24 พฤศจิกายน 2567, 02:28:10
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 190 191 [192] 193 194 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2606703 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 30 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4775 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2554, 22:24:04 »

พระ-เณร ให้พร

ภาพบานใหญ่สุดที่ผนังห้องคือรูปของหลวงพ่อบุญนำ ชิตามาโร ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ซึ่งปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่
ท่านเป็นหลานแท้ๆ ของ หลวงพ่อเดิม พระผู้เป็นเทพเจ้าเมืองปากน้ำโพ
ซึ่งวัตถุมงคลเป็นที่กล่าวขวัญและต้องการของคนทั่วไป





      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4776 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2554, 22:28:09 »

จากนั้นคณะกรรมการได้สนทนาแลกเปลี่ยนสาระกันโดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ก่อนอำลาไปทำงานต่อครับ



หมายเหตุ- คงไม่มีภาพให้เห็นเช่นเดิม เพราะทำหน้าที่พิธีกร และบันทึกภาพไปด้วย จึงมีแต่ภาพผู้อื่นครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4777 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2554, 22:36:45 »

ข่าวสำคัญซึ่งห้ามพลาดคือ พายุ "วาชิ"

ประกาศเตือนภัย
พายุ “วาชิ” 

ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2554
 
     เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (19 ธ.ค. 54) พายุโซนร้อน “วาชิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 9.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางใต้เล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 18 กม./ชม. คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำต่อไป ก่อนจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศมาเลเซีย ในวันพุธที่ 21 ธ.ค. 54 ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ภาคใต้ตอนล่างบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลระวังอันตรายจากคลื่นสูงและลมแรงที่พัดเข้าฝั่ง สำหรับชาวเรือขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. 54
อนึ่ง ในระยะ 1-2 วันนี้ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ในวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค. 54 จะมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่เสริมปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้ง ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย


ประกาศ ณ วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 16.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4778 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2554, 22:40:42 »

น่าจะเป็นข่าวดี เฉพาะในภาคราชการ
ขณะที่ภาคเอกชนเตรียมฟ้องศาลปกครองยกเลิกการขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท


ดีเดย์ 1มค.-ขรก.′ป.ตรี′เงินเดือนหมื่นห้า พลทหาร รับขั้นต่ำ 9 พันบาท
วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10:41:22 น.
 
รัฐบาลเดินหน้าปรับเงินเดือนขั้นต่ำ ข้าราชการและบุคลากรรัฐจบปริญญาตรีเป็น 1.5 หมื่นบาท เริ่มทันทีปีใหม่ 1 ม.ค.2555 ส่วนกลุ่มต่ำกว่าปริญญาตรีและทหารเกณฑ์ ให้ปรับขั้นต่ำเพิ่มเป็น 9,000 บาท หวังสร้างกำลังใจในการทำงานและเยียวยาหลังน้ำลด
 
ขึ้นเงินเดือน ขรก.ปีใหม่

รายงานข่าวจากกระ ทรวงการคลังแจ้งว่า กระทรวงการคลังยืนยันจะปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและบุคลากรภาครัฐในระดับปริญญาตรีที่มีเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ซึ่งมีอยู่กว่า 6.49 แสนคน โดยแบ่งเป็นผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป 3.46 แสนคน ที่มีอัตราเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่ถึง 1.5 หมื่นบาท ให้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว(พ.ช.ค.) เพิ่มอีก เมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างแล้วเท่ากับ 1.5 หมื่นบาท และผู้ที่มีวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี รวมถึงทหารกองประจำการอีกกว่า 3.02 แสนคน ที่มีอัตราเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ 9,000 บาท ให้รับพ.ช.ค.เพิ่ม รวมเป็น 9,000 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.2555 ส่วนงบประมาณที่ใช้ ดำเนินการในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 1.88 หมื่นล้านบาท และในปีถัดไปจะอยู่ที่ประมาณ 2.45 หมื่นล้านบาท

หวังช่วยเยียวยาหลังน้ำลด

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในช่วงที่เกิดอุทกภัยผู้บริหารกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือว่ามีความจำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาการปรับขึ้นเงินเดือนออกไปหรือไม่ เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ให้เลื่อนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันออกไปเป็นวันที่ 1 เม.ย.2555 จากเดิมที่ต้องเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.2555 เนื่องจากเห็นว่านโยบายดังกล่าวดำเนินการมาพร้อมกัน โดยมีข้อสรุปว่ายืนยันที่จะปรับขึ้นในช่วงปีใหม่นี้เพื่อสร้างกำลังใจในการทำงานให้กับข้าราชการ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า สำหรับแนวทางการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราช การและบุคลากรภาครัฐในระดับปริญญาตรีที่ 1.5 หมื่นบาทนั้น น่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-4 ปี ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 เช่นเดียวกัน โดยคาดว่าปีแรกจะใช้งบประมาณในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 8,000 ล้านบาท เนื่อง จากเหลือปีงบประมาณเพียง 9 เดือน จากนั้นปีที่ 2 จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 1.5 หมื่นล้านบาท

( ข่าวสด 19 ธ.ค.2554)

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1324266154&grpid=03&catid=03&subcatid=0305
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4779 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 13:08:36 »

อุตุนิยมฯ เตือนภััยภาคใต้ จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน"วาชิ" ซึ่งปรับลดเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว
แต่ยังมีอันตรายจากการสะสมน้ำเป็นปริมาณมากและคลื่นลมแรง


ประกาศเตือนภัย
"พายุ “วาชิ” "

ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2554
 
     เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (20 ธ.ค. 54) พายุโซนร้อน “วาชิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้วและจะเคลื่อนตัวเข้าประเทศมาเลเซีย ในวันพุธที่ 21 ธ.ค. 54 ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ภาคใต้ตอนล่างบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลระวังอันตรายจากคลื่นสูงและลมแรงที่พัดเข้าฝั่ง สำหรับชาวเรือขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. 54
อนึ่ง ในระยะ 1-2 วันนี้ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ในวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค. 54 จะมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่เสริมปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้ง ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย


ประกาศ ณ วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 05.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4780 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 13:56:24 »

น้ำปาด ถูกน้ำและโคลนจากยอดเขาพัดถล่มจนหมู่บ้านพัง และเกิดการเปลี่ยนเส้นทางของลำธาร
มาวันนี้ ประสบภัยหนาว....??

 
อุตรดิตถ์ ประกาศให้ "อ.น้ำปาด-บ้านโคก" เป็นพื้นที่ภัยพิบัติหนาว
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2011 เวลา 10:41 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ   
 

นายสุรชัย ธัชกวิน ป้องกันและบรรเทาสาธาณภัย (ปภ.)จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จากอุณหภูมิที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส ติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์ของ อ.น้ำปาด และ อ.บ้านโคก ทางปภ.จังหวัดจึงประกาศให้ทั้ง 2 อำเภอ เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยหนาว พร้อมเร่งให้เจ้าหน้าที่สำรวจประชาชนผู้ประสบภัยหนาวที่ขาดแคลนเครื่องกันหนาวโดยเฉพาะผ้าห่ม เพื่อให้ความช่วยเหลือ

โดยจากการสำรวจพบว่าประชาชน 10 ตำบล ในอำเภอน้ำปาด และอำเภอบ้านโคก จำนวน 20,629 คน 7,565 ครอบครัว โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด ซึ่งเป็นพื้นที่เคยประสบภัยดินโคลนถล่มเมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา พบชาวบ้านขาดแคลนเครื่องกันหนาว 4,200 รายและเป็นผู้ประสบภัยยังคงอาศัยอยู่ในเต็นท์ยกพื้นสูง เป็นบ้านพักชั่วคราว 77 ครอบครัว ซึ่งเบื้องต้นจัดผ้าห่มกันหนาวมอบให้ผู้ประสบภัยจุดดังกล่าวไปแล้วครบทุกครัวเรือน

พร้อมกันนี้ ได้ประสานองค์กรการกุศลทั้งในและต่างจังหวัดสามารถบริจาคเครื่องกันหนาวผ่านยังศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาด ขณะเดียวกันให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจประชาชนที่ยังคงขาดแคลนเครื่องกันหนาวเพิ่มเติม เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่าทั่วถึง และตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวระดับตำบลขึ้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=98361:--q-q-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4781 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 13:59:40 »

เชื่อหรือไม่ ?? ปภ. ประกาศสุพรรณบุรีประสบภัยหนาว !! ??

ปภ.เผยมีพื้นที่ประสบภัยหนาวแล้ว 16 จังหวัด
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2011 เวลา 09:58 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ    
 

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยหนาวซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง 2 จังหวัด คือ สุพรรณบุรีและราชบุรี บางอำเภอ รวมทั้งสิ้น 16 จังหวัด

ขณะนี้กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวปี 2554 – 2555 เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ทุกจังหวัดยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว เพื่อเตรียมการป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน พร้อมสำรวจและจัดทำบัญชีผู้ประสบภัยหนาวอย่างละเอียด และซักซ้อมการช่วยเหลือตามแผนที่วางไว้ และเตรียมการขอรับการสนับสนุนเครื่องอุปโภค บริโภค เครื่องกันหนาว ยาและเวชภัณฑ์ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามความเหมาะสม ส่วนพื้นที่น่าเป็นห่วง คือ พื้นที่สูงมาก ซึ่งอุณหภูมิจะต่ำและอากาศหนาวเย็นมาก

ปภ.แนะให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารและการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมแนะประชาชนในพื้นที่ประสบภัยหนาว ให้รักษาร่างกายให้อบอุ่นและแข็งแรง และระมัดระวังการจุดไฟให้ความอบอุ่นร่างกาย ตลอดจนระวังการเดินทางและอัคคีภัยด้วย


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=98343:-16-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4782 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 14:09:37 »

ตามด้วบงบ 1,000 ล้านบาท ในขณะที่ชาวบ้านยังสงสัย น้ำในจังหวัดสุพรรณบุรี ไม่พอทำนา ??

 
“ วิทยา ” ยันรัฐไม่ได้เอาใจนายบรรหาร หลังเทงบฟื้นฟูน้ำท่วมจ.สุพรรณบุรีร่วม 1 พันล้านบ.
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2011 เวลา 10:36 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ   


วันนี้(20 ธ.ค. ) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และประธานคณะกรรมการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมระดับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับความเสียหายอย่างนัก นานกว่า 2 เดือน โดยได้แบ่งแยกความเสียหายออกเป็น 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคการท่องเที่ยว รวมมูลค่าความเสียหายหลายแสนล้านบาท ทั้งนี้มีหลายหน่วยงานของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำเรื่องของบฟื้นฟูจากรัฐบาลไปกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติมาใช้ 2,500 ล้านบาท ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ถูกน้ำท่วม รัฐบาลกับอนุมัติงบประมาณฟื้นฟูมากถึง 1,000 ล้านบาท  จึงทำให้อาจถูกมองว่ารัฐบาลเอาใจนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย  จึงทุ่มงบให้เป็นจำนวนมากทั้งที่น้ำท่วมความเสียหายไม่มากนัก

ต่อเรื่องนี้ นายวิทยา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการเอาใจแต่เป็นการบังเอิญมากกว่าที่จังหวัดสุพรรณบุรี ทำเรื่องของบประมาณเข้ามาตรงกับความจำเป็นที่จะต้องนำไปฟื้นฟูจังหวัดรัฐบาล จึงได้จัดสรรงบประมาณไปให้ และยังเน้นย้ำในหลายจังหวัดก็ได้อนุมัติให้เช่นเดียวกันอย่าคิดมาก

ส่วนแผนการพัฒนาลุ่มพื้นที่ภาคกลาง นายวิทยา ระบุว่า รัฐบาลมีแผนพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายของเกษตรกร โดยจะมีการจัดโซนนิ่งพื้นที่การเกษตรกรรม เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วให้หยุดเพราะปลูกในฤดูน้ำเหนือไหลหลาก และจะใช้พื้นที่โซนนิ่งเป็นแก้มลิงเก็บกักน้ำก็จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=98355:-----1--&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4783 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 16:23:13 »

ดูความเสียหายที่เกิดจากพายุ "วาชิ" พัดถล่มฟิลิปปินส์

ยอดเหยื่อไต้ฝุ่น “วาชิ” ถล่มฟิลิปปินส์พุ่งทะลุ 1,000 ราย
20 ธันวาคม 2554 13:22 น.


สภาพความเสียหายจากอุทกภัยในเมืองอิลลิแกน ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ หลังไต้ฝุ่นวาชิพัดถล่มเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา  

        เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายจากพายุไต้ฝุ่นวาชิ ที่พัดถล่มภาคใต้ของฟิลิปปินส์ พุ่งทะลุ 1,000 ราย วันนี้ (20) รัฐบาลฟิลิปปินส์ เผย ขณะที่หลายเมืองซึ่งเป็นเขตประสบภัยพิบัติเตรียมฝังศพหมู่เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
       
       เบนิโต รามอส หัวหน้าหน่วยป้องกันพลเรือนฟิลิปปินส์ ระบุว่า ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 957 ราย สูญหายอีก 49 คน หลังจากไต้ฝุ่นวาชิโหมกระหน่ำใส่เกาะมินดาเนาและพื้นที่โดยรอบ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
       
       อิทธิพลของไต้ฝุ่นลูกนี้ทำให้เกิดฝนตกหนัก จนน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่ง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในช่วงกลางดึก ทำให้ชุมชนที่ปลูกสร้างอยู่ใกล้ปากแม่น้ำถูกซัดหายไปทั้งหมู่บ้าน
       
       ยอดเหยื่อภัยพิบัติยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเจ้าหน้าที่เริ่มพบศพจำนวนมากที่ถูกน้ำซัดลงทะเล
       
       “ศพเหล่านี้จมอยู่ใต้น้ำมานาน 3 วัน ถึงเวลานี้จึงเริ่มเน่าเปื่อย และลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ” รามอส ให้สัมภาษณ์


ภาพถ่ายทางอากาศเผยให้เห็นความเสียหายในเมืองอิลลิแกนทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ หลังพายุไต้ฝุ่นวาชิพัดถล่มเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
       
       ประธานาธิบดี เบนิโญ อากิโน บินตรงไปยังเกาะมินดาเนาในวันนี้ (20) เพื่อสำรวจความเสียหายทางอากาศ, ประสานงานด้านบรรเทาทุกข์ และแสดงความเสียใจต่อญาติมิตรของเหยื่อพายุ ผู้ช่วยประธานาธิบดี เผย
       
       อากิโน ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ฟิลิปปินส์ตกอยู่ท่ามกลาง “หายนะ” ริกกี คารันดัง โฆษกประธานาธิบดี แถลง
       
       คากายัน เด โอโร และ อิลลิแกน 2 เมืองท่าสำคัญในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ เป็นจุดที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด โดยพบผู้เสียชีวิต 579 และ 279 รายตามลำดับ ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบ และต้องการความช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลเช่นกัน คารันดัง กล่าว
       
       ทั้ง 2 เมืองเตรียมจัดพิธีฝังศพหมู่แก่ผู้เสียชีวิตที่ยังไม่สามารถระบุเอกลักษณ์ได้ เพื่อป้องกันปัญหาด้านสุขอนามัย และลดปัญหาศพส่งกลิ่นเน่าเหม็น


รถยนต์คันหนึ่งถูกกระแสน้ำที่รุนแรงพัดขึ้นไปติดอยู่บนกำแพงบ้าน ในเมืองอิลลิแกน
       
       พื้นที่ประสบภัยอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาราว 800 กิโลเมตร ซึ่งโดยปกติจะไม่เป็นทางผ่านของพายุ ดังนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่จึงไม่ทันเฝ้าระวัง และแตกตื่นตกใจเมื่อน้ำหลากเข้าท่วมบ้านเรือนขณะที่พวกเขากำลังหลับใหล
       
       สภาจัดการและบรรเทาความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า ขณะนี้มีประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยราว 284,000 คน และกว่า 42,000 คน ยังพักอยู่อย่างแออัดในศูนย์ผู้อพยพที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4784 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 16:33:27 »

ข่าวดีของคณะบัญชีฯ

บัญชีฯจุฬาร่วมออกบูธประเทศมาเลเซีย ชูหลักสูตรปริญญาตรี BBA
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2011 เวลา 15:14 น. ประเสริฐ ขวัญมา (bb) ข่าวประชาสัมพันธ์ - ข่าวประชาสัมพันธ์   

 

ดร.อนิรุต  พิเสฏฐศลาลัย รองประธานกรรมบริหาร หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  พร้อม อาจารย์ธนพร หงสุชน (ที่ 2 จากซ้าย) และทีมงาน ร่วมออกบูธงาน “Facon Education Fair December 2011” เพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตร BBA บริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ)  ซึ่งเปิดสอนกว่า 15  ปี และเชิญชวนนักเรียนมาเลเซีย และชาวต่างชาติ เรียนต่อในประเทศไทย ณ ศูนย์การประชุม Putra World Trade Center ประเทศมาเลเซีย เมื่อเร็วๆ นี้ 
 
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=98432:--bba-&catid=171:pr&Itemid=512
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4785 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 19:44:45 »

Sexy Abbey Clancy strips off
19 December 201104.48 PM 01:44min

MODEL dances around topless in new video for Love Magazine's website

http://www.thesun.co.uk/sol/homepage/video/showbiz/4008741/Sexy-Abbey-Clancy-strips-off.html#ooid=I2MmU1Mzo5e94nN7ggO0WhntYOrLdNJL
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4786 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 19:46:23 »

สวัสดีอีกครั้งในช่วง 19.45 น.ครับ

อากาศช่วงค่ำเริ่มเย็นลง พร้อมมีลมพัด ซึ่งมีผลให้อุณหภูมิลดลงไปอีก
ระวังสุขภาพจากการเป็นหวัด ปอดบวม ไอเพราะอาการติดเชื้อหวัดนะครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4787 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 20:46:11 »

ภาคใต้ยังต้องระมัดระวัง ผลจากพายุ"วาชิ" ซึ่งแม้จะแปรเป็น"หย่อมความกดอากาศ" แล้ว แต่อิทธิพลต่อฝนที่จะตกยังมีมาก

กรมทรัพยากรฯเตือนภาคใต้ตอนล่างรับมือปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2011 เวลา 19:28 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ   
 
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวลด้อม ฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อรายงานสถานการณ์น้ำ สถานการณ์อุทกภัยและผลแถลงการดำเนินงานแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา

ในที่ประชุม รายงานว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัยในเขตประเทศไทยตอนบน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาครและกรุงเทพมหานคร ยอดผู้เสียชีวิตจำนวน 744 ราย สูญหาย 3 ราย สำหรับพื้นที่ๆ ได้รับผลกระทบที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 65 จังหวัด แต่สถานการณ์ได้คลี่คลายไปแล้วใน 57 จังหวัด และกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นฟู จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนทั่วไปพบว่าทุกภูมิภาคของประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 ถึงเดือนมกราคม 2555 ปริมาณน้ำฝนมีค่าใกล้เคียงกับ ปี 2553 ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีค่าสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนื่อที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรังและสตูล มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักในบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรงขึ้นคลื่นสูง 2-4 เมตร

นายปรีชา กล่าวว่า สถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้เมื่อช่วงเดือนต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้คลี่คลายลงไปบ้างแล้ว เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่อยู่ติดกับทะเลทำให้การระบายน้ำฝนทำได้โดยง่าย แต่ในช่วงวันที่ 20-25 ธันวาคม 2554 ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการไปยังศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเขต12 จังหวัดสงขลา ให้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มและคลื่นลมแรง ซึ่งเป็นผลมาจากพายุโซนร้อนวาชิที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศมาเลเซียในช่วงวันที่ 21 ธ.ค. 2554
         
“ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำจัดทำแผนรองรับเพื่อจัดการน้ำ ในเขตพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่ตอนบนและตอนล่างเริ่มตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปจนถึงสามจังหวัดชายแดนใต้ และด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง ที่ราบต่ำริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ให้ทราบถึงสภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรงที่จะเกิดขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดภัยพิบัติอุทกภัยที่รุนแรงจนนำไปสู่ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” รมว.ทส. กล่าว


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=98489:2011-12-20-12-29-27&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4788 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 20:52:24 »

จากรายงาน 65 จังหวัดได้รับผลกระทบ และคลี่คลายแล้ว 57 จังหวัด จากการที่ประเทศไทยมี 77 จังหวัด
เสียชีวิตแล้ว 744 ราย สูญหายอีก 3 ราย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4789 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 21:04:41 »

ภาพที่ปรากฎในจ Face Book ของนายกเทศมนตรี เทศบาลนครนครสวรรค์
จิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ Jittahkasem Nirojthanarat 




http://www.facebook.com/jittahkasem#!/photo.php?fbid=237756982964094&set=pu.146963565376770&type=1&theater
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4790 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 21:20:52 »

วิธีลดความห่อเหี่ยวช่วงปีใหม่
ท่านขุนน้อย                                                                                                                 20 ธันวาคม 2554 - 00:00

    ใกล้จะถึงวันคริสต์มาส และช่วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ เข้าไปทุกที แต่ลมหนาวก็ยังคงอิดๆ ออดๆ หนาวมั่ง ไม่หนาวมั่ง สลับไป สลับมา เป็นระยะๆ ส่งผลให้บรรยากาศโดยทั่วไป ไม่ค่อยจะสดใสเท่าที่ควร ยิ่งถ้าเป็นบรรยากาศบ้านเมืองด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่ออกไปทางห่อเหี่ยว หดหู่ น่าอิดหนาระอาใจซะเหลือเกิน...
                            -----------------------------------------------------
    ไม่ว่าจะข่าวคราว ว่าด้วยความเป็นไปของโลก หรือความเป็นไปในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็ตาม คงต้องยอมรับว่า...มันออกจะนำมาซึ่งความน่าอเนจอนาถ น่าเวทนา ไปด้วยทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะไปหยิบเอาเรื่องราวต่างๆ มาพูดถึง ให้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้า เพิ่มความเจ็บปวด รวดร้าวทรมาน ให้กับตัวเอง เห็นทีจะต้องหันไปมองหาวิธี ที่จะลดอาการห่อเหี่ยว หดหู่ ระทดท้อ เอาไว้บ้าง เพราะถ้ามัวแต่มะรุมมะตุ้ม อยู่กับสิ่งที่เคลื่อนไหวไปมา หรือสิ่งซึ่งเป็นเพียงแค่ ปรากฏการณ์ โอกาสที่จะดำรงจุดมุ่งหมายอย่างเป็นกระบวนการ มันอาจเกิดอาการยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก ขึ้นมาดื้อๆ...
                             -------------------------------------------------------
    หนึ่งในวิธีที่จะอยู่กับ ปรากฏการณ์ อันวูบไหวไปมา ในช่วงระยะนี้ให้ได้...ผู้สันทัดกรณีบางราย ท่านได้แนะนำเอาไว้ว่า อาจถึงขั้นต้องใช้วิธี งดการบริโภคข่าวสาร ในบางเรื่อง บางราว อย่างชนิดเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด โดยเฉพาะข่าวประเภทที่ก่อให้เกิดอาการ แสลง กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข่าวประเภท ดอกเตอร์เหลิมรู้แล้ว...รู้แล้ว!!! หรือข่าวประเภท นายกฯ ปู...ไม่รู้อะไรเลย!!! คือประเภทที่ฟังเมื่อไหร่...แล้วมันอด จี๊ดด์ด์ด์ ขึ้นมาไม่ได้ อันนี้...ควรต้องงดเสพ งดบริโภค โดยเด็ดขาด แต่เมื่อไหร่ที่มันเผอิญหลุดมาเข้าหู ท่านว่าให้ลองใช้วิธี งัดเอาบทสวดภาณยักษ์ หรือบทสวด กุศลา...ธัมมา อกุศลา...ธัมมา มาสวด ย้อนไป ย้อนมา ซักสิบเที่ยว อาจพอช่วยแก้จี๊ดด์ด์ แก้อาการทางประสาทได้บ้าง...
                            --------------------------------------------------------
    แต่ระหว่างกำลังงดเสพเว็บข่าวสาร เว็บข้อมูล อย่าคิดเปลี่ยนไปเข้าเว็บโป๊เป็นอันขาด!!! อันนั้น...ย่อมมีแต่ตายกับตายลูกเดียวเท่านั้นเอง หันมาลองเข้าเว็บธรรมะกันดูมั่ง หรือหันไปอ่านหนังสือธรรมะของท่าน พุทธทาส ท่าน ประยุทธ ปยุตโต หรือท่าน ว.วชิรเมธี ฯลฯ อะไรประมาณนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่จี๊ดด์ด์ด์ แล้ว ยังพอช่วยให้เกิดความสงบ ความเย็น ความสะอาด สว่าง ซะอีกด้วย ส่วนท่านที่อ่าน ท่านที่ผ่านภาคทฤษฎีมาจนเจนจบ ขยับขึ้นไปสู่ภาคปฏิบัติ ถึงขั้นสามารถนั่งสมาธิ ทำสมาธิได้บ้างแล้ว ระหว่างนี้คงต้องพยายามตั้ง สติ เอาไว้ให้ดี คือขณะกำลังเข้าสู่ ฌาน ขั้นที่เท่าไหร่ก็เถอะ จู่ๆ ถ้าต้องเจอกับใบหน้า นักโทษหนีคดี โผล่เข้ามาแวบๆ ดีไม่ดี...มันอาจถึงขึ้น ตบะแตก เอาง่ายๆ มีแต่ต้องงัดเอาบทสวดภาณยักษ์ หรือบทสวดกุศลาธัมมา มาสวด ย้อนไป ย้อนมาเท่านั้น ถึงจะป้องกันไม่ให้ไฟธาตุแตกโดยใช่เหตุ...
                                ----------------------------------------------------------
    และด้วยเหตุที่อุณหภูมิอากาศช่วงนี้...ถึงจะไม่หนาว แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนจนเกินไป ระหว่างนั่งสมาธิ ถ้าหากไม่คิดจะตั้งสติให้มั่นคงเข้าไว้ ท่ามกลางอากาศกำลังสบายๆ นั่งไป-นั่งมา อาจมีสิทธิ์ หลับยาว หรือเกิดอาการไม่รู้เหนือรู้ใต้ พอตื่นขึ้นมาอีกที...ดอกเตอร์เหลิม อาจกลายเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว!!! อันนี้...ยิ่งฉิบหายเข้าไปใหญ่ คืออย่างน้อย ระหว่างการหันไปหาธรรมะ หันไปยึด อุเบกขา ก็คงต้องใช้ สติ เงี่ยหูฟัง อะไรต่อมิอะไรเอาไว้มั่ง อย่าถึงขั้นไปแล้ว-ไปเลย หรือถึงขนาดต้องปิดรับการเสพข้อมูลข่าวสารทุกชนิด จนไม่อาจแยกแยะหรือคาดการณ์อะไรได้เลย คือถ้าตั้งมั่นอยู่ใน สติ ซะอย่าง ก็คงพอรู้ได้ไม่ยากว่าอะไรที่ควรงด อะไรที่ไม่ควรงด อะไรที่เค้าสับขาหลอก ก็อย่าไปสนใจอะไรมากมาย คือออกไปทาง สงบ แบบ สยบความเคลื่อนไหว ไม่ใช่สงบแบบสิ้นสติสมประดี นิทรากันไปเรื่อยๆ อะไรทำนองนั้น...
                          -----------------------------------------------------------
    เอาเป็นว่า...ช่วงระยะที่กำลังใกล้จะถึงวันคริสต์มาส วันส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ สู้หันมาทำใจ ให้สงบๆ เอาไว้ก่อน น่าจะเหมาะกว่า อาจถือเป็นช่วงเวลาพักฟื้นอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ซักพัก ให้พอเกิดเรี่ยวแรง เกิดพลัง สำหรับเอาไว้เตรียมรับมือกับฉากสถานการณ์ใหม่ๆ ที่มันคงจะไปเริ่มต้น ในช่วงกลางๆมกราคมปีหน้าเข้าไปแล้วนั่นแหละ ถึงจังหวะนั้น...ค่อยๆ ผนึกลมปราณ ทะลวงจุดหยิม-ต๊ก งัดเอาวิชาไหมฟ้า มารับมือกับวิชามาร ระดับพลังดูดดาวขั้นที่ 9 กันอีกที ใครจะสนุกสนานในการสับขาหลอก ก็ปล่อยให้มันสับไป-สับมา จนมันเมื่อยแข้ง เมื่อยขาของมันไปเอง อย่าต้องไปตามล้าง ตามเช็ด ตามไล่ล่าไปในทุกเรื่อง ทุกประเด็น ทุกกรณี ไม่งั้น...มันอาจกลายเป็นการเล่นเกม ไปตามผู้ซึ่งพยายามกำหนดเกมให้ใครต่อใคร ต้องลงมาเล่น เสียเวลา และอาจเสียรังวัดโดยใช่เหตุ...
                           --------------------------------------------------------------
    อย่างที่เคยว่าเอาไว้นั่นแหละว่า...เอาเข้าจริงๆ แล้ว สิ่งซึ่งเป็นปัญหาและอุปสรรคสำหรับชาติบ้านเมืองในยามนี้ มันคงไม่ใช่เป็นแค่ใคร คนใดคนหนึ่ง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มันเป็น อวิชชา ที่แผ่ซ่านครอบงำสังคมทั้งสังคม มันเป็นการสู้กันระหว่าง ความดี กับ ความชั่ว ระหว่าง ธรรมะ กับ อธรรม ถ้าหากฝ่ายที่ยึดมั่นกับความดี หรือยึดมั่นอยู่ในแนวทางธรรมะ ดันมาเกิดอาการห่อเหี่ยว ทดท้อ หรือดันเกิดอาการ ประสาทกิน ซะก่อน ไม่ตั้ง สติ ให้มั่นคงเข้าไว้ ผ่อนคลายอารมณ์ ความรู้สึก ให้เกิดความสงบ ความเย็น เพื่อที่จะได้เข้าถึง ความสว่าง อันเป็นหนทางที่จะนำมาซึ่งความรู้และปัญญาที่แท้จริง โอกาสจะขับไล่ ความมืดทั้งหลายให้หมดไปจากสังคมไทย มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ...
                             ----------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก High Roads of Literature, Book Fiveปัญญา ไหวพริบ สติสัมปชัญญะ คุณธรรม และความรู้ กล่าวโดยย่อ...สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ คือสิ่งที่จะเอื้ออำนวยให้โลกอันน่าเบื่อนี้ กลายเป็นสถานที่อันน่าอภิรมย์ชมชื่น...
                           ----------------------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/201211/49939
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4791 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 21:31:40 »

เคยโพสตืเรื่อง"เด็กชายปลาบู่" ไว้ที่กระทู้แรกของหน้า 190 ครับ
ตามคลิ๊กเลย....

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,5699.4725.html

วันนี้มีเพิ่มเติมจาก ไทยโพสต์ ออนไลน์ครับ

"เด็กชายปลาบู่" กับน้ำปี ๒๕๕๕
เปลว สีเงิน20 ธันวาคม 2554 - 00:00

    เมื่อมีหน้าที่ ก็จงทำหน้าที่ ผมให้กำลังใจ "คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต" โฆษกประชาธิปัตย์ และให้กำลังใจกลุ่มคุณหมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กลุ่มสยามสามัคคี อันมีพลเอกสมเจตน์ บุญถนอม และคณะ เป็นหัวขบวน หน้าที่ของท่านคือ "หน้าที่พลเมืองไทย" ยามที่สังคมและประเทศชาติป่วยไข้ พลเมืองไทยต้องกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน แล้วทำหน้าที่พิทักษ์รักษาให้หายป่วยไข้ ขจัดเสนียดจัญไรให้พ้นไปจากสังคมประเทศ
    วันนี้จะไม่คุยเรื่องหนักหัว กลัวอ่านๆ แล้วชักคาที่ เพราะได้ยินบ่นกันหนาหูเหลือเกินว่า...อ่านแต่ละวันแล้วเครียด วันนี้ไม่เครียด คือผมดูข่าวช่อง ๗  สี ภาคค่ำวานนี้ (๑๙ ธ.ค.) เขาตามเสียงเล่าลือ-เล่าอ้างเรื่อง "เด็กชายปลาบู่" ไปทำเป็นสารคดีเชิงข่าว ผมดูแล้วก็อยากแจม
    เข้าใจว่าทราบต้นเรื่องกันแล้ว เพราะว่อนตามเว็บมากมาย ผมอ่านก็เก็บไว้ ไม่กล้านำมาคุย เพราะคุยไปกับคนที่เข้าใจ ก็ไม่เป็นปัญหา แต่กับคนบางส่วน "เส้นพินิจ-พิเคราะห์จม" จะแตกตื่น-โกลาหลได้ง่ายๆ
    แต่เมื่อนักข่าวช่อง ๗ สี ดั้นด้นไปสัมภาษณ์ถึงต้นตอที่จันทบุรี แถมบอกว่าวันนี้ (๒๐ ธ.ค.) จะมีภาค ๒ ผมคิดว่าคนที่สนใจคงตื่นเต้นเป็นพิเศษ  เพื่อเบรกความเครียด ผมจะนำจากฟอร์เวิร์ดมาให้อ่าน หรือท่านจะเปิด  youtube ฉบับออริจินอลดูก็ได้ ดังนี้
    ฮือฮา เด็กชายปลาบู่ซึ่งถูกระบุว่าเป็นพระศรีอาริย์ในอนาคต เตือนภัยใหญ่ในไทยปี พ.ศ.2555
    Posted by น.นันท์นภัส
    MThai News : เป็นเรื่องที่ถูกส่งต่อและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายในสังคมออนไลน์ หลังมีข้อความและคลิป คำทำนาย "เด็กชายปลาบู่"  หรือ "สุทัศน์ คำสี" ถึงภัยพิบัติใหญ่ในไทย ในเว็บไซต์ยูทูบ ซึ่งโพสต์โดย  Mahasura Singhanat เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2554

    http://www.youtube.com/watch?v=Sl8Vc1xpzcA&feature=player_embedded
    http://www.youtube.com/watch?v=LUPmGZB5WLE&feature=player_embedded

    โดยข้อความในคลิประบุว่า เป็นสารคดีตามรอยพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ผ่านเด็กชายระลึกชาติได้ชื่อปลาบู่ (สุทัศน์ คำสี) โดยเด็กชายปลาบู่ เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด รูปร่างหน้าตาดี ใครเห็นใครก็รัก ตอนอายุได้ประมาณ 3-4 ขวบ เริ่มระลึกชาติได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถพูดได้หลายภาษา โดยไม่ได้ร่ำเรียนจากตำรา หรือครูอาจารย์ที่ไหนเลย
    เด็กชายปลาบู่ได้บอกไว้ว่า สมัยพุทธกาลตนเองชื่อ "อชิตะภิกษุ" ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ว่า จะได้เป็น “พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย” ในอนาคต
    สาเหตุที่มาเกิดเพราะต้องการให้พ่อ (ทอง ใบคำสี) เป็น “สื่อ” ให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนพัง จากแรงแผ่นดินไหวและอื่นๆ ในปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ.2555)
    ทั้งนี้ ยังมีบทความที่ถูกส่งต่อถึงคำทำนายเด็กชายปลาบู่ ซึ่งเขียนโดยผู้ที่อ้างว่าเป็นนายทอง ใบคำสี (พ่อของเด็กชายปลาบู่) โดยมีข้อความดังนี้

คำทำนายเด็กชายปลาบู่
    บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี 22180
วันที่ 28 กันยายน 2554
สวัสดีครับ ผู้ที่รักผืนแผ่นดินไทยทุกท่าน
    กระผมชื่อ นายทอง ใบคำสี เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ.2481 อายุ 73 ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กระผมมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน  ผู้ชาย 1 คน บุตรชายของผมคนเดียวชื่อ “ปลาบู่” ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี  ตอนเขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน
    ก่อนตาย บุตรชายบอกกับผมว่า "อีก 15 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ" และให้ผมไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา แต่ผมไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริงๆ
    กระผมได้ฟังหลายๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อวันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญๆ ที่เขาเล่าคือ  เรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญๆ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต
    เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 เรื่องดวงอาทิตย์ โลก จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่แม่พระธรณีเก็บเอาไว้หลายๆ แห่ง ฯลฯ
    รวมถึงต้องการให้พ่อเป็น "ทูต" หรือ “สื่อ” ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเล เพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)
    ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริงๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์...รู้มั้ย ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรย์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ “อชิตะ” ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น “พระศรีอริยเมตไตรย” ไง ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้
    อยากให้พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพัง เพราะแรงแผ่นดินไหว “แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด” เขื่อนกักเก็บน้ำที่ (ขออนุญาตไม่กล่าวถึง-เปลว).....จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก จะได้พังไม่มาก จากหนักจะได้เป็นเบา
    “หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย (ขออนุญาตไม่กล่าวถึง-เปลว)...........เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย”
    เขาถามผมว่า "รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ย..พ่อ รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ย..พ่อ?” (ปี พ.ศ.2517 ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง
    แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึกๆ เป็นอันตรายมากๆ เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมากๆ ทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมากๆ จมดินยังไม่พอ เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือน เขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม ทำให้เสาเข็มทรุดตัว
    หนูอยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะ เพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึกๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลน น้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ
    ตึกราม บ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมากๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนครเป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนานๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด!!
    เขียนถึงตรงนี้เด็กอายุเพียง 5 ขวบ 8 เดือน 15 วัน บ่นว่า เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ๆ เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ ๆ จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว
    ปลาบู่ถามผมว่า อีก 27 ปี พ.ศ.อะไร? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30  ปี พ.ศ.อะไร? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร?  (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯ จมดิน จมน้ำ เขื่อนที่....ก็พัง
    “ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย” (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00-24.00 น.)
    กระผมได้ฟังหลายๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กระผมอายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง
    ปลาบู่บอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้ปลูกต้นโพธิ์ตามที่ลูกชายขอไว้กว่า 200 ต้น เป็นเวลา 36 ปีแล้ว) และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ให้ปลูกต้นโพธิ์ให้ด้วย หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง..ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี..หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ……ตัวโตเท่านี้
    จะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด “สุทัศน์เทพไพฑูรย์” (สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหาริย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ลูกชายบอกว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่นๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะเสียหาย เพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม) จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในปีที่ 40 หลังจากเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ.2557)
    ที่สวนศรีมหาโพธิ์ จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ) บนเขาลับแล  (โครงการจัดตั้งวัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ) จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่น-สร้างนี่ จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งในปัจจุบันผมได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้ง 2 ที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว
    กระผมขอวิงวอนรัฐบาล และผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไม่ใช้แล้ว เพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกองๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ) นำไปเสริมตัวเขื่อน....และเขื่อน....เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการเขียนจดหมายของกระผมในครั้งนี้
    และท่านคงทราบดีว่า ในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยา  ทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา
                                                             ขอแสดงความนับถือ
                                                             ทอง ใบคำสี
    ป.ล. มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล และสถานที่ (อ.สอยดาว จ.จันทบุรี)

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4792 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 21:35:15 »

Copy ลิงค์ของยูทูบ จากกระทู้ข้างบนมาแปะเพื่อดูภาพ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Sl8Vc1xpzcA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Sl8Vc1xpzcA</a>

http://www.youtube.com/watch?v=Sl8Vc1xpzcA&feature=player_embedded

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=LUPmGZB5WLE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=LUPmGZB5WLE</a>

http://www.youtube.com/watch?v=LUPmGZB5WLE&feature=player_embedded

หมายเหตุ: โปรดดูและพิจารณาครับ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4793 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 22:04:01 »

ปิดด้วยภาพยนต์ตัวอย่าง ซึ่งจะเข้าฉายในปีหน้าครับ

Sasha Baron Cohen is back with new film in 2012 called The Dictator. I lol'd at the Kardashian joke and the track and field bit. let's hope the rest of the 90 minutes can shut down my brain too.

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=CgbhyjuhbX8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=CgbhyjuhbX8</a>

http://www.youtube.com/watch?v=CgbhyjuhbX8&feature=player_embedded

      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #4794 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2554, 23:33:00 »

 สวัสดียามดึกค่ะพี่เหยง...ตามอ่านเรื่องดีๆค่ะ...เรื่องด.ชปลาบู่น่าคิดนะคะพี่เหยง...
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4795 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 08:24:53 »

สวัสดี น้ำอ้อย

มาทักทายพี่ ตอนออกจากเว็ปไปแล้ว
เป็นอย่างไรบ้าง ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4796 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 08:26:54 »

เขาว่า"คนไทยใจบุญ"ที่สุดในโลก จริงรึเปล่า ??

โลกยกย่อง"ไทย "ชาติใจบุญแห่งปี
วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2011 เวลา 06:16 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ  
 
สำนักข่าวบีบีซี เผยผลการสำรวจและจัดอันดับประเทศที่ใจบุญที่่สุดในโลก ประจำปี 2011  สหรัฐฯคว้าแชมป์ปีนี้ไปครอง ตามมาด้วยสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ประเทศไทยคว้าอันดับ 9 ของโลก  อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าภูมิใจเพราะหากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรแล้ว ชาติที่ใจบุญที่สุดในโลกก็คือ "ประเทศไทย"

มูลนิธิช่วยเหลือการกุศลแชริตี เอด ฟาวน์เดชั่น(ซีเอเอฟ) แห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยผลการสำรวจและจัดอันดับหัวข้อประเทศใจบุญที่สุดในโลกแห่งปีหรือ เวิลด์ กีฟวิ่ง อินเด็กซ์ 2011 ที่จัดอันดับตามเงื่อนไขของจำนวนเงินบริจาคเงินและการอุทิศตนเพื่อการกุศลของชาตินั้นๆ ระบุว่าสหรัฐฯ คว้าตำแหน่งชาติที่ใจบุญมากที่สุดในโลกในปีนี้ไปครอง หลังพบข้อมูลว่า ชาวอเมริกันบริจาคเงินเพื่อการกุศลในปี 2011 มากถึงร้อยละ 65 ขณะที่ร้อยละ 43 ของชาวอเมริกัน อุทิศตนทำงานเป็นอาสาสมัครให้กับองค์กรต่างๆ และชาวอเมริกันร้อยละ 73 ระบุ ยินดีให้ความช่วยเหลือคนแปลกหน้าที่ได้รับความเดือดร้อน

ส่วนชาติที่ติดอันดับด้านความใจบุญรองลงมาได้แก่ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร  เนเธอร์แลนด์ แคนาดา ศรีลังกา ไทย ลาว ฮ่องกง โมร็อกโก ไนจีเรีย ไอซ์แลนด์ ไลบีเรีย เติร์กเมนิสถาน เดนมาร์ก กายอานา มอลตา และกาตาร์ ตามลำดับ.  

ผลสำรวจพบว่าในปีนี้มีจำนวนประชาชนที่บริจาคเงินแก่การกุศลมากกว่าปีที่ผ่านมา ทว่ายอดรวมของเงินที่บริจาคกลับลดลง ซึ่งทางซีเอเอฟมองว่าสาเหตุสำคัญน่าจะเป็นมาจากภาวะ "วิกฤตเศรษฐกิจโลก"

มูลนิธิแห่งนี้บอกว่าไม่จำเป็นเลยที่ประเทศร่ำรวยจะเป็นชาติที่บริจาคเงินแก่การกุศลมากที่สุด โดยเฉพาะจากผลสำรวจที่ออกมาพบว่ามีเพียง 5 ชาติจากบรรดาประเทศร่ำรวยติด 20 อันดับแรกของโลกเท่านั้น ที่มีรายชื่ออยู่ในท็อป 20 ของผู้บริจาครายใหญ่

ในส่วนของประเทศไทยครองอันดับที่ 9 ของโลกชาติใจบุญและเป็นอันดับที่ 2 ของทวีปเอเชีย รองจากศรีลังกาในปีนี้นั้น นายเดวิด เวนน์ ประธานบริหารของสถาบันซีเอเอฟอเมริกา ระบุว่า ไทยได้ก้าวกระโดดขึ้นมาจากอันดับที่ 25 เมื่อปีก่อน ด้วยเหตุผลหลักๆ ที่ว่า คนไทยเริ่มกลับมาให้ความช่วยเหลือกันเอง และช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนอีกครั้ง หลังจากคนไทยต้องทนทุกข์กับวิกฤติทางการเมืองต่อเนื่องกันมาหลายปี

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ต่อประชากรแล้ว  ประเทศไทยกลับเป็นชาติที่มีความเอื้อเฟื้อมากสุดในโลก โดยชาวไทยกว่าร้อยละ 85 ร่วมบริจาคและอุทิศตนเพื่อการกุศลเป็นประจำ ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรที่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 75 ของจำนวนประชากร

ขณะที่ชาติซึ่งถูกระบุว่ามีความ "ใจบุญน้อยที่สุด" ของโลกในปีนี้ คือ มาดากัสการ์ ประเทศเกาะทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ซึ่งได้อันดับสุดท้ายที่ 153 รองลงมาคือ บุรุนดี ทางตอนกลางของแอฟริกา และกรีซ ชาติที่กำลังเผชิญปัญหาหนี้สินและใกล้ล้มละลายในกลุ่มยูโรโซน


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=98514&catid=177&Itemid=525
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4797 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 08:31:07 »

ภาคเหนือยังหนาวเย็นด้วยอิทธิพลของความกดอากาศสูงจากจีน ส่วนภาคใต้ยังมีฝนหนาแน่น ชาวเรือยังต้องระมัดระวัง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2554 เมื่อเวลา 04.00 น. บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นต่อไป สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนเข้าประเทศมาเลเซียในวันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจายกับมีฝนตกหนักบางแห่งและคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประมาณวันที่ 23 ธ.ค.54

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง  อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก  อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4798 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 11:30:54 »

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 54 อธ. กรมป้องกันและบรรเท่าสาธารณภัย แถลงว่า มีจังหวัดที่ประสบภัยหนาว 16 จังหวัด 143 อำเภอ 1,112 ตำบล 12,075 หมู่บ้าน แบ่งเป็นภาคเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ น่าน และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร เลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ และบุรีรัมย์ ภาคกลางได้แก่ สุพรรณบุรีและราชบุรี เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปหกคลุมพื้นที่ตอนบนของประเทศไทย ทำให้หลายพื้นที่มีอากาศหนาวเย็น ปภ.จึงประสานเตือน 35 จังหวัดเตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศหนาว ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ้ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม บึงกาฬ มุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีษะเกษ ยโสธร กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก ตาก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน พะเยาและแพร่

ส่วนภัยน้ำท่วม ขณะนี้เสียชีวิตรวม 754 ราย สูญหาย 3 ราย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4799 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2554, 13:15:55 »

เรื่องที่คนไทยทุกควร...ต้องรู้เอาไว้..............??!!

อเมริกัน 'มิตรแท้-มิตรเทียม'?
เปลว สีเงิน21 ธันวาคม 2554 - 00:00

      พวก "ข้าราชการ-นักการเมือง" สังวรกันหน่อยนะครับ ไม่เพียงลูกปืนเท่านั้นที่ฆ่าพวกท่านได้ "สายรัดเงิน" ก็ฆ่าได้ ฉะนั้น โปรดสำรวจถุงของขวัญทุกชิ้น-ทุกลังให้ถ้วนถี่ก่อนบริโภค ว่ามีสายรัดติดมาด้วยหรือไม่ มันไม่ติดคอหรอก แต่จะรัดคอท่านน่ะ ดูอย่าง "ปลัดสุพจน์" ไว้เป็นมรณานุสติ!
     วันนี้ ยังไม่คุยเรื่องนี้ ให้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่เที่ยงตรงของท่านไปก่อน แต่เมื่อวาน (๒๐ ธ.ค.) นักข่าวตั้งข้อสังเกตเชิงปรารภกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เรื่องหนึ่งว่า
     มีบางฝ่ายพยายามยกคำโจมตีมาตรา ๑๑๒ จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ มาอ้างเป็นเงื่อนไขให้ยกเลิกหรือแก้ไขมาตรานี้เสียใหม่ ผบ.ทบ.ตอบสั้นๆ ว่า
     "ก็ไปอยู่ต่างประเทศก็แล้วกัน"!
     ครับ..สั้นๆ เหมือนไม่ได้ตอบ แต่ชัดเจนยิ่ง ในเรื่องนี้เราจะเห็นว่า ในทันทีที่ศาลตัดสินลงโทษ ทั้งนายอากง และนายโจ กอร์ดอน ไทยสัญชาติอเมริกัน ทั้งฮิวแมนไรต์วอตช์ องค์กรเอกชนทำนองเอ็นจีโอ ทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น กระทั่งตัวนางเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำไทย "นางเคนนีย์"
     เปลือยธาตุแท้ "สร้างกระแสสากล" ถล่มมาตรา ๑๑๒ อันว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์!
     ทั้ง ฮิวแมนไรต์วอตช์ ทั้งยูเอ็น มันก็องค์กรที่สหรัฐขุนไว้ใช้เป็นลูกมือ-ลูกตีน เหตุที่สหรัฐเปลือยสันดานในการคบไทยให้ประจักษ์จากเกมนี้ ไม่ต้องไปข้องจิต เพราะชัดว่า...นี่คือ
     "ผลประโยชน์ที่เลือกข้าง" แล้ว!
     ไม่ต้องค้นลึก วันก่อนทักษิณบินไปเขมร รุ่งขึ้น..นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประกาศจะบินไปเจรจาเรื่องปิโตรเลียมกับเขมร เมื่อวานน้องสาวไปคุยพลังงานก๊าซกับพม่า ข่าวโทรทัศน์ก็ตบท้ายข่าว...ก่อนหน้านี้ทักษิณบินมาเจรจานำร่องไว้แล้ว!
     เอ้า...แล้วย้อนไปดูอะไรสนุกๆ เมื่อวันที่ ๑/๑๑/๑๑ นางคริสตี เคนนีย์ ตัวแทนประเทศสหรัฐในไทย เป็นหัวหน้านำคณะบริษัทสำรวจ-ขุดเจาะน้ำมันสหรัฐรายใหญ่ของโลกที่รู้จักกันดี คือ "เชฟรอน" ไปยืนหน้ากระดานเรียงหนึ่ง เอาเงิน ๑ ล้านเหรียญสหรัฐ ตีเป็นเงินไทย ๓๐ ล้านบาท
     ไปมอบให้ ศปภ.ช่วยคนถูกน้ำท่วม ผ่าน น.ส.ยิ่งลักษณ์!
     ทั้งๆ ที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเป็นนโยบายท่ามกลางกลิ่นคอรัปชั่นของบริจาคหึ่งในตอนนั้นว่า จะมอบให้เฉพาะแต่องค์กรที่ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้น เช่น สภากาชาดไทย
     ความหมายทางเจตนาก็คือ ไม่ไว้ใจความสุจริตของ ศปภ. แต่นางเคนนีย์กลับนำคณะเชฟรอนไปมอบเป็นการเสริมฉาก ประทับตราอินทรีเสริมบารมีรัฐบาลทักษิณหราให้ประจักษ์ต่อสังคมโลก!
     นี่...ยังไม่นับที่นางเคนนีย์ทิ้งมรรยาททูต ใช้สัญลักษณ์อเมริกันส่งสัญญาณ แจ้นไปกางปีกแสดงความยินดีกับยิ่งลักษณ์ ในความหมายได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลคนใหม่ ทั้งที่ยังนับคะแนนกันอยู่เหยงๆ!?
     สหรัฐมีคำพูดติดปาก แต่ไม่ได้ออกมาจากใจในการพูดถึงไทยอยู่ประโยคหนึ่งคือ "ไทยเป็นมหามิตร" แต่ทุกครั้งที่มหามิตรมีปัญหา ก็หวังลมใต้ปีกพญาอินทรีตัวนี้ช่วยพยุงบ้าง แต่ก็ทุกครั้งเช่นกัน นอกจากไม่เคยช่วยอะไรไทยเราแล้ว
     ในที่ลับ...ยังทั้งโขกสับ ทั้งกระทืบตีซ้ำให้ตายคาตีน!
     อย่านึกว่าผมสักแต่มีนิ้วจิ้มคอมพ์ก็จิ้มแบบโมหะ เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมจะเอา "ใบเสร็จมหามิตร" มาแสดง ท่านจำได้มั้ย หนังสือ My Life ที่อดีต "ประธานาธิบดีคลินตัน" เขียนเปิดใจหลังพ้นตำแหน่ง ขายดิบ-ขายดี ๒ ล้านกว่าเล่ม    
     ในส่วนที่เป็น "คำสารภาพ" มิตรทำกับมิตร คนที่ย้อนเกล็ดได้ถึงเนื้อที่สุดน่าจะเป็นสำนวนของ "นายวีรพงษ์ รามางกูร" ได้เขียนถึง "บันทึกความทรงจำของคลินตัน" ไว้ในหนังสือประชาชาติธุรกิจ เมื่อปี ๒๕๔๗ ตอนหนึ่งว่า
     ........หนังสือ "ชีวิตของข้าพเจ้า" เป็นบันทึกความทรงจำของอดีตประธานาธิบดีคลินตัน ที่ได้ข่าวว่าก็เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่งของปีนี้
     ผมเองไม่ได้อ่านจากต้นฉบับ แต่ก็เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวฮือฮาว่า ท่านเขียนยอมรับผิดหลายเรื่อง เรื่องที่ฮือฮามากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่ท่านเขียนยอมรับผิด เรื่องที่ท่านมีเรื่องอื้อฉาวกับนักศึกษาสาว...ฯลฯ....... แต่เรื่องที่น่าสนใจที่คุณทนง ขันทอง เอามาเขียนลงในหนังสือพิมพ์ "เดอะเนชั่น" นั้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจและสะกิดใจมาก อดีตประธานาธิบดีคลินตัน คงตั้งใจเขียนไว้ให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เรื่องที่ว่าก็คือ
     เรื่องที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน ที่เริ่มต้นจากบ้านของเราในปี 2540 จนได้รับการขนานนามว่า "โรคต้มยำกุ้ง" เพราะต้มยำกุ้งเป็นอาหารไทยที่ได้รับความนิยมและรู้จักไปทั่วโลก วิกฤตการณ์นั้นลุกลามข้ามทวีปไปยังประเทศรัสเซีย และบราซิลอย่างที่เราทราบ
     อดีตประธานาธิบดีคลินตันยอมรับว่าตัดสินใจผิด ที่ไม่ได้ช่วยเหลือประเทศไทยเลย แม้แต่ดอลลาร์เดียว!
     ท่านเล่าว่า เมื่อประเทศไทยถูกโจมตีหลังจากฟองสบู่แตกในปี 2540 ระบบสถาบันการเงินล้มระเนระนาด หนี้ต่างประเทศของไทยถีบตัวสูงขึ้นถึง 120 พันล้านเหรียญสหรัฐ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลถึง 8 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พังพินาศ เจ้าหนี้ต่างประเทศเรียกหนี้คืนหมด ทำให้เงินไหลออกจากประเทศอย่างรวดเร็ว
     ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็วจนต้องประกาศลอยตัวเงินบาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 หลังจากนั้นค่าเงินบาทลดลงอย่างรวดเร็ว
     ท่านคลินตันเขียนเล่าว่า กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และสภาความมั่นคงของสหรัฐ ได้เสนอความเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐควรจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกาในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้
    ท่านอดีตประธานาธิบดีเล่าว่า ท่านเห็นด้วยกับ 3 หน่วยงานนี้ แต่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐในขณะนั้นคือ นายโรเบิร์ต รูบิน ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ ท่านโยนความผิดไปที่นายรูบิน
     ท่านเห็นว่า แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในแง่ของการเมืองและเศรษฐกิจในแง่ของสหรัฐอเมริกา แต่เป็นการให้สัญญาณที่ผิด พอข่าวออกไป สหรัฐจะไม่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศไทยเท่านั้น ผู้คนและสถาบันการเงินก็ตกใจ รีบขนเงินตราต่างประเทศออกจากเมืองไทย เจ้าหนี้ก็ตกใจรีบเรียกหนี้คืน ในที่สุดประเทศไทยก็ต้องขอความช่วยเหลือ ยืมเงินจากประเทศอื่นๆ ผ่านทางไอเอ็มเอฟ เป็นจำนวนเงินประมาณ 17 พันล้านเหรียญ
     นายรูบินคัดค้านการช่วยเหลือประเทศไทย ก็เพราะก่อนหน้านั้น ทางรัฐสภาอเมริกาเคยโจมตีนายรูบินที่รัฐบาลอเมริกันเคยจ่ายเงินจาก "กองทุนรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน" หรือ  Exchange Stabilization Fund ของกระทรวงการคลังสหรัฐ ผ่านไอเอ็มเอฟ เพื่อช่วยเหลือประเทศเม็กซิโก เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ในประเทศเม็กซิโก ก่อนประเทศไทยราวๆ ปีครึ่ง
     ที่กระทรวงการคลังสหรัฐช่วยเหลือเม็กซิโกก็เพราะ เม็กซิโกอยู่ติดกับอเมริกา ถ้าเม็กซิโกเป็นอะไรไปก็จะกระทบกระเทือนอเมริกา เพราะเม็กซิโกเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของอเมริกา เม็กซิโกเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของอเมริกา บริษัทอเมริกันเข้าไปลงทุนในเม็กซิโกเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญถ้าคนเม็กซิกันตกงานก็จะทะลักเข้ามาหางานทำในอเมริกา อเมริกาก็จะเดือดร้อน
    แต่ประเทศไทย เป็นประเทศเล็กที่อยู่ห่างไกล อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยก็ไม่น่าจะมีผลอะไรกับอเมริกา กล่าวคือ ดูผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เพียงแต่สนับสนุนให้ไอเอ็มเอฟเข้ามาปล่อยเงินกู้ให้ แต่ไม่มีเงินจากอเมริกาเลย เป็นเงินของไอเอ็มเอฟเองส่วนหนึ่ง ที่เหลือมาจากญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกทั้งนั้น
     ท่านคลินตันยังเล่าต่อไปว่า เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก นอกจากจะไม่ช่วยเหลืออะไรประเทศไทยแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น โรเบิร์ต รูบิน, แลร์รี่ ซัมเมอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้ง ปู่อลัน กรีนสแปน ต่างก็แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อประเทศไทย บังคับให้ประเทศไทยใช้มาตรการต่างๆ อย่างรุนแรง
     ทั้ง 3 คน กดดันประเทศไทยผ่านทางไอเอ็มเอฟจนเข้ามุมอับ ให้เปิดเผยฐานะของทุนสำรอง เหลือเท่าไหร่ เอาไปสู้ป้องกันเงินบาทเท่าไหร่ มิฉะนั้น ไอเอ็มเอฟจะไม่ให้เบิกเงิน พอเปิดตัวเลขออกมา คนยิ่งตกใจ เงินยิ่งไหลออก ค่าเงินบาทยิ่งตกหนักลงไปอีก วิกฤตการณ์ก็ยิ่งลึกลงไปอีก
     ถ้ายังจำกันได้ เมื่อเราประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เงินบาทอ่อนค่าลงจาก 25/1 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ประมาณ 29/1 ดอลลาร์เป็นเวลานาน ซึ่งน่าจะเป็นค่าที่แท้จริง พวกเราเคยคิดกันว่า ถ้าไม่ไปต่อสู้ป้องกันค่าเงินบาท ประเทศไทยประกาศลดค่าเงินบาทลงเป็น 29/1ดอลลาร์ ก็น่าจะพอและอยู่ได้ แต่ ธปท.ประกาศว่าทุนสำรองเมื่อหักภาระการไปขายดอลลาร์ล่วงหน้าไว้เท่าไหร่เท่านั้นเอง ค่าเงินบาทตกต่อจาก 29 บาทเรื่อยไปจนถึง 56/1 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นหายนะของประเทศ
     คนไทยขมขื่นมาก เพราะทุกคนรู้ว่าคนอเมริกันเอาเงินออมของตนมาลงทุนกับ "กองทุนตรึงมูลค่า" หรือ "hedge fund" ที่มาโจมตีประเทศไทย........ฯลฯ.........
     "ดร.โกร่ง" ประธาน กยอ.ภายใต้แบรนด์ยิ่งลักษณ์ จบบทกะเทาะเปลือกอเมริกันไว้ตอนนั้น ด้วยประโยคว่า
     "บทเรียนอันนี้ เราคนไทยน่าจะจดจำตลอดไป"


http://www.thaipost.net/news/211211/50001
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 190 191 [192] 193 194 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><