จากคุณเปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์...................อ่านหน่อยครับ ๒๐ กันยายน นี้เอง เดี๋ยวจะพลาดโอกาสสำคัญไป
ศตวรรษรำลึก "ปิยมหาราช"By thaipost
Created 16 Sep 2553 - 00:00
เห็นไร้สติ-ไร้สาระกันแต่วันที่ ๑๙ กันยา ผมก็อยากนำเรื่องที่ควร "ได้สติ-มีสาระ" มาบอกกันบ้าง คือวันที่ ๒๐ กันยาที่จะถึงนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ "พระพุทธเจ้าหลวง" ครบรอบปีที่ ๑๕๗ ในโอกาสประเสริฐเวียนบรรจบ ใจภักดิ์จงพร้อม น้อมรำลึกถึงพระคุณ ธ ผู้ทรงต่อสู้หมู่ต่างชาติที่รุกราน "พระทัยนี้ทรงเจ็บ" แต่มิทรงยอมเป็นทาส กล้ำกลืนสละกิ่งฝอย เพื่อรักษาต้นรากใหญ่ "แผ่นดินสยาม" ให้พ้นจากรายนามประเทศอาณานิคมฝรั่งเศสและจักรวรรดิอังกฤษ สถิตความเป็น "ไท" อยู่ชาติเดียวในภูมิภาคนี้ ตราบ ณ วันนี้
"พระพุทธเจ้าหลวง" คือพระองค์ใด ต้องรีบขยายความก่อน อาจสงสัยกัน เพราะวัยรุ่น วัยกลางเก่า-กลางใหม่ กระทั่งวัยดึกหลายๆ คนก็อาจยังไม่รู้ หรือรู้แล้วเลือนๆ ไป เพราะไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก
"พระพุทธเจ้าหลวง" ก็คือ "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพ มหามงกุฎ บุรุษรัตนราชวรวิวงศ์วรุฒมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร" พระโอรสองค์ที่ ๙ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งราชจักรีวงศ์ ประสูติเมื่อ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖
และทรงขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๕ หลังพระราชบิดาสวรรคตเมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๔๑๑ ขณะนั้น ทรงพระชนมายุเพียง ๑๕ พรรษา และ ๔๒ ปีแห่งการเป็นพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ทรงสร้าง "ศตวรรษใหม่" เป็นเส้นทางให้ประเทศไทยได้เดินตราบ ณ วันนี้ และเสด็จสวรรคตเมื่อ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ ด้วยพระชนมายุเพียง ๕๘ พรรษา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ก็คือ ธ ผู้สร้าง ที่มวลพสกยกพระองค์เป็น "พระพุทธเจ้าหลวง" และ "สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า" ส่วนใหญ่ เราทั้งหลายรุ่นนี้มักขานพระนามพระองค์ว่า พระปิยมหาราชบ้าง เสด็จพ่อ ร.๕ บ้าง แต่ไม่มีใครได้พบว่าพระนามตามจารึกในพระสุบรรณบัฏมีว่าอย่างไร ฉะนั้น วันนี้ ควรทราบกันไว้
"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฏ บุรุษรัตนราช รวิวงศ วรุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวรราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิต อรรคอุกฤษฏไพบูลย์ บุรพาดูลย์กฤษฎาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประณต บาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรมสุขุมมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิษฐศักดิ์สมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขมาตยาภิรมย์ อุดมเดชาธิการ บริบูรณ์คุณสารสยามาทินครวรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรวิเศษสิรินทร อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิ์วรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภิลิต สรรพทศทิศวิชิตชัย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"
ครับ...ส่วนใหญ่เราจะจำและเฉลิมฉลองวันราชสมภพ แต่สำหรับ "พระพุทธเจ้าหลวง" ปวงชาวไทยจำแน่น-จำนาน-จำได้ตลอดกาลเฉพาะแต่วันเสด็จสวรรคต คือวันที่ ๒๓ ตุลาคม และเป็นวันสำคัญประจำชาติเรียกว่า "วันปิยมหาราช"
ส่วนวันที่ ๒๐ กันยายน แทบไม่มีใครจำได้ว่าเป็นวันพระราชสมภพของ ร.๕ เราจัดงานเป็นการรำลึกถึงกันแต่วันเสด็จจากไปของพระองค์ ๒๓ ตุลา ด้วยความเศร้า อันที่จริง วันราชสมภพ หรือ "วันเกิด" น่าจะเป็นวันที่เราทั้งหลายได้เฉลิมฉลองรำลึกถึงพระองค์ "ด้วยความสุข" ด้วยเช่นกัน
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ๑๙ กันยา ที่พี่ๆ น้องๆ คนไทยใส่เสื้อแดง นัดกันมาเคลื่อนไหวที่สี่แยกราชประสงค์ แสดงปฏิกิริยาถึงวันที่คณะทหารยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณนั้น ผมว่าไม่เกิดประโยชน์และผลดีอะไรกับส่วนรวม ทั้งกับตัวท่าน ครอบครัวท่าน และพี่น้องคนไทยด้วยกันทุกคน
รวมใจกันไปน้อมสักการะ-รำลึกถึงวันราชสมภพของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จะสร้างสรรค์ และสิริมงคลบังเกิดกับชาติบ้านเมือง รวมถึงตัวเองมากกว่า ท่านคิดว่าอย่างนั้นไหม?
พระพุทธเจ้าหลวง คือชีพจรกำเนิดของประเทศไทย และคนไทยในศตวรรษนี้ กล่าวเฉพาะบางส่วน พระองค์ทรงปกป้องแผ่นดินไทยทุกวิถีทางจากการรุกรานของฝรั่งเศสและอังกฤษถึงขั้น "ตรอมพระทัย" ยาวนาน โดยเฉพาะเมื่อคราวเสียฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ยืดเยื้อเรื้อรังไปถึงจันทบุรี ปี ๒๔๔๙ แถมอังกฤษยังสมคบเข้ามาซ้ำเอาไทรบุรี ปะลิส กลันตัน ตรังกานู ไปอีก ในปี ๒๔๕๑
พระผ่านฟ้า พระผู้เป็นบิดาเหนือบิดาของปวงพสกไทย ทรงหมองหม่นในพระทัยถึงขั้นพระประชวร และมิมีใดจะถ่ายทอดทุกข์ที่ถมทับพอให้พระทัยระงับโศก จากวิโยคดินแดนอันฝรั่งเศส-อังกฤษใช้กำลังเหนือกว่าข่มเหงรังแก "แตกแผ่นดินไทย" เอาไปเป็นของเขาได้ ก็มีเพียงสมุดไทยให้จารึกฝากรอยเจ็บถึงลูกหลานผ่าน "พระราชนิพนธ์" โคลงสี่สุภาพ ดังโคลงหนึ่งความว่า
เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย
คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง
ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง
ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพลันเกษมฯ
ครับ....อ่านแล้วต้องซบ ด้วยน้ำตาซึม อุระพระองค์ร้าวดั่งจะแยกแตกเป็นเสี่ยง ด้วยมโนแห่งมนุษย์สวรรค์ "พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน" นั้น มิทรงยินยอมเลย แต่ผู้รุกรานเขาหักหาญด้วยวิทยาการ อาวุธ และสันดานเล่ห์ร้าย อันไทยเราแม้ต่อกรจนชีวาหาไม่ ก็สุดเอาชนะได้ จำต้องเดินนโยบาย "สละอวัยวะรักษาชีพ" ชีพ คือชาติอันเป็นไท แต่ความรู้สึกจากเบื้องลึกในอุระขององค์พระผู้เป็นปิ่นแห่งสยามนาม "พระพุทธเจ้าหลวง" ยามนั้น
"คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง........"!
พระองค์เหนื่อยยิ่งนักแล้ว มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้พระองค์ทรงหายจากเหนื่อยนั้นได้ พระองค์ต้องการจากภพนี้ไปสู่ภพเบื้องหน้า เพราะสุดทนที่จะอยู่ในสภาพพระเจ้าแผ่นดินผู้ "เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย" มีแต่ภพเบื้องหน้าเท้านั้นที่จะช่วยให้พระองค์สร่างโศกจากการสูญสู่เกษมได้ ล้ากายมิเป็นไร ล้าใจเยี่ยงนี้สิ ยากทน.....
๒๐ กันยายน ๒๕๕๓ คือวันพระราชสมภพของ "สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า" ครบรอบปีที่ ๑๕๗
แต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ คือวัน "ครบ ๑๐๐ ปี" แห่งการเสด็จสวรรคตของ "สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า"
ผมจึงถือโอกาสนี้ "เตือน" ความทรงจำของพวกเราอันมีพระองค์สถิตอยู่กลางใจทุกคนได้ระลึกรู้ พสกนิกรผู้กตัญญูควรปฏิบัติอย่างไรในวันที่ ๒๐ กันยานี้ก็ดี ในวันครบ ๑๐๐ ปีแห่งการจากไปของพระองค์ก็ดี ขอได้มีสตินำไปใคร่ครวญ เพื่อการกตเวทิตาคุณร่วมกันในฐานะไทย-ลูกหลานเสด็จพ่อ ร.๕ ด้วยกันทุกคน
ถ้ายังตั้งต้นไม่ถูก ผมจะบอกให้ตาม "หมายงาน" ในมือผม คุณธิราช รุ่งเรืองกนกกุล ในนาม "กลุ่มศิลปินรักษ์แผ่นดิน" จะเปิดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ "ถ้วนศตวรรษรำลึก ปิยมหาราชา" ขึ้นที่อาคาร ไทยรักษ์แผ่นดิน วัดสุทธิวาตวราราม ท่าฉลอม สมุทรสาคร วันที่ ๑๙ กันยานี้
ใครใคร่ไป-ไปได้ทั้งวัน แต่ตอน ๑๕.๐๐ น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมว.สำนักนายกฯ จะทำพิธีเปิดงาน อยากทราบรายละเอียดโทร.ไปที่เบอร์ ๐๘-๖๙๙๓-๙๒๙๐ ชมรมไทยรักษ์แผ่นดิน
พระคุณของพระพุทธเจ้าหลวงนั้นเรียกว่า "มากพ้น รำพัน" จริงๆ อย่าว่าแต่ในหมู่คนไทยเราเลย แม้แต่ชาวโลก-ยูเนสโกยกย่องให้เอกสารและจดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๕ เป็นมรดกความทรงจำยิ่งใหญ่ของโลกประจำปี ๒๕๕๓ ผมเคยดูแวบๆ รายการ "กระจกหกด้าน" ทางช่อง ๗ สี เขาจัดทำเป็นสารคดีกระจกหกด้านชุด "ปิยมหาราชานุสรณ์ ร.ศ.๒๒๘" ร่วมเฉลิมฉลอง
แต่ไม่ทันใจเลย รายการกระจกหกด้านมีทุกวันช่วงบ่ายๆ ก็จริง แต่เวียนวันละชุด ดูชุด "ปิยมหาราชานุสรณ์ ร.ศ.๒๒๘" แล้ว ก็ต้องชะเง้อรอเป็นเดือนกว่าจะเวียนมาอีกที หมดอยากเลย เขาบอกว่ามีตั้ง ๕๒ ตอน เช่น พระราชาผู้เป็นที่รักยิ่ง, บ้านเมืองยุคเปลี่ยนแปลง, ยุวราชาติสยาม, สู้กับมหาอำนาจ ฯลฯ
นี่..กว่าจะได้ดูครบ ผมอาจ "จบก่อน" ก็เป็นได้ แต่เขาปลอบใจให้สมัครเป็น "สมาชิกแมกกาซีนออนไลน์ ผมยังเฉยๆ อยู่ ถ้าท่านสนใจลองเปิดไปที่
www.krajokhokdan.com [1] ได้ความว่าไง บอกผมด้วยแล้วกัน
ก็มาคิดๆ ดู กระจกของคุณ "สุชาดี มณีวงศ์" ยังมีตั้งหกด้าน แต่ละด้านเขาก็นำเสนอแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น แล้วสังคมข่าวสารทุกวันนี้ ทำไมจึงมีแต่ "ด้านไม่ดี" เป็นข่าวให้นำเสนอด้านเดียวได้ทุกวัน เดี๋ยวลอบสังหารนายกฯ เดี๋ยว ๑๙ กันยา เสื้อแดงถล่มเมือง ป่นปี้ยี่ยำบ้านเมืองตัวเองไม่พอ ยังไปดึงเอาแขก-เอารัสเซียมาเป็นเชื้อทำลายชาติหน้าตาเฉย ดูๆ แล้วก็ไม่เข้าใจ บ้านเมืองนี้ ทำไมจึงมากไปด้วย "คนอาศัยแผ่นดินเกิด"?
เปลว สีเงิน
--------------------------------------------------------------------------------
Source URL:
http://www.thaipost.net/news/160910/27508