เหยง 16
|
|
« ตอบ #4450 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 13:19:16 » |
|
ทรงวาดยังไม่รับของ เนื่องจากกลัวน้ำจะท่วมโกดัง แต่พ่อค้ากลับซื้อแพงกว่าทรงวาด เก็งว่าจะกำไร เพราะเชื่อว่าของน้อย แต่ก่อนหน้านี้ นานาพรรณฯ นำเข้ามาจาก Australia มาขายในประเทศ ราคา กก.ละ 30 ต้นๆ แถมเตือนด้วยว่า ราคาจะไม่ดีนัก เพราะของ Aus สวยกว่าของในประเทศ คงต้องติดตามดูอีกสักพักเช่นกัน
อาหารสัตว์นำเข้า ข้าวสาลีเกรดอาหารสัตว์ Australian Feed Wheat 150,000 ตัน เริ่มเข้าชุดแรก 5,000 ตันในช่วงก่อนสิ้นเดืนนี้ และตามมาต้นเดือนหน้าที่หมด CP เบฯ และอีกหลายๆโรงเป็นเจ้าของข้าวสาลีล๊อตนี้
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4451 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 13:24:22 » |
|
ข้อมูลน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ ในวันเสาร์ที่ 19 พ.ย. 2554
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 2,130 ลบ.ม./วินาที (184.0 ล้าน ลบ.ม./วัน) ลดลงจากเมื่อวานนี้ 55 ลบ.ม./วินาที
ระดับน้ำลดลง 11 ซ.ม. โดย 34 วันที่ผ่านมาลดลงสะสม 293 ซ.ม.
รวมวันนี้เป็น 35 วัน ระดับน้ำลดลงทั้งหมด 304 ซ.ม.
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4453 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 13:50:28 » |
|
การตกแต่ง เก็บ-รื้อหินคลุก เป็นไปได้ยากสักนิด เนื่องจากหินคลุกที่แห้งจะแข็งยากแก่การขุด ไม่เหมือนกับหินคลุกที่แช่น้ำ จะหยุนจนกองหินพังลง ดังที่เห็นมาแล้ว
หินคลุกแข็งมาก กองเล็กนิดเดียว แต่ต้องใช้เวลาหลายวันในการสกัดออก โดยให้ทำเฉพาะช่วงเช้าๆ
|
|
|
|
ทราย 16
|
|
« ตอบ #4454 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 15:47:14 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #4455 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 19:11:32 » |
|
สวัสดียามค่ำครับ.... พี่เหยง..พี่ตะวัน..พี่ทราย..พี่ตี๋..น้องหยี และพี่น้องทุกท่าน
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #4456 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 19:13:12 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4457 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 19:59:05 » |
|
อจ. ทราย, แหลม
ขอตอบประเด็นนี้หน่อยครับ เพราะเชื่อว่ามีผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมา และจะมีปัญหาติดตามมาในภายภาคหน้า
ในช่วงประสบภัย นายจ้าง + ลูกจ้าง ต่างก้ประสบภัยด้วยกันทั้งสิ้น แต่นายจ้างบางคน (จำนวนไม่น้อยในแต่ละจังหวัด) ลอยแพลูกจ้าง ด้วยการไม่จ้างค่าจ้าง ในช่วงประสบภัยน้ำ ส่งผลให้ลูกจ้างโดยเฉพาะชาวพม่า ไม่มีรายได้จึงพากันนั่งรถกลับแม่สอด, กาญจนบุรี ออกด่านกลับบ้านที่พม่าไปจำนวนหนึ่ง บางส่วนที่ไม่กลับ ก็ไปร้องเรียนที่ สนง.คุ้มครองแรงงานฯ จนต้องมีการเรียกนายจ้างให้ไปชี้แจง แต่นายจ้างส่วนใหญ่เมินไม่ไป โดยอ้างว่าจมน้ำ ไปไม่ได้ จนท.ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
แต่พอน้ำลด นายจ้างกลับต้องการใช้ลูกจ้างเพื่อเก็บล้างทำความสะอาด รวมทั้งประกอบการค้า เปิดกิจการต่อ จำเป็นต้องอาศัยแรงงาน แต่ไม่ใช้แรงงานคนเดิม กลับใช้วิธีเรียกจ้างแรงงานใหม่จากแรงงานที่อยู่กับนายจ้างรายอื่น ด้วยราคาที่แพงขึ้น เพื่อให้ได้แรงงานมาใช้ โดยลืมไปว่า ส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มนั้น มีจำนวนที่เพิ่มมากและไม่อาจลดราคาลงได้อีก ยกเว้นเบี้ยวค่าแรงลูกจ้างอีกครั้ง ซึ่งการเสนอค่าจ้างที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ลูกจ้างไปใช้ มีผลกระทบต่อระบบการจ้างงานทั้งหมด เพราะรัฐกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องปรับค่าแรงงานเพิ่ม 40% ให้เท่ากันในเดือนเมษายน 2555 และปี 2556 เงินเดือนต้องอยู่ที่วันละ 300 บาท ซึ่งจะทำให้ทุกกิจการปรับตัวทันกับต้นทุนค่าแรงงาน แต่นายจ้างดังกล่าวเพื่อให้ได้ลูกจ้างมาใช้ ปรับขึ้นเงินเดือนเพื่อดึงคนงานจากนายจ้างรายอื่น จึงเป็นการสร้างความปั่นป่วนขึ้นในวงการแรงงาน
อย่างไรก็ตาม มีบริษัท ห้าง ร้าน ที่ยังจ่ายเงินเดือน สวัสดิการ ให้กับลูกจ้างในช่วงที่ประสบภัยน้ำ ทำให้ชีวิตของลูกจ้างไม่ต้องประสบชะตากรรมที่เลวร้ายซ้ำเติม คือ ถูกน้ำท่วมบ้านและทรัพย์สิน ในขณะที่ถูกนายจ้างลอยแพด้วยการไม่จ่ายค่าจ้างให้ ซึ่งคงต้องใช้คำกวีของกวีเอกสุนทรภู่ว่า "..ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา.." ซึ่งน่าจะบรรยายได้ไพเราะ หมดจด จริงๆ
ชีวิตที่ถูกกระทบด้วยน้ำท่วมขัง ทำให้เกิดความลำบากต่อการดำรงชีพ แต่หากยังมีปัจจัยจากค่าจ้างมาหล่อเลี้ยง ก็จะทำให้เขาเหล่านั้นอยู่ได้ และพร้อมที่จะทำงานต่อไป หากโอกาสเปิดหลังน้ำลด
ผมเองติดเกาะ เพราะถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก เสียหายช่วง กม. 7 ถึง กม. 17 น้ำท่วมถนนด้านหน้าประมาณ 70 ซ.ม. ในขณะที่ด้านหลังซึ่งเป็นโกดัง มีน้ำท่วมกว่า 2 เมตร พนักงานขับรถยนต์บรรทุกไม่สามารถขับรถบรรทุกนำสินค้าไปส่งให้คู่ค้าได้ เนื่องจากถนนตัดขาดหลายจุดในหลายจังหวัด ส่วนพนักงานในโกดังซึ่งเป็นคนงานชาวพม่าก็ไม่สามารถทำงานตามปกติได้ เพราะไม่มีสินค้าเข้ามา รวมทั้งรถยนต์บรรทุกไม่สามารถออกวิ่งได้ สินค้าต้องนำใส่รถและนำขึ้นจอดในที่สูงเพื่อหนีน้ำ โดยบางส่วนจมน้ำไปเพราะฝนตกหนัก ระดับน้ำขึ้นเร็ว ผมจึงใช้พวกเขาไปในการกู้สถานการณืเพื่อไม่ให้น้ำเข้าท่วมบ้านพักอาศัยของทุกๆ คน และรอวันน้ำลด โดยช่วงนี้เป็นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม กว่าจะบรรเท่าลงในปลายเดือนตุลาคม ซึ่งน่าจะเป็นช่วงวันที่ 23-24 ตุลาคม ที่ระดับน้ำเริ่มลดลงตามลำดับ โดยช่วงเดือนสิงหาคม-เดือนตุลาคม การจ่ายเงินเดือนเป็นไปตามปกติ แถมยังต้องซื้อข้าวสาร น้ำแจกให้ทุกครอบครัว ไม่รวมถึง มาม่า กาแฟกระป่อง โค๊กลิตร (นับจำนวนไม่ถ้วน-แถมสุราในบางช่วง) เพื่อช่วยกันบรรจุกระสอบทรายกั้นน้ำ โดยเชื่อว่า เมื่อเปิดทำงานได้ รายได้จะคืนมา เราต้องหวงแหนทรัพยากรบุคคลเอาไว้ เพื่อให้งานเดินและสร้างรายได้ในวันหน้า ซึ่งผมก็สามารถทำงานและล่องสินค้าได้เป็นคันรถแรกในวันที่ 8 พฤศจิกายน โดยค่อยๆ ฟื้นฟู-ซ่อมแซมให้เครื่องจักร รถยนต์ ลานตาก ทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่ผมก็ประสบปัยหาครับ เมื่อพบว่ามีคนแปลกหน้ามาที่โกดัง ระบุเลยว่า ขอพบคนพม่า ซึ่งก็คือ ลูกจ้างของผมนั่นเอง ซึ่งในภายหลังลูกจ้างเขามาบอกว่า คนพวกนั้นมาจาก กทม. จะมาจ้างให้ไปทำงานที่กรุงเทพ โดยเพิ่มเงินให้อีกเดือนละ 2,000 บาทจากเงินเดือนที่ผมจ้างอยู่ ซึ่งที่สุดคนงานของผมได้ตอบว่า-ไม่ไป ในขณะอยู่กับผม บ้านมีให้อยู่ ไม่ได้จำกัดการใช้ไฟ น้ำใช้-ใช้จากน้ำบาดาล น้ำดื่ม-ซื้อแบบน้ำกรองบรรจุถัง 20 ลิตรให้ประมาณ 3 ถังต่ออาทิตย์/คน ข้าวสารมีให้ตลอด คนงานสามารถเลี้ยงไก่ชนซึ่งพวกเขาถนัดมาก มีคนมาขอซื้อไปตีเสมอ ตัวหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 500 บาท บางตัวที่ตีชนะมา ขายได้ตัวละ 1-2,000 บาท อาหารเลี้ยงไม่ต้องซื้อเลย เศษข้าวโพดจากในลานตากมีเหลือเฟือ (แต่คนนอกต้องมาขอซื้อไปเลี้ยงไก่ชนในราคา กก.ละ 10 บาท) ลูกๆ ได้ไปโรงเรียนที่ รร.บ้านสระงาม โดยได้ชุดและค่าหนังสือจากผมไปทุกปี หลายคนเก่งเรื่องการจับปลา ตามที่เคยโพสต์ให้ชม ทุกเย็นพวกเขาจะออกหาเขียดมาเกี่ยวเบ็ด เพื่อวางเบ็ดราว ตอนเช้าจะไปกู้เบ็ดล บางคนวางข่ายในช่วงเย็น และกู้ในช่วงเช้า ได้ปลาทั้งกินทั้งไปขายในตลาด ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ บางคนขอพื้นที่ทำคอกเลี้ยงหมูป่า สร้างรายได้พิเศษกันทุกคน แต่หากไปทำงานใน กทม. พื้นที่ไม่มี เลี้ยงไก่-เลี้ยงหมูป่าไม่ได้ ไม่มีปลาให้จับ เงิน 2,000 บาทที่เสนอเพิ่มมา ไม่ได้ทำให้ชีวิตเขาดีไปกว่าการที่อยู่กับผมต่อ แต่เงินจำนวน 2,000 บาทนั้น มันมากระตุ้นให้ผมต้องสู้ราคา นี่เป็นปัญหาขึ้นมาทันที และพบว่า มีการมาหาคนงานจาก กทม. ถึง 2 กลุ่มในช่วงนี้
สำนักงานคุ้มครองแรงงานฯ จังหวัดนครสวรรค์ ได้ประกาศว่า กระทรวงแรงงานจะมีมาตรการชะลอการเลิกจ้างแรงงานจากเหตุนายจ้างประสบอุทกภัย โดยให้ไปยื่นคำร้องเอาไว้ก่อน เงื่อนไขคือ นายจ้างประสบภัยน้ำท่วมจนไม่สามรถประกอบการได้, น้ำท่วมขังเป็นเวลานานกว่า 30 วัน,ในระยะเวลาดังกล่าว นายจ้างต้องจ่ายค่าแรงงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ซึ่งผมมาทราบในภายหลังว่า มีแรงงานไปแจ้งถึงการถูกนายจ้างปฎิเสธการจ่ายค่าจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแรงงามพม่า, ในขณะที่มีแรงงานจำนวนหนึ่งเลือกที่จะเดินทางกลับพม่าทางอำเภอแม่สอด ซึ่งหากบุคคลเหล่านี้จะกลับเข้าเมืองอีกครั้งจะมีภาระค่าใช้จ่ายคนละถึง 15,000 บาททีเดียว ?? กลุ่มบริษัท อาทิ ห้างแฟรรีแลนด์สรรพสินค้า, ห้างวิถีเทพสรรพสินค้า, Tessco, บริษัทขายรถอาทิ Hino, จยย Honda, บริษัทผลิตชุดชั้นใน Triump, ฯลฯ ซึ่งมีพนักงานเกิน 50 คนขึ้นไป ก็จ่ายเงินเดือนให้พนักงาน ซึ่งน้ำท่วมประมาณ 15 วัน - 1 เดือนเศษ สุดแต่ทำเลที่ตั้ง, ในขณะที่ผมมีพนักงานรวม 13 จาก 15 คนที่แจ้งไป และเป็นรายเดียวที่จ่ายด้วยเงินตัวเองที่ไม่ได้เป็นบริษัทจำกัด โดยจ่ายตลอด 2 เดือนเต็มตั้งแต่น้ำเริ่มท่วม ทั้งยังนั่งเรือต่อรถออกมาเพื่อนำเงินไปจ่ายประกันสังคม ทั้ง 2 เดือน
สนง.คุ้มครองแรงงานฯ บอกว่า ได้คัดเลือกสถานประกอบการที่มีแรงงานเกิน 50 คนซึ่งจ่ายเงินเดือนเต็ม และของผมเป็นรายที่ 15 ที่ได้รับคัดเลือกเนื่องจากไม่ได้เป็นบริษัท ห้าง ที่สามารถหักบัญชีตามรูปแบบบริษัทจำกัด และแม้จะมีจำนวนพนักงานน้อยกว่า 50 คนก็ตามครับ
นี่ก็เป็นเหตุของการได้รับเกียรติบัตรในครั้งนี้ โดยส่วนการช่วยเหลือยังเป็นโครงการอยู่ ยังร่างไม่เสร็จ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4458 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 20:04:40 » |
|
ทาง สนง.คุ้มครองแรงงานฯ จังหวัดนครสวรรค์ ได้ถามเช่นกัน ในเมื่อจ่ายเงินเดือนครบ ทำไมต้องไปขอเงินช่วยเหลือ ซึ่งกระทรวงแรงงานจะมอบให้เดือนละ 2,000 บาท รวมไม่เกิน 3 เดือน
ซึ่งผมได้ตอบไปว่า ปกติลูกจ้างยังมีเงินอื่นๆ อีก อาทิ พนักงานขับรถ จะได้รับเบี้ยเลี้ยงอีกวันละ 400 บาทเมื่อขับรถไปส่งสินค้า เงินจำนวนนี้เป็นส่วนที่เขาใช้ไปเพื่อดำรงชีวิตรายวัน ส่วนเงินเดือนจะเก็บ หรือใช้ผ่อนซื้อของ ซึ่งการขาดรายได้ส่วนนี้ไปทำให้พนักงานขับรถหลายคน มีเงินไม่พอส่งค่าซื้อของ ค่าใช้เงินผ่านบัตรเครดิต จึงขอให้รัฐชดชเยในส่วนนี้ให้ ซึ่งเงินจำนวน 2,000 บาท ไม่เกิน 3 เืดือน ไม่มาก แต่ก็เป็นเงินที่มีความสำคัญ
|
|
|
|
ทราย 16
|
|
« ตอบ #4459 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 20:06:42 » |
|
เป็นเกียรติบัตรที่แสดงว่า นายจ้างมีมนุษยธรรม
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4460 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 20:07:48 » |
|
ข่าวนี้เป็นตัวอย่าง......และเชื่อว่ามีข่าวแบบนี้ตามมาแน่นอน.....รถหายที่ ศปภ.ถูกทุกข้อ19 พฤศจิกายน 2554 - 00:00 เรียน กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ขอเรียน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติผ่านหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เรานึกถึงเพลง เอาความทุกข์ไปทิ้งทะเล ของ "ชัชฎาภรณ์ รักษณาเวศ" รองนางสาวไทย ทุกคนที่อยู่ท่ามกลางทะเลทุกข์ ถ้าหากขาดสติแล้วปล่อยให้ล่องลอยไปเรื่อยๆ มองไม่เห็นฟากฝั่งข้างหน้า ท่ามกลางทุกข์ท่วมอกเช่นนี้ ดิฉันและเพื่อนก็หวังหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เป็นที่พึ่ง เพื่อเป็นสื่อกลางให้คนที่ประสบความทุกข์ได้ระบายเป็นถ้อยความอักษร เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และหาทางพ้นทุกข์ น้ำท่วมอกท่วมใจประชาชนด้วยทะเลทุกข์ที่มนุษย์ทำลายธรรมชาติ ทำให้น้ำท่วมประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ และท่วมกรุงเทพฯ กว่า 70% ของพื้นที่ ดิฉัน ปาริชาติ ประคองจิตร์ นักเขียนคอลัมนิสต์นิตยสารสกุลไทยและหญิงไทย, ศิริวรรณ สุขวิเศษ เพื่อนนักเขียนฟรีแลนซ์นิตยสาร Elle รายเดือน และนักเขียนงานรวมเล่ม ขอฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ของการโยนกลองของหน่วยงานรัฐบาล หาผู้รับผิดชอบไม่ได้ ปล่อยให้ชาวประชาชีแก้ไขปัญหากันเอง เสมือนหนึ่งอยู่ในประเทศที่ไร้รัฐอย่างไรอย่างนั้น เราทั้งสองมีบ้านอยู่ย่านฝั่งธนฯ ย่อมหนีไม่พ้นต้องตกอยู่ใต้เมืองบาดาล เรายังต้องเผชิญเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อน้ำท่วมบ้านตัวเองจนอยู่ไม่ได้ แถมเอารถยนต์จำนวน 2 คันไปฝากไว้ที่สนามบินดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. ตามคำเชิญชวนของรัฐบาลที่ประโคมประกาศผ่านทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ รถดิฉันจอดอยู่ที่อาคารคลังสินค้าชั้น 2 ส่วนรถของเพื่อนเป็นรถฮอนด้า ซีวิค รุ่นเตารีด หมายเลข 2ฮ 2067 สีเทาแก่ จอดอยู่ชั้นเดียวกับ ศปภ. โดยมีเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบโบกมือให้เราจอดซ้อนคันได้ เราสองคนมั่นใจว่าอยู่ชั้นเดียวกับ ศปภ. เราปลอดภัยแน่ๆ เรายังเหลือบเห็นยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเมืองไทย กำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่ด้านหน้า แต่ขณะเดียวกันเราก็มีคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่เซ็นบันทึกรับรถหรือมีเอกสารหลักฐานแต่อย่างใด แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบหากรถหาย หรือข้าวของในรถยนต์ถูกโจรกรรมไป อย่างไรก็ตาม เรากลับบ้านเพราะเราจะต้องแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบ้าน ด้วยการวางกระสอบทรายรวมทั้งการก่ออิฐกันน้ำเข้าบ้าน รวมถึงการย้ายข้าวของขึ้นสู่ที่สูง ทั้งหมดนี้เป็นการวางแผนงานล่วงหน้าเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด เมื่อเราได้รับความช่วยเหลือจากพี่สาวและพี่เขยของศิริวรรณ มาจากศรีราชาเข้ามาช่วยกันจัดการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าเราสองคนมีอาการหลังหัก ต้องใช้ยานวดเอวและหลังติดต่อกันหลายวัน ดังนั้น เรื่องที่จะกลับเข้ามาดูรถอีกครั้งหนึ่งก็เลยอยู่เพียงในมโนสำนึกเท่านั้น เพราะเรื่องใหญ่กว่านั้นคือ น้ำท่วมบ้านเราทั้งสองคนในวันเวลาไม่ต่างกัน ดิฉันน้ำท่วมบ้านตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.ตอนเช้ามืด แต่ดิฉันอพยพไปก่อนตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. เนื่องจากต้องพาคุณแม่ผู้สูงอายุออกไปก่อนที่น้ำจะมา ส่วนบ้านเพื่อนนั้นอยู่ในย่านบางแวก หนีน้ำไปอยู่ศรีราชาตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่น้ำเข้าเต็มที่ ทั้งๆ ที่สร้างปราการทุกอย่างไว้อย่างแน่นหนา แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ แล้วน้ำท่วมขนาดนั้นอยู่ลำบากมาก คือสูงเกือบถึงหน้าอก จะอยู่ได้อย่างไรในเมื่อน้ำซึมจากท่อระบายน้ำจนท่วมห้องน้ำ ถ้าตัดสินใจอยู่ต้องใช้ส้วมอวกาศ อีกทั้งการเข้าออกแสนจะลำบากมาก ต้องลุยน้ำเน่าแถมยังเหม็นอีกต่างหาก สำคัญกว่านั้นยังทำงานไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ก็ถูกน้ำท่วมไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เลย แต่ด้วยความเป็นห่วงรถยนต์ทั้งสองคัน เราตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งเพื่อเข้าไปดูรถทั้งสองคันเมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. ด้วยความรู้สึกสองจิตสองใจว่ารถจะยังอยู่หรือเปล่า เมื่อเข้ามาถึงอาคารจอดรถที่อาคารคลังสินค้าแล้วเห็นเจ้าหน้าที่ เราก็ถามว่าจะขึ้นไปดูรถขึ้นไปทางไหนได้ เขาก็แนะนำว่าให้ขึ้นบันไดหลัง เขาทำหน้าที่เฝ้ารถที่พวกคุณจอดกันอยู่ทุกชั้น ทุกวันเขาจะต้องย่ำน้ำเพื่อออกไปซื้ออาหารกลับมาเฝ้าอยู่ที่นี่ วันหนึ่งมีคนมาดูรถ 5-6 ราย แต่ละรายก็ต้องเดินย่ำน้ำเท่าอกเข้ามา ตอนนี้ถือว่าน้ำลดไปบ้างแล้ว เราพบรถของดิฉันแล้วสตาร์ทรถเสียงยังแน่นอยู่...ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่ประการใด จากนั้นเราสองคนก็เดินย่ำน้ำเท่าหน้าอก ไปนำข้าวของทั้งหมดกลับออกมาทั้งๆ ที่หนักมาก ครั้งนี้ทุลักทุเลมาก แล้วมุ่งหน้าต่อไปด้วยความหวังว่าจะไปสตาร์ทรถอีกคันหนึ่ง เมื่อไปถึงสภาพของเราสองคนแสนจะอิดโรยทุลักทุเล เนื่องจากต้องเดินย่ำน้ำแบบทางไกลใช้เวลาชั่วโมงกว่าจะไปถึง ทำให้เจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานจำนวน 4-5 คนหัวเราะขำ ว่ามาจากไหนกันเพราะมีทั้งเชือกลากกันมาแล้วยังถือของแบบพะรุงพะรัง เมื่อเล่าเหตุการณ์ให้ฟังถึงกับหัวเราะก๊าก เมื่อเราทั้งสองเดินไปดูรถยิ่งตกใจเมื่อหารถไม่เจอ ก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่ารถหายไปได้อย่างไร ทางกลุ่มเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานก็บอกว่า สงสัยตำรวจท้องที่ สน.ดอนเมืองจะเป็นผู้ยกรถไป เพราะ ศปภ.เข้ามาตั้ง ทางเจ้าหน้าที่การท่าฯ ก็ไม่สามารถเอารถเข้ามาจอดได้เลย รวมทั้งการดูแลก็เป็นเรื่องของตำรวจท้องที่คือ สน.ดอนเมือง เจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังบอกด้วยว่า ขณะนี้พวกตนก็ถูกทอดทิ้งด้วยไฟฟ้าและน้ำประปาก็ไม่มีใช้ พร้อมกับยืนยันด้วยว่า ถ้าการท่าฯ จะยกรถจะต้องมีการติดต่อเจ้าของรถ รวมทั้งมีการบันทึกข้อความไว้เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ แต่เจ้าหน้าที่การท่าฯ ก็ดูร้อนอกร้อนใจเหมือนกันที่เกิดปัญหารถหาย บางคนขี่จักรยานเพื่อดูรถให้แต่ก็ไม่พบ เราค้นหาเกือบทุกจุดจอดรถบริเวณนั้นก็ไม่เห็นรถฮอนด้าแต่อย่างใด เรามองหาจากด้านบนรถที่จอดจมน้ำมิดหลังคา แต่เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นรถของเพื่อนหรือไม่? เพราะน้ำจมมิดหลังคาขนาดนั้น เราถามเจ้าหน้าที่การท่าฯ อีกว่าจะขอดูโทรทัศน์วงจรปิด ก็ได้รับคำตอบว่า ผ่านมาแล้วเดือนกว่า ลบไปหมดแล้วไม่เหลือให้ดูได้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่การท่าฯ ก็ย้ายไปเหมือนกันเพราะน้ำท่วม เมื่อรู้ว่ารถยนต์หายแน่นอนแล้ว ดิฉันและเพื่อนโทรศัพท์ไปสถานีตำรวจดอนเมืองเพื่อแจ้งความ ตำรวจบอกว่าสถานีตำรวจดอนเมืองน้ำท่วมเหมือนกัน และยืนยันว่าไม่ได้ยกรถมาไว้ที่สถานีตำรวจแน่นอน พร้อมกับโยนกลองไปให้เพื่อนตำรวจด้วยกัน บอกว่าน่าจะเป็นสถานีตำรวจวิภาวดีรังสิต เราก็โทร.กลับไปที่สถานีตำรวจวิภาวดีรังสิต ก็ได้รับคำตอบไม่ต่างกัน เราตัดสินใจใหม่โทร.กลับไปที่สถานีตำรวจดอนเมือง คราวนี้ตำรวจที่รับสายบอกว่า ถ้าอย่างนั้นโทร.ไปที่เบอร์ 08-1840-6676, 08-1840-6676 จะมีผู้รับสายรับแจ้งความ เมื่อโทร.ไป พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ เจ้าของฉายานักสืบสามศพ เป็นที่ครั่นคร้ามขนลุกขนพองของผู้ร้าย และเป็น man of the year เป็นผู้รับสาย ตอบด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า พร้อมจะรับแจ้งความทางโทรศัพท์ จึงได้ให้รายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากนั้นเราติดต่อไปยัง 1111 ต่อ 5 เป็น ศปภ.ที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ก็ได้รับคำตอบแบบปัดความรับผิดชอบว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องรถหาย ขอรับเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำท่วมเท่านั้น เราตัดสินใจโทร.ไปที่ สวพ.91 หมายเลข 1644 สายไม่ว่างและไม่ว่างอยู่หลายครั้ง หมดความเพียรพยายามแล้ว หมุนต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ 0-2515-3000, 0-2515-3000 เบอร์จราจรกลาง ก็ไม่รับสาย เราสองคนได้แต่คิดว่า ตอนนี้ประชาชนน้ำท่วมแล้วยังทุกข์ซ้ำซ้อน น้ำท่วมอกประชาชนแล้วน้ำยังท่วมใจจากการกระทำของรัฐบาล เมื่อนำรถไปจอดยังสถานที่รัฐบาลแนะนำ แล้วเรายังต้องลอยคอเข้ามาดูรถยนต์ของตัวเองโดยไม่มีใครดูแล หรือจัดหาเรือตลอดจนรถทหารพาเข้ามาดูยังสถานที่จอดรถ เรียกว่าทุกอย่างถูกปล่อยเกาะ ไม่มีเอกสารหลักฐานให้เกิดความเชื่อมั่นแต่อย่างใด ทุกวันนี้มีคอมพิวเตอร์ใช้ทำงานเก็บข้อมูลได้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ต้องมีวิธีการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาดและวางแผนอย่างดี ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนที่ประสบภัยต้องถูกลอยคออย่างไม่รู้จบสิ้น เรายังได้เห็นภาพของผู้อพยพจากน้ำท่วมที่ตกค้างอยู่ภายใน ศปภ.แล้วยิ่งรู้สึกสงสารประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ทั้งยากจนด้วย เขาทุกข์แล้วยังต้องทุกข์ซ้ำ เพราะถ้าอพยพไปตามที่รัฐบาลสั่งก็ยิ่งไกลบ้านเขาไปอีก แต่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีไฟฟ้า-น้ำประปาใช้อีก อาหารก็ขาดแคลน เขาอยู่กันอย่างหมดหวังขาดกำลังใจ เรียกได้ว่าหนีเสือปะจระเข้ การเดินทางมาสนามบินดอนเมืองครั้งนี้ เรายังได้เห็นคนที่มีน้ำใจอีกหลายคน หลังจากเราอาศัยนั่งเรือออกไปยังถนนวิภาวดีรังสิตแล้ว ในระหว่างทางเจอคุณต๋อง ขับรถลีมูซีนที่สนามบินสุวรรณภูมิของบริษัทเบนซ์ทองหล่อ เขามีน้ำใจพาเราไปส่งที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกคุ้มครองเขาและครอบครัวตลอดไปสำหรับความมีน้ำใจดี ดึกดื่นคืนนั้นเราไม่สามารถกลับบ้านได้เพราะไม่มีรถเข้าซอยได้ จึงตัดสินใจไปพักเกสต์เฮาส์ย่านบางลำพู ทำตัวเป็นนักท่องเทียวแบ็กแพ็กแบบจำเป็น หาซื้อเสื้อผ้าใหม่เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายที่แสนจะสกปรกมากที่สุดในชีวิต แล้วพักผ่อนดูข่าวน้ำท่วมทางทีวีแล้วกลับบ้านได้วันรุ่งขึ้น หากมีใครรู้เบาะแสเรื่องรถยนต์ฮอนด้า ซีวิก สามารถติดต่อได้ที่ ศิริวรรณ สุขวิเศษ โทร.08-1930-0792, 08-1930-0792 แต่ระหว่างวันที่ 19-23 พ.ย.จะไปปฏิบัติธรรมะที่ต่างจังหวัด หรือจะฝากข้อมูลไว้ที่ดิฉัน ปาริชาติ ประคองจิตร์ โทร.08-1815-8938, 08-1815-8938 ด้วยความเชื่อมั่นในทีมงานหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ปาริชาติ ประคองจิตร์ ตอบ คุณปาริชาติ ปัญหารถยนต์สูญหายที่ ศปภ.ดอนเมือง คงมีเจ้าของรถอีกหลายคนที่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับคุณปาริชาติ ซึ่งยังไม่รู้จะไปตามหารถตัวเองได้ที่ไหน เจ้าหน้าที่ก็โยนกลองกันไปมา ไม่อยากรับผิดชอบ ล่าสุดมีภาพเจ้าหน้าที่ ศปภ.กระทรวงพลังงาน ทำงานหนักทั้งนั่งเล่นเกม เปิดเฟซบุ๊ก แถมยกหูโทรศัพท์ทิ้ง ใครโทร.ไปขอความช่วยเหลือก็ติดต่อไม่ได้ สุดท้ายต้องฝากความหวังไว้กับประชาชนด้วยกันเอง หากใครพบเห็นรถดังกล่าวก็ช่วยแจ้งไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ สามวา สองศอกhttp://www.thaipost.net/news/191111/48342
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4461 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 11:38:10 » |
|
มาสวัสดีในช่วงสายของวันอาทิตร์ที่ 20 พ.ย. ครับ
เมื่อเช้าไฟฟ้าดับ เหตุเพราะต้นไผ่(ลำเดียวจากกอ)ฟาดเข้ากับสายไฟแรงส๔ูงทำให้ไฟฟ้าไปถึงอำเภอโพทะเล จนท.การไฟฟ้าต้องมาตัดต้นไผ่ทิ้ง ก่อนชักฟิวส์เข้าที่ เพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4463 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 11:55:36 » |
|
ผมโทรไปเช็คน้องชายที่นครปฐมแล้ว
บอกว่า อำเภอบางเลนยังหนัก น้ำจากนนทบุรี ปทุมธานี ไหลเข้ามาอีก ถนนเพชรเกษม เข้า กทมง เส้น พุทธมณฑล หรือ เส้นบางแค น้ำยังมาก ยังใช้ไม่ได้
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4464 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 14:54:32 » |
|
ข้อมูลน้ำจังหวัดนครสวรรค์ในวันนี้ (อาทิตย์ที่ 20 พ.ย. 2554)
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 2,070 ลบ.ม./วินาที (หรือ 179 ล้าน ลบ.ม./วัน) ลดลงจากเมื่อวานนี้ 60 ลบ.ม./วินาที
ระดับน้ำลดลงอีก 12 ซ.ม. โดย 35 วันที่ผ่านมาลดลงสะสม 304 ซ.ม.
รวมวันนี้เป็น 36 วัน ระดับน้ำลดลงทั้งสิ้น 316 ซ.ม.หมายเหตุ: กรมชลประทานรายงานว่า เมื่อวานนี้มีฝนตก 2 แห่งคือ อำเภอเมือง สงขลา 20.5 ม.ม. และ อำเภอเมือง สตูล 1.8 มม. ในขณะที่เขื่อนภูมิพล มีน้ำในเขื่อน ร้อยละ 99, เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำในเขื่อน ร้อยละ 99 เขื่อนแควน้อยฯ มีน้ำในเขื่อน ร้อยละ 99 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำในเขื่อน ร้อยละ 128
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4465 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 14:57:42 » |
|
สวัสดีแหลม
วันอาทิตย์ค่อนข้างเงียบเหงาน่ะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4466 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 15:00:22 » |
|
20 - 26 พ.ย. ภาคใต้คลื่อนลมแรง ต้องระมัดระวังครับ..........
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปว่า ในช่วงวันนี้ 20-26 พฤศจิกายน บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา โดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ส่วนภาคอื่นๆ จะมีผลกระทบในวันต่อไป สำหรับมรสุมตะวันออกเเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ข้อควรระวังในช่วงวันที่ 21-25 พฤศจิกายน ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และให้ระวังคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง สำหรับชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่าวตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4467 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 15:43:26 » |
|
ข้อมูลล่าสุดของ ศอส...........ศอส.สรุปน้ำท่วม ปชช.เดือดร้อน 1.8 ล้านครัวเรือน ตาย 602 คนวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:28:38 น. ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) กรุงเทพมหานคร สรุปรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน พบว่า ขณะนี้เหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย 17 จังหวัด กรุงเทพมหานครมีพื้นที่ประสบภัยจำนวน 36 เขต จาก 50 เขต ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 1,800,000 ครัวเรือน รวมยอดผู้เสียชีวิต 602 คน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1321777728&grpid=03&catid=&subcatid=
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4468 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 15:46:48 » |
|
ฟังไว้ครับ....อีก 2 อาทิตย์ การท่องเที่ยวจะดีขึ้น ??ศปภ.ยันน้ำท่วมไม่กระทบสุวรรณภูมิ เชื่อใน 2 สัปดาห์ท่องเที่ยวดีขึ้นวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:27:39 น. นายธงทอง จันทรางศุ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ร่วมกับผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น โดยเชื่อว่าภายในอีก 1-2 สัปดาห์ การท่องเที่ยวจะดีขึ้น หลังหลายประเทศลดระดับคำเตือนการเดินทางมาไทย
นายธงทองกล่าวต่อว่า ส่วนการกู้ท่าอากาศยานดอนเมือง คาดว่าต้องใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจะมีการกันงบประมาณไว้เพื่อการฟื้นฟู ซึ่งหลังระดับน้ำในท่าอากาศยานดอนเมืองลดลง จะเข้าไปสำรวจความเสียหาย โดยเฉพาะในส่วนของรันเวย์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1321777668&grpid=03&catid=00&subcatid=0000
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4469 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 15:49:39 » |
|
ทุกท่าน
ผมงงอีกเรื่องหนึ่ง ในฐานะที่ต้องกอบกู้และฟื้นฟูบ้านและโกดังของตนเอง ในพื้นที่ 18 ไร่ ก็คือ การแถลงข่าวที่ต้องใช้เงินงบประมาณถึง 1,000 ล้านบาท กอบกู้ดอนเมือง
อะไรจะแพงกันขนาดนั้น....กอบกู้เสร็จ เงินส่วนต่างก็ต้องเอาไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าแบบปลัดฯ คนก่อนเป็นแน่ ?? !!
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4470 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 16:09:24 » |
|
มุมชีวิต 'คิดบวกยุคภัยน้ำ' เอาอยู่ - เอาไม่อยู่ ... 'สู้ก็รอด' วันอาทิตย์ ที่ 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น . “มหาอุทกภัย”ที่เกิดขึ้นในไทย มวลน้ำนั้นนอกจากจะสร้างความเสียหายกินบริเวณกว้างแล้ว ยังทำให้กำลังใจของใครหลาย ๆ คนจมดิ่งด้วย อย่างไรก็ตาม แม้หลาย ๆ ภาพชีวิตที่ปรากฏจะสะท้อนว่าใครหลายคนต้องทุกข์ทนกับเหตุการณ์ แต่ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งก็ยังมีอีกหลายชีวิตที่ “คิดบวก-คิดสู้” แม้จะอยู่ในภาวะเสี่ยงที่อาจจะ “เอาไม่อยู่” ก็ตาม... อย่างเช่นชีวิตคนค้าขาย ณ ตลาดนัดสวนจตุจักร กรุงเทพฯ “ก็คิดว่าจะสู้จนวินาทีสุดท้ายนั่นล่ะครับ ถ้ายังทำได้อยู่ เราก็จะยังทำต่อไป” ...เสียงของ กิตติ์ธเนศ จงไกรจักรพงศ์ แห่งร้านต้อยช็อป ซึ่งจำหน่ายหัตถกรรมงานฝีมือรายใหญ่ประจำตลาดนัดสวนจตุจักร บอกกับทีมวิถีชีวิตไว้ในวันที่ข่าวน้ำท่วมในกรุงเทพฯเริ่มลดยังไม่ปรากฏ ในวันที่ความเงียบเหงาเข้าครอบงำแหล่งชอปปิงที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งแห่งนี้ โดยเจ้าของร้านค้ารายนี้บอกว่า โชคยังดีที่หลายเส้นทางที่ใช้ขนส่งสินค้าไม่ถูกน้ำท่วม ทำให้ได้ลูกค้าจากต่างจังหวัดเข้ามาชดเชยแทน อีกทั้งเขาเองก็ยังมีร้านอยู่ที่ภูเก็ตอีกแห่งหนึ่ง สถานการณ์จึงมิใช่ว่าจะเลวร้ายติดลบไปเสียทั้งหมด “เรามันพ่อค้า เราก็ต้องหาวิธีที่จะปรับตัวกับสภาพนี้ให้ได้ ไม่ได้ก็ต้องหาทางให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็มีแต่ตายกับตาย ไม่จมก็เหมือนจม” เป็นเสียงแสดงความเข้มแข็งที่จะฝ่าวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ของพ่อค้ารายนี้ ขณะที่ บำเพ็ญ เกษมสรวล เจ้าของร้านบำเพ็ญ จำหน่ายดอกไม้ประดิษฐ์ ก็ยืนยันไว้ว่า... เมื่อเกิดวิกฤติน้ำท่วม ก็มีแต่ต้องคิดว่าจะต้องเดินหน้า ต่อให้ได้ ก็ยอมรับว่ารู้สึกใจหายที่เห็นสภาพความเงียบเหงาของตลาดนัดแห่งนี้ เพราะตั้งแต่เปิดร้านค้าขายมาตั้งแต่ตลาดนี้เริ่มเปิดตัวใหม่ ๆ ไม่เคยมีครั้งใดที่ตลาดสุดฮิตแห่งนี้จะต้องปิดตัวเองลงเหมือนครั้งนี้ แม้แต่ตอนที่เกิดวิกฤติจากเหตุการณ์ทางการเมือง ตลาดแห่งนี้ก็ไม่เคยหยุด วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้จึงเป็นประวัติศาสตร์ของตลาดแห่งนี้ หากไม่เกิดวิกฤติน้ำท่วม ปลาย ๆ ปีอย่างนี้เป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงทำเงินมากที่สุดของร้าน ลูกค้าจะเร่งสั่งสินค้าเพื่อนำไปสต๊อกไว้ใช้ผลิตชิ้นงานเพื่อจำหน่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้เข้า ทุกอย่างก็จมหายลงไปเกือบครึ่ง “วันนี้ก็เข้ามารับของที่โรงงานส่งมาให้ ก็รู้ว่าไม่น่าจะมีคนมาเดินสักกี่มากน้อย แต่ทำไงได้ ทำแบบนี้มาเกินครึ่งชีวิตแล้ว อยู่บ้านก็เหงา อย่างน้อยมาแล้วก็ยังหยิบจับอะไรได้บ้าง ช่วยดูร้านข้าง ๆ ให้เพื่อนบ้าง นี่บางคนก็เพิ่งโทรฯมาถามว่าร้านเขาเป็นยังไง น้ำท่วมเยอะไหม เราก็บอกไม่ท่วม แต่ไม่มีคน” บำเพ็ญกล่าวไว้ในวันที่ยังไม่มีข่าวเรื่องน้ำในกรุงเทพฯเริ่มลด ด้าน ชิราวุธ จรรยาเลิศ ลูกเขยของบำเพ็ญที่มาช่วยขนของ แพ็กสินค้าบรรจุเพื่อเตรียมนำส่งให้ลูกค้า ก็บอกไว้ในวันเดียวกันว่า... แม้หน้าร้านจะขายไม่ได้เลย แต่ยังโชคดีที่มีลูกค้าประจำที่สั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตมาช่วยไว้บ้าง โดยลูกค้าที่ยังรับสินค้าอยู่ก็มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็เรียกว่ายังพอได้อยู่ อาศัยว่าที่ร้านเป็นร้านขายส่ง มีลูกค้าประจำมาก ก็ทำให้พอจะได้เงินเข้ามาหมุนเวียนจุนเจือบ้าง ไม่งั้นก็คงแย่ เพราะนักท่องเที่ยว ลูกค้าขาจร หายไปเกือบหมด แม้จะมีบางร้านมาเปิดร้านเพื่อค้าขาย แต่เมื่อร้านที่มาเปิดมีน้อย คนก็คงไม่อยากมาเดิน ส่วนที่ร้านเองตอนนี้ก็ต้องมองข้ามช็อตไปถึงปีหน้าแล้ว “หลายอาทิตย์ที่ต้องปิดไป เครียดนะ เพราะลุ้นว่าตกลงจะท่วมไม่ท่วม พอเรารู้ว่าไม่ท่วม เราก็รีบเข้ามาที่ร้านทันที เพราะยังพอมีลูกค้าต้องการสินค้า ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการมองหาสินค้าหรือช่องทางใหม่ ๆ เพื่อให้สินค้ายังเดินต่อไปได้ สินค้าเดินได้เราก็ยังพอจะอยู่ได้ ดีกว่ามานั่งหมดอาลัย ไม่ทำอะไรเลย” ชิราวุธกล่าว ส่วน สุกัญญา จิตรวงศ์ตระกูล ซึ่งจำหน่ายสินค้าประเภทงานประดิษฐ์ ของตกแต่ง ของประดับ บริเวณโครงการ 10 ซอย 13 ก็บอกไว้ในวันที่สถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ยังเชี่ยวกรากน่าห่วงว่า... หวั่นใจเรื่องรายได้ในอนาคตที่อาจจะต้องสะดุดลงถ้าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายในเร็ววัน เพราะนั่นย่อมหมายถึงรายได้หลักที่จะต้องลดน้อยลง ขณะที่รายจ่ายกลับเพิ่มมากขึ้น ๆ ทุกวัน ซึ่งระหว่างที่ยังต้องลุ้น สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการพยายามรับออร์เดอร์จากลูกค้าในต่างจังหวัด หรือในพื้นที่ท่องเที่ยวที่น้ำยังไม่ท่วม รวมถึงพยายามหาลู่ทางการขายให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อทดแทน สลับกับการโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับลูกค้าหลายรายโดยตรง เพื่อยืนยันว่าธุรกิจของที่ร้านยังไม่ได้รับผลกระทบ ยังผลิตชิ้นงานให้ลูกค้าได้เหมือนเดิม ผู้ค้ารายหลังนี้กล่าวอีกว่า... พยายามทำใจยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น สภาพที่แม้ว่าที่ร้านไม่ท่วม แต่ลูกค้าหลายรายท่วม การสั่งสินค้า การรับสินค้า ก็ต้องสะดุด หรือต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย ซึ่งก็เข้าใจ ก็คงได้แต่ให้กำลังใจกันว่า “ต้องสู้!!” ซึ่ง สุกัญญามองว่า วิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ใช่ว่าจะมีแต่ด้านลบไปเสียทั้งหมด ในมุมบวกก็พอมี ซึ่งการที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติใหญ่จากมหาอุทกภัยครั้งนี้ ก็ทำให้ตนเองได้คิดถึงแผนการสำรองเผื่อไว้ในอนาคต หากประวัติศาสตร์จะต้องซ้ำรอยอีก “น้ำท่วมครั้งนี้ก็มีดีอยู่เหมือนกัน ทำให้เราได้มองเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้คิดเป็นมากขึ้น นี่เราก็คงต้องคิดต้องมองข้ามช็อตไปถึงปีหน้าแล้วล่ะว่า เราคงต้องมีแผนธุรกิจ หากกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นอีกครั้งจะได้มีทางเลือก มีทางรอดมากกว่าตอนนี้” เป็นเสียงของคนค้าขาย ณ ตลาดนัดสวนจตุจักร กับเรื่องการ “คิด” เกี่ยวกับ “น้ำท่วม” วิกฤติน้ำท่วม...ทำให้หลาย ๆ คนทุกข์จนไม่อยากคิด แต่ถ้าคิดได้...ถึงน้ำท่วมอีก...ชีวิตก็อาจไม่ทุกข์มาก.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ เรื่อง - ภาพhttp://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=524&contentId=176940
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4471 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 16:13:45 » |
|
ข่าวจาก ที วี Thai PBS 16.00 น. ว่า
เมื่อ 13.00 น. ชาวบ้านจากนนทบุรี ปทุมธานี ไปชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้ กทม. เปิดประตูระบายน้ำทั้งหมดในฝั่งกรุงเทพตะวันตก เพื่อให้น้ำระบายออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อลดปัญหาน้ำขังและเน่าเหม็นมาเป็นเวลานาน แต่ไม่มีข้าราชการผู้ใหญ่อยู่ที่ศาลากลางนนทบุรี
ผู้ว่า กทม. ได้มีหนังสือแจ้งทางจังหวัดนนทบุรีว่า ได้เปิดบานประตูน้ำที่ 0.50 เมตรแล้ว แต่ชาวบ้านต้องการให้เปิดเต็มที่ เพื่อเร่งระบายน้ำเน่าเหม็นออกไป ไม่ใช่กักและค่อยๆระบาย เพื่อป้องกันเขต กทม.ชั้นใน ส่งผลให้การเจรจายังไม่มีข้อยุติจนถึงขณะนี้
|
|
|
|
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์
รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369
|
|
« ตอบ #4472 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 17:54:16 » |
|
|
.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #4473 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 18:04:14 » |
|
เงียบไปนิดหนึ่งครับพี่...
หลายคนคงกำลังเก็บกวาด,ทำความสะอาดบ้าน.. หลังน้ำท่วม
|
|
|
|
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์
รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369
|
|
« ตอบ #4474 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2554, 18:41:01 » |
|
ยังค่ะ บ้านหนูยัง!!
|
.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
|
|
|
|