เหยง 16
|
|
« ตอบ #4100 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:06:48 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4101 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:31:45 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4102 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:33:37 » |
|
ถนนโกสีย์ ช่วงหน้าวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านขายทองมากที่สุด เทศบาลใช้เครื่องจักรหนักทั้งของรัฐ และเอกชนที่ส่งไปช่วยทำความสะอาด แต่ที่ค่อนข้างชัดคือ ขยะต่อบ้านหลังหนึ่งๆ มีมาก จนรถขนขยะไม่เพียงพอใช้ในการทำความสะอาดเมือง
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4103 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:37:11 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4104 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:45:15 » |
|
|
|
|
|
Pete15
|
|
« ตอบ #4105 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:50:01 » |
|
น้องเหยง พอมีเวลา วันไหนแวะ ไปดู น้องขวัญ RCU 2524 นิเทศศาสตร์ " ร้านแสงยนต์" แถวติด อำเภอ อยู่ตรงกลาง ระหว่าง ร้านสดาวรรธน์ คลินิก และ ร้านทวียนต์ รู้สึก ว่าจะจมนํ้าไป หลาย/ ฝากความคิดถึง จากพี่ปิ๊ด และเพื่อนๆ RCU 24 ด้วย
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4106 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:50:14 » |
|
พี่ปี๊ด
ได้ครับ จดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4107 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:51:49 » |
|
จังหวัดเชิญ รมช.สาธารณสุข แม่ทัพภาค 3 มาร่วมงานครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ข่าวภายในว่า เวลานัดคือ 08.00 น. ซึ่งค่อนข้างเช้าสำหรับบรรดาข้าราชการ แต่ไม่เช้าสำหรับประชาชน ที่ต้องไปยืนรอผู้มีเกียรติคนสำคัญ โดยห้ามลงมือก่อนแขก ทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่ง จรจากงานกลับบ้านเพื่อทำความสะอาดบ้านของตนเองแทน งาน"ผักชี" ก็เป็นอย่างนี้ ส่งผลให้มีแต่ จนท.ยืนรอและรายรอบประรำพิธี หมายเหตุ- ภาพจาก FB นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4108 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:57:04 » |
|
จังหวัดระดมทรัพยากรจาก อบจ. อบตและเทศบาลต่างๆ เข้ามาใช้ในงานวันนี้ ทราบมาว่าจะมีโมเดล "ปากน้ำโพโมเดล" ซึ่งเป็นโมเดลการเก็บกู้เมืองหลังน้ำลดไปให้ทุกแห่งใช้ครับ .
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4109 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 21:59:19 » |
|
ข่าวล่าจากคุณชำนาญ-คุณม้า-ศรัญญา RX2516 แจ้งว่า ขณะนี้รอให้น้ำในนิคมอุตสาหกรรมนวนครลดลง จึงจะเข้าไปกอบกู้โรงงานคืน ขณะนี้ได้เตรียมช่วงเอาไว้จำนวนหนึ่งแล้วครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4110 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 22:12:25 » |
|
ดูตัวอย่างดีๆ โปสเตอร์รณรงค์ไม่กักตุนสินค้าช่วงญี่ปุ่นประสบสึนามิ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16:11:35 น. จากเว็ปประชาไทย โปสเตอร์ฉบับแปลไทย "เราทำได้เมื่อเราแบ่งปัน" (What we can do when we share) ชวนประชาชนไม่กักตุนสินค้าในช่วงที่ญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา
โปสเตอร์ชวนประชาชนไม่กักตุนสินค้า "เราทำได้เมื่อเราแบ่งปัน" (What we can do when we share) ในช่วงที่ญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยฉบับแปลอย่างไม่เป็นทางการนี้แปลโดยทีมข่าวต่างประเทศประชาไท ซึ่งแปลจากฉบับแปลภาษาอังกฤษใน @kikkimayo (16 มี.ค. 54) ซึ่งแปลมาจากฉบับภาษาญี่ปุ่นอีกทีใน @lifecanvasies (16 มี.ค. 54) เวอร์ชั่น ภาษาอังกฤษ เวอร์ชั่น ภาษาญี่ปุ่น http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1319792888&grpid=01&catid=&subcatid=
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #4111 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2554, 23:25:44 » |
|
สวัสดียามดึกครับ..... พี่เหยง..พี่ปี๊ด และพี่น้องทุกท่าน
ตามชมการฟื้นฟูเมืองนครสวรรค์... ได้รายละเอียดมากกว่าสำนักข่าวอีก
ขอบคุณครับพี่
|
|
|
|
อ้อย 14
|
|
« ตอบ #4112 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 07:55:15 » |
|
เหยง
ชอบภาพความสะอาดหลังน้ำท่วมของนครสวรรค์มาก อยากให้อยุธยาเป็นอย่างนี้เร็วๆนะ เขาว่า. นครสวรรค์แห้งแต่ในเมืองจริงหรือ รอบนอกยังอ่วมอยู่ใช่ใหม...
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4113 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 10:15:20 » |
|
พี่อ้อยครับ
นอกพนังกั้นน้ำยังอ่อมอยู่ตามที่พี่ตั้งข้อสังเกตุ เนื่องจากระดับน้ำนอกพนังยังสูงอยู่ครับ
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4115 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 10:27:59 » |
|
ภายในบริเวณสถานที่พักพิง หรือศูนย์ฯ ณ รร.ประชานุเคราะห์ มูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์น้ำดื่มตั้งเอาไว้ให้ ชาวบ้านไปหยิบเอาเอง กองเสื้อผ้ามือสอง มีให้คัดเลือกเอาไปใช้ มีทุกอย่างแม้แต่ชุดชั้นในครับ ขออนุญาตไม่นำภาพการใช้ชีวิตของชาวบ้านในศูนย์ฯ มาโพสต์ให้ชมนะครับ ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวของชาวบ้าน และผมอนาถใจ เห็นแล้ว น้ำตาไหลครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4116 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 10:43:20 » |
|
อ่านเรื่องนี้ไว้ จำชื่อบางชื่อที่ปรากฎไว้ เผื่อจะได้เผาพริก เผาเกลือแช่งได้ถูกคนครับ........ปูแดง-แมลงสาบ-มังกรเตี้ย น้ำท่วม “กรุงเทพฯ”เพราะใคร29 ตุลาคม 2554 05:24 น. ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในที่สุด “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็ยอมรับแล้วว่า ไม่สามารถปกป้อง “กรุงเทพมหานคร” ให้รอดพ้นจากมหาอุทกภัยที่กำลังเคลื่อนทัพประชิดกรุงและรอวันบุกโจมตีได้ โดยประจักษ์พยานที่ชัดเจนคือการที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 27-31 ตุลาคมเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งนั่นหมายความว่า ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้หนักหนาสาหัสเกินกำลังที่จะรับมือได้ จึงจำเป็นที่จะต้องปิดเมืองหลวงเพื่อให้ประชาชนอพยพออกไปจากพื้นที่ก่อนที่สึนามิน้ำจืดจะถาโถมเข้าใส่จนก่อให้เกิดความโกลาหลและยากยิ่งต่อการควบคุม ที่สำคัญคือ เป็นการยอมรับเพราะจำนนต่อหลักฐาน ภายหลังจากบิดเบือนความจริงและโกหกประชาชนมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือนเต็มๆ ด้วยวลี “เอาอยู่ค่ะ” คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นก็คือ ใครคือต้นสายปลายเหตุที่ทำให้กรุงเทพมหานครต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งประวัติศาสตร์อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เยี่ยงนี้ และใครคือคนที่จะต้องรับผิดชอบต่อความพินาศฉิบหายของมหานครแห่งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งพรรคเพื่อไทย(พท.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) หรือกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี “นายบรรหาร ศิลปอาชา” ยืนเป็นเงาทะมึนอยู่ด้านหลัง ใครคือคนที่ทำให้ประชาชนคนไทยต้องตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดเช่นนี้ **จำเลยที่ 1 ปูแดงและพรรคเพื่อไทย 12 ตุลาคม 2554เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เป็นการส่วนพระองค์ เวลา 19.55 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “พระองค์ทรงรับสั่งเรื่องของน้ำครั้งนี้ก็มากจริงๆ และกระทบความเสียหายเป็นจำนวนมาก และพระองค์ทรงเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์นี้ พระองค์ท่านก็ได้ให้ความสำคัญในการเร่งระบายในด้านตะวันออก อย่างที่เราได้เร่งระบายน้ำและมีการขุดคลอง ซึ่งต้องเร่งรัดการขุดคลองเพื่อให้เกิดการระบายน้ำให้เต็มที่ ส่วนด้านตะวันตกต้องดูการหาพื้นที่หรือคลองในการระบายน้ำ” นี่คือเงื่อนปมที่สำคัญยิ่งอันเป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงเทพฯ มิอาจหลีกเลี่ยงจากมหาอุทกภัยครั้งนี้ ยิ่งถ้าหากพิจารณาวันและเวลาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ยิ่งเห็นถึงต้นเหตุแห่งความพินาศฉิบหายที่เกิดขึ้น กล่าวคือ นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม และออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานคำแนะนำให้เร่งระบายในด้านตะวันออก แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มีความชัดเจนยิ่งว่า รัฐบาลไม่มีปัญญาที่จะเร่งระบายน้ำลงสู่ด้านตะวันออกได้ตามที่พระราชทานคำแนะนำแต่อย่างใด โดยตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ยอมรับเองว่า การระบายน้ำฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ไม่เป็นผล เฉกเช่นเดียวกับการระบายลงฝั่งตะวันตก กระทั่งมวลน้ำก้อนมหึมากลายเป็น “สงครามน้ำ 9 ทัพ” ที่บุกเข้าถล่มเมืองหลวงของประเทศไทยในทุกทิศทุกทาง อย่างไรก็ตาม ถ้าหากย้อนกลับไปถึงรากเหง้าของปัญหาก็จะพบว่า มหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นผลมาจากธรรมชาติเพียงฝ่ายเดียว หากแต่เป็นผลพวงมาจากทั้งความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางที่เต็มไปด้วยความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่เคยนำความล้มเหลวนั้นเป็นบทเรียนในการรับมือ รวมถึงการเล่นเกมการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ที่สุดท้ายก็กลายเป็นเกมร้าย เกมรัก ที่มีประชาชนเป็นผู้รับกรรม ความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำเริ่มต้นขึ้นจากนโยบายและยุทธศาสตร์ในการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด ด้วยการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนที่ล้มเหลว ดังจะเห็นได้จากคำรับสารภาพของนายกฯ รัฐมนตรีเองเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า “เราดูแลมา 3-4 เดือนแล้ว บางส่วนเข้ามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และเจอพายุ 4 ลูกติดต่อกัน โดยปกติแล้วเจอพายุลูกหนึ่งก็จะถูกระบายผ่านเขื่อน และมีช่วงพักในการระบายน้ำ แต่วันนี้ไม่ใช่ เจอลูกหนึ่งก็เก็บไว้ๆ และเจออีกหลายลูกก็ยังเก็บต่ออีกกลายเป็นปริมาณที่สะสมมาถึง 4 ลูก” คำถามที่เกิดขึ้นจากคำตอบของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็คือ เธอรับรู้ข้อมูลข้างต้นนี้มานานมากน้อยแค่ไหน และรู้แล้วทำไมถึงยังปล่อยให้ปัญหาหมักหมมจนยากยิ่งที่จะแก้ไข ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์เพิ่งรู้ก็ย่อมแสดงว่า ตลอดระยะเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา เธอบริหารราชการแผ่นดินอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ และไม่รู้ข้อมูลใดทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่ตัดสินใจไปตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย”(ศปภ.) ที่สนามบินดอนเมืองจนต้องถูกน้ำจู่โจมอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นนี้ แต่ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์รู้ตั้งแต่เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว ก็แสดงว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอหายใจทิ้งไปวันๆ โดยมิได้แก้ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย หรือถ้าแก้ปัญหาก็เป็นไปอย่างเอ้อระเหยลอยชาย คือดูเบาปัญหาจนมวลน้ำจากทุกทิศทุกทางมารวมตัวกันเพื่อจู่โจมกรุงเทพฯ เช่นนี้ มิหนำซ้ำยังปล่อยให้บรรดามาเฟียผู้มีอิทธิพลทางการเมืองทั้งในสังกัดพรรคตัวเองและพรรคร่วมรัฐบาลขัดขวางการเปิดปิดประตูระบายน้ำต่างๆ เพื่อคะแนนเสียงทางการเมืองอีกต่างหาก ในช่วงแรกเริ่มที่น้ำท่วมได้ก่อปัญหาให้กับบ้านเมืองในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนในระดับที่ไม่ได้หนักหนาสาหัสเยี่ยงนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ใช้การตลาดโฆษณาหาเสียงไปวันๆ ด้วยการบัญญัติศัพท์อย่าง “บางระกำโมเดล” ขึ้นมาเพื่อสร้างภาพว่า ได้เตรียมการรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วโมเดลดังกล่าวก็มิได้เคยปรากฏให้เป็นเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด จากนั้นเมื่อห่าฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้นและบุกเข้าถล่มเมืองหน้าด่านไล่ตั้งแต่นครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง เรื่อยมาจนถึงอยุธยา การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลก็ยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิม แถมยังโชว์เหนือ “อวดดี” ด้วยการประกาศศักดาที่จะปกป้องนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีปัญญาที่จะปกป้องนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เอาไว้ได้ พร้อมส่งผลทำให้ภาคเศรษฐกิจของประเทศเสียหายนับเป็นแสนๆ ล้าน และมีแรงงานได้รับผลกระทบ 4-6 แสนคน กล่าวเฉพาะสำหรับกรุงเทพฯ หากยังจำกันได้ ก่อนหน้าที่กองทัพน้ำจะรวมตัวกันจู่โจม ในราวต้นเดือนตุลาคม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "เดี๋ยวเราคุยกันดีไหมคะ" จากนั้นเธอก็เดินเฉิดฉายเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปในฉับพลันทันที และในที่สุดเมื่อไม่สามารถบริหารจัดการน้ำได้ มวลน้ำก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ดาหน้าเข้าถล่มคลองประปา ถล่มศูนย์บัญชาการแก้ปัญหาอุทกภัยที่ชื่อ ศปภ. สนามบินดอนเมือง ก่อนที่จะเปิดฉากโจมตีเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ อย่างมิอาจป้องกันได้อีกต่อไป “พลังของน้ำครั้งนี้มากเกินกว่าที่พนังกั้นน้ำ ประตูน้ำ หรือมาตรการต่างๆ ที่จะป้องกันไว้ได้ และมีโอกาสอย่างสูงยิ่งที่น้ำจะทะลักเข้ามาทั้งในเขตพื้นที่ชั้นนอก ชั้นกลางและชั้นในของ กทม.” ในที่สุดนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็เลิกโกหกและยอมรับว่า น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ **จำเลยที่ 2 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์-มังกรเตี้ย ตัดฉากกลับมาที่ฟากของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีตัวละครเอก 2 ตัวคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์และพรรคประชาธิปัตย์ก็เล่นเกมการเมืองผ่านสงครามน้ำครั้งนี้เช่นกัน เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของ กทม.ย่อมรับรู้ล่วงหน้าเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือนว่า น้ำทั้งหลายทั้งปวงที่ท่วมอยู่สุดท้ายแล้วจะไหลมารวมกันที่กรุงเทพฯ เพื่อออกสู่ทะเล ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในช่วงแรกๆ ผู้ว่าฯ กทม.ยังพูดเสียงดังฟังชัดว่า กทม.สามารถรับมือน้ำท่วมได้ แต่สุดท้ายก็จำต้องยอมรับความจริงพร้อมแถลงว่า ไม่สามารถรับมือกับมวลน้ำก้อนมหาศาลได้ ขณะเดียวกัน ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ก็รู้เช่นกันว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ในทุกสงคราม ด่านสุดท้ายที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งก็คือ กรุงเทพฯ ดังนั้น การเปิดฉากเล่นเกมเพื่อช่วงชิงคะแนนทางการเมืองจึงเกิดขึ้น เริ่มจากในช่วงแรกๆ ที่ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ไม่เคยปรากฏกายเข้าร่วมประชุมกับ ศปภ. จากนั้นเมื่อสบช่องก็เล่นเกมดิสเครดิต ศปภ.ด้วยการประกาศว่า "ขอย้ำว่าการรับฟังข่าวสาร ทั้งเรื่องการแจ้งเตือนภัย หรือผลประทบในพื้นที่ขอให้ฟังผมคนเดียว " หรือกรณีที่ทาง ศปภ.ได้จัดถุงใส่ทรายมาให้ 8 แสนใบมาให้ กทม. โดยคุณชายสุขุมพันธุ์เปิดเกมเข้าใส่ด้วยการให้ข่าวว่า เป็นถุงกระดาษไม่สามารถบรรจุทรายกั้นน้ำได้ เล่นเอา ศปภ.ต้องรีบแก้ข่าวว่า วัสดุที่ใช้ทำกระสอบทรายนั้นไม่ใช่กระดาษ แต่เป็นโพลิเอสเตอร์ซึ่งสามารถกันน้ำได้ และได้นำไปใช้ในหลากหลายพื้นที่ รวมถึงประโยคเด็ดที่ยิงเข้าสู่ศปภ.ว่า “เมื่อศปภ.เป็นศูนย์ดำเนินการป้องกันแก้ไขน้ำท่วมทั้งประเทศ ดังนั้น กทม.ต้องดูแลให้ดีที่สุด” เรียกว่าเกทับบลัฟแหลกกันอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนทีเดียว ขณะที่ ศปภ.ก็เล่นงานกลับด้วยการประกาศใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 ออกคำสั่งให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำให้หมดทุกแห่ง เพื่อส่งสัญญาณให้สังคมเห็นว่า กทม.ไม่ยอมเปิดประตูเพื่อระบายน้ำลงทะเล แต่ก็ดูเหมือนว่า ความพยายามในการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะมิได้มีความหมายมากไปกว่าการเล่นเกมการเมืองของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ปฏิเสธไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วยความอวดดีและดื้อดึงตามที่หลายฝ่ายทั้งภาคธุรกิจและนักวิชาการให้ความเห็น เพราะสุดท้ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์และศปภ.ก็ไม่มีปัญญาที่จะดำเนินการระบายน้ำให้พ้นกรุงเทพฯไปได้ ขณะที่บรรดาเบื้องสูงเบื้องต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ก็เล่นเกมการเมืองเตะตัดขาพรรคเพื่อไทยที่กำลังสำลักพิษน้ำท่วมอย่างไม่ยั้งเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่พยายามจะสร้างภาพเก็บคะแนนในทุกเม็ดเมื่อพรรคเพื่อไทยพลาด เรียกว่า ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ลดราวาศอก ทว่า ในท้ายที่สุดทุกคนก็มิอาจเล่นเกมการเมืองหรือทำสงครามน้ำเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงได้อีกต่อไป และนั่นนำไปสู่ภาพสุดท้ายที่คนกรุงเทพฯ ได้เห็นก็คือ การพบกันระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์และม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ที่สถานีสูบน้ำพระโขนง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์น้ำที่จะเข้าจู่โจมกรุงเทพมหานคร แต่นั่นก็ไม่วายที่พรรคประชาธิปัตย์จะเล่นเกมการเมืองส่งท้ายด้วยการจัดฉากส่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เดินทางมาจ๊ะเอ๋กับคณะของนายกฯ ยิ่งลักษณ์และผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ที่สถานีสูบน้ำพระโขนง ซึ่งแม้จะมีการแก้ตัวว่า เป็นเหตุบังเอิญ แต่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นั่นคือความตั้งใจสร้างภาพของนายอภิสิทธิ์และค่ายประชาธิปัตย์มากกว่า ขณะที่อีกหนึ่งปมปริศนาซึ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ การที่น้ำไม่สามารถระบายออกได้ทั้งทางตะวันออกและตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตะวันออกที่ถูกกำหนดเอาไว้จนเป็นที่รับรู้กันแล้วว่า “เป็นพื้นที่รับน้ำ” ทั้งนี้ ผู้ที่ให้คำตอบชัดเจนที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ “นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์” รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร( กทม.) ที่ดับเครื่องชนอย่างตรงไปตรงมาว่า “กทม.ขอเรียกร้องให้กรมชลประทานเร่งเปิดประตูระบายน้ำด้านทิศตะวันออกโดยไวเพื่อระบายน้ำจากคลองระพีพัฒน์ลงสู่คลองรังสิต 6-13 ออกคลองหกวา และเรื่อยไปตามระบบจนระบายน้ำออกสู่แม่น้ำบางปะกง พื้นที่เหล่านี้เป็นทางระบายน้ำ ทำไมถึงต้องไปกั้น ถ้าเป็นสมัยโบราณ คนที่ทำอย่างนี้ถูกประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว นายกฯ เป็นคนดี มีความรู้ แต่ท่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้องช้า ผมไม่อยากว่าข้าราชการกรมชลประทาน แต่เบื้องหลังมันเป็นความเห็นแก่ตัวของการเมือง ลองไปถามสิว่า ทำไมพื้นที่บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา หนองจอก ทั้งที่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นพื้นที่รับน้ำ ทำไมถึงแห้งสนิทเช่นนี้ สุพรรณบุรีก็เช่นกัน ทำไมไม่เปิดประตูระบายน้ำเข้าพื้นที่เหล่านี้บ้าง” ใครคือเจ้านายของกรมชลประทาน ใครคือผู้มีบารมีตัวจริงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มังกรเตี้ยจากสุพรรณบุรีมิใช่หรือ ทว่า นอกจากมังกรเตี้ยจากเมืองสุพรรณแล้ว การที่รัฐบาลแต่งตั้งให้ ส.ส.สมุทรปราการเป็นประธานคณะทำงานการผันน้ำออกทางตะวันออกก็น่าจะไขปริศนาดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะทุกวันนี้ จังหวัดสมุทรปราการยังคงปลอดภัยจากน้ำท่วม 100% ทั้งๆ ที่เป็นเส้นทางน้ำผ่านและมีเครื่องสูบน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ การที่น้ำไม่ไหลไปทางตะวันออก ก็ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลเป็นห่วงและไม่ต้องการให้กระทบกับนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในแถบนั้น เช่น นิคมอุตสาหกรรมบางชัน นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ฯลฯ หลังจากถูกก่นด่าจากผลงานสุดห่วยที่ทำให้นิคมอุตสาหกรรม 7 แห่งก่อนหน้านี้ย่อยยับไปกับสายน้ำมาแล้ว ด้วยเหตุดังกล่าว น้ำทั้งหมดจึงกองรวมกันอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร และเมื่อประวิงเวลาเอาไว้นานเสียจนมาเผชิญกับภาวะน้ำทะเลที่หนุนสูงสุด ก็ส่งผลทำให้คนกรุงเทพฯ ตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ต้องอพยพลี้ภัยกันอย่างโกลาหล ...และจากข้อมูลทั้งหมดดังที่ไล่เรียงมาตั้งแต่ต้น คนไทยและคนกรุงเทพฯ คงสามารถสรุปได้แล้วว่า ใครที่ทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า “นักการเมือง” ใช่หรือไม่จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000137697
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4117 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 11:08:43 » |
|
ณ เวลานี้ ศปภ. ย้ายตัวเองจากดอนเมือง ไปอยู่ที่ กระทรวงพลังงาน ตึก ปตท. แล้วครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4118 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 11:17:53 » |
|
ข้อมูลน้ำของจังหวัดนครสวรรค์ ในวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม 2554
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ในวันนี้ 3,642 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ 117 ลบ.มง/วินาที
ระดับน้ำท่วมในวันนี้ลดลง 9 ซ.ม. โดย 13 วันที่ผ่านมา ระดับน้ำลดลงสะสม 58 ซ.ม.
และเมื่อรวมวันนี้เป็น 14 วัน ระดับน้ำลดลงทั้งสิ้น 67 ซ.ม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4119 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 11:30:51 » |
|
อัพเดท ข่าวจากนครสวรรค์ครับ
วันนี้ยังอยู่ในช่วง Big Cleaning Day ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทางทหารได้ส่งรถดัมพ์มาช่วยลำเลียงขยะไปทิ้งที่บ่อขยะ เพื่อทำให้เขตเมืองสะอาดและปราศจากกลิ่นเหม็นเน่า จากน้ำเสียและปฎิกูลทั้งหลาย เพื่อสร้าง "ปากน้ำโพโมเดล" สำหรับให้แต่ละจังหวัดที่น้ำท่วมใช้เป็นแบบอย่าง
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #4120 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 14:16:09 » |
|
สวัสดียามบ่ายครับ..... พี่เหยง และพี่น้องทุกท่าน
กรุงเทพช่วงนี้รถโล่งจังเลยครับ...
|
|
|
|
Pete15
|
|
« ตอบ #4121 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 14:23:14 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #4122 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 14:31:25 » |
|
เป็นเรื่อง.... อุบาทว์ มากกว่าครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4123 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 18:43:55 » |
|
พีี่ปี๊ด แหลม
ดอนเมืองเมือง 70 ปี คงจะเป็นที่ดอนจริงๆ ต่อมาทุกคนที่ไปสร้างหลักปักฐานที่นั่น ก็ถมที่ของตัวเองให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ ดอนเมือง กลายเป็นอ่างกะทะรับน้ำไปแล้ว
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4124 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2554, 19:00:33 » |
|
อัพเดทเพิ่มเติม.......
จุดอ่อน Big Cleaning Day อยู่ตรงรถขนขยะ ไม่เพียงพอ กับจำนวนขยะที่กองไว้หน้าบ้านทุกบ้าน มีการว่าจ้างรถดัมพืเข้ามาช่วยขนขยะ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ นี่จะเป็นจุดอ่อนให้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ต้องระมัดระวัง การจัดโครงการแบบนี้
|
|
|
|
|