24 พฤศจิกายน 2567, 02:16:07
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 191 192 [193] 194 195 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2606528 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 32 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4800 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 17:41:32 »

“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทวันปีใหม่
21 ธันวาคม 2554 17:44 น.


      “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทวันปีใหม่ 2555 ด้าน รัฐบาล จัดยิ่งใหญ่ 2,600 ปี พุทธชยันตี แห่งการตรัสรู้พระพุทธเจ้า มิ.ย.55 ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ

 
       วันนี้ (21 ธ.ค.) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานพระโอวาทวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2555 ใจความว่า ตามคตินิยมของคนไทยทั่วไป เมื่อปีเก่าผ่านไปปีใหม่กำลังจะมาถึง ต่างก็ปีติยินดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายว่ารอบปีหนึ่งของชีวิตได้ผ่านพ้นไปโดยสวัสดีมีสุข เป็นเหตุให้ชีวิตผ่านพ้นมาถึงปีใหม่อันจะเป็นรอบใหม่ของชีวิต ที่ทุกคนมุ่งหวังและปรารถนาที่จะให้ดำเนินไปด้วยความสวัสดีมีสุข สำหรับประชาชนชาวไทยในรอบปีที่ผ่านมา คือ พ.ศ.2554 นับเป็นมหามงคลสำหรับชาวไทยทั้งมวล เพราะเป็นมหามงคลวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในรอบปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง คือ พ.ศ.2555 ก็นับได้ว่าเป็นปีมหามงคลสำหรับชาวไทยอีกวาระหนึ่ง เพราะเป็นปีที่พระพุทธศาสนาประดิษฐานอำนวยสุขแก่ชาวโลกเป็นเวลายาวนานต่อเนื่องมาครบ 26 ศตวรรษ หรือ 2,600 ปี พุทธศาสนิกชนทั่วโลกจึงจัดให้มีการเฉลิมฉลอง อันเป็นการรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรม และพระสงฆ์ เพื่อให้สถิตดำรงอยู่คู่โลกตลอดกาลนาน และการที่ชีวิตและวันเดือนปีจะดำเนินไปโดยสวัสดีนั้น ควรที่ทุกคนจะได้เรียนรู้และน้อมนำเอาพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งสอนไว้มาประพฤติปฏิบัติเป็นประจำวัน เพราะพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้นั้น คือ ความจริงของชีวิต ที่ทุกคนควรรู้ควรปฏิบัติ ซึ่งเมื่อน้อมนำมาปฏิบัติจริง ก็ย่อมจะให้ผลดีจริงแก่ชีวิตตามควรแก่การปฏิบัติ
       
       เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2555 ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและพระราชกุศลบารมี อำนวยให้สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เจริญพระราชสิริสวัสดิพิพัฒนสุขทุกประการ และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศล อำนวยอวยพรชัยให้ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าเจริญอายุ วรรณ สุข พล และประสบสันติสุขทั่วกัน
       
       นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เพื่อหารือแนวทางในการจัดกิจกรรมวันวิสาขบูชาโลก พ.ศ.2555 เนื่องในปีพุทธชยันตี ครบรอบ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ข้อสรุปในเบื้องต้น ว่า เนื่องจากในปี 2555 จะเป็นปีครบ 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ดังนั้น จึงควรมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งทางรัฐบาลจะรับเป็นเจ้าภาพ และกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยจะให้ 3 องค์กร คือ พศ. กรมการศาสนา(ศน.) และ มจร.เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงาน พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ให้มีส่วนร่วมในการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ รวมทั้งพิจารณาใช้สถานที่ในการจัดงาน เช่น เมืองทองธานี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงาน ส่วนการปฏิบัติบูชาของพุทธศาสนิกชนให้เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติธรรม ทั้งนี้ เบื้องต้นกำหนดไว้ว่ากิจกรรมดังกล่าวทั้งหมดจะจัดขึ้นตลอดเดือน มิ.ย.55 เนื่องจากวันวิสาขบูชา 2555 จะตรงกับวันที่ 4 มิ.ย.2555


จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000162414
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4801 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 20:10:58 »

เกิดเรื่องขึ้นที่ศูนย์อพยพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
โปรดอ่านด้วยการใช้วิจารณญานครับ



http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U11351739/U11351739.html

http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11351864/NE11351864.html

http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11362411/NE11362411.html
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4802 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 20:16:16 »

มาจากคอลัมม์ ใน นสพ.มติชน ออนไลน์ ฉบับวันนี้.......

รู้จักศัพท์ใหม่"ดอยของ" เกิดอะไรขึ้นที่ "ศูนย์พักพิงฯ มธ.?" และ "สงครามแฉ!" ในเว็บบอร์ด
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 16:59:47 น.
 
หมายเหตุ: มีสมาชิก Newbie นาม pao66 ขอให้ช่วยลบข้อความและภาพในกระทู้นี้
                พุธที่ 19 มิถุนายน 2556

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4803 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 20:28:09 »

กำลังมีเรื่องนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย ลองติดตามดูครับ...

ต้องต่อสู้แม้กับอเมริกาและองค์กรสหประชาชาติ
วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:32:00 น.
 
โดย วสิษฐ เดชกุญชร

ผมไม่ค่อยประหลาดใจนักที่ได้ทราบข่าวว่า นางคริสตี้ เคนนี่ย์ (Kristie Kenney) เอกอัครราชทูตสหรัฐ (อเมริกา) ประจำประเทศไทย และนาง (หรือนางสาว) ราวินา ชัมดาซานี (Ravina Shamdasani) โฆษกของข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้ออกมาแสดงความเห็นเป็นเชิงวิพากษ์ศาลไทยในกรณีนายอำพล ตั้งนพคุณ ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์เป็นเวลา 20 ปี

ในกรณีของนางเคนนี่ย์นั้น ที่ผมไม่ประหลาดใจก็เพราะผมเคยเรียนในมหาวิทยาลัยอเมริกัน เคยมีและยังมีเพื่อนเป็นคนอเมริกันหลายคน บางคนรักกันเหมือนหรือยิ่งกว่าพี่น้อง นอกจากนั้น ผมยังรู้จักคนอเมริกันอีกนับไม่ถ้วน เพราะรู้จักผมจึงรู้ว่าคนอเมริกันเป็นจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและเข้าใจคนชาติอื่นประเทศอื่นแต่เพียงผิวเผิน ถึงแม้ว่าบางคนจะเรียนจบชั้นสูงๆ ของมหาวิทยาลัย หรือเรียนจบมาหลายมหาวิทยาลัยก็ตาม

อย่างในกรณีของนางเคนนี่ย์ ทูตอเมริกันคนปัจจุบันก็เหมือนกัน ตามประวัติเธอเรียนจบได้รับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเคลมซัน และปริญญาโท (แขนงวิชาละตินอเมริกันศึกษา) จากมหาวิทยาลัยตูเลน เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา และยังแถมผ่าน National War College ซึ่งเทียบได้กับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรของเราด้วย

แต่ผมไม่ทราบว่าหลักสูตรของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั้งสามที่เธอผ่านมานั้น จะสอนเรื่องต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องประเทศในอุษาคเนย์อย่างละเอียดลึกซึ้งเพียงใด และเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้เธอตระหนักว่า ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อพระมหากษัตริย์ของเขานั้น ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความรู้สึกที่คนอเมริกันมีต่อประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา

และเมื่อดูประวัติการรับราชการของนางคริสตี้ และรู้ว่าเธอเคยดำรงตำแหน่งแต่ในประเทศภาคพื้นยุโรป อเมริกาใต้ และฟิลิปปินส์ด้วยแล้ว ก็สันนิษฐานได้ว่า เธอคงไม่มีโอกาสนักที่จะได้ศึกษาและรู้จักเมืองไทยและคนไทยอย่างแท้จริง

สำหรับนางชัมดาซานีนั้น ผมหาประวัติไม่พบ ปรากฏแต่ว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชนนิยม หน้าตาดูอายุจะยังน้อย และละม้ายคล้ายคนเอเชียเชื้อสายอินโดนีเซียหรือมาเลย์ จะอย่างไรก็ตาม ทั้งนางเคนนี่ย์และนางชัมดาซานีคงไม่รู้ว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงดำรงตำแหน่งด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ ไม่ใช่ด้วยการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปีอย่างประธานาธิบดีอเมริกัน

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสถาบันที่รวมใจคนไทยทั้งชาติ และทรงเป็นหลักประกันความต่อเนื่องของการปกครองที่ยืนยาวมากว่า 700 ปี

ผมเชื่อด้วยว่านางเคนนี่ย์และนางชัมดาซานีคงไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอาญาของประเทศไทยมากนัก มิฉะนั้นก็คงจะรู้ว่า ความผิดต่อพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ความผิดต่อบุคคลสามัญทั่วไป หากแต่เป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับบัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ เพราะไม่ตระหนักในความจริงข้อนี้ จึงพากันออกมาวิพากษ์หรือตำหนิการดำเนินคดีและพิพากษาของศาลไทยว่าไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

และเลยเถิดไปถึงเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายอาญาที่ว่าด้วยการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

ผมขอแจ้งผ่านบทความนี้ให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนทราบว่า ผมเข้าใจดีว่ามนุษยชนมีสิทธิอย่างใด แต่ผมก็เข้าใจด้วยว่ามนุษยชนคนไหนก็ตามมีหน้าที่ด้วย

หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อผู้อื่น ต่อสังคม และต่อประเทศชาติที่ตนเป็นพลเมือง การหมิ่นประมาทจาบจ้วงล่วงเกินลบหลู่หรือด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายเอากับผู้เป็นที่เคารพสักการะของผู้อื่นนั้น เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเกินขอบเขตที่มนุษยชนพึงใช้ และเป็นการไม่ปฏิบัติหรือทรยศต่อหน้าที่ของมนุษยชนผู้นั้น

ยิ่งสำหรับประเทศไทยที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักเคารพและสักการะสูงสุดของคนไทยด้วยแล้ว พฤติการณ์เช่นนั้นก็ยิ่งเป็นอนันตริยกรรม ที่คนไทยไม่อาจให้อภัยได้

น่าสังเกตด้วยว่า พฤติการณ์ของนางเคนนี่ย์และนางชัมดาซานีเกิดขึ้นในขณะที่การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ทางเว็บไซต์ต่างๆ กำลังเป็นไปอย่างคะนองมือ เหมือนกับว่าทั้งเอกอัครราชทูตอเมริกันและข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนไม่รู้หรือไม่ได้ดูเว็บไซต์เหล่านั้น หรือเจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ไม่ได้รายงานให้นายของตนทราบ หรือเป็นเจตนาของเอกอัครราชทูตอเมริกันและข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ ที่จะผสมโรง?

คนไทยอกตัญญูเนรคุณจำนวนหนึ่งกำลังพยายามทำลายการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าสหรัฐอเมริกาและหรือองค์การสหประชาชาติพลอยเห็นงามตามไปด้วยและหรือสนับสนุน

ก็ขอให้รู้ว่ามหาชนคนไทยที่เคารพสักการะและกำลังป้องกันพระมหากษัตริย์อยู่ ก็พร้อมที่จะเป็นปฏิปักษ์และต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและองค์การสหประชาชาติด้วย


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1324391460&grpid=&catid=02&subcatid=0207
 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4804 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 20:49:24 »

อุตุนิยมฯ พยากรณ์ว่า อากาศยังหนาวเย็น รวมทั้งอุณหภูมิยังจะลดลงอีก 2-5 องศา กับมีลมแรง ซึ่งจะเพิ่มความหนาวเย็นมากขึ้น ภาคใต้ คลื่นลมแรง มีฝนกระจาย ยังต้องระวังเรื่องน้ำ ชาวเรือต้องระมัดระวังการออกเรือ

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2554
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นต่อไป สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประมาณวันที่ 23 - 25 ธ.ค.54 โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศากับมีลมแรง
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนเข้าประเทศมาเลเซียในวันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจายกับมีฝนตกหนักบางแห่งและคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4805 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 20:55:23 »

ขออนุญาตแก้ไขกระทู้ ด้วยการนำ"พระโอวาทวันปีใหม่" ของสมเด็จพระสังฆราช ขึ้นไปอยู่กระทู้บนสุด

และนำพยากรณ์อากาศลงมาอยู่กระทู้ที่ 4 ครับ เพื่อความเป็นสิริมงคล
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4806 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 22:55:18 »

ขอต้อนรับ ผู้นำยุคใหม่ คิม จอง อึน



 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4807 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 23:04:40 »

ขออนุญาตพักครับ
คืนนี้ ราตรีสวัสดิ์

หมายเหตุ: อากาศจะหนาวเย็นเพิ่มขึ้น 2-5 องศา และมีลมแรง โปรดระมัดระวังไข้หวัด พร้อมมีอาการไอ ปอดบวม
โปรดห่มผ้าให้ผู้สูงอายุ เด็ก ด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #4808 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 23:59:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 21 ธันวาคม 2554, 08:24:53
สวัสดี น้ำอ้อย

มาทักทายพี่ ตอนออกจากเว็ปไปแล้ว
เป็นอย่างไรบ้าง ??

   สบายดีค่ะพี่เหยง...แต่ยุ่งๆกะภาวะหลังน้ำลดค่ะ...
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #4809 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 08:28:46 »

สวัสดีค่ะ น้องเหยง
   เข้ามามาข้อมูลในห้องนี้ได้ทุกเรื่อง ดีจัง ค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4810 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 09:55:46 »

พี่'อร

จะพยายามหาข้อมูลดีๆ มาโพสต์ไว้ครับ เผื่ออ่านและเก็บเป็นข้อมูลเพื่อประโบชน์ในภายหน้าครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4811 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 09:56:48 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 21 ธันวาคม 2554, 23:59:50
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 21 ธันวาคม 2554, 08:24:53
สวัสดี น้ำอ้อย

มาทักทายพี่ ตอนออกจากเว็ปไปแล้ว
เป็นอย่างไรบ้าง ??

   สบายดีค่ะพี่เหยง...แต่ยุ่งๆกะภาวะหลังน้ำลดค่ะ...


สวัสดีจ๊ะ

อย่าเครียดกับการทำความสะอาด มองเป็นเรื่องสนุกน่ะ 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4812 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 09:57:26 »

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2554 - 27 ธันวาคม 2554
การคาดหมาย  ในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงฃึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังปานกลางทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 23-27 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยอีก ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิลดลง 5-7 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง และมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีก สำหรับบริเวณภูเขาสูงในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น คลื่นลมอ่าวไทยตอนล่างสูง 2-5 เมตรข้อควรระวัง   - ในช่วงวันที่ 24-27 ธ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ประชาชนบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปให้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและพื้นที่บริเวณแนวชายฝั่งให้ระวังคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง และขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #4813 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 14:08:50 »


สวัสดียามบ่ายครับ.... พี่เหยง..พี่อร..น้องน้ำอ้อย และพี่น้องทุกท่าน
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #4814 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 14:10:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 08:28:46
สวัสดีค่ะ น้องเหยง
   เข้ามามาข้อมูลในห้องนี้ได้ทุกเรื่อง ดีจัง ค่ะ

บางเรื่องผมก็เพิ่งได้อ่านจากห้องพี่เหยงเหมือนกันครับ...
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #4815 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 14:12:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 14:10:56
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 08:28:46
สวัสดีค่ะ น้องเหยง
   เข้ามามาข้อมูลในห้องนี้ได้ทุกเรื่อง ดีจัง ค่ะ
บางเรื่องผมก็เพิ่งได้อ่านจากห้องพี่เหยงเหมือนกันครับ...
พวกเรายกย่องเหยง ... พหูสูตรของรุ่นค่ะ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #4816 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 14:17:01 »


อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 14:12:25
อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 14:10:56
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 08:28:46
สวัสดีค่ะ น้องเหยง
   เข้ามามาข้อมูลในห้องนี้ได้ทุกเรื่อง ดีจัง ค่ะ
บางเรื่องผมก็เพิ่งได้อ่านจากห้องพี่เหยงเหมือนกันครับ...
พวกเรายกย่องเหยง ... พหูสูตรของรุ่นค่ะ

นับถือครับ... ยอมรับ นับถือจริงๆ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #4817 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 14:55:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 14:17:01

อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 14:12:25
อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 14:10:56
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 08:28:46
สวัสดีค่ะ น้องเหยง
   เข้ามามาข้อมูลในห้องนี้ได้ทุกเรื่อง ดีจัง ค่ะ
บางเรื่องผมก็เพิ่งได้อ่านจากห้องพี่เหยงเหมือนกันครับ...
พวกเรายกย่องเหยง ... พหูสูตรของรุ่นค่ะ

นับถือครับ... ยอมรับ นับถือจริงๆ


ยืนยันค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4818 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 15:22:09 »

กลายเป็นรายการ ยกยอ กันซะแล้ว
ถึงอย่างไร ก็ขอขอบคุณครับ
จะพยายามคัดสรรเรื่อง บทความ ข้อมูล ที่ไม่รกหู รกตา มาลงโพสต์ให้ชม ให้อ่านกันครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4819 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 15:37:20 »

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4820 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 15:54:42 »

นอกจาก พลตำรวจเอกวศิษฐ เดชกุญชรฯ แล้ว ยังมีผู้ไม่เห็นด้วยกัยพฤติกรรมของ เอกอัครราชฑูตของอเมริกา

“มีชัย” ฉะ “มะกัน” ละเมิดสิทธิอื้อ-ป่าเถื่อนยิ่งกว่ายุคหิน ชี้จุ้น ม.112 ไม่เข้าเรื่อง
22 ธันวาคม 2554 12:05 น.

 
       ASTVผู้จัดการออนไลน์ – อดีตประธานวุฒิฯ ตอบคำถามกรณีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ชี้ต้องมีเพราะคุ้มครองประมุขของประเทศ ยกอเมริกาก็หมิ่น ปธน.ไม่ได้เช่นกัน หยิบกรณีมะกันกลัวก่อการร้ายจนขี้ขึ้นสมอง ตามล่าบินลาเดนส่งจรวดไปถล่มกลับคว้าน้ำเหลว ทำชาวบ้านตายอื้อ ฉะป่าเถื่อนยิ่งกว่ายุคหิน แจงกฎหมายต้องอิงอยู่กับประเพณีวัฒนธรรมด้วย
       
       เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์มีชัยไทยแลนด์ ด็อท คอม ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภา ในเว็บบอร์ด “ถาม-ตอบกับมีชัย” ได้เผยแพร่คำตอบกรณีที่ผู้ใช้นามแฝง “คุณชัยครับ” ตั้งคำถามในหัวข้อ แก้กฎหมายหมิ่นฯ โดยสอบถามว่า กระแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักวิชาการและภาคประชาชนต่างๆ ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 โดยระบุว่ามาตรานี้มีปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ทราบว่าอาจารย์มีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร เพราะขณะนี้องค์กรระหว่างประเทศ เช่น ยูเอ็น หรือสถานทูตสหรัฐฯ ตลอดจนองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์ปัญหากฎหมายมาตรานี้และเรียกร้องให้มีการแก้ไขแล้วและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างไรในสายตาของต่างประเทศ
       
       นายมีชัยได้ตอบคำถามดังกล่าว ระบุว่า มาตรา 112 ห้ามการกระทำเพียง 3 อย่าง คือ ห้ามหมิ่นประมาท ห้ามดูหมิ่น และห้ามอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ การกระทำทั้ง 3 อย่างนั้น อย่าว่าแต่จะทำกับประมุขของประเทศเลย ทำกับคนธรรมดาก็ยังไม่ได้ เสรีภาพของบุคคลนั้นย่อมมีขอบเขตอันจำกัดที่จะต้องไม่ไปละเมิดคนอื่น ถ้าคำนึงถึงแต่เสรีภาพของบุคคลโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของคนอื่น สังคมก็คงกลียุค
       
       “แม้แต่ในอเมริกาเองก็ใช่ว่าเราจะไปหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้ายประธานาธิบดีของเขาได้เสียเมื่อไรล่ะ ข้อสำคัญ ประเทศแต่ละประเทศย่อมมีความระแวดระวังในเรื่องที่ต่างกัน ถ้ามองในแง่มุมของอีกประเทศหนึ่งอาจเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่คนที่เจริญแล้วเขาก็ต้องยอมรับนับถือประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ไม่ไปตัดสินจากความคุ้นเคยหรือความเคยชินของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น อเมริกันกลัวการก่อการร้ายจนขี้ขึ้นสมอง ใครจะผ่านเข้าประเทศจะตรวจค้นอย่างละเอียดยิบโดยไม่คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของใคร ถึงขนาดจับแก้ผ้าก็ยังทำ แม้แต่กระเป๋าเดินทางก็เปิดรื้อค้นเอาเองได้ เมื่อตอนที่อเมริกันตามล่าบินลาเด็น (นายโอซามะ บินลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์) น่ะ เคยจับภาพจากอากาศเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินถือไม้เท้าอยู่เชิงเขา นึกว่าเป็นบินลาเด็น ส่งจรวดราคาแพงไปถล่มตายหมดทั้งกลุ่ม จึงรู้ภายหลังว่าไม่ใช่บินลาเด็น ชาวบ้านเลยตายฟรีนั่นน่ะไม่โหดร้ายป่าเถื่อนเสียกว่ายุคหินอีกหรือ ก็ไม่เห็นคนอเมริกันหรือสหประชาชาติจะไปตำหนิอะไร เพราะความแค้นในเรื่องถูกถล่มตึกยังค้างคาอยู่ในใจ” นายมีชัยกล่าว
       
       นอกจากนี้ นายมีชัยยังกล่าวอีกว่า ประเทศสิงคโปร์มีโทษเฆี่ยนตี ให้หลาบจำจะได้ไม่ทำผิดบางอย่าง คนอเมริกันมือซนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่กำแพง เขาจับได้ ลงโทษตีก้นให้ได้อายมาแล้ว จะโวยวายหรือขอร้องอย่างไร รัฐบาลสิงคโปร์ก็ไม่ยอม ไม่มีใครไปเรียกร้องให้เขาแก้ไขกฎหมาย เพราะเขาจะเฆี่ยนตีก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิด เหมือนกับกฎหมายของไทย จะลงโทษก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิดที่ห้ามไว้


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000162693
 


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4821 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 18:09:13 »

เฉลยคำตอบ! ทำไมน้ำไม่ท่วม "รพ.อินทร์บุรี" และที่มาของ "นักต่อสู้ชลประทาน" 2 เดือน 3 เทคนิค
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17:00:00 น.
 
จังหวัดสิงห์บุรีเป็นจังหวัดเล็กๆ ซึ่งทุกคนคงจำได้ดี เพราะสิงห์บุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่ถูกน้ำท่วมหนัก เกือบทุกพื้นที่

โดยเฉพาะข่าวใหญ่ นั่นก็คือประตูระบายน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

ขณะเดียวกัน ยังเป็นจังหวัดที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน

ขึ้นชื่อว่าอยู่ติดแม่น้ำ ก็คงเป็นเรื่องแกติที่สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายจะถูกน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก

ทำให้ได้รับความเสียหายไม่น้อย

แต่จะมีซักกี่ที่ล่ะ ที่จะอยู่กับน้ำได้อย่างมีความสุข และไม่คิดว่า น้ำท่วมเป็นปัญหา หรือจะมีซักกี่ที่ล่ะ จะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้

ก่อนจะได้รับฉายานามว่า "นักต่อสู่้น้ำชลประทาน"


เหตุที่ได้รับฉายานามดังกล่าว เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า น้ำจะท่วมหรือไม่ท่วมขึ้นอยู่กับกรมชลประทาน เพราะว่าอยู่ริมแม่น้ำ โดนน้ำจากชลประทานท่วม และอยู่ในแม่น้ำในสายตาชลประทาน น้ำขึ้นมาตรงนี้ไม่ถือว่าน้ำท่วม แต่ถือว่าน้ำล้นตลิ่ง


นี่คือเหตุผลง่ายๆ ก่อนจะเปรียบเทียบกับ "นักต่อสู้น้ำป่าไหลหลาก" และถามว่าทำไมถึงได้รับฉายานามนั้น
 

ก็เพราะว่า ต้องต่อสู้กับน้ำป่านั่นเอง


เห็นแบบนี้แล้ว ใครจะเชื่อว่านักต่อสู้น้ำชลประทานผู้นั้น คือ "เภสัชกร" ประจำโรงพยาบาลอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
 

ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหนึ่งที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมมาหลายต่อหลายครั้ง หรือนับเป็นสิบๆ ปี แต่น้ำยังไม่เคยท่วมในโรงพยาบาล ในทั้งๆ พื้นที่อื่นแทบจะต้องหนีตายกันอย่างโกลาหล

คำถามก็คือว่า แล้วเป็นเพราะอะไร? "มติชนออนไลน์" มีคำตอบ และจะได้รู้เทคนิคว่ามีวิธีในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมอย่างไร

"ทิพย์พร สุคติพันธ์" ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" ไว้อย่างน่าสนใจว่า เรียนรู้ที่จะรับมือกับน้ำมาตั้งแต่เมื่อปี 2538 หรือเมื่อเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ และโรงพยาบาลนี้ มีจุดต่างจากที่อื่นคือ เวลาน้ำท่วมบุคลากรทุกคนจะออกมาช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล ทุกๆ คนจะช่วยกันป้องกันไม่ให้น้ำท่วม และโรงพยาบาลนี้การที่หมอหรือพยาบาลจะออกมากรอกทรายใส่กระสอบถือเป็นเรื่องปกติ ใครที่มีแรงพอก็จะออกมาช่วยกันทำ


เมื่อถามว่าการวางแผนป้องกันน้ำท่วมมีจุดเริ่มต้นอย่างไรนั้น ทิพย์พร บอกว่า เริ่มที่การศึกษาเรื่องน้ำท่วมว่าเกิดอะไรขึ้น คือ จะเริ่มดูจากแผนที่ทางอากาศประกอบกับการคาดเดาสถานการณ์ ไล่ตั้งแต่ภาคเหนือลงมาจนถึงจังหวัดพิจิตร ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงก่อนเข้าฤดูฝน และที่ จ.พิจิตร จะเป็นที่ราบกว้างใหญ่ น้ำจากแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านจะไหลลงมากองรวมกันและค่อยๆ เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ลงมาที่ อ.ชุมแสง โดยจะอำเภอนี้เป็นจุดชี้ว่าน้ำจะท่วมโรงพยาบาลหรือไม่ พอหลังจากที่ชุมแสงท่วมแล้วนั้น น้ำก็จะค่อยๆ ไหลลงมาท่วมที่จ.นครสวรรค์ แล้วก็จะมาถึงเขื่อนเจ้าพระยา


ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตประกอบ โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลของกรมชลประทาน ( http://water.rid.go.th/waterreport/ )โดยเว็บไซต์นี้จะมีหัวข้อสำคัญ ไม่าจะเป็นภาพถ่ายดาวเทียมของพายุ ปริมาณน้ำในเขื่อน รายงานสถานการณ์ทั่วประเทศ ซึ่งสิ่งนี้สำคัญที่สุด เพราะนายทิพย์พร บอกว่า จะสามารถเห็นได้เลยว่าน้ำที่ตรงจุดนั้นมีเท่าไรบ้าง


มีวิธีการเตรียมตัวป้องกันน้ำท่วมต่างจากที่อื่นอย่างไร?


นายทิพย์พร กล่าวว่า แผนของโรงพยาบาลอินทร์บุรีนั้น พอถึงเดือนมิถุนายนฝนเริ่มตก ก็จะเริ่มดูข้อมูลน้ำจากชลประทานถ้าหากช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม น้ำเริ่มท่วมพิจิตร ทีมงานก็จะเริ่มเฝ้าติดตามสถานการณ์ ถ้าหากว่าท่วมเยอะ ที่นี่ก็จะไม่รอดแน่ๆ เช่นเดียวกับปีนี้ แต่จะโดนหนักหรือโดนน้อยขึ้นอยู่กับว่าน้ำจะอยู่นานหรือไม่นาน ของแถมเพิ่มมาก็คือ น้ำจากเขื่อนสิริกิต์ ซึ่งในปีนี้มีน้ำเยอะมากถึง 70 - 80% ตั้งแต่ต้นปี ยิ่งพอเจอพายุไหหม่า พายุนกเตน น้ำก็ยิ่งเยอะ เราก็มองแล้วว่า เขื่อนนี้จะต้องปล่อยน้ำมาเพิ่มอีกแน่ๆ

หลังจากพอเรารู้ปริมาณน้ำแล้ว ก็เข้าสู่การต้องเริ่มเตรียมตัว โดยการเตรียมกระสอบทรายพร้อมๆ กับการเช็คอุปกรณ์ เครื่องสูบ ทางเดิน และอื่นๆ สิ่งสำคัญ เราต้องอ่านใจสำนักชลประทานที่ 12 ว่าจะมีการปล่อยน้ำอย่างไร ชลประทานทำอะไร ซึ่งปีนี้เดาใจถูก เพราะอย่าลืมว่าน้ำที่ท่วมนั้น เป็นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะการสังเกตุถนนเลียบฝั่งแม่น้ำทั้ง 2 ข้าง ขณะเดียวกัน ก็มีการศึกษาเรื่องภาพถ่ายดาวเทียมต่างๆ ประกอบ แต่ตอนนี้ยังอ่านไม่ขาดว่า ถ้าน้ำท่วมจ.พิจิตรเท่านี้แล้ว จะรู้ได้ว่าจะท่วมโรงพยาบาลอินทร์บุรีขนาดไหน
 

คิดว่าในปีถัดๆ ไปจะพยายามศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้นั้นระยะเวลาจากเขื่อนเจ้าพระยามาถึงที่นี่จะใช้เวลาประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง ถ้าจากนครสวรรค์จะมาถึงที่โรงพยาบาลอินทร์บุรี ภายใน 9 ชั่วโมง โดยจะรู้แค่ว่าจะท่วมสูงเท่าไร โดยการใช้จุดวัดที่นครสวรรค์ ก่อนจะสามารถยกของหนีน้ำล่วงหน้าได้ แต่หลังๆ มานี้สามารถตอบคำถามได้ว่า พรุ่งนี้น้ำจะขึ้นเท่าไร
 

จุดเด่นคือการเรียงกระสอบทราย

นายทิพย์พร ยังกล่าวอีกว่า ที่นี่เรียงกระสอบทรายไม่เหมือนที่อื่น คือที่อื่นเห็นนำมากองๆ กันไว้ เช่นเดียวกับทหารเรียงกระสอบแบบบังเกอร์ ซึ่งน้ำรั่วซึมได้ และจากประสบการณ์แล้ว จะเรียงกระสอบแบบบางๆ แบนๆ ทราย 2 พลั่วต่อกระสอบหนึ่งถุง ไม่ปิดปากถุงกระสอบแล้ววางลงไป แล้วใบที่ 2 ก็วางทับตรงปากถุงใบแรกไปเรื่อยๆ ชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 ก็จะมีคนเดินบนย่ำให้แนบติดกัน พอ 4 - 5 ชั้น ก็จะทำแถวสอง เมื่อถามว่าวิธีการนี้มาจากไหนนั้น ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มต้น และเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งกล้าบอกได้เลยว่าที่อื่นหรือที่ตามข่าวเรียงไม่เป็น


ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ การเลี้ยงน้ำ ซึ่งน้ำที่ผุดจากใต้ดินก็จะมีการสร้างบ่อล้อมไว้ ความสูงเท่าน้ำข้างนอก แล้วปูผ้าพลาสติกไว้ข้างใน พอน้ำข้างในกับข้างนอกเท่ากัน น้ำก็จะหยุดซึม นอกจากนี้แล้วยังมีวิวัฒนาการในเรื่องของการสร้างทางเข้าออก สิ่งนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ ซึ่งแต่เดิมนั้นในปี 2538 ใช้การพายเรือ ปี 2545 ใช้ไม้มาทำสะพานเหมือนที่ทำกันทั่วๆ ไป ลงทุนครั้งละ 4 - 5 หมื่นบาท พอน้ำแห้งไม้พวกนี้ก็จะเสียหายใช้การไม่ได้อีก พอปี 2549 ก็ใช้ขอบบ่อซีเมนต์รองไม้กระดานแทน แต่สิ่งที่ตามมาคือการยกหนีน้ำยาก ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้เหล็กนั่งร้านที่สามารถยกขึ้นหรือ โดยเชื่อว่าที่อื่นไม่ได้ทำ


มากกว่านั้น นายทิพย์พร กล่าวต่อว่ายังใช้รถอีแต๋นในการสัญจร คือ เวลาน้ำท่วมไม่สูงเรือยังวิ่งไม่ได้ รถก็ลุยน้ำลำบาก รถอีแต๋นจึงมีประโยชน์ รถอีแต๋นใช้ขนกระสอบทรายดีกว่ารถกระบะมาก
 

การรู้ล่วงหน้าคือหัวใจสำคัญในการรับมือน้ำท่วม


ส่วนการรับมือกับคนไข้นั้น เมื่อน้ำใกล้ถึงระดับ 80 เซนติเมตร จะมีการสั่งออกซิเจนมาสำรองไว้ ไม่ว่าที่โรงพยาบาลจะเหลือเท่าไหร่ ซึ่งปกติแล้วออกซิเจน 1 ถึงใช้ได้ 20 วัน ขระเดียวกันรถออกซิเจนจะวิ่งเข้ามาได้ที่น้ำลึกไม่เกิน 80 เซนติเมตร เมื่อนี้น้ำท่วม 70 วัน ทำให้ต้องย้ายผู้ป่วยหนักออกจากโรงพยาบาลช่วงตอนน้ำท่วมกลางๆ แต่ที่เหลือก็พออยู่ได้ เช่นเดียวกับยาและเวชภัณฑ์อื่นๆ


อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เมื่อระดับน้ำภายนอกท่วมสูงถึง 130 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล ก็จะมีการอพยพทุกอย่างที่อยู่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว เราจะไม่เสี่ยง ทั้งนี้ถือว่า คนไข้สำคัญที่สุด และเรื่องไฟก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะโรงพยาบาลต้องใช้ไฟกันทั้งโรงพยาบาล ฉะนั้น เมื่อคนยังอยู่ในพื้นที่จะเกิดความวุ่นวาย ซึ่งจะเห็นได้ว่า พอน้ำมาจะมุ่งแต่อพยพคนไข้โดยไม่ได้ย้ายอย่างอื่น จนได้รับความเสียหาย


เมื่อถามว่าอะไรลำบากที่สุด นายทิพย์พร กล่าวว่า ช่วงต้นหรือช่วงประมาณ 10 วันแรกของน้ำท่วม เพราะน้ำจะขึ้นเรื่อยๆ จะต้องต่อสู้ตลอด ต้องกรอกทราย เรียงกระสอบ สูบน้ำ ต้องทำสะพาน คือช่วงดังกล่าวจะเป็นภาคแรงงานทั้งหมด ต้องเฝ้าระดับน้ำจนถึงช่วงดึก

 
ฉะนั้น การสร้างสะพาน การเรียงกระสอบ และการพยากรณ์ล่วงหน้า คือจุดเด่นหรือเทคนิคสำคัญที่เชื่อว่าที่อื่นไม่มี ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

คิดว่าชลประทานไม่ได้โกหก แต่ประชาชนไม่เข้าใจมากกว่า


ที่ผ่านมานั้นเป็นการแจ้งเตือนที่ผิด ข้อมูลบิดเบือน ซึ่งคิดว่าที่ผ่านมากรมชลประทานไม่ได้โกหก เพียงแต่ประชาชนไม่เข้าใจ เพราะมีการรายงานแบบนักวิชาการ อย่างเช่นน้ำจะไปที่นั่น 50 คิว แล้วประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปริมาณน้ำเท่าไหร่ จะทำอะไรกับบ้านได้บ้าง ซึ่งกรมชลประทานควรจะมีวิธีรายงานที่ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายกว่านี้ เปลี่ยนจากภาษาวิชาการให้เป็นภาษาชาวบ้าน ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมานั้น เห็นความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับน้ำท่วมนั่นก็คือ น้ำมีเยอะขึ้น ฝนตกเยอะขึ้น และน้ำท่วมถี่มากขึ้น


เวลาน้ำจะท่วมไม่ได้เริ่มที่เขื่อนเจ้าพระยา แต่น้ำจะเริ่มก่อนถึงเขื่อนเจ้าพระยาก่อนจะมาท่วมในพื้นที่ไต้เขื่อนอีก 2 - 3 เดือน แต่คนจำนวนมากจะเริ่มขยับตัวก็ต่อเมื่อน้ำเริ่มมาอยู่ที่ปากเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว แต่ทางเราจะเริ่มขยับตัวก่อน ดูง่ายๆ คือโรงพยาบาลจะซื้อกระสอบในราคา 4 บาท แต่คนกรุงเทพฯ จะซื้อกระสอบแพงกว่านี้หลายเท่าตัว


"เช่นเดียวกับชาวนา ภาคกลางจะทำนาปีละ 2 - 3 ครั้งๆ ละ 100 วัน และเมื่ออีก 3 เดือนน้ำจะท่วม ทำไมถึงไม่บอกชาวนาว่าไม่ต้องลงข้าว โดยชดเชยให้เท่าไรก็ว่าไป ไม่ได้ทำนาแต่ได้เงิน ดีกว่าการที่ชาวนาลงเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว ก่อนจะถูกน้ำท่วมแล้วค่อยมาชดเชยให้ทีหลัง ซึ่งขาดทุน เช่น ปีนี้รัฐบาลจ่ายให้ 2 พันบาทต่อไร่ แต่ลงทุนมากกว่านั้น เมื่อบอกชาวนาว่าไม่ต้องลงทุนทำนาแต่จะจ่ายให้ 2 พันบาท จะดีกว่านี้เยอะ ควรจะบอกเขาได้ว่าที่ตรงนี้ของคุณท่วมแน่ๆ ไม่ต้องลงข้าว ก็ถือเป็นการเช่าที่นาแล้วแล้วระบายน้ำลงไปซะ ก็จะไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหนักไปกว่านี้" นายทิพย์พร อธิบาย


พอจะยกระดับเป็น "อินทร์บุรีโมเดล" ได้หรือไม่?


ก็พอได้นะ นายทิพย์พร ตอบอย่างไม่ลังเล อย่างน้อยที่สุดเรามีกลไก มีการวางระบบ มีแผน ซึ่งหลายๆ ส่วนนั้น กระทรวงสาธารณสุขก็นำไปเป็นแบบอย่าง เพราะในส่วนของเราคือแผนป้องกัน ที่สำคัญ คนไทยไม่เคยเรียนรู้การรับมือกับสถานการร์น้ำท่วม

ปีถัดไปวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมอย่างไรบ้าง?

นายทิพย์ กล่าวว่า ปีหน้า "ลานีญ่า" ยังอยู่ ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป พอเดือนพฤษภาคมก็ต้องเริ่มประชุมได้แล้วว่า จะปรับแก้อะไรบ้าง และปีนี้เองก็ไม่คิดว่าน้ำจะท่วมด้านหน้าโรงพยาบาลสูงถึง 160 เซนติเมตร แม้มีคนเสนอให้ทำถนนยกสูงเท่ากับความสูงถนนด้านหน้าโรงพยาบาลเพื่อให้ช่วงน้ำท่วมสามารถสัญจรไปมาได้ แต่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น ก็ไม่ยอมอยู่ดี

ทั้งหมดนี้จึงอาจเรียกได้ว่าเขาคือ "นักสู้น้ำชลประทาน" ตัวจริง ก่อนจะสามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำและป้องกันโรงพยาบาลแห่งนี้ไว้ได้สำเร็จ

ซึ่งน้อยนักที่สถานพยาบาลไม่กี่แห่งจะป้องกันน้ำท่วมได้

ขณะเดียวกัน คงจะเป็นคำตอบได้ว่า ทำไมโรงพยาบาลอินทร์บุรีน้ำถึงไม่ท่วม !



เรื่อง: วุฒิพงษ์ ภาชนนท์, ทิพาภรณ์ สุคติพันธ์
 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1324458028&grpid=&catid=09&subcatid=0905



นายทิพย์พร สุคติพันธ์ เภสัชกร รพ.อินทร์บุรี





สะพานปรับระดับได้







 วิธีเรียงกระสอบทราย





      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4822 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 18:20:42 »

อุตุนิยมวิทยายังคงแจ้งถึงความหนาวเย็นที่ยังมีอีกถึงวันที่ 25 ธ.ค. ภาคใต้ตอนล่างยังมีลมแรง ฝนตกในเกณฑ์กระจายและตกหนักบางพื้นที่ อ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือโปรดระมัดระวัง

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 22 ธันวาคม 2554
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 23-25 ธ.ค.54 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศา โดยจะเริ่มมีผลบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนในระยะแรก ส่วนภาคอื่นจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้นในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา กับมีลมแรง ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4823 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 18:54:58 »

มารู้จักกับมาตรา 112, 133, 134 และ 326 กับคุณเปลว สีเงิน แห่งไทยโพสต์ กันให้ชัดเจนครับ


ความจริงที่ไม่พูดในมาตรา ๑๑๒
เปลว สีเงิน22 ธันวาคม 2554 - 00:00

    นี่...นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต่อสายไปพูดกับพี่ชายให้สะเด็ดน้ำเสียก่อนดีมั้ยว่า..."ตกลงใครจะเป็นนายกฯ กันแน่?" เพราะเห็นพี่พล่านไปหมด ในบ้านเราก็ล้วงทุกเรื่อง ในบ้านเขาก็เข้าไปจุ้น จนแต่ละประเทศก็หัวหมุนไปเหมือนกัน นายกฯ Puppet จะไปเยือนประเทศไหนแต่ละที พี่ก็เล่นบท CEO ประเทศไทย บินไปพบปะเจรจากับคนนั้น-คนนี้ตัดหน้า ยังกะว่าประเทศไทยเป็น "บริษัท ชินวัตร แอนด์ เรด เชิ้ต จำกัด" ยังงั้นแหละ!
    แล้วรัฐบาลก็ทำเหมือนว่าตอนนี้กรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าสู่ภาวะปกติจากมวลน้ำก้อนใหญ่แล้ว ไม่สนใจไยดีอะไรเลย "นอกจากงบ" ทั้งที่หลายพื้นที่ทางฝั่งธนฯ ทางพุทธมณฑล ทางบางบัวทอง ทางนครปฐม น้ำยังท่วมขังอยู่ เพราะหาทางลงทะเลไม่ได้
    ทุกข์ของชาวบ้าน ไม่ใช่ทุกข์ของรัฐบาลที่จ้องเปลี่ยนสีแผ่นดิน จึงไม่เห็นหัวใคร ไล่ลงไปตั้งแต่นายกฯ ที่จะไปอินังขังขอบ ไปช่วยสูบน้ำแต่ละพื้นที่ให้เขา ทั้งที่พื้นที่เหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ "คนเสื้อแดง" แต่พอมีทุกข์ "รัฐบาลเสื้อแดง" มีสุข
    กลับไม่นับญาติกันซะแล้ว!
    มันเป็นอย่างนี้แหละพี่น้องเอ๋ย ยามน้ำมามิดหลังคา มือใครล่ะยื่นไปช่วยกันพยุง ข้าวแต่ละคำ-น้ำแต่ละอึก ใครล่ะหยิบยื่น ก็จากมือพี่น้องไทยด้วยกัน โดยไม่สนใจว่าใคร...สีไหน ขมีขมันช่วยกันคนละไม้ละมือ เป็น "น้ำใจไทย" ที่โลกระบือ แบบนี้...หาได้ที่เดียวในโลก คือ
    ที่เมืองไทย และจากคนไทย!
    รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปไหน...ไปเอาอยู่..เอาอะไร ก็จ้องจะเอาแต่งบพัฒนา-งบฟื้นฟูหลังน้ำท่วม งบทำ Floodway ล้านล้านบาทนั่นไงล่ะ
    ทั้งที่ป่านนี้ยังคลานอยู่ตามใต้ถุน ยังไม่รู้จะทำกันตรงไหน-แบบไหน-อย่างไร เพราะตัวชี้ขาดขึ้นอยู่กับที่ดินของใคร หมู่บ้านจัดสรรไหน ของขาใหญ่หรือขาเล็ก จะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์เป็นหลัก
    ที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวบ้าน ๓๕๒ คน ยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ พล.ต.อ.ประชา รมว.เกษตรฯ รมว.มหาดไทย อธิบดีกรมชลฯ และ ฯลฯ ต่อศาลปกครองด้วยข้อหาประมาท บริหารน้ำท่วมผิดพลาด และศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเมื่อวาน (๒๑ ธ.ค.) นั้น
    ผมเห็นด้วยเป็นที่ยิ่ง และยุยง-ส่งเสริมออกหน้าออกตา ให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมรวมตัวกันฟ้องรัฐบาลต่อศาลปกครองอย่างที่นายศรีสุวรรณฟ้อง
    อยากให้ฟ้องเพราะอะไร...เพราะผมเชื่อว่า ทุกวันนี้ "คนทั้งประเทศ" ก็ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงว่า เหตุที่เกิดมหาอุทกไทยครั้งนี้ สาเหตุมันมาจากอะไรกันแน่?
    ท่วมเพราะฝนพันปี ท่วมเพราะพายุมา ๓ ลูกติด หรือท่วมเพราะเขื่อนปล่อยน้ำพร้อมกัน ๓-๔ เขื่อน หรือท่วมเพราะการบริหาร-จัดการน้ำของรัฐบาลไร้เดียงสา หรือท่วมเพราะอิทธิพลนักการเมืองบางคน "สั่งกรมชลฯ-สั่งเขื่อน" ให้ปล่อยน้ำ โดยยึดผลประโยชน์เฉพาะตนเป็นที่ตั้ง?
    เนี่ย...ฟ้องแล้ว ทั้งศาล ทั้งทนาย จะได้ช่วยทำหน้าที่ซักถาม ให้รัฐบาลตอบ และให้นำเอกสาร หลักฐาน ตัวเลข ตลอดถึงคำสั่งในการบริหารปัญหาทั้งหมดมาแสดงต่อศาล พวกเรา-ชาวบ้านก็จะได้รู้กันจะจะเสียทีว่า ที่ท่วมมิดหัว-มิดหู-มิดหลังคานั้น
    ท่วมเพราะธรรมชาติทำ หรือท่วมเพราะคนเลวชาติทำ?

    เอาหละ..เรื่องมวลน้ำก้อนใหญ่พักไว้แค่นี้ก่อน อยากทำความเข้าใจในเรื่องมาตรา ๑๑๒ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เข้าใจกระจ่าง พร้อมอธิบายให้กับคนที่ข้องใจได้เข้าใจว่า ทำไมจึงต้องมีมาตรา ๑๑๒ ถ้าไม่มีแล้วจะเป็นอย่างไร?
    และการอ้างสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้านเดียว โดยไม่ยอมพูดถึงสิทธิเสรีภาพของคนในสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยนั้น มันใช่การใช้สิทธิเสรีภาพแบบทัดเทียมกัน ตามปรัชญาประชาธิปไตยหรือไม่?
    ผมเอง "ไม่กระจ่าง" ด้านกฎหมาย แต่อ่านเว็บฯ http://www.chantrawong.blogspot.com/2011/12/112.html เขาได้นำบทความ "ควรยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ หรือไม่?" ของท่านขวัญชัย รัตนไชย ที่ตีพิมพ์ใน นสพ.แนวหน้า เมื่อ ๗ ธ.ค.๕๔ มาลงไว้ พูดได้คำเดียวว่า "ต้องอ่าน" ดังนี้

ความเห็นด้านกฎหมายของท่าน
      ข้อ 1.ประเทศไทยกำหนดห้ามหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และห้ามหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาไว้ในมาตรา 326 ความว่า
    ๐ มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
    ๐ มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ข้อแตกต่างของความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์กับบุคคลธรรมดา ประการแรกก็คือ
    ๐ มาตรา 112 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งหมายความว่ารัฐเป็นผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องดำเนินการกับผู้กระทำความผิด
    ๐ ส่วน มาตรา 326 เป็นความผิดอันยอมความได้ หรือความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งถ้าไม่มีผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่รัฐก็จะไม่ดำเนินคดีให้
    เหตุที่บัญญัติไว้แตกต่างกันเช่นนี้ เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่ประมุขของรัฐจะไปฟ้องร้องกล่าวโทษพลเมืองของตนเอง หากยกเลิกมาตรา 112 ก็เท่ากับเป็นการจำกัดสิทธิประมุขแห่งรัฐ ไม่ให้สามารถคุ้มครองตนเองจากการถูกหมิ่นประมาทได้
    ยิ่งกว่านั้นการ "หมิ่นประมาท" หมายความว่า ใส่ความโดยไม่เป็นความจริงในลักษณะที่ทำให้ผู้ได้ยินได้ฟังเกลียดชังผู้ถูกใส่ความ ซึ่งเป็นการกระทำอันชั่วร้ายผิดศีลธรรม การยกเลิกมาตรา 112 มีผลทำให้ประมุขของรัฐซึ่งถูกจำกัดสิทธิที่จะคุ้มครองตนเองโดยฐานะของตนในทางพฤตินัยไม่ได้รับความคุ้มครอง และเสียสิทธิที่จะปกป้องตนเองในทางนิตินัยไปพร้อมกันด้วย
      ข้อ 2.กฎหมายอาญาของไทยเป็นกฎหมายที่มีความเป็นสากล กล่าวคือ ให้ความคุ้มครองประมุขของรัฐต่างประเทศและผู้แทนของรัฐต่างประเทศด้วย ดังจะเห็นได้จากมาตรา 133 และมาตรา 134 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
    ๐ มาตรา 133 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ๐ มาตรา 134 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายผู้แทนรัฐต่างประเทศซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มาสู่พระราชสำนัก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    "ถ้ายกเลิกมาตรา 112 ผลตามกฎหมายก็คือ ประเทศไทยให้ความคุ้มครองประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ แต่ไม่คุ้มครองประมุขของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องผิดวิสัยของอารยประเทศอย่างยิ่ง
    หากจะยกเลิกมาตรา 133 และมาตรา 134 ไปพร้อมกับมาตรา 112 ผลก็คือประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศป่าเถื่อนในสายตาสังคมโลก และไม่มีประเทศที่เจริญแล้วประเทศใดในโลกคบค้าสมาคมด้วย เพราะไม่ให้เกียรติแก่ประมุขของเขา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศสูงสุดของประเทศเหล่านั้น
      ข้อ 3.ในสังคมระหว่างประเทศ มีหลักในการอยู่ร่วมกันข้อหนึ่งคือ หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติโดยเท่าเทียมกัน (Reciprocity) กฎหมายของประเทศที่เจริญแล้วในโลก ไม่ว่าจะมีประมุขเป็นพระมหากษัตริย์ หรือประธานาธิบดี หรือเรียกชื่ออื่นใดก็ตาม
    ย่อมถือว่า ประมุขของประเทศใดเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ของประเทศนั้น แต่ละประเทศจะให้ความคุ้มครองสูงสุดแก่ประมุขของตนและให้ความคุ้มครองแก่ประมุขของประเทศอื่น เพื่อประเทศอื่นจะได้ให้ความคุ้มครองแก่ประมุขของตนเองด้วยแล้ว ย่อมมีผลทำให้ประเทศไทยต่ำต้อยกว่าประเทศอื่นใดในสายตาชาวโลก
      ข้อ 4.ประมุขของประเทศใดก็ตามย่อมถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของประเทศนั้น หากประมุขของประเทศใดไร้เกียรติ พลเมืองของประเทศนั้นย่อมต่ำต้อยไร้ค่ากว่าพลเมืองของประเทศอื่นในโลก ถ้าคนไทยยังรักที่จะเป็นคนที่มีเกียรติก็จะต้องรักษาเกียรติยศแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของประเทศไว้สูงสุด จึงจะทำให้คนไทยมีเกียรติเหมือนพลเมืองชาติอื่นในโลก
    ข้อ 5.ประมุขของแต่ละประเทศทั้งที่ได้รับการเลือกตั้ง หรือโดยการแต่งตั้ง ล้วนแต่เป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกขึ้นเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ ขวัญและกำลังใจของประเทศนั้นๆ ความภาคภูมิใจของพลเมืองในประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้นก็คือ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขได้รับการคัดเลือกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ (Supernatural) ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการและประกอบคุณงามความดีมาก่อน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติจึงคัดเลือกให้มาเป็นประมุข
    การแก้ไขกฎหมายใดๆ โดยไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบทั้งภายในประเทศและในสังคมระหว่างประเทศ รวมทั้งโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรมอาจทำให้บรรลุเป้าหมายด้านผลประโยชน์ของบุคคลบางคนบางกลุ่ม แต่ก่อให้เกิดความหายนะใหญ่หลวงแก่ประชาชนส่วนใหญ่และประเทศชาติ
    ครับ..นี่คือคำอธิบายของท่านขวัญชัย รัตนไชย ที่ตอบข้อสงสัยได้หมดจด มาตรา ๑๑๒ ไม่ได้ขัดหลักเสรีภาพ ตรงกันข้าม หากยกเลิก นั่นแหละ..ทำลายความทัดเทียมกันทางเสรีภาพด้วยซ้ำ ที่เขายกมาพูดด้านเดียวให้เห็นร้ายนั้น เพราะพวกมันเจตนาจะเปลี่ยนสถาบันเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน".


http://www.thaipost.net/news/221211/50057
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4824 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2554, 20:08:58 »

ตามด้วย ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล

“ดร.สุเมธ” ถามทำไมต้องแก้ ม.112 ชี้แค่ตัวหนังสือไม่ทำผิดก็ไม่มีผล
22 ธันวาคม 2554 19:09 น.

 
        “ดร.สุเมธ” เตือนสติรัฐบาล อย่าแก้กฎหมายเพื่อคนๆ เดียว แนะคนไทยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลดระบบทุนนิยม หวั่นประเทศล่มจม เหมือน “ต้มยำกุ้ง-แฮมเบอร์เกอร์” ย้อนถามทำไมต้องเจาะจงแก้มาตรา 112 ชี้ เป็นแค่ตัวหนังสือ ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่มีผล ยกแต่งโคลงกลอนล้อประธานาธิบดียังติดคุก
       
       วันนี้ (22 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายพิเศษเรื่อง การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาท โดยมี พล.อ.ดุลกฤต รักษ์เผ่า ผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนาให้การต้อนรับ
       
       ดร.สุเมธ กล่าวตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักธรรม หลักปรัชญา ความคิด ไม่จำเป็นต้องทำเกษตรอย่างเดียว ครู พ่อค้า นักการเมือง เป็นใครก็ได้ สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทั้งนั้น แต่ก่อนที่เราจะมาเข้าใจการประมาณตน ต้องทราบเบื้องหน้าเบื้องหลังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียงนี้ขึ้นมาก่อน ว่า ก่อนหน้านั้น มีปรากฏการณ์วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 หรือที่เรียกว่า วิกฤตต้มยำกุ้ง จนบ้านเมืองล่มจม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ก็ต้องดูสาเหตุว่าเพราะอะไร ตอนนั้นทุกคนโดนกันถ้วนหน้า เพราะเราทำตามความคิดแบบทุนนิยม เราเดินตามฝรั่งเขา ก็พบจุดจบ เจ้าของทฤษฎีเองก็ล่ม ของเราใช้ชื่อ วิกฤตต้มยำกุ้ง ของเขาใช้ชื่อ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา ก็ร่อแร่ไปกันไม่รอด
       
       ดร.สุเมธ กล่าวต่อว่า พวกเราทุกคนอาศัยอยู่บนโลกกลมๆ ก็ต้องเข้าใจโลกด้วย การไปตัดไม้ทำลายป่า ธรรมชาติก็โกรธ จนทำให้เกิดน้ำท่วม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยรับสั่งว่า เมื่อเขาโกรธ เขาก็จะลงโทษเรา โลกเวลานี้เราไม่ต้องไปคิดถึงเรื่อง เสรีทุนนิยม คอมมิวนิสต์ ทุนนิยม แต่โลกขณะนี้ถูกครอบงำด้วยระบบบริโภคนิยม ไม่ว่าจะอยู่ที่จุดไหนก็ถูกกระตุ้นให้บริโภค แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราอย่าให้กิเลสครอบงำ เพราะกิเลสครองโลกมา 2554 ปีแล้ว มนุษย์ไม่เคยชนะมัน มีแต่จะเพิ่มทวีคูณมากขึ้น ทุกคนมีแต่อยากและอยาก พอสะสมมากๆ หนึ่งไม่พอ สองสามก็ตามมา เพราะฉะนั้นควรกินให้พออิ่มพออยู่ แต่นี่กินกันมากมายจนกลายเป็นโรค
       
       หลังจากนั้น ดร.สุเมธ ให้สัมภาษณ์เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ว่า ไม่ว่าอาชีพใด เช่น นักการเมือง ครู อาจารย์ พ่อค้า นำไปใช้ได้ทั้งนั้น เราต้องมีความพอประมาณของตัวเอง รู้จักตัวเอง เรื่องเงินทอง การดำเนินการไปข้างหน้า จึงใช้เหตุผลเป็นเครื่องนำทาง อย่าใช้กิเลสตัณหา เพราะถ้าใช้กิเลสก็จะเกิดความพินาศจะเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงตัวบุคคล จนไม่สามารถเดินหน้าได้ ให้ใช้เหตุผล สติและปัญญาเป็นเครื่องนำทาง นอกจากนี้ อย่าประมาท ถึงแม้จะทำอะไรไม่เกินตัว แต่ความไม่แน่นอนก็มีเหมือนกัน พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังสร้างภูมิคุ้มกันตั้งแต่บัดนี้ การจะดำเนินการใดๆ ก็ตาม เราไม่ได้ปิดประตูไม่คบหาใคร เราต้องรอบรู้เหตุการณ์รอบๆ บ้านและรอบโลก ว่า เขาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน เราจะได้ปรับให้เข้ากับยุคสมัยได้ สำหรับเรื่องคุณธรรม ธรรมาภิบาล จริยธรรม ต้องมีศีลธรรมและคุณธรรม อย่ากิน อย่าโกง อย่าทุจริตคอร์รัปชัน จะมีชีวิตที่สมดุลและยั่งยืน
       
       เมื่อถามว่า รัฐบาลซึ่งมีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง ควรนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้หรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า ใครจะมีอาชีพอะไรใช้ได้ทั้งนั้น และต้องใช้ด้วย ถ้าหากจะยึดธรรมะเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง สื่อมวลชน ประชาชน หากใครไม่ใช้ธรรมะ ตนคิดว่ามีความเสี่ยง เมื่อถามว่า ตอนนี้เห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศหรือไม่ ดร.สุเมธ ย้อนถามสื่อว่า สื่อเห็นหรือไม่ เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมองอย่างไร ดร. สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้ เป็นผู้ใหญ่แล้ว มองไม่ค่อยไกล ตาฝ้าฝางหมดแล้ว มองไม่ค่อยเห็นหรอก
       
       เมื่อถามว่า ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะเกิดปัญหาขึ้นมาหรือไม่ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออีกหลายเรื่องที่มองว่าทำ เพื่อคนๆ เดียว ดร.สุเมธ กล่าวว่า ใช้เศรษฐกิจพอเพียง เหตุผลเป็นเครื่องนำทาง คำว่ามีเหตุมีผล อะไรที่ถูกต้อง อะไรที่เป็นธรรม โดยมีความยุติธรรม และถ้าทุกอย่างดำเนินการถูกต้อง ปัญหาไม่น่าจะมี เมื่อถามว่า การแก้ไขกติกาสูงสุดของประเทศเพื่อคนๆ เดียว ถูกต้องหรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า คิดว่านั้นคือหลักสากลสำหรับคนทั่วไป กฎหมายออกแบบไว้สำหรับคนทุกคน เมื่อถามย้ำว่า ไม่ใช่ไปแก้เพื่อคนใดคนหนึ่ง ดร.สุเมธ กล่าวว่า ก็แน่นอนที่สุด
       
       เมื่อถามว่า การแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เหมาะสมหรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า กฎหมายอาญา มีตั้งกี่ร้อย กี่พันมาตรา ทำไมจำเพาะเจาะจงถึงต้องแก้อันนี้ กฎหมายคือกฎหมาย ถ้าเราไม่ทำผิด เขาก็อยู่ในกระดาษเท่านั้นเอง ก็อย่าทำผิดก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอะไรต่างๆ เราต้องแก้ด้วยหรือ หากเราไม่ไปฆ่าใคร ก็คงไม่มีใครมาจับไปขังเข้าคุก แต่ตราบใดที่เราทำผิด กฎหมายนั้นถึงออกมาใช้ได้ ซึ่งเหมือนกันหมด
       
       “เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา เพื่อนมาเล่าให้ฟัง มีคนแต่งโคลงกลอนล้อประธานาธิบดี ถูกติดเข้าคุกเลย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นมาตราอะไร ของฝรั่งเขา ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่เขาก็โดนลงโทษ ที่ไหนในโลกนี้เขาก็มีกันทั้งนั้น” ดร.สุเมธ กล่าว
       
       เมื่อถามว่า เหตุผลที่หยิบยกมาอ้างคือไม่เป็นไป ตามกฎหมายสากล ดร.สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้มีเหตุผลหรือเปล่า ถ้ามีเหตุผลก็พอฟังได้ ถ้าไม่มีเหตุผลก็ไม่ต้องฟัง เมื่อถามว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้ถูกปลุกปั่นจนเกิดการเผชิญหน้าของประชาชน 2 กลุ่ม ดร.สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้ต้องไปถามคนปลุกปั่น ตนไม่ได้ปลุกไม่ได้ปั่น และก็ไม่เคยถูกปลุกถูกปั่น ก็เลยไม่รู้
       
       เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใช่หรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะไม่ใช่รัฐบาล เมื่อถามย้ำว่า ท่านมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) น่าจะให้คำแนะนำได้ ดร.สุเมธ กล่าวว่า ตนเป็นที่ปรึกษาเรื่องน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรเลย เป็นแค่ที่ปรึกษาไม่เกี่ยวข้องอะไร เวลาบริษัทล้ม ที่ปรึกษาลอยลำไม่ได้รู้เรื่องอะไร กับเขาด้วย ไม่ต้องรับผิดชอบ
       
       เมื่อถามว่า แต่ท่านมีโอกาสให้คำปรึกษาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ดร.สุเมธ กล่าวว่า เป็นที่ปรึกษาเรื่องน้ำ หากเป็นปัญหาเรื่องส่วนรวมบ้านเมืองก็ต้องช่วยกัน แต่ถ้าเป็นปัญหาเรื่องการเมืองตนก็ไม่ยุ่ง แต่นี้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องบ้านเมืองก็ต้องเข้าไปช่วย มีอะไรแนะได้ก็แนะไป เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในภาวะเปราะบางหรือไม่ ดร.สุเมธ ย้อนถามว่า คนไทยเป็นห่วงหรือไม่ สื่อช่วยถามต่อให้หน่อย สำหรับตนคงไม่ต้องถามแล้ว โดยตำแหน่งโดยหน้าที่ เป็นคำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000163012
 
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 191 192 [193] 194 195 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><