|
เหยง 16
|
 |
« ตอบ #4350 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 20:42:28 » |
|
ข้อมมูลน้ำจังหวัดนครสวรรค์ วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2554
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์วันนี้ 2,586 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ 44 ลบ.ม./วินาที
ระดับน้ำท่วมลดลงวันนี้ 8 ซ.ม., โดย 27 วันที่ผ่านมา น้ำลดลงสะสม 210 ซ.ม.
รวมวันนี้เป็น 28 วัน ระดับน้ำลดลงทั้งสิ้น 218 ซ.ม.
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4351 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 20:54:54 » |
|
เผยทั่วประเทศน้ำแห้งกลาง ธ.ค. วันเสาร์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา 19:27 น
"ชลิต" เผยสถานการณ์อุทกภัยกลับสู่ปกติ กลางเดือน ธ.ค.หลัง 16 พ.ย.น้ำท่วมกทม.เริ่มลดลง
วันนี้( 12 พ.ย.) นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กทม.ว่า หลังวันที่ 16 พ.ย.ไปแล้วสถานการณ์ในท่วมใน กทม.จะเริ่มดีขึ้นโดยจะลดระดับลงอย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงแล้วจะทำให้การเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ประสบอุทกภัยทำได้อย่างรวดเร็วจะสามารถผลักดันน้ำออกทะเลได้ถึงวันละ 300-400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อย่างไรก็ตามน้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้งในช่วงปลายเดือนก็จะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่น้ำท่วมเพราะในช่วงกลางเดือนไปแล้วระดับน้ำจะลดต่ำกว่าตลิ่งโดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สามารถเปิดประตูระบายน้ำจากพื้นที่ได้ทุกจังหวัดตั้งแต่ จ.ชัยนาทลงมาจนถึงอ่าวไทย ซึ่งน้ำที่ค้างอยู่ในทุ่งต่างๆทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จะไหลลงสู่แม่น้ำได้ทั้งหมดและสถานการณ์กลับสู่ปกติทั้งหมดประมาณกลางเดือน ธ.ค. รวมทั้งพื้นที่กทม. ด้วย
รายงานข่าวจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.เปิดเผยว่าปริมาณน้ำที่ท่วมในพื้นที่กทม.และปริมณฑลในขณะนี้มีประมาณ 1.2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำในฝั่งตะวันออกตั้งแต่ทุ่งวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ลงมาจนถึงทุ่งรังสิตเหนือและทุ่งรังสิตใต้ มีจำนวน 9 พันกว่าล้านลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกตั้งแต่นนทบุรี ลงมา มีประมาณ 2 พันกว่าล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำที่เข้าท่วมพื้นที่กทม.ชั้นใน มีปริมาณเพียง 200-300 ล้านลูกบาศก์เมตร สาเหตุสำคัญที่น้ำเหนือระบายออกได้ช้าเพราะ กทม.ยังไม่ปล่อยให้น้ำระบายน้ำผ่านเข้าพื้นที่กทม.ไปออกทะเล ทำให้น้ำมีความแรงและยกระดับมากขึ้น รวมทั้งจะเห็นว่าคลองต่างๆของกทม.ชั้นในยังไม่มีน้ำ เช่น คลองเปรมประชากร คลองผดุงกรุงเกษม คลองสามเสน น้ำยังแห้งอยู่จึงส่งผลทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่รอบนอกกทม.มีระดับลึกและท่วมอยู่นาน จนเกิดแรงดันของน้ำไหลเข้าท่อระบายน้ำของ กทม.ไปท่วมในพื้นที่ต่างๆและไม่สามารถควบคุมทิศทางการไหลของนำได้ อีกทั้งศักยภาพของสถานีสูบน้ำของ กทม.มีขีดจำกัดต้องอาศัยจากกรมชลประทาน จึงทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังต้องใช้เวลานานอีกเกือบหนึ่งเดือน ดังนั้นประชาชนที่อาศัยในพื้นที่กทม. รอบนอก ต้องอดทนอยู่กับน้ำท่วมไปอีกนานเกือบเดือน.http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=175708
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4352 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 21:03:37 » |
|
"สุขุมพันธุ์"ลั่นกทม.แห้งก่อนปีใหม่ วันเสาร์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา 19:30 น
ผู้ว่าฯกทม. ลั่นพร้อมทำทุกวิถีทาง เยียวยากทม. ให้น้ำแห้งสนิททุกพื้นที่ ก่อนเทศกาลปีใหม่
วันนี้( 12 พ.ย.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตบางแค ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์น้ำฝั่งตะวันตกของกทม. มีระดับลดลง แต่ยังน่าเป็นห่วงเพราะยังมีน้ำใหม่เติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยังมีน้ำท่วมแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมบนถนนพระรามที่ 2 เส้นทางสุดท้ายที่จะเดินทางลงสู่ภาคใต้นั้น ยังพอควบคุมป้องกันไว้ได้ เพราะขณะนี้น้ำไหลถึงถนนพระรามที่ 2 แล้ว และได้ลอดใต้ถนนไปออกฝั่งตกข้ามแล้ว และเอ่อท่วมถนนไม่มาก จึงยังไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่สถานการณ์ฝั่งตะวันออกมีแนวบิ๊กแบ๊กกั้นอยู่ทำให้ชะลอน้ำเข้าพื้นที่ได้มาก ผนวกกับมีการเร่งสูบน้ำระบายคลองต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่น้ำท่วมยังไม่ขยายวงกว้างไปจากเดิม อย่างไรก็ตามอยากขอความร่วมมือจากประชาชนที่มีความกังวลว่าบิ๊กแบ๊กจะทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนของท่านเพิ่มขึ้น ขอให้เข้าพูดคุยหารือกับหน่วยงานภาครัฐก่อน อย่าผลีผลามรื้อทำลายคันกั้นน้ำเอง เพราะจะยิ่งทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้ยากขึ้น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงกรณีที่เคยคาดการณ์ว่าภายใน 2 สัปดาห์ จะกู้ถนนสายหลักในกรุงเทพฯ ให้รถสัญจรไปมาได้ นั้น ยอมรับว่าคงไม่ได้แล้ว เนื่องจากยังมีน้ำใหม่ไหลเข้าในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แต่ตนจะเร่งทำให้กรุงเทพฯ แห้งให้ได้ภายในปีใหม่นี้ ซึ่งจะไม่แห้งแค่เฉพาะถนนสายหลัก แต่จะทำให้ตรอก ซอก ซอย ต่างๆ แห้งให้หมดด้วย เพื่อเป็นของขวัญให้คนกทม. ได้เลี้ยงฉลองปีใหม่.http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=175709&categoryID=561
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4353 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 11:15:56 » |
|
มาสวัสดีในช่วงสายๆ ของวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2554 ครับ
เมื่อเช้านี้ คุณถาวร ได้โทรศัพท์สอบถามสถานการณ์ในจังหวัดนครสวรรค์และทั่วๆไป ด้วยความห่วงใย
พร้อมทั้งอยากให้เขียนเรื่องการเตรียมตัวฟื้นฟูในช่วงน้ำลด เพื่อให้ชาวหอและทุกท่านได้ทราบไว้เป็นข้อมูล
เพื่อเตรียมตัวสำหรับการย้ายกลับเข้าบ้าน หลังอพยพหนีน้ำไปอยู่ในศูนย์พักพิง บ้านญาติในต่างจังหวัด
ซึ่งจะได้เขียนให้ทราบ ในลำดับต่อๆ ไป
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4354 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 11:27:57 » |
|
ใจถึง!ต่อยปาก"ส.ส.เก่ง-การุณ"ฉีก เย็บ 5 เข็ม !13 พฤศจิกายน 2554 00:30 น. ชาวบ้านไม่พอใจ ส.ส.เก่ง-การุณ ซิ่งเจตสกีสวนกับเรือพายชาวบ้าน คลื่นเจตสกีซัดจนเรือพายชาวบ้านล่ม หลังจากนั้นไม่นาน ส.ส.จอมถีบ พาร่างสะบักสะบอมไปแจ้งความ ถูกชาวบ้านต่อยปากฉีก จนต้องเย็บถึง 5 เข็ม ซึ่งจอมถีบแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านเพียงคนเดียว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ
วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้ง 2-3 วันที่ผ่านมา มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคมออนไลน์ถึงพฤติกรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ หรือส.ส. เขตดอนเมือง นายการุณ โหสกุล ของพรรคเพื่อไทย โดยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวระบุว่า ภายหลังจากที่มีกลุ่มอันธพาลไปพังคันกั้นน้ำคลองประปาบริเวณแยกศรีสมาน จนเกือบทำให้ชาวกรุงเทพมหานครอาจไม่มีน้ำประปาใช้ทั้งเมือง เพราะน้ำเน่าเสียจากเหตุน้ำท่วมไหลทะลักเข้าคลองประปา แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ถูกแก้ไขไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะพื้นที่เขตดอนเมือง ซึ่งยังคงมีปริมาณน้ำท่วมสูง ซึ่งเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล ได้ลงพื้นที่ฐานเสียง นัยว่า เพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ โดยขับเจ็ตสกี กับทีมงานไปในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในสังคมออนไลน์ดังกล่าวว่าระบุต่อว่า ระหว่างทางที่นายการุณ ขับเจตสกีไปนั้น ได้สวนกับเรือของชาวบ้านที่พายออกมา แต่คลื่นจากเจตสกีของนายการุณทำให้เรือชาวบ้ายล่มลง ทุกคนที่โดยสารมากับเรือตกน้ำหมด จนทำให้คนในเรือที่ตกลงไปในน้ำพาก่นด่า สาปแช่ง ซึ่งนายการุณก็ได้มองเห็นเหตุการณ์มาตลอด จากนั้น นายการุณ ได้วกเจตสกีกลับมายังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยไม่ทราบจุดประสงค์ และเมื่อถึงในที่เกิดเหตุ ในสังคมออนไลน์ระบุว่า มีเสียงปืนดังขึ้น โดยไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากกระสุนปืน แต่หลังจากนั้น เมื่อนายการุณขับเจตสกีไปต่อ อีกพักหนึ่งจึงมีกลุ่มชายฉกรรจ์ กลับไปทำร้ายชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว จนได้รับบาดเจ็บ และมีการเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง
เพื่อความกระจ่างในเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าว ได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ดอนเมือง ซึ่งได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า เรื่องที่อยู่ในสังคมออนไลน์ดังกล่าว เป็นเพียงเรื่องจริงบางส่วน ไม่มีการยิงปืนแต่อย่างใด แต่ในอีกแง่มุมของเรื่องกลับตาลปัตร
พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าว นายการุณ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.ดอนเมืองว่า ถูกทำร้ายร่างกาย โดยเหตุเกิดเมื่อ 2 วันก่อน เวลาประมาณ 24.00 น. นายการุณได้ขับขี่เจตสกีออกมาจากบ้าน และระหว่างทางได้ขี่สวนกับเรือของชาวบ้านในย่านดอนเมืองทำให้เรือของชาวบ้านพลิกคว่ำ ล่มลง หลังจากนั้นนายเก่ง ก็ได้ขับเจตสกีย้อนกลับไปดูเรือที่ล่ม แต่กลับพบกับกลุ่มชาวบ้านซึ่งไม่พอใจกับการขับขี่เจตสกีของนายการุณอยู่
"ชาวบ้านที่ไม่พอใจ ได้ลงมือชกต่อยนายการุณจนได้รับบาดเจ็บ ปากแตก ต้องเย็บถึง 5 เข็ม ทำให้นายการุณได้เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไวักับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง และขณะนี้ อยู่ระหว่างการรอใบผลพิสูจน์ตรวจร่างกายจากแพทย์เพื่อจะนำไปประกอบในการส่งฟ้องคนที่ทำร้านนายการุณต่อไป"พ.ต.อ.รังสรรค์กล่าว
มีรายงานว่า การแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายนายการุณนั้น นายการุณได้แจ้งดำเนินคดีกับชาวบ้านเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นคนที่ทำร้ายนายการุณจนปากฉีก ต้องเย็บถึง 5 เข็ม แต่คนที่ถูกดำเนินคดีดังกล่าว ยังไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อแต่อย่างใด โดยตามขั้นตอนเชื่อว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการออกหมายเรียกเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา นายการุรตกเป็นข่าวว่าถูก น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ถีบจนถลาหลังการประชุมสถานการณ์น้ำท่วม ภายในโรงเรียนฤทธิ์ยวรรณลัย 2 ระหว่างการประชุ่มร่วมรัฐบาลกับกทม. ทว่านายการุณปฏิเสธ ในขณะที่น.ส.มัลลิกายืนว่าว่าเป็นเรื่องจริงจาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000144622
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4355 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 11:40:58 » |
|
การวาง Big Bag กั้นน้ำจะต้องมีคนได้-คนเสีย คือ มีน้ำท่วมหนักและน้ำท่วมน้อย
ต้องบริหารอารมณ์คนถูกน้ำท่วมไปด้วย พร้อมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือ
ผู้บริหารจะบริหารเฉพาะ Big Bag เพียงอย่างเดียวไม่ได้ หรือใหญ่จนเคยตัวก็ไม่ทราบได้
แต่ที่แน่ๆ คนถูกน้ำท่วมหนักและท่วมนาน เขาไม่ยอม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีการชดเชยใดๆ ให้- ผลร้ายก็ตามมา ชาวดอนเมืองจี้รื้อบิ๊กแบ็ก ขู่ปิดโทลล์เวย์หากไม่ทำตาม12 พฤศจิกายน 2554 23:55 น. ตัวแทน 20 ชุมชนดอนเมือง เผยพรุ่งนี้จะมีการหารือจี้รัฐให้รื้อบิ๊กแบ็ก ยันปิดโทลล์เวย์แน่หากไม่ทำตาม โอดคนเหนือคันไม่ได้เป็นไพร่แบบที่รัฐเคยพูดไว้ พร้อมลั่นอยากให้ลงมาดูพื้นที่จริงบ้าง อย่าพูดแต่ในสภา
วันที่ 12 พ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ทางรายการ "ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม" ทางช่องไทยพีบีเอส นายธนรัตน์ พราหมณกุณ ผู้ประสานงานเครือข่าย 20 ชุมชนแขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กล่าวว่า ผู้นำไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่ทราบว่าคิดอย่างไรที่เอาบิ๊กแบ็กมากั้น ชุมชนเหนือแนวได้รับความเดือดร้อนมาก ที่หมู่บ้านสิรินธรน้ำสูง 1.6 เมตร น้ำเน่าเสียเหม็นมาก และไม่เคยมีใครมาดูแลเลย
จากที่เปิดแนวกระสอบทรายยักษ์ไว้ 6 เมตร วันนี้ไม่ทราบว่ามาจากฝ่ายไหน ก็มาปิดเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งผู้นำ 20 ชุมชน ก็ได้เปิดออกไปแล้ว ตามที่สัญญากับสำนักระบายน้ำ หรือรองปลัดกทม. ที่ให้สัญญาว่าเปิดไว้ ตามเดิม 6 เมตร ชุมชนก็ไม่ได้ละเมิดเปิดไว้เท่านี้
พรุ่งนี้จะมีการหารือร่วมกัน 20 ชุมชน ถ้ารัฐบาลไม่ยอมเปิดทางระบายน้ำให้กว้างกว่านี้ หรือเอาออกไปเลย จะขึ้นโทลล์เวย์แน่นอน เพื่อเรียกร้องว่าชุมชนเหนือบิ๊กแบ็กไม่ได้เป็นไพร่ แล้วคนใต้บิ๊กแบ็กเป็นเจ้าขุนมูลนายตามแบบที่คุณพูดไว้
เมื่อถามว่าต้องการให้เปิดบิ๊กแบ็กกว้างเท่าไหร่ นายธนรัตน์ กล่าวว่า ต้องรอมติจากการประชุมก่อน แต่ทางที่ดีเอาออกไปเลยดีกว่า เพราะทั้งรัฐบาลและกทม.ก็ประโคมข่าวว่ากทม.น้ำลด ๆ แล้วจะมากักน้ำไว้อีกทำไม
ไม่มาดูเลยที่ประกาศน้ำลดๆ แต่ชุมชนที่นี่น้ำยังสูงเป็นเมตรๆ ลดแค่ 4 ซ.ม. อีกทั้งการมาวางบิ๊กแบ็กไม่มีแจ้งก่อนด้วยว่าจะทำ มาถึงก็ทำเลย
นายธนรัตน์ กล่าวต่อว่า พรุ่งนี้ 9 โมงเช้า 20 ชุมชนจะหารือกัน ถ้ารัฐไม่ช่วยเหลือ และเปิดทางให้ คงต้องขึ้นไปหาความเป็นธรรมให้ 20 ชุมชน และชาวบ้าน 80,000 คน อยากให้ลงมาดูบ้าง อย่าพูดแต่ในสภา จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000144621
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4356 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 11:54:07 » |
|
บรรยากาศน้ำท่วม “วิภาวดี-รังสิต”13 พฤศจิกายน 2554 01:20 น. สถานการณ์น้ำที่ถนนวิภาวดี-รังสิต ลดลงเล็กน้อย การเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกนั้น ยังผ่านได้เฉพาะรถสูงเเละเรือเท่านั้น
วันที่ 12 พ.ย. สถานการณ์น้ำที่ถนนวิภาวดี-รังสิต ลดลงเล็กน้อย การเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกนั้น ยังผ่านได้เฉพาะรถสูงเเละเรือเท่านั้น
และน้ำยังอยู่ที่บริเวณคลองบางซื่อ ยังไม่ถึงแยกสุทธิสาร ส่วนถนนพหลโยธินน้ำอยู่ที่บริเวณก่อนถึงสะพานควาย ระดับน้ำบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ลดลงประมาณ 10-20 เซนติเมตร
ระดับน้ำที่ลดลงนั้นเป็นเพราะการเร่งสูบน้ำจากคลองบางซื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรุงเทพมหานครคาดว่า ถ้าไม่มีน้ำเหนือไหลมาสมทบ ถนนสายหลักในกรุงเทพมหานครน่าจะกลับมาใช้การได้อีก 2-3 สัปดาห์นี้ชมภาพอีกมากกว่า 20 ภาพที่..... http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000144628
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4357 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 11:59:26 » |
|
ศปภ.แจ้งผู้จอดรถซ้อนคันบนทางด่วนรีบย้ายก่อน 15 พ.ย. 12 พฤศจิกายน 2554 22:39 น. ศปภ.แจ้งผู้ที่จอดรถบริเวณทางขึ้น-ลง หรือซ้อนคันบนทางด่วน รีบย้ายภายใน 15 พ.ย. มิฉะนั้นจะย้ายไปที่อื่น เผยมีน้ำอีก 3,000-4,000 ล้านลบ.ม. ที่จะลงมายังพื้นที่กทม.ตะวันตก- ออก ส่วนการระบายลงแสนแสบจะส่งผลให้ "มีนบุรี สะพานสูง บึงกุ่ม บางกะปิ" ท่วมสูงประมาณ 20-30 ซ.ม.
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพิเศษศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) แถลงว่า ขอให้ผู้ที่นำยานพาหนะไปจอดบนบริเวณทางขึ้น-ลงทางด่วน หรือจอดรถซ้อนคันบนทางด่วน รีบเคลื่อนย้ายยานพาหนะของตนเองภายในวันที่ 15 พ.ย.นี้ มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการขนย้ายยานพาหนะเหล่านั้นไปยังที่อื่น
นายธงทอง กล่าวอีกว่า มวลน้ำทั้งหมดที่ยังคงค้างอยู่เหนือพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีอยู่ประมาณ 11,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)
ทั้งนี้จะมีการจัดการออก 3 ส่วน คือ จำนวน 1 ใน 3 ประมาณ 3,000-4,000 ล้าน ลบ.ม. จะถูกระบายไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำท่าจีน ส่วนอีก 1 ใน 3 ก็จะเป็นน้ำที่ใช้ในประโยชน์ทางการเกษตรกรรม และอีก 1 ใน 3 จะถูกระบายลงมายังพื้นที่ของ กทม.ฝั่งตะวันตก และตะวันออก
“ส่วนการจัดการน้ำในขณะนี้ได้ถูกระบายลงมายังคลองแสนแสบ คลองประเวศบุรีรมย์ และคลองสาขาต่างๆ ของ กทม. อาจจะทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่อาศัยตลอดแนวริมคลองดังกล่าวนั้น ได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งจะสอดคล้องกับ กทม.ที่มีการประกาศพื้นที่บางแขวงของเขตประเวศ เขตสะพานสูง ให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ขณะที่จะมีมวลน้ำบางส่วนซึมเข้ามาในพื้นที่เขตมีนบุรี สะพานสูง บึงกุ่ม บางกะปิ จะมีน้ำท่วมสูงประมาณ 20-30 ซ.ม.” นายธงทอง กล่าว
นายธงทอง ยังกล่าวถึงการระบายน้ำของ กทม.ในพื้นที่เขตหลักสี่ ลาดพร้าว จตุจักร ดอนเมือง และสายไหม ว่า หลังจากที่มีการวางแนวชะลอน้ำกระสอบทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ็ก ทำให้ปริมาณน้ำลดลง ซึ่งมีการผันน้ำลงในคลองบางซื่อได้ผลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบนถ.พหลโยธิน วิภาวดีรังสิต และรัชดาภิเษก ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นแทรกซ้อนคาดว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ น้ำในพื้นที่ดังกล่าวจะลดลงได้ และพื้นที่ชั้นในของ กทม.น่าจะปลอดภัย จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000144613
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4358 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 13:54:22 » |
|
ข้อมูลน้ำจังหวัดนครสวรรค์ วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2554
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์วันนี้ 2,504 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ 82 ลบ.ม./วินาที
ระดับน้ำลดลง 15 ซ.ม. จาก 28 วันที่ผ่านมาน้ำลดลงสะสม 218 ซ.ม.
รวมวันนี้ระดับน้ำลดลงเป็นวันที่ 29 โดยลดลงรวม 233 ซ.ม.
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4359 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 13:56:48 » |
|
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์วันนี้ 2,504 ลบ.ม./วินาที
คำนวณเป็นวันได้ 2,504 X 60 sec X 60 min X 24 hr = 216,345,600 ลบ.ม./วัน หรือประมาณ 216 ล้าน ลบ.ม./วัน
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4360 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 14:58:58 » |
|
ภาพรวมน้ำท่วมใน กทม.หลายจุดเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง กรุงเทพฯ 13 พ.ย.- สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจุดมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ระดับน้ำที่ท่วมขังยังสูงกว่า 30 เซนติเมตร รถเล็กยังไม่สามารถผ่านได้ ต่อเนื่องมาทาง ถ.วิภาวดีรังสิต และ ถ.พหลโยธิน แยกกำแพงเพชร ถ.พหลโยธิน ระดับน้ำลดลงถึง 10 เซนติเมตร แต่ที่บริเวณแยกลาดพร้าว ตัดกับ ถ.รัชดาภิเษก น้ำยังท่วมสูง 50 เซนติเมตร ขณะที่ระดับน้ำในคลองบางซื่อ ช่วง ถ.รัชดาภิเษก เริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ส่วนที่แยกเกษตร-นวมินทร์ ตัด ถ.นวมินทร์ มุ่งหน้าไปทางบางกะปิ น้ำยังท่วมหลากเต็มพื้นผิวจราจร ระดับน้ำสูงประมาณ 25 เซนติเมตร นอกจากนี้ น้ำยังได้หลากถึงบริเวณซอยนวมินทร์ 66 ประชิดคลองบางเตย หน้า กม. 8 ระดับน้ำยังท่วมสูง รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้
ฝั่งตะวันตก น้ำเหนือยังไหลลงมาต่อเนื่อง ถ.พระราม 2 หลายจุด น้ำเอ่อล้นออกมาจากท่อ เช่น ถ.พระราม 2 ซอย 82 ซอย 84 และซอย 70
ทางด้านนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ระดับน้ำยังทรงตัว และลดลงเล็กน้อยประมาณ 2-3 เซนติเมตร ส่วน ถ.เสรีไทย น้ำท่วมสูง 40-50 เซนติเมตร
ขณะเดียวกันน้ำจากแม่น้ำที่จีน ยังไหลทะลักต่อเนื่อง เข้าท่วมในพื้นที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม หลังคันกั้นน้ำด้านหลังโรงเรียนแตกเมื่อคืนที่ผ่านมา ผิวจราจรน้ำท่วมสูง 15-20 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมคันดิน คาดเสร็จภายในเที่ยงวันนี้.- สำนักข่าวไทย
ที่มา : สำนักข่าวไทย http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=462574&ch=gn1
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4361 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 15:27:32 » |
|
ทำสำเร็จทุกคนจะปรบมือให้บทบรรณาธิการ: 11 พฤศจิกายน 2554 - 00:00 แม้ยังไม่มีการเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ แต่การที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง หลายรัฐบาล มาช่วยงานรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครกำลังประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนักหน่วง ก็เรียกเสียงฮือฮาจากหลายฝ่ายได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะกับ ดร.สุเมธ ที่มารับเป็นที่ปรึกษาให้กับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน. ซึ่งนอกจากตัวนายสุเมธแล้ว ก็มีกรรมการคนอื่นๆ ประกอบด้วย
อาทิเช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ที่รับบทเป็นประธานกรรมการ, นายกิจจา ผลภาษี, นายชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล, นายธีระ วงศ์สมุทร, นายนิพัทธ พุกกะณะสุต, นายปราโมทย์ ไม้กลัด, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา, นายรอยล จิตรดอน, นายรัชทิน ศยามานนท์, นายศรีสุข จันทรางศุ, นายสนิท อักษรแก้ว, นายสมบัติ อยู่เมือง, นายสมิทธ ธรรมสโรช, นายอัชพร จารุจินดา และ นายอำพน กิตติอำพน เป็นต้น
โดยกรรมการชุดนี้จะมีอำนาจหน้าที่หลัก เช่น ทบทวนนโยบาย แผนงานและแผนปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ระดมความคิดเห็นและความรู้ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาและวางระบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศ รวมทั้งจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และวางกรอบยุทธศาสตร์การลงทุนด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศเสนอแก่รัฐบาล เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและการสร้างอนาคตประเทศ
ขณะที่กรรมการชุด ดร.วีรพงษ์ คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย (กยอ.) มีกรรมการคนอื่นๆ เช่น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นรองประธานกรรมการ, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี, นายกิจจา ผลภาษี, นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์, นายวิษณุ เครืองาม และ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ เป็นต้น
รวมถึงกรรมการโดยตำแหน่ง อาทิ เลขาธิการนายกฯ, เลขาธิการ ครม.,ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นกรรมการ, เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ และเลขานุการ
โดยมีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่ง เช่น ระดมความคิดเห็นและความรู้เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศในระยะยาว เสนอแก่รัฐบาลรวมถึงข้อเสนอในการจัดตั้งองค์กรถาวร วิธีการบริหารจัดการ การบริหารการเงิน การสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน การเสนอแนวทางการปฏิบัติราชการแผ่นดินในการฟื้นฟูและพัฒนาและอื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศจากภัยธรรมชาติในระยะยาว วางอนาคตการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
การเข้ามาช่วยงานรัฐบาลของ ดร.สุเมธ และ ดร.วีรพงษ์ ทำให้เครดิตรัฐบาลและตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดีขึ้นไม่น้อย ท่ามกลางการประเมินผลการทำงานของนายกรัฐมนตรีจากประชาชนโดยเฉพาะชาวกรุงเทพมหานคร ที่มีต่อตัวรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรี ที่หลายคนเห็นตรงกันว่า สอบตกและไร้ประสิทธิภาพ ขาดภาวะผู้นำ บกพร่องในการแก้ปัญหาอุทกภัย รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและภาคธุรกิจ จนส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนเดือดร้อนแสนสาหัส กลายเป็นผู้อพยพ ผู้ประสบภัยจำนวนมาก และหากสถานการณ์น้ำท่วมยังลุกลามไปเรื่อยๆ เช่นนี้ ก็มีการคาดกันว่าความเสียหายทั้งหมดของประเทศต่อภัยพิบัติครั้งนี้อาจทะลุเกิน 9 แสนล้านบาท ก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ตัวนายสุเมธและนายวีรพงษ์ แม้ทั้งสองคนจะมีเครดิตส่วนตัวและเครดิตการทำงานที่สะสมมายาวนานหลายสิบปี หลายคนต่างก็คาดหวังในตัวทั้งสองคนไว้สูงยิ่งในการเข้าไปช่วยงานรัฐบาลครั้งนี้ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ใช่ฮีโร่หรืออัศวินขี่ม้าขาวที่จะมาทำให้ปัญหาคลี่คลายโดยทันที เพราะตัวโครงสร้างการทำงานของกรรมการทั้งสองชุดข้างต้น จะเป็นการทำงานเพื่อวางแนวทางภาพรวมของประเทศ ทั้งด้านการบริหารจัดการน้ำและการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำลดมากกว่า ดังนั้น เวลานี้ประชาชนก็ต้องช่วยตัวเองประคองชีวิตกันไปจนกว่าจะน้ำลด
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องคอยติดตามกันดูว่าคณะกรรมการชุดที่มีนายสุเมธ และนายวีรพงษ์ นั่งเป็นที่ปรึกษา และประธานกรรมการตามลำดับ จะมีบทสรุปในการทำงานออกมาอย่างไร แม้จะเป็นการทำงานที่มุ่งเน้นผลในระยะยาวเป็นหลัก
เพราะหากทำงานออกมาแล้วมีข้อเสนอและแนวทางที่ดี ส่วนรวมได้ประโยชน์ ประเทศ และประชาชน ไม่ต้องหวั่นวิตกต่อไปว่าจะเกิดมหาภัยพิบัติเช่นนี้ขึ้นอีกครั้งหรือไม่ ทุกคนก็คงสนับสนุนและให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของหน่วยงานใดก็ตาม ไม่ใช่แค่กรรมการชุดนายสุเมธและนายวีรพงษ์.http://www.thaipost.net/news/111111/47953
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4362 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 16:26:59 » |
|
อ่านซ้ำครับ...แต่อย่าเครียด.....ศูนย์สร้างภาพ... กัลยา ยืนยงกระจกไร้เงา8 พฤศจิกายน 2554 - 00:00 ฟัง ศปภ.พูดแล้วเครียด มาเจอคำขวัญ กทม. version น้ำท่วม อาจช่วยคลายเครียดกันได้บ้าง
จะมีอะไรอินเทรนด์ไปกว่าคำขวัญกรุงเทพฯ เท่ๆ ซักบท "กรุงท่วมมหานคร น้ำนองรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยาคันดินถล่ม พบน้ำทะลักราชธานี บุรีรมย์ท่วมจมราชนิเวศน์มหาสถาน รัฐบาลไปสถิตที่ไหนน้ำท่วมที่นั้น อยากจะย้ายไปไหน ไปตอนนี้คงไม่มีสิทธิ์..."
"ไปว่ายน้ำ ที่วิภา...ตกปลา ที่สีลม...งมหอย ที่บางแค...ล่องแพ ที่ปิ่นเกล้า กินเหล้า เคล้าชูชีพ...นั่งเรือถีบ วงเวียนใหญ่...แล้วเอาชุดว่ายน้ำมาใส่ เดินในเซ็นทรัล ต่อด้วยดำน้ำดูประการังที่ดอนเมือง"…พอจะหายเครียดกันบ้างนะจ้า…
อุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ เริ่มจากจากมวลน้ำก้อนใหญ่อุตส่าห์รอนแรมจากจังหวัดนครสวรรค์ ผ่านอ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี เพื่อมาหาพี่กรุง(กรุงเทพมหานคร) ที่ กทม. จนขณะนี้คืบคลานเข้ามาใน กทม.ชั้นใน แม้แต่แหล่งช็อปปิ้งของคนเมืองกรุง อย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว จตุจักร ห้างยูเนี่ยนมอลล์ ต้องปิดให้บริการต่างได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน
เริ่มตั้งแต่น้ำท่วม รัฐบาลได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ (ศปภ.) ขึ้น แต่จากการทำงานที่ผ่านมาของ ศปภ.ไม่ได้สร้างความมั่นใจในข้อมูลที่แท้จริงเลย กลับสร้างความสับสนเสียมากกว่า
เช่น ศปภ.แถลงว่าพื้นที่ไหนน้ำจะไม่ท่วม ก็กลับตรงกันข้าม น้ำก็ท่วมทันที มิหนำซ้ำยังโดนประชาชนนำไปแปลได้หลากหลาย (อย่าโกรธกันนะ ศปภ) เช่น ศปภ. = ศูนย์ปกปิดข้อมูลภัยพิบัติ, ศปภ. = ศูนย์เปลี่ยนแปลงข้อมูลจน (กู) รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย, ศปภ. = ศูนย์เด็กเลี้ยงแกะประกาศภัยแห่งชาติ, ศปภ. = ศูนย์ปฏิบัติการก่อภัยแห่งชาติ, ศปภ. = ศูนย์ประกาศภัยมั่ว, ศปภ. = ศูนย์ชิงดีชิงเด่นเพื่อปฏิบัติการสร้างภาพ,ศปภ. = ศูนย์ประเมินสถานการณ์ตามภาพที่ฝันไว้, ศปภ. = ศูนย์ปั่นป่วนทั่วพิภพ, ศปภ. = ศูนย์ปลอดประสบการณ์แก้ไขภัยพิบัติแห่งชาติ, ศปภ. = ศูนย์ไม่ประกันความปลอดภัยแห่งชาติ, ศปภ. = ศูนย์มั่วเป็นประจำและสร้างภาพแห่งชาติ ฯลฯ
หรือแม้แต่คนที่แสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ กระทู้จากเว็บไซต์ชื่อดัง เช่น “ผมก็ไม่ได้อะไรมากมายนักหรอกครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไปช่วยเขากรอกกระสอบทรายทุกวันหลังเลิกงาน ผมอยู่แถวบางกะดีตอนนี้ก็ท่วมแล้ว บางคูวัดก็ด้วย แค่รู้สึกว่าจะมีไปทำไมไอ้ศูนย์เนี่ย (เหมือนแค่สร้างภาพว่าตนเองกำลังทำงานนะ) เริ่ม...เราสามารถจัดการสถานการณ์ได้ ไม่ท่วม.....แต่ก็ท่วม ผมก็คิดว่า อ่ะไม่เป็นไร มวลน้ำมันเยอะมาก ท่วมเลยไม่เป็นไรช่างมัน มาช่วยกัน แต่แล้วตรงนั้นก็ท่วมอีก ตรงนี้ก็ท่วมอีก ตรงโน้นก็ท่วมอีก และแล้วตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ต้องช่วยเหลือกันเอง ผมเข้าใจน้ำท่วมมากมายหลายพื้นที่ยากแก่การเข้าถึงทุกพื้นที่ของรัฐ แต่คนที่จะต้องดูแลประตูน้ำใหญ่ๆ ย่อยๆ ใครกันหล่ะครับ ก็ต้องให้ตัวใหญ่ๆ สั่งการอยู่แล้วไงครับ ก็แค่รู้สึกว่าพวกเขาจัดการน้ำกันไม่มีประสิทธิภาพ ท่วมทุกพื้นที่ไม่ว่า แต่ปล่อยให้ท่วมจนขังเลย เริ่มเน่าแล้วนครสวรรค์ ทำอะไรกันอยู่นะ นั่ง ฮ.ถ่ายรูปหรือเดิน shop รองเท้า นิคมมากมายหลายที่ คนตกงานมากมาย แล้วเรื่องนักลงทุนต่างชาติอีก อธิบายต่อนักลงทุนก็ไม่กระจ่าง ก็เข้าใจว่าต้องช่วยกัน แต่มันเยอะไปไหม จึงมีข้อความที่ว่า "รัฐบาลไม่ต้องเป็นห่วง พวกประชาชนจะดูแลรัฐบาลเอง" ถ้าผิดพลาดไป ขอโทษด้วยนะครับ” นี่คือการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น
“สงสัยเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยคงลำบากหน้าดู เพราะจากที่ได้ฟัง ได้ดู ได้ยินมา ประชาชนร้อยทั้งร้อยไม่พอใจการทำงานของพวกคุณซักเท่าไร่ ก็เข้าใจว่าปัญหาน้ำท่วมมันใหญ่หลวง แต่การที่ประชาชนขอความช่วยเหลือมาที่รัฐบาล ทุกคนต่างท้อใจ เพราะไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างที่ประกาศไว้เลย”
ท่ามกลางมหาวิกฤติอันใหญ่ยิ่งที่พี่น้องชาวไทยต่างพากันเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ยังคงมีแสงสว่างรำไรให้เห็นบ้างที่ปลายอุโมงค์ กระหึ่มๆ ที่ผู้นำนารีขี่ม้าขาวพร้อมด้วยรัฐบาลของท่านกำลังจะผุดอภิมหาโปรเจ็กต์ภายใต้ชื่อที่อลังการว่า ”นิว ไทยแลนด์” ด้วยงบประมาณอัดฉีดหลายแสนล้านบาท สำหรับตัวเลขขนาดนี้ จนตาดำๆ อย่างเราๆ ได้แต่ร้องอู้ฮู!! งานนี้…ต้องมาคอยดูกันว่าจะซ่อมแซมหรือล้างผลาญ โปรดจับตา
ถึงตรงนี้ก่อนจบขออินเทรนด์เกาะกระแสน้ำท่วมด้วย นิยายรัก น้ำท่วมทุ่ง ท่วมกรุง ไว้ผ่อนคลายกันไม่มากก็น้อย
จดหมายจากน้องน้ำ ถึงพี่กรุง
น้ำรู้ว่าพี่กรุงไม่ต้องการน้ำแล้ว รู้แล้วว่าพี่มีความสุขดีโดยที่ไม่มีน้ำ แต่พี่กรุงจำได้หรือเปล่าว่า เราเคยมีความสุขกันมากขนาดไหน และน้ำรู้ว่าพี่ไม่พอใจที่น้ำกลับมาหาพี่ ถึงแม้ว่าที่ผ่านๆ มาน้ำจะทำไม่ดีกับคนอื่นมา แต่น้ำอยากให้รู้ว่า น้ำแค่ใช้เป็นทางผ่านเพื่อมาหาพี่กรุงให้ได้เท่านั้น เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน น้ำอยากให้พี่กรุงรู้เอาไว้ว่า น้ำจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจและตัดใจจากพี่กรุงเด็ดขาด ถึงแม้ผู้ใหญ่ของพี่จะพยายามผลักดันน้ำให้ออกห่างจากพี่กรุงมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่น้ำไม่แคร์ !!! ถึงแม้ใครจะด่าน้ำว่าหน้าด้าน เบื่อน้ำ เกลียดน้ำก็ตาม น้ำก็จะไปอยู่กับพี่กรุงให้ได้ พี่กรุงคอยดูก็แล้วกัน
จากน้องน้ำ (อดีตรักของพี่กรุง)
ปล. ฝากบอกอีนังทรายด้วยว่า น้ำไม่ยอมง่ายๆ หรอก...http://www.thaipost.net/news/081111/47766
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4363 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 20:11:17 » |
|
สายัณห์สวัสด์(สวัสดีตอนค่ำ)ชาวหอเก่า และทุกท่านครับ
วันนี้ต้องดูงานซ่อมแซมเครื่องจักรในช่วงบ่าย จึงว่างเว้นการเข้าเน๊ตไปพักใหญ่
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4364 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 20:16:14 » |
|
กลับนครปฐมเมื่อ 8 พ.ย. ได้แวะเยี่ยมญาติๆ ด้วยในช่วงติดภัยน้ำท่วม บรรดาญาติได้โทรฯ สอบถามอย่างสม่ำเสมอ
แม้แต่ครั้งนี้ คุณน้าถึงกับจะพาไปอำเภอนครชัยศรี เพื่อเอาเรือให้กลับไปใช้ที่นครสวรรค์
ซึ่งก้ได้กราบขอบพระคุณ และแจ้งว่า น้ำท่วมลดลงแล้ว ไม่ขอรับเรือไป อีกทั้งรถก็ใส่เรือไม่ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม น้องชาย ได้ให้เครื่อง Honda 3.8 แรงม้า เอาไปใช้ติดเครื่องหางยาว หรือปั๊มน้ำก็ได้
จึงสรปุว่า หากปีหน้าเกิดน้ำท่วม มีหวังต้องหาเรือ หาหางยาวมาใช้เป็นแน่ !!
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4367 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 20:37:57 » |
|
งานดังกล่าว วางไว้อีกประมาณ 7 วันจึงจะแล้วเสร็จ
แปลกตอนซื้อหินคลุกมา ใช้เวลาครึ่งวัน เทวางกองกั้นน้ำได้เสร็จ
แต่ตอนรื้อกองใช้เวลามาหลายวันแล้ว
|
|
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4369 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 22:50:31 » |
|
การเตรียมตัวฟื้นฟูบ้าน หลังน้ำท่วม
คุณถาวร อยากให้เขียนเรื่องนี้ เพื่อให้ชาว กทม. ซึ่งอยู่ในช่วงอพยพ และกำลังจะเริ่มกลับบ้าน เนื่องจากน้ำท่วมเริ่มลดระดับลง จะได้ทราบและเตรียมตัว-เตรียมอุปกรณ์กันแต่เนิ่นๆ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการทำความสะอาดบ้านคือ: แปรงขัดส้วม, แปรงขัดพื้นแบบด้ามยาว(ยืนขัด), แปรงขัดพื้นแบบด้ามสั้น(เอาไว้ขัดผนัง), น้ำยาขัดพื้น, น้ำยาขัดห้องน้ำ, ผงซักฟอก, สายยาง(ให้ยาวพอ), ไม้กวาดทั้งด้ามสั้น-ด้ามยาว, ที่โกยผง(ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก), ไม้ขนาดเล็กแบบเหมาะมือสัก 1 อัน, ถุงดำหรือเข่งสำหรับใส่ขยะ (อาจใช้จำนวนมากหน่อย), ถุงมือและหน้ากาก, ยาฉีดฆ่าแมลงหรือยุง, ส่วนรองเท้าบู๊ทกันน้ำ (ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและจำเป็น)
หลักการคือ
1.ขยะจะลอยมากับน้ำ และทิ้งตัวลงเมื่อน้ำไป กองอยู่รอบๆบ้าน เป็นภาระในการใช้มือหยิบในกรณีชิ้นใหญ่ หากเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ใช้ไม้กวาดโกย อย่าลืมใส่ถุงมือนะครับ บางท่านอาจจะใส่หน้ากันเพื่อป้องกันกลิ่นและเชื้อโรค ตามความจำเป็น
หากขยะมีมากและดูเป็นอันตราย การใส่รองเท้าบูทหรือรองเท้าคัทชูก็มีความจำเป็น ในขณะเก็บทำความสะอาด เพื่อป้องกันการเหยียบของมีคม รวมทั้งภัยจากสัตว์เลื้อยคลาน
กล่อง ขวด กระบอกไม้หรือที่ทำด้วยพลาสติดที่ลอยน้ำ หรือกองอยู่กับพื้น ได้โปรดใช้ไม้เขี่ยดูซะก่อนไปหยิบมัน เราไม่ทราบว่ามีสัตว์ร้ายอยู่ในนั้นหรือไม่ ที่พบเห็นคือท่านชายอาจใช้วิธีการเตะให้มันกลิ้งหรือปลิวออกไปไกลตัวขึ้น และสังเกตุอาการ ??
2.ต้องระวังสัตว์เลื้อยคลานที่ยังอยู่ตามพุ่มไม้ ซอกตึก อาทิ ตะขาบ งู มด ฯลฯ การมีไม้ไว้ใกล้มือ ยาฉีดกันแมลง จึงจำเป็นให้มีใกล้มือด้วย
พุ่มไม้ ต้องให้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ หากยิ่งเห็นมดตะนอย ตัวดำๆ ใหญ่ๆ เกาะอยู่ มดประเภทนี้ต่อยเจ็บปวดมาก มีประวัติว่า หลานคนแพ้พิษของมันถึงขั้นไม่สบายหนักทีเดียว
3.ผนังบ้านอาจมีรอบคราบน้ำ การเข้าบ้านในขณะยังมีน้ำท่วมขังอยู่เล็กน้อย มีผลดีเช่นกัน คือ ผนังบ้านจะยังเปียกอยู่ การขัดจะง่าย ด้วยการใช้น้ำที่ท่วมนั่นแหละครับ เป็นตัวช่วยขัด อีกทั้งคราบจะหลุดออกง่ายกว่าช่วงพนังบ้านแห้งแล้ว สีอาจจะหลุดลอกหมดความสวยไปได้
ทั้งนี้ตัวบ้านพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่จะสามารถขัดด้วยแปรงขัดพื้นแบบด้ามยาว ขัดและดันน้ำส่วนนี้ออกไปนอกตัวบ้าน แต่หากน้ำลดลงจดหมด ก็ต้องอาศัยสายยางช่วยฉีดน้ำเพื่อล้างและขัดคราบสกปรกออกไป
ข้อเตือนใจ- ไม้ปาร์เก้ กระเบื้องยางปูพื้น ที่ชุ่มน้ำ อย่าเอาออกไปตากแดดเด็ดขาด มันจะบิดงอเสียรูปทันที ปล่อยให้มันค่อยๆแห้ง(ในร่ม)ไปเอง โดยอาจเปิดพัดลมช่วยก็พอแล้วครับ
4.พื้นหรือผนังใช้น้ำยาขัดพื้นที่ละลายบางๆ ก็เพียงพอในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้แล้ว อีกทั้งน้ำยาขัดพื้นก็มีกลิ่นหอมจากบริษัทที่ผสมมาให้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องลงทุนใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเกรดดี ราคาแพงตามคำโฆษณา จะได้ไม่เปลืองเงินครับ
ห้องน้ำก็ใช้น้ำยาขัดห้องน้ำ ซึ่งจะมีความเป็นกรดแรงกว่าน้ำยาขัดพื้น เนื่องจากต้องขจัดคราบของหินปูนที่เกาะอยู่ออกไปด้วย การใส่รองเท้าบู๊ทรวมทั้งถุงมือเพื่อล้างห้องน้ำ พร้อมใส่หน้ากาก อาจจำเป็น หากใช้น้ำยาอย่างเข้มข้น เพราะกลิ่นมันแรงอาจมีผลต่อระบบการหายใจ
5.ขณะล้างพื้น ล้างห้องน้ำ ให้ระวังการสัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า-ปลั๊กไฟทุกชนิด เพื่อกันไฟฟ้ารั่ว
6.หากในช่วงการล้างพื้น ล้างห้องน้ำ น้ำปะปายังไม่ไหล ให้ระมัดระวังการใช้น้ำยาขัดพื้น น้ำยาขัดห้องน้ำหก หรือโดนร่างกาย เพราะจะหาน้ำมาล้างออกได้ยาก หากจำเป็นต้องมีน้ำสำรองเพื่อฉุกเฉินเพื่อการนี้ไว้ด้วย
7.น้ำท่วมในบริเวณบ้าน แล้วเห็น คราบตะไคร่น้ำ คราบน้ำมัน ต้องใส่ใจเอามากๆครับ อย่าเดินผ่านโดยไม่บอกกล่าว, หากเป็นไปได้ ให้ทำการล้างออกทันที เพื่อป้องกันคนในครอบครัวหรือแม้แต่ตนเอง เดินไปเหยียบและลื่นจะเกิดอันตรายขึ้นได้
ผมเองเมื่อวันที่ 31 ต.ค ที่ผ่านมา ก็พลาดด้วยการไปเหยียบคราบตะไคร่น้ำและลื่นล้มจนถูกกลอนประตูข่วนหลังเอา จนบัดนี้ยังมีร่้องรอยอยู่ คุณหมอให้ทานยาตลอด 7 วันรวมทั้งต้องฉีดยากันบาดทะยักด้วย ต้องระวังเพราะจะเจ็บตัว เสียเงิน โดยใช่เหตุ
ข้อแนะนำในการเดินคือ เดินช้าๆ มองพื้นเป็นหลัก ก่อนจะก้าวขา สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ต้องระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเด็กไม่มีสัญชาตญานในการระวังภัย ชอบวิ่งเล่นตามชอบใจ อาจประสบกับการลื่นล้ม หรือเหยียบสัตว์มีพิษได้ ในช่วงกลับบ้านวันแรก ต้องใส่ใจดูแลเด็กเป็นพิเศษ หรือนำขึ้นไปพักอยู่บนชั้นสอง(ถ้ามี) ซะก่อนและจัดหาคนเฝ้าดูแลด้วย
8.แหล่งน้ำท่วมขัง หรือในมุมมืด จะมียุง ทำการกำจัดไปด้วยยาฉีดยุง ส่วนในน้ำก็ใส่ผงซักฟอก หรือน้ำยาล้างจานลงไปกำจัดลูกน้ำยุงลาย หากยังหาทรายอะเบท(ทรายที่ใช้กำจัดลูกน้ำยุงลาย)ไม่ได้ (ผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจานมีคุณสมบัติลดแรงตึงผิวของน้ำ เป็นอุปสรรคในการหายใจของลูกน้ำครับ)
9.กระสอบทรายที่เคยเรียงไว้กั้นน้ำ อาจจยังไม่จำเป็นอีกต่อไป ต้องทิ้งให้เป็นภาระของ กทม. หรือ เทศบาล หรือ อบต. ให้เก็บไปทิ้งเป็นขยะ เราอาจจะต้องมีการซ่อมแซมบ้านด้วยการใช้คอนกรีต การเก็บกระสอบทรายไว้เพื่อเก็บทรายไว้ผสมปูน สามารถทำได้และไม่สิ้นเปลืองเงิน ลองพิจารณาเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจจะทิ้งกระสอบทรายนะครับ
10.หลายท่านอาจจะต้องการทาสีบ้านใหม่ ขอได้โปรดอดใจรอสักนิด ให้ผนังบ้านแห้งสนิทซะก่อน ค่อยลงมือทาสีบ้านใหม่ เพื่อกันสีร่อน หรือเชื้อราดำกินสีบ้าน ช่วงนี้มีสิ่งที่ควรทำเพื่อรอทาสี คือ 1.เก็บเงิน 2.เลือกสีว่าสีบ้านใหม่หลังน้ำท่วมควรจะเป็นสีใด และ3.เลือกสีของบริษัทใดดี
อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน ให้ถือหลักเมื่อเดินเข้าบ้าน ให้จัดการกับสวิซและอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นภัยที่มองไม่เห็น และคนในบ้านส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้า
หลักการ
1.ไม่ยกสวิซไฟฟ้าที่เป็นเมนใหญ่ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าบ้าน จนกว่าจะมั่นใจในระบบและเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกตัวแล้ว
ขณะทำการตรวจสอบระบบไฟฟ้า ต้องใส่รองเท้า หากมีถุงมือก็จะเป็นการดียิ่งขึ้น มีไขควงตรวจสอบไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ที่ดีกว่า เทปพันสายไฟ ไฟฉาย และจำแม่นๆ หากไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้าเลย โปรดใช้บริการของช่างไฟฟ้าครับ ปลอดภัยที่สุด
2.ตรวจอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้นที่อยู่ระดับต่ำ ซึ่งมักเป็นปลั๊กไฟที่ติดตั้งอยู่เหนือพื้นประมาณ 1 สอกหรือ 50 ซ.ม. ว่า น้ำท่วมถึงหรือไม่ หากน้ำท่วมถึง น่าจะทำการตัดสายไฟส่วนนี้ทิ้งก่อน หรือตรวจสอบสภาพว่ายังใช้งานต่อได้อีกหรือไม่ หรือมีน้ำค้างอยู่
3.ตู้เย็น ตู้ทำน้ำเย็น ที่แช่น้ำ เครื่องอาจเสีย สมควรส่งซ่อมหรือให้ช่างตรวจก่อนเสียบไฟใช้งาน
อนึ่ง หลังจากน้ำลด ส่วนราชการ สถานศึกษามักจัดตลาดนัดซ่อม ตรวจเช็คเครื่องไฟฟ้าให้ฟรี โดยไ่ม่คิดมูลค่า ท่านอาจนำเครื่องไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมไปใช้บริการ หากตรวจแล้ว-เสีย ใช้การไม่ได้ จึงค่อยซื้อเครื่องใหม่มาทดแทน
4.ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็นต้องใช้ในเบื้องต้น เช่น หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า พัดลม ส่วนที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ ปล่อยไว้ก่อน และหากตรวจไม่เสร็จจนย่างเวลาค่ำ ก็ขอได้โปรดใช้บริการอาหารและอื่นๆ จากร้านค้า อย่าประกอบอาหารจากระบบและเครื่องไฟฟ้าที่ยังตรวจสอบไม่เสร็จ เพื่อป้องกันปัญหาไฟฟ้ารั่วจนเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินขึ้นได้
ข้อควรจำ
1.กรุงโรมไม่สามารถสร้างเสร็จภายใน 1 วันได้ฉันใด เก็บขยะในบ้านก็ไม่มีทางเสร็จได้ใน 1 วันฉันนั้น ค่อยๆ ทำไปครับ ทั้งเก็บขยะ ทำความสะอาด เก็บของ จัดบ้าน น่าจะให้เวลาอย่างน้อย 10 วันขึ้นไป
2.เครื่องไฟฟ้า หากไม่มั่นใจ-ไม่ใช้ครับ อันตรายถึงชีวิต และต้องบอกคนในครอบครัวด้วยว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าใดเสีย มีไฟรั่ว หรือยังไม่ได้ตรวจ
3.ช่วงวิกฤติ การควบคุมอารมณ์มีส่วนสำคัญมากครับ ปากอย่าไว จะกินใจคนทั้งบ้านโดยใช่เหตุ ถือว่าช่วยๆ กันทำ มากน้อยตามความสามารถ เพราะทุกคนก็ประสบกับความทุกข์จากน้ำมาแล้ว จะมีความเครียดสูง หงุดหงิดง่าย พยายามใช้ปิยะวาจาไว้ครับ
ที่พบเห็นคือ เด็กๆ ไม่อยากช่วย เพราะติดเพื่อน ติดเกมส์ และบางรายเติบใหญ่อายุมากแต่ไม่ชอบทำงานสกปรก เรื่องแบบนี้ ต้องทำความเข้าใจกันครับ บอกเหตุ-บอกผล ขอความร่วมมือ หรือแบ่งงานให้รับผิดชอบแบบค่อยเป็นค่อยไป
มีเพิ่มเติมจะมาลงต่อครับ
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4370 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 09:40:26 » |
|
สวัสดีครับ ชาวหอและทุกท่าน
ขออนุญาตเข้าเมืองปากน้ำโพสัก 3 ชั่วโมงครับ จะไปดูสถานการณ์และแวะเยี่ยมร้านค้าที่รู้จักด้วย
หากมีภาพเดี่ยวจะนำกลับมาให้ชมครับ
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4371 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 16:26:10 » |
|
กทม.ซ่อมแซมแนวบิ๊กแบ็กเขตดอนเมือง เล็งถกแกนนำชาวบ้านหาทางออกที่ดีที่สุด14 พฤศจิกายน 2554 14:12 น. กทม.ประสาน บช.น.คุมกันซ่อมแซมแนวบิ๊กแบ็กเขตดอนเมือง เผยถูกรื้อยาว 10 เมตร ระดับน้ำด้านนอกสูง 93 ซม. ส่วนในบิ๊กแบ็ก 70 ซม.ต่างกัน 23 ซม. พร้อมถกแกนนำชาวบ้านหาทางออกที่ดีที่สุด
วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายวสันต์ มีวงศ์ โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยผลการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหากรณีประชาชนในพื้นที่เขตดอนเมือง รวมตัวกันรื้อกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็กว่าใน เบื้องต้นผู้ว่าฯกทม.ได้ประสานความร่วมมือไปยังผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในการเข้าไปดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันมิให้ประชาชนเข้าไปทำลายแนวกระสอบทรายที่เป็นคันกั้นน้ำ รวมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครองและอารักขาเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหา นครและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นที่เข้าไปทำการซ่อมแซมแนวกระสอบทรายบริเวณ ดังกล่าวข้างต้น โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เข้าไปประจำพื้นที่ตั้งแต่เวลาประมาณ 24.00 น. ของวานนี้ (13 พ.ย.) แล้ว และจากการตรวจสอบพบว่าสภาพกระสอบทรายที่ถูกรื้อออกไปเป็นช่องขนาด 10 เมตร ระดับน้ำด้านในและด้านนอกของบิ๊กแบ็กต่างกัน 23 ซม. คือ ด้านนอกสูง 93 ซม. และด้านใน 70 ซม.
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายของวันนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบหมายให้นายจุมพล สำเภาพล และนายสมภพ ระงับทุกข์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับแกนนำประชาชนที่มาเรียกร้อง เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของประชาชนและหารือแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย และในช่วงเย็นวันนี้คณะผู้บริหารกทม.จะประชุมประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ดังกล่าวอีกครั้ง
ขณะที่ ปริมาณขยะใรพื้นที่น้ำท่วม 25 เขตนั้น กทม.สามารถเก็บขยะได้กว่า 2,700 ตัน โดยขณะนี้ได้จ้างอาสาสมัครเพิ่มขึ้นเป็น 400 คนแล้ว ได้รับค่าตอบแทนรายวันๆ ละ 300 บาท ซึ่งกทม.ได้ระดมพนักงานรักษาความสะอาดที่ขณะนี้ไม่ได้กวาดถนนมาช่วยทำ หน้าที่เก็บขยะด้วย และขณะนี้มีรถขยะที่ดัดแปลงท่อไอสียแล้ว 487 คัน แต่ยังไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บขยะ ซึ่งกทม.ได้ประสานไปยัง ศปภ. เพื่อขอเรือจัดเก็บขยะด้วย
สำหรับการฉีดพ่นน้ำจุลินทรีย์ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ได้ประสานกับสำนักงนเขตที่ไม่ถูกน้ำท่วมในการช่วยผลิตน้ำจุลินทรีย์วันละ 20,000 ลิตร เพื่อนำไปฉีดพ่นในพื้นที่น้ำท่วมขังตามที่ได้รับการร้องขอ ซึ่งได้มอบหมายให้ศูนย์ฯ 1555 เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลความต้องการของประชาชน จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000145163
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4372 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 16:28:40 » |
|
กทม. เก็บขยะได้วันละ 2,700 ตัน จากพื้นที่ 25 เขต แต่ ณ ปัจจุบัน กทม.จมน้ำไป 32 เขต
ผมว่าขยะมีเป็นหมื่นตัน และไม่น่าจะเป็นเลข 1 นำหน้าด้วยครับ
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4373 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 16:35:47 » |
|
ข้อมูลน้ำจังหวัดนครสวรรค์ วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 54
มวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ในวันนี้ 2,443 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ 61 ลบ.ม./วินาที
ระดับน้ำลดลง 11 ซ.ม.โดย 29 วันที่ผ่านมา ระดับน้ำลดลงสะสม 233 ซ.ม.
รวมวันนี้เป็นวันที่ 30 ระดับน้ำลดลงทั้งสิ้น 244 ซ.ม. โดยน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.64 ซ.ม.
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #4374 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 16:52:03 » |
|
ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าอาคารเจ้าพระยาหลักทรัพย์ในวันนี้
ระดับน้ำยังสูงกว่าท่อส่งน้ำออก แสดงว่า น้ำในระดับนี้ยังสูงพอจะไหลกลับเข้าสู่ที่ต่ำแอ่งกระทะของเทศบาลได้
|
|
|
|
|
|
