับ....

สื่อนอก ตีข่าว กาแฟขี้ช้าง ราคาแพงที่สุดในโลก
ข่าว » ข่าวต่างประเทศ, ข่าวเด่นประจำวัน » สื่อนอก ตีข่าว กาแฟขี้ช้าง ราคาแพงที่สุดในโลก
เขียนโดย nuntarat โพสต์เมื่อ วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2555 เนื้อหานี้อยู่ในหมวด ข่าวต่างประเทศ, ข่าวเด่นประจำวัน

MThai News : เว็บไซต์เดลิเมล์รายงานข่าวกาแฟขี้ช้าง ที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย กลายเป็นกาแฟที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ถึงกิโลกรัมละ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ(34,000 บาท) หลังเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

กาแฟขี้ช้างนี้เป็นผลงานของ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ รีสอร์ท แอนด์ สปา ร่วมกับรีสอร์ทหรูในเครืออนันตรา 4 แห่งในมัลดีฟส์ ได้เปิดตัวโดยใช้ชื่อว่า แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่ (Black Ivory Coffee)

สำหรับขั้นตอนในการผลิตกาแฟขี้ช้าง เริ่มจากคัดเลือกเมล็ดกาแฟไทยอาราบิก้าจากแหล่งที่ปลูกบนความสูง 1.5 พันเมตรเหนือระดับน้ำทะเล นำไปให้ช้างกิน เอนไซม์ในกระบวนการย่อยอาหาร จะทำให้โปรตีนในเมล็ดกาแฟที่มีคุณสมบัติทำให้เกิดรสขม แตกตัวกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก เมื่อโปรตีนถูกสลายให้ลดลง ความขมจึงลดลง จากนั้นรอให้ช้างขับถ่ายออกมา ควาญช้างก็จะนำมูลนั้นไปตากแห้ง

ทั้งนี้กาแฟ 1 กิโลกรัมจะมีเมล็ดกาแฟประมาณ 10,000 เมล็ด ซึ่งจากเมล็ดกาแฟกว่า 33 กิโลกรัม เมื่อผ่านกระบวนการย่อยและคัดแยกแล้วจะได้กาแฟขี้ช้างเพียง 1 กิโลกรัม จึงเป็นที่มาของราคากาแฟที่แพงที่สุดในโลก

http://news.mthai.com/world-news/207390.html

[เหยง 16]

80. คณะของเราที่ไม่ช๊อปสินค้า หรือช๊อปกันเล็กน้อยก็ออกมารอที่รถบัส
เพราะช่าวภาพสาวชาวเวียตนามนัดจะนำภาพมาส่ง หลังบลูทูธส่งภาพไปอัดที่ฝั่งไม่ได้
เมื่อคณะพร้อม ก็ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับกรุงฮานอย โดย 14.00 น.ล้อหมุมออกจากที่นั่น

[เหยง 16]

81. เวลาประมาณ 15.40 น. เรามาถึงร้านขายหยกของชาวฮ่องกง เพื่อแวะเข้าห้องน้ำ
ไกด์สมชายบอกว่า เราใช้ห้องน้ำของเขา แล้วแวะชมสินค้า หากไม่สนใจไม่ต้องซื้อ







ร้านนี้จอดรถได้มากกว่า 20 คัน มีร้านค้า Porcelein และเซรามิคอยู่ตรงปากทางเข้า



 

[เหยง 16]

82. ร้าน 668 Jewelry มีสาขาในประเทศไทยที่ถนนสีลม
พฤติการณ์คือกักลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการห้องสุขา ให้เข้าชมสินค้าในร้าน
แบบต้อนเข้าห้องและออกขายสินค้าอัญมณีหลายประเภท



ภาพมืดสักนิด เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ถ่ายภาพภายใน





ผู้ที่เล็ดลอดออกมาก่อน ยืนรออยู่หน้าร้าน และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

[เหยง 16]

83. ผู้จัดการร้านสาวสวยพูดไทยได้ดี อ้างว่าพี่ชายเรียนจบแผนกอัญมณีศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
เสียดายที่ไม่เจอตัว จะได้บอกไว้ จุฬาฯไม่เคยสอนคนให้ทำแบบนี้ ?? +++ !!!

[เหยง 16]

84. เราเสียเวลากับสถานที่แห่งนี้ถึง 45 นาทีหรือมากกว่านั้น
เมื่อทะยอยลงมา ต่างคนต่างบ่น "นี่คือข้อเสียของเวียตนามเหนือ ที่คิดเลียนแบบจีน"

[เหยง 16]

85. พี่แววตา, พี่หน่า-ญานี ซื้อกำไรหยกคนละชิ้น
เวลา 16.25 น. ล้อจึงหมุนออกจากร้านนี้กลับกรุงฮานอย
เพื่อทานข้าวเย็น ก่อนไปหาโรงแรมอาบน้ำ เปลี่ยนชุด และไปขึ้นรถไฟ

วันที่ 2 ธันวาคม ตรงวันวันคล้ายวันเกิดของพี่แววตา ได้มีการตัดเค็กฉลองในร้านอาหารในเย็นวันนั้น






หมายเหตุ:
โรงแรม New Moon อยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟกรุงฮานอย เราอาบน้ำและเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว พร้อมฝากสัมภาระบางส่วนไว้ที่นี่ 

[เหยง 16]

86. เวลา 20.45 น. รถไฟขบวน SP 1 ออกจากสถานีมุ่งหน้าสถานีลาวไก

[เหยง 16]

87. ทั้งโบกี้มีห้องนอน 7 ห้อง และเป็นของคณะของเราทั้งหมด
ในห้องนอนมีปลั๊กตัวเมียสำหรับเสียบช๊าร์ทไฟ 220 โวลท์ ได้ 3 จุด ซึ่งไม่เพียงพอ
ดีว่าหัวหน้าไกด์จากไทย คุณยศ นำปลั๊กแบบต่อขยายไปด้วย จึงมีช่องเสียบเหลือเฟือ (นี่เป็นข้อสังเกตุหนึ่งครับ)
ทั้งเสียบปลั๊กช๊าร์ทไฟกล้องถ่ายภาพ มือถือทั้ง i Pad และ i Phone รวมทั้ง Galaxy ได้อย่างสบาย

ด้านหน้าของตู้นอนมีน้ำร้อนให้ชงน้ำชา กาแฟ รวมทั้งมาม่า
แต่ห้องสุดท้ายที่ผม พี่สิงห์ คุณยศและไกด์สมชาย พักอยู่ไม่มีใครทานมาม่า สมบัตินี้จึงยกให้พี่สมชายไป

ตอนดึก ห้องเรามีปัญหากลอนขัด เปิดประตูไม่ได้ ต้องเคาะประตู เคาะห้องข้างๆกันสั่น
ขอให้ช่วยเปิดประตูจากภายนอก ซึ่งเป็นพี่ธิดา ที่เดินไปเข้าห้องน้ำพอดี ช่วยเปิดให้
ในขณะที่พี่นภดล ซึ่งพักอยู่ห้องข้างเคียง นึกว่าผีหลอก เคาะให้รำคาญ ?? ?? ??


สรุปบทเรียนคือ สมควรนำไฟฉายติดตัวไปด้วย รวมทั้งเปิดอุปกรณ์สื่อสารเพื่อให้ติดต่อกันได้ยามฉุกเฉิน

[เหยง 16]

88. ขอนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนครับ

[เหยง 16]

89. คั่นรายการครับ.............

กรุงเทพฯ ติดอันดับ 2 เมืองน่าช็อปมากสุดในโลก คว้าที่3 ค่าเงินถูก-คุ้มต่อการมาเที่ยว
วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15:15:09 น.

มีรายงานเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ว่า  TripAdvisor  เว็บไซต์ท่องเที่ยว รายใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐ อมเริกา  เปิดเผยผลสำรวจ เมืองน่าเที่ยวในด้านต่างๆ จากมุมมองของนักท่องเที่ยวทั่วโลก   ผลปรากฏว่า กรุงเทพมหานคร  เมืองหลวงของประเทศไทย  ติดอันดับที่ 2 เมืองที่เหมาะกับการช็อปปิ้งซื้อของมากที่สุดในโลก โดยเป็นรองแค่  มหานครนิวยอร์ก ซิตี้ ของสหรัฐฯ เท่านั้น

นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังติดอันดับ 3 เมืองที่มีค่าเงินถูกและคุ้มค่าต่อการมาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย ตามหลังกรุงลิสบอนของโปรตุเกส และเมืองบูดาเปสต์ของฮังการี

สำหรับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   ปรากฎว่า  สิงคโปร์  ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเมืองที่คนขับรถแท็กซี่สาธารณะที่เป็นมิตรต่อผู้โดยสารมากที่สุด และรั้งอันดับ 3 ในฐานะเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุด ขณะที่  กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย รั้งท้ายตารางเป็นเมืองที่คนขับรถแท็กซี่มีความเป็นมิตรน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม  ผลการสำรวจครั้งนี้ เป็นการรวบรวมความคิดเห็นและการให้คะแนนเมืองต่างๆ ใน 9 หัวข้อของชาวต่างชาติ ที่เคยเขียนแนะนำและติชมเมืองต่างๆ ในเว็บไซต์มากกว่า 7.5 หมื่นคน พบว่า  กรุงโตเกียวได้รับการชื่นชมมากที่สุด โดยครองแชมป์อันดับ 1 เมืองที่มีความปลอดภัยต่อการท่องเที่ยว และระบบคมนาคมมีคุณภาพและครบวงจรมากที่สุดในโลก โดยที่คนขับรถสาธารณะเป็นมิตรและถนนหนทางมีความสวยงามสะอาดตามากที่สุด

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355645427&grpid=00&catid=&subcatid=

[เหยง 16]

90. จีน จะเลิกก๊อปปี้สินค้าของชาติอื่นๆ แล้วครับ ?? 

จีนไม่ก๊อปใคร! จดสิทธิบัตรมากสุดในโลก แซงสหรัฐฯ แล้ว
16 ธันวาคม 2555 13:11 น.

กราฟแสดงจำนวนการจดสิทธิบัตรของ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เผยให้เห็นขีดขั้นพัฒนาของจีนที่ใช้เวลาไม่ถึง 30 ปี ในการรวบแซงชาติผู้นำสิทธิบัตรโลกอย่าง สหรัฐฯ และญี่ปุ่น (ภาพ SCMP)

       เอเยนซี - สื่อต่างประเทศรายงาน (13 ธ.ค.) อ้างการเปิดเผยขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization) หน่วยงานของสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. โดยระบุว่า จีนได้ครองตำแหน่งประเทศที่มีการจดสิทธิบัตรมากที่สุดในโลก แซงสหรัฐฯได้เป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี
       
       รายงานข่าวกล่าวว่า ดัชนีทรัพย์สินทางปัญญาโลกประจำปี 2555 ที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (ดับเบิลยูไอพีโอ) ได้เผยล่าสุดนี้ อ้างอิงจากการรวบรวมจำนวนสิทธิบัตรที่ได้รับการอนุมัติตลอดปี 2554 ซึ่งพบว่าสิทธิบัตรจากจีนมีมากที่สุด จำนวน 526,412 ราย ขณะที่สหรัฐฯ อยู่อันดับ 2 มีผู้จดสิทธิบัตร 503,582 ราย อันดับ 3 เป็นญี่ปุ่น 342,610 ราย ตามด้วยเกาหลีใต้ 178,924 ราย และยุโรป 142,793 ราย โดยปีนี้ จีนสามารถแซงหน้าชาติสุดยอดแห่งวิทยาการโลกอย่างสหรัฐฯ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี นอกจากนี้ยังพบว่า จีนใช้เวลาเพียงไม่ถึง 30 ปี ในการพัฒนานวััตกรรมด้านต่างๆ จนสามารถรวบแซงผู้นำเทคโนโลยีโลกในอดีตทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป
       
       ทั้งนี้ ดัชนีฯ ยังให้รายละเอียดว่า ทรัพย์สินทางปัญญาที่มีการยื่นขอจดสิทธิบัตรเพื่อรับการคุ้มครองมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 35 ขณะที่การออกแบบอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ต่างๆ มีสัดส่วนที่ร้อยละ 16 และเครื่องหมายการค้าที่ร้อยละ 13
       
       ด้านหอการค้าสหรัฐฯ เผยในรายงานประจำปี 2555 ว่า สิทธิบัตรของจีนที่สามารถยื่นจดได้มากกว่าสหรัฐฯ นั้น ส่วนใหญ่เป็นเพียงปริมาณ ไม่ใช่งานระดับคุณภาพ

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000151334