23 พฤศจิกายน 2567, 19:29:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 291 292 [293] 294 295 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2601585 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 84 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7300 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 20:41:31 »

กราฟิกแสดงการก่อตัวของพายุลูกใหม่ ซึ่งยังไม่ได้ตั้งชื่อ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7301 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 20:46:23 »

พยากรณ์อากาศในวันนี้
ภาคใต้ตั้งแต่สุราษฎร์ธานีลงไปต้องระมัดระวังฝนตกหนัก........
ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลางและตะวันออกจะมีฝนเป็นบางแห่งและอากาศเริ่มหนาวขึ้น....


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2555
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"ฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคใต้"

ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2555

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย จะมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนกลาง ในช่วงวันที่ 23–25 ตุลาคม 2555 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นโดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไประวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 22–25 ตุลาคม 2555 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนในระยะแรก
ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7302 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2555, 07:24:21 »

สวัสดีครับ

วันนี้ 23 ตุลาคม 2555 วันปิยมหาราชานุสรณ์
ชาวจุฬาฯ คงมีกิจกรรมในวันนี้ในรูปแบบต่างๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7303 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2555, 18:10:37 »

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลกินเจ หรือกินผัก งดของสด-ของคาว
ขอบันทึกไว้เป็นข้อมูลครับ


ตำนานเทศกาลกินเจ ทำไมต้องกินเจ
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12:50:44 น


ศิลปวัฒนธรรม เมษายน   ถาวร สิกขโกศล

เจ คืออะไร

“เจ” เป็นคำยืมจากภาษาจีนแต้จิ๋ว เสียงภาษาแต้จิ๋วเป็นเสียงกึ่งสระเอกับสระแอ ลูกหลานจีนในไทยบางคนจึงออกเสียงเป็น “แจ” ซึ่งก็ไม่ควรต้องเถียงกันว่าเสียงไหนถูก ในที่นี้จะใช้ตามเสียงที่แพร่หลายว่า “เจ” คำนี้ภาษาจีนกลางออกเสียงเป็น “Zhai ไจ, จาย”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ เก็บคำว่า “เจ” พร้อมทั้งให้นิยามไว้ว่า “เจ น. อาหารที่ไม่มีของสดคาวสำหรับญวนหรือจีนที่ถือศีล, แจ ก็ว่า (จ.)” ต่อมาในฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ปรับปรุงคำนิยามเป็น “เจ น. อาหารที่ไม่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์และผักบางชนิด เช่น กระเทียม กุยช่าย ผักชี, แจก็ว่า (จ. ว่าแจ)”

ตามนิยามหลักการกินเจต้องงดผักกลิ่นฉุนประเภทกระเทียม ผักชีด้วย จึงต่างจากมังสวิรัติ ซึ่งตามรูปศัพท์แปลว่า “งดเว้น (วิรัติ) เนื้อ (มังสะ : เนื้อคนและเนื้อสัตว์)” ดังที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้นิยามคำนี้ไว้ว่า

“มังสวิรัติ น. การงดเว้นกินเนื้อสัตว์, เรียกอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ มีแต่พืชผักว่า อาหารมังสวิรัติ” มังสวิรัติกับเจยังมีความแตกต่างกันอีก เช่น ผู้กินเจดื่มนมได้แต่ไม่กินไข่ ผู้ถือมังสวิรัติกินไข่แต่ไม่ดื่มนม เป็นต้น
 
ในภาษาไทยเก่าเรียกอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ว่า กระยาบวช พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้นิยามคำนี้ว่า “กระยาบวช น. เครื่องกินที่ไม่เจือด้วยของสดคาว” เครื่องกระยาบวชที่คนไทยใช้ไหว้เจ้าไหว้ผีตามปกติคือ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว กล้วยน้ำว้าหวีงาม นิยายอิงพงศาวดารจีนรุ่นเก่ามักแปลคำ “กินเจ” ว่า ถือศีลกินกระยาบวช คำมังสวิรัติเป็นคำที่เกิดขึ้นในยุคหลัง

สรุปว่า การกินเจกับการกินมังสวิรัติต่างกันชัดที่ มังสวิรัติกินผักได้ทุกชนิด แต่กินเจต้องงดผักที่มีกลิ่นฉุนด้วย แต่ละยุคแต่ละตำรากำหนดไว้ต่างกัน แต่ที่ถือปฏิบัติกันในเมืองไทยปัจจุบันคือ หอม กระเทียม กุยช่าย (หอมแป้น) หอมปรัง (หลักเกี๋ยว) และเฮงกื๋อ ซึ่งไม่มีในไทยจึงอนุโลมเอาผักชีแทน

เนื่องจากการกินเจกับกินมังสวิรัติต่างกัน คนจีนในเมืองไทยจึงใช้คำเรียกกิจกรรมทั้งสองนี้ต่างกัน กินเจภาษาจีนแต้จิ๋วเรียก “เจียะเจ (食斋)” ภาษาจีนกลางเรียก “ชือไจ (吃斋)” กินมังสวิรัติภาษาจีนแต้จิ๋วเรียก “เจียสู่ (食素)” ภาษาจีนกลางเรียก “ชือซู่ (吃素)”

เจในภาษาจีน

อักษร เจ ปรากฏครั้งแรกในจารึกโลหะสมัยราชวงศ์โจวแล้วพัฒนาจนลงตัวเป็นอักษรเสี่ยวจ้วนในยุคจั้นกั๋วปลายราชวงศ์โจว เป็นอักษรผสมประกอบด้วยอักษร “ฉี (齐 เรียบร้อย)” รวมกับอักษร “สื้อ (示    แสดง)” แล้วลดรูปรวมกันเป็นอักษร 斋 (ตัวตัดยุคหลังเป็น 斋) จีนกลางอ่านว่า Zhai แต้จิ๋วอ่านว่า เจ มีนัยความหมายว่า “แสดงถึงความเรียบร้อย, ทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยบริสุทธิ์”

ส่วนความหมายที่สมบูรณ์ชัดเจนนั้น อักขรานุกรมซัวเหวินเจี่ยจื้อ (อธิบายลายสือวิเคราะห์อักษร) ตำราอธิบายตัวอักษรเล่มแรกของจีน ซึ่งเขียนเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๖๔๓ ได้นิยามความหมายของอักษรนี้ไว้อย่างกระชับว่า 斋 : 戒洁也  อ่านว่า “เจ : ไก้เกียกเอี่ย (ไจ : เจี้ยเจี๋ยเหย่)” แปลว่า  เจ : คือการงดเว้นเพื่อความบริสุทธิ์ คำว่า ไก้ (ไก่หรือเจี้ย) ที่แปลว่างดเว้นนี้ต่อมาใช้เป็นคำแปลคำว่า “ศีล” ของพุทธศาสนาด้วย เกียก (เจี๋ย) แปลว่า บริสุทธิ์ สะอาด เอี่ย (เหย่) เป็นกริยา แปลว่า คือ คำว่า เจ จึงอาจแปลให้เข้าใจง่ายว่า “การถือศีลเพื่อความบริสุทธิ์” แต่เป็นศีลแบบจีนโบราณ ไม่ใช่ศีลของพุทธศาสนา และอาจใช้ในความหมายว่า เรียบร้อยสะอาดก็ได้

คนจีนโบราณมีความเชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่รับการติดต่อเซ่นสรวงจากคนสกปรกมีมลทิน ดังนั้นก่อนพิธีเซ่นสรวงหรือทำกิจสำคัญใดๆ ผู้ทำพิธีจะต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ถือศีลงดเว้นอาหารสดคาวคือเนื้อสัตว์และผักฉุนกลิ่นแรง งดสุรา กิจกรรมทางเพศ สำรวมกายใจให้บริสุทธิ์สะอาด โดยแยกตัวไปอยู่ในห้องต่างหากที่เตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เป็นระยะเวลานานตามที่กำหนด เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นว่าตนมีศรัทธาแน่วแน่และบริสุทธิ์สะอาดพอ เรียกว่า กินเจ

การกินเจเป็นการถือศีลแบบจีนโบราณ ข้อห้ามสำคัญประการหนึ่งคืองดเว้นอาหารสดคาว ดังปรากฏข้อความตอนหนึ่งในคัมภีร์จวงจื่อพูดถึงเหยียนหุยศิษย์เอกของขงจื๊อว่า “เหยียนหุยกล่าวว่า บ้านข้าพเจ้ายากจน ไม่ดื่มสุรา ไม่กินอาหารสดคาวแรมเดือนแล้ว เช่นนี้จะเรียกว่ากินเจได้หรือไม่?” หนังสือหลี่ว์สื้อชุนชิวเรื่องเดือนอ้ายกล่าวว่า “(เดือนนี้) โอรสสวรรค์กินเจ” มีคำอธิบายเสริมโดยอ้างคัมภีร์หลุนอี่ว์ (วิจารณ์พจน์) ว่า “กินเจต้องเปลี่ยนอาหาร เปลี่ยนที่อยู่ ทำตนให้บริสุทธิ์สุภาพ” ถือเป็นเรื่องสำคัญดังที่คัมภีร์หลุนอี่ว์ บรรพ ๗ ข้อ ๑๓ กล่าวว่า “ปราชญ์ขงจื๊อระวังมากเรื่องกินเจ สู้รบและเจ็บป่วย”
 
คัมภีร์หลี่จี้ (บันทึกจารีต) บรรพจี้ถ่ง (หลักการเซ่นสรวง) พูดถึงเรื่อง เจ สมัยราชวงศ์โจวไว้ชัดเจนว่า “เมื่อจะทำพิธีเซ่นสรวงบูชาประมุขต้องกินเจ เจคือความเรียบร้อยบริสุทธิ์, ชำระกายใจที่ไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์แน่วแน่. หากไม่มีเรื่องสำคัญ, ไม่มีเรื่องต้องเคารพนบนอบ, ประมุขก็จะไม่กินเจ. ช่วงไม่กินเจไม่มีข้อห้ามที่ต้องระมัดระวัง, ไม่ต้องควบคุมความอยาก. ครั้นถึงเวลาจะกินเจต้องระวังความชั่วร้าย, ระงับความอยาก. หูไม่ฟังดนตรี, ดังนั้นหนังสือโบราณจึงบันทึกว่า ‘ผู้กินเจไม่ฟังดนตรี’. ใจต้องไม่ฟุ้งซ่าน, ต้องอยู่ในวิถีแห่งธรรม. มือเท้าไม่เคลื่อนไหวไร้ระเบียบ, ต้องเรียบร้อยตามจารีต. การกินเจของประมุขต้องมุ่งให้ถึงคุณธรรมอันประเสริฐ,
 
ฉะนั้นต้องกินเจพื้นฐาน ๗ วัน สำรวมพฤติกรรมให้ใจสงบ, แล้วกินเจเข้มงวดขัดเกลาจิตใจอีก ๓ วัน เพื่อให้ใจผ่องใสแน่วแน่. ใจผ่องใสแน่วแน่เรียกว่า ‘เจ’ (คือความเรียบร้อยบริสุทธิ์). เจนี้แลคือยอดของความประเสริฐบริสุทธิ์, จากนั้นจึงสามารถ (ทำกิจ) เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้. ฉะนั้นก่อนถึงช่วงเวลากินเจหนึ่งวัน, พนักงานฝ่ายในต้องแจ้งเตือนชายาของประมุข. ชายาก็ต้องกินเจพื้นฐาน ๗ วัน เจเข้มงวด ๓ วัน. ประมุขกินเจที่ห้องฝ่ายหน้า, ชายากินเจที่ห้องฝ่ายใน, แล้วจึงไปพบกันที่หอพระเทพบิดร (หอบวงสรวงบรรพชน).”

จากข้อความตอนนี้เห็นได้ชัดว่า การกินเจต้องสำรวมขัดเกลากายวาจาใจคล้ายถือศีล แม้ไม่ได้กล่าวถึงอาหารแต่ก็พออนุมานจากหลักฐานอื่น เช่น คำพูดของเหยียนหุยข้างต้นได้ว่า ไม่มีเนื้อสัตว์
การกินเจแบบนี้ในยุคต่อมามักลดเหลือเฉพาะเจเข้มข้น ๓ วัน เช่น เมื่อเล่าปี่จะไปเชิญขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษาก็กินเจก่อน ๓ วัน

เจ ในภาษาจีนโบราณ จึงหมายถึง “ความเรียบร้อย ความเรียบร้อยบริสุทธิ์ การทำให้เรียบร้อยบริสุทธิ์ การถือศีลเพื่อความบริสุทธิ์สะอาด”. การกินเจมิใช่เพียงกินอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์และผักกลิ่นฉุนต้องห้าม, แต่เป็นการถือศีลแบบจีนโบราณดังที่กล่าวไว้ในคัมภีร์หลี่จี้.

ต่อมาอักษร เจ (ไจ) ขยายความหมายออกไปอีก มหาอักขรานุกรมจีน ( 汉语大字典 ) ประมวลไว้ ๑๐ ความหมาย คือ ๑. คนโบราณก่อนการเซ่นสรวงหรือกิจสำคัญ อาบน้ำชำระร่างกาย แยกห้องอยู่ งดสุรา อาหารสดคาว ระงับความทะยานอยาก ชำระใจให้บริสุทธิ์ เพื่อแสดงศรัทธาคารวะต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๒. เคร่งขรึม, เคารพ ๓. สถานที่กินเจ ๔. ห้อง, อาคาร ๕. ห้องหนังสือ, โรงเรียน ๖. ชื่อร้านค้า เช่น ร้านหญงเป่าไจที่ปักกิ่ง ๗. กิจกรรมประเภทสวดมนต์ไหว้พระ เซ่นสรวงบนบาน ๘. ศัพท์ทางพุทธศาสนา หีนยานถือการไม่กินอาหารหลังเที่ยงเป็นเจ มหายานถือการไม่กินอาหารเนื้อเป็นเจ ๙. ถวายอาหารแก่พระ เณร ภิกษุณี นักพรต และให้อาหารแก่คนยากจน ๑๐. อ่านว่า Zi (จือ) หมายถึงชุดไว้ทุกข์

ความหมายที่แปดเกี่ยวข้องกับศีลของพุทธศาสนา เมื่อรวมกับคำว่า 戒 (ไก่ เจี้ย) เป็น 斋戒 (เจไก่, ไจเจี้ย) หมายถึงศีลในพุทธศาสนา

อาหารเจของจีน

ลูกหลานจีนในไทยมักเรียกอาหารที่ไม่ใช่เจตามภาษาถิ่นแต้จิ๋วว่า ชอ (臊) ซึ่งแปลว่ากลิ่นคาวเนื้อ แต่ในภาษาจีนมาตรฐานนิยมใช้คำว่า 荤  จีนกลางอ่าน hun (ฮุน) แต้จิ๋วอ่าน ฮุง มากกว่าใช้คำว่า  臊 (ชอ sao) หรือ 腥  (เซ็ง xing) ซึ่งแปลว่า เนื้อ เรื่องนี้มีที่มายาวนาน

อักขรานุกรมซัวเหวินเจี่ยจื้อ แปลความหมายอักษร 荤 (ฮุน) ว่า “ผักเหม็น” หมายถึงผักที่มีกลิ่นฉุนแรง เป็นความหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์เลย แต่กลับใช้เรียกอาหารที่ไม่ใช่เจ ซึ่งมีเนื้อรวมอยู่ด้วยแทนอักษร 臊 (ชอ) และ  腥 (เซ็ง) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเนื้อโดยตรง แสดงชัดว่าอาหารเจของจีนตั้งแต่โบราณมาน่าจะไม่มีผักกลิ่นฉุนแรง
เหตุผลมีเค้าเงื่อนอยู่ในคัมภีร์ก๋วนจื่อ (管子) วรรณกรรมยุคจั้นกั๋ว บรรพชิงจัง (轻重 หนักเบา) ว่า

“หวงตี้เจาะรูปั่นไม้ทำให้เกิดไฟ เพื่อปรุงเนื้อและผักเหม็นให้สุก”  เนื้อดิบคาวแรงย่อยยากจึงต้องปรุงให้สุก ผักทั่วไปกินได้ทั้งดิบและสุก แต่ผักที่กลิ่นฉุนแรงกินดิบๆ ยาก ต้องปรุงให้สุกก่อนเหมือนเนื้อสัตว์จึงอนุโลมเป็นอาหารประเภทเดียวกันคือ “ไม่เจ”

ดังนั้น การใช้ศัพท์ ฮุน 荤 คำเดียวซึ่งหมายถึงกลิ่นฉุนแรงจึงครอบคลุมอาหารเนื้อด้วย ดีกว่าใช้ศัพท์ ชอ   臊  เซ็ง 腥 ซึ่งหมายเฉพาะอาหารเนื้อ ไม่กินความถึงผักกลิ่นฉุนแรงด้วย

ผักเหม็น (荤) ของจีนโบราณคงหมายถึงผักที่มีกลิ่นฉุนแรงทั้งหลาย แต่ละถิ่นแต่ละยุคคงมีจำนวนต่างกันไป ถึงสมัยราชวงศ์หมิง หลี่สือเจินรวมชื่อผักกลิ่นฉุนที่ใช้เป็นสมุนไพรแพร่หลายไว้ในหนังสือเปิ๋นเฉ่ากังมู่ (สารานุกรมสมุนไพร) ของเขา ๒๙ ชนิด แต่ที่เป็นผักต้องห้ามในการกินเจมี ๕ ชนิด เรียกว่า “อู่ฮุน (五荤) ผักเหม็นทั้งห้า”
พจนะสารานุกรมฉือไห่อธิบายคำนี้ไว้ว่า “อู่ฮุน : เรียกอีกอย่างอู่ซิง (ผักเผ็ดทั้งห้า) หนังสือเปิ๋นเฉ่ากังมู่ ตอนผัก ๑ ว่า

‘ผักเหม็นทั้งห้าก็คือผักเผ็ดทั้งห้า เพราะเผ็ดเหม็นทำให้มึนงงอ่อนล้า พวกฝึกอายุวัฒนะถือว่า กระเทียม กระเทียมเล็ก กุยช่าย (หอมแป้น) ผักชี หวินไถ (ผักน้ำมัน, ผักมัสตาร์ด) เป็นผักเหม็นทั้งห้า

พวกนักพรตเต๋าถือว่า กุยช่าย เซี่ย (หลักเกี๋ยว - หอมปรัง) กระเทียม ผักชี และหวินไถ เป็นผักเหม็นทั้งห้า ทางพุทธศาสนาถือว่า หอม กระเทียม กระเทียมเล็ก หลักเกี๋ยว และหิงคุ์เป็นผักเหม็นทั้งห้า หิงคุ์ คือ อาวุ่ย’ วิเคราะห์สรุป หิงคุ์รากคล้ายผักกาดหัว (ไชเท้า) ทั้งสุกและดิบกลิ่นคล้ายกระเทียม...”
 
คัมภีร์พุทธศาสนามหายานบอกชื่อผักเหม็น ๕ อย่างไว้ต่างกัน แต่ในเมืองไทยมักสรุปว่าได้แก่ หอม กระเทียม กุยช่าย หลักเกี๋ยว (หอมปรัง) และเฮงกื๋อ (มหาหิงคุ์) ผักเหล่านี้ภาษาล้านนามีชื่อนำว่า “หอม” ถึงสี่ชนิด คือ กระเทียม เรียกหอมขาว จึงต้องเรียกหอมธรรมดาว่า หอมแดง กุยช่าย เรียกหอมแป้น หลักเกี๋ยว เรียกหอมปรัง หัวและใบเล็กว่าหอมแดงแต่กลิ่นแรงกว่า ทั้งสี่ชนิดล้วนเป็นพืชในสกุล Allium

คำกระเทียมเล็กนั้นแปลจากคำว่า  เสี่ยวซ่วน (小蒜 เสียวสึ่ง) มหาพจนานุกรมจีน (汉语大词典) อธิบายว่า “เสี่ยวซ่วน : กระเทียมชนิดหนึ่งของจีน ต้นและใบเล็กกว่ากระเทียม จึงได้ชื่อเช่นนั้น...” กระเทียมทั่วไปนั้นภาษาจีนเรียกต้าซ่วน (大蒜  ตั้วสึ่ง) แปลตามรูปศัพท์ว่า กระเทียมใหญ่อย่างกระเทียมจีนในท้องตลาดทุกวันนี้ ทางพุทธอนุโลมเสี่ยวซ่วนเป็นกุยช่าย

เฮงกื๋อ (兴渠) นั้นเป็นเสียงแต้จิ๋ว ภาษาจีนกลางว่า ซิงฉวี ตรงกับคำบาลีว่า หิงฺคุ (หิงคุ์) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ferula asafoetida ยางมีกลิ่นร้อนฉุนและเหม็น ใช้ทำยาทามหาหิงคุ์ พืชสกุล Ferula มีหลายชนิด บางชนิดกินได้ ศัพท์เฮงกื๋อควรแปลว่า มหาหิงคุ์ ไม่ใช่ยาสูบอย่างที่บางคนอธิบายผิด เพราะยาสูบไม่ใช่ผักที่เป็นอาหาร ไม่รวมอยู่ในผักเหม็นห้าอย่าง แต่เป็นสิ่งเสพติดที่คนกินเจต้องงดแน่นอนอยู่แล้ว

ส่วนหวินไถ (芸苔) นั้นเสียงแต้จิ๋วว่า หุ่งไท้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brassica Campestris L. ผักในสกุล Brassica มีหลายชนิด คะน้า กะหล่ำปลี ผักกาดเขียว ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง ฯลฯ ล้วนอยู่ในสกุล Brassica หวินไถหรือหุ่งไท้นั้นถ้าคนไทยเห็นก็ต้องเรียกว่าผักกวางตุ้ง เพราะคล้ายกันมาก ดอกสีเหลือง ภาษาจีนปัจจุบันเรียกว่า อิ๋วไช่ (油菜) หรืออิ่วไฉ่ เม็ดใช้หีบเอาน้ำมัน มีหลายสายพันธุ์ย่อย บางชนิดกลิ่นฉุน เม็ดใช้ประกอบทำมัสตาร์ด จัดเป็นผักเหม็นชนิดหนึ่งของศาสนาเต๋าเช่นเดียวกับผักชี แต่ทางพุทธถือว่ากินได้ จึงเห็นได้ชัดว่า ผักฉุนต้องห้ามในอาหารเจของไทยถือตามแบบพุทธศาสนามหายาน

ผักเหม็นทั้งห้านี้ อินเดียก็คงมีมาแต่โบราณเช่นเดียวกับจีน เพราะฤๅษีที่ฉันผักผลไม้เป็นหลักส่วนมากฉันดิบ คงต้องงดผักผลไม้กลิ่นฉุนแรงเหมือนกัน พุทธศาสนามหายานรับคตินิยมนี้ต่อมา เมื่อแพร่มาถึงจีนจึงยังมีชื่อผักเหม็นทั้งห้าเป็นภาษาสันกสฤตอยู่คือ ลศุน (กระเทียม) ปลาณฑุ (หอมแดง) คฤญชนะ (หอมแป้น - กุยช่าย) ลตารกะ (หอมปรัง) และหิงคุ รวมเรียกว่า ปัญจปริวยยา แปลว่า ผัก (ราก) ที่มีกลิ่นฉุนทั้งห้า สี่ชนิดแรกแปลเทียบเป็นชื่อผักของจีนได้ แต่หิงคุถิ่นกำเนิดอยู่ในอินเดียและอิหร่าน จึงใช้ทับศัพท์ ซึ่งต่อมากลายเสียงเป็นภาษาแต้จิ๋วว่า เฮงกื๋อ สำเนียงอำเภอเตี้ยเอี๊ย เป็นเฮงกู๋ใกล้กับคำหิงคุมาก ส่วนของศาสนาเต๋าทั้งสองสายคือนักพรตและพวกฝึกอายุวัฒนะล้วนเป็นผักที่มีในจีน ไม่มีหิงคุของอินเดีย

ความเป็นมาของอาหรเจและมังสวิรัติของจีน

ภาษาจีนเรียกอาหารเจและอาหารมังสวิรัติรวมๆ กันว่า ซู่สือ (素食  ซู่เจี๊ยะ) แปลว่า “อาหารบริสุทธิ์ กินอาหารบริสุทธิ์” ถ้าเป็นอาหารเจมักใช้คำขยายให้ชัดว่า “ฉวนซู่ ( 全素 ฉ่วงสู่) แปลว่า “บริสุทธิ์สมบูรณ์”
การกินเจและมังสวิรัติของจีนมีความเป็นมายาวนาน สมัยโบราณคนกินเจน้อย จะกินต่อเมื่อมีหน้าที่และมีกิจจำเป็น เพราะความไม่สะดวกเรื่องอาหาร ซึ่งมีข้อจำกัดมากกว่ายุคหลัง

การกินอาหารเจของจีนมีรากฐานมั่นคงสมัยราชวงศ์ฮั่น พัฒนามากในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้และราชวงศ์ถัง
การเปิดเส้นทางสายไหมตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ทำให้มีพันธุ์ผักผลไม้ใหม่ๆ สู่จีน การเกษตรที่ก้าวหน้าทำให้มีผักผลไม้อุดมหลากหลายขึ้น ที่สำคัญคนของหวยหนันอ๋อง (พ.ศ. ๓๔๕-๓๖๙) ร่วมกันคิดทำเต้าหู้สำเร็จ หลังจากนั้นก็มีผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองประเภทอื่นตามมา ทำให้มีโปรตีนทดแทน ทำอาหารได้หลายประเภทขึ้น เมนูอาหารเจจึงเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในยุคราชวงศ์ฮั่นนี้

ในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ พุทธศาสนารุ่งเรืองมาก แม้เดิมทีพุทธศาสนาไม่ได้ห้ามภิกษุฉันเนื้อสัตว์ แต่มหายานบางสายก็ให้ความสำคัญแก่การฉันเจ จึงเกิดคัมภีร์ลังกาวตารสูตรสนับสนุนเรื่องนี้ อนึ่งช่วงฤดูหนาวภิกษุในจีนออกบิณฑบาตลำบาก บางยุคพุทธศาสนาก็ถูกต่อต้าน ภิกษุ ภิกษุณีต้องทำอาหารกินเอาเองจึงจำเป็นต้องฉันมังสวิรัติหรือเจตามประเพณีเดิมของจีน

ต่อมาพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ (พ.ศ. ๑๐๐๗-๑๐๙๒) ได้อ่านคัมภีร์ลังกาวตารสูตรแล้วศรัทธามาก ปี พ.ศ.๑๐๕๔ จึงออก “ประกาศงดสุราและเนื้อ (断酒肉文)” ให้นักบวชพุทธศาสนาถือปฏิบัติ ปกติฤดูหนาวคนจีนต้องดื่มสุราช่วย ภิกษุ ภิกษุณีก็คงมีดื่มบ้าง ตามประกาศนี้ต้องงดขาด พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ครองราชย์นานถึง ๔๘ ปี แคว้นเหลียงของพระองค์ก็กว้างใหญ่ราวครึ่งประเทศจีน แคว้นอื่น ๆ ทางเหนือพุทธศาสนาก็รุ่งเรืองมากเช่นกัน บัญญัติห้ามฉันสุราและเนื้อจึงแพร่ไปทั่ว กลายเป็นจารีตของนักบวชในพุทธศาสนาของจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากรัชกาลพระเจ้าเหลียงอู่ตี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคราชวงศ์ถังวัดบางแห่งห้ามผักฉุน ๕ อย่าง คือ กระเทียม กระเทียมเล็ก หอม หอมปรัง (หลักเกี๋ยว) มหาหิงคุ์ วัดเต๋าบางแห่งก็ถือเอา กุยช่าย หอมปรัง กระเทียม ผักชี และหวินไถ (ผักน้ำมัน) เป็นผักฉุน ๕ อย่าง แล้วแพร่หลายกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อมา

ถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง อาหารเจและมังสวิรัติแพร่หลายมาก ในเมืองใหญ่ เช่น ไคเฟิง หางโจวมีร้านอาหารเจเปิดขาย มีผู้รวบรวมเมนูอาหารเจไว้ถึง ๑๐๔ รายการ เนื้อเทียม เป็ดไก่เทียมก็เริ่มมีตั้งแต่ยุคนี้ ถึงยุคราชวงศ์หมิงและชิง อาหารไม่มีเนื้อสัตว์โดดเด่นหลากหลายมาก แยกได้เป็น ๓ สาย คือ สายวัด สายวัง และสายชาวบ้าน สายวัดไม่มีผักฉุนจัดเป็นอาหารเจ ส่วนสายวังและชาวบ้านเป็นอาหารมังสวิรัติธรรมดา หลังจากนั้นอาหารสองประเภทนี้ก็พัฒนาสืบต่อมาจนปัจจุบัน

มีศาสนาที่เกี่ยวข้องกับการกินเจอีกสองศาสนา คือ ศาสนาเต๋า และมณี

ปรัชญาเต๋า (道家) พัฒนาเป็นศาสนาเต๋า (道教) ชัดเจนตอนปลายราชวงศ์ฮั่น ไม่มีระบบนักบวชที่ชัดเจน มีแต่ผู้นำทำพิธีทางศาสนา ยามปกติก็ใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป พอจะทำพิธีทางศาสนาจึงกินเจตามแบบจีนโบราณ ถึงสมัยราชวงศ์ถังสำนักเต๋าบางแห่งจึงเริ่มกินเจทุกวัน ต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่ง เฮ้งเต้งเอี๋ยง (หวางฉงหยาง พ.ศ. ๑๖๕๕-๑๗๑๓) ได้ตั้งนิกายช้วนจินก้าแยกออกมาจากศาสนาเต๋าเดิม มีระบบนักบวชและกินเจตลอดชีวิตตามอย่างพุทธศาสนา

ปัจจุบันศาสนาเต๋าแบ่งเป็นสองนิกายใหญ่ นิกายช้วนจินก้ารุ่งเรืองในจีน นักพรตกินเจตลอด นิกายเจิ้งอี่ (เจี้ยอิด) รุ่งเรืองในไต้หวัน นักพรตกินเจแบบศาสนาเต๋าเก่าคือเมื่อจะทำพิธีกรรม ยามปกติกินหรือไม่กินเจก็ได้และไม่ถือเคร่งครัด
ส่วนศาสนามณีหรือมาณีกีเกิดในเปอร์เซีย ศาสดาชื่อมณีหรือ Manes (พ.ศ. ๗๕๙-๘๒๐) คำสอนอาศัยหลักของศาสนาโซโรอัสเตอร์เป็นพื้นฐานผสมผสานกับคำสอนของพุทธศาสนาและคริสต์ศาสนา

ทั้งยังได้รับอิทธิพลจากลัทธิเหตุผลนิยม (Gnosticism) ของโรมัน ศาสนามณีเคยรุ่งเรืองแพร่หลายทั้งในยุโรป แอฟริกาและเอเชีย แพร่ถึงซินเจียงในช่วงราชวงศ์เหนือ-ใต้ ตั้งแต่สมัยพระนางบูเช็กเทียนเข้าไปเผยแพร่ในนครฉางอานเมืองหลวงของราชวงศ์ถัง แล้วแพร่หลายในจีนหลายมณฑล พ.ศ. ๑๓๘๘ ถูกพระเจ้าอู่จงกวาดล้างจนเสื่อมโทรมไป แต่ได้พัฒนาไปเป็นลัทธิเม้งก้า (หมิงเจี้ยว) หรือลัทธิแสงสว่าง

พจนานุกรมศัพท์ศาสนา (宗教大词典) ของจีนอธิบายลัทธิเม้งก้าไว้ว่า : “เม้งก้า (หมิงเจี้ยว) : (๑) องค์กรลับทางศาสนา ซึ่งสืบเนื่องมาจากศาสนามณี มีศาสนาพุทธและเต๋าคละเคล้าผสมอยู่ด้วย กบฏชาวนาในยุคห้าราชวงศ์ ราชวงศ์ซ่งและราชวงศ์หยวนมักใช้เป็นเครื่องมือตั้งองค์กรของพวกตน ยกย่องจางเจี่ยว (เตียวก๊กหัวหน้าโจรโพกผ้าเหลืองในต้นเรื่องสามก๊ก) เป็นศาสดา เคารพองค์พระมณีเป็นเทพแห่งแสงสว่าง บูชาพระอาทิตย์พระจันทร์.

ศาสนิกชอบแต่งชุดขาว กินมังสวิรัติ งดสุรา เปลือยศพฝัง. เน้นการรวมกลุ่มช่วยเหลือกัน เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน มีความเชื่อว่าพลังแห่งแสงสว่าง (ความดี) จะต้องชนะพลังแห่งความมืด (ความชั่ว) พ.ศ. ๑๔๖๓ ในยุคห้าราชวงศ์หมู่อี่ได้อ้างความเชื่อนี้ก่อการกบฏ ในยุคราชวงศ์ซ่ง ลัทธินี้แพร่หลายแถบหวยหนัน (มณฑลเจียงซู และบางส่วนของมณฑลเหอหนันกับมณฑลอานฮุย) เจ้อเจียง เจียงซี เจียงตง และฮกเกี้ยน รวมตัวกันเป็นกบฏชาวนาอยู่เสมอ ที่โด่งดังมากคือ กบฏฟางเล่า (ปึงละในเรื่องซ้องกั๋ง) กบฏหวางเนี่ยนจิง เป็นต้น (๒) คือศาสนามณี.”

ตามประวัติกล่าวว่า มาเนสหรือมณีถือมังสวิรัติตามปาติกบิดาตนซึ่ง “ได้ยินเสียงลึกลับในโบสถ์ที่เตสิโฟน (Ctesiphon) สั่งให้ท่านงดเว้นการดื่มไวน์ การบริโภคเนื้อสัตว์และการส้องเสพกามารมณ์” แต่เมื่อศาสนานี้เข้าสู่จีนได้รับคำสอนของพุทธศาสนาและศาสนาเต๋าไปผสมกับคำสอนเดิมของตนมา ลัทธิเม้งก้าก็ได้รับอิทธิพลจากพุทธและเต๋ามาก

การกินเจ ๑-๙ ค่ำ เดือนเก้ามีประวัติเกี่ยวข้องกับองค์กรลับทางศาสนาและการเมืองอยู่ด้วยในบางยุค ที่สำคัญคือ แต่งชุดขาวเหมือนกัน ดังนั้น สำนักวัดฝอกกวงซานในไต้หวันจึงกล่าวว่า กิจกรรมนี้มีที่มาจากลัทธิเม้งก้าหรือศาสนามณี ผู้ใช้นามปากกา “แปลงนาม” เชื่อทฤษฎีนี้มากที่สุด แต่ผู้เขียนเห็นว่าควรศึกษาให้รอบด้านมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยสรุป
หากพูดถึงการกินเจของจีนโดยองค์รวมแล้ว เราไม่อาจปฏิเสธว่าพุทธศาสนาเป็นพลังผลักดันให้การกินเจของจีนแพร่ออกไปมากที่สุด มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมกินเจของจีนสูงสุด

ทั้งนี้เพราะตามวัฒนธรรมเดิมของจีน การกินเจเป็นเรื่องของชนชั้นปกครองหรือผู้นำและจะกินเฉพาะเมื่อจะทำพิธีกรรมหรือกิจสำคัญเท่านั้น

ตั้งแต่ราชวงศ์เหนือ-ใต้เป็นต้นมาการกินอาหารมังสวิรัติเป็นจารีตของนักบวชพุทธ พุทธศาสนาก็รุ่งเรืองแพร่หลายมาก มีวัดทั่วประเทศนับแสน ภิกษุ ภิกษุณีนับล้าน ถึงยุคราชวงศ์ถังพุทธศาสนาแพร่เข้าไปในหมู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิกายเซนกับนิกายสุขาวดี ชาวบ้านก็น่าจะถือเอาการงดบริโภคเนื้อสัตว์เป็นบุญจริยามากขึ้น ที่สำคัญพุทธศาสนาทำให้การกินมังสวิรัติพัฒนาเป็นการกินเจอย่างสมบูรณ์ เพราะมีเรื่องการถือศีลร่วมอยู่ด้วย ผักฉุน ๕ อย่างก็ลงตัวชัดเจนในพุทธศาสนาก่อน และเป็นแบบแผนในการกินเจตลอดมาจนปัจจุบัน

ทางศาสนาเต๋า นักพรตเพิ่งจะกินเจอย่างสมบูรณ์จริงๆ ก็เพราะนิกายช้วนจินก้าในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ ความแพร่หลายของศาสนาเต๋าก็ไม่อาจเทียบกับพุทธได้ศาสนามณีและลัทธิเม้งก้าแพร่หลายในวงจำกัดยิ่งกว่า อิทธิพลต่อการกินเจทั่วไปเทียบกับพุทธศาสนาไม่ได้อย่างแน่นอน

แม้กระนั้นเราก็ไม่อาจเหมาเอาว่าการกินเจเกิดจากพุทธศาสนา เพราะจีนมีประเพณีกินเจมาแต่โบราณ แต่พุทธศาสนาเข้ามาเติมเต็มทำให้สายธารแห่งการกินเจแผ่กว้างออกไปเป็นแม่น้ำใหญ่และมหาสาครอันไพศาลแผ่ซ่านไปทั่วทุกถิ่นที่มีคนจีน

อนึ่งหลังจากการกินเจได้รับความนิยมแล้ว มีการกินเจในโอกาสต่างๆ เกิดขึ้นอีกมาก เช่น กวนอิมเจในช่วงประสูติกาลของพระโพธิสัตว์กวนอิม ๑๙ ค่ำ เดือนยี่ ความศรัทธาในพระกวนอิมทำให้การกินเจแผ่ขยายไปอีกมากทั้งในอดีตและปัจจุบัน

เราจึงไม่อาจปฏิเสธคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนามหายานต่อวัฒนธรรมการกินเจ คนที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้เท่ากับหลับตาไม่ยอมมองความจริง ชาวบ้านจีนกินเจเพราะอิทธิพลพุทธศาสนาเป็นสำคัญ รองลงไปคือศาสนาเต๋า ดังจะเห็นได้จาก เจ ประเภทต่างๆ ของจีนในหัวข้อต่อไป

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1350278384&grpid=03&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7304 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2555, 18:23:57 »

วันนี้หย่อมความกดอากาศสูงในมหาสมุทรแปซิฟิก ติดกับด้านตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ยังไม่มีการตั้งชื่อ
ทิศทางเดินมีแนวโน้มเข้าสู่กรุงมนิลา ของฟิลิปปินส์






ส่วนในมหาสมุทรอินเดีย หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงอยู่
ส่งผลให้ช่วงเส้นศูนย์สูตรระหว่างหย่อมความกดอากาศทั้งคู่มีเมฆหนาแน่นมาก






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7305 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2555, 20:21:07 »

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้.........
ภาคใต้ทั้งสองฝั่งมีฝนเพิ่มขึ้นในสภาพที่หนักและหนักมาก คลื่นลมแรง ชาวเรือต้องระมัดระวัง
ภาคเหนิือ ภาคอีสาน ภาคกลาง อากาสเริ่มเย็นลง ต้องระวังสุขภาพ


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 23 ตุลาคม 2555
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้"

ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2555
 
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  ในช่วงวันที่ 23-25 ตุลาคม 2555 หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนกลางและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนหนาแน่นและมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไประวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา ลำพูน ลำปาง และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #7306 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2555, 10:13:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 18 ตุลาคม 2555, 12:10:53
พี่'อร คุณต้อย16 น้องแหลม

แผลเริ่มแห้ง และตึงผิวพอสมควรครับ

งานทัวร์ครั้งนี้ ยกความดีให้น้องหมอตุ่น สพ25 หลังนำทริ๊ปก่อนหน้านั้นไป 2 รอบแล้ว
การจัดทริ๊ปทัวร์คงต้องพัฒนารูปแบบและวิธีการไปเรื่อยๆ เพราะแต่ละจังหวัดองค์ประกอบไม่น่าจะเหนือนกัน
ต้องถามน้องแหลม-ในฐานะลูกทัวร์ เป็นอย่างไรบ้าง ??



คุณต้อย

เข้าเว็ปซีมะโด่งเครื่องไหนแล้วปิดโปรแกรมโดยไม่ได้ sing out พอเปิดเข้าไปใหม่ด้วยเครื่องนั้น
มันจะเปิดให้เราทันที ด้วยชื่อที่ sing in ไว้ครับ

อย่าลืม วันที่ 23 ต.ค. เป็นวันสุดท้ายของการทานอาหารเจ ด้วยน่ะ

หวัดดีค่ะเหยง  เราได้ทานเจครบเพราะเมื่อวานงานซีมะโด่งพบกันวันปิยมหาราชมีอาหารเจฝีมือคุณอ้อยภรรยาโด่งอร่อยจน
มีคนเข้าเจเพิ่ม ได้รับความสุขเอามาเผื่อแผ่ดูจากรูปแล้วกัน ว่าแต่เราโพสรูปไม่ได้นี่ซิรอเหยงว่างเขียนบรรยายมาหน่อยอ่านของพี่ป๋องก็แล้ว  เห่อ วัยหนอวัย
      บันทึกการเข้า

เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7307 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2555, 19:05:45 »

ได้ความรู้ การกินเจ เพียบเลย น้องเหยง ขอบคุณ
ตอนนี้ บางบัวทอง ฝนกำลังตกค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7308 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2555, 20:38:09 »

พี่'อร

เช่นกันครับ นครสวรรค์เริ่มตกเมื่อเวลา 20.30 น.โดยประมาณ ฝนตกค่อนข้างแรงพอสมควร
ก็ดีไปอย่างครับ หลังจากฝนขาดเม้ดมาหลายวัน และมีแนวโน้มว่าจะแล้งตั้งแต่เริ่มหน้าหนาว ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7309 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2555, 20:41:28 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 24 ตุลาคม 2555, 10:13:40
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 18 ตุลาคม 2555, 12:10:53
พี่'อร คุณต้อย16 น้องแหลม

แผลเริ่มแห้ง และตึงผิวพอสมควรครับ

งานทัวร์ครั้งนี้ ยกความดีให้น้องหมอตุ่น สพ25 หลังนำทริ๊ปก่อนหน้านั้นไป 2 รอบแล้ว
การจัดทริ๊ปทัวร์คงต้องพัฒนารูปแบบและวิธีการไปเรื่อยๆ เพราะแต่ละจังหวัดองค์ประกอบไม่น่าจะเหนือนกัน
ต้องถามน้องแหลม-ในฐานะลูกทัวร์ เป็นอย่างไรบ้าง ??



คุณต้อย

เข้าเว็ปซีมะโด่งเครื่องไหนแล้วปิดโปรแกรมโดยไม่ได้ sing out พอเปิดเข้าไปใหม่ด้วยเครื่องนั้น
มันจะเปิดให้เราทันที ด้วยชื่อที่ sing in ไว้ครับ

อย่าลืม วันที่ 23 ต.ค. เป็นวันสุดท้ายของการทานอาหารเจ ด้วยน่ะ

หวัดดีค่ะเหยง  เราได้ทานเจครบเพราะเมื่อวานงานซีมะโด่งพบกันวันปิยมหาราชมีอาหารเจฝีมือคุณอ้อยภรรยาโด่งอร่อยจน
มีคนเข้าเจเพิ่ม ได้รับความสุขเอามาเผื่อแผ่ดูจากรูปแล้วกัน ว่าแต่เราโพสรูปไม่ได้นี่ซิรอเหยงว่างเขียนบรรยายมาหน่อยอ่านของพี่ป๋องก็แล้ว  เห่อ วัยหนอวัย

อ้าว ไหง?? เป็นอย่างงั้นไปได้  งง งง

ลองโพสต์ตามที่พี่ป๋องนั้นถือว่า ชัดเจนสุดๆ เลยครับ
หากยังไม่ได้บอกมาใหม่อีกหน
ทั้งพี่ป๋อง และน้องหยี เป็นมืออธิบายได้ละเีอียดและเข้าใจง่ายที่สุดเลย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7310 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2555, 20:49:44 »

พายุที่ไม่ได้ระบุชื่อเมื่อ 2 วันก่อน เริ่มมีฤทธิ์แล้ว โดยได้ชื่อในภาษาเวียตนามว่า "Son Tinh"

พายุจะพัดผ่ากลางกรุงมนิลา เข้าสู่ทะเลจีนใต้ ผ่านเวียตนาม สปป.ลาว และเข้าไทย(อีสานและภาคเหนือ)ด้วย




ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงจุดที่พายุอยู่ในวันนี้...
แสดงถึงความความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้




ส่วนมหาสมุทรอินเดีย ก็มีหย่อมความกดอากาศสูงขึ้นมา 1 จุด



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7311 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2555, 20:54:37 »

"รอยล"เชื่ออิทธิพลพายุเซินตินห์ช่วยบรรเทาภัยแล้งหลาย จว.
24 ตุลาคม 2555 17:54 น.


        กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ขณะนี้พายุโซนร้อนเซินตินห์อยู่บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคาดว่าพายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวลงทะเลจีนใต้ตอนกลางในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย แต่ในช่วงวันที่ 27-30 ตุลาคมนี้ จะเริ่มทำให้ฝนตกมากขึ้นในภาคอีสาน
        เว็บไซต์ภัยพิบัติดอทคอมชี้ว่า ทิศทางพายุจะผ่านทะเลจีนใต้ เข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนเหนือ ถึงแม้ไม่เข้าไทย แต่จะได้รับอิทธิพลทางอ้อม
        ด้าน นายรอยล จิตรดอน ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ. กล่าวว่า พายุเซินตินห์จะไปสลายตัวที่ประเทศลาว ใกล้ภาคอีสานตอนเหนือ จึงได้รับอิทธิพลจากพายุฝน ในช่วงวันที่ 27-28 ตุลาคมนี้ ช่วยบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้งในหลายจังหวัด ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000130227
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7312 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2555, 22:30:58 »

ฝนหยุดตกแล้วครับ หลังจากใช้เวลาตกมาเกือบ 2 ชั่วโมง จนถึงขณะนี้ 22.30 น.
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #7313 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 03:53:21 »

เวลานั้น หลับแล้ว

ที่นนทบุรีหยุดสามทุ่ม

ตื่นมา อ่านรายงานอากาศก่อนเลย
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #7314 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 08:43:26 »

           เช้านี้อากาศดีมากเลยน่ะค่ะน้องเริง  คุณเหยงเมื่อคืนให้ลูกแนะโพสรูปให้
           ผ่านค่ะ  ที่ไม่ผ่านตอนแรกก็ดึงรูปจากไฟล์ที่เก็บไว้ไม่ได้ เลยต้องจ่ายค่าสอนให้
           เอ้าโชว์ฝีมือรูปพี่ๆน้องๆ
      บันทึกการเข้า

Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #7315 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 08:48:44 »


      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7316 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 11:27:39 »

สวัสดีพี่ตู่ พี่'อร คุณต้อย น้องเริง

ฟ้าหลังฝนในวันนี้คือ อากาศที่เริ่มกลับมาร้อนอบอ้าวเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม 27, 28 , 29 คงต้องรออิทธิพลจากพายุ Son Tinh ที่จะพัดเข้าฝั่งเวียตนามพร้อมแผ่ขยายอิทธิพลของฝน
ซึ่งอาจจะเป็นฝนชุดสุดท้ายของปีนี้ก็เป็นไปได้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7317 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 11:42:53 »

พายุโซนร้อน Son Tinh แนวเดินพัดเข้าเวียตนามเหนือ ผ่านกรุงฮานอยแล้วจะเยื้องขึ้นเหนือ



ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงจุดที่อยู่ ซึ่งวันนี้น่าจะอยู่ใต้กรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์
ในภาพยังแสดงถึงหย่อมความกดอากาศต่ำในภาคใต้ของไทย ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อฝนและคลื่นลมในทะเลทั้งสองฝั่งของอ่าวไทย

      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7318 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 12:53:58 »

เช้านี้ ฟ้า โปร่งมาค่ะ น้องเหยง
แดดจัด ที่เดียว
วันก่อน ได้คุยกันกับชาวสวนยาง
 ที่เราเห็น ว่า ราคายางแผ่น ๑๐๐ บาทนั้น เป็นราคาที่เห็นในสื่อ
แต่ชาวสวนยางขายตจริงได้แค่ ๘๐ บาท
แถมคนซิ้อแทบจะส่องทุกแผ่น หากมีเส้น มี ฟอง ก็จะปัดตก เป็นยางเสีย เหลือ ๖๐ บาท
ชาวสวนยางก็จะพยายามเก็บไว้ ให้ได้ราคาดีกว่า นี้
กลเม็ดการซื้อผลผลิตของชาวสวน คงมีอีกมาก นะคะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7319 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 17:42:27 »

พี่'อร

ประเด็นอยู่ตรงที่ ชาวสวนยางต้องรักษามาตรฐานยางแผ่นของตัวเองให้ได้ก่อน
เท่าที่ทราบมา แผ่นยางต้องเรียบ ไม่มีฟองอากาศเพราะใช้การรัดเพื่อเป็นแผ่น สะดวกในการเก็บรักษาและขนส่ง
ที่ผ่านๆมา ชาวนา-ชาวไร่-ชาวสวน ไม่คำนึงถึงผลผลิตของตัวเอง
ผมเคยอ่านและดูภาพในห้องของน้องหยี ที่ไปตรวจเยี่ยมคนไทยที่ไปรับจ้างทำงานไร่อยู่ในโปรตุเกส
เขาเก็บสตรอเบอรี่และคัดเแพาะขนาดใหญ่บรรจุและส่งขายทั่ว EU
หากผลมีขนาดเล็กหรือผิดรูป เขาจะมิ้งทั้งหมด เพื่อรักษาคุณภาพและรักษาราคา
หากเป็นคนไทยจะปนผลเล็กเข้าไป แต่รับราคาเต็ม ซึ่งมันไม่แฟร์และไม่ถูกต้อง


ตอนนี้จำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ด แถมกำลังมีการเรียกร้องให้จำนำหัวมันสำปะหลังทุกหัวในราคา กก.ละ 3 บาท
สรุป ประเทศไทยปลูกเพื่อจำนำ ไม่ได้มีไว้กิน-ไว้ค้า-ไว้ขาย
       คนรวยคือ ผู้ร่วมโครงการทั้งทำหน้าที่แปรสภาพ และโกดังรับฝาก
       แสบหนักกว่าคือ ขโมยของในคลังออกไปขายและรอประมูลซื้อถูกเพื่อหักกลบลบหนี้กัน ?? + !!!




เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จี้ รบ.รับจำนำมันฯทุกหัว 3 บาทต่อกิโลฯ
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17:01:44 น.
 

ที่รัฐสภา นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส. จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมราคาผลิตผลเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร  นำเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคตะวันออกได้แก่ จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเทริงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา และบุรีรัมย์ แถลงข่าว ที่รัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดราคารับจำนำมันสำปะหลังในเดือนตุลาคม 2555-มีนาคม2556 จากราคา 2.50 บาท ต่อกิโลกรัม เป็นราคา 3 บาท ต่อกิโลกรัม และให้รับจำนำมันสำปะหลังทุกหัว ซึ่งในแต่ละปีมีมันสำปะหลังออกสู่ตลาดมากถึง 27 ล้านตัน แต่รัฐบาลกลับรับจำนำเพียง 15 ล้านตันเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการช่วยเหลือ เพื่อทุเลาความเดือดร้อนเกษตรกรที่ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาขายกลับไม่เพิ่มขึ้นตาม


 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1351156201&grpid=&catid=01&subcatid=0100
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7320 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 18:20:13 »

พายุโซนร้อน "ซอนตินห์ Son Tinh" ชื่อเวียตนาม กำลังจะไปเยี่ยมเวียตนามในช่วงปลายเดือนนี้แน่นอน ??


มาอีกลูก .. "เซินตีง" เทพแห่งขุนเขา นัดถล่มเวียด-ลาว-อีสานเหนือ
25 ตุลาคม 2555 15:00 น.
       .
       ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- พายุโซนร้อนลูกใหม่ก่อตัวขึ้นที่บริเวณหมู่เกาะฟิลิปปินส์ในต้นสัปดาห์นี้ และ ต่างไปจากพายุลูกอื่นๆ ที่พัดเข้าทะเลจีนใต้ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งมักจะที่อ่อนกำลังลง แต่พายุโซนร้อนเซินตีง (Sơn Tinh) มีแนวโน้มที่จะทวีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ในวันสองวันข้างหน้า
       
       ไต้ฝุ่นเซินตีงจะยังแรงไม่หยุดเมื่อพัดเข้าถึงชายฝั่งเวียดนาม ทะลุทะลวงเข้าดินแดนลาว ภาคอีสานตอนบน และอาจจะรวมถึงเขตป่าต้นน้ำในภาคเหนือตอนบนของไทยวันที่ 29 ต.ค.นี้ ขณะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและดีเปรสชั่นตามลำดับ
       
       ในวันพฤหัสบดี 25 ต.ค. พายุเซินตีงพัดกระหน่ำเข้าสู่ตอนกลางของฟิลิปปินส์ทำให้เกิดฝนตกหนักและท้องทะเลปั่นป่วนในเขตวิซายาส (Visayas) หรือหมู่เกาะภาคกลางของประเทศและกำลังมุ่งหน้าเข้าทะเลจีนใต้
       
       ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอย เช่นเดียวกันหน่วยงานความเสี่ยงจากภายุโซนร้อนหรือ Tropical Storm Risk ในกรุลอนดอน เชื่อว่าไต้ฝุ่นชื่อเวียดนามลูกนี้กำลังจะทวีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ในวันศุกร์ ขณะเคลื่อนเข้าทะเลจีนใต้และมีแนวโน้มที่จะถึงชายฝั่งภาคกลางเวียดนามย่านนครด่าหนัง (Đà Nẵng) ในวันเสาร์นี้
       
       แผนภูมิพยากรณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาฯ ที่ออกในเช้าวันพฤหัสบดีนี้ แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นเซินตีง พัดทะลวงเข้าสู่ แขวง (จังหวัด) คำม่วน และกับแขวงบอลิคำไซของลาวในวันเสาร์ ทั้งยังแจ้งเตือนให้ฝ่ายต่างๆ ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับเส้นทางของไต้ฝุ่นลูกนี้ต่อไป
       
       อย่างไรก็ตาม ตามแผนภูมิพยากรณ์ของศูนย์เตือนภัยใต้ฝุ่น หรือ Joint Typhoon Warning Center ของกองทัพเรือสหรัฐ ที่ออกในเช้าวันพฤหัสบดีนี้ แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นเซินตีง พัดขึ้นเหนือเข้าฝั่งเวียดนามที่ จ.นีงบี่ง (Ninh Bình) และพัดผ่านผ่านรอยต่อชายแดนเวียดนาม-ลาวในวันจันทร์ 29 ต.ค. ก่อนจะสลายไปในมณฑลหยุนหนันของจีน
       
       ถ้าหากเป็นไปตามนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและภาคเหนือของลาวก็จะได้รับผลกระทบน้อยลง
       
       สำหรับเวียดนาม เซินตีงเป็นพายุลูกที่ 8 ที่พัดเข้า "ทะเลตะวันออก" ในปีนี้ มันกำลังจะทำให้ทะเลปั่นป่วน เกิดคลื่นลมแรงและเป็นอัตรายอย่างยิ่งต่อเรือหาปลาใหญ่น้อย
       
       ศูนย์อุตุนิยมวิทยาฯ ได้แจ้งเตือนให้จังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง ตั้งแต่ภาคเถื่อเทียนเหว (Thừa Thiên Huế) ลงไป จนถึงภาคกลางตอนล่าง จ.บี่งทวน (Bình Thuận) ให้เตรีมรับมือกับลมแรงและฝนตกหนัก ตั้งแต่บ่ายวันศุกร์นี้เป็นต้นไป
       
       “เซินตีง” เป็นเทพแห่งขุนเขาในนิทานเกี่ยวกับต้นกำเนิดแห่งฤดูมรสุมของเวียดนาม ในนิทานดังกล่าวเซินตีงต้องใช้อิทธิฤทธิ์นานัปการ ต่อสู้กับ “ถวีตีง” (Thủy Tinh) เทพแห่งสมุทร ที่หลงรักหญิงคนเดียวกันนั่นก็คือ เจ้าหญิงมิเนือง (Mị Nương) พระราชธิดาผู้เลอโฉมของกษัตริย์หุ่งเวือง (Hùng Vương) แห่งอาณาจักรเวียดนามในครั้งโบราณกาล
       
       ถวีตีงไม่ยอมแพ้ถึงแม้พระมหากษัตริย์จะยกเจ้าหญิงให้แก่เซินตีงไปแล้วก็ตาม เทพแห่งสมุทรได้ระดมไพร่พล และใช้อิทธิฤทธิ์ประดามี รวมทั้งคลื่นลมแรง เข้าโจมตีหวังทำลายล้างฝ่ายเทพแห่งขุนเขา การสู้รบดำเนินไปหลายยก ไม่มีฝ่ายแพ้ชนะและกลายเป็น “ศึกชิงนาง” ที่ยืดเยื้อมาจนทุกวันนี้
       
       ในเดือนเดียวกันของทุกปี “ถวีตีง” จะนำกองทัพเข้าโจมตีเทพแห่งขุนเขา ซึ่งกลายเป็นที่มาของฤดูมรสุม
       
       แต่ต่างไปจากในนิทานโบราณ .. ที่ “เซินตีง” เป็นฝ่ายต่อต้านพายุ วันนี้ไต้ฝุ่นเซินตีงกำลังข้ามทะเลจีนใต้มุ่งหน้า
       ซัดเข้าฝั่งเวียดนามเสียเอง.

       .


       2


 
       3


 
       4


 
       5

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000130573
 




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7321 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2555, 18:32:44 »

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงได้เคลื่อนไปปกคลุมทะเลอันดามันตอนบนแล้ว ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์กระจาย
อนึ่ง เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ พายุโซนร้อน “เซินตินห์” (SON-TINH)
ได้เคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ ลงทะเลจีนใต้ตอนกลางแล้ว และจะทวีกำลังแรงขึ้น อีก คาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 28 ตุลาคม 2555 นี้

 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.
 

ภาคเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7322 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2555, 12:20:23 »

เมื่อสักครู่ (12.02 น.) อจ.เผ่า แวะไปเยี่ยมที่บ้านครับ

ท่านขึ้นไปทำธุระที่จังหวัดนครสวรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นที่จบ สถ. ที่นั่น
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7323 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2555, 13:55:05 »

สปป ลาว สมาชิกองค์การการค้าโลก ลำดับที่ 158

"ลาว"เตรียมเข้าเป็นสมาชิก"องค์การการค้าโลก" 26 ต.ค.นี้
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 20:00:12 น.

หลังจากเคยเป็นประเทศที่ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมาเป็นเวลานาน อันเนื่องมาจากข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่ไม่มีทางออกทะเล แต่ปัจจุบัน ลาว ซึ่งมีประชากรราว 6.4 ล้านคน หวังว่าทุกสิ่งกำลังจะเปลี่ยนไปหลังจากวันศุกร์นี้ (26 ต.ค.)

องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ซึ่งมีสมาชิก 157 ประเทศเตรียมรับรองให้ลาวเป็นสมาชิกในวันศุกร์นี้ หลังจากใช้เวลาเจรจามานานถึง 15 ปี นักวิเคราะห์มองว่า การเป็นสมาชิกจะช่วยผลักดันการปฏิรูปในลาวให้เดินหน้าเร็วขึ้น

คาดว่ารัฐสภาลาวจะให้สัตยาบันการเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปีหน้า องค์การการค้าโลกเผยว่า จนถึงขณะนี้ลาวได้แก้ไขและบังคับใช้กฎหมายตามหลักเกณฑ์ขององค์การการค้าโลกแล้วกว่า 90 ฉบับ

นายฮัล ฮิลล์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียมองว่า ขณะนี้ลาวซึ่งมีประชากร 6.4 ล้านคน มีศักยภาพในการแข่งขันอย่างแท้จริง การเข้าร่วมองค์กรระหว่างประเทศจะช่วยให้การปฏิรูปภายในประเทศเดินหน้าในเร็วขึ้น เพราะจะถูกตรวจสอบเรื่องการกีดกันทางการค้า แม้ว่าก่อนหน้านี้ลาวตกลงจำกัดภาษีนำเข้าสินค้าเฉลี่ยไม่ให้เกินร้อยละ 18.8 จำกัดการอุดหนุนสินค้าเกษตร และเปิดให้ต่างชาติเข้าถึงตลาดอุตสาหกรรม 10 ชนิดแล้วก็ตาม

ข้อมูลของธนาคารพัฒนาเอเชียระบุว่า ธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าพลังน้ำที่เฟื่องฟูช่วยให้ลาวมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ปีนี้เศรษฐกิจลาวขยายตัวร้อยละ 7.9 ยอดนำเข้าและส่งออกขยายตัวเป็นตัวเลข 2 หลัก

ตามข้อมูลขององค์การการค้าโลก ระบุว่า ลาวได้ทำการแก้ไขและตรากฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์กร ซึ่งจะเห็นได้จากการเปิดตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2011 และแผนการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรปในเดือนหน้า

ปัจจุบันลาวได้สิทธิพิเศษทางการค้าจากประเทศตะวันตก จีน และสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เฉพาะอาเซียนครองส่วนแบ่งตลาดส่งออกของลาวถึงร้อยละ 70 จากมูลค่าการส่งออกทั้งหมด 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 68,200 ล้านบาท) ต่อปี สิ่งทอเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่สุดของลาว ขณะที่อาหารและเครื่องดื่มครองสัดส่วน 3 ใน 4

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1351156365&grpid=&catid=06&subcatid=0600

 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7324 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2555, 20:59:28 »

จีนวางแผนและลงทุนใหญ่โต แต่คนไทยแทบไม่รู้เรื่องรู้ราว

จีนอัดฉีดทุน 7 พันล้าน $US ให้ลาว สร้างทางรถไฟความเร็วสูงคุนหมิง-เวียงจันทร์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ตุลาคม 2555 16:45 น.

เส้นทางรถไฟความเร็วสูงคุนหมิง-เวียงจันทร์ หนึ่งในเส้นทางสายเอเชียที่จีนวางแผนขยายต่อผ่านไทยไปจนถึงสิงคโปร์ (ภาพ-เอเยนซี่)


       เฟิ่งหวง-จีนเตรียมเซ็นสัญญากับลาวในการเป็นผู้จัดหาเงินทุน 7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ สร้างทางรถไฟความเร็วสูงสายคุนหมิง-เวียงจันทร์ ซึ่งเป็นสายสำคัญสายหนึ่งในโครงการทางรถไฟสายเอเชียที่จีนวางแผนเชื่อมต่อไปจนถึงสิงคโปร์ในอนาคต
       
       สื่อออนไลน์จีนรายงาน เมื่อวันที่ 25 ต.ค.นายสุลิวง ดาลาวง (Soulivong Dalavong) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาวเผยว่า ประเทศจีนได้ตกลงเห็นชอบในการเป็นผู้จัดหาเงินทุนสร้างทางรถไฟความเร็วสูง เส้นทางระหว่างจีนและลาว มูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์ (2.2 แสนล้านบาท)
       
       รายงานข่าวกล่าวว่า สภาแห่งชาติลาวได้อนุมัติแผนงานการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงสายนี้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีพ.ศ.2553 แต่เงินทุนที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ทำให้โครงการดำเนินไปอย่างล่าช้า ซึ่งจีนเห็นว่าทางรถไฟสายนี้มีความสำคัญจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือดังกล่าว
       
       เมื่อเส้นทางรถไฟสายนี้เปิดใช้จะเป็นเส้นทางซึ่งเชื่อมระหว่างเมืองคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนัน และนครเวียงจันทร์ของลาว ซึ่งนอกจากใช้ขนส่งวัตถุดิบ แร่ธาตุ อีกทั้งสินค้าต่างๆระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับชายแดนจีนแล้ว ยังเป็นเส้นทางสำคัญส่วนหนึ่งของโครงการทางรถไฟสายเอเชียหรือหรือTrans-Asian Railway Network ที่มีความยาวร่วม 3,900 กม.ซึ่งจีนมีแผนขยายเส้นทางต่อไปยังประเทศสิงคโปร์
       
       นายสุลิวง ดาลาวงกล่าวว่า ความร่วมมือกับจีนครั้งใหม่นี้คาดว่าจะมีการลงนามในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ภายใต้ข้อตกลงให้ธนาคารจีนเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาเงินทุนสำหรับก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจากเวียงจันทร์ถึงคุนหมิง ความยาวทั้งสิ้น 418 กม. โดยลาวจะจัดส่งแร่ธาตุเช่น แร่โพแทสเซียม ไม้ สินค้าการเกษตร และสินค้าอื่นๆให้จีนเป็นจำนวน 5 ล้านตันต่อปีไปจนถึงปีพ.ศ.2563 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า
       
       โครงการนี้บริษัทก่อสร้างในจีนเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยวางแผนไว้ว่าจะแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2558 และคาดว่าจะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและเส้นทางโดยสารที่สำคัญสายหนึ่งในเอเชีย
       
       ล่าสุดยังไม่มีความแน่ชัดว่าจีนได้จัดหาเงินทุนจากธนาคารใด สื่อออนไลน์แห่งหนึ่งของลาวรายงานโดยอ้างจากบทความของรองนายกรัฐมนตรีลาว นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด (Somsavat Lengsavad) ถอดความได้ว่า แหล่งเงินทุนก้อนนี้มาจากธนาคารเพื่อการนำเข้า-ส่งออกจีน (Export-Import Bank of China)
       
       คลิปโครงการทางรถไฟความเร็วสูงคุนหมิง-เวียงจันทร์ ที่ได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งชาติลาว ใน เดือนธันวาคม ปีพ.ศ.2553


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=tzvYdEgtntU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=tzvYdEgtntU</a>



http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000130781
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 291 292 [293] 294 295 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><