20 กันยายน 2567, 05:27:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 182 183 [184] 185 186 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2516796 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 38 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4575 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 11:19:17 »

สวนดุสิตโพลล์ ซึ่งมีสื่ออื่นตำหนิเรื่องการตั้งหัวข้อในทำนองเชีบร์นายกรัฐมนตรีจนออกนอกหน้า
มาดูเนื้อหาเอาไว้ ด้วยใจเป็นธรรมว่า มีประเด็นที่ตรงใจเราบ้างหรือไม่ ??


สวนดุสิตโพลเผยปชช.ประทับใจ"ยิ่งลักษณ์"ช่วยน้ำท่วมมากสุด แต่ผิดหวังรัฐบาล-ศปภ.
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 09:22:05 น.
 
"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นจากประชาชน ทั่วประเทศ เรื่อง “ที่สุด” ของ“น้ำท่วมใหญ่” กับ “การเมืองไทย” เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 2,506 คน ระหว่างวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2554  สรุปผลได้ดังนี้


1. จากเหตุการณ์ “น้ำท่วมใหญ่” มีผลดี – ผลเสีย ต่อการเมืองไทยอย่างไร?


(1.1) “น้ำท่วมใหญ่”  มี (ผลดี) ต่อการเมืองไทย คือ

อันดับ 1 ทำให้เกิดความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันในการช่วยเหลือและแก้ปัญหาน้ำท่วม 53.49%
อันดับ 2 ได้เห็นถึงความตั้งใจและบทบาทหน้าที่ในการทำงานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง /
เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 32.82%
อันดับ 3 เป็นการกระตุ้นให้ภาครัฐเร่งหาแนวทางป้องกัน แก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจัง 13.69%
 

(1.2) “น้ำท่วมใหญ่”  มี (ผลเสีย) ต่อการเมืองไทย คือ

อันดับ 1 ภาพลักษณ์ทางการเมืองในสายตาของชาวต่างชาติและนักลงทุนแย่ลง  47.88%
อันดับ 2 แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่มาจากความคิดเห็นในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ไม่ตรงกัน 29.64%
อันดับ 3 การทำงานของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร /ประชาชนขาดความเชื่อมั่น 22.48%


2. “นักการเมืองไทย” ที่ประชาชนประทับใจในการช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาน้ำท่วมมากที่สุด

อันดับ 1 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 39.20%
อันดับ 2 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 25.87%
อันดับ 3 สุขุมพันธุ์ บริพัตร 21.33%
อันดับ 4 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ 13.60%


3.  ประชาชนคิดว่า “การเมืองไทย” หลังน้ำลด จะเป็นอย่างไร?

อันดับ 1 ยังคงเห็นภาพการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านเหมือนเดิม 58.59%
อันดับ 2 รัฐบาลต้องเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูประเทศอย่างเต็มที่  21.64%
อันดับ 3 อาจมีการเคลื่อนไหว/ชุมนุมของผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังไม่พอใจกับการช่วยเหลือของรัฐบาล 19.77%


4.  สิ่งที่ประชาชนอยากให้ “นักการเมืองไทย” ทำ หลังน้ำลด

อันดับ 1 เร่งให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาให้มากขึ้น 48.62%
อันดับ 2 การร่วมมือร่วมใจกันทำงานอย่างเต็มที่ /การติดต่อ สื่อสาร และการประสานงานที่ดี 31.85%
อันดับ 3 การหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว/เชิญผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ 19.53%
 

ที่สุดของน้ำท่วมไทย


เรื่องที่ดีใจมากที่สุด

ความมีน้ำใจของคนไทย /การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  79.04
คนในชุมชนมีความสามัคคี ห่วงใย ดูแลกันมากขึ้น 12.50
การได้รับถุงยังชีพจากสื่อมวลชน เอกชน และภาครัฐ 8.46


เรื่องที่เสียใจมากที่สุด

บ้านเรือน ทรัพย์สิน ที่ดินทำกินเสียหาย 48.07
ไม่มีที่อยู่อาศัย /ครอบครัวไปคนละทิศคนละทาง 29.80
การทะเลาะกันของประชาชนและประชาชนกับเจ้าหน้าที่ 22.13


เรื่องที่สมหวังมากที่สุด

คนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือกัน ไม่ทอดทิ้งกันในยามยาก 77.45
ระดับน้ำลดลง / ได้กลับเข้าบ้าน 12.74
ที่บ้านไม่ถูกน้ำท่วม  9.81
 

เรื่องที่ผิดหวังมากที่สุด

การช่วยเหลือและการให้ข้อมูลจากภาครัฐ /ศปภ. 53.09
การพังแนวคันกั้นน้ำ /รื้อกระสอบทราย 24.22
ของบริจาคไม่ทั่วถึง 22.69


เรื่องที่ประทับใจมากที่สุด

ความมีน้ำใจ /การช่วยเหลือของคนไทย 67.82
การช่วยเหลือประชาชนของทหาร 19.39
การรายงานข่าวและการลงพื้นที่ของสื่อมวลชน 12.79


เรื่องที่ท้อถอย/ท้อแท้มากที่สุด

น้ำท่วมขังเป็นเวลานานเกินไป ไม่รู้ว่าจะลดเมื่อใด 38.61
ต้องหยุดงาน / ตกงาน /ขาดรายได้  31.68
ไม่มีเงินซ่อมแซมบ้าน รถ และทรัพย์สินที่เสียหาย 29.71
 

ใคร? ที่ทำงานช่วยเหลือดีที่สุด

ทหาร 56.17
สื่อมวลชน 26.29
คนไทยทุกคน 17.54
 

ใคร? ที่ทำงาน/ช่วยเหลือบกพร่องที่สุด

ศปภ. 51.03
หน่วยงานภาครัฐ 25.27
ส.ส. /นักการเมืองท้องถิ่น 23.70
 

“น้ำท่วมใหญ่” ครั้งนี้ ควรโทษใคร? มากที่สุด

มนุษย์ /การตัดไม้ทำลายป่า 38.13
เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติที่ยากแก่การควบคุม 31.25
หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำและการให้ข้อมูล 30.62


บทเรียนที่ดีที่สุดที่ได้รับจาก “น้ำท่วมใหญ่”

ควรมีการเตรียมพร้อมและการวางแผนรองรับที่ดี 49.58
เมื่อเกิดภาวะวิกฤตคนไทยจะไม่ทอดทิ้งกัน 30.04
คนไทยควรให้ความสำคัญ ดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม 20.38

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322360670&grpid=01&catid=&subcatid=
 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4576 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 13:24:47 »

สภาพความเสียหายมหาศาล

ของรถยนต์จำนวนมากในโรงงานอุตสาหกรรมฮอนด้าที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังถูกน้ำท่วมขังมานานนับเดือนได้แห้งลง



http://www.thaipost.net/node/48763

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4577 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 18:49:57 »

16 จังหวัดในตอนบน ยังอ่อวม, ขณะทืี่ 4 จังหวัดตอนใต้ จมน้ำ

ปภ.สรุปอุทกภัย 16 จว.ตอนบนยังอ่วม ใต้ท่วมแล้ว 4 จว.
27 พฤศจิกายน 2554 11:33 น.


       ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม สรุปรายงานสถานการณ์สาธารณภัยสถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัยประเทศไทยตอนบน 16 จังหวัด จำนวน 116 อำเภอ 924 ตำบล ประกอบด้วย จ.นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ร้อยเอ็ด ฉะเชิงเทรา และ จ.นครนายก ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1,879,224 ครัวเรือน เสียชีวิตแล้วจำนวน 615 ราย สูญหาย 3 ราย
        ส่วนสถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ 4 จังหวัด 20 อำเภอ 79 ตำบล ประกอบด้วย พัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง ได้รับความเดือดร้อน 31,377ครัวเรือน

       
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000151063
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4578 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 14:41:01 »

เขาจะจัดทัวร์วันพรุ่งนี้แล้วครับ..........

ความคิดเห็นที่ 25  +31
ศปภ..ทัวร์ ขอเสนอ โปรแกรมเที่ยวสุขสันต์ 3 วัน 2 คืน 29- 31 พฤศจิกาคม นี้

วันแรก ท่องเที่ยวทางบก

/ ตักบาตร อีเอ็มบอล
... / เที่ยวคาสิโนชายแดน สระบุรี
/ ชมทะเลที่พิษณุโลก
/ ชมอ่างเก็บน้ำบางระกำ
/ ชมการแสดงสัตว์น้ำอันน่าตื่นตะลึง อาทิ ปูผัดข้าว ปูแจกของบริจาค ปูร้องไห้ ปูทาสีบ้าน ปูไถนา ปูหว่านข้าว
ปูปล่อยขบวนรถ - เรือ (แค่นี้ก็คุ้มสุด ๆ แล้ว) พร้อมด้วยหมาแสนรู้สีขาวที่จะมาคอยเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม
/ ค้างบ้านริมทะเล.หลังคามุงหญ้าแพรก
/ อาหารค่ำ สมองปูผัดหญ้าแพรก อีเอ็มบอลชุบแป้งทอด

วันที่สอง ทัวร์ทางอากาศ

/พร้อมกันที่สนามบินน้ำดอนเมือง
/ชมของบริจาคลอยน้ำ กองสุขาลอยน้ำ
/ พบไกด์กิตติมศักดิ์หญิงหน่อย กับลุงชา พาไปนั่งฮ.เล่น
/นั่ง ฮ. เล่นชมน้ำท่วม ถ่ายรูปกับน้ำท่วมกลางอากาศ
/ พาไปโยนอาหารให้ผู้ประสบภัย
/ พาไปชมน้ำตกมหัศจรรย์ ไหลเข้านิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ
/ อาหารค่ำ เมนูหรูสุดจากถุงยังชีพรุ่นท๊อป 800 บาท พร้อมด้วยมาม่าและปลากระป๋องรุ่นพิเศษสุด
/ จอดนอนค้างคืนใน ฮ ( หมายเหตุ ฮ. ไม่มีเรด้าห์ นักบินสายตาไม่ดี บินกลางคืนไม่ได้)

วันทีสาม ทัวร์ทางน้ำ

/ นั่งเรือดันน้ำชมโลกใต้น้ำ
/เยี่ยมชม รถใต้น้ำ บ้านใต้น้ำ ถนนใต้น้ำ
/ล่องแก่งฝ่าบิ๊กแบ็ค ชมเนินมหัศจรรย์ ขับบนทางด่วน แต่เลี้ยวเข้าตึกเองได้
/เยี่ยมชมภายใน ศปภ. พาไปชมแหล่งบัวใต้น้ำใหญ่ที่สุดในโลก
/ชมการจับจระเข้ งูแมมบ้า
/ การแสดงอันน่าตื่นเต้น หวาดเสียว อาทิ อมของบริจาค ทำลายคันกั้นน้ำ ฯลฯ
/ ตบท้ายด้วยการแสดงตลก ศปภ. ที่จะเรียกเสียงหัวเราะจนท้องแข็ง
/เลือกช๊อบถุงยังชีพหลายราคา สุขากระดาษสุดหรู และเรือไฟเบอร์ฝังเพชร

ราคาพิเศษ เพียง ห้าพันสามร้อยแปดหมื่นบาท ต่อคน รับจำนวนจำกัด ด่วนเลยนะจ๊ะ ก่อนที่ศปภ.จะโดนยุบ

แฉทำไม
 
 
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000151409
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4579 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 15:39:55 »

จีนยกเลิกคำเตือน นักท่องเที่ยวเข้าเมืองไทย
25 พฤศจิกายน 2554 18:14 น.

 
         เอเยนซี - องค์กรการท่องเที่ยวจีน (China National Tourism Administrator) หรือ CNTA ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ประกาศยกเลิกคำเตือนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย
      
       สื่อจีนรายงานวันที่ 25 พ.ย. ว่าองค์กรการท่องเที่ยวจีน (China National Tourism Administrator) หรือ CNTA ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศยกเลิกคำเตือนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย ซึ่งคำประกาศนี้ ส่งผลให้บริษัทนำเที่ยวของจีนสามารถจัดทัวร์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ตามปกติ อีกทั้งยังมีผลต่อการรับประกันความปลอดภัยสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวบรรดากรุ๊ปทัวร์จีน
      
       จากข้อมูลสถิตินักท่องเที่ยวของจีนในประเทศไทย ช่วงเดือน 10 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 60 เมื่อเทียบเป็นรายปี และคาดว่าตลอดปีนี้ จะมีชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวไทย มากถึง 1.5 ล้านคน ซึ่งยังน้อยกว่าความคาดการณ์เดิมที่ 1.6 ล้านคน เนื่องจากภัยน้ำท่วมตลอด 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา
      
       ข้อมูลยังพบว่า นักท่องเที่ยวจีนซึ่งมักเที่ยวในกรุงเทพฯ พัทยา อยุธยา กาญจนบุรี ได้เริ่มนิยมเดินทางไปเชียงใหม่ เชียงราย เกาะสมุย และภูเก็ตมากขึ้นด้วย


จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000150361
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4580 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 17:06:57 »

จากไทยรัฐ ออนไลน์.........

แอบงีบ


ไม่ใช่แต่คนที่มีความรู้สึกเหนื่อยล้า และอยากพักผ่อน "น้องหมา" เค้าก็มีเหมือนกัน อย่างน้องหมาตัวนี้ ถ้าให้เดา คงลุยน้ำมานานหลายวันจนหมดแรง เลยของีบเพื่อชาร์จแบตสักพักหน่อย แต่แบบว่ามันไม่ถูกที่ แม้ถูกเวลา ทำให้ได้ภาพน่ารัก ที่เห็นแล้วก็สงสารปนฮา
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=IaCP4gEuIYE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=IaCP4gEuIYE</a>
http://www.youtube.com/watch?v=IaCP4gEuIYE&feature=player_embedded

http://www.thairath.co.th/column/life/vdooftheday/219506

และล่าสุด ไปโพสต์ในเว็ปต่างๆ ด้วย อาทิ......

http://www.tcmag.com/magazine/a_very_tired_dog/
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4581 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 17:43:18 »

อ่านและบันทึกเอาไว้ เผื่อจะเป็นจริง...... ?? (แต่อย่าเครียดนะครับ)

ระทึก '2 คราส' ท้ายปีหนัก 2 เด้ง ?? 'ภัยดิน' ซ้ำ 'ภัยน้ำ'
วันจันทร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น

 

 
เมื่อบ่ายวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา เกิด ’สุริยคราส-สุริยุปราคา“ แบบครึ่งเสี้ยว ซึ่งนี่เป็นการเกิด “อุปราคา” ครั้งที่ 5 จากจำนวนอุปราคาในปี 2554 รวม 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 6 เป็น ’จันทรคราส-จันทรุปราคา“ จะเกิดในคืนวันที่ 10 ธ.ค. 2554 ทั้งนี้ กับ ’2 คราส“ หรืออุปราคา 2 ครั้ง ’ส่งท้ายปี“ นี้...ในทางโหรชี้ไว้ว่าไม่ดี ??
   
2 คราสส่งท้ายปี 2554 อาจจะเกิด ’ภัยซ้ำซ้อน“
   
จากที่ตอนนี้ในไทยก็อ่วม ’ภัยน้ำ“ สาหัสอยู่แล้ว
   
ทั้งนี้ สำหรับอุปราคา 2 ครั้งท้ายปีนี้ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ทายทักไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ 2554 สรุปได้ว่า...วันที่ 25 พ.ย. 2554 เวลาประมาณ 13.10 น. เกิด ’สุริยุปราคา“ ในราศีพิจิก อาโปธาตุ หรือ ’ธาตุน้ำ“ เกิดในราศีพิจิกรูปแมงป่อง ราศีก้นงอนเอวคอดเดินส่ายก้นไปมา 
   
อุปราคาในราศีพิจิกธาตุน้ำครั้งนี้ สิ่งที่อาจเกิดตามมาคือวาตภัยและอุทกภัยรุนแรง “สึนามิ” อาจถามหา?? เกิดพายุหมุนและฝนฟ้าคะนองรุนแรง บางพื้นที่เกิดฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมสร้างความเสียหายให้ประชาชนจำนวนมาก มีการตายจากน้ำ เกิดอุบัติภัยในแม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร รัฐบาลประสบปัญหาอย่างรุนแรงเรื่องการแก้ปัญหาเกี่ยวกับน้ำ คนตายเพิ่มขึ้นจากโรคภัยที่มาจากน้ำ การค้า เกษตรกรรม
เสียหาย 
   
อ.ภิญโญ ระบุไว้อีกว่า... อุปราคาครั้งนี้เกิดขึ้นในภพที่ 8 ของดวงเมือง ภพที่ 8 หมายถึง การตาย ประเภทของคนตาย ภาษีคนตาย ความสัมพันธ์ทางการเงินกับต่างประเทศ ความลับของรัฐบาล โรคระบาด เมื่อเกิดอุปราคาในภพที่ 8 จะบังเกิดความอับโชคแก่ผู้นำ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รัฐบาล และในหลักโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองระบุไว้ว่า ถ้าเป็นการเกิดสุริยุปราคา ต้องระวังเกิดกรณีบุคคลสำคัญถึงแก่กรรม
   
รัศมีคราสครั้งนี้ พาดผ่านตติยนวางศ์ 4 ปฐมตรียางศ์ 3 ต้องระวังเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพดินฟ้าอากาศที่รุนแรง มีพายุใหญ่ น้ำท่วม เกิดผลส่วนใหญ่ในทางอุตุนิยมวิทยา รวมถึงระวังการเกิดปัญหารุนแรงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจนเกิดเป็นภาวะสงคราม เกิดความสับสนอลหม่านไปทั่ว
   
นี่ว่ากันถึงคำพยากรณ์สุริยคราส 25 พ.ย. 2554
   
ขณะที่จันทรคราส 10 ธ.ค. 2554 ก็น่าเป็นห่วง!!
   
กับการเกิดอุปราคาครั้งต่อไปนั้น นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ได้ทายทักไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ 2554 สรุปได้ว่า...วันที่ 10 ธ.ค. 2554 เวลาประมาณ 21.38 น. จะเกิด ’จันทรุปราคา“ ในราศีพฤษภ รูปโค ปฐวีธาตุ หรือ ’ธาตุดิน“ ราศีพฤษภเป็นราศีชั้น 2 ชนิดสถิรราศี มีผลคงอยู่ได้นาน แต่ในบางกรณีเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลันทันทีโดยไม่ทันคาดหมาย และรุนแรง อาจทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่โต มีอิทธิพลครอบงำรัฐสภาและการเงินของชาติ ก่อให้เกิดความยุ่งยาก มีปัญหาสำคัญที่จะต้องป้องกันแก้ไข ผลของการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เกิดโรคภัยระบาดมีคนล้มตายเพิ่มขึ้น รวมถึงต้องระวังเกิดกรณีบุคคลสำคัญถึงแก่กรรม
   
ทาง อ.ภิญโญ ยังระบุถึงอุปราคาครั้งสุดท้ายของปี 2554 นี้ไว้อีกว่า...อุปราคาครั้งนี้เกิดในราศีพฤษภ ธาตุดิน ให้ระมัดระวังเรื่องดิน ความเสียหายเกี่ยวกับแผ่นดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม การพังทลายของดิน อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย ทำให้เกิดผลเสียหายกับพืชผลทางการเกษตร ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา การค้าขาย พืชผลทางการเกษตรเสียหาย 
   
ปัญหาเรื่องดิน และน้ำ น้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร เป็นปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข โลกธุรกิจจะถูกก่อกวนหรือถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลมีคะแนนนิยมตกต่ำลงอีกเพราะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง และการคอร์รัปชั่น เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบขึ้นทั่วไป เกิดความแตกต่างระหว่างชนชั้น นายทุนกับผู้ใช้แรงงาน มากขึ้น มีการนัดหยุดงานปรากฏทั่วไป เกิดการว่างงานมากขึ้น ธุรกิจและการงานประสบกับปัญหาขาดทุน งานบริการที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลง
   
สุขภาพประชาชน โครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน จะถูกกระทบกระเทือน พร้อม ๆ ไปกับการมีปัญหาเรื่องดินฟ้าอากาศแปรปรวน อำนวยความอับโชคให้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ผู้นำในระดับสูง
   
นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ชี้ไว้ด้วยว่า...รัศมีคราสครั้งนี้พาดผ่านอัฏฐมนวางศ์ 1 ตติยตรียางศ์  7 ต้องระวังเกิดอุบัติภัย โรคภัยไข้เจ็บระบาด ปัญหาข้าวยากหมากแพง ประชาชนได้รับผล
กระทบกระเทือน และราศีพฤษภเป็นภพที่ 2 ของดวงเมือง บ่งชี้ว่าการเงินของประเทศจะถูกกระทบกระเทือนเสียหาย ความล้มเหลวทางการเงินและการค้าครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นจนส่งผลกระทบไปทั่ว ธนาคารและสถาบันการเงินตกอยู่ในภาวะคับขัน เกิดความผันแปรในทางภาษี และอาจมีนายธนาคารหรือนักการเงินผู้มีอิทธิพลถึงแก่กรรม
   
สรุปแล้ว ’2 คราส...ส่งท้ายปี 2554“ น่าเสียวไส้
   
’ภัยธรรมชาติ“ ทางโหรชี้ไว้ว่า ’ยิ่งน่าเป็นห่วง“
   
’ภัยดิน“ อาจเกิดขึ้นมาซ้ำ ’ภัยน้ำ“ อีกเด้ง??.


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=23&contentID=178230


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4582 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:00:12 »

กรมคุ้มครองสวัสดิการฯ จะแก้ไขหลักการจ่ายเงิน จากจ่ายให้ "นายจ้าง" เป็รจ่ายให้ "ลูกจ้าง" โดยตรง

ถือได้ว่า OK ครับ

จ่ายเช็คในชื่อลูกจ้าง ไม่ขีดคร่อมนะครับ ให้ลูกจ้างนำสำเนาบัตรไปรับเงินสด

หากจ่ายเช็คขีดคร่อม โดนแบงค์อม 2,000 บาทไว้ โดยอ้างเพื่อรักษาบัญชี

ลูกจ้างเดือดร้อน ไม่จำเป็นต้องรักษาบัญชีแล้วครับ เบิกหมดไปใช้จ่ายเลย


รัฐบาลทบทวนเกณฑ์จ่ายเงินบรรเทาเลิกจ้าง คาดได้ข้อสรุปสัปดาห์นี้
28 พฤศจิกายน 2554 19:08 น.
 
        กสร.เผย แรงงานกลับเข้าทำงานแล้ว 3.1 แสนคน ถูกเลิกจ้าง 9.5 พันคน ขณะที่รัฐบาลทบทวนเกณฑ์จ่ายเงินบรรเทาเลิกจ้าง อาจเปลี่ยนมาจ่ายให้ลูกจ้างแทน คาด ได้ข้อยุติสัปดาห์นี้
       
       วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน นายปกรณ์ อมรชีวิน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงปัญหาแรงงานประสบภัยน้ำท่วมถูกเลิกจ้าง ว่า ก่อนหน้านี้ มีแรงงานใน 32 จังหวัด จำนวนกว่า 1 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งนี้ ข้อมูลของ กสร.ณ วันที่ 28 พ.ย.มีสถานประกอบการใน 13 จังหวัดประสบภัยน้ำท่วม 14,981 แห่ง แรงงานได้รับผลกระทบ 676,127 คน แรงงานถูกเลิกจ้าง 9,572 คน และมีสถานประกอบการเปิดกิจการแล้ว 13,647 แห่ง และแรงงานกลับเข้าทำงานแล้ว 317,802 คน ทำให้มีแรงงานได้รับผลกระทบลดลงเหลือกว่า 7 แสนคน
       
       ทั้งนี้ กสร.กำลังรวบรวมข้อมูลของนายจ้างและลูกจ้างที่ประสบภัยน้ำท่วมผ่านเว็บไซต์ที่ www.labour.go.th ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ย.มีนายจ้างในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เข้ามาลงทะเบียน 104 ราย และลูกจ้าง 2,836 ราย ซึ่ง กสร.จะประสานงานให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกัน เพื่อให้ได้ข้อยุติ ว่า ลูกจ้างต้องการทำงานและจะมีการจ้างงานต่อไปหรือไม่ หากมีการเลิกจ้างก็ขอให้มีการจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด หากนายจ้างไม่จ่ายเงินชดเชย ทาง กสร.ก็มีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างช่วยเหลือ และกระทรวงแรงงานได้จัดหาตำแหน่งงานว่างไว้รองรับกว่า 1 แสนอัตรา
       
       นายปกรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนมาตรการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้างนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานได้ช่วยจ่ายเงินค่าจ้างแทนนายจ้างรายละ 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณรองรับก้อนแรก 606 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายแรงงาน 1 แสนคน ขณะนี้มีสถานประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมากทำให้ยอดแรงงานกลุ่มเป้าหมายเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2.1 แสนคน
       
       ดังนั้น กระทรวงแรงงานจึงได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มเติมอีกกว่า 1.2 พันล้านบาท มีกลุ่มเป้าหมายแรงงาน 2 แสนคน ทำให้ภาพรวมกลุ่มเป้าหมายแรงงานเพิ่มเป็น 3 แสนคน และงบรองรับกว่า 1.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ กสร.ยังมีโครงการเพื่อนช่วยเหลือที่ให้แรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมไปทำงานในพื้นที่อื่นชั่วคราว 2-3 เดือน ตอนนี้มีสถานประกอบการใน 46 จังหวัด เข้าร่วม 592 แห่ง ต้องการลูกจ้างเข้าทำงาน 70,784 คน และมีลูกจ้างเข้าร่วมโครงการ 11,069 คนในสถานประกอบการ 89 แห่ง
       
       “ขณะนี้รัฐบาลกำลังทบทวนเกณฑ์การจ่ายเงินบรรเทาเลิกจ้าง จากเดิมที่จะจ่ายให้แก่นายจ้าง อาจจะเปลี่ยนเป็นจ่ายให้แก่ลูกจ้างโดยตรงคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่า หลังน้ำลด แรงงานที่ถูกเลิกจ้างจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานประกอบการต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูกิจการนานกว่า 6 เดือน และต้องจัดซื้อเครื่องจักรใหม่ แต่ก็มีตำแหน่งงานรองรับ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกต้องการแรงงานกว่า 1 แสนคน หากแรงงานยอมย้ายถิ่นฐาน ก็จะมีงานทำ” รองอธิบดี กสร.กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ บริษัท ฟูจิ ชินเซจิ (ประเทศไทย) ในนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี จ.ปทุมธานี ซึ่งผลิตชิ้นอิเล็กทรอนิกส์ได้ประกาศจะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 300 คน โดยจะจ่ายเงินชดเชยและเงินสวัสดิการต่างๆ ให้แก่พนักงาน

 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000151733
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4583 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:15:04 »

พรรครัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีงูเห่า แต่พรรคของ"ชูวิทย์" มี - ทั้งโหวตสวนและไม่มาร่วมประชุมเพื่อลงมติ

มติสภาไว้วางใจ'ประชา'273ต่อ188


นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. ที่เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าของวานลงแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 23.56 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวสรุปการอภิปราย โดยจะมีการนัดลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเช้าวันจันทร์นี้ เวลาประมาณ 09.30 น.


ปธ.วิปรัฐมั่นใจเสียงไม่แตก-ภาพรวมสภาดี
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงาน พรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า จากการประชุมสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ. นั้น ประเมินภาพรวมแล้ว อยู่ในเกณฑ์ ที่ดี เพียงแต่มีการอภิปรายลงลึกในรายละเอียดมากไปหน่อย พาดพิงหลายคน ทำให้มีการประท้วง และใช้สิทธิ์ชี้แจงกันมากพอสมควร ส่วนเรื่องเนื้อหา มองว่า เป็นเรื่องเดิมๆ ที่เคยมีการเปิดสภาร่วมไปแล้ว แต่มีรายละเอียดเรื่องหลักฐานเอกสารมากขึ้น ซึ่งทางฝั่งรัฐบาล ก็มีการชี้แจงได้ดี

ทั้งนี้ นายอุดมเดช มั่นใจว่า เสียงของพรรคร่วมรัฐบาล จะยังคงให้การสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อย่างแน่นอน เพราะว่า เนื้อหาการอภิปราย ไม่พบข้อบกพร่องใดๆ ที่จะทำให้ พรรคร่วม และสมาชิกพรรคเพื่อไทย หวั่นไหว แต่อย่างใด รวมถึง มั่นใจไม่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับรัฐบาล


สภาเริ่มคึกคักเตรียมลงมติซักฟอก 09.30 น.
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. ในวันนี้ จะเริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. ภายหลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา ใช้เวลาร่วม 15 ช.ม. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และได้สิ้นสุดในเวลา 23.55 น. ซึ่งอยู่ในกรอบเวลาที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดไว้ โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้กล่าวปิดอภิปราย ก่อนที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะประกาศปิดการประชุม และได้นัดลงคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา ในวันนี้

ส่วนบรรยากาศล่าสุด ที่รัฐสภา เริ่มคึกคัก สื่อมวลชนเริ่มทยอยเดินทางมาเกาะติดความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย ยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการลงมติไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของการประชุมสมัยสามัญทั่วไป


'ประชา' บอกแจงซักฟอกดีแล้ว
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ผู้อำนวยกาศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กล่าวก่อนการเข้าร่วมลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า คะแนนเสียงที่จะออกมานั้น สุดแล้วแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ตัดสิน เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่สามารถไปบังคับใครได้ และการชี้แจงในสภาเมื่อวานที่ผ่านมา ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ส่วนคำถามที่ว่า หลังจากนี้ คะแนนเสียงเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลคะแนนดังกล่าว ไปทบทวนการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชา ระบุว่าไมถามคนอื่นดีกว่า


นายกฯ มั่นใจสส.วางใจประชายันไม่ปรับครม.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศปภ. จะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจากการอภิปรายเมื่อวานนี้ ไม่มีประเด็นใดเพิ่มเติมจากที่ปรากฏเป็นข่าว และ พล.ต.อ.ประชา สามารถชี้แจงได้ครบถ้วน และที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่ และอาจามีข้อบกพร่องบ้าง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ ทุกคนมีเจตนาดี ในการช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น ยังไม่มีการหารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี เตรียมหารือในการรื้อแนวบิ๊กแบ็ก และเปิดประตูระบายน้ำทุกบาน เพื่อเร่งระบายน้ำช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ที่น้ำยังคงท่วมสูง ซึ่งในส่วนของกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า เป็นที่กว้างและมีชุมชนหนาแน่น การดูแลอาจไม่ทั่วถึง


'เฉลิม'มั่นใจพรรคร่วมไม่มีงูเห่า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ. จะได้รับความไว้วางใจอย่างแน่นอน พรรคร่วมรัฐบาล มีเอกภาพ ไม่มีงูเห่าโหวตสวนมติพรรค และเห็นว่า พล.ต.อ.ประชา คือดาวดวงใหม่ของสภา


สมศักดิ์เปิดการลงมติไม่ไว้วางใจ'ประชา'แล้ว
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนการลงคะแนนเสียง การอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ว่า ในการลงคะแนนเสียง ไม่น่าจะใช้เวลาเกินครึ่งชั่วโมง และการอภิปราย เมื่อวานที่ผ่านมาถือว่า ราบรื่นดี แม้จะมีการประท้วงมากไปสักหน่อย และการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจ ในวันนี้ ต้องมีคะแนน
เสียงไม่ไว้วางใจ ถึง 250 เสียง จึงจะถือว่า สภาไม่ไว้วางใจการทำงานของ พล.ต.อ.ประชา ส่วนในวันนี้ ที่จะมีการปิดประชุมสมัยสามัญทั่วไปนั้น จะมีการประชุมของสมาชิกวุฒิสภาและการประชุมร่วมรัฐสภา คาดว่า จะสามารถปิดสมัยประชุมได้ ในช่วงเย็นของวันนี้


มติสภาไว้วางใจ'ประชา'273ต่อ188
การลงมติไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา โดยเสียงในที่ประชุมส่วนใหญ่ เห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 273 เสียง ไม่เห็นชอบ 188 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง และไม่ลงคะแนน 15 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุม 487 คน ทั้งนี้ การลงมติครั้งนี้ เป็นการลงคะแนนแบบลับ

ข้อมูลโดย :  สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น


http://news.impaqmsn.com/articles_hn.aspx?id=465155&ch=hn
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4584 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:47:13 »

ส่วนราชการแจ้งปิดครัว 30 พ.ย. 54

มหาดไทยเตรียมปิดครัวช่วยน้ำท่วม 30 พ.ย.
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2011 เวลา 19:27 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ   

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมกระทรวงมหาดไทย บริเวณด้านข้างวัดราชบพิธ ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. เป็นต้นมา เป็นศูนย์กลางในการเปิดครัวทำอาหารปรุงสุก รับบริจาคอาหารสด น้ำดื่ม แล ถุงยังชีพ เพื่อแจกจ่ายไปยังผู้ประสบภัยอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ร่วมทำอาหารปรุงสุกแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลไปแล้ว จำนวน 663,217 กล่อง น้ำดื่มจำนวน 536,722 ขวด และถุงยังชีพ จำนวน 7,860 ชุด คิดเป็นมูลค่า 26,548,306 ล้านบาท
         
“ กระทรวงมหาดไทยยังได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ เพื่อแจกจ่ายอาหารช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่น้ำท่วมสูงซึ่งการจราจรถูกตัดขาด เพื่อให้ประชาชนได้รับอาหารและน้ำดื่ม ตลอดจน การช่วยเหลืออื่น ๆ อย่างทั่วถึงจำนวน 5 ศูนย์ อาทิ ศูนย์เฉพาะกิจซอยวัชรพล ศูนย์เฉพาะกิจซอยวัดคู้บอน ศูนย์เฉพาะกิจบางพูนจังหวัดปทุมธานี ศูนย์เฉพาะกิจบางคูวัตจังหวัดปทุมธานี และศูนย์เฉพาะกิจจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตามภายหลังจากวันที่ 30 พ.ย.2554 จะส่งมอบภารกิจนี้ให้กับจังหวัดน้ำท่วมและกรุงเทพมหานคร ไปดำเนินการแจกจ่ายอาหารช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป” รมว.มหาดไทย กล่าวและว่า ดังนั้นกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จะยังดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติของบ้านเมือง และจะให้การสนับสนุนงบประมาณ พาหนะ วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงบุคลากรในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกับจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ และกรุงเทพฯ รวมถึงหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มกำลังความสามารถ


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=95163&catid=176&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4585 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:50:36 »

บริษัทเอกชนเปิดโรงครัวต่อเนื่อง แม้บางจุดน้ำจะลดแล้ว ??

ซีพี-ซีพีเอฟ เดินหน้าเต็นท์โรงครัวช่วยผู้ประสบอุทกภัย4จ. แม้บางจุดเริ่มคลี่คลาย
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2011 เวลา 14:47 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ   


นายเอนก บุญหนุน รองกรรมการผู้จัดการบริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้น แม้ว่าปัจจุบันในหลายพื้นที่สถานการณ์น้ำจะคลี่คลายไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่ประสบปัญหาและพี่น้องประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านซึ่งมีน้ำท่วมขังอยู่เป็นจำนวนมาก

 ซีพีเอฟจึงยืนหยัดดำเนินโครงการโรงครัวพระราชทาน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน 4 จุด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดนครปฐม รวมทั้งที่กองทัพภาคที่1 เพื่อช่วยเหลือกำลังพลที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตลอดจนนำอาหารไปช่วยผู้ประสบภัยในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้เป็นจำนวนมากทั้งนี้โรงครัวจะทำการปรุงอาหารสดใหม่วันละ 3 มื้อเป็นประจำทุกวัน รวมทั้ง 4 จุดสามารถจัดข้าวกล้องได้ประมาณ 47,000 กล่องต่อวัน โดยทีมงานซีพีเอฟจิตอาสาร่วมกับกองทัพภาพที่ 1 นำอาหารเข้าแจกจ่ายให้ถึงมือประชาชนด้วยตนเอง รวมทั้งการมอบอาหารผ่านผู้นำชุมชน ตลอดจนการมอบผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้กระจายไปถึงผู้เดือดร้อนอย่างทั่วถึง

นายเอนก กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศไทย บริษัทได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่องมาตลอด โดยเฉพาะด้านอาหารซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซีพีเอฟในฐานะผู้นำด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร จึงไม่นิ่งนอนใจในการเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วดังเช่นทุกครั้ง โดยการตั้งเต็นท์โรงครัวพระราชทานที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับกลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้จัดอาหารช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน 14 จุดจังหวัดครอบคลุมทุกพื้นที่ประสบอุทกภัย จนถึงปัจจุบันได้ปรุงอาหารไปแล้วกว่า 2,600,000 กล่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า90 ล้านบาท ซีพีเอฟจะยังคงดำเนินโครงการโรงครัวพระราชทานต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ให้ความช่วยเหลือกรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปีนี้ไปแล้วรวมทั้งสิ้นกว่า200 ล้านบาทและจะยังคงเดินหน้าเคียงข้างชาวไทยในทุกๆวิกฤตการณ์


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=95095:-4&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4586 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:58:26 »

ประเด็นอยู่ที่ว่า ใคร ? จะเป็นคนรื้อและขนย้าย Big bag ออกไปต่างหาก
พร้อมเก็บทำความสะอาดเพื่อเปิดการจราจรให้ได้ เนื่องจากต้องใช้คน เครื่องมือ และงบประมาณ!!
เห็นมีแต่ กองทัพ จังหวัดนั้นๆ ซึ่งรวมไปถึง อบจ. เทศบาล อบต.

 
'ปลอดประสพ'เผยนายกฯสั่งรื้อบิ๊กแบ็กทุกพื้นที่แล้ว
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2011 เวลา 18:00 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ    
 

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้รื้อแนวคันบิ๊กแบ็กออก เนื่องจากไม่มีความจำเป็นแล้ว ทั้งนี้ ระบุว่า ต้องหารือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อส่งแผนการรื้อแนวบิ๊กแบ็กภายใน 24 ชั่วโมง
    
นอกจากนี้ ได้มีการเจรจากับตัวแทนหมู่บ้านการ์เด้นโฮม ถนนพหลโยธิน 60 กว่า 20 คน ที่เดินทางมาเรียกร้องให้ระบายน้ำออกจากหมู่บ้านที่ท่วมสูงกว่า 2 เมตร นานกว่า 1 เดือนแล้ว ให้ทันก่อนวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อจัดกิจกรรมเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
        
"ผลการเจรจาทางรัฐบาลจะทำตามข้อเรียกร้องทั้งหมดตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป โดยจะอนุมัติงบประมาณในการซ่อมกำแพงหมู่บ้าน เร่งสูบน้ำออก กำจัดขยะ ตลอดจนการเปิดประตูระบายน้ำคลองสอง เพิ่มเป็น 1.50 เมตร"นายปลอดประสพกล่าว

วันนี้ (28 พ.ย.) ชาวชุมชนการ์เด้นโฮมยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ คือ 1.การพิจารณารื้อกระสอบทรายขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแบ็ก ออกบางส่วนไม่ให้กระทบกับชุมชนด้านใต้บิ๊กแบ็ก 2.ปรับปรุงแนวกำแพงเดิมของชุมชนซึ่งขณะนี้ชำรุดเป็นวงกว้าง 3.เร่งขุดลอกทำความสะอาดคลองสองและคลองหกวา เพื่อให้น้ำไหลผ่านไปยังรวดเร็ว รวมถึงเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 30 ซม.ขึ้นไป ให้เป็น 1.8 เมตร  4.พิจารณาเพิ่มเงินเยียวยาเป็นพิเศษสำหรับชุมชนที่อยู่เหนือแนวบิ๊กแบ๊ก เนื่องจากต้องอยู่ภายใต้น้ำท่วมขังนานกว่าประชาชนทั่วไป และ 5.ขอให้เร่งกำจัดขยะออกจากหมู่บ้านโดยทันที
 
ขณะที่ในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตร่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เตรียมทีมศึกษาเรื่องการดูแนวบิ๊กแบ็ก และจากที่มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ก็เป็นการเริ่มขั้นแรกในการปรับวิธีระบายน้ำ คือ ทุกประตูต้องเร่งระบายน้ำอย่างเต็มที่ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนในปลายทาง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็คงต้องดูต่อไปว่า แนวบิ๊กแบ็กตรงไหนรื้อได้ เราเองก็อยากเห็นการรื้อบิ๊กแบ็ก แต่ไม่อยากเห็นประชาชนกีดถุงทรายแล้วทำให้ทรายกองอยู่แถวนั้น เพราะบิ๊กแบ็กเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องเคลียร์ออก พร้อมขยะส่วนหนึ่ง ให้ทันในวันที่ 1-5 ธันวาคมนี้


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=95143:2011-11-28-11-01-06&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4587 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 22:06:16 »

งบฯ มาอีกแล้ว......!!!

"ยงยุทธ" ชงครม.อนุมัติงบเยียวยาน้ำท่วมกว่า 19,787 ลบ.
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2011 เวลา 20:06 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ    


( 28 พ.ย. )นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ที่มี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันพรุ่งนี้ ( 29 พ.ย. )เพื่อขอให้อนุมัติ

1.โครงการเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) ซึ่งมี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในคณะทำงานชุดนี้  

2.โครงการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านคุณภาพชีวิต (กคช.)  มี พล.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ เป็นประธานชุดทำงานดังกล่าว รวมทั้งสิ้น 203 โครงการ ในงบประมาณรวม 19,787.403 ล้านบาท

ทั้งนี้แผนงานโครงการและงบประมาณในการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) จะประกอบด้วย 5 โครงการ วงเงินรวม 12,983.629 ล้านบาท คือ ด้านคมนาคมขนส่ง วงเงินงบประมาณ 4,444.523 ล้านบาท ด้านสถานที่ราชการและระบบสาธารณูปโภค วงเงินงบประมาณ 348.909 ล้านบาท ด้านศาสนาและโบราณสถาน 1,593.468 ล้านบาท ด้านสถานศึกษา 1,462.447 ล้านบาท ด้านแหล่งน้ำและระบบชลประทาน 5,098.282 ล้านบาท

ส่วนโครงการและงบประมาณในการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านคุณภาพชีวิต (กคช.) มีทั้งสิ้นจำนวน 198 โครงการ ในวงเงินงบประมาณรวม 6,803.774.401 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 14 โครงการ งบประมาณ 2,296,358,600 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ 12 โครงการ งบประมาณ 778,199,000 ล้านบาท กระทรวงแรงงาน 6 โครงการ 1,283,028,600 ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 5 โครงการ 130,850,800 ล้านบาท กระทรวงสาธาณสุข 8 โครงการ 669,401,100 ล้านบาท และกระทรวงมหาดไทย 153 โครงการ 1,645,936,301 ล้านบาท


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=95168:qq--19787-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4588 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 22:36:57 »

บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ครับ.......

ทำไงได้เมื่อ 'เพื่อไทย' มีนายเช่นนี้
เปลว สีเงิน28 พฤศจิกายน 2554 - 00:00

      คราสในภพที่ ๘ ของดวงเมือง คือราศีพิจิก เมื่อ ๒๕ พ.ย.๕๔ ผ่านไป วันนี้-เราก็ต้องสูญเสียประมุขสถาบันตุลาการ "ท่านมนตรี ยอดปัญญา" ประธานศาลฎีกา ไปเมื่อกลางดึกคืนวันที่ ๒๖ พ.ย.๕๔ ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ก็ขอแสดงความอาลัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย การสวดพระอภิธรรมจะมีไปจนถึงวันที่ ๓ ธ.ค. ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร จากนั้นเก็บศพไว้ ๑๐๐ วัน
     เป็นไงครับ เมื่อวาน-เป็นวันอาทิตย์ส่งท้ายสมัยประชุมสภาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปภ.
     ก็ได้ดู-ได้รู้-ได้เห็น แต่ละบทบาท แต่ละจิตสำนึก แต่ละนิสัยสันดาน ส.ส.ทั้งฝ่ายค้าน-ผู้ซักฟอก และฝ่ายรัฐบาลที่ถูกซักฟอกกันไปแล้ว
     ผมว่าแค่ได้ดู-ได้ฟังก็พอแล้ว ไม่ต้องลุ้นผลโหวตเช้าวันนี้ (๒๘ พ.ย.) หรอกว่า "ภาคสภา" พล.ต.อ.ประชาจะพ่ายหรือจะผ่าน แต่ในภาคประชาชนผู้ฟังการอภิปราย รัฐบาล-โดย พล.ต.อ.ประชา ผู้รับหน้าเสื่อแทนยิ่งลักษณ์
     ไร้ราคายิ่งกว่า "เศษเนื้อข้างเขียง" ซะอีก!
     ความจริงนั้น ถ้ารัฐบาลนี้เกิดตามครรลองประชาธิปไตยคุณภาพ พล.ต.อ.ประชาก็จะไม่ตกอยู่ในสภาพนี้ ส.ส.เพื่อไทยที่รับบทองครักษ์ก็จะไม่ต้อง "ป่วนอภิปราย" จนกลายเป็นตัวสังคมขยะแขยงแบบนี้ เพราะจะต้องมี "นายกฯ" ที่สมบูรณ์ด้วยศักยภาพแห่งปัญญา และเดชาในสนามรบ
     เมื่อมีแม่ทัพคือนายกฯ ที่สมบูรณ์แล้ว พล.ต.อ.ประชา ซึ่งเป็นแค่ผู้ตาม ก็จะไม่ต้องมาทำงานในหน้าที่ผู้นำที่ตัวเองไม่มีคุณสมบัติทำได้ คืองานนำทัพรับศึกน้ำท่วม นั่นก็จะไม่ต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งดังที่เป็น
     แต่ทำไงได้ เมื่อ ส.ส.เพื่อไทยทั้งพรรคพอใจยก "น้องสาวเจ้าทรัพย์" เป็นหัวหน้า ทุกอย่างมันจึงเป็นไปตามตรรกะ ภายใต้ธงรบแม่ทัพที่ขาดเขลาเบาปัญญา กองทัพย่อมคลาคล่ำด้วยทหารกระหายโหดและโฉดชั่ว
     "ทหารกร้าน" กับ "ทหารกล้า" มันคนละแบบ!
     เอาหละ...ขอชมการทำหน้าที่ท่านหนึ่งคือ "นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ" รองประธานสภา ส.ส.พะเยา ที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมวานนี้ ท่านเป็นคนที่สังคมไม่ได้หวังสูง แต่การทำหน้าที่ครั้งนี้ของท่าน "เยี่ยมที่สุด" ผมชื่นชม และคารวะท่านครับ
     ดูเขาสัประยุทธ์กันยังไม่เสร็จ ดังนั้น วันนี้ขออนุญาตลอก "สกู๊ปหน้า ๑" นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๒๕ พ.ย.๕๔ มาให้อ่านกัน เพราะเขาได้ค้นคว้าหาข้อมูลที่มาของน้ำและเรียบเรียงไว้ดีที่สุด อ่านแล้วตัดเก็บไว้เลยนะครับ 
     
      แกะรอยน้ำท่วม ๕๔
      บันทึกไว้ก่อนเลือน/ไทยรัฐ ๒๕ พ.ย.๕๔

      อภิมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นยังเป็นวาทะถกเถียง เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นไม่จบสิ้น หาผู้หาญกล้ายืดอกแสดงความรับผิดชอบไม่ได้เหมือนปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้
      มีทั้งโทษธรรมชาติปีนี้มีพายุพัดเข้ามาก รวมทั้งคิดไกลมองเป็นเกมการเมืองฝ่ายตรงข้ามใช้ จับมือกับพระพิรุณปล่อยฝนตกหนัก แล้วแอบกักเก็บน้ำไว้ในเขื่อน ไม่ยอมปล่อยระบาย วางยารอท่ารัฐบาลใหม่จะได้สำลักน้ำท่วมเสียความนิยมทางการเมือง
      ข้อครหาสาดโคลนกันไปมาเป็นเรื่องจริง หรือจินตนาการเพื่อโบ้ยผิดให้พ้นตัว
      สังคมข้อมูลข่าวสารสารพัดสื่อยุคนี้ เป็นเรื่องยากที่คนไทยจะรู้ได้เท่าทัน นอกจากจะต้องย้อนรอยไปดูความเป็นมาของมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ในยุคเปลี่ยนผ่านระหว่างรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่
      มหาอุทกภัย 2554...ประเทศไทยเจอพายุซัดเข้ามาถึง 5 ลูกเต็มๆ เกินปัญญาจะรับไหว จริงเท็จแค่ไหน
      บันทึกข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ในหัวข้อ "ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ.2554” มีพายุเกิดขึ้นทั้งหมด 34 ลูก...แต่มีพายุที่พัดเข้ามาแถวบ้านเราแค่ 5 ลูก
      ลูกแรกเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน พายุ "ไหหม่า” ตามด้วย "นกเตน” ตอนปลายเดือนกรกฎาคม เว้นระยะพักไปเกือบ 2 เดือน มาในช่วง 23 ก.ย.-5 ต.ค. มีพายุก่อตัวไล่ตามกันมาติดๆ ถึง 3 ลูก นั่นคือ "เนสาด” ตามติดด้วย "ไห่ถาง” และปิดท้ายด้วย "นาลแก”
      แต่พายุ 5 ลูกที่ว่านั้น...ไม่ได้พัดเข้าไทยแบบเต็มๆ ทั้ง 5 ลูกแต่อย่างใด
      "ไหหม่า” พายุลูกแรก พัดจากฟิลิปปินส์มุ่งหน้าทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขึ้นเกาะไหหลำแล้วโฉบลงมาเข้าเวียดนาม อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันถึงจะเข้าลาว...26 มิ.ย. มาถึงไทยสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ
      ยิ่ง "เนสาด-ไห่ถาง-นาลแก” แม้จะเป็นพายุ 3 ลูก ที่ก่อตัวขึ้นมาในเวลาใกล้เคียงกัน แต่อิทธิพลความรุนแรงต่อไทยสู้ไหหม่าไม่ได้
      เพราะเนสาดออกจากฟิลิปปินส์ มุ่งหน้าไปทางเหนือของเกาะไหหลำแล้วเข้าจีนไปเลย ส่วนไห่ถาง ก่อตัวในทะเลทางใต้ของฮ่องกง พัดหมุนวนอยู่ในทะเลใกล้เวียดนามตอนเหนือ หมุนวนอยู่อย่างนั้น 4 วัน (24-27 ก.ย.) แล้วสลายตัวขึ้นฝั่งเวียดนามกลายเป็นดีเปรสชัน พอเคลื่อนเข้าลาวกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนจะเข้าไทย
      นาลแกมิต่างกัน แรกๆ ตั้งท่ามาแรง เป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นถล่มฟิลิปปินส์แรงได้วันเดียว ลดระดับฮวบฮาบลงมาเป็นพายุโซนร้อนธรรมดา เกรดต่ำกว่าไต้ฝุ่น จากนั้นโฉบไปขึ้นเกาะไหหลำ แล้วดาวน์เกรดลงมาเหลือสถานะแค่ดีเปรสชัน จากนั้นวกลงใต้ขึ้นฝั่งเวียดนามที่เมืองดองฮอย สลายตัวกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนจะเข้าลาวและไทยอีกเช่นกัน
      ในบรรดาพายุ 5 ลูกที่กล่าวอ้าง มีแค่ "นกเตน” เจ้าเดียวเท่านั้นที่พอจะพูดได้ว่าเป็นพายุที่พัดเข้าประเทศไทย...เพราะตอนพัดเข้าเวียดนามก่อนจะเข้าลาวยังมีสถานะเป็นพายุโซนร้อน ออกจากลาวจะเข้าไทยได้ลดระดับเป็นดีเปรสชัน...แต่ก็แค่วันเดียวมาถึง จ.น่าน สลายกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ
      ถึงจะแค่ดีเปรสชัน...แต่พอจะคุยกับคนไม่รู้เรื่องอุตุนิยมวิทยาได้ว่า ประเทศไทยมีพายุพัดเข้ามาเหมือนกัน น้ำจึงได้ท่วมเป็นมหาอุทกภัย
      ในขณะที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์เจอพายุตัวแม่ของจริงไปเต็มๆ...แต่ไฉนถึงไม่เป็นข่าววิกฤติระดับโลก น้ำท่วมมาราธอนยาวนาน 3-4 เดือนเหมือนไทยเรา
       ส่วนปมประเด็นพระพิรุณรับจ๊อบนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามวางยาเก็บกักน้ำไว้ในเขื่อน ในช่วงรอยต่อรัฐบาลเก่ารัฐบาลใหม่...เท็จจริงเป็นเช่นไรต้องแกะรอยปริมาณน้ำในเขื่อน ที่ประชาชนธรรมดาสามารถหาสืบค้นได้ในเว็บไซต์ ...ได้ทั้งของกรมชลประทาน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและเกษตร (องค์การมหาชน)
      ไม่ต้องดูทุกเขื่อนทั่วไทย...ดูกันแค่เขื่อนภูมิพลกับเขื่อนสิริกิติ์ก็พอ เพราะเป็นที่ถูกกล่าวหามากที่สุด
      เริ่มต้นจ้องมอง...ดูปริมาณน้ำวันประกาศยุบสภาฯ 5 พ.ค.54
      วันนั้น ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 45% ของความจุอ่าง ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีอยู่ 50%...ผ่านไปเดือนครึ่ง ก่อนไหหม่าจะพัดมา น้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 55% เขื่อนสิริกิติ์ 54%
      หลังไหหม่าสลายตัวไป 7 วัน และก่อนเลือกตั้ง 1 วัน...2 ก.ค.54 น้ำในเขื่อนภูมิพลเพิ่มมาเป็น 58% ของความจุอ่าง เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำเพิ่มเป็น 64% ยังเก็บน้ำได้อีกเยอะ
      ห้วงเวลาถัดมา คนไทยรู้กันแล้วว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี 29 ก.ค.54 ก่อนดีเปรสชันนกเตนจะถึงไทย...น้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 63% เขื่อนสิริกิติ์ 77%
      5 ส.ค. สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี...เป็นวันที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีบันทึกไว้ว่า เป็นวันสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเป็นการเริ่มต้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
      8 ส.ค. มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ดีเปรสชันนกเตนสลายตัวไป 8 วันแล้ว...ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลเพิ่มมาอยู่ที่ 69% เขื่อนสิริกิติ์ 85%
      ปริมาณน้ำขนาดนี้มากเกินไปหรือไม่...ยังไม่อันตราย เพราะขีดความสามารถการรับน้ำของเขื่อนนั้นรับได้ 100% และต่อให้เกิน 100% ระดับน้ำเพิ่มขึ้นมาจ่อสันเขื่อนก็ยังรับได้
      แต่ในทางปฏิบัติ ถ้าไม่มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่ม จะเก็บกักกันแค่ 100% เพราะถ้าปล่อยให้เกิน 100% แรงดันน้ำจะกดทับประตูจนไม่สามารถเปิดประตู Spillway ได้นั่นเอง
      25 ส.ค. รัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อย คณะรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศได้เต็มสูบ...ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 75% เขื่อนสิริกิติ์ 93%
      และเป็นวันแรกที่เขื่อนสิริกิติ์เริ่มระบายน้ำผ่าน Spillway วันละ 7.35 ล้านคิว นอกเหนือจากระบายน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ระบายอยู่แล้ว วันละประมาณ 50-60 ล้านคิว มาตั้งแต่ 4 ส.ค.54
      ส่วนเขื่อนภูมิพลปริมาณน้ำอยู่ที่ 75% การระบายน้ำล้นยังไม่ได้ทำ มีแต่ระบายน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าวันละ 20-30 ล้านคิวอยู่แล้ว
      สถานการณ์ขณะนั้นน้ำท่วมยังคงอยู่แถวสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร...คงจำกันได้ 28 ส.ค. 54 ชื่อ "บางระกำโมเดล” มาโผล่เอาตอนนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยไปเยี่ยมเยียนแจกถุงยังชีพแถวนั้น ทัพน้ำยังมาไม่ถึงนครสวรรค์สักเท่าไร ให้บังเอิญเวลานั้นหลังจากนกเตนสลายตัว ไม่มีพายุไหนพัดเข้ามาอีกเลย...รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ พายุเว้นวรรคให้ลืมน้ำท่วมไปได้ถึง 2 เดือน
      วุฒิภาวะตระหนักภัยรับมือน้ำท่วมเลยจืดจาง ปล่อยให้มหาดไทย สิงห์คลองหลอดขยันใช้งบฉุกเฉินซื้อถุงยังชีพแจก รับหน้าสื่อแก้ปัญหา...ส่วนรัฐบาลหันไปให้ความสำคัญเรื่องอื่นที่ใหญ่กว่าแทน
      27 ส.ค. ลดราคาน้ำมัน, 6 ก.ย. ย้ายเลขาธิการ สมช.เพื่อจะได้โยก ผบ.ตร.มานั่งแทนแล้วดันญาติมาเป็นใหญ่ใน สตช., 13 ก.ย. รถยนต์คันแรก, 20 ก.ย. บ้านหลังแรก
      และแล้ววันเวลาหลงละเลิงประชานิยมต้องหยุด เมื่อ 3 พายุก่อตัว อาละวาดในช่วงเวลาไล่ๆ กัน เนสาด (23-30 ก.ย.), ไห่ถาง (24-27 ก.ย.), นาลแก (26 ก.ย.-5 ต.ค.) พร้อมๆ กับน้ำท่าเริ่มรุกเข้านครสวรรค์-อุทัยธานี-ชัยนาท-อ่างทอง-สิงห์บุรี-ลพบุรี-อยุธยา
      5 ต.ค.54 เริ่มมีการระบายน้ำออกจากเขื่อนภูมิพลทางประตูน้ำล้นวันละ 40 ล้านคิว เพิ่มเติมจากที่ระบายเพื่อผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว 60 ล้านคิว เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นมาเป็น 98% ของความจุเต็มอ่าง ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ปริมาณน้ำอยู่ที่ 99% แต่ไม่ระบายน้ำล้น ระบายแค่เพื่อผลิตไฟฟ้าวันละ 60 ล้านคิว
      6 ต.ค. น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร, 7 ต.ค. เทศบาลอโยธยาใจกลางเมืองอยุธยาจมบาดาล...และผู้นำเพิ่งตั้งหลักได้ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง
      8 ต.ค.น้ำทะลักแนวกั้นนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และอีกหลายนิคมอุตสาหกรรมจมน้ำตามมา เพราะเอาอยู่...จนกลายเป็นตำนานให้เล่าขานไปอีกนาน
      พระพิรุณรับจ๊อบ หรือคนมีจ๊อบแต่ทำไม่เป็น...ทั้งที่มีอำนาจเต็มตัวและมีเวลาให้รับมือถึง 2 เดือน
      เมื่อมีปัญญาคิดทำได้เท่านี้...สมควรแล้วที่ต้องโทษผีสางเทวดา
                                                                                       -สกู๊ปหน้า ๑ ไทยรัฐ

http://www.thaipost.net/news/281111/48811
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4589 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 22:41:39 »

"ท่านขุนน้อย" จากไทยโพสตื พูดถึง "รัฐสภา"?? !!!

สวรรค์กระจุก-นรกกระจาย
ท่านขุนน้อย29 พฤศจิกายน 2554 - 00:00

    และแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามแบบที่เคยเป็นๆ กันมา สภาผู้แทนราษฎร ผู้ได้รับมอบอำนาจอธิปไตยมาจากปวงชนชาวไทยทั้งหลาย โหวตลงมติไว้วางใจให้กับ พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก ถึง 273 เสียง ไม่ไว้วางใจ 188 เสียง ประเภทแทงกั๊กตัดสินใจงดออกเสียงซะ 5 ที่เบี้ยวไป-เบี้ยวมา ไม่ยอมมาลงคะแนนอีก 15 ภายใต้ความทุกข์ ความเดือดร้อน ของผู้คนนับเป็นล้านๆ บวก-ลบ-คูณ-หาร ออกมาแล้ว...ก็คงมีค่าเท่ากับตัวเลขต่างๆ ดังที่กล่าวเอาไว้แล้วนั่นเอง...
                             ---------------------------------------------------
    ว่าไปแล้ว...ในทุกๆ ครั้งที่เกิดปัญหา เกิดวิกฤตการณ์ขึ้นมาในบ้าน ในเมือง ตามวิถีทางประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เวทีที่เหมาะสม สอดคล้องที่สุด ในการใช้เป็นที่แลกเปลี่ยน หาทางออก ทางแก้ปัญหา และวิกฤตการณ์นั้น ย่อมหนีไม่พ้นไปจาก เวทีรัฐสภา นั่นเอง แต่อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ มาโดยตลอดนั่นแหละว่า เวทีแห่งนี้ นอกจากจะไม่ได้มีส่วนใดๆ ในการช่วย แก้ปัญหา ซักกี่มากน้อยแล้ว ดีไม่ดี...อาจกลายเป็นเวทีในการ สร้างปัญหา กลายเป็นเวทีแห่งการด่าทอ นินทา โกหก พกลม เถลือกไถล ตะบิดตะแบง โชว์โง่ โชว์ความหน้าด้าน หน้าหนา และอะไรต่อมิอะไรที่เลวทราม ต่ำช้า หยาบสถุล ถ่อย ทราม ยิ่งกว่าหนังเรตเอ็กซ์ เรตอาร์ เรต ฉ. เรต ง. ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
                            ---------------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากไม่มีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ ตลอดช่วงระยะเวลาทุกๆ วินาที แห่งการถ่ายทอดสดรายการประชุมรัฐสภา ในแต่ละครั้ง แต่ละหนแล้ว โอกาสที่ลูกหลานเด็กๆ และเยาวชน จะ เสียหมา หรือเสียผู้เสียคน เติบโตขึ้นมาเป็นคนโกหก ปลิ้นปล้อน หลอกลวง ถ่อยสถุล หยาบทรามต่ำช้า กลายเป็นเยาวชนผู้มีทัศนคติว่า คนโกงที่เก่ง ย่อมดีกว่าคนที่ซื่อสัตย์ สุจริตแต่ไม่เก่ง หรือไม่ฉลาดพอ กันถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่ใครต่อใครเคยสำรวจวิจัยความคิดเห็นเอาไว้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่ง หรือกระทั่งมีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ ก็เถอะ เพราะผู้ปกครองบางรายที่อดใจไม่ไหว หมดเรี่ยว หมดแรง เกินกว่าที่ให้คำชี้แจงใดๆ โดดลุกขึ้นมาถีบทีวีซะดื้อๆ ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกหลานเกิดความสับสน งุนงง เท่านั้น ยังไม่ก่อให้เกิดคำตอบใดๆ ต่อพฤติกรรมอันหยาบช้าสามานย์ ของบรรดาผู้ซึ่งเรียกขานตัวเองว่า สมาชิกผู้ทรงเกียรติ ทั้งหลาย ได้เลยแม้แต่น้อย...
                           ---------------------------------------------------------
    ถึงแม้จะพยายาม ทำใจ ว่า...ผู้แทนราษฎรนั้น คือภาพสะท้อนปวงชน หรือประชาชนเป็นอย่างไร ผู้แทนราษฎรย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แต่ให้ตายเถิด!!!ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ถึงได้ทำให้พ่อ แม่ พี่ น้อง ประชาชนของเกล้ากระผม...ช่างโง่สัตว์ซะเหลือเกิน ผู้แทนราษฎรแต่ละตัว แต่ละเขต แต่ละพื้นที่ มันถึงได้โชว์โง่ โชว์ชั่ว หยาบทราม ถ่อยสถุล น่าสะอิดสะเอียน น่าขยะแขยง ไปได้ถึงปานนั้น และกระทั่งชั่วกันเห็นๆ เลวกันเห็นๆ กลายเป็นตัวการสำคัญในการนำมาซึ่งความทุกข์ ความเดือดร้อน ของปวงชนโดยถ้วนหน้า เจ็บช้ำ ระกำใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่าปวงชนชาวไทยโดยส่วนใหญ่ มักจะเป็นประเภท ไม่เจ็บนอนไม่หลับ มีอาการเสพติดความเจ็บปวด ไม่ต่างอะไรไปจากพวก มาโชคิสต์ กันเป็นจำนวนไม่น้อย...
                               -----------------------------------------------------------
    ไอ้ที่ดีๆ...หรือที่เป็นประชาชนพลเมืองโดยปกติ พอที่จะผลิต ส.ส.ดีๆ ที่มีคุณภาพ มีคุณธรรมอยู่บ้าง ก็อาจจะพอมีให้เห็นอยู่ในบางเขต บางพื้นที่ แต่ดูเหมือนว่า...นับวันมันจะมีจำนวนลดน้อย ถอยลง ไปเรื่อยๆ แต่ไอ้ประเภทที่มาโชคิสต์ เจ็บแล้ว เจ็บเล่า แต่ไม่เคยคิดจะจำ เจ็บแล้วซี้ดซ้าด ออกัสซั่มแบบพลั่กๆๆๆ ดูๆ มันจะแผ่ขยายปริมาณมากขึ้นๆ คล้ายๆ กับการแผ่ขยายอัตราส่วนของความดี-ความเลว ในช่วง กลียุค หรือ กัลกียุค ทำนองนั้น คืออัตราส่วนของความดีลดลงไป เหลืออยู่แค่เพียง 1 ส่วน ขณะอัตราส่วนของความเลว ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3 ส่วน ส่งผลให้พระผู้เป็นเจ้าท่านอดรนทนไม่ไหว ต้องส่ง พระกัลกี ลงมาปราบยุคเข็ญ ชนิดเล่นเอาราบเลี่ยน เตียนโล่งไปทั่วทั้งโลก ทุกๆ สังคม ความ สิ้นยุค หรือการ เปลี่ยนยุค-เปลี่ยนสมัย มันถึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นมาได้จริงๆ...
                                  -------------------------------------------------------------
    แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ในเมื่อ พระกัลกี ท่านยังไม่ได้เสด็จลงมาจริงๆ เราทั้งหลายก็คงต้อง อยู่ๆ กันไป อาศัยระบอบประชาธิปไตย ภายใต้อัตราความดีลดลงไปเหลือแค่ 1 ส่วน ประคับประคองตัวเอง ให้สามารถอยู่ร่วมกับความชั่ว ซึ่งขยายตัวขึ้นไปถึง 3 ส่วนให้จงได้ การเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ ในสภาเที่ยวนี้ ถึงแม้นว่ามันจะไม่สามารถทำให้ความชั่วสูญสลาย หายลงไปได้ง่ายๆ แต่อย่างน้อย...มันก็พอทำให้ภาพของความชั่ว ความเลวทราม ต่ำช้า ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี มันเป็นอะไรที่ชัดเจน แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น ถ้าหากการ อมส้วม อมถุงบริจาค ฯลฯ ชนิดคาปาก ยังเป็นสิ่งที่พ่อ แม่ พี่ น้อง ประชาชนหลายๆ ส่วน ยังพอรับได้ ก็คงต้องขอให้สัตว์โลกทั้งหลาย ผู้เกิดมาร่วมวัฏสงสารเดียวกัน จงมีสุข มีสุข ต่อไปในนรกด้วยเถิด ชาติหน้า ชาติใหม่ ขออย่าได้ตามไปจองเวร จองกรรม เป็นเจ้ากรรม-นายเวรกันอีกต่อไปก็แล้วกัน...
                         ------------------------------------------------------------
    ส่วน ชาติไทย หรือประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลายนั้น เอาเป็นว่า...อย่าถึงกับไป ติดยึด อะไรให้มากมายนัก ในเมื่อกระทั่งชาติ หรือภพ ของตัวเราเองในแต่ละราย พระท่านยังสอนให้รู้จักคลายๆ อย่าไปยึดมั่น ถือมั่น จนกลายเป็น อัตตา หรือเป็นอุปสรรคต่อการไปสู่สุคติ ขัดขวางเส้นทางไปสู่นิพพาน ของปวงสัตว์โลกทั้งหลาย ประเทศไทยในยุคนี้ สมัยนี้ มันก็คงไปได้เท่าที่มันจะเป็นไปนั่นแหละ หรือมันคงต้องเป็นไปตามกฎเหล็กของธรรมชาติ อันว่าด้วย เพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้วแน่ๆ ในเมื่อสัตว์โลกส่วนใหญ่ ยังพึงพอใจที่จะอยู่ในนรกต่อไปตามปกติ การลงทัณฑ์ ในแต่ละขั้น แต่ละตอน ก็คงจะต้องดำเนินต่อไป หมดเรื่องน้ำคราวนี้...ยังมีอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ที่จะคอยเฆี่ยน คอยโบย บรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลาย ให้ยังไงๆ คงต้อง หลาบจำ ขึ้นมาในวันใด-วันหนึ่งจนได้...
                             -----------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก สุภาษิตจีน...ทางไปสวรรค์นั้นกว้าง แต่ไม่ค่อยมีผู้สนใจจะเดิน นรกไม่มีประตู แต่คนส่วนใหญ่มักพยายามเจาะช่องเพื่อจะมุดเข้าไปให้จงได้...
                          ----------------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/291111/48850
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #4590 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 13:07:57 »

สวัสดีค่ะ น้องเหยง
 มาทักทายก่อน
ขออ่านย้อนหลังก่อน แล้วจะมาคุยด้วยค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4591 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 17:03:28 »

สวัสดีครับ พี่'อร

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4592 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 17:08:09 »

เพิ่มกลับมาจากตลาดปากน้ำโพ หูอื้อเพราะรับฟังมาว่า
รัฐบาลจะจัด Big Cleaning Day อีกแล้ว ในทุกจังหวัดที่น้ำเคยท่วมในวันที่ 5 ธ.ค. นี้
ไม่ทราบว่า รวม 8 จังหวัดภาคใต้ด้วยหรือไม่ ??
จัดแล้ว จัดอีก ไม่ทราบว่า งบเยอะหรืออย่างไร ??

 เตือน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4593 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 21:46:28 »

ทำงานแบบนี้ ไม่จมน้ำได้อย่างไร ?? !!!~


'วีระ'รับ'เสงี่ยม'เสียมารยาทเปิดประตูน้ำ/ยันไม่ใช่คน ศปภ.
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2011 เวลา 19:05 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ   
 
 
นายวีระ วงศ์แสงนาค ประธานคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่สาธารณภัยร้ายแรง กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ข้าราชการการเมืองสำนักนายกรัฐมนตรี นำมวลชนไปเปิดประตูคลองพระยาสุเรนทร์จาก 1 เมตรเป็น 1.5 เมตร ว่า ถือเป็นการกระทำที่เสียมารยาทและเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการจะเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มนั้น ควรจะต้องหารือมายังศปภ.ก่อนเพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางศปภ.เองก็ได้หารือกับทางกทม. และทางผู้ว่าฯกทม.ก็ยินดีตกลงให้เปิดประตูระบายน้ำดังกล่าวขึ้น เพียงแต่รอเวลาในการศึกษาผลกระทบเท่านั้น ซึ่งหากพ.ต.ต.เสงี่ยมไม่นำมวลชนไปเปิดก่อนหน้านี้ อีก 2-3 วันก็จะมีการเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว

ส่วนที่มีชาวบ้านอ้างว่าศปภ.มีคำสั่งให้เปิดนั้น ขอยืนยันว่าศปภ.ไม่เคยสั่ง และพ.ต.ต.เสงี่ยมเองก็ไม่เคยเข้ามาพบ ศปภ.เลย รวมถึงไม่เคยทราบด้วยซ้ำว่าพ.ต.ต.เสงี่ยมเป็นข้าราชการการเมืองในสำนักนายกรัฐมนตรี

"ตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่ข้าราชการประจำและไม่ใช่คนจาก ศปภ.อย่างแน่นอน"นายวีระกล่าว

นายวีระกล่าวว่าเมื่อเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์แล้ว คงไม่กลับไปปิดลงอีกครั้ง เพียงแต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะส่งผลกระทบกับพื้นที่ใต้ประตูระบายน้ำหรือไม่ ในเบื้องต้นคาดว่า อาจกระทบบ้างกับบริเวณ ถ.คู้บอน และพื้นที่ใต้ถ.คู้บอนลงไป ซึ่งปัจจุบันน้ำลดวันละประมาณ 2-4 ซม.อาจลดเหลือวันละ 1-3 ซม.เป็นต้น รวมถึงพื้นที่แอ่งกระทะก็อาจจะลดช้าลง อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าน้ำจะไม่เข้าท่วมพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
         
"หากประชาชนในพื้นที่ใด ได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลและศปภ. ก็ขอให้เข้ามาพูดคุยปรึกษากันก่อน ทางศปภ.จะได้เร่งแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน แต่ในขณะนี้ทราบว่า ประตูระบายน้ำหลายแห่งในคลองสายหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขณะนี้ ได้เปิดขยายเพิ่มมากขึ้นแทบจะทุกคลองแล้ว และคงไม่มีปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก"นายวีระกล่าว


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=95358:2011-11-29-12-06-32&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4594 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 21:51:46 »

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 16:19 น.  ข่าวสดออนไลน์
"เสงี่ยม" ซัด กทม.ผิดสัญญา-ยันไม่ผิดนำคนเปิดปตร.คลองพระยาสุเรนทร์

     พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ กทม.ระบุว่าเป็นแกนนำประชาชน ไปอ้างคำสั่งนายกรัฐมนตรีและคำสั่งของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ว่า กทม.พูดคล้ายกับว่าตนไปอ้างการเป็นข้าราชการการเมืองไปแสดงอำนาจในการเปิดประตูระบายน้ำ ซึ่งความจริงคือตนทำในฐานะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะการเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนั้นมีเพียงตำแหน่ง แต่ไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย แม้กระทั่งโต๊ะทำงานก็ยังไม่มี แต่เมื่อประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนมาขอให้ตนช่วยเหลือ ในฐานะประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงก็ต้องดำเนินการ

     พ.ต.ต.เสงี่ยมกล่าวว่า คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 17/2554 นั้นชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ผู้ว่าฯ กทม.เปิดประตูระบายน้ำตามความจำเป็นเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนก็ไปร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งด้วยวาจาให้ผู้ว่าฯกทม.เปิดประตูระบายน้ำ 1 เมตร แต่ผู้ว่าฯ กทม.ไม่ยอมเปิด ซึ่งตนก็เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.นิมิตรใหม่ จากนั้นชาวลำลูกกา จ.ปทุมธานี กว่า 4,000 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมสูงมานานก็ได้ยื่นหนังสือกับ พล.ต.อ.ประชาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนั้น พล.ต.อ.ประชาได้โทรศัพท์สายตรงไปหาผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเสียงของผู้ว่าฯกทม.ได้ลอดผ่านโทรศัพท์ออกมา จนชาวบ้านได้ยินว่าผู้ว่าฯกทม.รับปากจะเปิดประตูระบายน้ำ แต่คล้อยหลังไปก็ไม่มีการเปิดอีก ตนก็ได้ไปขอหนังสือโต้ตอบกรณีดังกล่าวระหว่าง พล.ต.อ.ประชา ที่ได้ทำเป็นหนังสือราชการขอความร่วมมือไปยัง กทม. มาแล้วไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สายไหมอีกครั้ง จากนั้นจึงได้รวมตัวกันไปเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ดังกล่าว

     "หากผู้ว่าฯกทม. เห็นว่าผมทำผิดก็ขอให้ไปฟ้องร้องดำเนินคดีได้เลย ผมพร้อมจะมอบตัวสู้คดี แต่ก็เช่นเดียวกันประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน แม้กระทั่งตู้เย็นหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม อันเนื่องมาจากผู้ว่าฯกทม.ไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำเพื่อให้ได้มีการระบายน้ำก็ขอให้ไปขอสำเนาการลงบันทึกประจำวันของผม ที่ได้ดำเนินการเอาไว้ก่อนหน้านี้ไปฟ้องร้องผู้ว่าฯกทม.ได้เช่นกัน" พ.ต.ต.เสงี่ยมกล่าว

     วันเดียวกัน มีรายงานว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เตรียมแจ้งความพ.ต.ต.เสงี่ยมฐานเปิดประตูน้ำพระยาสุเรนทร์โดยพละการ


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU1qVTFPRFV3TWc9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4595 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 12:26:45 »

ชักจะคุมกันไม่อยู่แล้ว...ใหญ่กันทุกคนเลย ??
ระวัง สนิมเกิดจากเนื้อใน !!


“เสงี่ยม” เอาอีก ลดประตูน้ำพระยาสุเรนทร์เอง เมินผู้ว่าฯ-ศปภ.
30 พฤศจิกายน 2554 09:10 น.

 
       “พ.ต.ต.เสงี่ยม” สั่งลดประตูน้ำพระยาสุเรนทร์เหลือ 97 ซม.อ้างช่วยชาวสายไหม แต่ช่วงสายจะเปิดเป็น 1.50 ม.อีกครั้ง ลั่นไม่สนผู้ว่าฯ กทม.-ศปภ. จ่อเปิดประตูระบายน้ำจุดอื่นด้วย
       
       วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่ประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ล่าสุด ประตูระบายน้ำได้ถูกปรับลดระดับความสูงลงมาอยู่ที่ 97 ซม. จึงทำให้ระดับน้ำด้านเหนือประตูระบายน้ำอยู่ที่ 1.95 ม. ลดลงจากเมื่อวาน 3 ซม. ขณะที่ระดับน้ำด้านท้ายประตูอยู่ที่ 1.75 ซม. ลดลง จากเมื่อวานนี้ 3 ซม.เช่นกัน ซึ่งระดับน้ำทั้ง 2 ฝั่ง ยังคงต่างกันอยู่ที่ 20 ซม.
       
       โดย พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นแกนนำชาวบ้านย่านลำลูกกามาเปิดประตูระบายน้ำ ได้เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ลดระดับบานประตูน้ำลงมาในเวลาตี 02.00 น.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีความเห็นใจชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ด้านใต้ถัดจากประตูระบายน้ำ เช่น สายไหม และสุขาภิบาล 5 โดยในช่วงสายจะกลับมาเปิดประตูระบายน้ำที่ระดับ 1.50 ม.อีกครั้ง โดยย้ำว่าหลังจากนี้ตนจะเป็นผู้กำหนดระดับการเปิดประตูระบายน้ำด้วยตนเอง เนื่องจากเห็นว่า กทม.มีความล้มเหลวในการระบายน้ำ โดยกล่าวว่าตนเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเงา
       
       พ.ต.ต.เสงี่ยมยังกล่าวอีกว่า จากนี้ไปจะไม่ยอมเจรจาทั้ง ศปภ.และ กทม. เนื่องจากเห็นว่าตนมีวุฒิภาวะมากกว่า รวมถึงจะเดินทางออกไปสำรวจประตูระบายน้ำในจุดต่างๆ ว่าหากประเมินแล้วไม่มีผลกระทบ ก็อาจจะทำการเปิดเพิ่ม


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000152410
 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4596 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 12:30:19 »

ผลโพลชาว กทม.ส่วนใหญ่พอใจ “สุขุมพันธุ์” แก้น้ำท่วม
30 พฤศจิกายน 2554 09:39 น.

 
         “กรุงเทพโพลล์” สำรวจประชาชนในพื้นที่ กทม.พบว่า พอใจการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของ “สุขุมพันธุ์” โดยเฉพาะการทุ่มเททำงานและการลงพื้นที่ ขณะเดียวกัน กลับไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถรับมือน้ำท่วมได้หากเกิดวิกฤตในครั้งหน้า อย่างไรก็ตาม หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39 ยังหนุน "สุขุมพันธุ์"
      
       ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “คนกรุงเทพฯ คิดอย่างไร กับการแก้ปัญหาน้ำท่วมของผู้ว่าฯ กทม.” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,188 คน เมื่อวันที่ 25-28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ร้อยละ 54.1 พอใจกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ขณะที่ร้อยละ 45.9 ไม่พอใจ โดยเรื่องที่พอใจมากที่สุด คือ เรื่องความทุ่มเทในการทำงาน และการลงพื้นที่ (ร้อยละ 62.8 ) และเรื่องที่พอใจน้อยที่สุด คือ เรื่องการเตรียมความพร้อมในการรับมือ และความฉับไวในการแก้ปัญหาน้ำท่วม (ร้อยละ 44.7)
      
       ส่วนความเห็นต่อภาพรวมในวิธีการรับมือและการแก้ปัญหาน้ำท่วมของผู้ว่าฯ กทม. พบว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ร้อยละ 62.0 เห็นว่า ทำได้ค่อนข้างดีถึงดีมาก ขณะที่ร้อยละ 38.0 เห็นว่าทำได้ค่อนข้างแย่ถึงแย่มาก
      
       ทั้งนี้ เมื่อถามต่อว่าเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดว่าหากเกิดวิกฤตน้ำท่วมในครั้งหน้า ผู้ว่าฯ กทม.จะสามารถรับมือกับปัญหาน้ำท่วมได้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 59.7 ระบุว่าเชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย และร้อยละ 40.3 ระบุว่าเชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
      
       สำหรับเรื่องที่อยากให้ผู้ว่าฯ กทม.ดำเนินการโดยเร่งด่วนให้คนกรุงเทพฯ หลังปัญหาวิกฤตน้ำท่วมอันดับแรกได้แก่ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบภัยให้ทั่วถึงโดยเร็ว ทั้งเรื่องเงิน และสภาพจิตใจ (ร้อยละ 37.7) รองลงมา คือ เก็บขยะ ทำความสะอาดให้กรุงเทพฯ (ร้อยละ 28.2) และวางแผนเตรียมรับมือและป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในครั้งหน้า เช่นขุดลอกคูคลองเพิ่มขึ้น ทำอุโมงค์ระบายน้ำเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 12.3)
      
       สุดท้ายเมื่อถามว่า “ถ้าวันนี้มีการเลือกตั้ง ท่านจะสนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่” กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 39.3 ระบุว่าจะสนับสนุน ขณะที่ร้อยละ 29.6 ระบุว่าจะไม่สนับสนุน และร้อยละ 31.1 ระบุว่ายังไม่แน่ใจ


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000152421
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4597 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 14:46:32 »

นิคมฯนวนคร-สหรัตนครยังอ่วม น้ำสูงกว่า 1 ม. คนงานไม่รู้อนาคต ชาวบ้านได้ค่าชดเชยแต่เป็นของปี 53
วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 12:46:06 น.
 
 
ระหว่างวันที่ 29-30 พฤศจิกายน โครงการสื่อสารสุขภาวะชุมชนชายขอบ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำสื่อมวลชนลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพบว่า ใน 2 พื้นที่ดังกล่าว ยังมีระดับน้ำท่วมสูงอยู่ไม่ต่ำกว่า 1 เมตร หลายโรงงานยังไม่สามารถเข้าไปกู้กิจการของตัวเองได้ สำหรับในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 400 โรง มีคนงานไม่ต่ำกว่า 170,000 คน มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านบาทนั้น แม้บริเวณภายนอกนิคมอุตสาหกรรมระดับน้ำจะลดลงหมดแล้ว แต่ภายในยังมีน้ำท่วมสูงอยู่ บางจุดยังท่วมสูงถึง 1.5 เมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณทางเข้านิคมอุตสาหกรรมนวนครนั้น ได้มีคนงานจากหลายโรงงาน ได้เดินทางมาถามข่าวคราวสถานภาพและสถานการณ์ภายในโรงงานของตัวเอง โดยส่วนใหญ่ต่างแสดงความกังวลว่า ในอนาคตโรงงานจะเสียหายจนไม่สามารถประกอบการได้อีกต่อไป อาจจะถูกเลิกจ้างได้ ทั้งนี้ มีหลายโรงงานได้แจ้งข่าวคราวแก่พนักงานผ่านเอสเอ็มเอส ในโทรศัพท์มือถือ เช่น ให้เข้าไปช่วยกอบกู้โรงงาน หรือแจ้งว่า ในช่วงที่โรงงานหยุดประกอบการนั้นโรงงานขอจ่ายเงินเดือนไม่เต็มเดือน ซึ่งมีตั้งแต่จ่าย 50-75% หรือบางโรงงานก็ถือโอกาสเลิกจ้างคนงานไปเลย

ระหว่างที่กลุ่มผู้สื่อข่าวกำลังทำข่าวอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนครนั้น ได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง มาจากบ้านปากจั่น ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมอย่างหนัก และจนถึงวันนี้ในบางพื้นที่น้ำยังไม่ลดลงเลย โดยชาวบ้านกลุ่มนี้ใช้เวลาว่างในขณะที่ยังทำงานไม่ได้มารับจ้างทำความสะอาด เก็บขยะโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร โดยชาวบ้านกลุ่มนี้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ทางผู้ใหญ่บ้าน บ้านปากจั่น แจ้งกับชาวบ้านว่า ให้คนที่บ้านถูกน้ำท่วมไปรับเงินค่าชดเชย แต่เมื่อไปรับปรากฏว่าเป็นเงินค่าชดเชยน้ำท่วมตั้งแต่ปี 2553 ไม่ใช่ปี 2554


 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322631991&grpid=00&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4598 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 15:24:57 »

ข่าวการประสบภัยในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีอำเภอเมือง(บางส่วน), นครชัยศรี, พุทธมณฑล, ดอนตูม, กำแพงแสน(บางส่วน), สามพรานและบางเลน ไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลทั้งจากสื่อมวลชน ภาครัฐ เนื่องจากจังหวัดข้างเคียง อาทิ นนทบุรี ปทุมธานี จมน้ำหนักเช่นกัน

มหาอุทกภัย ไร้สัญญาณเตือน ส้มโอสามพราน "โคม่า" ใครต้องรับผิดชอบ!
วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 11:02:33 น.

แม้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำที่เป็นปัญหาอยู่เวลานี้ จะพยายามออกมาให้ข่าวในแง่ดีทั้งปลอบประโลม ปลอบใจ พูดอ้อมไปอ้อมมาให้งง หรือให้ความหวังต่างๆ นานา แต่ความจริงก็คือ...วันนี้ มีคนไทยมากกว่า 1 ล้านคน เดือดร้อนและเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

นอกเหนือจากเรื่องของเทคนิค วิธีการจัดการ และปรากฏการณ์ธรรมชาติแล้ว การสื่อสารให้ชาวบ้านรับรู้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับบ้านเรายังเป็นเรื่องที่อ่อนหัดมากสำหรับการดำเนินการของผู้บริหารประเทศ

หลายพื้นที่อยู่ในชัยภูมิที่สามารถรับมือกับน้ำท่วมได้ไม่ยาก หากมีเวลาเตรียมตัว และรู้เท่าทัน ปัญหาคือ คิดไม่ถึง

หรืออีกนัยคือ "ประมาท"

แหล่งส้มโอพันธุ์ดีที่เป็นผลไม้ส่งออกสำคัญอย่าง อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ตัวอย่างของความประมาทอย่างไม่น่าให้อภัย

น้ำเริ่มจ่อเลียบทุ่งเจ้าพระยาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม กระทั่งมีการตกลงกันว่า จะมีการเบนหรือผันน้ำออกทางฝั่งตะวันตก โดยจะให้น้ำไหลลงทะเลทางแม่น้ำท่าจีน ซึ่งใครๆ ในรัฐบาล ทั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กรมชลประทาน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ฯลฯ ต่างก็รู้ดีว่าพื้นที่ตรงนั้น คือพื้นที่สำคัญที่ชาวบ้านปลูกส้มโอ ขนุน กล้วยไม้ ที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศทุกปี

ส้มโอในพื้นที่นี้ เป็นส้มโอรสเลิศที่สุดในประเทศ ทำรายได้ปีละนับพันล้านบาท

กว่าส้มโอจะโตเต็มที่ เก็บผลกิน หรือขายได้ ต้องใช้เวลาฟูมฟักไม่ต่ำกว่า 5 ปีขึ้นไป บริเวณนี้เป็นพื้นที่ปลูกต้นส้มโอมากกว่าหมื่นไร่ รุ่นปัจจุบันอายุประมาณ 10 ปี

ต้นส้มเหล่านี้ หากปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำนานเป็นเดือน อนาคตของต้นไม้ เจ้าของสวน และผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในวงจรธุรกิจชนิดนี้ต้องดับดิ้นไปพร้อมกับผืนน้ำแน่ๆ

ที่ว่าไม่น่าจะให้อภัยก็คือ ผู้บริหารประเทศไม่มีใครคิดจะเตือน หรือทำอะไรเพื่อให้ชาวบ้าน ชาวสวนบริเวณนี้หาทางรับมือ และป้องกันพื้นที่ทำมาหากินของพวกเขา

จะมีก็เพียงเสียงเล็กๆ ของนักวิชาการบางคนที่เตือน แต่ไม่มีอิทธิพลใดๆ ชาวบ้านชาวสวนต่างเชื่อมั่นกับรัฐบาล กระทั่งเมื่อมวลน้ำเริ่มเข้าใกล้ที่นาที่สวน จึงต่างเร่งหาทางป้องกันพื้นที่ส่วนที่เหลือ

ชาวบ้าน ชาวสวน และส่วนราชการในพื้นที่ทั้งหมดจึงตกลงกันว่า จะต้องช่วยกันสร้างแนวคันกั้นน้ำเพื่อรักษาสวนส้มโอเหล่านี้เอาไว้ภายใต้ชื่อ โครงการ "แผนกู้สวนส้มโอสามพราน เกาะทรงคนอง"

"ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ส้มโอก็ตายหมด เพราะจมน้ำได้ไม่นาน นาทีนี้เราหวังพึ่งใครมากไม่ได้แล้ว ต้องดูแลตัวเอง ต้องหาทางกู้ของเราเอง รอดแค่ 30% ก็พอใจแล้ว แต่ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน อย่างน้อยๆ ก็เก็บรักษาพันธุ์เอาไว้ปลูกใหม่" พูนผล แซ่ซี เจ้าของสวนส้มโอกว่า 10 ไร่ ต.ทรงคนอง บอกแบบปลงๆ

วิธีการช่วยเหลือตัวเองที่ว่าคือ ระดมถุงทราย ทั้งบิ๊กแบ๊ก สมอลแบ๊ก มาทำพนังกั้นน้ำ ล้อมบริเวณถนนในเกาะพื้นที่ 4 ตำบล คือ ต.ทรงคนอง ต.ไร่ขิง ต.ท่าตลาด และ ต.บางเตย รวมพื้นที่ประมาณ 5,000 ไร่ และเป็นพื้นที่เพิ่งถูกน้ำท่วมได้ไม่นาน และมีโอกาสที่ส้มโอและผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ขนุน ฝรั่ง มะนาว มีโอกาสรอดตายสูง (หากน้ำไม่ทะลักเข้ามา)

นักวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเครือข่ายรักษ์แม่น้ำท่าจีน ได้เข้าไปแนะนำให้ชาวสวนตัดผลส้มโอบางส่วนออกจากต้น และติดตั้งปั๊มลมเพื่อเติมออกซิเจนให้รากต้นไม้ เป็นการเพิ่มความแข็งแรงและสร้างภูมิต้านทานให้ต้นส้มโอ รวมทั้งระดมเครื่องสูบน้ำจากคนนอกพื้นที่เพื่อเร่งสูบน้ำออกอย่างเร็วที่สุด

ทุกฝ่ายช่วยกันอย่างสุดกำลัง ความหวังสูงสุดคือ เก็บรักษาพันธุ์ส้มโอ พันธุ์ที่ดีที่สุดในประเทศ ทั้งขาวน้ำผึ้ง ขาวพวง ทองดี ขาวแป้น เอาไว้ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีส้มโอกินกันไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

ถึงตอนนี้ ยังไม่มีเสียงแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหาย และแผนเยียวยาใดๆ กับพื้นที่นี้

ถ้าชาวบ้านในพื้นที่เอาไม่อยู่ ส้มโอและพืชผลไม้ตายยกสวน สูญพันธุ์ไปจากประเทศ นั่นหมายถึง ความเสียหายอย่างใหญ่หลวงที่จะเกิดกับชาวบ้าน ชาวสวน นับพันครัวเรือนในย่านนี้

ทั้งคน และต้นส้ม อยู่ระหว่างการต่อสู้กับภัยพิบัติที่มาเยือน ถ้ามันเกิด "เอาไม่อยู่" ขึ้นมาอีก ใครควรจะรับผิดชอบ!



หน้า 11,มติชนรายวันฉบับวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322539442&grpid=&catid=02&subcatid=0202
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4599 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 16:00:40 »

จาก ไทยโพสต์ ออนไลน์ X-cite

คู่มือจัดการบ้านหลังน้ำลด

เรื่องปก 29 พฤศจิกายน 2554 - 00:00

จัดทำโดยคณะทำงานอาสาสมัคร สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
สมาคมนักออกแบบเรขศิลป์ไทย
วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

คำนำและเป้าหมายของคู่มือ
    คู่มือจัดการบ้านหลังน้ำลดนี้นำเสนอและเรียบเรียงข้อมูลโดยคณะทำงานอาสาสมัครจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดทำภาพกราฟฟิก รูปเล่ม โดยคณะทำงานอาสาสมัครจากสมาคมนักออกแบบเรขศิลป์ไทย และเพิ่มเติมข้อมูลงานส่วนวิศวกรรมโดยคณะทำงานอาสาสมัครจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนที่ประสบภาวะน้ำท่วมบ้าน ว่าจะต้องเตรียมตัวและดำเนินการอย่างไรเมื่อน้ำท่วมได้ลดลงแล้ว โดยจะจัดการกับบ้าน-ทรัพย์สินที่จมน้ำได้อย่างไร
    การเรียบเรียงลำดับหัวข้อในคู่มือนี้จะเริ่มจากเรื่องสำคัญที่สุดไปหาเรื่องสำคัญน้อย เพื่อให้ท่านเจ้าของบ้านสามารถดำเนินการได้ตามลำดับ ทั้งนี้ แนวทางและวิธีการที่ได้นำเสนอไว้นี้เป็นการหลักการเบื้องต้นเพื่อให้ประชาชนสามารถช่วยตนเองได้ แต่ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะจัดการได้ด้วยตนเอง ท่านเจ้าของบ้านจำเป็นที่จะต้องจัดจ้างมืออาชีพที่มีความชำนาญเพื่อมาดำเนินการและแก้ไขปัญหาต่อไป
    ข้อมูลส่วนหนึ่งของคู่มือนี้มาจากหนังสือของอาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ "บ้านหลังน้ำท่วม" รวมทั้งได้ข้อมูลและแนวคิดจากการสอบถามผู้รู้หลายๆ ท่าน และจากสังคมออนไลน์อินเทอร์เน็ต ทั้งในเว็บไซต์ เว็บบอร์ด และเฟซบุ๊ก
    คณะผู้จัดทำหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน สามารถบรรเทาความเดือดร้อน และทำให้ท่านฟันฝ่าอุปสรรคความยากลำบากในครั้งนี้ และครั้งต่อๆ ไปที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไปได้ด้วยดี
    ด้วยความปรารถนาดีจากคณะทำงานอาสาสมัครจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมนักออกแบบเรขศิลป์ไทย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

เตรียมตัวเข้าบ้านหลังน้ำลด
    อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม : อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมไว้เมื่อท่านจะเดินทางไปที่บ้านหลังน้ำลดนั้นประกอบด้วย
      1.รองเท้ายาง ใส่เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าที่อาจจะรั่วในบริเวณพื้นบ้านมาดูดท่านได้
      2.ถุงมือยาง หน้ากากกันฝุ่น ผ้าปิดปาก
      3.ไขควงตรวจสอบไฟฟ้ารั่ว
      4.ไฟฉายหรืออุปกรณ์ส่องสว่างที่ใช้แบตเตอรี่    
      5.อุปกรณ์ทำความสะอาด ไม้กวาดทางมะพร้าว แปรงขัดต่างๆ โดยแนะนำว่าควรใช้แบบพลาสติก ไม่ควรใช้แปรงโลหะ เพราะจะเกิดสนิมจากเศษแปรงที่ถูพื้นแบบแปรงขัด
      6.พลั่วเพื่อใช้โกยขยะและขุดดิน
      7.ที่ตัดโคลนด้ามยาว เพื่อใช้ตักโคลนและเศษขยะจากท่อระบายน้ำ
      8.น้ำยาทำความสะอาดชนิดต่างๆ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค
      9.ถังน้ำ ขันน้ำ
    10.ผ้าแห้ง ผ้าดิบที่ซื้อแบบยกหลาแล้วตัดเป็นแผ่นในขนาดพอดีใช้งาน และกระดาษทิชชูแบบม้วนใหญ่ๆ ไว้เช็ดทำความสะอาด ฯลฯ
    11.สเปรย์ไล่ความชื้น
    12.กระดาษทรายเพื่อขัดสนิม
    13.เครื่องเป่าแห้งแบบใช้แบตเตอรี่ สำหรับการเริ่มต้นก่อนเปิดระบบไฟฟ้าของบ้านและแบบใช้กับไฟฟ้าบ้าน ซึ่งจะใช้เมื่อแน่ใจว่าระบบไฟฟ้าทั้งหมดปลอดภัยในการใช้งานแล้ว
    14.ท่อน้ำขนาดเล็ก เพื่อใช้เป่าไล่น้ำบริเวณพื้นที่เล็กๆ เช่น ในท่อร้อยสายไฟฟ้า และท่อน้ำ เพื่อใช้ต่อท่อน้ำเพื่อฉีดน้ำทำความสะอาด
    15.ไม้ไผ่หรือไม้ลวกยาวๆ เพื่อใช้ทะลวงท่อน้ำทิ้ง
    16.ที่ปั๊มส้วม
    17.เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
    18.เครื่องสูบน้ำแบบพกพา
    19.กล้องถ่ายรูปและหนังสือพิมพ์ฉบับวันปัจจุบัน
    20.ถังขยะพร้อมถุงขยะจำนวนมาก

การดำเนินการ :
    การเข้าไปในบ้านที่น้ำเพิ่งจะลดนั้น แนะนำว่าควรไปแต่เช้า เนื่องจากในช่วงแรกเราอาจจะไม่สามารถเปิดระบบไฟฟ้าแสงสว่างได้ ต้องใช้เวลากู้ระบบช่วงหนึ่ง ถ้าเข้าไปในเวลาช่วงเย็นหรือค่ำ การดำเนินการอาจไม่มีความสะดวกและไม่ปลอดภัย
    สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ถ่ายรูปความเสียหายของบ้าน ให้ถ่ายรูปก่อนดำเนินการแก้ไข เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการร้องขอค่าชดเชยต่างๆ ในภายหลัง ควรถ่ายให้เห็นบ้านเลขที่และหนังสือพิมพ์ที่มีวันที่ปัจจุบัน ถ้ามีร่องรอยงัดแงะจากการโจรกรรมให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยเฉพาะท่านที่ทำประกันโจรกรรมไว้จะเป็นประโยชน์ในการไปเรียกร้องสินไหมทดแทนต่อไป
    ให้ท่านเปิดประตูและหน้าต่างๆ ทุกบานเท่าที่ทำได้ เพื่อให้ความชื้นภายในบ้านระบายออกไปให้เร็วที่สุด
    เรื่องแรกที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากที่สุดและต้องดำเนินการเป็นอย่างแรกคือ การตรวจสอบระบบไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยให้ท่านใส่รองเท้ายาง จะได้ปลอดภัยจากการถูกไฟฟ้าดูดที่อาจมีในบริเวณบ้านและในตัวบ้าน การสัมผัสส่วนต่างๆ ของบ้านที่เป็นโลหะต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก
    เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากไฟฟ้าดูด ไม่ควรเข้าไปในบ้านที่ยังมีน้ำท่วมพื้นบ้านอยู่ ถ้าสามารถทำได้ควรรอจนน้ำลดระดับและพื้นบ้านแห้งเสียก่อน หากยืนอยู่ในน้ำหรือเท้าเปียกน้ำ ต้องไม่สัมผัสอุปกรณไฟฟ้า เปิด-ปิดสะพานไฟ หรือเสียบปลั๊ก หรือเปิด-ปิดสวิตช์ใดๆ ทั้งสิ้น
    ให้ท่านใช้ไขควงตรวจสอบไฟฟ้าแตะบริเวณที่เป็นโลหะต่างๆ เพื่อทดสอบว่ายังมีไฟฟ้าไหลอยู่หรือไม่ จากนั้นให้ไปที่สะพานไฟฟ้าหรือคัตเอาต์หลัก เพื่อตรวจสอบว่าได้ปิดสวิตช์สะพานไฟฟ้าหลักออกแล้วอย่างแน่นอน
    เมื่อท่านแน่ใจแล้วว่าระบบไฟฟ้าทั้งหมดปิดไปหมดแล้ว จึงเริ่มดำเนินการแก้ไขระบบอื่นๆ และทำความสะอาดบ้านต่อไป แต่ให้ระวังถ้าต้องเดินบนพื้นกระเบื้องหรือแผ่นหินขัดมันที่เปียกน้ำ เพราะอาจหกล้มได้
    ในระหว่างทำความสะอาดถ้าต้องรื้อของตามซอกต่างๆ ให้ระวังสัตว์อันตรายที่อาจจะซ่อนตัวในตามลืบเหล่านั้นพุ่งออกมาทำร้ายเราได้ ดังนั้นทุกครั้งที่จะรื้อค้นของตามซอกหรือมุมให้หาไม้ยาวๆ เขี่ยหรือเคาะก่อน และใช้ไฟฉายส่องดูสภาพด้านในก่อนเสมอ เรื่องนี้ให้ปฏิบัติทั้งบริเวณบ้านที่ถูกน้ำท่วมและส่วนของบ้านที่ไม่ถูกน้ำท่วมด้วย.


http://www.thaipost.net/x-cite/291111/48869
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 182 183 [184] 185 186 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><