ทราย 16
|
|
« ตอบ #4325 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 09:33:38 » |
|
เหยง ม้าในวัยนี้สวยกว่าตอนเป็นนิสิตตั้งเยอะแนะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4326 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 09:44:30 » |
|
อจ.ทราย
นี่แหละ ที่โบราณบอก "สวยไม่สร่าง" แถมมีใจเป็นกุศลอยู่ตลอดเวลา โชคดีของคุณชำนาญ RCU & Rx16
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4327 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 09:46:13 » |
|
ข้อมูลน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ในวันศุกร์ที่ 11 พ.ย. 2554
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์วันนี้ 2,630 ลบ.เมตร/วินาที ลดลง 44 ลบ.ม./วินาที
วันนี้ระดับน้ำท่วมลดลงอีก 8 ซ.ม. จากเดิม 26 วันลดลงสะสมแล้ว 202 ซ.ม.
รวมวันนี้เป็น 27 วัน ระดับน้ำลดลง 210 ซ.ม.หมายเหตุ: ณ วันที่ 10 ตุลาคม 54 ซึ่งน้ำไหลเข้าท่วมเขตเทศบาลนครนครสวรรค์นั้น ระดับน้ำท่วมของแม่น้ำน่านอยู่ที่ระดับ 2.68 เมตรเหนือตลิ่ง ระดับน้ำท่วมของแม่น้ำปิงอยู่ที่ระดับ 1.54 เมตรเหนือตลิ่ง เท่ากับขณะนี้ น้ำจากแม่น้ำน่านไหลบ่าเข้าแม่น้ำปิงด้วยและระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่ง(บางจุด) กว่า 2.68 - 2.10 = 0.58 ซ.ม. ซึ่งระดับน้ำ 0.58 ซ.ม. นี้ ยังไหลเข้าท่วมพื้นที่ต่ำได้ และจะไหลกลับลงแม่น้ำเพื่อไหลลงทางใต้ต่อไป
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4328 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 13:42:40 » |
|
เพิ่มเติมครับ.....
กทม.ประกาศแล้ว 32 เขต ประสบภัยน้ำท่วม คงเหลือ 18 เขตที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และคาดว่า 18 เขตดังกล่าวจะรอด หากผ่านวันที่ 15 นี้ไปได้
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4329 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 13:46:30 » |
|
เข้าเมืองปากน้ำโพ เพื่อไปยื่นหนังสือที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เรื่องรายงานผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยมาครับ ส่วนราชการของกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการทราบจำนวนผู้ประกอบการในแต่ละจังหวัดที่ประสบภัย และความช่วยเหลือ ซึ่งผมคาดว่าคงไม่ใช่การช่วยเหลือด้านการเงิน แต่จะเป็นการช่วยเหลือด้านเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคโรงงาน และมาตรการงดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี
รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4330 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 09:35:42 » |
|
เมื่อสักครู่ ฟังนายกฯ ปู-ยิ่งลักษณ์ ออกรายการ ที วี ช่อง 11 ติดใจ 2 เรื่องคือ 1.เงินบริจาคได้มาประมาณ 918 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 603 ล้านบาท คงเหลือ 315 ล้านบาท มอบหมายให้ รมต.เฝ้าถุงยังชีพคือ รองนายกฯ และ รมต.มหาดไทยดูแล ครม.ออกตัวช้ากว่า ช่อง 3 ได้เงินมากกว่าเกือบ 3 เท่าตัว ยังไม่รวมของบริจาคจำนวนมหาศาล แต่กลับใช้จ่ายไวกว่า มากกว่า และไร้ผลงานใช้จ่ายไปกับถุงยังชีพ อุปกรณ์ต่างๆ จนถูกอภิปรายในสภา แพงเกินเหตุ ถึงยังชีพราคาต่ำกว่ามาตรฐาน ของแจกหาย มีการอม ??
2.มีคนตายแล้ว 533 ราย จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว 353 ราย น้ำท่วมกว่า 3 เดือน คนทะยอยตายด้วยน้ำมาตลอด แต่การจ่ายเงินจากส่วนราชการล่าช้ามาก ซ้ำเติมญาติๆ หรือเปล่า หรือมีนอก-มีในอีก ??
หมายเหตุ: ทราบว่า ในระหว่างการขนย้ายผู้ป่วยหนีน้ำตามโรงพยาบาลต่างๆ มีผู้เสียชีวิตทุกโรงพยาบาล ไม่ทราบว่า นำตัวเลขผู้เสียชีวิตตรงนั้นมารวมหรือไม่ ?? หรือต้องการปกปิดตัวเลขในส่วนนี้ ??
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4331 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 09:54:29 » |
|
คำเตือน เรียน ชาวซีมะโด่งและทุกท่าน
น้ำที่ท่วมขังในปีนี้ เน่าเหม็นเร็วมาก เนื่องจากน้ำท่วมขังและผ่านมาหลายจังหวัด ซึ่งกินเวลานานหลายเดือนแล้ว น้ำดังกล่าวจะกัดเท้ารุนแรง รวมทั้งมีผลต่อเล็บเท้าด้วย ขนาดผมเอง เล็บเท้ายังค่อยๆ หลุดครับ ยาทาน้ำกัดเท้าเพียงอย่างเดียว เช่น Whitfield Ointment, ยาแดง เอาไม่อยู่ อาจมีอาการคันเท้าตามมา ต้องใช้ยาที่มี Stearoid (ยาแก้อาการแพ้เช่น เพรดนิโซโลน ฯ) ประกอบอยู่ด้วย ขึงจะเอาอยู่ครับ ท่านที่เดินลุยน้ำ แล้วพบว่ามีอาการปวดแสบปวดร้อน และคันที่เท้า ซอกหรือง่ามเท้า เป็นอาการตามที่ผมบอกครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4332 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 09:58:51 » |
|
แผนที่ทหารเผยกทม.16 เขต รอดน้ำท่วม 12 พฤศจิกายน 2554 01:58 น. แผนที่ของกรมแผนที่ทหาร ระบุมีมวลน้ำขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าหาถ.พระราม 2 อีกทั้งยังมีมวลน้ำหลายเส้นทางทั้งเล็กและใหญ่ มุ่งสู่ "นิคมบางชัน - ลาดกระบัง" อีกด้วย ส่วนกทม.ที่น้ำไม่ผ่าน โอกาสรอดสูงมาก ได้แก่เขต "บางซื่อ ดุสิต วังทองหลาง ห้วยขวาง ราชเทวี ปทุมวัน บางรัก สาทร ห้วยขวาง วัฒนา คลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา คลองสาน พระโขนง บางนา" วันนี้ 12 พ.ย. เมื่อเวลา 00.05น. ทาง "เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ" ได้ระบุว่า แผนที่ของ"กรมแผนที่ทหาร "ประกอบด้วยข้อมูลจาก 2 หน่วยงาน คือ ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำที่กำลังท่วม เป็นข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กับข้อมูลความสูงภูมิประเทศ และข้อมูลแผนที่กรุงเทพฯของกรมแผนที่ทหาร แผนที่ฉบับนี้เป็นการนำข้อมูลน้ำล่าสุดมาทาบซ้อนกับข้อมูลที่กรมแผนที่ทหารมีอยู่ เพื่อประเมินทิศทางน้ำว่าจะไหลไปทางไหน โดยแบ่งน้ำไหลลูกศรขนาดใหญ่ แสดงถึงมวลน้ำใหญ่ และลดระดับกันไปตามปริมาณน้ำ ขณะที่สีฟ้าคือพื้นที่น้ำท่วมขัง จากแผนที่อัพเดท 11 พ.ย.พบว่าถนนพระรามสอง มีมวลน้ำขนาดใหญ่ไหลพุ่งตรงเข้ามา สองทิศทาง มาจากทั้งบางแค และหนองแขม ขณะเดียวกันยังมีน้ำก้อนใหญ่จากภาษีเจริญ จอมทอง มุ่งตรงสู่ดาวคะนอง ขณะที่ทางฝั่งตะวันออกของเจ้าพระยา คาดว่าจะมีมวลน้ำที่ผ่าน ศปภ.มาแล้วอาจจะไหลเข้ามาถึงคลองสามเสน ขณะเดียวกันจะมีน้ำจากลาดพร้าว และ บึงกุ่มมุ่งสู่เดอะมอลล์บางกะปิ นอกจากนั้น ยังคาดว่าอาจจะมีน้ำไหลมุ่งสู่มังคลาอีกด้วย รายงานข่าวแจ้งว่า ระบบระบายน้ำบริเวณมังคลาและถนนรามคำแหงในปีนี้ มีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถดึงเข้าสู่อุโมงค์ยักษ์ที่พระราม9 จึงทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า แม้น้ำจะไหลเข้าสู่รามคำแหง แต่โอกาสท่วมจะน้อยเพราะระบบระบายน้ำ มีประสิทธิภาพ ส่วนสถานการณ์ 2 นิคมอุตสาหกรรม บางชันและลาดกระบัง หากพิจารณาจากแผนที่ทหารแล้ว พบว่ามีมวลน้ำหลายเส้นทางทั้งเล็กและใหญ่ มุ่งสู่ 2 นิคมฯดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากแผนที่เส้นทางน้ำ จะพบว่ากทม.ชั้นในหลายเขตที่คาดว่าน้ำจะไม่ไหลผ่าน ซึ่งนั้นเท่ากับว่าโอกาสรอดน้ำท่วมมีสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น เขตบางซื่อ ดุสิต วังทองหลาง ห้วยขวาง ราชเทวี ปทุมวัน บางรัก สาทร ห้วยขวาง วัฒนา คลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา คลองสาน พระโขนง บางนา ดาวน์โหลดแผนที่... http://www.rtsd.mi.th/index.phpจาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000144366
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4333 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 10:03:40 » |
|
Home Breaking News ภาพข่าว 'เทพไท'เสนอสร้างแม่น้ำสายใหม่จากปากน้ำโพถึงบางบ่อช่วยระบายน้ำลงทะเล 'เทพไท'เสนอสร้างแม่น้ำสายใหม่จากปากน้ำโพถึงบางบ่อช่วยระบายน้ำลงทะเล วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2011 เวลา 16:05 น. ช่างภาพกองบรรณาธิการ ที่อาคารรัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่รัฐบาลพนายามแก้ไขปัญหาแต่ว่ายังไม่เสนอแนวทางทีเป็นรูปธรรม มีการพยายามตั้งคณะกรรมการชุดตางๆเพื่อที่จะหาทางออกให้กับสังคมและต้องการซื้อเวลาออกไป ในส่วนของตนเป็นเรื่องใหญ่ที่จะให้รัฐบาลได้พิจารณาถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน แม้ว่าจะทำในลักษณะเมกะโปรเจกต์ก็ตาม โดยตนขอเสนอเมกะโปรเจกต์ขุดแม่น้ำสายใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นเส้นทางระบายน้ำจากปากน้ำโพผ่านจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี อยุธยาและปทุมธานีลงมาถึงอ่าวไทยที่อ.บางบ่อหรืออ.บางปะกง ระยะทางทั้งหมด 300 กิโลเมตร โดยเป็นเส้นทางตรง ซึ่งความกว้างของแม่น้ำสายใหม่จะมีความกว้าง 1 กิโลเมตรโดยระยะความกว้างของการขุดคลองเพื่อให้น้ำไหลผ่านนั้น 300 เมตร ส่วนฝั่ง 2 ข้างก็จะใช้เป็นถนนมอเตอร์เวย์ความกว้างฝั่งละ 350 เมตร ซึ่งจะเสนอให้รัฐบาลจัดเวนคืนเพื่อพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อเอาทุนคืนจาการที่รัฐลงทุนสร้างแม่น้ำสายใหม่ขึ้นมา ทั้งนี้การขุดแม่น้ำสายใหม่งบลงทุนคำนวณแล้วระยะทาง 1 กิโลเมตรต่อเงิน 2 พันล้าน รวมระยะทางทั้งหมดต้องใช้งบประมาณ 600,000 ล้าน ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ตนคิดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุด และจะแก้ปัญหาน้ำท่วมในทันที นอกจากนี้ นายเทพไทได้นำแผนที่ดาวเทียมที่ระบุถึงปริมาณน้ำและเส้นทางแม่น้ำสายใหม่ที่นายเทพไทเสนอมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย โดยนายเทพไท กล่าวว่า ถ้าหากมีการขุดแม่น้ำสายใหม่ตามเส้นทางที่ตนระบุจะทำให้น้ำจากตอนบนของประเทศลงสู่อ่าวไทยได้โดยเร็ว ถือเป็นการแก้ปัญหาภาคกลางทั้งหมดและภาคตะวันออกของกทม.เช่น หนอกจอก คลองสามวา มีนบุรี ซึ่งตนยังได้คำนวณแล้วว่าแม่น้ำสายใหม่สามารถรับน้ำได้ถึง 2,100 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนปริมาณน้ำในปัจจุบันที่อยู่เหนือเขตกทม.มีประมาณ 10,000 ล้านลูกบาศ์กเมตร ระบายได้เพียงวันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการระบายถึง 100 วัน แต่ถ้ามีแม่น้ำเส้นนี้ขึ้นมาก็สามารถจะแก้ได้เพียง 1 เดือน “ถามวาการขุดแม่น้ำสายใหม่ได้อะไรบ้าง 1.มีการสร้างงานอย่างมหาศาลของประเทศ 2.เราได้แม่น้ำสายใหม่ 1 สายเพื่อที่จะระบายน้ำท่วมได้ทันท่วงทีซึ่งในทางเทคนิคยังสามารถทำประตูปิดเปิดได้ 3.มีช่องทางในการขนส่งทางน้ำจากท่าเรือปากน้ำโพไปสู่อ่าวไทย ซึ่งที่ผ่านมาการขนส่งผ่านแม่น้ำจ้ำพระยามีความเสียเวลาเพราะแม้น้ำเจ้าพระยามีความคดเขี้ยว 4.เมื่อขุดคลองกว้าง 300 เมตร ก็จะมีถนนมอเตอร์เวย์เป็นคันกันน้ำจากนครสวรรค์ถึงกทม.5.สองข้างทางมอเตอร์เวย์เราก็จะได้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกิดผังเมืองใหม่ขึ้นมา 6.เราจะได้ระบบชลประทานในภาคกลางทั้งหมดนั้นก็คือ ทุกคลองที่เชื่อมแม่น้ำสายใหม่เราก็ทำประตูเปิดปิดน้ำเพื่อที่จะทำระบบชลประทานเพื่อการเพาะปลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคกลางที่ต้องทำนา 7.เราจะได้แหล่งน้ำไว้อุปโภคบริโภคโดยเฉพาะแหล่งน้ำที่เก็บไว้ทำน้ำประปา”นายเทพไท นายเทพไท กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าควรทำเป็นวาระแห่งชาติเป็นเมกะโปรเจกต์ ตนจึงนำเรื่องนี้เสนอต่อสังคม หากรัฐบาลใจกว้างนำเรื่องนี้ไปศึกษาตนคิดว่าดีกว่าที่จะไปคิดเรื่องตั้งกระทรวงน้ำ หรือคิดเรื่องนำกรมชลประทานไปอยู่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯเพราะไม่พอใจนายบรรหาร ศิลปะอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ยั่งยื
|
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4337 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 12:19:42 » |
|
ร้าน 7-11 บริเวณหน้าโรงหนังศรีไกรลาศ ถนนโกสีย์ ซึ่งถูกเรือชนกระจกแตก และเข้าไปกวาดเอาเหล้า-บุหรี่ไป ก่อนที่จะมีชาวบ้านมาซ้ำเติมด้วยการขนของอื่นๆ ออกไปจนหมดร้าน ร้านยังต้องปิดรอ จนท.ตร. ประกันภัย ก่อนจะเริ่มซ่อมแซมเพื่อเปิดทำการต่อ ในภาพ-ต้องใช้ไม้อัดตอกปิดแทนกระจกที่แตกไปหลายบาน
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4338 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 12:21:55 » |
|
บ้านหลายหลัง ยังปิดตายอยู่ เนื่องจากเจ้าของยังไม่กลับเข้ามา หลังจากหนีตายจากระดับน้ำที่สูงถึง 1.90 เมตร ที่ไหลทะลักเข้าท่วมเมืองในเช้าวันที่ 10 ตุลาคม 2554
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4339 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 12:23:43 » |
|
รวมไปถึง "ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ซอยวัดดงมูลเหล็ก" แม่ยกใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรและ ASTV
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4341 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 12:34:29 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4342 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 12:39:19 » |
|
เครื่องสูบน้ำยังคงทำงานอยู่อย่างไม่ยอมหยุด แม้จะรับน้ำจะลดลงไปกว่า 2.10 ซ.ม.แล้วก็ตาม เนื่องจากในเขตเทศบาลยังมีบางพื้นที่อยู่ในแอ่งกระทะ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังสามารถไหลกลับเข้ามาท่วมได้เป็นบางที่
เครื่องสูบน้ำแรงสูงด้วยไฟฟ้า ใต้ถนนริมเขื่อน พ่นน้ำที่สูบออกมาตลอดเวลา เครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว ใช้น้ำมันดีเซล ที่สูบน้ำซึ่งไหลมาจากอุทยานสวรรค์พ่นออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
|
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4346 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 19:26:28 » |
|
จาก นสพ. ไทยโพสต์ ออนไลน์ ครับ......... คณะกรรมการยากันยุง???ท่านขุนน้อย 10 พฤศจิกายน 2554 - 00:00 แม้นว่า ณ ขณะปัจจุบัน...น้ำยังคงไหลท่วมพลั่กๆๆ จากข้อเท้าลามไปจนมิดหัว แต่รัฐบาลคุณน้อง ปู-ยิ่งลักษณ์ ดันหันไปยิงสลุต เคาะกะลา เปิดตัว คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย หรือ กยอ.ขึ้นมาแทนที่ ทั้งๆ ที่ในช่วงระยะเวลาเช่นนี้ มันน่าจะตั้ง คณะกรรมการควบคุม หาวิธี ยับยั้ง การใช้อำนาจในทางที่ผิดพลาด ล้มเหลว (ส่วนจะใช้ตัวย่อว่าอะไรคงต้องไปคิดกันเอาเอง) ซะมากกว่า!!! ------------------------------------------------------ อย่างที่ท่านอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า ระหว่างหน้าข้าว-หน้าเหล้าเช่นนี้ มันควรทุ่มเทสมาธิไปกับการขจัด ปัดเป่า ความทุกข์ ความเดือดร้อน ของราษฎรกันให้หนักๆ แค่ทำยังไงจะไม่ทำให้ประชาชน หันมาตีกันเอง ระหว่างพนังกั้นน้ำ ประตูน้ำ ในแต่ละด้าน แต่ละข้าง ทำยังไงถึงจะทำให้ผู้ที่ต้องติดเกาะ ถูกลอยแพ อยู่ตามหมู่บ้าน ตำบลต่างๆ มีโอกาสได้รับประทานอาหารครบวันละ 3 มื้อ ได้นมผงไว้ป้อนลูกซักกระป๋อง ครึ่งกระป๋อง ฯลฯ แค่นี้รัฐบาลทั้งรัฐบาลยังทำไม่ได้ ต้องปล่อยให้ภาคเอกชน และผู้มีจิตอาสาต่างๆ ต้องลุยคลื่น ฝ่าฟันกระแสน้ำ บุกเข้าไปช่วยเหลือ เยียวยาราษฎร โดยลำพัง ปรากฏเป็นภาพข่าวอยู่ในโทรทัศน์-ทีวี ช่องแล้ว ช่องเล่า... ------------------------------------------------------ ด้วยเหตุนี้...การตั้งคณะกรรมการ กยอ. หรือ คณะกรรมการยากันยุง อะไรก็แล้วแต่ เอาเข้าจริงๆ แล้ว มันก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการกางมุ้ง การทายากันยุงเคลือบผิว เพื่อป้องกันการรบกวนจากเสียงก่นด่า โจมตี ที่ทำให้รัฐบาลเกิดอาการแสบๆ คันๆ หนักขึ้นๆ ทุกที และแค่คนอย่าง ด็อกเตอร์โกร่ง รายเดียวเท่านั้น...จะไปทำอะไรได้!!! ระดับเคยทำธนาคารเจ๊งมากับมือตัวเองแท้ๆ จะไปมัวคิดฝันถึง การทำให้อนาคตของประเทศไทยในอีก 5 ปี 6 ปี ข้างหน้า สุขสบาย สำเร็จ เรียบร้อย ชนิด จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ชั่วกัลปาวสาน อันนี้...ต้องเรียกว่า แมงโม้ บินว่อนหนัก ซะยิ่งกว่าการขายฝันว่าด้วย โครงการรถคันแรก บ้านหลังแรก จำนำข้าว รูดปรื๊ดๆ ฯลฯ ที่ต่างพังพินาศ ฉิบหาย ไปเกลี้ยงแล้วเป็นแถบๆ... ----------------------------------------------------- แต่ที่สำคัญเอามากๆ ชนิดต้องสะดุ้ง ผวา เอาไว้ก่อนล่วงหน้า...นั่นก็คือ คำพูดของประธาน กยอ.ที่ระบุว่า จะลงทุนเท่าไหร่ก็ต้องทำ...ต้องยอม อันนี้นี่แหละ ที่คงต้องเร่งจับตาแบบมิอาจกะพริบตาได้เลย เพราะแค่ขนาดการลงทุนซื้อถุงยังชีพ ให้กับราษฎร แค่ไม่กี่บาท กี่สตางค์ ไม่ว่า มาม่า ปลากระป๋อง ฯลฯ มันยังหายไปแล้วไม่รู้กี่ห่อ ต่อกี่ห่อ แล้วถ้าหากต้องลงทุนระดับ 8 แสนล้าน 9 แสนล้าน หรือล้านล้านบาท อะไรมันจะหายไปอีก ซักกี่หมื่นกี่แสนล้านก็ยังไม่รู้ แล้วจะไปถามหา ความโปร่งใส เอาจากใคร??? ในเมื่อกลไกอำนาจทุกชนิด มันกำลังถูกทำให้รวมศูนย์ขึ้นตรงต่อรัฐบาลแทบทั้งหมด ไม่ว่านิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ โดยมี รัฐตำรวจ เป็นตัวช่วยเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างให้ซะอีกต่างหาก... ---------------------------------------------------- ยิ่งมีการคิดจะจัดซื้อ จัดจ้าง ว่าจ้าง ที่ปรึกษาต่างชาติ มาช่วยฟื้นฟู ดูแล อนาคตประเทศไทยด้วยซะอีก...ยิ่งน่าจะหนักหนาสาหัสเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าเป็นที่ปรึกษาดูไบ ที่ปรึกษาซาอุฯ ที่ปรึกษามาเฟียรัสเซีย ฯลฯ ซึ่งออกจะสนิทชิดใกล้กับหนึ่งในคณะกรรมการ กยอ. อย่าง พันศักดิ์ ด้วยแล้ว อันนี้...คงเท่ากับ ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย มีโอกาสบรรลุเป้าหมายได้ แบบฉับพลัน-ทันที การพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส หรือพลิกความฉิบหายของผู้อื่น เป็นกำไรของตัวเองและพรรคพวก อาจทำให้อนาคตของประเทศไทย เปลี่ยนแปลงไปแบบ ชั่วกัลปาวสาน อย่างที่ประธานคณะกรรมการยากันยุงว่าเอาไว้จริงๆ คือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน นั่นเอง... -------------------------------------------------------- อันที่จริง...ถ้าจะว่ากันแบบ ประชาธิปไตยญี่ปุ่น ดังที่เคยกล่าวๆ ไปแล้ว แทบไม่ต้องเสียเวลาให้คณะกรรมการยากันยุง เดินทางไปสอบถามความเห็นของชาวญี่ปุ่นเอาเลยว่า...จะให้ประเทศไทยทำอย่างไร ไม่ต้องไปเจอคาดังเรนมิติ หรือแม้แต่ยากูซ่าเอาเลยก็ได้ แค่นำเอา วิถีทางบูชิโด มาเปิดอ่านไปซักหน้า สองหน้า คงพบคำตอบได้ไม่ยากว่า...อันดับแรก ที่ผู้มีอำนาจ รับผิดชอบ พึงกระทำโดยทันที เพื่อรักษาเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความเชื่อ ความศรัทธา ตามแบบฉบับซามูไร นั่นก็คือ...ต้อง ฮาราคีรี ลงทุนคว้านท้องตัวเองกันก่อนเป็นอันดับแรก หรือตัวรัฐบาล ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการยากันยุงขึ้นมากลบเกลื่อน เบี่ยงเบนความผิดพลาดล้มเหลวของตัวเอง ควรจะต้อง ลาออก แบบที่รัฐบาลญี่ปุ่นเคยกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เมื่อครั้ง สึนามิ ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนัก... ---------------------------------------------------------- แต่การที่รัฐบาลคุณน้อง ปู-ยิ่งลักษณ์ เลือกที่จะกรีดน้ำตาร้องไห้ แทนที่จะคิดคว้านท้องตัวเองแล้ว ยังดันแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลบเกลื่อนความผิดพลาด ล้มเหลว ของตัวเอง นอกจากเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน กับวิถีทางซามูไรหรือประชาธิปไตยแบบญี่ปุ่นแล้ว ยังทำให้วิถีทางแบบลิเกไทยๆ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ดูเสื่อมค่า เสื่อมราศี หนักเข้าไปใหญ่ แถมยังคิดลากยาว กะจะฟื้นฟู ดูแลประเทศไทยต่อไปในอนาคต อีก 5 ปี 6 ปี หรือ ตลอดชั่วกัลปาวสาน อีกต่างหาก อันนี้...น่าจะไปถามลิเก บุญยัง สั่งจิต ดีกว่าไปถามซามูไรญี่ปุ่น น่าจะได้คำตอบชัดเจนยิ่งกว่าหลายต่อหลายเท่า ส่วน บุญยัง สั่งจิต จะตอบว่าอะไรนั้น...คงต้องไปคิดกันเอาเองอีกเช่นเคย... ---------------------------------------------------------- สรุปรวมความแล้ว...เมื่อมาถึงขั้นนี้ อย่ามัวไปคิดดิ้น คิดเถลือกเถือกไถ ให้ต้องปวดหัว ปวดประสาท อีกต่อไปเลย สำหรับท่านนายกฯ คุณน้อง ปู-ยิ่งลักษณ์ นั้น...ท่านหมดแล้ว!!! หมดสภาพที่จะเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ให้พี่ชายกระทำย่ำยี เพื่อสนองความต้องการของตัวเองอีกต่อไป ถ้าหากไม่คิดจะเปลี่ยนเครื่องมือใหม่ ก็เท่ากับ ฆ่าน้อง เราดีๆ นี่เอง ส่วนบรรดาพรรคพวก บริวาร ที่ผลัดเปลี่ยนหน้าตาจากแถวหนึ่ง ขึ้นมาสู่แถวสอง ไปๆ มาๆ มันคงเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้อง ขายเพื่อน ไปเป็นรายๆ อีกนั่นแหละ และในเมื่อกระทั่งน้องแท้ๆ ยังฆ่าได้ เพื่อนแท้ๆ ยังขายได้ จะหาใครคบค้า เชื่อถือ ศรัทธา อย่างที่เคยเป็นมา มันคงหาได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่บรรดาไพร่แท้ หรือแดงแท้ แดงเทียมทั้งหลายก็เถอะ จู่ๆ ดันไปคว้า อำมาตย์แท้ มาเป็นที่ปรึกษาซะเฉยเลย!!! อันนี้...ต้องเรียกว่าหลอกรับประทานกันเห็นๆ... ------------------------------------------------------------ ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก สุภาษิตญี่ปุ่น...อะตามะ คาคูชิเตะ ชิริ คาคูซาสุ (Atama kakushite Shiri kakusazu) ไก่ฟ้าพยายามซ่อนหัว...แต่หางโผล่ ---------------------------------------------------------- http://www.thaipost.net/news/101111/47901
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4347 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 19:39:21 » |
|
รู้ไว้ใช่ว่าครับ.......คอลัมม์ของคุณเปลว สีเงินยูเรเนียนกับ"ยิ่งลักษณ์ตอนจบ" เปลว สีเงิน 12 พฤศจิกายน 2554 - 00:00 ดูอภิปราย ๒ นัดติดต่อกัน ทั้งนัดงบประมาณปี ๕๕ และนัดน้ำท่วม ปรากฏว่า "หัวหน้ารัฐบาล" สร้างประวัติศาสตร์ให้การเมืองประชาธิปไตยระบอบรัฐสภาทั้ง ๒ นัดซ้อน คือหนีการอภิปราย กระทั่งการลุกขึ้นตอบ หรือชี้แจงในทุกประเด็นและทุกข้อปัญหา โชคดีฝ่ายค้านเขามีวุฒิภาวะ ไม่ฉวยโอกาสเหยียบเขาควายไสเข้าโรงเชือด ด้วยเห็นแก่ใจที่บอบช้ำของประชาชนในภาวะวิกฤติน้ำ รัฐบาลจึงผ่านศึกสภาไปได้แบบทุลักทุเล และทุเรศ! พักคุยเรื่องน้ำ และการเมืองเรื่องคนกับน้ำซักวันดีไหมครับ กว่าเดือนแล้วนะที่เราลอยคออยู่ในมหาอุทกธาร บนการบริหาร-จัดการปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตอนนี้ พวกเราชาวบ้านที่ไม่รู้จักกัน เจอกันได้แต่มองหน้า ถามไถ่สุข-ทุกข์กันทางสายตา ที่รู้จักกัน ก็ถามและปรารภพร้อมกันในประโยคเดียวกัน...ที่บ้านน้ำท่วมมั้ย...เมื่อไหร่น้ำจะแห้งซักที? ถามกันเองน่ะดีแล้ว ขืนไปถาม-ไปเชื่อ ศปภ.บอก จะคันเท้าเพราะย่ำน้ำแล้วยังจะต้องคันหัวด้วยสับสนในข้อมูลสะเปรอะอีก ถ้าเราตะแคงหูฟังให้ดี ตอนนี้จะได้ยินมวลน้ำจากเหนือร้องเพลง "ไปทะเลกันดีกว่า" แต่ไม่ทราบว่ากรมชลฯ และ กทม.จัดจราจรทางน้ำให้เดินทางได้สะดวกแค่ไหน เพราะได้ยินมหาอุทกธารท่านบ่น "ไม่ค่อยอำนวยความสะดวกเส้นทางลงทะเลให้เลย"!? ผมว่าในภาวะที่ต้องการ "ข้อมูลข่าวสาร" ที่เชื่อถือได้จากรัฐบาล แต่ไม่ได้ มิหนำซ้ำสับสนชวนเวียนหัว ผมก็ขอแนะให้เปิดโทรทัศน์ช่องไทยพีบีเอสแช่ไว้ คอยฟังคำแนะนำจาก "ดร.เสรี ศุภราทิตย์" ดีกว่า ท่านวิเคราะห์ข้อมูลน้ำออกมาให้ยึดเป็นทิศทางอยู่กับน้ำได้เชื่อถือได้ ทีนี้มาคุยกันแบบ "เชื่อถือไม่ได้" จากผมบ้าง ถึงรัฐบาลจะเคาะกะลาให้ดีใจว่า..น้ำลดแล้ว..น้ำลดแล้ว..อีกนิดเดียวเราก็จะชนะแล้ว นั่นผมก็ไม่แย้ง และไม่บอกว่า..อย่าไปเชื่อ แต่จะบอกตามประสาผมเองว่า ปลายเดือนนี้ ศุกร์ที่ ๒๕ พ.ย.บ่ายโมงกว่าๆ จะเกิดสุริยคราสในราศีพิจิก ธาตุน้ำ ฉะนั้น จากนี้ไปต้องระวังอะไรที่ไม่คิดไม่ฝัน จากน้ำ จากลมพายุ จากฝน จากมรสุม พลันปุบปับ-ตึงตัง-โครมคราม อาจถล่มเอาทั้งคนทั้งรัฐสภาเป็นลูกหมาตกน้ำได้ พอถึงเสาร์ที่ ๑๐ ธ.ค.เกิดจันทรคราสในราศีพฤษภ ธาตุดิน ก็ต้องระวังกับเหตุที่จะมาชนิดไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเช่นกัน เผลอๆ แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่มจมหายที่ไหนซักแห่ง ไหวที่ไหนก็ไม่ว่า อย่าไหวที่รัฐสภาจนถล่มฝังรัฐบาลก็แล้วกัน เดี๋ยวจะไม่มีนารีขี่ม้าขาวกู้ชีวิตแม้ว สรุปแล้ว ทั้งเดือน พ.ย.นี้และ ธ.ค.เดือนหน้า ปรากฏการณ์ธรรมชาติจะมาทั้งจันทรคราสและสุริยคราส ทั้งในราศีธาตุน้ำและธาตุดิน แบบนี้ที่ว่า...เราพ้นแล้ว..เราชนะแล้ว จะพ้นจริง-ชนะจริง หรือปุบปับกลับจมป๋อมแป๋ม แพ้พังพาบ? เอ้า...ช่วยกันภาวนาหน่อย!? ครับ...นั่นผมคุยลมเพ-ลมพัดกับท่าน อย่าถือเป็นสาระ แต่วานซืน (๑๐ พ.ย.๕๔) ท่านอาจารย์วิโรจน์ กรดนิยมชัย ผู้ชำนาญทางโหราศาสตร์ยูเรเนียน ได้ส่งการคำนวณตามทฤษฎีเป็นคำทำนายมาให้ผมแบบหมัดฮุกสั้น จับเปาะเข้าปลายคาง แต่ก่อนอ่านคำทำนายล่าสุด ผมขอย้อนรอยนำคำทำนายเรื่องน้ำของท่านเมื่อ ๒๔ ต.ค.เป็นการตรวจหวยอีกรอบ ดังนี้ เรียน คุณเปลว ที่นับถือ ในยามที่ข้อมูลของรัฐบาลเชื่อถือไม่ค่อยได้ ผมในฐานะนักโหราศาสตร์ที่ใช้ปัจจัยทางดาราศาสตร์ จึงอยู่เฉยไม่ได้ ผมจึงขอเสนอข้อมูลระดับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งในทางดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ใช้พิกัดเช่นเดียวกัน เพื่อบอกสถานที่ต่างๆ ได้มาให้พิจารณาครับ และที่ผมกำลังคิดคำนวณต่อไปคือ หลังจากน้ำท่วมจากภาคเหนือลงมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ต่อไปจะท่วมพื้นที่ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ ซึ่งยังไม่มีการเตรียมการใดๆ จากรัฐบาลเลย เพราะมัวแต่เล่นแง่การเมือง กลัวทหารยึดอำนาจ ประชาชนจึงต้องช่วยกัน ใครช่วยอะไรได้ก็ต้องรีบช่วยกัน เมื่อได้ข้อมูลแล้วผมจะส่งมาให้คุณเปลวทราบด้วยครับ ขอแสดงความนับถือ วิโรจน์ กรดนิยมชัย ข้อมูลระดับน้ำ ทางดาราศาสตร์+โหราศาสตร์: ประมาณวันที่ 26-27 เมษายนของทุกปี ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ที่ตำแหน่ง Latitude 13 องศา 45 ลิปดาเหนือ ซึ่งจะตรงกับ Latitude ของกรุงเทพฯ ซึ่งส่งผลให้เป็นวันที่กรุงเทพฯ จะมีอากาศร้อนที่สุด เพราะตำแหน่งดวงอาทิตย์จะตรงกลางศีรษะของเราทุกคน ประมาณวันที่ 28-30 ตุลาคมของทุกปี ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ที่ตำแหน่ง Latitude 13 องศา 45 ลิปดาใต้ ซึ่งจะตรงข้ามกับ Latitude ของกรุงเทพฯ ซึ่งส่งผลให้เป็นวันที่กรุงเทพฯ จะมีอากาศเริ่มต้นฤดูหนาว เพราะตำแหน่งดวงอาทิตย์จะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเราทุกคน การที่ดวงอาทิตย์โคจรมาที่ Latitude 13 องศา 45 ลิปดา ทั้งเหนือและใต้ จะมีผลทำให้สภาพอากาศของกรุงเทพฯ มีโอกาสผิดปกติ เช่นในสถานการณ์ปัจจุบัน มีโอกาสที่ระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดใน กทม.อยู่ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2554 ตำแหน่งดวงจันทร์ถ้าโคจรมาที่ Latitude 13 องศา 45 ลิปดา ทั้งเหนือและใต้ ก็จะมีผลต่อระดับน้ำเช่นกัน เพราะดวงจันทร์จะมีแรงดึงดูดมวลน้ำให้มีระดับสูงขึ้นหรือลดต่ำลงได้ จากปฏิทิน Raphael Ephemeris 2011 ดวงจันทร์จะโคจรมาที่ตำแหน่งนี้ ดังนี้ 20-21 และ 25-26 ตุลาคม 2554: 2-3, 8-9, 16-17, 22-23, 29-30 พฤศจิกายน 2554 สรุป วันที่ควรจะต้องเฝ้าติดตามระดับน้ำใน กทม.เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ได้แก่ 20-21, 25-26, 28-30 ตุลาคม 2554 และ 2-3, 8-9, 16-17, 22-23, 29-30 พฤศจิกายน 2554 ก็ขออวยพรให้ยิ่งลักษณ์ และ ศปภ.จงเป็นสุข..เป็นสุขเถิด ครับ...นั่นทบทวนคำทำนายเก่า ตอนนี้ก็อ่านคำทำนายใหม่ ตามอีเมล์ล่าสุดถึงผมว่า ยิ่งลักษณ์ตอนจบ.... หวังว่าผมจะทายถูกนะครับ !? wiroaj g" <wiroajg@yahoo.com> ตามทฤษฎีการคำนวณดวงชะตาของผู้ที่เราไม่รู้เวลาเกิดนั้นมีมากมายหลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ อาจารย์ประยูรเคยสอนไว้คือ ให้ใช้ดวงอมาวสีใกล้กับวันเกิดมาเป็นดวงกำเนิดได้ เพราะคนทุกคนจะเกิดมาภายใต้อิทธิพลของอมาวสีในแต่ละเดือนอยู่แล้ว หรืออาจจะใช้เวลาของอมาวสี หรือบูรณมีมาเป็นเวลาเกิดของบุคคลนั้นๆ ได้ จากทฤษฎีที่กล่าวถึงข้างต้นเราจะได้ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดวันที่ 21 มิถุนายน 2510 ก่อนวันบูรณมี 22 มิถุนายน 2510 เวลา 11.56.43 น. ดังนั้นจึงใช้ดวงวันเกิดของยิ่งลักษณ์ว่า 21 มิถุนายน 2510 เวลา 11.56.43 น. พื้นฐานดวงชะตาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น เกิดก่อนบูรณมี 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงทำให้ยิ่งลักษณ์มีโครงสร้างภายนอกของรูปกายจัดได้ว่ามีความงามติดตัวมาแต่กำเนิด มี SA สันโดษในราศีเมษ แสดงถึงการมีชีวิตที่พลัดพราก การมีข้อจำกัดในการเริ่มต้น 3 เดือนแรก หรือ 3 ปีแรก (ความสัมพันธ์ของยิ่งลักษณ์กับใครก็ตาม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย หรือที่ทำงานจะเปลี่ยนแปลงใน 3 เดือน หรือ 3 ปี) ดังนั้น ภายใน 3 เดือนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์จึงต้องเผชิญการทวงถามของวิบากกรรม MO=AD 45 องศา ชีวิตของยิ่งลักษณ์มีแต่แรงกดดัน มีความคับแค้นฝังใจ สัมพันธภาพในวงจำกัด แสดงว่ายิ่งลักษณ์อาจจะคบหาหรือมีเพื่อนสนิทไม่มากนัก คบและไว้ใจคนไม่กี่คน ในปีที่ยิ่งลักษณ์เกิดมาอาจจะมีการสูญเสียบุคคลในเครือญาติทางแม่ก็ได้ ในดวงอมาวสี 25 พฤศจิกายน 2554 มีโครงสร้างที่น่าสนใจ ดังนี้ จุดอมาวสี = ADr/VUr = KRv1 แสดงว่าปัจจัยที่บอกถึงแรงกดดันของเจ้าชะตา เมื่อเจ้าชะตามีตำแหน่งทางสังคมที่สูงเด่น ถึงจุดแสดงผลกรรมในเดือนนี้ MCt = NOv1 แสดงถึงตำแหน่งจิตวิญญาณของดวงเมืองประเทศไทยประจำเดือนนี้สัมพันธ์กับหมู่คณะของยิ่งลักษณ์ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงยกคณะ ADt/VUt = Arv1 การเดินทางของชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เป็นไปตามกรรม ADt+VUt-URt = MCr แสดงถึงความดื้อรั้น ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร การประสบชะตากรรมรุนแรง แต่สุดท้ายก็สุดจะต้านทานไหว ถึงจุดที่ชะตากรรมชนะความดื้อรั้น อิทธิพลของอมาวสีนี้จะครอบคลุมตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน ถึง 25 ธันวาคม 2554......ช่วงเวลาที่น่าสนใจจะมีเหตุการณ์ที่รุมเร้ายิ่งลักษณ์ได้ นับตั้งแต่หลังวันลอยกระทง 11 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันบูรณมี เช่นเดียวกับวันเกิดของยิ่งลักษณ์ -วิโรจน์ กรดนิยมชัย http://www.thaipost.net/news/121111/47991
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4348 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 19:50:05 » |
|
โยนบาป!น้ำท่วม ‘อุตุตู่’ เสกสถิติป้ายสีมาร์คปชป.สวน ‘ฆาตกร 500 ศพ’ข่าวหน้า 1 12 พฤศจิกายน 2554 - 00:00 น้ำลายท่วมสภา เปิดเวทีประชุมร่วมรัฐสภาด่ากันแหลก รัฐบาล-ฝ่ายค้านโยนเผือกร้อน พินาศย่อยยับ "อุตุตู่" เปิดโรงน้ำแข็งปั้นตัวเลข มั่วสถิติน้ำในเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ โยนผิด "มาร์ค" วางน้ำ "ปู" ประชาธิปัตย์ย้อนศร ฆาตกร 500 ศพ เทน้ำทำชาวบ้านตาย ส.ส.เสื้อแดงสุดอัปยศ! โบ้ย ศปภ.เปล่าทิ้งของบริจาค โยนผิดให้ผู้อพยพดอนเมือง ทิ้งส้วมลอยน้ำใช้แล้วเกลื่อนสนามบิน ทั้งๆ ที่คนหนีน้ำใช้ห้องน้ำสนามบินซึ่งมีรองรับเพียงพอ
การประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน มีการพิจารณาระเบียบวาระการขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรณีปัญหาภัยพิบัติอันเนื่องมาจากอุทกภัย ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
ในการอภิปราย ประเด็นหลักๆ ที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาเป็นเรื่องการบริหารน้ำจากตอนเหนือลงสู่อ่าวไทย ที่มีความผิดพลาด การตั้งข้อสังเกตการบริหารน้ำลงอ่าวไทยล่าช้า รวมถึงการเตรียมเปิดข้อมูลหลักฐานการจัดซื้อถุงยังชีพที่แพงเกินจริง และการปล่อยให้สิ่งของบริจาคจมน้ำได้รับความเสียหาย ขณะที่ ส.ว.เตรียมเสนอแนะให้รัฐบาลเข้าไปบริหารจัดงานน้ำฝั่งตะวันตกที่ขณะนี้ยังคงวิกฤติ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ชี้แจงว่า ในนาม ครม. ได้เสนอญัตติต่อประธานรัฐสภา เพื่ออภิปรายทั่วไปถึงการแก้ปัญหาวิกฤติน้ำท่วม ซึ่งวันนี้เป็นวันดี วันที่ 11 เดือน 11 ปี 11 ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหาสำคัญที่ยิ่งใหญ่คือปัญหาอุทกภัย โดยภาคปฏิบัติได้มีการร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายที่ไม่ใช่รัฐบาล ในช่วงเกิดวิกฤติก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งบอกว่า ผมอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีอยู่หลายสถานะ โดยเฉพาะสถานะพลเมือง ได้แจ้งถึงคลองประปาที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ขอให้รับแก้ไขโดยด่วน ไม่เช่นนั้นจะแก้ไขยาก มีผลกระทบต่อประชาชนกว่า 10 ล้านคน ตนก็รีบแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขทันที และสามารถแก้ไขได้สำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น ครม.อยากให้ปัญหาดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมแห่งนี้ หากสมาชิกต้องการรับฟังคำตอบจากปากนายกฯ ก็ต้องรอหน่อย
จากนั้นสมาชิกเริ่มทยอยอภิปรายแสดงความเห็น เริ่มจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ถ้ารัฐบาลบริหารอย่างเป็นเอกภาพจะไม่เสียหายอย่างนี้ ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือกับทุกครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนและช่วยตัวเองไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลช่วยได้ เสียงพึมพำต่อว่ารัฐบาลก็จะเบาลง ขอร้องรองนายกฯ ว่า คนที่จะมาทำโรงครัวต้องมีความเสียสละและอดทนเพราะไม่ใช่เรื่องง่าย และคนที่มากินอาหารก็ไม่ใช่ขอทาน เพียงแต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าไม่ใส่ใจ ไม่ดูแลคุณภาพของอาหาร เอาของบูดมาให้อย่างทุกวันนี้ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้
เขาอภิปรายต่อว่า มาตรการการเยียวยา รัฐบาลนี้ทำเรื่องใหญ่ๆ หลายเรื่อง เช่น รถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก ต้องใช้เงินหลายแสนล้านบาท ควรให้เงินกับผู้เดือดร้อนเขาเต็มที่ เพราะ 5,000 บาทไม่มีความหมาย ธุรกิจบางแห่งเสียหายยับเยิน ต้องคิดถึงการให้เงิน 4-5 หมื่นบาท อย่าอยู่เฉย ต้องไปสำรวจทุกบ้านให้รู้ว่าแต่ละคนเดือดร้อนอย่างไร แล้วมาคำนวณความเดือดร้อน จะทำให้ประชาชนมีกำลังใจ
คาด กยอ.แค่บิ๊กแบ็ก
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ที่มี ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธาน ประกอบด้วยดรีมทีมที่มีความรู้ความสามารถหลายคนมาวางยุทธศาสตร์ระยะยาว แต่เสียดายที่ไม่ได้มาร่วมฟังการประชุมของรัฐสภาเพื่อนำไปกำหนดกรอบยุทธศาสตร์ และก็ดี เพราะรัฐบาลไม่ต้องปรับครม.ให้เกิดแรงกระเพื่อม แต่ก็มีจุดอ่อนคือไม่มีความเป็นอิสระ เพราะเป็นกรรมการของรัฐบาล ทำให้การวางยุทธศาสตร์ที่จะฉีกกรอบออกไปคงจะทำได้ยาก เพราะสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องมีแนวคิดใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดการมีส่วนร่วมภาคประชาชน
“ผมเกรงว่า กยอ.อาจเป็นได้เพียงแค่บิ๊กแบ็ก ทำได้แค่ชะลอกระแสน้ำเท่านั้น แต่ถ้าจะทำให้ดียิ่งกว่านั้นคือ ต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมภาคประชาชนเข้าไป” นายคำนูณกล่าว
นายคำนูณอภิปรายต่อว่า การวางนโยบายระยะยาวต้องเชื่อมโยงกับการปฏิรูปประเทศโดยองค์รวม ไม่ควรทิ้งคณะกรรมการชุดของนายอานันท์ ปันยารชุน และชุดของ นพ.ประเวศ วะสี ควรพิจารณาว่าจะเอามาผนวกกันอย่างไร และเห็นด้วยที่จะทำให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นเรื่องถาวร แต่อยากติงวิธีการหาเงินมาทำ ตนคาดเดาว่านายวีรพงษ์อาจจะเสนอให้มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้ใช้เงินงบประมาณไปพลางๆ ก่อน หรือน่าจะเอาทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้กว่าหมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยการแก้ พ.ร.บ.เงินตราและ พ.ร.บ.ธปท. หรือออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อมาฟื้นฟู ทั้งนี้ ตนอยากเห็นแนวคิดใหม่ๆ ที่หาเงินโดยไม่ต้องไปกู้ทั้งหมด หรือไม่กู้เลย คือการเก็บภาษี เช่น อาจจะเรียกเก็บภาษีกับจากคนได้ประโยชน์จากการสร้างคันกั้นน้ำ เป็นต้น
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ศปภ.ขาดความเป็นเอกภาพในการสั่งการ เห็นได้ว่า ศปภ.คือศูนย์ปั้นภาพเท่านั้น ยังไม่รวมไปถึงการช่วยเหลือประชาชนในการแจกจ่ายถุงยังชีพที่มีการเล่นพรรคเล่นพวก ตนมีหลักฐานว่ามีการนำสิ่งของที่แจกจ่ายประชาชนไปติดชื่อของตัวเอง ล่าสุดพบเรือบริจาคจากแม่ทองใบ แต่มีการไปพ่นข้อความว่า ”ใช้ในราชการคนเสื้อแดงเท่านั้น” แสดงให้เห็นว่ามีการเลือกปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว
นายสุวิศว์ เมฆเสรีกุล ส.ว.สมุทรสาคร และนายธีระ สุวรรณกุล ส.ว.สรรหา อภิปรายตำหนิการทำงานของรัฐบาลที่ขาดข้อมูลน้ำ ขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการบริหารจัดการ สุดท้ายน้ำก็ไหลท่วม กทม.และไล่ลงไปถึง จ.สมุทรสาคร ก่อนลงทะเล นอกจากนี้ยังตำหนิภาวะความเป็นผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่จัดการแก้ปัญหาน้ำไม่ได้ และขอฝากถึงนายกฯ ให้รีบสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนโดยเร็ว เพราะขณะนี้ประชาชนไม่รู้สึกเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของนายกฯ แล้ว
เปิดศึกน้ำลาย
แต่ ส.ส.เพื่อไทย พยายามโจมตีว่าเป็นความผิดพลาดของ กทม. โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า หากตนเป็นผู้ว่าฯ กทม.เงา จะวางแผนแก้ไขปัญหา ติดตามสถานการณ์น้ำไปดูภาคเหนือที่ไหลผ่านจังหวัดในภาคกลางจนถึง กทม. เพื่อนำมาวางแผนอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้จะตั้งวอร์รูมและสั่งเปิดประตูระบายน้ำทุกบาน เฉพาะแค่ประตูน้ำคลองสามวาที่เป็นเรื่องของ กทม. ยังต้องให้นายกฯ สั่งเปิดประตู ไม่ใช่ปล่อยให้ชาวบ้านในพื้นที่มาด่าว่า ส.ส.ในพื้นที่หายไปไหน ทั้งที่เป็นพื้นที่ของ กทม. ก่อนน้ำมาก็จะสั่งให้มีการระบายน้ำออกจากคลองต่างๆ เมื่อน้ำเหนือมาก็มีพื้นที่รับน้ำและผันออกสู่ทะเลได้ทัน รวมทั้งจะให้บอกสำนักงานเขตที่ไม่ถูกน้ำท่วมระดมสรรพกำลังทั้งหมดเข้ามาช่วยเหลือเขตที่ถูกน้ำท่วม
ระหว่างนั้น ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ เนื่องจากอภิปรายเสียดสีและพาดพิงผู้ว่าฯกทม. โดยเจ้าตัวไม่มีโอกาสชี้แจง โดยระบุว่า น้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากรัฐบาลบริหารงานผิดพลาด ซึ่งนายกฯ มีอำนาจเต็มในการบริหารแก้ไขปัญหาอุทกภัย ตามมาตรา 31 พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่แก้ปัญหาน้ำท่วมทุกจังหวัดแบบนี้ ก็ต้องปลดนายกฯ บ้าง แต่ในที่สุดประธานในที่ประชุมได้ขอให้พยายามอย่าพาดพิงบุคคลภายนอก นายจิรายุอภิปรายต่อว่า ขอให้เลิกเล่นการเมืองและจับมือกันร่วมกันแก้ไขปัญหาระหว่าง กทม.และรัฐบาล บริหารงานแบบนี้ปลดผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้ว
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ที่ผ่านมาบังคับการใช้กฎหมายอ่อนแอมาก ไม่สนใจกฎหมายผังเมืองทำให้มีการบุกรุกลำน้ำมาก พื้นที่ควรสงวนเป็นทางน้ำผ่าน แก้มลิง เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง ขณะเดียวกันยังมีปัญหาขาดเอกภาพของหน่วยงานในการแก้ปัญหาน้ำท่วม ทั้งกรมชลประทาน รัฐบาล กทม.หรือท้องถิ่น ที่ทะเลาะกันเอง นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในพื้นที่ ทำให้เกิดมหาวิกฤติอุทกภัยครั้งนี้
เขานำบันทึกสถานการณ์น้ำเขื่อนสิริกิติ์ วันที่ 4 สิงหาคม ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาอภิปรายเพื่อชี้ว่า กฟผ.ร้องขอให้พร่องน้ำจากเขื่อนตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม แต่คณะกรรมการติดตามน้ำและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำประชุมเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม อ้างว่ากรมชลประมานขอเวลาอีก 1 สัปดาห์ให้เกษตรกรเกี่ยวข้าวก่อนค่อยเพิ่มการระบายน้ำ
นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช เสนอให้โอนภารกิจแจกถุงยังชีพให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจก เพราะรัฐบาลไม่มีทางแจกได้ทั่วถึง อย่าถือว่ารัฐบาลต้องไปแจกเอง ส่วนการบริหารจัดการน้ำนั้น อยากให้ตั้งคณะกรรมการอิสระหรือกรรมการกลางที่มีทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายค้าน ผู้เชี่ยวชาญมาถกเถียงด้วยเหตุผล อย่างเท่าเทียมกัน ขณะนี้ถึงเวลาที่ต้องมาทบทวนแนวทางพัฒนาประเทศใหม่ ไทยเป็นประเทศเดียวที่วางเขตอุตสาหกรรม เกษตรกรรม มั่วไปหมด นิคมอุตสาหกรรมก็ตั้งขวางทางน้ำ ปล่อยให้มีการถมที่แบบเสรี ใครจะถมสูงเท่าใดก็ได้ ดังนั้นต้องใช้วิกฤติหารือเรื่องยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศใหม่ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว เกษตร อุตสาหกรรม รวมถึงพัฒนาคนให้มีจิตสาธารณะในการรับมือภัยธรรมชาติที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นอีก
โทษผู้อพยพดอนเมือง
การอภิปรายในช่วงเย็น นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า เห็นภาพในทีวีมี ส.ส.บางท่านพูดเรื่องนี้ว่า ศปภ.มีปัญหาทำงานไร้ประสิทธิภาพ ตนเห็นรูปถุงยังชีพ ของ เสื้อผ้าลอยน้ำ และห้องน้ำ ตนได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบถุงเสื้อผ้าที่ลอยน้ำคือการคัดเอาเสื้อผ้าดีๆ ออกไป แล้วหรือที่ขาดๆ ลอยน้ำเท่านั้น จะเอาให้ประชาชนได้อย่างไร เพราะจะเหมือนอย่างรัฐบาลที่แล้วเอาปลากระป๋องเน่าไปให้ประชาชน
เขายังอ้างว่า ส้วมลอยน้ำอยู่ที่ตึกอาคาร 2 ดอนเมือง เป็นที่พักของผู้ประสบภัยคนแถวรังสิตมาพัก และเมื่อเกิดน้ำท่วมคนก็ออกก่อน ส่วนส้วมที่เป็นข่าวออกมาคือส้วมที่ใช้แล้ว ที่ขนย้ายตามหลังไป ไม่ใช่ส้วมที่ได้รับการบริจาค และ ศปภ.ไม่ได้เอาไปแจกแต่อย่างใด ซึ่งส้วมดังกล่าวไม่เหม็น เพราะปากคนเหม็นกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้อพยพที่ดอนเมืองทั้งหมดใช้ห้องน้ำภายในสนามบิน ซึ่งมีอยู่เพียงพอรองรับ ส่วนส้วมลอยน้ำที่ถูกทิ้งไว้หลังมีการย้าย ศปภ.นั้น เป็นส้วมลอยน้ำซึ่งมีผู้บริจาค แต่ไม่สามารถนำไปแจกได้ เพราะมีนักการเมืองในกลุ่มเสื้อแดงล็อกเอาไว้
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปราย โดยมีการนำรูปภาพของบริจาคที่ ศปภ.มาแสดงประกอบการอภิปราย อาทิ เรือที่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ติดอยู่, รูปภาพขวดน้ำจำนวนหลายแพ็กที่มีชื่อของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ติดชื่อ พร้อมกับมีข้อความระบุว่า “ห้ามเคลื่อนย้าย” โดย น.ส.รังสิมา กล่าวว่า "ดิฉันไม่ได้เป็นคนโกหกตอแหล พูดตรง พูดจริง"
"เรือบริจาคมีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากถามว่าเป็นเงินบริจาคของใคร รูปภาพกล่องยาของกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นของหลวงก็เอาชื่อ ส.ส.ไปติด คนบริจาคเขามาเห็นก็จะรู้สึกเศร้าใจที่มีคนมาฉวยโอกาส ทั้งผู้สมัครสอบตก ส.ก. เรื่องถุงยังชีพ 300, 500 และ 800 บาท แตกต่างกันอย่างไร เอาเกณฑ์อะไรในการไปแจกให้ประชาชน ที่อ้างว่าถุงยังชีพราคา 500 แจกสำหรับต่างจังหวัดและราคา 800 แจกใน กทม. แล้วถุงราคา 300 เอาไปแจกที่ไหน ไปคิดค่าขนส่งซึ่งเฉลี่ยแล้วเป็นเงิน 153 บาท หักไปแล้วเหลือค่าของเท่าไหร่ อยากให้รัฐบาลช่วยแจกแจงด้วย เพราะไม่เคยพูดถึงเลย"
เธออภิปรายว่า ในส่วนของอีกระแต ตาเข ที่เป็นข้าวสารไม่มียี่ห้อ ซึ่งได้ไปซื้อมาของยี่ห้อมาบุญครอง ราคาแค่ 130 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ามีคนบริจาคสิ่งของลดลง ตอนนี้ไม่มีใครบริจาคให้ ศปภ.เลย เพราะกลัว ศปภ.โกง เขาเห็นความไม่โปร่งใส นอกจากนี้คนต่างประเทศและหน่วยงานต่างๆ ก็มาบริจาคเยอะมาก เช่น ประเทศจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย คูเวต เป็นต้น คิดแล้วเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่รัฐบาลไม่ได้มาชี้แจงเลยว่ารับมาเป็นเงินทั้งหมดเท่าไหร่
ตามจิก "อีกระแต ตาเข"
น.ส.รังสิมายังกล่าวว่า ศปภ.แจกของให้ประชาชนไม่ทั่วถึงให้เป็นจุดๆ เป็นคนๆ จะสังเกตว่าจะไปเฉพาะเขต ส.ส.ของรัฐบาล แต่พรรคฝ่ายค้านแทบจะไม่เจอเลย ถ้าไปถุงยังชีพก็ไม่แจก ถ้าแจกก็เหลือถุงละ 300 บาท แต่เขตของท่านคงจะแจกถุงละ 800 บาท เรื่องนี้ทำให้ต่างชาติเขาหมดความเชื่อมั่น หมดความศรัทธาในความไม่โปร่งใสของรัฐบาลและ ศปภ. ได้ยินว่าอียูเองก็มอบเงินผ่านสภากาชาดแล้วโดยไม่ได้มอบผ่าน ศปภ.
“ยืนยันว่าอีกระแตมีตัวตนจริง รัฐบาลจะจัดการกับการทุจริตอย่างไร พอมาตั้งคณะกรรมการก็ตรวจสอบว่าไม่ผิด เพราะตั้งพวกเดียวกันเอง อยากให้ ป.ป. ช.มาช่วยดู นอกจากนี้ ถ้ารัฐบาลคิดว่าโปร่งใสจริง อยากให้มาชี้แจงว่าได้เงินบริจาคและสิ่งของมาเท่าไหร่ ให้ใคร เขตไหน เท่าไหร่ ที่ไหน อย่างไร แต่ถ้าอึมครึมแบบนี้ คนคงเชื่อว่ามีการทุจริต อย่าให้คนทุจริตลอยนวลแล้วหนีไปต่างประเทศอีกเลย" น.ส.รังสิมากล่าว
จากนั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิพาดพิงว่า ที่มีชื่อตนติดอยู่ที่ขวดน้ำบริจาคใน ศปภ.ว่าจองไว้ ห้ามเคลื่อนย้ายนั้น ตนได้เคยอธิบายแล้วว่ามีนักธุรกิจคนหนึ่งที่เป็นเสื้อแดงกับตน อยู่หมู่บ้านเดียวกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เขาได้บริจาคน้ำขวดมา แต่มีข้อแม้ว่าตนต้องเป็นคนรับ เขาถึงจะให้ วันที่เขาเอาน้ำมาบริจาคตนไม่ได้อยู่ เจ้าหน้าที่เลยไปเขียนไว้ เพราะเจ้าตัวเขามีความประสงค์เช่นนั้น จึงบอกว่าอย่าไปเคลื่อนย้าย
"ผมไม่ใช่คนเลวทราม น้ำขวดผมมีปัญญาซื้อ ให้ไปถามคนใน ศปภ.เลยว่าผมเป็นคนบอกเสมอว่าของบริจาคอย่าให้มีสภาพเหมือนรัฐบาลที่แล้ว ว่าปลากระป๋องอย่าให้เน่า ข้าวอย่าให้เป็นมอด การที่วิจารณ์ในทางเสียหาย เจ้าตัวคนบริจาคพร้อมแสดงตัว แล้วคุณรังสิมาพร้อมจะเอาเกียรติยศอะไรมาเดิมพันหรือไม่ การใช้สภามาใส่ร้ายคนเป็นเรื่องเลวทรามต่ำช้า การบริจาคให้รัฐบาลนี้ตรวจสอบได้ คนเขาเป็นจิตอาสา ส่วนเรือที่ในรูปใส่ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ เขาใช้สตางค์ตัวเองซื้อ ผ่านคุณกนกพร มีแหล่งซื้อ มีใบเสร็จพร้อม อย่าแสดงความโง่ไปใส่ร้ายคนอื่น ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงผมจะด่าให้หนักกว่านี้" นายจตุพรตอบโต้
ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องปลากระป๋องเน่า หลังจากมีการตรวจสอบมีความชัดเจน ชี้แจงกันในสภาหลายครั้ง ที่ตนลาออกจากรัฐมนตรีครั้งนั้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบให้ประชาชนสบายใจ วันนั้นยังไม่มีการตัดสินว่าถูกผิด และคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ ไม่เหมือนกับรัฐบาลนี้ที่ตั้งคนของรัฐบาลทั้งนั้น แต่ชุดที่สอบสวนตนมีกรรมการที่มาจากอาจารย์มหาวิทยาลัย, สตง., สภาทนายความหลายชุด มีเอกสารประกอบเยอะแยะ มันแตกต่างจากที่รัฐบาลปัจจุบันทำ
แต่นายจตุพรโต้ว่า วุฒิภาวะของคนเป็นรัฐมนตรีก็ควรรู้ว่าสิ่งใดควรแจกให้ประชาชน ถ้าไม่ผิดลาออกทำไม แล้วคณะกรรมการที่ตั้งไปดูรายชื่อว่าพวกตัวเองเท่าไหร่ พวกตนไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้ประพฤติตัวเหมือนรัฐบาลชุดที่แล้ว ของครั้งนี้รัฐบาลชี้แจงแล้วว่าคนเขามาบริจาค และมาจากการจัดซื้อ เชิญไปร้องป.ป.ช. ให้ไปตรวจสอบ อย่ามาอวดรู้ นายกฯ ทักษิณเขามีปัญญาซื้อเอง
นายวิฑูรย์แจงว่า ตนแสดงสปิริตรับผิดชอบลาออก การที่ลาออกจากรัฐมนตรีควรจะชื่นชมกันบ้าง ไม่ได้จนมุม ไม่ได้หน้าด้านอยู่ แต่ต้องการให้นักการเมืองรับผิดชอบ "ผมจะผิดหรือไม่ผิด แต่เมื่อสังคมเกิดความสงสัย เห็นหรือไม่ที่ต่างประเทศมีรถไฟตกราง รัฐมนตรีเขาไม่ได้เป็นคนขับยังแสดงความรับผิดชอบลาออก ผมก็อยากทำให้เป็นแบบอย่างในอนาคตต่อไป" อดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าว
การอภิปรายเริ่มมีสีสันขึ้นอีกครั้งในช่วงค่ำ เมื่อนายจตุพรลุกขึ้นอภิปรายว่า ช่วงก่อนที่ นายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมาเป็นรัฐบาล รัฐบาลก่อนหน้านี้มีการกักเก็บน้ำในเขื่อนมากเพื่อเป็นการวางยารัฐบาลชุดนี้ เป็นต้นเหตุของอุทกภัย เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ส่งผลให้คนตายประมาณ 500 คน หากเป็นความตั้งใจก็ถือว่าเป็นการฆาตกรรมของรัฐบาลชุดที่แล้ว ต้องจับไปประหารชีวิต ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้ามาก็ยังไม่มีอำนาจบริหารจัดการน้ำ และเป็นแผนการล้มรัฐบาลชุดนี้ ขอให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และจะร้องไห้สักกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร เพื่อประชาชน แต่อย่าร้องไห้ให้คนคนเดียวที่สั่งฆ่าประชาชน
ทั้งนี้ นายจตุพรนำสถิติกักเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพลปี 2553 ซึ่งต่ำเกณฑ์ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์มาเปรียบเทียบกับปริมาณกักเก็บของปี 2554 แล้วสรุปว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บน้ำไว้ในเขื่อนมากเกินไปจนเป็นเหตุให้น้ำเต็มเขื่อน
ซึ่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า ช่วงที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล การเก็บน้ำในเขื่อนอาจจะสูงกว่าปี 53 โดยปี 54 มีระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์กักเก็บน้ำขั้นต่ำ แต่ไม่เกินเกณฑ์กักเก็บน้ำขั้นสูง ดังนั้นปัญหาเรื่องการน้ำคือการระบายน้ำจากเขื่อนกับปริมาณน้ำฝนตกลงมาไม่สัมพันธ์กัน และในช่วงเดือน ต.ค.นี้ก็มีการระบายออกมาจำนวนมาก ทำให้เกิดความเสียหาย และหากตรรกะของนายจตุพรที่บอกว่ามีคนตายจากน้ำท่วมประมาณ 500 คน อยากถามว่าเป็นฝีมือของใคร และนายจตุพรต้องดูความจริง ไม่ได้เอาข้อมูลจากสื่อมวลชนใต้ดินของคนเสื้อแดงมาประกอบการอภิปราย ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นได้มีการประท้วงเล็กน้อย ของนายจตุพรและ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายจตุพรยืนยันว่าข้อมูลของนายสาทิตย์นำมาเปิดเผย ก็เป็นข้อมูลเดียวกับทีวีบลูสกาย ซึ่งเป็นสื่อของพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน http://www.thaipost.net/news/121111/47990
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4349 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 20:41:49 » |
|
นำมาให้อ่านเปรียบเทียบ อย่าจริงจังครับ...........เหมือนที่ต่างจาก 'ปู' 'นายกฯสู้น้ำ' 'มาร์ค' แห้วแต่เฮง?? วันเสาร์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น ตามหลักโหร ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นั่งเก้าอี้นายกฯอย่างเป็นทางการ ในช่วงที่ดาวและราศี “ธาตุน้ำ” เด่น ในขณะที่ มาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งพลาดนั่งเก้าอี้นายกฯสมัย 2 ตามหลักโหรแล้วก็อยู่ภายใต้อิทธิพล “ธาตุน้ำ” ซึ่งหะแรกที่มาร์ค-อภิสิทธิ์ ต้องกลายเป็นอดีตนายกฯ ผู้ที่ให้การสนับสนุนที่สนใจเรื่องดวงชะตาอาจจะเปรย ๆ ว่า “ดวงไม่ดี” แต่พลันที่ ’น้ำท่วมใหญ่“ จมประเทศไทยหลายจังหวัด ไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพฯเมืองหลวง หลาย ๆ คนก็อาจเปรย ๆ เช่นกันว่ามาร์ค-อภิสิทธิ์ ’ดวงดี“ นะเนี่ย!!
ปู-ยิ่งลักษณ์ กับ มาร์ค-อภิสิทธิ์ ต่างก็มีดวงในเรื่องน้ำ นี่เป็นความเหมือน แต่ก็เป็น ’ความเหมือนที่แตกต่าง“ ทั้งนี้ โฟกัสกันที่ดวงนายกฯคนปัจจุบัน กับคู่ชิงเก้าอี้นายกฯที่ตอนนี้เป็นอดีตนายกฯ โดยยึดโยงกับธาตุน้ำ กับเรื่องนี้นักโหราศาสตร์ อ.เก่งกาจ จงใจพระ บอกว่า... อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดวันจันทร์ แรม 10 ค่ำ เดือน 8 หลัง ปีมะโรง เกิดวันที่ 3 ส.ค. 2507 ที่อังกฤษ ดูตามวันเกิด เป็นคนอยู่ใต้อิทธิพลธาตุน้ำ วันจันทร์ ธาตุน้ำ เป็นประเภทน้ำบ่อน้ำบึง วันเกิดวันที่ 3 เลขดาวอังคาร ธาตุน้ำ คลอง แม่น้ำ เกิดเดือน ส.ค. ดาวอาทิตย์สถิตอยู่ในราศีกรกฎ ทำให้ธาตุน้ำกำเริบ เป็นฤดูฝน น้ำท่วมเจิ่งนอง แต่ดาวอาทิตย์อยู่ในราศีกรกฎได้ตำแหน่งมหาจักร จึงทำให้ เป็นคนถูกโฉลกกับธาตุน้ำ ดาวจันทร์เจ้าเรือนเกษตรราศีกรกฎไปสถิตอยู่ในราศีพฤษภ ได้ตำแหน่งมหาอุจ ได้ดีจากน้ำ ธาตุน้ำให้คุณ น้ำท่วมหนักปีนี้ ก็ไม่ใช่คนที่รับผิดชอบ เพราะไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ ดวงชะตาอภิสิทธิ์ถูกโฉลกกับธาตุน้ำ และ พรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ใต้อิทธิพลธาตุน้ำ สัญลักษณ์พรรคคือแม่พระธรณีบีบมวยผมให้น้ำไหล ชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ถอดได้เลข 47 บวกกันได้เลข 11 บวกต่ออีกได้เลข 2 ดาวจันทร์ ธาตุน้ำ จึงส่งเสริมให้อภิสิทธิ์ได้เป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกฯในนามหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อ.เก่งกาจ ระบุอีกว่า... ได้เคยทำนายไว้ว่าตามดวงอภิสิทธิ์นั้นถ้ายุบสภาช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2554 เลือกตั้งเดือน ก.พ. 2555 มีโอกาสได้กลับมาเป็นนายกฯรอบ 2 แต่ก็มีการยุบสภาในเดือน พ.ค. เสียก่อนซึ่งตอนที่ยุบสภาพรรคประชาธิปัตย์ดวงไม่ดี อย่างไรก็ตาม ลัคนาพรรคอยู่ราศีกันย์ มีดาวเนปจูน ธาตุน้ำทะเล กุมลัคน์ แต่เป็นประ และดาวอังคาร ธาตุน้ำแม่น้ำลำคลอง เป็นนิจ ในราศีกรกฎ ภพลาภะราศีกันย์ บ่งบอกถึงการที่ น้ำให้ลาภ ยังสามารถจะได้ดีเพราะความเสียหายเรื่องธาตุน้ำ และดวงจันทร์ สถิตในราศีพฤษภ เป็นมหาอุจ พรรคนี้จึงแคล้วคลาดจากความเดือดร้อนอุทกภัย ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ถึงสองครั้งแล้ว คือปี 2554 นี้ และเมื่อปี 2538 “การพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งหลังสุดของพรรคใหญ่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพราะดวงพรรคตกต่ำ จึงสูญเสียตำแหน่งอำนาจทางการเมือง ต้องเป็นฝ่ายค้าน เพราะเสาร์ทับลัคน์และมฤตยูเล็ง” ...อ.เก่งกาจระบุ แต่กับตัว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แพ้ครั้งนี้อาจถือว่า ’รอด“ ทั้งนี้ อ.เก่งกาจ ยังระบุถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยบอกว่า... รับตำแหน่งนายกฯช่วงดาวธาตุน้ำเด่น แต่ให้โทษ เป็นมรณะ จึงต้องผจญภัยกับมหาอุทกภัยแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย และช่วงนี้อายุนับถึงวันที่ 4 พ.ย. 2554 อายุโหร 44 ปี 4 เดือน 13 วัน พฤหัสบดีเสวยอายุ มีเสาร์เสวยแทรก จะเจ็บป่วย เสียทรัพย์ ผู้ใหญ่ใส่ความ บริวารให้โทษ เดือดร้อนเพราะผู้อื่น จนกว่าอายุครบ 46 ปี แต่ก็มีจุดน่าติดตามดูคือ พื้นดวงชะตาเกิดนั้น แม้ดาวจันทร์เสีย เป็นนิจ ในราศีพิจิก แต่ดาวอังคาร กาลกิณี เป็นมหาจักร ในราศีกันย์ อาจได้ดีจากความเสียหายเกี่ยวกับน้ำ?? ซึ่งดาวพฤหัสบดีอยู่ในราศีกรกฎได้ตำแหน่งมหาอุจ และดาวศุกร์ในราศีกรกฎก็ได้ตำแหน่งราชาโชค อาจเข้าหลักเสียเป็นดี มีประสบการณ์และสร้างผลงานได้จากน้ำท่วม?? อย่างไรก็ตาม ที่ดูจะเสียเครดิตมากกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้น อ.เก่งกาจบอกว่า... จุดที่มีปัญหาคือตั้งศูนย์ป้องกันภัยแก้ปัญหาน้ำท่วมที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็เคยพ่ายแพ้ที่นี่มาก่อน โดยหากดูตามตำราพิชัยสงคราม การยกทัพหรือการตั้งกองบัญชาการ ต้องดูทิศที่ตั้งจากศูนย์อำนาจ ซึ่งยุคปัจจุบันคือทำเนียบรัฐบาล โดยสนามบินดอนเมืองอยู่ทางทิศเหนือของทำเนียบฯ เป็นตำแหน่งหางนาค ไม่มีพลัง เป็นการย้อนเกล็ดนาค จึงถูกหางนาคสะบัดฟัดฟาดจนต้องย้ายหนีน้ำไปที่กระทรวงพลังงาน ก็ถูกน้ำรุกไล่อีก “ถ้าจะย้ายที่ตั้งใหม่เพื่อเอาชนะน้ำ ต้องไปตั้งทางทิศใต้ของทำเนียบฯ จุดตำแหน่งหัวนาค จึงจะสะกดนาคให้หยุดพ่นน้ำได้ หรือไปทางทิศตะวันออกก็ได้ แต่ห้ามอยู่ทิศเหนือกับทิศตะวันตก จะปราบน้ำไม่สำเร็จ ซึ่งต่อให้เป็นผู้นำทัพ แต่ถ้าอยู่หางนาค แม้จะมีฤทธิ์ดั่งพระนารายณ์ พระอิศวร พระราม หรือยักษ์ที่มีฤทธิ์ ก็ต้องปราชัย ด้วยเป็นการเดินทัพย้อนเกล็ดนาค” ...อ.เก่งกาจทิ้งท้าย ภาระใหญ่ยักษ์เรื่องภัยน้ำของนายกฯปู...ก็รอดูกันต่อ ส่วนกับอดีตนายกฯมาร์คนั้นรู้ ๆ กันแล้ว...ว่า “รอด” รอด...จากการ “ถูกน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์ถล่มใส่” ใครจะบอกว่า ’แห้ว...แต่ก็เฮง“ ก็อาจจะได้?!?!?!?.http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=23&contentId=175417
|
|
|
|
|