|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6551 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2555, 18:28:15 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6552 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2555, 18:29:59 » |
|
คงพอมองออกว่า ทำไม?? น้ำจึงไม่ไหลไปจังหวัดสุพรรณบุรี ในช่วงปลายปี 2554 นะครับ
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6554 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2555, 07:58:14 » |
|
วันนี้ฝนตกทั่วประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 70 - 90 ของพื้นที่ พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 5 กรกฏาคม 2555 ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 05 กรกฎาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6555 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2555, 20:43:40 » |
|
คำต่อคำ เจ้าสัวธนินท์ ชี้เศรษฐกิจจะดี การเมืองต้องนิ่ง แนะสูตร 3 พลังจีน"อสังหาฯ-บริการ-เกษตร" updated: 05 ก.ค. 2555 เวลา 13:28:03 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ เครือซีพี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "พลังจีน...ขับเคลื่อนโลก" เนื่องในโอกาสหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจก้าวสู่ปีที่ 36 โดยมี นายก่วน มู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายพินิจ จารุสมบัติ นายกสมาคมวัฒนธรรมเเละเศรษฐกิจไทย-จีนและอดีตรองนายกรัฐมนตรี นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) รวมทั้งผู้ประกอบการและนักธุรกิจเข้าร่วมรับฟังอย่างเนื่องแน่น
"เจ้าสัว" แนะทั้งเอกชน-รัฐบาล ต้องเดินคู่กัน "ถ้าจะคอร์รัปชั่นต้องมีเหตุมีผล"
นายธนินท์ กล่าวว่า เศรษฐกิจจะมีความต่อเนื่องได้ การเมืองต้องนิ่ง อย่างประเทศเยอรมันพรรคเดียวผูกขาดกว่า 40 ปี บริหารประเทศมาตลอด ส่วนประเทศญี่ปุ่นก็ 40 กว่าปี พอพักหลังเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีบ่อยเหลือเกิน เพราะไม่มีการเมืองที่มั่นคงและนำด้วยผู้นำที่มีความสามารถและต้องต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็ยาก สำหรับประเทศที่ยากจนจะพัฒนาให้ดีขึ้นมา ต้องมีความต่อเนื่อง
"ทั้งบริษัทเอกชนและรัฐบาลต้องเดินหน้า ผมว่าต้องเดินหน้าไปด้วยกันและก็ทำถูกทั้งคู่ ธุรกิจอะไรบ้างต้องเป็นรัฐบาลมาลงทุน แต่ให้รัฐบาลลงทุนร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม ต่อไปก็ต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นของเอกชน เพราะรัฐบาลก็เป็นของเอกชน ขนาดธุรกิจต้องใหญ่ บางอย่างเอกชนทำไม่ได้ทั้งหมด แต่อะไรที่เอกชนทำได้ รัฐบาลก็ต้องส่งเสริม
ผมสัมผัสกับรัฐบาลจีนมา ผมมีความเชื่อมั่นมาตลอดเวลาถึงวันนี้ เชื่อมั่นในตัวผู้นำของรัฐบาลจีน พูดได้ว่า ส่วนใหญ่เสียสละเพื่อชาติและทุ่มเททำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ลืมเรื่องส่วนตัว แน่นอนทุกสังคมของทุกประเทศต้องมีคอร์รัปชั่นกัน แต่ผมว่าเมืองจีนมีน้อยที่สุด ถ้าจะคอร์รัปชั่นต้องมีเหตุมีผล อย่างไรก็ตาม ผมมีความเชื่อมั่นว่าประเทศจีนจะก้าวหน้าอีกอย่างก้าวใหญ่และเร็ว มาถึงวันนี้เศรษฐกิจและการเติบโต ผมว่า จีนพร้อมแล้ว พร้อมทุกอย่าง ตั้งแต่ความรู้และการศึกษา วันนี้เอเชียเนื้อหอมมาก สหรัฐอเมริกามาเห็นว่าเอเชียต่อไปจะไม่ธรรมดาและสำคัญมาก ในฐานะเราเป็นประทศไทย ผมพูดเป็นกลางว่า เราก็ต้องต้อนรับอเมริกาด้วย แต่เราต้องเอียงไปทางเมืองจีน เพราะวัฒนธรรมคนจีนไม่ใช่จะทิ้งเราไป แต่เขารู้บุญคุณมีเยื่อใยมีการต่อเนื่อง เราน่าจะต้อนรับทั้งสองยักษ์ใหญ่ ต่อไปในเอเชียอย่างไร จีนใหญ่กว่าแน่นอน"
ไทยต้องต้อนรับ 2 ยักษ์ใหญ่อ้าแขนรับอเมริกาได้ แต่ต้องเอียงไปทางจีน
วันนี้จีนส่งออกเป็นที่ 1 ของโลก นำเข้าเป็นที่ 2 ส่วนที่หนึ่งเป็นอเมริกา แต่ถ้าวันนี้จีนมีเศรษฐกิจดีขึ้น ปัจจุบันจีนมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 5,400 กว่าหยวนต่อคนต่อปี ส่วนสหรัฐอเมริกา 48,300 ดอลล่าร์ต่อคนต่อปี ห่างกันเกือบจะ 9 เท่า ท่านลองคิดดูว่าวันนี้จีนนำเข้าต่อวัน 1.77 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าเศรษฐกิจรวยเท่าอเมริกา อเมริกานำเข้า 2.44 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ห่างกันไม่กี่เท่า ถ้าต่อไปเศรษฐกิจจีนใหญ่กว่าอเมริกาลองบวกดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น
"เราส่งออกสินค้าอะไรให้จีน และจีนมีโอกาสร่ำรวยหรือไม่ แน่นอน จึงไม่ได้ยาก อีก 9 เท่าต้องใช้เวลา แต่จะให้เติบโตอีก 5 เท่า ไม่ยาก ต่อไปจีนไม่ใช่ส่งออกเป็นที่หนึ่ง แต่นำเข้าก็เป็นที่หนึ่ง จีนจะเป็นมหา อำนาจทางเศรษฐกิจ แต่แน่นอนเศรษฐกิจจีนเป็นที่หนึ่งแน่นอน การส่งออกก็ต้องเป็นที่หนึ่ง รวมถึงการนำเข้า เงินทุนสะสมก็เป็นที่หนึ่งจากวันนี้เป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว 3 ล้านล้านดอลลาร์ และจีนทุกอย่างพร้อมแล้ว พร้อมกว่าสมัยที่ผมเข้าไปเมื่อ 32 ปีก่อน" นายธนินท์ กล่าว
ระบุจีนเป็นที่หนึ่งของโลก เชื่อเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด
จีนเป็นที่ 1 ของโลก และพอเป็นที่หนึ่งของโลกแล้ว ทวีคูณ ผมมีความเชื่อมั่นผู้นำของจีน โดยเฉพาะรุ่นที่จะขึ้นมาใหม่ ผมรู้จักทั้งสองท่าน อย่างท่าน หลี่เค่อเฉียง (คาดการณ์นายกฯจีนคนต่อไป) เคยเป็นคนหนุ่มที่สุด ถูกส่งไปเป็นผู้ว่ามณฑลเหอหนาน เป็นมณฑลที่มีประชากร 100 ล้านคน และเป็นมณฑลที่ผลิตผลการเกษตรเบอร์หนึ่งและอยู่ใจกลางประเทศจีน ดังนั้น แน่นอนว่าท่านจะรู้เรื่องการเกษตรแน่นอน และดีกว่านายกฯจีนคนปัจจุบันนี้ แต่เรื่องเกษตรผมเชื่อว่าคนใหม่จะรู้เยอะกว่า อีกคน สี่จิ้นผิง ซึ่ง (คาดการณ์ประธานาธิบดีจีนคนต่อไป) ไต่เต้าผ่านปัญหาและเห็นความยากจนในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร และไต่เต้ามา ผมเคยเห็นท่านสมัยเป็นเลขาธิการพรรคเมืองฟุโจว เราไปลงทุนที่นั่น ท่านให้บัตรชาวเมืองฟุโจวเป็นเกียรติยศมอบให้ผม ก็รู้จักกันมาและเคยเชิญมาเมืองไทย ผมสัมผัสเมื่อไหร่ก็ยอมรับว่าท่านเป็นผู้นำ ผมเป็นผู้ตาม ท่านมีพลัง มีอัธยาศัยที่ให้คนพบแล้วมีความยอมรับว่านี่คือผู้นำที่แท้จริง นิ่มนวล และฟังเหตุผล ฟังมากกว่าพูด
ผมเชื่อมั่นว่าปีหน้า และผู้นำทั้ง 2 ท่าน ก็รู้แล้วว่า ที่ผ่านมาผู้นำคนเดิมมีอะไรดีก็สานต่อ มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงก็ได้เปลี่ยนแปลงแน่นอน ผมเชื่อมั่น เพราะไม่มีใครทำอะไรถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ถูก 70 เปอร์เซ็นต์ ผิด 30 เปอร์เซ็นต์ ก็เก่งแล้ว ที่ถูกก็ทำต่อ ที่ผิดหรือดีไม่พอก็เปลี่ยนแปลง ผมเชื่อมั่นว่า จีนจะต้องเปลี่ยนแปลงไปก้าวกระโดดอย่างแน่นอน หลังเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่แล้ว จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ถูกต้องและเหมาะสมกับโลกกำลังเปลี่ยนแปลงในวันนี้
3 พลังจีน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ "อสังหาฯ-บริการ-เกษตร"
นายธนินท์ กล่าวว่า ถ้านโยบายรัฐบาลถูกต้อง วันนี้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างทวีคูณ แต่อะไรคือการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง ผมมองว่าจีนในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนที่เจริญเทียบเท่าจีนแล้ว พลังมหาศาลที่ฉุดเศรษฐกิจ คือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นเบอร์หนึ่งเลย เพราะอสังหาริมทรัพย์จะฉุดธุรกิจอีกตั้งหลายสิบธุรกิจ หรือหลายร้อยธุรกิจเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ ตั้งแต่คนอ่านหนังสือไม่เป็นก็มีงานทำ และยังฉุดอุตสาหกรรมเหล็ก อิเล็กทรอกนิกส์ ปิโตรเคมี เครื่องใช้ไฟฟ้า จนไปถึงตกแต่งออกแบบภายใน ช่างไม้ ช่างฝีมือ
ตัวนี้เป็นตัวเลขที่มหาศาล แต่อเมริกาอาจจะมีโอกาส ยังมีคนย้ายมาอยู่อเมริกา แต่ยุโรปเป็นพื้นที่คนแก่ บ้านยังมีเหลือ ศูนย์การค้ายังมีเหลือ จะไปสร้างบ้าน ศูนย์การค้าอะไร ดังนั้นทุกอย่างเต็มแล้ว แต่จีนยังขาดแคลนอย่างมาก จริงๆแล้วจีนเพิ่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเพียงสิบกว่าปี และสิบกว่าปีก่อนถนนยังว่างเปล่า สมัยก่อนประชาชนไม่มีสิทธิ์ซื้อรถยนต์ ที่ซื้อได้คือบริษัทกับข้าราชการ เอกชนยังไม่มีสิทธิ์ซื้อกระทั่งเพิ่งปล่อยมา 12-13 ปี ทีนี้พ่อปล่อยมาตรการให้เอกชนซื้อได้ก็ปิดไม่ได้
ดังนั้นเรื่องอสังหาริมทรัพย์นอกจากเศรษฐกิจโตขึ้นจากกำลังซื้อบ้านเล็กก็เปลี่ยนเป็นบ้านใหญ่และเกษตรกรอีก 700 ล้านคนร่ำรวยขึ้นมาซึ่งจีนยังมี 50-60 เปอร์เซ็นต์เป็นเกษตรกร ดังนั้นที่อยู่อาศัยยังขาดแคลนมหาศาล ตัวนี้จะเป็นพาวเวอร์พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการจ้างงานตัวหนึ่ง
นายธนินท์ กล่าวว่า ดัชนีตัวที่สองที่จะเป็นพลังมหาศาลคือธุรกิจบริการ ตัวนี้ประเทศอื่นเต็ม แต่จีนเพิ่งเกิดมา 10 กว่าปีเท่านั้น และรัฐบาลยังไม่หลักสูตรมาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและกลาง โลกนี้ไม่มีนักธุรกิจที่ผ่านการทำธุรกิจขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ ยกเว้นบริษัเอกชนและรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หรือบริษัทที่รวมทุนแล้วตั้งบริษัท และจีนวัฒนธรรมเกิดมาก็ทำธุรกิจเป็น
ถ้ารัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเหมือนญี่ปุ่นหรือเหมือนเยอรมัน ผมว่านักวิชาการของจีนไม่ต้องส่งไปเรียนรู้อเมริกา เพราะตำราของอเมริกาวันนี้ใช้กับจีนไม่ได้ ดังนั้นกรณีจีน ถ้าไปฟังนักวิชาการที่เรียนจากอมเริกาอย่าไปฟังมาก เอามาเป็นไกด์ไลน์พอ ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ 27 ปีร่ำรวยมาได้อย่างไร ญี่ปุ่นมาเป็นมหาอำนาจโลกทางการเงิน เศรษฐกิจได้อย่างไร ขอให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ว่าสร้างมาได้อย่างไร ที่ดีเอามาใช้ทางอ้อมก็เอามาดู ไม่ดีกว่าหรือ
ดังนั้นพลังอันยิ่งใหญ่ต่อเนื่องถาวรยั่งยืนคือธุรกิจบริการ ซึ่งรวมทั้งโรงพยาบาล การค้า โรงแรม คนไทยเราถ้าใครทำธุรกิจไต่เต้าตั้งแต่จิ๋วกลาง วันนี้เป็นโอกาสแล้ว รัฐบาลไทยน่าจะไปหาข้อมูล เพราะจีน ผมเชื่อมั่นว่า หลังจากปีหน้าจะมีมาตรการดีๆส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กกลางให้ใหญ่ วันนี้ธุรกิจเอสเอ็มอี กู้ตรงๆจากแบงก์ใหญ่ไม่ได้ เหมือนกรณีเดียวกับประเทศไทย ที่แบงก์ใหญ่ไม่ปล่อยกู้ แต่เราไม่ควรเอาตำราดูแลผู้ใหญ่มาดูแลเด็ก การเงินที่จะสนับสนุน ควรแบ่งการดูแลภาคธุรกิจเป็นสามสูตร ธุรกิจเล็ก กลาง ใหญ่
"ผมเชื่อมั่นจีนจะมีมาตรการดีๆออกมา จึงอยากแนะนำที่เมืองไทยว่า เราน่าจะหนุนธุรกิจกลุ่มนี้ (เอสเอ็มอี) และดูว่าจีนกำลังจะมีมาตรการธุรกิจที่เหมาะสมออกมา เราควรมองและใช้ประสบการณ์ที่เราเคยทำสำเร็จมาแล้วเข้าไป โดยยิงนกสองตัวเข้าไปลงทุนเมืองจีนในช่วงรัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุน และนโยบายชัดเจน"
นายธนินท์ กล่าวต่ออีกว่า ดัชนีหรือพลังตัวที่สาม คือ การเกษตร ในจีน 700 ล้านคน มีที่ดินเป็นของรัฐบาล ชาวนาชาวไร่มีสิทธิ์อยู่บนที่ดินทำกิน ผมกำลังจะทำเป็นตัวอย่าง ที่ดินรัฐบาลจีนไม่ขายเราซื้อไม่ได้ ดังนั้นแต่ละหมู่บ้านในจีน เป็นตัวอย่างที่ ผมจะไปทดลอง 4-5 หมู่บ้านในเมืองจีนให้รัฐบาลเห็น มีผู้ปลูกทำเกษตรในที่ที่เก่งๆในหมู่บ้าน ทางผมจะส่งเสริม เพราะเกษตรกรโดยมากขาดทุน ขาดเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการตลาดเมื่อปลูกมีผลผลิต ที่ผ่านมา ผลผลิตไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ปล่อยให้ตากและเก็บไม่มีมาตรฐาน ดังนั้นต้องช่วยด้านการ ดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิต โลจิสติก การดูแลการตลาด ซึ่งเรื่องเหล่านี้เกษตรและรัฐบาลจีนทำไม่ได้
"ผมจะไปทำให้เห็นกำลังศึกษา เมืองไทยมีหมู่บ้านไหนให้ซีพีเข้าไปทดลองทำ ผมไม่ได้ไปซื้อที่ แต่จะสร้างคนเก่งในหมู่บ้านให้ความรู้ให้ทุน ส่งเสริมอุปกรณ์ทันสมัย เช่น รถแทรคเตอร์ ขายปุ๋ย ขายเมล็ด พันธุ์ถูกต้อง ช่วยวิเคราะห์ดิน เกษตรกรที่เป็นคนรับจ้าง กลายเป็นเถ้าแก่ คนมีความสามารถเป็นเถ้าแก่แล้วก็ให้ใช้เงินไปจ้างคนอื่นลงมือทำ โดยคุณอยู่เฉยๆได้เงินไปและให้คนไปลงแรง ที่เมืองจีนมีลักษณะเช่นนี้ในบางมณฑลได้ผลมาแล้ว"
ผมจะใช้ตัวอย่างนี้ จากเจ้าของที่ดินกลายเป็นเถ้าแก่ ซึ่งจะดูไปตามลักษณะหมู่บ้าน เช่นหมู่บ้านไหนเลี้ยงสุกร ซีพีจะไม่ไปสร้างฟาร์ม แต่จะไปรวบรวมผู้เลี้ยงในหมู่บ้านแล้วลงทุนตามสัดส่วน เป็นลักษณะหุ้นส่วน หรือจากในหมู่บ้านต้องหาเถ้าแก่ มารับเหมาและซีพี จะทำเรื่องการตลาด อย่างไรก็ตามจะพึ่งพาเกษตรกร แล้วแปรสภาพทุนทางเทคโนโลยีให้ทันสมัย ส่วนด้านการตลาดให้ฝ่ายธุรกิจเข้ามาเสริม ถ้าซีพีทำสำเร็จเมื่อไหร่ นักธุรกิจจีนจะเรียนรู้อย่างรวดเร็วนำมาใช้เป็นต้นแบบในจีนเช่นเดียวกัน
นายธนินท์ กล่าวว่า ถ้านโยบายรัฐบาลถูกต้อง วันนี้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างทวีคูณ แต่อะไรคือการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง ผมมองว่าจีนในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนที่เจริญเทียบเท่าจีนแล้ว พลังมหาศาลที่ฉุดเศรษฐกิจ คือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นเบอร์หนึ่งเลย เพราะอสังหาริมทรัพย์จะฉุดธุรกิจอีกตั้งหลายสิบธุรกิจ หรือหลายร้อยธุรกิจเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ ตั้งแต่คนอ่านหนังสือไม่เป็นก็มีงานทำ และยังฉุดอุตสาหกรรมเหล็ก อิเล็กทรอกนิกส์ ปิโตรเคมี เครื่องใช้ไฟฟ้า จนไปถึงตกแต่งออกแบบภายใน ช่างไม้ ช่างฝีมือ
ตัวนี้เป็นตัวเลขที่มหาศาล แต่อเมริกาอาจจะมีโอกาส ยังมีคนย้ายมาอยู่อเมริกา แต่ยุโรปเป็นพื้นที่คนแก่ บ้านยังมีเหลือ ศูนย์การค้ายังมีเหลือ จะไปสร้างบ้าน ศูนย์การค้าอะไร ดังนั้นทุกอย่างเต็มแล้ว แต่จีนยังขาดแคลนอย่างมาก จริงๆแล้วจีนเพิ่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเพียงสิบกว่าปี และสิบกว่าปีก่อนถนนยังว่างเปล่า สมัยก่อนประชาชนไม่มีสิทธิ์ซื้อรถยนต์ ที่ซื้อได้คือบริษัทกับข้าราชการ เอกชนยังไม่มีสิทธิ์ซื้อกระทั่งเพิ่งปล่อยมา 12-13 ปี ทีนี้พ่อปล่อยมาตรการให้เอกชนซื้อได้ก็ปิดไม่ได้
ดังนั้นเรื่องอสังหาริมทรัพย์นอกจากเศรษฐกิจโตขึ้นจากกำลังซื้อบ้านเล็กก็เปลี่ยนเป็นบ้านใหญ่และเกษตรกรอีก700ล้านคนร่ำรวยขึ้นมาซึ่งจีนยังมี50-60 เปอร์เซ็สต์เป็นเกษตรกร ดังนั้นที่อยู่อาศัยยังขาดแคลนมหาศาล ตัวนี้จะเป็นพาวเวอร์พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการจ้างานตัวหนึ่ง
นายธนินท์ กล่าวว่า ดัชนีตัวที่สองที่จะเป็นพลังมหาศาลคือธุรกิจบริการ ตัวนี้ประเทศอื่นเต็ม แต่จีนเพิ่งเกิดมา 10 กว่าปีเท่านั้น และรัฐบาลยังไม่หลักสูตรมาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและกลาง โลกนี้ไม่มีนักธุรกิจที่ผ่านการทำธูรกิจขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ ยกเว้นบริษัอเอกชนและรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หรือบริษัทที่รวมทุนแล้วตั้งบริษัท และจีนวัฒนธรรมเกิดมาก็ทำธุรกิจเป็น
ถ้ารัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเหมือนญี่ปุ่นหรือเหมือนเยอรมัน ผมว่านักวิชาการไม่ต้องส่งไปเรียนรู้อเมริกา เพราะตำราของอเมริกาวันนี้ใช้กับจีนไม่ได้ ดังนั้นกรณีจีน ถ้าไปฟังนักวิชาการที่เรียนจากอมเริกาอย่าไปฟังมาก เอามาเป็นไกด์ไลน์พอ ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ 27 ปีร่ำรวยมาได้อย่างไร ญี่ปุ่นมาเป็นมหาอำนาจโลกทางการเงิน เศรษฐกิจได้อย่างไร ขอให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ว่าสร้างมาได้อย่างไร ที่ดีเอามาใช้ทางอ้อมก็เอามาดู ไม่ดีกว่าหรือ
ดังนั้นพลังอันยิ่งใหญ่ต่อเนื่องถาวรยั่งยืนคือธุรกิจบริการ ซึ่งรวมทั้งโรงพยาบาล การค้า โรงแรม คนไทยเราถ้าใครทำธุรกิจไต่เต้าตั้งแต่จิ๋วกลาง วันนี้เป็นโอกาสแล้ว รัฐบาลไทยน่าจะไปหาข้อมูล เพราะจีนผมเชื่อมั่นว่า หลังจากปีหน้าจะมีมาตรการดีๆส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กกลางให้ใหญ่ วันนี้ธุรกิจเอสเอ็มอี กู้ตรงๆจากแบงก์ใหญ่ไม่ได้ เหมือนกรณีเดียวกับประเทศไทย ที่แบงก์ใหญ่ไม่ปล่อยกู้ แต่เราไม่ควรเอาตำราดูแลผู้ใหญ่มาดูแลเด็ก การเงินที่จะสนับสนุน ควรแบ่งการดูแลภาคธุรกิจเป็นสามสูตร ธุรกิจเล็ก กลาง ใหญ่
"ผมเชื่อมั่นจีนจะมีมาตรการดีๆออกมา จึงอยากแนะนำที่เมืองไทยว่า เราน่าจะหนุนธุรกิจกลุ่มนี้ (เอสเอ็มอี) และดูว่าจีนกำลังจะมีมาตรการธุรกิจที่เหมาะสมออกมา เราควรมองและใช้ประสบการณ์ที่เราเคยทำสำเร็จมาแล้วเข้าไป โดยยิงนกสองตัวเข้าไปลงทุนเมืองจีนในช่วงรัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุน และนโยบายชัดเจน"
นายธนินท์ กล่าวต่ออีกว่า ดัชนีหรือพลังตัวที่สาม คือ การเกษตร ในจีน 700 ล้านคน มีที่ดินเป็นของรัฐบาล ชาวนาชาวไร่มีสิทธิ์อยู่บนที่ดินทำกิน ผมกำลังจะทำเป็นตัวอย่าง ที่ดินรัฐบาลจีนไม่ขายเราซื้อไม่ได้ ดังนั้นแต่ละหมู่บ้านในจีน เป็นตัวอย่างที่ ผมจะไปทดลอง 4-5 หมู่บ้านในเมืองจีนให้รัฐบาลเห็น มีผู้ปลูกทำเกษตรในที่ที่เก่งๆในหมู่บ้าน ทางผมจะส่งเสริม เพราะเกษตรกรโดยมากขาดทุน ขาดเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการตลาดเมื่อปลูกมีผลผลิต ที่ผ่านมา ผลผลิตไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ปล่อยให้ตากและเก็บไม่มีมาตรฐาน ดังนั้นต้องช่วยด้านการ ดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิต โลจิสติก การดูแลการตลาด ซึ่งเรื่องเหล่านี้เกษตรและรัฐบาลจีนทำไม่ได้
"ผมจะไปทำให้เห็นกำลังศึกษา เมืองไทยมีหมู่บ้านไหนให้ซีพีเข้าไปทดลองทำ ผมไม่ได้ไปซื้อที่ แต่จะสร้างคนเก่งในหมู่บ้านให้ความรู้ให้ทุน ส่งเสริมอุปกรณ์ทันสมัย เช่น รถแทรคเตอร์ ขายปุ๋ย ขายเมล็ด พันธุ์ถูกต้อง ช่วยวิเคราะห์ดิน เกษตรกรที่เป็นคนรับจ้าง กลายเป็นเถ้าแก่ คนมีความสามารถเป็นเถ้าแก่แล้วก็ให้ใช้เงินไปจ้างคนอื่นลงมือทำ โดยคุณอยู่เฉยๆได้เงินไปและให้คนไปลงแรง ที่เมืองจีนมีลักษณะเช่นนี้ในบางมณฑลได้ผลมาแล้ว"
ผมจะใช้ตัวอย่างนี้ จากเจ้าของที่ดินกลายเป็นเถ้าแก่ ซึ่งจะดูไปตามลักษณะหมู่บ้าน เช่นหมู่บ้านไหนเลี้ยงสุกร ซีพีจะไม่ไปสร้างฟาร์ม แต่จะไปรวบรวมผู้เลี้ยงในหมู่บ้านแล้วลงทุนตามสัดส่วน เป็นลักษณะหุ้นส่วน หรือจากในหมู่บ้านต้องหาเถ้าแก่ มารับเหมาและซีพี จะทำเรื่องการตลาด อย่างไรก็ตามจะพึ่งพาเกษตรกร แล้วแปรสภาพทุนทางเทคโนโลยีให้ทันสมัย ส่วนด้านการตลาดให้ฝ่ายธุรกิจเข้ามาเสริม ถ้าซีพีทำสำเร็จเมื่อไหร่ นักธุรกิจจีนจะเรียนรู้อย่างรวดเร็วนำมาใช้เป็นต้นแบบในจีนเช่นเดียวกัน
แนะส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีให้ยิ่งใหญ่เพื่อสร้างพาวเวอร์
นายธนินท์ กล่าวว่า วันนี้เราช่วยกันติดตาม จีนจะต้องส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี เพราะตัวนี้จะสำคัญมีบทบาทถึง 86 เปอร์เซน็ต์ ส่วนอเมริกา 80 % ขึ้นไปเป็นธูรกิจบริการ เกษตรกรเพียง 1-5 เปอร์เซนต์ เหลืออุตสาหกรรม 9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอุตสาหกรรมบริษัทยิ่งใหญ่ยิ่งต้องใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติสูง การใช้คนยิ่งน้อยเป็นเรื่องแน่นอน
"ประสบการณ์ผม รัฐบาลไทยอย่าห่วงเลย รัฐบาลจีนก็ไม่ต้องห่วง ต้องส่งเสริมธุรกกิจเอสเอ็มอีให้ยิ่ง ใหญ่เท่าไหร่ เข้าตลาดหลักทรัพย์ และสุดท้ายก็จะกลายเป็นบริษัทของสังคม อย่าไปกลัวใหญ่ แต่ขอให้กลัวเล็ก ประเทศเล็กต้องทำอะไรให้ใหญ่ถึงสู้กับเขาได้ เช่นเดียวกับเกาหลี ญี่ปุ่น อย่างจีนยิ่ง ใหญ่ยิ่งมีพาวเวอร์"
ชี้เศรษฐกิจไทยไม่โตมัวแต่ทะเลาะกัน แนะเกาะติด"อินเดีย-พม่า"ลำดับถัดไป
"ผมเชื่อมั่นรัฐบาลจีนมีผู้นำที่ทำงานรวดเร็วเข้าใจปัญหาประเทศและไม่ทะเลาะกันต่างจากบ้านเรา พอเห็นอะไรดีน่าทำ จะต้องมีสองความเห็น มองแตกต่างกัน มัวแต่ทะเลาะ ไม่ได้ทำกันซักที สำหรับเมืองจีนเห็นชัดว่า ทำอะไรแล้วดี ไม่มีใครขัดขวาง และทำอย่างรวดเร็ว ผมเชื่อมั่นเศรษฐกิจเขาจะต้องเติบโตอย่างที่คนคาดไม่ถึง ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อม เมืองไทย รัฐบาลไทยต้องเตรียมพร้อม และจีนเต็มไปด้วยโอกาส
เศรษฐีฮ่องกงส่งคนไปศึกษาเครื่องหมายการค้าของบริษัทในสหภาพยุโรปที่กำลังจะขายถูกๆเพื่อนำมาพัฒนาเป็นธุรกิจของตัวเอง
วันนี้จีนถ้ารวยขึ้นมาอีก9เท่า หรืออีก 5 เท่าก็พอ และอีก 10 เปอร์เซ็นต์ มาเที่ยวเมืองไทย ประเทศไทยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวจากจีนได้พอหรือไม่ 130 ล้านคน จะเอาที่ไหนให้เที่ยวให้อยู่ ดังนั้นวันนี้เมืองไทยต้องเตรียมพร้อม เชื่อมั่นว่าจีนรวยขึ้นแน่นอน และจีนมาเที่ยวแน่นอน แต่จะเที่ยวไหน พม่า อเมริกา ยุโรป ฮ่องกงหรือเมืองไทย เราจะทำอย่างไรให้คนจีนมีที่เงินจำนวน 100 กว่าล้านคน มาเที่ยวเมืองไทย ฝากรัฐบาลไทยช่วยศึกษา เติมเต็มโอกาสไปด้วย
สำหรับมูลค่านำเข้าของจีนต่อปี 1.77 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากนี้คิดไปอีก 5 เท่าซึ่งจะขยายเป็น 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อะไรที่จะขายให้จีนเราต้องมาศึกษา ตัวที่เห็นชัดๆคือ ทุเรียน ในโลกนี้ไม่มีใครสู้ไทยได้ และยางพารา เพราะกำลังซื้ออีก 700 ล้านคน กำลังหันมาใช้รถยนต์ซึ่งต้องนำเข้ายางไปผลิตยางรถยนต์มหาศาล
ดังนั้นเราต้องสนใจในภูมิภาคนี้หลังศึกษาเศรษฐกิจจีนจบแล้วอันดับต่อไปคือต้องศึกษาอินเดีย เพราะอินเดียก็ดูตัวอย่างจากจีน อันดับต่อไปที่ติดอินเดีย ก็คือพม่า ซึ่งมีทรัพยากรสูงกว่าไทย และเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโอกาส ทุกคนมีความหวัง ใครๆก็ไปพม่า
ส่วนยุโรปจากนี้ไปมีปัญหาแน่นอน แต่ปัญหาเหล่านี้ต้องจบ ต้องแก้ไขได้แน่นอน ในที่สุดแล้วเงินที่จะไหลไปยุโรปกับอเมริกาจะไหลกลับเอเชีย วันนี้ไหลกลับไปสองทวีปนั้นชั่วคราว เป็นเงินกองทุนที่ลงทุนไม่ได้เกี่ยวกับธนาคารมากมาย ดังนั้นเสียดายเมืองไทย การเมืองไม่นิ่ง ถ้าการเมืองเมืองไทยนิ่งเมื่อไร วันนี้คนไทยเราจะร่ำรวยกว่าเขาแล้ว อย่าห่วงเงินเฟ้อ เงินเฟ้อต้องไปพูดสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง วันนี้มีของมากกว่าเงิน เงินเฟ้อที่อันตรายที่สุดคือมีเงินแต่ไม่มีของซื้อ เงินเป็นเศษกระดาษ
ผมขอย้ำเรื่องนี้ น้ำมันบนดิน คือสินค้าเกษตรที่เกิดจากแผ่นดินไทย ยิ่งกว่าน้ำมันอีก เพราะเป็นสินค้าหล่อเลี้ยงมนุษย์ จะเห็นว่าประเทศที่เจริญเขาห่วงอย่างเดียวคือ สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ลองคุยกับญี่ปุ่นรวยขนาดนี้ มีเกษตรกรเหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ เขายังปกป้อง ส่วนของเราไม่เคยพูดถึงรายได้ขั้นต่ำเกษตรกรเท่าไหร่ ซึ่งไทยกับจีนเท่ากัน แต่กลัวคนในเมืองซื้อของแพง แล้วทำไมไม่หาทุน เพิ่มสินค้าเกษตร ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเท่าราคาน้ำมันและเพิ่มเงินรายได้ขั้นต่ำให้ข้าราชการ หลายอย่างราคาเพิ่มสูงกว่าสินค้าเกษตร แล้วจะไม่ให้เกษตรกรยากจนได้อย่างไร และคนส่วนใหญ่ของเราก็เป็นเกษตรกร" http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1341469976&grpid=00&catid=no&subcatid=0000
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6556 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 12:19:18 » |
|
ทั่วประเทศไทย ฝนยังตกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 70 - 80 และ 90 ของพื้นที่
พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 6 กรกฏาคม 2555 ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก" ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 06 กรกฎาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น. ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม ศรีสะเกษ จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1-2 วันนี้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6557 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 12:22:26 » |
|
อึ้ง! ชาติขายพระพุทธรูป อ้าง ทำให้เข้าถึงการตรัสรู้ข่าวทั่วไป RYT9.COM -- ศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2555 09:20:34 น. . มีรายงานข่าวออกมาว่า มีเว็บไซต์เกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของต่างประเทศรายหนึ่ง ได้ผลิตเก้าอี้ลอยน้ำทรงพระพุทธรูป โดยระบุรายละเอียดไว้ว่า เก้าอี้ตัวนี้ช่วยผ่อนคลายเพราะบริเวณหน้าตักกว้าง ทำให้นั่งสบาย ทั้งยังช่วยให้สามารถเข้าถึงการตรัสรู้ได้ ถึงแม้จะอยู่ที่บ้านก็ตาม
โดยเก้าอี้ทรงพระพุทธรูปนี้ ทำจากพลาสติกสังเคราะห์ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก มีไฟส่องสว่างในตัว นอกจากนี้ ยังมีภาพแสดงสินค้าที่ไม่เหมาะสมในสายตาชาวพุทธคือ ภาพผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสายเดี่ยวสีดำ เผยให้เห็นหน้าอก นั่งอยู่บนเก้าอี้ดังกล่าวด้วย
และเมื่อมีภาพที่ไม่เหมาะสมแพร่ออกไปทางสื่อทำให้หลายคนรู้สึกเป็นห่วงสินค้าดังกล่าวจะทำให้เสื่อมเสียทางพระพุทธศาสนาได้http://www.ryt9.com/s/iqry/1439462
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6558 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 12:32:21 » |
|
ทั่วประเทศไทย ฝนยังตกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 70 - 80 และ 90 ของพื้นที่
พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 6 กรกฏาคม 2555 ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก" ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 06 กรกฎาคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น. ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม ศรีสะเกษ จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1-2 วันนี้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6559 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 17:21:46 » |
|
วันนี้ตอกย้ำเรื่องการเดินไปข้างหน้า โดยไม่ควรเหลียวดูหลัง เพราะจะทะเลาะไม่เลิก จนบ้านเมืองเดินต่อไม่ได้ "เจ้าสัวธนินท์"ชี้อย่าพูดเรื่องเก่าๆ เริ่มต้นใหม่ ถ้าจะเอาเรื่องเก่าๆ มาแก้แค้นกัน ไม่มีวันสงบวันที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 09:41:45 น มติชน 6 กรกฎาคม 2555 หมายเหตุ - ในโอกาสครบรอบ 36 ปี หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ในเครือมติชน เชิญนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษเรื่อง "พลังจีน..ขับเคลื่่อนโลก" เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมดุสิตธานี
เครือซีพีได้เข้าไปลงทุนในประเทศจีนเมื่อ 32 ปีก่อน สมัยนั้นประเทศจีนยากจน ยังไม่มีรองเท้าใส่ แต่วันนี้เต็มไปด้วยรถยนต์ คนที่ผมนับถือที่สุดคือ เติ้ง เสี่ยว ผิง ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล และเสียสละ
ท่านพูดว่า "ไม่ว่าจะเป็นแมวดำแมวขาว ขอให้จับหนูได้เป็นแมวที่ดี และต้องมองไปข้างหน้า อย่ามองไปข้างหลัง ต้องสามัคคี ช่วยกันสร้างชาติ อย่าพูดเรื่องเก่าๆ มาเริ่มต้นกันใหม่ ถ้าจะเอาเรื่องเก่าๆ มาแก้แค้นกัน ประเทศไม่มีวันสงบ"
นอกจากนี้ เศรษฐกิจสร้างได้ การเมืองต้องนิ่ง ดูได้จากประเทศเยอรมนี พรรคเดียวผูกขาดกว่า 40 ปี บริหารประเทศมาตลอด หรือญี่ปุ่นที่มีพรรคการเมืองพรรคเดียวผูกขาดมากว่า 40 ปีเหมือนกัน แต่ช่วงหลังเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีบ่อย เพราะการเมืองไม่มั่นคง และไม่นิ่ง
ส่วนในเมืองจีน เท่าที่สัมผัสกับรัฐบาลจีน ผมมั่นใจในผู้นำของรัฐบาลจีน พูดได้ว่าส่วนใหญ่เสียสละเพื่อชาติ ทุ่มเททำประโยชน์ และลืมเรื่องส่วนตัว แต่ต้องยอมรับว่าทุกสังคม ทุกประเทศ ต้องมีคอร์รัปชั่น แต่เมืองจีนน้อยที่สุด ผมจึงเชื่อว่าประเทศจีนจะก้าวหน้าเร็ว
วันนี้จีนมีความพร้อมทุกอย่าง จากเมื่อ 32 ปีก่อน ยังเรียนระดับประถม วันนี้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว อีกทั้งช่วงก่อนหน้าส่งคนเก่งไปเรียนหนังสือและกลับมาให้โอกาส ดึงดูดทั่วโลกมาลงทุน ไม่ว่าญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ไม่มีโอกาสเท่าเมืองจีน โดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง จีนพร้อมเรื่องพื้นฐาน และประชาชนมีความรู้
วันนี้เอเชียเนื้อหอม สหรัฐอเมริกาก็มา จีนก็สนใจ แต่ในฐานะประเทศไทย ต้องต้อนรับสหรัฐด้วย แต่เราต้องเอียงไปทางเมืองจีน เพราะเมืองจีนไม่ทิ้งเรา รู้บุญคุณ มีเยื่อใย ต้องต้อนรับทั้งสองยักษ์ใหญ่ และต่อไปในเอเชีย จีนจะใหญ่กว่าแน่นอน
วันนี้จีนส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก นำเข้าเป็นที่ 2 รองจากอเมริกา จีนนำเข้า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อเมริกานำเข้า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเศรษฐกิจจีนใหญ่เท่าอเมริกา ไทยต้องคิดว่าจะส่งสินค้าอะไรไปขาย ซึ่งจีนมีโอกาสร่ำรวยได้อีก 5 เท่า นำเข้าจะเป็นที่ 1 กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ และเป็นที่ 1 แน่นอน
เวลานี้จีนพร้อมกว่าเมื่อสมัย 32 ปีก่อน เวลานั้นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในหลักพันล้านดอลลาร์ แต่วันนี้จีนเป็นที่ 1 ของโลก ทุก 1 เปอร์เซ็นต์ของจีนมีความหมายมาก
ที่สำคัญผมเชื่อมั่นผู้นำจีน โดยเฉพาะรุ่นที่จะขึ้นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหลี่ เค่อ เฉียง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความรู้เรื่องเกษตรดีกว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และสี จิ้น ผิง รองประธานาธิบดี ผมรู้จักตอนเป็นเลขาธิการพรรคเมืองฝูโจว และเคยมาเมืองไทย มีความเป็นผู้นำ มีพลัง มีอัธยาศัย และทั้งสองคนรู้ว่าอะไรต้องสานต่อหรือเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ผิดก็เปลี่ยนแปลง ผมเชื่อมั่นว่าจีนต้องเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด หลังเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่แล้ว เป็นการเปลี่ยนไปทางที่ถูกต้อง เหมาะสมกับโลก
หากนโยบายถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงจะทวีคูณ และพลังของจีนที่จะฉุดเศรษฐกิจได้เรื่องแรกคือ 1.อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายภาคธุรกิจ เกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ ขณะที่อเมริกาเกือบทุกคนมีบ้านแล้ว แต่จีนยังขาดแคลนมาก อสังหาริมทรัพย์จะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น เกษตรกรอีก 700 ล้านคน หากร่ำรวยขึ้นมา ต้องการที่อยู่อาศัยอีกมาก ที่อยู่อาศัยจึงยังขาดแคลน และจะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานได้
ส่วนปัจจัยที่ 2 คือ เวลานี้อุตสาหกรรมทั่วโลกมาลงทุนปีละ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนต่อเนื่องมา 10-20 ปี ซึ่งตัวที่เป็นพลังมหาศาลคือธุรกิจบริการ ซึ่งจีนเพิ่งเกิดเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และรัฐบาลยังไม่มีหลักสูตรในการช่วยเหลือธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก และขนาดกลาง
นักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของโลกมาจากธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก และกลาง ยกเว้นรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทที่มีทุนโดยการร่วมทุนกันตั้งบริษัท และจีนมีวัฒนธรรมการทำธุรกิจอยู่ในสายเลือด หากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเหมือนญี่ปุ่นหรือเยอรมนี คิดว่านักวิชาการของจีนไม่ต้องไปเรียนรู้จากอเมริกา เพราะตำราวันนี้มาใช้กับจีนไม่ได้
ธุรกิจบริการของจีน มองแล้วยังมีพลัง และคนไทยที่ทำธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลาง ถือเป็นโอกาส รัฐบาลไทยน่าจะไปหาข้อมูล เพราะตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป รัฐบาลจีนจะมีมาตรการส่งเสริมธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลาง ให้ใหญ่ขึ้น จากปัจจุบันธุรกิจนี้ในจีนกู้เงินจากธนาคารไม่ได้เหมือนกับไทย เพราะค่าใช้จ่ายสูง ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย จึงเชื่อมั่นว่าจีนต้องมีนโยบายดีๆ ในเรื่องนี้ออกมา
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับนักธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก กลาง แม้คนจีนจะรู้ดีกว่า แต่เรามีประสบการณ์มากกว่า และทำสำเร็จมาแล้ว จึงควรเอาประสบการณ์และความสำเร็จเข้าไปแบบยิงนกสองตัว ต้องเข้าไปในช่วงที่รัฐบาลจีนส่งเสริมและสนับสนุน ผมเคยพูดกับนักธุรกิจจีนโพ้นทะเล 2,000 คน ในฐานะที่เป็นนายกสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า วันนี้ความได้เปรียบของพวกเราไม่มีแล้ว เพราะนักธุรกิจรวยกว่ามีเยอะ วันนี้เข้ามาต้องมีเทคโนโลยีที่เหนือและพิเศษกว่า โดยภาษาจีนมีคำว่า "มังกรข้ามน้ำข้ามทะเลยังสู้งูท้องถิ่นไม่ได้"
ดังนั้นในเรื่องธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลาง อยากแนะนำว่าต้องรีบหาข้อมูล จีนมีมาตรการอะไรออกมาส่งเสริมบ้าง ไปตามน้ำ ง่ายกว่าพายเรือทวนน้ำ ไปช่วงที่จีนต้องการพัฒนาเศรษฐกิจและต้องการส่งเสริมธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลาง อยากฝากข้อมูลถึงรัฐบาลไทย ไปเอาข้อมูลอย่างลึกซึ้ง อย่างละเอียดมาให้กับนักธุรกิจไทย และมีมาตรการในการส่งเสริมเหมือนบีโอไอ ส่งเสริมให้ต่างประเทศมาลงทุนเมืองไทย
ยิ่งต่อไปอาเซียน 10 ประเทศ เรายิ่งได้เปรียบ รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจน สามารถเรียนรู้จากญี่ปุ่นที่แพ้สงครามโดยเข้ามาลงทุนในเมืองไทย โดยมิตซุย แบงก์เข้ามาระดมเงินในเมืองไทย
มองว่ารัฐบาลไทยยังดูแลนักธุรกิจไทยไม่พอ ขณะที่ดูแลไม่พอ แต่ยังงูๆ ปลาๆ พอไปได้หากส่งเสริมให้ไปต่างประเทศ แต่อเมริกาอย่าไป เพราะทุกอย่างเต็มแล้ว เอาพลังที่มีมาลงทุนในอาเซียนและประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าจีนจะมาลงทุนในเมืองไทยด้วยอย่างแน่นอน เพราะมีทุนสำรองระหว่างประเทศเหลือล้น เป็นโอกาสของจีนที่จะเข้าลงทุนในอาเซียน และไทยก็มีโอกาสเช่นกัน อยู่ที่รัฐบาลไทยว่าจะส่งเสริมอย่างไรให้เติบโตในประเทศ ส่งเสริมไปลงทุนในอาซียน หรือเมืองจีน ซึ่งเมืองจีนกำลังเติบโต ไปตามน้ำอย่างไรก็ไม่ล้มละลาย
จากประสบการณ์ของผม คนที่ทำอะไรสำเร็จได้ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ และต้องครบถ้วน ต้องมีเงินมีทุน แต่คนมาก่อน หากมีคนเก่ง ก็สำเร็จได้ หากมีทุนแต่ไม่มีคน อย่าไปลงทุน เสียหายแน่นอน
ส่วนพลังตัวที่ 3 คือ เรื่องเกษตรกรที่มีจำนวน 700 ล้านคน ภาคการเกษตรจีนง่ายกว่าเมืองไทยเพราะที่ดินเป็นของรัฐบาล และซีพีก็มีโครงการตัวอย่างเกษตรอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในประเทศจีน โดยการให้ความรู้กับเกษตรกร เพิ่มเทคโนโลยี และรับซื้อผลผลิตคืน เหมือนเข้าไปรับเหมาให้กับเจ้าของที่ดิน แล้วแบ่งกำไรกัน ซีพีทำเรื่องการทำตลาดให้ หากซีพีทำสำเร็จ สามารถมาทำแข่งขันกันได้ ในการเข้าไปทำธุรกิจแต่ละประเทศ นโยบายซีพียึด 3 ประโยชน์ คือ ประเทศนั้นได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ และซีพีได้ประโยชน์
ผมเชื่อว่า หากนโยบายจีนไม่เปลี่ยน เกษตรกรจะมีกำลังซื้อ จากในช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา รายได้เกษตรกรเพิ่ม 30 เท่า แต่รายได้คนในเมืองเพิ่มขึ้น 100 กว่าเท่า แม้จะน้อยกว่าในเมืองแต่ก็ดีกว่าสมัยเหมา เจ๋อ ตุง มาก
ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อม เมืองไทย รัฐบาลไทยต้องเตรียมพร้อม จีนเต็มไปด้วยโอกาส ถ้าราบรื่นไปเรื่อยๆ ไม่มีโอกาส เมื่อมีวิกฤตโอกาสจะตามมา ลองไปดูภาษาจีนคำนี้ "อุ๋ย จี" สองตัวนี้คู่กัน ถ้าไม่มีวิกฤตจะมีโอกาสได้อย่างไร
ถ้าหากจีนรวยขึ้นมาอีก 5 เท่า แล้ว 10 เปอร์เซ็นต์มาเที่ยวเมืองไทย หรือ 130 ล้านคน จะเอาที่ไหนให้พัก แล้ววันนี้เมืองไทยน่าจะเตรียมพร้อมแล้ว เพราะจีนจะรวยขึ้นและมาเที่ยวแน่นอน ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้คนจีนที่มีเงิน 100 กว่าล้านคนมาเที่ยวเมืองไทย อยากฝากให้รัฐบาลไทยช่วยไปศึกษาเพราะเต็มไปด้วยโอกาส
นอกจากนี้ต้องศึกษาประเทศอื่นอย่างอินเดียด้วย เพราะจะไม่ยอมน้อยหน้าจีน เพราะเกิดการเปรียบเทียบแล้วว่าจีนรวยขึ้นเรื่อยๆ หากอินเดียร่ำรวยขึ้นอีกประเทศ ซึ่งอินเดียติดกับพม่า และพม่ากำลังเนื้อหอมเต็มไปด้วยโอกาส มีทรัพยากรมาก แล้วสุดท้ายยุโรปมีปัญหาแน่นอน พอไปถึงที่สุดเงินที่จะไหลเข้าอเมริกาจะไหลมาเอเชีย
เมืองไทยเสียดายการเมืองเราไม่นิ่ง หากการเมืองนิ่งเมื่อไหร่ วันนี้ไทยจะร่ำรวย และอย่าไปห่วงเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่พูดในสงครามโลกครั้งที่ 2 และวันนี้มีของมากกว่าเงิน สำหรับเงินเฟ้อที่อันตรายมากสุด คือมีเงินแต่ไม่มีของซื้อ เงินเป็นเศษกระดาษ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341539153&grpid=01&catid=&subcatid=
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6561 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 17:39:45 » |
|
พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญสำหรับชาวไทยอีก 1 วันครับ รับเสด็จริมเจ้าพระยา พื้นที่นนท์จุ 8 หมื่นคนวันที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10:09:44 น. (ที่มา:หน้า1 มติชนรายวัน 6 ก.ค.2555) นนทบุรีจัดพื้นที่ให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จได้กว่า 8 หมื่นคน บช.น.ขอความร่วมมือถ่ายรูปกลางคืนงดใช้แฟลช กองทัพเรือเตรียมเรืออังสนารับเสด็จในหลวง
ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหมายกำหนดการเสด็จฯทางชลมารค ไปยังกรมชลประทาน ทรงทำพิธีเปิด 5 โครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประกอบด้วย โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก โครงการประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม โครงการประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จ.นครศรีธรรมราช โครงการอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒ จ.กาฬสินธุ์ และโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ฯลฯ อ่านข่าวเต็มฉบับที่....... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341544206&grpid=00&catid=00&subcatid=0000
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6562 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 17:53:39 » |
|
ปัญหาตามมาแล้ว คูปองที่คิดว่าเป็นเงินสด สร้างปัญหาปั่นป่วนอยู่พักใหญ่สตง.สั่งเบรกจ่ายเงินคืนร้านค้า พบคูปองช่วยน้ำท่วม2พัน ใช้ผิดจุดประสงค์กองทุนเศรษฐกิจ6 July 2555 - 00:00 พพ.เผยโครงการคูปองส่วนลดซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า 2,000 บาท ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยังค้างจ่ายเงินคืนร้านค้ากว่า 1,000 ล้านบาท เหตุ สตง.สั่งสอบใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ “กิตติรัตน์” สั่งระงับจ่ายเงินรอเคลียร์ สตง. พพ.หวั่นร้านค้าไม่ร่วมโครงการในอนาคตเหตุจ่ายเงินล่าช้า นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบการใช้เงินกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานสำหรับใช้ในโครงการคูปอง 2,000 บาท ลดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ส่งผลให้ต้องหยุดจ่ายเงินคืนให้กับร้านค้าที่นำคูปองมาขึ้นเงินว่า ขณะนี้ พพ.ได้ยื่นเอกสารและชี้แจงว่าการใช้เงินในโครงการดังกล่าวเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์การอนุรักษ์พลังงาน โดยให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมรับคูปอง 2,000 บาทต่อครัวเรือน ไปเป็นส่วนลดซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานทดแทนเครื่องเก่าที่เสียหาย ซึ่งขณะนี้ สตง.กำลังตรวจสอบและให้หยุดจ่ายเงินคืนให้กับร้านค้าที่นำคูปองมาขึ้นเงินกับทาง พพ. ทั้งนี้ คูปองที่จัดทำขึ้นรวมเป็นมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท โดยมีร้านค้าที่รับคูปองจากประชาชนและมาขอขึ้นเงินคืนกับ พพ.เพียง 1,300 ล้านบาท โดยในส่วนนี้ได้ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและคูปองแล้วรวมเป็นมูลค่า 500 ล้านบาท และจ่ายคืนให้ร้านค้าจริงเพียง 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือยังไม่สามารถดำเนินการได้ต่อ เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ที่มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้สั่งให้ระงับการจ่ายเงินเพื่อให้ สตง.ตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อน โดยเริ่มหยุดจ่ายเงินมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2555 และหากกรรมการกองทุนฯ ให้ดำเนินการต่อได้ทาง พพ.พร้อมจ่ายเงินที่เหลือให้กับร้านค้าจนครบตามจำนวนคูปองต่อไป สำหรับโครงการแจกคูปอง 2,000 บาท เพื่อเป็นส่วนลดซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ได้เกิดเหตุวุ่นวายตั้งแต่วันเปิดงานที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2555 ซึ่งเป็นการเปิดโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย โดยภายในงานจะมีการแจกคูปองมูลค่า 2,000 บาท สำหรับผู้ที่มาเข้าร่วมงานและลงทะเบียนไว้ แต่เมื่อประชาชนไปถึงกลับพบว่ามีปัญหาต่างๆ มากมาย อาทิ ไม่พบรายชื่อที่ลงทะเบียนเอาไว้ หรือผู้ที่รับคูปองจะต้องได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 5,000 บาทแล้ว นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอื่นๆ เช่น ชื่อในทะเบียนบ้านไม่ตรงกัน ชื่อซ้ำกัน หรือประชาชนที่มาจากเขตบางแคแต่รายชื่อหายไปทั้งเขต ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ทางเขตบางแคยังไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้ ส่วนคูปองมูลค่า 2,000 บาทนั้น สามารถใช้ซื้อสินค้าภายในงานได้เท่านั้น แต่บางร้านค้ากลับพบว่าสินค้าหมดแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นวันแรก สำหรับสินค้าในงานจะมีเครื่องใช้ต่างๆ อาทิ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ พัดลมไฟฟ้า หม้อหุงข้าว เตาแก๊ส ฉนวนใยแก้ว จอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ประชาชนบางส่วนยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคูปองเงินสด แต่เมื่อใช้ซื้อสินค้าไม่ได้เต็ม 2,000 บาท ทำให้เกิดการประท้วง ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเร่งรีบดำเนินการและประชาชนไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน อีกทั้งหลักเกณฑ์การให้คูปองยุ่งยาก ส่งผลให้เกิดการประท้วงปิดถนนในหลายจังหวัด จนกระทรวงพลังงานต้องเปิดแจกคูปองรอบที่ 2 อีกครั้ง “โครงการคูปอง 2,000 บาทดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ 27 ธ.ค.2554 - 4 ม.ค.2555 และต่อระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 10 ก.พ.-20 ก.พ.2555 โดยได้รับเงินจากกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วม 1 ล้านครัวเรือน และที่ผ่านมา สตง.เห็นว่าเป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์และเข้าทำการตรวจสอบ ดังนั้น พพ.จึงต้องหยุดจ่ายเงินคืนให้ร้านค้าจนกว่ากรรมการกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจะสั่งการให้ดำเนินการต่อไปได้ และมีความเป็นไปได้ที่ร้านค้าจะเข็ดและไม่ร่วมโครงการกับ พพ.ในอนาคต เพราะติดปัญหาจ่ายเงินคืนล่าช้า แต่ พพ.ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องรอคณะกรรมการกองทุนฯ สั่งการเท่านั้น”นายไกรฤทธิ์ กล่าว. http://www.thaipost.net/news/060712/59223
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6563 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 19:43:29 » |
|
แล้วยังคิดจะจัด"บอลโลก" กันอีกมั๊ย ??บราซิลหลุด10อันดับโลกฟีฟ่า แย่สุดในประวัติศาสตร์ ทีมชาติไทยขยับขึ้น135กีฬา5 July 2555 - 00:00 "แซมบ้า" บราซิล หล่นจาก 10 อันดับแรกจากการจัดอันดับของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เป็นครั้งแรก หลังหล่นไปอยู่อันดับที่ 11 ในการจัดอันดับของฟีฟ่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่ทีมเล็กๆ อย่าง ตาฮิติ ขยับขึ้นมาถึง 41 อันดับ หลังพลิกล็อกคว้าแชมป์โอเชียเนีย เนชั่นส์ คัพ ผลงานของแต่ละทีมในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2012 ส่งผลเป็นอย่างมากในการจัดอันดับโลกครั้งล่าสุดของฟีฟ่า โดยสเปนแชมป์ยุโรปทีมล่าสุดยังคงเป็นอันดับ 1 เช่นเดิม ขณะที่ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศขยับขึ้นไป 1 อันดับ ไปอยู่อันดับ 2 ของโลก และ "อัสซูรี" อิตาลี รองแชมป์ยุโรปขยับจากอันดับ 12 ขึ้นไปอยู่อันดับ 6 ส่วนที่อันดับสวนทางกันนั้นเป็น "อัศวินสีส้ม" เนเธอร์แลนด์ ซึ่งก่อนการแข่งขันยูโร 2012 จะเปิดฉากขึ้นนั้นเป็นหนึ่งในทีมเต็ง แต่ปรากฏว่ากระเด็นตกรอบแรกอย่างพลิกความคาดหมาย ส่งผลให้อันดับโลกของฟีฟ่าหล่นจากอันดับ 4 มาอยู่อันดับ 8 ทางด้าน "แซมบ้า" บราซิล หลุดจาก 10 อันดับแรกของฟีฟ่าแรงกิ้งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดอันดับขึ้นมาเมื่อปี 1993 โดยบราซิลหล่นมาอยู่อันดับที่ 11 หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วไปแพ้เม็กซิโกและอาร์เจนตินา ในแมตช์กระชับมิตร เนื่องจากระบบคิดคะแนนของฟีฟ่าที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่บราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2014 ต้องเจอผลกระทบไปแบบเต็มๆ เนื่องจากพวกเขามีแต่แมตช์กระชับมิตร โดยไม่มีแมตช์แข่งขันอย่างเป็นทางการแม้แต่แมตช์เดียว นับตั้งแต่ตกรอบก่อนรองชนะเลิศโคปาอเมริกา เมื่อปีที่ผ่านมา ทีมที่อันดับดีที่สุดของทวีปอเมริกาใต้ยังเป็นอุรุกวัย ที่อยู่อันดับ 3 ของการจัดอันดับ ตามด้วยอาร์เจนตินาในอันดับที่ 7 ขณะที่ทีมที่อันดับดีที่สุดของทวีปแอฟริกาคือ ไอวอรี โคสต์ ซึ่งอยูในอันดับที่ 16 ในการจัดอันดับครั้งล่าสุด ส่วนตาฮิติที่พลิกล็อกคว้าแชมป์ โอเชียเนีย เนชั่นส์คัพนั้น ส่งผลให้อันดับโลกของพวกเขาขยับขึ้นมาถึง 41 อันดับ ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 138 ของโลก แต่ยังไม่ใช่สถิติที่ดีที่สุดของพวกเขา เพราะในปี 2002 ตาฮิติเคยขึ้นมาถึงอันดับ 111 สำหรับทวีปเอเชียดีที่สุดเป็นญี่ปุ่น ที่อยู่ในอันดับที่ 20 ตามด้วย ออสเตรเลียอันดับที่ 23 ของโลก และเกาหลีใต้อันดับที่ 28 ของโลก ขณะที่ทีมชาติไทยขยับขึ้นมา 1 อันดับ ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 135 ของโลก เป็นอับดับที่ 19 ของเอเชีย
ฯลฯ [/size] http://www.thaipost.net/news/050712/59146
|
|
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #6565 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 20:32:27 » |
|
คุณเหยง เห็ดโคนออกแล้วเน้อ
|
pom shi 2516
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6566 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 21:46:45 » |
|
คุณป้อม
ขอบคุณสำหรับการแจ้งข่าว คาดว่าเดือนหน้าจะออกไปดูที่บึงบรเพ็ด แหล่งใหญ่ของนครสวรรค์ครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6567 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2555, 21:47:15 » |
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6568 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 12:04:03 » |
|
ฝนตกในประเทศไทยลดน้อยลงเล็กน้อย เนื่องจากร่องมรสุมพัดพาดผ่านประเทศพม่าและลาว
พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 7 กรกฏาคม 2555 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมได้เลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศพม่าและลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง อุตรดิตถ์ หนองคาย บึงกาฬ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท และลพบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6569 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 12:49:31 » |
|
ตามต่อเรื่องจีน VS อเมริกา ตามความเห็นของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ฟังพลังจีนขับเคลื่อนโลกจากปาก"เจ้าสัว"แล้ว ต้องหยิบ"มหาอำนาจ บนทางแพร่ง"มาอ่านโดยพลัน !!!วันที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15:13:18 น 5 กรกฎาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "พลังจีน..ขับเคลื่อนโลก" จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
เจ้าสัวธนินท์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้จีนมีความพร้อมทุกอย่าง จากเมื่อ 32 ปีก่อน ยังเรียนระดับประถม วันนี้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว อีกทั้งช่วงก่อนหน้าส่งคนเก่งไปเรียนหนังสือและกลับมาให้โอกาส ดึงดูดทั่วโลกมาลงทุน ไม่ว่าญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ไม่มีโอกาสเท่าเมืองจีน โดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง จีนพร้อมเรื่องพื้นฐาน และประชาชนมีความรู้
วันนี้จีนส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก นำเข้าเป็นที่ 2 รองจากอเมริกา จีนนำเข้า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อเมริกานำเข้า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเศรษฐกิจจีนใหญ่เท่าอเมริกา ไทยต้องคิดว่าจะส่งสินค้าอะไรไปขาย ซึ่งจีนมีโอกาสร่ำรวยได้อีก 5 เท่า นำเข้าจะเป็นที่ 1 กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ และเป็นที่ 1 แน่นอน
เวลานี้จีนพร้อมกว่าเมื่อสมัย 32 ปีก่อน เวลานั้นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในหลักพันล้านดอลลาร์ แต่วันนี้จีนเป็นที่ 1 ของโลก ทุก 1 เปอร์เซ็นต์ของจีนมีความหมายมาก
ฟังโอกาสและความน่าจะเป็นของจีนที่จะผงาดเป็นเบอร์ 1 ของโลกแล้ว
ควรรู้ถึงวิกฤตของจีนด้วยเช่นกัน จากหนังสือเรื่อง มหาอำนาจจีน บนทางแพร่ง ของสำนักพิมพ์มติชน ผลงานของ เฉี่ยตง แปลของ กนิษฐา ลีลามณีและคณะ
หนังสือเล่มนี้ วรศักดิ์ มหัทธโนบล ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ แนะนำว่าต้องอ่านเพื่อจะเข้าใจจีนได้ลึกขึ้น เฉี่ยตง เล่าว่า ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศของเราก็คล้ายกับที่ ชาลส์ ดิคเก้นส์ นักเขียนชาวอังกฤษได้บรรยายไว้ในบทนำของ “นิยายแห่งสองนคร” (A Tale of Two Cities)
นี่เป็นยุคของการพัฒนาที่รุ่งเรืองสดใส และยังเป็นยุคของสถานการณ์ที่ไม่ดีร้ายย่ำแย่
นี่ยุคแห่งความชาญฉลาด และยังเป็นยุคแห่งความโง่เขลาเบาปัญญา
นี่เป็นฤดูกาลแห่งความสว่างไสว แต่ก็ยังเป็นฤดูกาลแห่งความมืดมิด
นี่คือฤดูใบไม้ผลิที่เปี่ยมล้นด้วยความหวัง แต่ก็ยังเป็นฤดูหนาวที่ทำให้ท้อแท้สิ้นหวังด้วย
ข้างหน้าของพวกเราตอนนี้ดูเหมือนว่าเพียบพร้อมด้วยสรรพสิ่ง แต่ก็ดูเหมือนไร้ซึ่งสรรพสิ่งด้วยเช่นกัน
พวกเราเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วหรือไม่ พูดได้ละเอียดลึกซึ้งแล้วหรือไม่ ว่าเข้าใจประเทศบ้านเกิดของเรา? พวกเราตระหนักดีแล้วหรือไม่ ว่ากำลังอุทิศทั้งกายและใจเพื่องานใหญ่ในยุคแห่งการนำประเทศไปสู่ความทันสมัย? เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วหรือไม่ ว่าการพัฒนาได้นำมาซึ่งปัญหานานัปการ?
ปัจจัยแรกเริ่มที่จีนต้องปฏิรูปเปิดประเทศไม่ใช่แรงกดดันจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ฝังรากลึก แต่กลับเป็นผลมาจากแรงกดดันทางสังคม พวกเราลงมือปฏิรูประบบเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ตลอดเส้นทางนี้ไปยังจุดหมายที่อยู่ข้างหน้า เราก้าวข้ามจุดเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้ความเร็วอันน่าตกใจแลกมาซึ่งสรรพสิ่งทั้งปวง แต่แล้วเมื่อถึงเวลาที่จะได้เสพสุขกับผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่จากความศิวิไลซ์แห่งยุคสมัย ความขมขื่นกลับถาโถมเข้าใส่พวกเราอย่างไม่ขาดสาย
ทั้งปัญหาสินค้าแบรนด์เนมอายุสั้น คำโฆษณาเกินจริงที่ยอกย้อนซ่อนเล่ห์ สิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต้องสะดุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า วัฒนธรรมที่ถูกเพิกเฉยไร้คนเคารพนับถือ ระบบการศึกษาที่ถูกสารพัดโรครุมเร้า การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ดูเหมือนยิ่งปกปิดความจริงก็ยิ่งปรากฏ การขาดแคลนพลังงานอย่างน่าเป็นห่วง
ความคิดของพวกเราแสนเหนื่อยล้า เส้นทางของพวกเราแสนยากเข็ญ การต่อสู้ระหว่างวัตถุกับจิตใจส่งผลให้หายนะล้อมเราอยู่ทั่วทุกด้าน
บางทีพวกเราน่าจะหยุดลง พิจารณาเรื่องราวอย่างละเอียดรอบคอบ
สินค้าแบรนด์เนมเป็นหัวใจและจิตวิญญาณของธุรกิจ หากแบรนด์อยู่ธุรกิจก็จะยังอยู่ หากแบรนด์แข็งแกร่งธุรกิจก็จะแข็งแกร่งด้วย แต่น่าเสียดายที่เจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยหลังจากประสบความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจสร้างเป็นบริษัทสัญชาติจีนขึ้นได้แล้ว กลับไม่สามารถสร้างแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งของตนขึ้นได้ หรือไม่ก็ไม่อาจรักษาชื่อแบรนด์สินค้าเดิมของตนก่อนการควบรวมได้
ด้วยเหตุนี้ เป็นผลให้ถูกธุรกิจต่างชาติรุกคืบเข้ามากลืนบริษัทและแบรนด์ของเราด้วยกลยุทธ์ที่ช่ำชองกว่า แม้ว่าพวกเราจะได้รับแรงสนับสนุนด้านเงินทุน เทคโนโลยีและแนวคิดการบริหาร ฯลฯ มาระยะหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถพัฒนาตนเองให้ทัดเทียมกับช่วงก่อนหน้าควบรวมกิจการเสียอีก ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นเสมือนก้อนหินที่ไร้ความหมายให้ธุรกิจต่างชาติในจีนเหยียบขึ้นไปสู่ความเจริญ เพราะจิตวิญญาณถูกขุดลอกเนื้อในจนกลวงโบ๋ไปหมดแล้ว
ภายใต้เศรษฐกิจระบบตลาด สินค้าปลอมแปลงด้อยคุณภาพได้เกิดขึ้นตามครรลองของตลาดสมัยใหม่ ก่อรูปเป็นการแลกเปลี่ยนและแบ่งงานกันทำในลักษณะ “ดาบสองคม” สำหรับชนชั้นรายได้น้อย ขณะนี้ในท้องที่ต่างๆ ทั่วจีนล้วนแต่มีการก่อตั้งหมู่บ้านและเมืองที่ผลิตของปลอมขึ้นจำนวนมาก
นักสร้างของปลอมพวกนี้เชื่อว่า นี่เป็นแค่การหลอกคนต่างถิ่นที่ไม่รู้จักชื่อแซ่กัน ใครหลอกได้ก็เป็นวีรบุรุษ ใครรวยคนนั้นก็มีเกียรติ สินค้าปลอมด้อยคุณภาพนานาชนิดรวมถึงการหลอกลวงต้มตุ๋นผู้บริโภคปรากฏให้เห็นอย่างครึกโครม บางทีนมที่ผู้ผลิตนมผงปลอมให้ลูกดื่มอาจเป็นนมปลอมของผู้ผลิตรายอื่น คนงานที่ผลิตวุ้นเส้นปลอมก็อาจไปซื้อเหล้าพิษราคาถูกเข้าให้
อาจมีวันหนึ่งที่พ่อค้าผลิตใบชาเหมาเฟิงปลอมไปกินข้าวสารเก่าที่ปนเปื้อนน้ำมันเครื่องเพิ่มความวาวที่หลอกว่าเป็นข้าวใหม่ คดีที่มีการหลอกกันไปหลอกกันมามากมายอย่างนี้ก่อให้เกิดกลไกแอบแฝงที่ต่างฝ่ายต่างปัดความรับผิดชอบให้แก่กันขึ้นในสังคมโดยรวม แล้วจากนั้น มหกรรมทำของปลอมที่มีขอบเขตกว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็จะได้รับการยอมรับให้ดำรงอยู่ได้อย่างผาสุกในรากฐานทางสังคมของเรา
ทำไมกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯจึงฟ้องร้องบริษัทไมโครซอฟต์ แน่นอนย่อมไม่ใช่เพื่อเป็นการยับยั้งการเติบโตของบริษัทประเภทเดียวกับไมโครซอฟต์ แต่เป็นการให้โอกาสและสร้างสิ่งแวดล้อมให้แก่บริษัทขนาดกลางและเล็กรายอื่นๆ ที่จะเติบโตขึ้นเป็น “ไมโครซอฟท์รายใหม่” แม้จะมีคนทำซอฟท์แวร์ปลอมแต่ชื่อของไมโครซอฟต์ก็ยังหาเงินได้ในตลาดต่างประเทศ ขณะที่บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ของจีนก็ทำได้แต่นั่งมองผลงานของตนถูกขโมยลิขสิทธิ์ไปโดยไม่อาจทำอะไรได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สินค้าที่เป็นทางเลือกใหม่แทนไมโครซอฟต์ก็ไม่อาจถือกำเนิดขึ้นได้ สมมติว่า ไม่มีแผ่นผีขาย และผู้คนก็ไม่มีกำลังซื้อแผ่นจริงของไมโครซอฟท์อีกล่ะ เช่นนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ก็เป็นได้แค่ขยะกองหนึ่งเท่านั้นเอง
หันมาดูวัฒนธรรมจีนของพวกเราที่สูญสิ้นกลิ่นอายดั้งเดิมไปแล้วกันบ้าง ขณะนี้ภาษาจีนได้กลายเป็นภาษาที่อ่อนด้อยภาษาหนึ่งไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยกลายเป็นภาษาชั้นสอง ในยุคของการชูป้าย “เชื่อมโยงกับนานาชาติ” อันใหญ่ยักษ์และล้ำสมัย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญที่เกี่ยวเนื่องอย่างลึกซึ้งกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของชนชาติ
พวกเรากลับเฉยชาและสูญเสียความระแวดระวังอย่างที่ไม่ควรจะเป็น วุฒิการศึกษาของพวกเราผูกติดกับระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษโดยตรง เราหลงอยู่ในอักษรภาษาอังกฤษทั้ง 26 ตัวมานานแล้ว ตอนนี้ในหมู่พวกเราหาคนที่สามารถอ่าน “สี่ตำราห้าคัมภีร์” ไม่เจอ ไม่อยากคิดเลยว่า หากวันหนึ่งเราต้องอาศัยข้อมูลภาษาต่างประเทศเพื่อค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับวรรณกรรมท้องถิ่นจีน ประวัติศาสตร์ ปรัชญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ด้านวรรณกรรมจีนโบราณ ประวัติศาสตร์และปรัชญาโบราณ แล้วล่ะก็ คงเป็นการเสียดสีชาวจีนและวัฒนธรรมจีนที่เจ็บแสบเหลือเกิน
หันมาพิจารณาการศึกษาขั้นอุดมศึกษาของเราในวันนี้กัน สถาบันการศึกษากระทำการล่วงละเมิดสิทธิ์ โดยติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยนานาชนิดเพื่อตรวจจับพฤติกรรมกอดเอว-จับมือกันของนักเรียน ออกระเบียบต่างๆ ห้ามมิให้นักเรียนออกไปเช่าหอพักนอกมหาวิทยาลัย อาจารย์ที่ปล้นผลงานทางวิชาการของนักศึกษา ศาสตราจารย์ที่เห็นนักศึกษาเป็นแรงงานราคาถูก ถึงขนาดผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยบังคับนักศึกษาหญิงให้หยุดเรียนเพื่อไปเป็นเพื่อนเต้นรำก็มี
ในสายตาของมหาวิทยาลัยบางแห่ง นักศึกษากลายเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ให้แก่พวกเขา ไม่ใช่คนที่มีศักดิ์ศรีในตนเองและไม่มองว่าเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองเลยซักนิด การศึกษาต้องสร้างขึ้นจากพื้นฐานของความเข้าอกเข้าใจ ความเท่าเทียมและความเอาใจใส่ดูแล การยอมรับว่านักศึกษาคือบุคคลผู้ซึ่งมีความคิด มีความรู้สึก และควรได้รับความเคารพ เป็นหนทางเดียวที่จะเข้าถึงความสำเร็จของคำว่า “การให้การศึกษา” หากไม่มีคนแล้วจะมาพูดถึงการให้การศึกษาคนได้อย่างไร?
มรดกทางธรรมชาติไม่ต้องมีคนสร้างขึ้น มรดกทางธรรมชาติใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ จะเพื่อเป้าหมายใดก็ตามล้วนเป็นการทำลายธรรมชาติ การอนุรักษ์ธรรมชาติในความเป็นจริงแล้ว ก็คือการรักษาธรรมชาติมิให้ถูกรบกวนจากมนุษย์ อีกประการหนึ่ง มรดกทางธรรมชาติเป็นสิ่งเดียวที่หากวันนี้ถูกเปลี่ยนแปลงจนไม่เป็นรูปเป็นร่างจะไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก ความแห้งแล้ง พายุทราย และโคลนถล่ม...กว่าที่ผู้คนจะตระหนักถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากผลของการพัฒนาที่เกินตัว ก็สายเกินไปแล้ว
การคืนพื้นที่ทางการเกษตร คืนผืนป่าและทุ่งหญ้า และการปลูกต้นไม้ทดแทน...สิ่งที่พวกเราทำลายลงไป คือระบบนิเวศน์ที่ธรรมชาติใช้เวลานับหมื่นนับแสนปีกว่าจะฟูมฟักเติบโตขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้แต่ละคนจะหยุดการทำลายป่าลงได้ และทุ่มเทกำลังกายเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมกันได้จริง ความพยายามของพวกเราก็ชดเชยส่วนที่เราทำลายไปได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น การปลูกต้นไม้บนที่ซักผืนนั้นง่าย แต่การสร้างผืนป่านั้นยาก การปลูกต้นหญ้าบนที่ซักผืนนั้นง่าย แต่การสร้างทุ่งหญ้านั้นยาก ฟ้าเท่านั้นที่จะรู้ดีว่า
เมื่อไหร่ที่ทิวทัศน์ “ลมพัดใบหญ้าโอนมองเห็นวัวแกะ (风吹草低见牛羊)” จะกลับมาให้เราเห็นอีกครั้ง
หากเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาอันรวดเร็วดังเช่นในตอนนี้ พลังงานบนโลกใบนี้คงมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของจีนเป็นแน่ แม้ว่าจะมีผู้คนบางส่วนเข้าใจแล้วว่า การเจริญเติบโตกับการครอบครองนั้นต้องแลกมาด้วยความสูญเสีย ทว่ามนุษย์ก็ยังคงรุกรานธรรมชาติและทำลายสภาพแวดล้อมที่เป็นถิ่นอาศัยของมนุษยชาติ ทั้งนี้ก็เพียงเพื่อตอบสนองแรงปรารถนาส่วนตัว ความละโมบและความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต นักเศรษฐศาสตร์ชาวจีนที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ประเทศจีนผลาญพลังงานไปถึง 3 เท่าของประเทศอินเดีย แต่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าอินเดียเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์”
การต่อสู้ขับเคี่ยวกันระหว่างวัตถุกับจิตใจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าวิตก อาทิ วิกฤติปัญญาชนในวงการวรรณกรรม วิกฤติการณ์เช่นนี้แสดงออกมาอย่างโดดเด่นใน 2 กรณีคือหนึ่ง ปัญญาชนออกนอกประเทศ และสอง การขาดจิตวิญญาณ ปัญญาชนจีนในประวัติศาสตร์เปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณอุตสาหะรู้จักหนักเอาเบาสู้ ทว่าในยุคของเศรษฐกิจระบบตลาด “เพื่อปากท้องและเงิน” คือความจริงอันโหดร้ายที่อยู่ตรงหน้าผู้คนจำนวนมาก พวกเขาจำต้องยอมขายแรงงานในราคาต่ำให้กับธุรกิจมืดที่ไร้ความชอบธรรม ทั้งเสียเวลาและบั่นทอนกำลังใจ จิตใจที่ต้องประสบกับชะตากรรมลักษณะนี้ได้ย้อนกลับมาส่งผลร้ายที่กลายเป็นวงจรอุบาทว์ในเวลาต่อมา การสูญเสียมโนคติย่อมนำมาซึ่งความลุ่มหลงขั้นร้ายแรง 2 ประการ คือ ในโลกที่กำลังก้าวไปสู่ความทันสมัยอาจจะขาดการเตรียมใจเมื่อต้องประสบกับด้านลบในชีวิตจนต้องจมดิ่งสู่ก้นเหวของวิกฤติศรัทธาและความรู้สึกสิ้นหวัง หรือไม่ก็ลุ่มหลงอยู่ในโลกแห่งความสุขทางกายสัมผัสจนเป็นนิสัย และกลายเป็นผู้ไร้ที่พักพิงทางจิตใจหรือศพเดินได้แบบสมัยใหม่ ปัจจุบันชาวจีนอยู่ในช่วงเวลาของประวัติศาสตร์การเปลี่ยนผ่านด้านคุณธรรมจริยธรรมเก่าใหม่ ตกอยู่ในภาวะทุกข์เข็ญที่ไม่มีทางจะหลีกหนีได้พ้น การประเมินค่าด้านคุณธรรมจริยธรรมวุ่นวายเสียระเบียบ แนวคิดที่ไร้ความชอบธรรมขัดหลักศีลธรรมสารพัดรูปแบบผุดขึ้นทั่วไป อีกทั้งระบบจรรยาบรรณทางสังคมก็อ่อนแอลง คุณธรรมทางการศึกษาบิดเบือนเปลี่ยนรูป...
การตกงานเป็นเนื้อร้ายของสังคมที่จะกระทบต่อความมั่นคงทางสังคม และยังทำให้จิตใจคนเสียศูนย์ เมื่ออัตราการตกงานเพิ่มสูงขึ้น กลุ่มคนว่างงานค่อยๆ ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาการตกงานที่ก่อให้เกิดวิกฤติสั่นคลอนสังคมก็จะขยายวงกว้างไปอีกหลายระดับด้วย ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในโลก แล้วทำไมปัญหาการว่างงานกลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น? ตลอดมาพวกเราภาคภูมิใจในคำกล่าวที่ว่า “ใช้พื้นที่ทางการเกษตร 7 เปอร์เซ็นต์ของโลกเลี้ยงชีพประชากรโลกถึง 21 เปอร์เซ็นต์” แต่กลับไม่ค่อยได้กล่าวถึงอีกด้านหนึ่งของมัน ที่ว่า ใช้ชาวนา 40 เปอร์เซ็นต์บนโลกเลี้ยงชีพประชากรโลกที่ไม่ใช่ชาวนาได้เพียง 7 เปอร์เซ็นต์
หลังจากที่งานปฏิรูปประเทศเข้าสู่ “เขตน้ำลึก” ปัญหาที่เคยอ้อมผ่านไปอย่างระมัดระวังทั้งหมด ได้สะสมจนมาวันนี้กลายเป็นความขัดแย้งทางสังคมที่ยากจะหลีกเลี่ยงไปได้ การดำรงชีวิตบนหนทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปของเราจะต้องพบกับสถานการณ์อะไร ถนนที่เคยเดินง่ายตอนนี้เดินมาสุดทางแล้ว ก้าวต่อไปของการปฏิรูปจะต้องประสบกับความท้าทายอีกมาก ปัญหาของเกษตรกรยังเป็นปัญหาหลักของการปฏิรูปและก่อร่างประเทศจีนตลอดมา จะทำอย่างไรให้ความกระตือรือร้นและแรงกระตุ้นของชาวนาจีนที่เคยอบอวลท่วมท้นในยุคทศวรรษ 1980 กลับคืนมาฮึกเหิมอีกครั้ง จะทำอย่างไรที่จะนำศักยภาพอันล้นเหลือที่ชาวนาซุกซ่อนอยู่นานนับรุ่นนับสมัยใต้ก้นบึ้งของจิตใจ ออกมาสร้างประวัติศาสตร์อารยธรรมหน้าใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 ของจีน?
การตัดขาดและระยะห่างทำให้เมืองและชนบทมีวิถีชีวิตแตกต่างกันราวกับคนละโลก ใบหน้าอับจนหนทางที่เร่ร่อนไปมาในเมืองใหญ่ ใบหน้าซึ่งหดหู่สิ้นหวังที่ต้องเสียที่นาปลูกข้าวไม่ได้ ใบหน้าที่กลัดกลุ้มหวังอะไรไม่ได้กับผลผลิต ทำให้คุณรู้สึกเวทนาบ้างไหม?
ประวัติศาสตร์เหลือที่ว่างไว้ให้พวกเรากับคนรุ่นหลังดิ้นรนคับแคบนัก การจัดสรรเวลาทำได้จำกัด เงื่อนไขพื้นฐานมีความรุนแรงยิ่ง โอกาสในการพัฒนาคือสิ่งสุดท้าย
พวกเราจะเผชิญหน้ากับวิกฤติเหล่านี้หรือไม่?
...........................................
ลองดู สารบัญ "มหาอำนาจจีน บนทางแพร่ง" ที่เขียนโดย เฉี่ยตง
บทที่ 1 เหตุใด “แบรนด์” จึงกลายเป็นคำที่หมายถึงความรุ่งโรจน์
แบรนด์เป็นหัวใจและจิตวิญญาณของธุรกิจ แบรนด์อยู่ธุรกิจอยู่ แบรนด์เข้มแข็งธุรกิจก็เข้มแข็ง แบรนด์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ธงรบของธุรกิจ แต่ยังเป็นหน้าตาของประเทศอีกด้วย ด้วยเหตุนี้นายยาซูฮิโร นากาโซเนะอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจึงเคยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “โซนี่เป็นใบหน้าซีกซ้าย พานาโซนิคเป็นใบหน้าซีกขวาของการติดต่อสื่อสารในโลกสากล” จีนเองก็มีคำกล่าวว่า “ต้องมีชนชาติจึงจะเป็นโลกได้” เห็นได้ว่าแบรนด์ของชนชาติไม่ใช่แค่เพียงสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจของประเทศชาติ แต่ยังเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ทางสากลของศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นของชนชาติ ขอเพียงประเทศมีแบรนด์ประจำชาติที่เปิดสู่โลก ก็จะเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และทรงอิทธิพลในระดับสากล แค่จามก็สะเทือนโลกได้
1. “เมดอินไชน่า” อันแสนเศร้า 2. รักแบรนด์เข้าแล้ว 3. แบรนด์จีนต้องการ “ดาบอิงฟ้า” สักเล่ม 4. อยากสร้างแบรนด์ แต่ไม่เข้าใจแบรนด์ 5. ยุควิกฤต ใช้ผ้าอนามัยเช็ดปาก ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำแปรงฟัน 6. กระดานปูพื้นมีข่าวอื้อฉาว จะไปตบหน้าใครดี 7. ผลิตภัณฑ์ภูมิภาค: คราบน้ำตาเบื้องหลังความรุ่งโรจน์ 8. วิกฤตแบรนด์จีนท่ามกลางสายตาหิวกระหายของเสือสิงห์กระทิงแรด
บทที่ 2 ความซื่อตรง บัญชีที่ปิดไม่ลงของสังคมจีน
ความซื่อตรงถือเป็นมรดกทางคำสอนของบรรพบุรุษจีนที่สืบทอดต่อกันมาช้านาน มาในวันนี้ ลูกหลานชาวจีนยังคงยืดอกรับคำคำนี้อย่างเต็มภาคภูมิได้อีกหรือไม่ ปัจจุบัน สำนึกเรื่องความซื่อตรงของชาวจีนในสายตาคนทั่วไปกำลังถูกทดสอบอย่างหนัก เหตุเพราะเรื่องราวเกี่ยวกับการทำลายความซื่อตรงอย่างเช่นพฤติกรรมการผลิตของปลอม จำหน่ายของปลอม ต้มตุ๋น หลอกลวงผู้บริโภค ฯลฯ มักปรากฏให้เห็นในสังคมจีนอยู่เนืองๆ และด้วยการขาดความซื่อตรงซึ่งกันและกันนี้เอง ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการบริโภคของคนในชาติและการลงทุนของภาคธุรกิจต่างๆ ภาพสะท้อนที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือ การต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างระมัดระวังกับเรื่องรอบตัว เป็นต้นว่า เวลาซื้อของก็มักจะถูกเตือนอยู่เสมอว่า เงินที่ได้รับทอนมานั้นเป็นเงินปลอมหรือไม่ ไหนจะต้องเป็นกังวลกับการซื้อของเลียนแบบด้อยคุณภาพ หรือความคลาดเคลื่อนของปริมาณสินค้าที่ได้รับ
ดังนั้น “รอบคอบไว้ก่อน” จึงกลายเป็นกฎเกณฑ์ที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของผู้คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฐานะที่เป็นพลเมืองของชาติที่ได้ชื่อว่าให้ความสำคัญในเรื่องธรรมจริยา การเพิกเฉยเรื่องความซื่อตรงช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดใจ ที่จริงแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะชาวจีนขาดความพร้อมในการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว เพียงแต่ขาดสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความซื่อตรง ขาดการสร้างความเชื่อมั่นและพลังในการสรรค์สร้างและธำรงไว้ซึ่งหลักการเช่นนี้นั่นเอง
1. “ความซื่อตรงของชาวจีน” หายไปไหน 2. การไม่ตกแต่งบัญชีช่างเป็นเรื่องยาก 3. สมุดบัญชี 1 ชุดกับผลสรุป 3 แบบ จะเชื่อใครกัน? 4. ความหลักแหลมที่สร้างความอดสูให้แก่คนในชาติ 5. ผลประโยชน์คุกคามความซื่อตรงได้อย่างไร 6. แหวกฟองสบู่เพื่อปฏิวัติให้เกิดการ “พูดความจริง” 7. ของปลอม “ตลาดการค้าแบบเสรี” ที่ยังคงฟอนเฟะต่อไป 8. ความทรงจำที่แสนเจ็บปวดและบาดลึกในปี 2005
บทที่ 3 ทรัพย์สินทางปัญญา แกนแรงขับที่หายไป ทรัพย์สินทางปัญญาได้กลายเป็นอาวุธของธุรกิจต่างชาติที่ใช้กำราบธุรกิจของจีน โดยพวกเขาได้ยื่นจดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมาก แย่งชิงแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียง และซื้อขาดมาตรฐานการผลิต ปัจจุบัน เพียงแค่อุตสาหกรรมดีวีดี จีนต้องชดเชยเงินให้แก่พันธมิตร 6c กว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน ในสายตาของธุรกิจจีนมองทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเสมือนน้ำป่าไหลเชี่ยวกรากฆ่าผู้คนได้อย่างฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้รับผลกระทบรุนแรง ประเทศจีนมีสำนวนหนึ่งกล่าวว่า “ใช้เงินซื้อบทเรียน” ธุรกิจจีนเองได้ใช้เงินกับทรัพย์สินทางปัญญามามากเกินพอ ทว่ากลับไม่ได้บทเรียนมากเท่าที่ควร แม้ว่าธุรกิจจีนจำนวนมากเริ่มมีจิตสำนึกเห็นความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาแล้วก็ตาม แต่กลับไม่รู้ว่าจะใช้ในการปกป้องตนเองอย่างไร
1. ทรัพย์สินทางปัญญา ธุรกิจข้ามชาติใช้พร้างัดประตูบานใหญ่ของจีน 2. ละเมิดลิขสิทธิ์โลกซอฟต์แวร์เป็นคำหลอกลวงอย่างแท้จริง 3. การจัดซื้อของรัฐบาล มือซ้ายใช้ไมโครซอฟต์ มือขวาใช้ซอฟต์แวร์ที่ผลิตภายในประเทศ 4. การดาวน์โหลดบนโลกอินเตอร์เน็ต ของฟรี คือ “อาหารมื้อใหญ่” 5. เครื่องหมายการค้า 4 นวนิยายอมตะ เหลือเพียงโศกนาฏกรรมของ “ความรักในหอแดง” 6. กลเกม “กวาดล้างของปลอม” และ “แกล้งทำ” 7. การใช้ของปลอมโดนลงโทษ : ความอับอายของนักท่องเที่ยวจีน 8. ธุรกิจจีนเผชิญการล้อมปราบทรัพย์สินทางปัญญา 9. การประจักษ์ชัดของมหันตภัยร้าย คดีสิทธิบัตรที่จารึกไว้ในใจอย่างไม่มีวันลืม 10. ความวุ่นวาย “สิทธิบัตรขยะ” ล้นเอ่อนำภัยมา 11. อุตสาหกรรมรถยนต์ การผูกมัดของทรัพย์สินทางปัญญา
บทที่ 4 วัฒนธรรมจีน : ยักษ์ใหญ่ที่กำลังอ่อนล้าสุดจะทานทน
เวลานี้ภาษาจีนได้กลายเป็นภาษาหนึ่งที่อ่อนด้อยลงเป็นภาษาชั้นสองอย่างเห็นได้ชัดแล้ว พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ ถึงขั้นเป็นภาษาของพวกทาส ต่างชาติหนึ่งคนจะเลื่อนตำแหน่งงาน ขึ้นชั้นมัธยม เข้ามหาวิทยาลัย สอบเข้าศึกษาต่อปริญญาโท ปริญญาเอก จำเป็นต้องสอบภาษาจีนของพวกเราไหม? บนแผ่นดินอันกว้างใหญ่และนำสมัยด้วยโฆษณาคำโตที่ว่า “เชื่อมโยงกับนานาชาติ” พวกเราชาวจีนกลุ่มนี้พอต้องเจอกับปัญหาหนักหน่วงที่เกี่ยวพันลึกซึ้งกับการดำรงอยู่ของวัฒนธรรมแห่งชนชาติทั้งหลายทั้งปวงแล้ว กลับไม่ได้ตระหนักถึงอันตราย จนถึงขั้นเฉยชากันเลยทีเดียว
1. วัฒนธรรม 5,000 ปี ผิวหนังยังไม่มีแล้วจะให้ขนขึ้นตรงไหน 2. วัฒนธรรมสื่อสารมวลชน เลือกจะหลอมรวมเข้ากับคนอื่นหรือเลือกที่จะยิ่งใหญ่ 3. เมื่อไหร่จะถึงจุดจบของความเหลาะแหละในศิลปะวรรณกรรม 4. ภาษาจีนวางขายอยู่บนชั้นสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตของประเทศตะวันตก 5. สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ วัฒนธรรมที่ไร้ซึ่งวัฒนธรรม 6. ฝันแบบไร้ราก จะพูดเรื่องวัฒนธรรมจีนได้อย่างไร 7. “รื้อวัฒนธรรม” ทำลาย “วัฒนธรรมโบราณ” ของเมืองโบราณ 8. เทศกาลตวนอู่ แง่งามแห่งความอับอายของวัฒนธรรมจีน 9. ความโลภไหลบ่า ศรัทธาแกว่งไกว
บทที่ 5 การศึกษาจีน “สารพัดโรครุมเร้า ทางออกอยู่ไหน”
บทที่ 6 การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ฟองอากาศที่ลอยล่องกับการพึ่งพิงที่ไม่จบสิ้น
บทที่ 7 ความแห้งเหือดของพลังงาน โศกนาฎกรรมการพัฒนาและการชดเชยที่ไร้ค่า
บทที่ 8 สังคมสมานฉันท์ ภูเขา ท้องน้ำ มนุษย์ และเงินตรา
นี่คือ หนังสือวิเคราะห์เจาะลึกวิกฤตการณ์และทางออก เมื่อจีนต้องเผชิญหน้าสารพันปัญหาบั่นทอนศักยภาพยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเอเชีย
นี่คือ หนังสือที่เราแนะนำให้คุณอ่าน !!!
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341555479&grpid=01&catid=&subcatid=
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6570 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 12:56:23 » |
|
มาแล้วครับ เวนคืนที่ดิน ในอำเภอบางกรวย นนทบุรี เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมด่วน! เวนคืนที่ดินบางกรวย ก่อสร้างประตูระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วม ( เปิดดูแนวเวนคืน)วันที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 19:17:42 น. มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ จะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยพ.ร.ฎ. ฉบับนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำ และอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ประตูเรือสัญจร และสถานีสูบน้ำคลองบางกรวย ในท้องที่ ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ มี ๗ มาตรา ดังนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ประตูเรือสัญจร และสถานีสูบน้ำคลองบางกรวย
มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341576954&grpid=00&catid=&subcatid=
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6571 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 12:59:43 » |
|
ตามด้วยมาตรการของ"รถคันแรก"เปิดหลักเกณฑ์โอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา 5 ปี (รถคันแรก)วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10:32:05 น วันนี้ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลัง ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี ตามมาตรการรถยนต์คันแรก และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม ประกาศระบุว่า เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี ตามมาตรการรถยนต์คันแรก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ ก่อนครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี ตามมาตรการรถยนต์คันแรก และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม ลงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๒ การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี ตามมาตรการรถยนต์คันแรก และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม ให้โอนได้ในกรณีดังต่อไปนี้ ๒.๑ กรณีผู้ซื้อนำเงินที่ได้รับไปตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นคืนแก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ยื่นคำขอใช้สิทธิตามมาตรการรถยนต์คันแรก หรือมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วมแล้วแต่กรณี
๒.๒ กรณีผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก่อนครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี และผู้ให้เช่าซื้อนำรถยนต์ออกขายโดยวิธีการประมูลหรือวิธีการที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคกำหนด เมื่อหักใช้หนี้และค่าใช้จ่ายในการขายดังกล่าวแล้ว ถ้ามีเงินเหลืออยู่อีกเท่าใด ให้ผู้ให้เช่าซื้อนำเงินส่งให้แก่สำนักงาน สรรพสามิตพื้นที่ที่ผู้เช่าซื้อยื่นคำขอใช้สิทธิตามมาตรการรถยนต์คันแรก หรือมาตรการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม แล้วแต่กรณี ๒.๓ กรณีผู้เช่าซื้อปฏิบัติผิดสัญญาเช่าซื้ออันเป็นเหตุให้รถยนต์ถูกยึดและนำออกขายโดยวิธีการประมูลหรือวิธีการที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคกำหนด เมื่อหักใช้หนี้และค่าใช้จ่ายในการขายดังกล่าวแล้ว ถ้ามีเงินเหลืออยู่อีกเท่าใด ให้ผู้ให้เช่าซื้อนำเงินส่งให้แก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ผู้เช่าซื้อยื่นคำขอใช้สิทธิตามมาตรการรถยนต์คันแรก หรือมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม แล้วแต่กรณี ๒.๔ กรณีรถยนต์ที่ซื้อหรือเช่าซื้อเกิดอุบัติเหตุหรือประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติและผู้ซื้อหรือผู้เช่าซื้อไม่ประสงค์จะใช้รถยนต์นั้นต่อไป ๒.๕ กรณีรถยนต์ที่ซื้อหรือเช่าซื้อสูญหายและบริษัทผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ซื้อหรือผู้ให้เช่าซื้อไปแล้ว ต่อมาผู้ซื้อหรือผู้ให้เช่าซื้อได้รับรถยนต์กลับคืนมาและต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้กับบริษัทผู้รับประกันภัย
๒.๖ กรณีผู้ซื้อหรือผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรม ๒.๗ กรณีผู้ให้เช่าซื้อโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้เช่าซื้อ
๒.๘ กรณีผู้ซื้อหรือผู้เช่าซื้อซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ต่อมาได้ทำสัญญาเช่าซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ให้เช่าซื้อ โดยผู้ซื้อหรือผู้เช่าซื้อยังเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้ออันเนื่องมาจากการขอสินเชื่อเช่าซื้อนั้น ทั้งนี้ กรณีตาม ๒.๒ - ๒.๕ ผู้ซื้อหรือผู้เช่าซื้อยังคงมีหน้าที่ต้องนำเงินที่ได้รับไป คืนแก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ยื่นคำขอใช้สิทธิตามมาตรการรถยนต์คันแรก หรือมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม แล้วแต่กรณี สำหรับหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการรับเงินคืนกรณีตาม ๒.๒ - ๒.๕ ให้เป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด ข้อ ๓ ให้อธิบดีกรมสรรพสามิตมีอำนาจวางระเบียบกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามประกาศนี้ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันออกประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการ ฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341579115&grpid=03&catid=&subcatid=
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6572 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 13:04:44 » |
|
ตามด้วยการระบายน้ำจากเขื่อน วันละ 22 ล้าน ลบ.ม. ลดลงจากเดิมที่ 28 ล้าน ลบ.ม.
กฟผ.เตรียมระบายน้ำเพิ่ม ลดความเสี่ยงปริมาณจุของเขื่อน วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10:23:15 น. นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำของกฟผ. ขณะนี้ มีปริมาณน้ำในอ่างน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 ซึ่งเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนไม่มากนัก โดยเขื่อนสิริกิติ์ มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า หากมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนปริมาณมากเหมือนปี 2554 ปี 2538 และปี 2518 ซึ่งเป็นปีที่มีสถิติน้ำไหลเข้าเขื่อนมากที่สุด 3 ลำดับแรก ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยง กฟผ.จะต้องระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม จากวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร จากนั้นในเดือนมิถุนายน จะระบายน้ำลดลงเหลือวันละ 22 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามที่คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำได้พิจารณาวางแผนการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ไปจนกว่าจะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนตามสภาพฝน และความต้องการใช้น้ำ
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #6573 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 13:33:53 » |
|
ไปยุดยามา ที่อ.มหาราช มีการเวนคืนที่ดินบ้านคน เพื่อขุดคลองให้ใหญ่ขึ้น กศน. มหาราช อีกไม่นานจะอยู่ริมคลอง วิวสวย
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6574 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2555, 13:46:46 » |
|
น้องเริง
ที่ริมแม่น้ำเดิมนั้น เป็นที่สาธารณะมาแต่โบราณ แต่เพราะชาวบ้านรุกเข้าไปเรื่อยๆ เลยกลายเป็นที่ส่วนบุคคลไป รัฐยอมเวณคืน นับเป็นเรื่องดี เพื่อยุติข้อพิพาทและเสียเวลาฟ้องร้องในศาลลงไป
|
|
|
|
|