18 กันยายน 2567, 03:46:17
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 186 187 [188] 189 190 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2514028 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4675 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 15:13:50 »

สวัสดีพี่'อร, คุณครูเริง 2520

บ้านพี่'อร เริ่มเข้าไปได้แล้วหรือยังครับ

แล้วบ้านคุณครูเริง ล่ะ น้ำลดและทำความสะอาดได้แล้วหรือยัง ??
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #4676 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 16:17:21 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 07 ธันวาคม 2554, 21:52:38
อาหารเช้าวันนี้ ได้ปลาช่อนแดดเดียวมา 5 ตัวครับ หนักกว่า 1 กิโลครึ่ง
ทอดและทำเป็นเครื่องแก้มกับสะเดาน้ำปลาหวานไปเลย










อันนี้เยี่ยมมากเลยครับพี่เหยง
มีสะเดาน้ำปลาหวานด้วย
เจริญอาหารแน่ๆ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #4677 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 16:18:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 07 ธันวาคม 2554, 22:03:40
ต้นฝรั่งยืนตายจนแห้งหมดแล้วครับ
ปลูกไปอีก 2 ปี จึงจะเริ่มเก็บผลได้เป็นครั้งแรก คงพอๆ กับ"ส้มโอนครชัยศรี" ทีเดียว




แบบนี้ ได้เงิน 5,000 บาท คุ้มค่าหรือไม่ครับ ??!!  งง งง

สว่นอันนี้แย่...
น่าเห็นใจเป็นที่สุดครับพี่เหยงครับ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4678 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 16:55:23 »

สวัสดี หนุน

ฝรั่ง ต้องใช้เวลาปลูก จากกิ่งตอน เป็นเวลา 2 ปี ถึงจะเริ่มเก็บผลขายได้
ดังนั้น ตั้งแต่ปลูกไปจนถึงช่วงจะเก็บผลฝรั่ง ต้องหางานอื่นทำเลี้ยงชีวิต !!~
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4679 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 16:56:55 »

ปภ.เร่ง 62 จังหวัด-กทม.ส่งข้อมูลผู้ประสบอุทกภัย เพื่อจะได้จ่ายเงินเยียวยาให้ครบถ้วนโดยเร็ว
วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16:45:33 น.
 
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบอุทกภัย 5,000 บาทว่า หลังจากจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบอุทกภัย 5,000 บาทในพื้นที่ 62 จังหวัด จำนวน 2,289,562 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 11,447,810,000 บาท ขณะนี้ ปภ.ได้รวบรวมข้อมูลครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยให้ ธนาคารออมสิน จำนวน 434,588 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 18.98 คงเหลือ 1,854,974 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 81.02
 

โดยธนาคารออมสินได้เริ่มทยอยจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแล้ว 57,343 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 13.19 ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ใน 30 เขต จำนวน 621,355 ครัวเรือน กทม.ได้จัดส่งข้อมูลให้ ธนาคารออมสินแล้ว 36,464 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 5.87 คงเหลือ 584,891 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 94.13
 

ทั้งนี้ ปภ.เร่งรัดให้ทั้ง 62 จังหวัด และกทม.จัดส่งข้อมูลครัวเรือนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์มายัง ปภ. ให้ครบถ้วนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเสร็จสิ้นตามกรอบระยะเวลาที่ ครม.กำหนด เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยได้รับเงินช่วยเหลือรวดเร็วขึ้น


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323423663&grpid=03&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4680 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 17:39:45 »

ศอส.รายงาน น้ำยังท่วมไทยตอนบน 10 จว. ใต้ 8 จว. ดับรวม 689 ศพ
วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16:31:04 น.
 

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) รายงานว่าสถานการณ์ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัย ทั้งประเทศไทยตอนบน และภาคใต้บางจังหวัด โดย สถานการณ์อุทกภัย ประเทศไทยตอนบน ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 10 จังหวัด 84 อำเภอ 583 ตำบล 3,887 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,590,346 ครัวเรือน 4,405,315 คน ได้แก่ จ.อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร และ กทม. และ มีผู้เสียชีวิต 680 ราย สูญหาย 3 คน


ส่วนสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 8 จังหวัด 65 อำเภอ 362 ตำบล 2,057 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 147,092 ครัวเรือน 472,092 คน ได้แก่ จ.พัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช นราธิวาส สงขลา ยะลา และ จ.ปัตตานี พื้นที่การเกษตรได้รับ ความเสียหาย 118,358 ไร่ วัด/มัสยิส 7 แห่ง โรงเรียน 30 แห่ง สถานที่ราชการ 10 แห่ง ถนน 783 สาย สะพาน/คอสะพาน 113 แห่ง ปศุสัตว์ 5,777 ตัว ประมง 1,086 บ่อ มีผู้เสียชีวิต 9 ราย ปัจจุบัน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างฟื้นฟู


 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323423083&grpid=03&catid=19&subcatid=1906
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4681 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 20:18:35 »

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย
"อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบนและฝนตกหนักคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ "
ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2554
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้แล้ว และจะแผ่ลงมาปกคลุมประทศไทยตอนบนต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2554 ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีอากาศหนาวเย็นลง โดยอุณหภูมิลดลง 4-6 องศา กับมีลมแรง สำหรับพื้นที่ภูเขาสูงจะมีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา หลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้

ในช่วงวันที่ 9-12 ธันวาคม 2554 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นลมแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลระวังอันตรายจากคลื่นสูงลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง สำหรับชาวเรือขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #4682 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 20:34:48 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 09 ธันวาคม 2554, 16:17:21
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 07 ธันวาคม 2554, 21:52:38
อาหารเช้าวันนี้ ได้ปลาช่อนแดดเดียวมา 5 ตัวครับ หนักกว่า 1 กิโลครึ่ง
ทอดและทำเป็นเครื่องแก้มกับสะเดาน้ำปลาหวานไปเลย










อันนี้เยี่ยมมากเลยครับพี่เหยง
มีสะเดาน้ำปลาหวานด้วย
เจริญอาหารแน่ๆ


อยากกิน อยากกิน เมื่อไหร่จะได้กิน หมู่นี้ไม่ได้ขับรถผ่านซักที
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4683 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 20:45:42 »

ข้อเสนอของจังหวัดนครสวรรค์...................
 



                                                                                                 ฯลฯ

ปากน้ำโพยื่นแนวฟื้นฟู 5 ข้อ

นายคมกฤชช์ ธรรมรัตนกุล ประธานหอการค้า จ.นครสวรรค์ เผยว่า น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้จ.นครสวรรค์ เสียหายประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ความเสียหายตามทางด้านทรัพย์สินประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นภาคเกษตร ประมาณ 3.8 พันล้านบาท ภาคพาณิชยกรรม พิจารณาเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจในเขตเทศบาล เสียหายประมาณ 3 พันล้านบาท ภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ประมาณ 1.2 พันล้านบาท และภาคครัวเรือน ประมาณ 3 พันล้านบาท 2.ค่าเสียโอกาส ซึ่งเดิมจีดีพีประเมินไว้ 9 หมื่นล้านบาท แต่ความเสียหายทำให้เศรษฐกิจชะงักไป 1 เดือน ซึ่งสูญเสียประมาณ 9 พันล้านบาท

นายคมกฤชช์ กล่าวถึงมาตรการแก้ไขเบื้องต้นของหอการค้าจังหวัด วันที่ 20 ธ.ค. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อย (บสย.) จะจัดสัมมนาผู้ประกอบการทั้งหมด เพื่อสอบถามความต้องการในการช่วยเหลือ นอกจากนี้จะประสานกรมสวัสดิการแรงงาน กระทรวงแรง งาน เพื่อให้ชี้แจงค่าชดเชยการว่างงานในพื้นที่ประสบภัย นอกจากนี้เสนอเรื่องขอความช่วยเหลือในการฟื้นฟูถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ไป 5 ข้อ คือ 1. ให้กำหนดช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยกำหนดดอกเบี้ยผ่านธนาคารในอัตราร้อยละ 3

2.ให้สถาบันการเงินออกมาตรการให้ชัดเจน เช่น ระยะเวลาในการปลอดดอกเบี้ย ขยายเวลาในการชำระ และการลดดอกเบี้ยเงินกู้ต่างๆ 3.เพิ่มวงเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูกิจการและการค้า 4.เร่งรัดวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินให้รวดเร็ว และ 5.ขอยกเว้นหรือลดหย่อนค่าธรรม เนียมต่างๆ ของธนาคาร

"นครสวรรค์ทุกภาคส่วนกลับมาเป็นปกติแล้ว เพราะเราเตรียมตัวรับมือกับน้ำตลอดเวลา ระหว่างที่น้ำท่วมก็คิดไว้แล้วว่า เมื่อน้ำลดจะต้องจัดการอย่างไรบ้าง ทำให้ทุกอย่างฟื้นตัวเร็ว ขณะนี้ระบบการตลาดกลับมาเดินแล้ว แต่ผู้ประกอบการขาดเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ หากได้รับการสนับสนุนตามมาตรการที่เสนอไปคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือนทุกอย่างจะเรียบร้อย" ประธานหอการค้ากล่าว

จี้เยียวยาพื้นที่รอบนอก

นายวิสูตร จิตสุทธิภากร ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรม หากเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบเป็นโรงงานน้ำตาล โรงงานวุ้นเส้น และโรงสีข้าว แต่รวมแล้วไม่ถึงร้อยละ 5 ของทั้งหมด และช่วยตัวเองจนกลับมาดำเนินกิจการเป็นปกติแล้ว โดยที่ไม่เรียกร้องหรือรอคอยความหวังจากภาครัฐ เพราะทั้งหมดมองว่า เป็นสิ่งที่ทำใจยอมรับได้ และพอมีกำลังที่จะฟื้นฟูตัวเอง แต่พร้อมจะรับความช่วยเหลือจากภาครัฐหากเสนอมา แต่ไม่ออกไปเรียกร้องอะไรมากมาย อย่างไรก็ตามแม้ตัวเมืองจะฟื้นตัวเร็ว แต่ก็มีพื้นที่รอบนอกที่รอการฟื้นฟู จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเร่งรัดมาตรการดูแลด้วย
                                                    ฯลฯ



http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNekE1TVRJMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHhNaTB3T1E9PQ==
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4684 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 20:59:18 »

หลังจากน้ำท่วมที่ถนนและตามบ้านลดลง โดยยังมีน้ำที่ยังเจิ่งนองไร่-นองนา เพราะคันนากั้นน้ำเอาไว้
หน่วยงานของรัฐ ก็ถอนเครื่องสูบน้ำ และย้ายตามน้ำลงใต้ไปเรื่อยๆ
ชับนาท-สิงห์บุรี-อ่างทอง-พนะนครอยุธยา-ปทุมธานี-นนทบุรี-กทม......
โดยลืมความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ที่เคยถูกน้ำท่วมขัง
เงิน 5,000 บาท จ่ายแล้วก็ลืมเงินส่วนที่เหลือ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4685 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 21:10:49 »

ผู้ประสงค์จะบริจาคกระสอบทรายที่เลิกใช้แล้ว เพื่อให้ผู้ประสบภัยหรือส่วนราชการอื่นใช้ต่อ เพื่อไม่ให้"เสียของ"
บริจาคได้ครับ..............


เปิด 75 จุดทั่วกรุงรับกระสอบทราย

กทม.เปิด 75 จุดทั่วกรุง รับกระสอบทรายไม่ใช้แล้วหลังน้ำลด จับมือโอสถสภา-กองทัพภาคที่ 1-ศธ.ระดมฟื้นฟู 5 เขตประสบอุทกภัยรุนแรง บางพลัด-คันนายาวประกาศรายชื่อปชช.รับเงิน 5 พันช่วยน้ำท่วมรอบแรก เปิดให้รับเงินที่ธนาคารออมสิน

              9 ธ.ค.54 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ 50 สำนักงานเขต กำหนดจุดรับกระสอบทรายที่ไม่ใช้แล้วจากบ้านเรือนของประชาชนภายหลังจากสถานการณ์น้ำกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และกทม.สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ตามความเหมาะสม โดยจุดรับกระสอบทรายมีทั้งสิ้น 75 จุดในพื้นที่ 50 เขต ประกอบด้วย กรุงเทพกลาง 1. เขตพระนคร ที่บริเวณสวนหย่อมสะพานพระปกเกล้า 2. เขตดุสิต ที่ปากซอยเขียวไข่กาและบริเวณใกล้แยกเกียกกาย 3. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่บริเวณหน้าหน่วยเบสท์ของฝ่ายโยธา ภายในสำนักงานเขต 4. เขตสัมพันธวงศ์ ที่บริเวณหน้าสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ถนนโยธา 5. เขตดินแดง ที่บริเวณลานใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง ปากซอยวิภาวดี 16/27 และลานกีฬาหมู่บ้านอยู่เจริญ ซอยอินทามระ 41 6. เขตห้วยขวาง ที่สวนเกษตรข้างสำนักงานเขตห้วยขวาง ถนนประชาอุทิศ 7. เขตพญาไท ภายในสำนักงานเขต 8. เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขต 9. เขตวังทองหลาง ที่ลานกีฬาใต้ทางด่วนถนนประดิษฐ์มนูธรรมตัดลาดพร้าว               กรุงเทพใต้

    
                   10. เขตปทุมวัน ที่บริเวณใต้ทางด่วนถนนพระรามที่ 6 ใกล้แยกพงษ์พระราม 11. เขตบางรัก บริเวณใต้ทางด่วนมหานคร (ด้านถนนสี่พระยา) 12. เขตสาทร 5 จุด ที่ลานนันทนาการข้างสำนักงานเขตสาทร บริเวณโรงพยาบาลยาสูบ บริเวณที่จอดรถกรมทางหลวงชนบทใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ด้านหน้าศูนย์กีฬาเขตสาทร และบริเวณทางเท้าหน้าสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนเจริญราษฎร์ 13. เขตบางคอแหลม ที่บริเวณปากซอย 7 ถนนพระรามที่ 3 14. เขตยานนาวา ภายในสำนักงานเขต 15. เขตวัฒนา ที่วัดภาษี ซอยสุขุมวิท 63 และบริเวณใต้ทางด่วนลานกีฬาแสงทิพย์ ซอยสุขุมวิท 71 16. เขตคลองเตย ที่สวนไทร และสวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า 17. เขตพระโขนง ที่จุดจอดรถเก็บขนฝ่ายรักษาความสะอาดใต้ทางด่วนติดกับคลองพระโขนง 18.เขตสวนหลวง ที่ลานจอดรถฝ่ายรักษาความสะอาด ตรงข้ามสำนักงานเขต
    
                   19. เขตบางนา ที่ลานวัดบางนานอก ลานโรงเรียนเพี้ยนพิณอนุสรณ์และพาณิชยการบางนา    กรุงเทพเหนือ 20. เขตจตุจักร ที่ใต้สะพานรัชวิภา (ลานเรือ) และใต้สะพานรัชวิภา (ที่จอดรถฝ่ายรักษาความสะอาดฯ) 21. เขตบางซื่อ ที่บริเวณลานใต้สะพานพระราม 7 ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 22. เขตลาดพร้าว ที่ลานจอดรถฝ่ายรักษาความสะอาด ซอยหนองนางมา ถนนนาคนิวาส 23. เขตหลักสี่ ที่สวนสาธารณะทุ่งสองห้องและข้างสำนักงานเขต 24. เขตดอนเมือง ที่บริเวณที่จอดรถวัดสันติบุญมาราม (วัดคลองบ้านใหม่) ถนนเทิดราชัน 25. เขตสายไหม 4 จุด บริเวณอาคารเอนกประสงค์เขตสายไหม ข้างสำนักงานเขตด้านถนนสุขาภิบาล 5 สวนสายไหม ซอยสายไหม 76 และประตูระบายน้ำคลองลำหม้อแตก ระหว่างซอยสายไหม 56 กับ 58
        
                   26. เขตบางเขน ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ถนนพหลโยธิน ใต้ทางด่วนวัชรพล ถนนรามอินทรา และวัดศิริพงษ์ ถนนวัชรพล กลุ่มกรุงเทพตะวันออก 27. เขตบางกะปิ ที่หน้าห้างสรรพสินค้าดีเซมเบอร์ ถนนพ่วงศิริ 28. เขตสะพานสูง บริเวณลานจอดรถหน้าสำนักงานเขต 29. เขตมีนบุรี บริเวณที่ว่างข้างสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขต 30. เขตคันนายาว บริเวณที่ว่างตรงข้ามสำนักงานเขต 31. เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขต 32. เขตคลองสามวา บริเวณที่ว่างข้างสำนักงานเขต
        
                   33. เขตลาดกระบัง บริเวณใต้สะพานทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ถนนลาดกระบัง และบริเวณใต้สะพานทางด่วนมอเตอร์เวย์ไปชลบุรี ถนนหลวงแพ่ง 34. เขตหนองจอก บริเวณสำนักงานเขตหนองจอก 35. เขตประเวศ บริเวณสวนสุขภาพใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก ถนนอ่อนนุชกรุงธนเหนือ 36. เขตธนบุรี ที่ลานวัดกัลยา งานระบายน้ำ ซอยเทิดไท 22 และบริเวณใต้สะพานยกระดับวุฒากาศ 37. เขตคลองสาน บริเวณใต้สะพานสาทร 38. เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขต
        
                   39. เขตบางกอกใหญ่ ที่ลานจอดรถเก็บขนสิ่งปฏิกูลข้างสำนักงานเขต และที่ว่างบริเวณทางเท้าฝั่งตรงข้ามซอยพาณิชยการธนบุรี 17 40. เขตบางกอกน้อย บริเวณลานจอดรถฝ่ายรักษาฯ (ริมทางรถไฟ) ถนนจรัญสนิทวงศ์ 41. เขตบางพลัด ที่หลังห้างโลตัส สาขาจรัญสนิทวงศ์ (ที่เก็บวัสดุงานระบายน้ำ) 42. เขตตลิ่งชัน ที่ลานจอดรถด้านริมทางรถไฟ 43. เขตทวีวัฒนา 4 จุด ที่หัวมุมถนนพุทธมณฑลสาย 2 ใกล้ทางรถไฟ (เกาะกลาง) หัวถนนศาลาธรรมสพน์ใกล้ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ริมถนนเลียบคลองทวีวัฒนาใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และถนนพุทธมณฑลสาย 2 ทางเท้าริมคลองบางกอกน้อย กรุงธนใต้ 44. เขตภาษีเจริญ ตรงข้ามโรงเรียนตรีมิตร ถนนพุทธมณฑล สาย 1 45. เขตบางแค บริเวณด้านหน้าสวนป่า 4 ไร่ ถนนกาญจนาภิเษก 46. เขตหนองแขม บริเวณสวนพุทธรักษ์ ซอยเพชรเกษม 77 47. เขตบางขุนเทียน ที่โรงเรียนวัดประชาบำรุง และวัดท่าข้าม 48. เขตบางบอน บริเวณวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธิ์ธาราม 49. เขตราษฎร์บูรณะ ที่ซอยราษฎร์บูรณะ 22 บริเวณงานระบายน้ำ และ 50. เขตทุ่งครุ ภายในซอยประชาอุทิศ 76
                                                                           ฯลฯ
 

http://www.komchadluek.net/detail/20111209/117268/เปิด75จุดทั่วกรุงรับกระสอบทราย.html
      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #4686 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2554, 22:24:57 »

.....สวัสดีครับ พี่เหยง.....
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #4687 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 10:05:24 »

สวัสดีครับพี่เหยง ...


ลงชื่อเข้าอ่านครับ ...
  ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4688 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 19:00:32 »

สวัสดีครับ ตี๋ และ ดร.มนตรี

วันนี้ไไฟ้าดับบ่อยครั้ง จึงไม่ได้เข้าเว็ปในช่วงกลางวัน เดี๋ยวคอมพ์จะมีปัญหา ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4689 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 19:02:50 »

เมื่อคืนนี้ ไร่อ้อยแปลงติดกับที่บ้าน เผาอ้อยเพื่อเข้าตัดในเช้านี้ เลยต้องนั่งเฝ้าดูเขาเผา
กว่าจะเสร็จและไฟมอดลงก็เกือบเที่ยงคืน






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4690 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 19:14:05 »

เสาไฟฟ้าแรงสูงบริเวณหน้าวิทยาลัยเกษตรกรรรมนครสวรรค์ทรุด ส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นช่วงๆ
เนื่องจาก เจ้าหน้าที่พยายามเข้าซ่อมด้วยการดึงเสากลับตั้งให้เหมือนเดิม
แต่มีปัญหา ดึงเสาไม่กลับ เพราะคันดินทรุดลงมายันเสาให้เอียง






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4691 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 19:18:33 »

และวันนี้ต้อนรับ เจ้าหน้าที่จากฝ่ายกงสุลเกษตรของสถานฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
ซึ่งออกสำรวจปริมาณและผลผลิตข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ของประเทสไทย ซึ่งออกสู่ตลาดในฤดูนี้
มีการหารือถึงสถานการณ์การรับจำนำข้าวเปลือก การค้า การเพาะปลูกและการส่งออกข้าวโพด
โดยมีตัวแทนตลาดกลางข้าวเปลือก "ท่าข้าวกำนันทรง" และผู้ประกอบการโรงสี ร่วมต้อนรับและหารือ





      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4692 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 19:24:32 »

๑๐ ธันวา 'ราหูอมรัฐธรรมนูญ'
เปลว สีเงิน                                                                                                                    10 ธันวาคม 2554 - 00:00

    วันนี้-๑๐ ธันวาคม เป็นวันรัฐธรรมนูญ นอกจากรู้ว่าเป็นวัน "หยุดราชการ" แล้ว เราอาจไม่ชัดเจนในความเป็นมา ฉะนั้น วันนี้เคาะสนิมเป็นการปลุกจิตสำนึกกันหน่อย ผมเห็นเว็บไซต์ TIC Edu Park เก็บความ-จับประเด็นไว้ครอบคลุมและกระชับดี ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อตรงนี้ ดังนี้
    วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งโปรดเกล้าฯให้จัดเป็นที่ประชุมรัฐสภา ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชทานเป็นกฎหมายสูงสุดเพื่อเป็นหลักในการปกครองประเทศ จึงได้ถือเป็นวันที่ระลึกสำคัญของชาติ
    เพื่อระลึกถึงวันที่ "พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ 7 พระราชทานรัฐธรรมนูญ “ฉบับแรกอันเป็นฉบับถาวร” ให้แก่ปวงชนชาวไทย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 ซึ่งมีพระราชดำรัสในวันพระราชทานรัฐธรรมนูญดังนี้     
    “ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
    ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นประชาธิปไตย โดยผู้ที่เปลี่ยนแปลงการปกครองในครั้งนั้นคือ คณะราษฎร์
    ความจำฟื้นแล้วนะครับ สำหรับผมก็จะบอกว่า วันรัฐธรรมนูญปีนี้ "พิเศษ" กว่าทุกปี เพราะครบรอบวันเกิดปุ๊บก็ถูกราหูอมปั๊บพอดี มันอมอย่างไรกัน...วันนี้ "อาจารย์วิโรจน์ กรดนิยมชัย" ท่านจะมาให้ความรู้ทางวิชาการ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์-ดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ยูเรเนียน เชิญอ่าน
                จันทรุปราคาเต็มดวง 10 ธันวาคม 2554
                ราหูอมรัฐธรรมนูญ
                                                วิโรจน์ กรดนิยมชัย

    ปี 2554 มีปรากฏการณ์การเกิด (คราสอุปราคา) รวมทั้งสิ้น 6 ครั้ง ซึ่งนับได้ว่ามากกว่าปกติ (ปกติจะเกิดปีละ 4 ครั้ง) เป็นสุริยุปราคาบางส่วน 4 ครั้ง และ จันทรุปราคาเต็มดวง 2 ครั้ง ได้แก่
    ครั้งที่ 1 วันที่ 4 มกราคม ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน (Partial Solar Eclipse)
    ครั้งที่ 2 วันที่ 1 มิถุนายน ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน (Partial Solar Eclipse)
    ครั้งที่ 3 วันที่ 15 มิถุนายน ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse)
    ครั้งที่ 4 วันที่ 1 กรกฎาคม ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน (Partial Solar Eclipse)
    ครั้งที่ 5 วันที่ 25 พฤศจิกายน ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน (Partial Solar Eclipse)
    ครั้งที่ 6 วันที่ 10 ธันวาคม ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse)
    การเกิดคราส (อุปราคา) ทุกครั้งจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ เหตุการณ์ และอุบัติการณ์ทางธรรมชาติแตกต่างกัน ความรุนแรงเหตุการณ์แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระยะเชิงมุมของการเกิดคราส ว่าแนวเส้นผ่านศูนย์กลางของการเกิดคราสอยู่ใกล้กันเพียงใด ถ้าอยู่ใกล้กันมาก อิทธิพลก็จะรุนแรงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดคราสชนิดเต็มดวง (Total Eclipse) จะให้อิทธิพลมากที่สุด เพราะเส้นผ่านศูนย์กลางการเกิดคราสแทบจะทับสนิทองศากันเลย (บทความนี้จะไม่กล่าวถึงการเกิดสุริยุปราคาบางส่วนจำนวน 4 ครั้ง เพราะมีอิทธิพลไม่มาก) เช่น เมื่อวันที่ 3, วันที่ 15 มิถุนายน 2554 เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) เส้นผ่านศูนย์กลางการเกิดคราสเกือบจะอยู่กลางดวงอาทิตย์เลย
    โดยมีระยะเวลาการเกิดคราสจนถึงสิ้นสุดตั้งแต่เวลา 17.22.56-23.00.45 G.M.T. รวมเวลาการเกิดคราส 5.33.49 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นได้ตั้งแต่ทวีปเอเชีย, ออสเตรเลีย, แอฟริกา, ยุโรป และอเมริกาใต้โดยปกติแล้วตามที่ทราบกันทั่วไปว่าการโคจรของดวงจันทร์นั้น มีผลต่อการขึ้น-ลงของกระแสน้ำในแต่ละวันและแต่ละเดือน ในทางโหราศาสตร์อธิบายว่า
    1.ประเทศที่สามารถมองเห็นการเกิดคราส จะได้รับอิทธิพลทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ
    2.ระยะเวลาความนานของการเกิดจันทรุปราคา จะมีอิทธิพลนานชั่วโมงละเดือน
    3.เป็นการเกิดคราสในราศีธนู ธาตุไฟ ทางทิศตะวันออก
    ดังนั้น การเกิดคราสครั้งนี้จะมีอิทธิพลนาน ก่อนและหลังการเกิดคราส  5 เดือนเศษ ซึ่งจะพบว่า
    1.ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่มีผลต่อตัวผู้นำในหลายประเทศในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ได้แก่ อียิปต์, อิรัก และแม้แต่ประเทศไทยก็ยังเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี
    2.เกิดวิกฤติการณ์ความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินในทวีปยุโรป
    3.เกิดแผ่นดินไหวและอุทกภัยในสหรัฐอเมริกา และหลายประเทศในอเมริกาใต้
    4.เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 ยังผลให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับประเทศญี่ปุ่น
    5.เกิดพายุไต้ฝุ่นหลายลูกในทวีปเอเชีย ทำให้เกิดความเสียหายในหลายประเทศ
    6.ล่าสุดเกิดวิกฤติมหาอุทกภัยที่ประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวนานหลายเดือน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากที่ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ว่าจะเป็นเท่าไหร่
    วันที่ 10 ธันวาคม 2554 จะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) โดยมีระยะเวลาการเกิดคราสจนถึงสิ้นสุดตั้งแต่เวลา 18.34-00.30 น. รวมเวลาการเกิดคราสประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นได้ตั้งแต่ในมหาสมุทรแปซิฟิก, ทวีปเอเชีย, ออสเตรเลีย, แอฟริกาตะวันออก และยุโรป
    จันทรุปราคาเต็มดวง วันที่ 10 ธันวาคม 2554 ตรงกับวันรัฐธรรมนูญของไทย หากจะเทียบว่าวันรัฐธรรมนูญคือดวงชะตาของบุคคลคนหนึ่ง ในทางโหราศาสตร์ให้ความสำคัญว่า ในวันครบรอบวันเกิดปีใดที่ตรงกับการเกิดคราส แสดงว่าปีนั้นชีวิตจะไม่มีเสถียรภาพ
    ดังนั้นจึงอนุมานได้ว่า วันรัฐธรรมนูญที่ 10 ธันวาคม 2554 ย่อมมีเหตุการณ์ที่จะมีผลกระทบทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพต่อรัฐธรรมนูญ หรือระบบรัฐสภาของประเทศไทยอย่างแน่นอน
    การเกิดคราสครั้งนี้ อธิบายทางโหราศาสตร์ยูเรเนียนได้ว่า
    1.การเกิดคราสขึ้นตรงกึ่งกลางศีรษะ Ptolemy กล่าวว่า การเกิดคราสตรงกึ่งกลางศีรษะ จะมีอิทธิพลยาวนาน 4-8 เดือน ทั้งก่อนและหลังการเกิดคราส แสดงว่า เหตุการณ์ทางการเมือง และอุทกภัยที่เกิดขึ้นมาแล้วก่อนการเกิดคราส จะเกิดขึ้นได้อีกใน 6 เดือนแรกของปี 2555 และเหตุการณ์สำคัญมักจะเกิดขึ้นในระยะ 40 วันนับจากการเกิดคราส
    2.เกิดคราสในเรือนที่ 11 ซึ่งหมายถึงรัฐสภา จะเกิดการเปลี่ยนแปลง สะท้อนดาวอังคารในเรือนที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องความขัดแย้งของผลประโยชน์ มีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีความขัดแย้งอย่างรุนแรง และมีผลทำให้อายุของสภาผู้แทนฯ ไม่น่าเกินเดือนพฤษภาคม 2555
    3.ตำแหน่งจันทร์ของการเกิดคราส ทำมุมเล็งจันทร์ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ 18 องศา ราศีธนู แสดงว่า ตัวของยิ่งลักษณ์จะได้รับอิทธิพลของการเกิดคราสครั้งนี้อย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลย ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ยิ่งลักษณ์มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบ่งบอกถึงความไร้สำนึก (Unconscious) ตามอิทธิพลของดวงจันทร์
    4.ดาวพฤหัสบดีในเรือนที่ 9 แสดงถึงความสำเร็จและความเข้มแข็งของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสะท้อนเรือนที่ 4 แสดงว่า บทบาทของฝ่ายค้านมีความเข้มแข็ง
    5.ดวงอาทิตย์ ราหูและดาวคิวปิโด ในราศีธนูเรือนที่ 5 สะท้อนดาวมฤตยู ในราศีเมษเรือนที่ 8 หมายถึง ปัญญาชน นักวิชาการ จะรวมตัวกันหรือมีกิจกรรมที่มีผลทำให้รัฐบาลต้องนับหนึ่งใหม่
    6.ดาวเนปจูนราศีกุมภ์เรือนที่ 7 การไม่ได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศ แสดงว่า การติดต่อใดๆของรัฐบาลกับประเทศคู่เจรจาจะล้มเหลว ยกเว้นการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ในทางลับ หรือการจัดสรรผลประโยชน์ที่ผิดจริยธรรม
    7.คราสในราศีเมถุนซึ่งเป็นธาตุลม มีผลทำให้เกิดข้าวยากหมากแพง การป่วยไข้ โรคระบาด ความเสียหายของสัตว์ปีก และผู้ที่อยู่อาศัยตามชายทะเล
    บทสรุป
    การเกิดคราสในครั้งนี้เป็นสิ่งบอกเหตุให้เรารู้ว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับระบบรัฐสภาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะบริบทของประเทศไทยนั้น การข่มขืนกระทำชำเราเพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการนั้น คือการถูกปรับแพ้ ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีผลในทางปฏิบัติ คนที่เขียนกฎหมายขึ้นมาหลายคน ถูกกฎหมายที่เขียนขึ้นลงโทษตนเองมาหลายคนแล้ว
    นอกจากการเกิดคราสที่บ่งบอกเหตุการณ์แล้ว ดวงชะตาของประเทศไทยประจำปี 2555 ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ ยังมีสิ่งที่บอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่มั่นคง และอยู่ในกรอบปฏิบัติที่ถูกที่ควร
    ปรัชญาโหราศาสตร์ที่สำคัญจะฝากเอาไว้ คือ
    อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน นักการเมืองในอดีตที่ถูกคำพิพากษาลงโทษ และหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่เคยมีใครได้กลับประเทศไทยขณะที่ยังมีลมหายใจแม้สักคนเดียว.


    -ข้อมูล : http://eclipse.gsfc.nasa.gov/eclipse.html

http://www.thaipost.net/news/101211/49419
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4693 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 19:27:32 »

ปัญหารถยนต์ที่จอดหนีภัยน้ำท่วมที่ดอนเมือง แล้วถูกลากลงมาจากชั้น 2 และชั้น 3 รวมทั้งมีหายไปด้วย

ร้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ถูกทุกข้อ                                                                                                                10 ธันวาคม 2554 - 00:00

เรียน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านคุณสามวา สองศอก หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
          นับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. จนถึงวันที่ 7 ธ.ค. (ยกเว้น 5 ธ.ค.) เป็นเวลาเพียง 7 วันเท่านั้นที่ ศปภ.ส่งพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ นายตำรวจที่มีโลโก้นักพีอาร์ สร้างภาพลักษณ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มานั่งเฉพาะกิจที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าสนามบินดอนเมือง เพื่อรับแจ้งความเรื่องรถยนต์จมหายใต้บาดาลจำนวน 166 คัน
    ส่วนหนึ่งเป็นรถที่จอดบริเวณชั้น 2-3 ภายในอาคารต่างๆ ของสนามบินดอนเมืองและ ศปภ. แต่ถูกเจ้าหน้าที่ยกลงมาไว้บริเวณข้างล่าง ทำให้น้ำท่วมมิดหลังคาได้รับความเสียหายอย่างหนัก อีกส่วนหนึ่งเจ้าของนำรถเข้ามาจอดบริเวณด้านล่างด้วยตัวเอง เพราะไม่คิดว่าน้ำจะท่วมหนักจนมิดหลังคา ด้วยความเชื่อมั่นว่าการที่รัฐบาลประกาศเชิญชวนเช่นนี้ น่าจะมีมาตรการป้องกันอย่างดี อย่างที่เรียกว่าเอาอยู่   
    ภาพที่ปรากฏเป็นข่าวทางทีวีหลายครั้ง ใครไม่รู้ก็คิดว่ารัฐบาลและ ศปภ.ได้ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อจากการนำรถยนต์มาจอดที่สนามบินดอนเมืองเรียบร้อยแล้ว ด้วยการนำเสนอข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ทั้งในส่วนครอบครัวข่าวช่อง 3 และข่าว 3 มิติในภาคดึก แล้วเรื่องทุกอย่างก็เลือนเงียบหายไป
          ดิฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่นำรถยนต์เข้าไปจอดที่ดอนเมืองด้วยเช่นกัน แต่โชคดีไม่ได้ถูกยกลงมาแช่น้ำแต่อย่างใด และในฐานะเพื่อนของผู้เสียหายเข้าไปติดตามเรื่องนี้ พร้อมกับเพื่อนที่ถูกทางราชการยกรถยนต์จากชั้น 2 ลงมาไว้ชั้นล่างจนน้ำท่วมมิดหลังคา ขอตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติม เพื่อท่านผู้อ่านที่มีจิตใจเป็นธรรมได้ร่วมกันไตร่ตรอง การกระทำเช่นนี้เป็นการทำงานเหมาะสมกับการเป็นข้าราชการของแผ่นดิน ทำงานอย่างมีจิตสำนึกหรือไม่? หรือเป็นเพียงการทำงานแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แล้วรับเงินเดือนจากภาษีประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การทำงานของรัฐบาลใช้วิธีขอความร่วมมือฟรีๆ จากหน่วยงานราชการ เช่น การทางพิเศษฯ ส่งรถพร้อมเจ้าหน้าที่มายกรถจมน้ำไปส่งตามสถานที่ต่างๆ และภาคเอกชนหลายแห่งมาแบบน้ำท่วมปากอย่างเสียไม่ได้
    เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดย้ำกับภาคเอกชนในทำนองว่า เป็นการให้ความช่วยเหลือเหยื่อ ทั้งๆ ที่ควรเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ในฐานะที่ป่าวประกาศเชิญชวนให้ประชาชนมาจอดรถหนีน้ำในที่ปลอดภัย ที่สุดกลับดูแลไม่ได้ ทั้งยังเสียหายหนักกว่าจอดไว้ที่บ้านเสียอีก เพราะบางบ้านท่วมแค่เข่า หรือถึงอกถึงเอว หรือบางบ้านน้ำไม่ท่วม   
    ในขณะที่ภาคเอกชน การทำงานทุกครั้งจะต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ทำให้ภาคเอกชนละล้าละลังในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเขาไม่ได้มีส่วนผิดจากเหตุการณ์ดังกล่าว ประกอบกับภาคเอกชนก็ได้รับความเสียหายจากผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทฮอนด้า ทำให้พนักงานไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง ต้องหารือผู้บังคับบัญชาตลอดเวลาของการทำงาน
    ที่สุดประชาชนจึงยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ นอกจากการล้างรถแค่ภายนอก บ่งบอกว่าทำงานผิวเผินแค่เปลือก ดังนั้นดิฉันขอสรุปประเด็นสำคัญดังนี้
     1.เจ้าหน้าที่กรมการประกันภัยจดบันทึกผู้ที่มาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของรถ พร้อมเบอร์มือถือในการติดต่อ โดยไม่ได้บันทึกถึงสาเหตุที่นำรถมาจอด ตลอดจนหมายเลขทะเบียนรถ เมื่อผู้เสียหายท้วงติงจึงเขียนบันทึกด้วยลายมือที่อ่านแทบไม่ออก การจดบันทึกอยู่บนแผ่นกระดาษ ไม่ได้ลงสมุดเป็นเล่มแต่อย่างใด
    ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจวิภาวดีรังสิต มาช่วยจดบันทึกลงสมุดอีกเล่มหนึ่งด้วยลายมือ และมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่ไม่ได้รับการบันทึกลงสมุดของตำรวจโดยไม่ทราบเหตุผล โชคดีที่เราเข้ามาพบสมุดเล่มนี้เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ในช่วงบ่ายๆ ดิฉันและเพื่อนเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าซีวิค 2 ฮ 2067 เข้ามาติดตามเรื่องด้วยตัวเอง เพราะไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ด้วยเห็นว่าเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ตำรวจช่วยกันล้างรถแต่เพียงเปลือกนอก ไม่ได้ช่วยทำให้รถวิ่งได้แต่อย่างใด เราตัดสินใจว่าจะล้างรถภายในด้วยตัวเอง เพราะไม่อยู่ในเงื่อนไขของทางราชการที่จะให้บริการ เมื่อเราสองคนช่วยกันซักพรม ล้างอุปกรณ์บางส่วน ด้วยสายยางที่ต่อจากท่อประปาเป็นเวลานาน โดยตำรวจและเจ้าหน้าที่ของโตโยต้านั่งมอง ส่วนเจ้าหน้าที่ของฮอนด้าหายกลับออกไปยกทีม เมื่อจำหน้าเราสองคนได้ อาจเพราะกลัวว่าจะต้องซ่อมรถให้ฟรี เนื่องจากวันแรกนั้น พล.ต.อ.พงศพัศพูดแย้มๆ เหมือนกับว่าขอให้ทางฮอนด้าและโตโยต้าช่วยเหลือผู้เสียหาย
    ทางเจ้าหน้าที่ฮอนด้าจึงต่อสายให้คุยกับผู้บริหาร แต่ที่สุดคือ ผู้เสียหายต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ทางพล.ต.อ.พงศพัศก็หันมาสรุปกับผู้เสียหาย พูดเป็นทำนองว่า ตนมีหน้าที่เพียงมารับเรื่องราวร้องเรียน และรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้กับรัฐบาลเท่านั้น 
    หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ คาดว่าอาจจะมีความคืบหน้าเรื่องความรับผิดชอบเยียวยาบ้างแล้ว ดิฉันและเพื่อนจึงตัดสินใจเข้ามาดูรถที่ดอนเมืองอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้นในเรื่องการเยียวยาผู้เสียหาย และได้ข้อมูลว่า วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันสุดท้ายที่จะมีตำรวจมารับเรื่องทะเบียน แสดงว่าถ้าไม่ทำอย่างไรกับรถ ก็คงจะต้องจอดทิ้งไว้อย่างนี้ หรืออาจจะถูกยกไปปล่อยเป็นซากทิ้งไว้ที่ไหนอีกก็ไม่รู้ จึงตัดสินใจว่าคงต้องยกรถไปเข้าอู่ดีกว่าจอดทิ้งไว้ เพราะดูๆ แล้วยังไม่เห็นอนาคตเลยว่า รัฐบาลจะมีคำตอบเรื่องช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อ และแสดงความรับผิดชอบอย่างไร เมื่อไหร่ ต้องรออีกนานแค่ไหน เมื่อเข้าไปเรียนกับ พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผู้การที่เข้ามาทำหน้าที่แทนในวันนั้น ก็ได้รับคำตอบว่า รถยกของการทางพิเศษฯ กลับไปแล้ว ผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ทั้งที่ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็น
     ในระหว่างที่ติดตามเรื่องรถยก จึงได้เปิดสมุดบันทึกของตำรวจ จึงได้รู้ว่าชื่อของเพื่อนตกหล่น ไม่ได้รับการบันทึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมุดลงทะเบียนผู้เสียหายแต่อย่างใด ทั้งนี้ พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สวจ.สน.วิภาวดีรังสิต และสุกิต นครบัณฑิตย์ หน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากโตโยต้า มาช่วยพลิกสมุดแต่ก็ไม่พบชื่อ ศิริวรรณ สุขวิเศษ เจ้าของรถยนต์ฮอนด้าซีวิค 2 ฮ 2067 ที่ถูกยกแต่อย่างใด
    พ.ต.ท.สนองก็แนะนำให้เราจดบันทึกด้วยตัวเอง เปิดหมายเลขใหม่เป็น 123 แล้วบันทึกข้อความด้วยตัวเอง จากนั้น พ.ต.ท.สนองก็เข้ามาซักถามในรายละเอียด และแนะนำให้เข้ามาใหม่ในวันรุ่งขึ้น โดยตำรวจจะประสานเรื่องรถยกให้เพื่อลากไปยังอู่รถหรือสถานที่ต่างๆ
    2.ครอบครัวข่าว 3 และข่าว 3 มิติ เข้ามาทำสกู๊ปข่าวรถจมน้ำทั้งคัน แต่มหัศจรรย์ซ่อมจนวิ่งได้แล้ว ด้วยการสัมภาษณ์ภาณุมาศ ศักดิ์สองเมือง เจ้าของรถโตโยต้า โซลูน่า ทะเบียน กข 6893 ลำพูน คันนี้ นำมาจอดบริเวณด้านล่างของสนามบินดอนเมือง มิใช่เป็นรถของเหยื่อของทางราชการ ที่ยกรถจากชั้นบนลงมาจอดจนน้ำท่วมมิดทั้งคันแต่อย่างใด
    ยังมีผู้เสียหายเจ้าของรถอีกหลายคันที่ยังไม่มีทางออกในการซ่อมรถ บ้านก็ถูกน้ำท่วมหมดตัวไปแล้ว ค่าซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วมมิดหลังคานานเป็นเดือนก็ปาเข้าไปหลายหมื่น บางคันเป็นหลักแสน และยังไม่รู้ว่าหลังจากซ่อมแล้วจะกลับมาอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีดังเดิมหรือไม่ หรืออาจจะต้องขับไปซ่อมไป ถ้าคิดจะขายต่อราคาก็คงตกฮวบลงอย่างแน่นอนเพราะเป็นรถน้ำท่วม หรือถ้าจะตัดสินใจขายเป็นซากรถก็ถูกกดราคาจนน่าตกใจ บางคันที่เป็นรถเก่าถูกตีราคาเหลือเพียงหกพันบาท รถยนต์วอลโว่ถูกตีราคาเหลือเพียงหนึ่งหมื่นบาท จะซ่อมเองก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นช่าง และไม่มีความรู้ในเรื่องเครื่องยนต์ อีกทั้งไม่มีเวลาที่จะมาคุมการซ่อมแซมด้วยตัวเอง   
    3.จำนวนรถยนต์ที่จมน้ำมิดจำนวน 166 คัน แต่เจ้าของรถยนต์อีกจำนวนหนึ่งยังไม่ได้มาแสดงตัวเนื่องจากบ้านยังน้ำท่วมอยู่ หรือบางคนก็ยังอพยพอยู่ที่ต่างจังหวัด ฯลฯ ทางราชการจะติดต่อบุคคลเหล่านี้ให้รับทราบถึงสิทธิ์ของตัวเองได้อย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องออกข่าวประชาสัมพันธ์ให้รับทราบด้วย ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้เป็นไปตามบุญตามกรรม
           4.การที่ผู้เสียหายต้องเดินทางมายังสนามบินดอนเมืองแต่ละครั้งไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย ต้องเสียเวลากันทั้งวัน การรอคอยอย่างไร้คำตอบที่ชัดเจน ในขณะที่ตัวเองก็ต้องทำงานทำการดูแลครอบครัว อีกทั้งต้องการนำรถยนต์กลับไปใช้ หลายคนต้องนำไปใช้ประกอบอาชีพ มีเหยื่อรายหนึ่งสามีต้องทำงาน ในขณะที่ฝ่ายภริยากำลังมีลูกอ่อนไม่กี่เดือน นำรถที่ซื้อต่อจากมารดามาจอดไว้และถูกยกลงมาเช่นกัน
    ในวันสุดท้ายของการลงทะเบียนรับรถ ทั้งสองสามีภริยาอุ้มลูกน้อยเข้ามาดูรถท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ แต่เมื่อรู้ว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ก็ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่าจะทำอย่างไรต่อไป ทั้งๆ ที่ไม่มีเงินที่จะซ่อมแซม ยังต้องหาอู่ที่จะซ่อมแซมที่ไม่แพงจนเกินไป พยายามเลือกหาอู่รถที่พอจะสู้ราคาในยามยากอย่างนี้ให้ได้
        ในสถานการณ์ความเดือดร้อนเสียหายซ้ำซ้อนเช่นนี้ ดิฉันขอวิงวอนรัฐบาลให้เร่งรีบแสดงสปิริตความเป็นผู้นำ ที่ตระหนักถึงความทุกข์ยากของประชาชน โดยเฉพาะที่เกิดจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการของท่าน ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายเข้ากลีบเมฆ แล้วอ้างแต่เพียงว่ามีเรื่องอื่นที่เร่งดำเนินการ แต่ปล่อยให้ประชาชนผู้เคราะห์ร้ายลอยคออยู่ในทะเลทุกข์ต่อไปอย่างสิ้นหวัง   
    หากผู้อ่านไทยโพสต์ทราบเบาะแส หรือประสงค์จะให้ความช่วยเหลือ แนะนำพวกเราที่ตกเป็นเหยื่อของรัฐบาล ที่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมอันเนื่องจากการบริหารจัดการที่ล้มเหลว แล้วยังต้องเผชิญทุกข์ซ้ำซ้อนเช่นนี้ สามารถให้คำแนะนำผ่านหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ในยามที่คนไทยช่วยกันระดมพลังสมอง เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ที่พึงมีพึงได้เมื่อถูกกระทำอย่างไม่ชอบธรรมเช่นนี้
                                ปาริชาติ ประคองจิตร์

ตอบ คุณปาริชาติ
    กรณีนี้ยังมีหนทางช่วยเจ้าของรถที่ถูกเจ้าหน้าที่ ศปภ.ยกรถลงมาจอดชั้นล่าง ถือเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภาครัฐอย่างชัดเจน ผมได้ติดต่อไปทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคแล้ว อยากให้ผู้เสียหายรวบรวมข้อมูลและรายชื่อเป็นกลุ่ม แล้วทำหนังสือร้องทุกข์ส่งไปถึงคุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โทร.0-2248-3734-7 หรือจะเข้าไปปรึกษาขอคำแนะนำ เพื่อดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป
                                สามวา สองศอก

http://www.thaipost.net/news/101211/49421

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4694 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 20:15:43 »

RCU และทุกท่านครับ

ขณะนี้ 20.15 น. ดวงจันทร์เริ่มจับคราสจากด้านล่างแล้วครับ
จันทคราสเต็มดวงเริ่ม 21.06-21.57 น.ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4695 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 20:18:55 »

ศอส.สรุปพื้นที่ประสบน้ำท่วมอยู่ 18 จว.
10 ธันวาคม 2554 17:40 น.

 
       ศูนย์อำนวยการและบริการสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศอส.สรุปพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน แยกออกเป็น 2 พื้นที่ คือพื้นที่ตอนบน และภาคใต้บางจังหวัด โดยพื้นที่ตอนบนนั้นยังเหลืออีก 10 จังหวัดที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วม คือ จ.อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทสาครและกรุงเทพมหานคร ประชาชนเดือดร้อน 4,425,047 คน เสียชวิต 680 คน และสูญหาย 3 คน
        ส่วนพื้นที่ภาคใต้มีพื้นที่ประสบภัยตั้งตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายนรวม 8 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช นราธิวาส สงขลา ยะลา และปัตตานี ประชาชนเดือดร้อน 472,227 คน เสียชีวิต 9 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 118,358 ไร่


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000157343
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4696 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 20:19:56 »

"อานนท์"คาดไทยจะอยู่กับน้ำ 5-10 ปีตามวงรอบ ชี้น้ำมาก
10 ธันวาคม 2554 18:20 น.

 
        "อานนท์" ชี้ปีหน้าปริมาณน้ำจะมากเหมือนกับปีนี้ เผยยังไม่มีปัจจัยใดคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ขณะที่ดาวเทียมมองเห็นแค่พายุก่อตัว เตือนภัยได้ล่วงหน้าเท่านั้น คาดไทยจะอยู่ในภาวะน้ำมากอีก 5-10 ปี ตามวงรอบเหตุจากภาวะโลกร้อน
       
       วันนี้(10 ธ.ค.) นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ คาดการณ์ถึงสภาพอากาศในปีหน้าว่า จะมีปริมาณน้ำมาก คือฝนจะมากกว่าค่าเฉลี่ย โดยปริมาณน้ำมาจากฝนมรสุมที่พอกับปีนี้ และยังเป็นห่วงว่าสถานการณ์ที่มีน้ำมาเติมนอกจากมรสุมอาจเกิดขึ้นได้อีก นอกจากนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะมีพายุหรือร่องความกดอากาศต่ำที่เข้ามาอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างในปีนี้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใดนำมาคาดการณ์ได้ ส่วนดาวเทียมที่ใช้คาดการณ์พายุจะมองเห็นเมื่อพายุเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสามารถใช้ในการเตือนภัยได้ 5 - 10 วันล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถบริการจัดการน้ำหรือป้องกันอย่างอื่นได้ทัน
       
       นายอานนท์ กล่าวีอกว่า ขณะที่ประเทศไทยจะต้องอยู่ในภาวะน้ำมากแบบนี้อีกราว 5-10 ปีตามวงรอบ ซึ่งปัจจัยจากโลกร้อนอาจเป็นผลในการเสริมบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่อยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องจับตาหลังจาก 10 ปีไปแล้ว สภาพอากาศอาจจะเปลี่ยนรูปแบบไป สำหรับหน้าแล้งปีนี้จะเริ่มต้นขึ้นเร็วกว่าปกติ เนื่องจากมีการระบายน้ำไว้มากในช่วงนี้ จึงอาจส่งผลกระทบกับพื้นที่นอกเขตชลประทานเป็นหลัก


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000157349
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4697 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2554, 20:49:26 »

ว่ากันไป.......

โรงงานซันโยเลิกผลิตในไทยถาวร "โต้ง"ไม่แคร์-ฟุ้งมีบริษัทใหม่พร้อมลงทุนเพียบ
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7681 ข่าวสดรายวัน


นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ข้อมูลของ กสร. ณ วันที่ 9 ธ.ค.2554 มีสถานประกอบการที่ยังได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม 9,532 แห่ง ใน 10 จังหวัด ลูกจ้าง 480,202 คน และมีลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง 11,862 คน

ในส่วนของบริษัท ซันโย เซมิคอนดักเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีโรงงานอยู่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศหยุดการผลิตถาวร โดยลูกจ้างทั้งหมด 800 คน สมัครใจ ลาออก 100% มีผลในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าบริษัทเลิกจ้างลูกจ้างรวม 2,000 คนนั้น ตัวเลขดังกล่าวได้รวมการเลิกจ้างก่อนหน้านี้ 1,200 คนด้วย

นายวิทยา เลื่องลือยศ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดิมบริษัทซันโยฯ มีปัญหาเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันที่สู้รายอื่นไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากเจอปัญหาเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และยิ่งเจอปัญหาน้ำท่วมซ้ำเข้าไปอีกทำให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นที่จะย้ายฐานการลงทุนจากไทยไปอยู่ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีฐานการผลิตเดิมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เท่าที่สอบถามนักลงทุนในโรจนะ ตอนนี้ส่วนใหญ่ยังไม่มีแจ้งย้ายฐานการลงทุนจากไทย แต่เวลานี้รัฐบาลควรเร่งประกาศแผนการบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจนออกมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

ด้านนายสุพจน์ วิรัตน์โยสินทร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า สำหรับบริษัท ซันโย เซมิคอนดักเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด เพราะได้ขายบริษัทดังกล่าวให้แก่กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน เซมิคอนดักเตอร์ ประเทศสหรัฐตั้งแต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว. พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าทุกบริษัท ที่ประกอบกิจการในไทยจะตัดสินใจดำเนินธุรกิจในไทยต่อไป เพราะปัญหาอุทกภัยครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ แต่จากการหารือกับผู้ประกอบการระดับโลกส่วนใหญ่ยืนยันที่จะประกอบกิจการในไทยต่อไป จึงอย่าไปกังวล เพราะตอนนี้มีบริษัทใหม่ๆ พร้อมเข้ามาลงทุนอีก สังเกตได้จากตัวเลขการขอส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังมีอีกเยอะ

สำหรับการเตรียมแนวทางการป้องกันอุทกภัยนั้นคาดว่าการอนุมัติวงเงินกู้เพื่อสร้างระบบการป้องกันพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจะได้ข้อสรุปภายในปลายเดือนธ.ค.นี้และคงเริ่มงานก่อสร้างในต้นปีหน้า เพื่อสามารถใช้งานได้ภายในเดือนมิ.ย.2555 ส่วนพื้นที่นอกนิคมอุตสาหกรรม ที่มีโรงงานอีกหลายแห่ง รัฐบาลจัดทำแผนระยะสั้นไว้รองรับแล้วและพื้นที่เกษตรกรรมบางส่วนอาจถูกจัดทำให้เป็นพื้นที่รับน้ำ ดังนั้นขั้นตอนต่อไปขึ้นอยู่กับการเจรจาว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไรและการชดเชยคงต้องให้เกิดความคุ้มค่าและเหมาะสมด้วย ส่วนระยะยาวคงต้องพิจารณาแผนในระยะสั้นก่อนว่า จะดำเนินการในรูปแบบใดจากนั้นจึงมากำหนดแนวทาง และคงใช้เวลาพอสมควรเพราะต้องพิจารณาถึงระบบอื่นๆ เข้ามาประกอบด้วย

หน้า 8
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHdNVEV3TVRJMU5BPT0=&sectionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1TMHhNaTB4TUE9PQ==
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4698 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2554, 12:09:12 »

พูดแต่เรื่องจะลงทุน แต่เรื่องเดิมคือ "ใครปล่อยน้ำผิดพลาด ??" ไม่มีการว่ากล่าวเอาความกัน !!

"ดร.โกร่ง"ยันหอการค้าวางใจแผนบริหารจัดการน้ำทำได้ใน 12 เดือน พร้อมปลุกผีโครงการเขื่อน"แก่งเสือเต้น"
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:05:54 น.
  
 
นายวีระพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กล่าวปาฐถาเรื่อง “รวมพลังก้าวผ่านวิกฤติอุทกภัย สร้างอนาคตเศรษฐกิจไทย” ว่า สิ่งที่ไทยจะต้องทำเพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะแบ่ง 2 มาตรการ คือแผนเฉพาะหน้า ที่จะต้องทำให้เสร็จภายใน 12 เดือนข้างหน้า เริ่มจากการจัดตั้งหน่วยงานกลางขึ้นมาบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมาไทยมีหลายหน่วยงานที่ดูแลเรื่องน้ำแบบต่างคนต่างทำ ทั้งรัฐบาล กรุงเทพมหานคร องค์กรส่วนท้องถิ่น และอาจจะต้องมีการปรับแก้กฎหมาย เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
 

รวมถึงการพัฒนาระบบป้องกันและเทคโนโลยีให้ทันสมัยตามประตูน้ำต่างๆให้ใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมแทนคน ถ้าหากมีการดำเนินมาตรการเหล่านี้เสร็จแล้ว ควรมีการจัดซ้อมใหญ่ปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจสอบระบบการจัดการน้ำว่าได้ผลหรือไม่ เพื่อหาทางรับมือให้ทัน เพราะที่ผ่านมาบางครั้งเครื่องสูบน้ำมีแต่หน้ากากแต่ไม่มีเครื่อง และคันดินที่ควรจะมี 3 เมตรครึ่ง ก็เหลือ 2 เมตร สิ่งเหล่านี้ต้องแก้ไข


สำหรับแผนระยะยาว ถึงเวลาแล้วที่ไทยจะต้องลงทุนขนานใหญ่ เพื่อพัฒนาระบบน้ำให้เพียงพอต่อการใช้ทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะระบบลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะมีการนำเอกสารจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจกา) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพัฒนา ซึ่งจะแบ่งการดูแลน้ำเป็น 3 ตอน คือตอนบนจะมีการทบทวนการจัดทำโครงการแก่งเสือเต้น เพราะเป็นช่องโหว่ของแม่ยม ที่ทำให้เกิดภัยแล้งและน้ำท่วม และดูเรื่องการปลูกป่า การทำแก้มลิง ส่วนลุ่มน้ำตอนกลางจะมีการพัฒนาการสร้างพื้นที่หรือโครงสร้างรองรับน้ำให้เพียงพอ ส่วนตอนใต้ซึ่งรวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต้องมีการสร้างทางน้ำไหล เพื่อผันน้ำออกตะวันออก และตะวันตกไปแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำบางปะกง ลงสู่ทะเลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่อาจต้องมีชุมชมที่ต้องเสียสละรับน้ำ ซึ่งรัฐบาลควรมีมาตรการเยียวยาชดเชยให้เหมาะสม
 

นอกจากนี้ การดูแลนิคมอุตสาหกรรม 7 แห่ง ภาคเอกชนควรมีการลงทุนในการสร้างระบบป้องกันน้ำรวมถึงนิคมอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงจะถูกน้ำท่วมในอนาคตก็ควรลงทุนด้วยเช่นกัน โดยจะมีการจัดหาเงินกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งทางธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิค) และธนาคารออมสิน จะเป็นผู้ดูแล แต่จะต้องสร้างให้สอดคล้องกับมาตรฐานของไจก้า และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ขณะเดียวกันควรพิจารณาจัดตั้งศูนย์ข้อมูลน้ำเพื่อประชาชน ให้ประชาชนสามารถติดตามการไหลของน้ำและเตรียมตัวรับมือได้ทันท่วงที


ในส่วนการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อลงทุนแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม ขึ้นมาดูแล โดยแนวทางภาครัฐเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และเน้นหาเงินกู้จากในประเทศเป็นหลัก เพราะไทยมีเงินออมและเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงมากเกินความจำเป็น แต่หากจำเป็นต้องกู้เงินจากต่างประเทศ ก็ไม่มีปัญหา เพราะไทยมีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศแค่ 2% ของจีดีพีเท่านั้น และหลายประเทศก็พร้อมให้สนับสนุนเงินกู้อยู่ ขณะที่ปัญหาหนี้สาธารณะที่มี 41% ของรายได้ ครึ่งหนึ่งเป็นหนี้จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่โอนมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งกำลังเจรจาให้โอนหนี้กลับคืนไป เพราะธปท.สามารถนำรายได้จากถือครองทุนสำรองประเทศมาบริหารจัดการได้
 

นายวีรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า การบริหารจัดการน้ำ ยืนยันว่าจะเป็นเรื่องถาวร ไม่ใช่มาแล้วก็ไป เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องระดับชาติ ไม่ใช่นโยบายจากพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งขณะนี้แผนแม่บทที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ดูแลนั้น ได้จัดทำแผนแม่บทเสร็จแล้ว เหลือแค่ลงรายละเอียดเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาน้ำระยะยาว

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323524948&grpid=&catid=05&subcatid=0503

 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4699 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2554, 09:34:49 »

สวัสดี ในวันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม ครับ

เย็นนี้มีใครแต่งหล่อ-แต่งสวยไปงานเลี้ยงกันบ้างครับ
เย็นวันนี้งานเลี้ยงเยอะครับ หลายที่-หลายแห่งมีแต่ฉลองงานแต่ง
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 186 187 [188] 189 190 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><