เหยง 16
|
|
« ตอบ #2500 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554, 11:56:59 » |
|
เสียดายครับ ไม่เกิดอาการ "เงินไม่มา กาไม่เป็น" ซะด้วย
เลยกา X ไปทั้ง 2 แผ่น
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #2501 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554, 16:50:21 » |
|
ได้ทำหน้าที่คนไทยที่ดี ก่อนหน้าใครเลยค่ะ กาแล้ว ๓ ก.ค. ก็รอดูผลรวมค่ะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2502 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554, 20:23:39 » |
|
พี่'อร
กลัวผลเลือกตั้งออกมาแล้ว ต้องโดดตึกหนี รับไม่ได้น่ะซี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2503 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554, 20:24:41 » |
|
ห้าโมงเย็น ดูข่าวช่องสาม บอกมีการแนะนำนิสิตหอจุฬาฯ ประมาณ 1000 คน เพื่อไปลงคะแนนล่วงหน้าในวันนี้
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2504 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554, 20:34:44 » |
|
พักชม วี ดี โอ ครับ"กุ้ยเฟยร่ำเมรัย" บทเพลงถึงยอดหญิงงามแห่งแผ่นดินจีนโดยหนุ่ม 2 เสียง "หลี่ อี้ว์กัง"19 มิถุนายน 2554 08:39 น. ภาพ "หยังกุ้ยเฟยร่ำเมรัย" วาดโดย "หวง ตงเหลย" เพลง " ซินกุ้ยเฟยจุ้ยจิ่ว(新贵妃醉酒)" หรือ "หยังกุ้ยเฟยร่ำเมรัย(ใหม่)" นั้น หยิบยกมาจากอุปรากรจีนชื่อดังเรื่อง "กุ้ยเฟยจุ้ยจิ่ว" ซึ่งกล่าวถึงสนมเอกผู้เลอโฉมแห่งราชวงศ์ถัง "หยังกุ้ยเฟย" หนึ่งในสี่สาวงามของแผ่นดินจีนผู้เขย่าบัลลังก์มังกร โดยในเรื่องเป็นตอนที่ฮ่องเต้ถังเสวียนจงแห่งราชวงศ์ถังได้ทรงนัดหมายกับพระสนมเอกหยังกุ้ยเฟยที่เก๋งร้อยบุปผา เพื่อชมมวลบุปผาและเสวยน้ำจัณฑ์ร่วมกัน ทว่าเมื่อถึงวันนัด หยังกุ้ยเฟยไปถึงยังเก๋งร้อยบุปผา ทั้งยังจัดเตรียมสิ่งของไว้อย่างพรั่งพร้อม จนล่วงเลยเวลานัดไปนานแต่ฮ่องเต้ถังเสวียนจงก็ยังมิทรงเสด็จมา สุดท้ายนางค่อยทราบว่าฮ่องเต้เสด็จไปหาพระสนมเจียงเฟยแล้วจึงมิอาจมาตามนัด หยังกุ้ยเฟยที่ทั้งคั่งแค้นระคนเสียใจ จึงร่ำเมรัยอยู่ที่เก๋งเพียงผู้เดียวจนเมามาย "หลี่ อี้ว์กัง" เปรียบเทียบยามแต่งกายปกติและแต่งกายเพื่อแสดงงิ้ว เพลง "ซินกุ้ยเฟยจุ้ยจิ่ว" เป็นผลงานเพลงที่โดดเด่นที่สุดของ " หลี่ อี้ว์กัง(李玉刚)" วางแผงจำหน่ายเมื่อวันที่ 1 มกราคมของปีนี้ โดยเพลงดังกล่าวเป็นการหลอมรวมแนวเพลงสมัยใหม่เข้ากับการขับร้องแบบอุปรากรจีน(งิ้วปักกิ่ง) และที่น่าสนใจคือ หลี่ อี้ว์กัง ใช้เทคนิคการร้องสองเสียง คือเสียงผู้ชายปกติ สลับกับเสียงสูงแบบการร้องงิ้วตัวนางได้อย่างเหมาะเจาะกลมกลืน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถระดับสูงในเชิงดนตรีการของเขา หลี่ อี้ว์กัง ชาวมณฑลจี๋หลิน ปัจจุบันอายุ 33 ปี เป็นนักแสดงอุปรากรจีนชื่อดังประจำโรงละครอุปรากรแห่งชาติจีน อีกทั้งยังได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติจีนในฐานะที่เป็นศิลปินคนรุ่นใหม่ผู้ซึ่งช่วยสืบสานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติจีน หลี่ อี้ว์กัง เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังจากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศประจำฤดูกาลในการประกวดแสดงความสามารถในรายการชื่อ "ซิงกวงต้าเต้า(星光大道)" หรือ "เส้นทางดารา" เมื่อปี 2006 ซึ่งจัดโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CCTV) หลังจากนั้นจึงได้มีโอกาสเปิดการแสดงในอีกหลายต่อหลายเวทีทั้งในและต่างประเทศ จนได้รับการยอมรับว่าเป็นดาราอุปรากรจีนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองที่สุด จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000073561
|
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #2505 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554, 23:59:39 » |
|
ป้อมไปลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่บิ๊กซีดอนจั่น คนเยอะมาก รถติดจอดซ้อนกันหลายแถว เกือบเปลี่ยนใจสละสิทธิ์เสียแล้ว
|
pom shi 2516
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2506 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 09:47:15 » |
|
Vote YES ครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2507 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 09:53:00 » |
|
ลูกค้าที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน โทรไปบอดเมื่อเช้านี้เองว่า ข้าวโพดที่จะหักได้ในอีก 10 วันข้างหน้า เสียหายหมด น้ำพัดจากเขาลงมาโดนต้นข้าวโพดที่ปลูกตามไหล่เขาเสียหายหมด โดยต้นข้าวโพดถูกพัดตามน้ำลงมาสู่เหวลึก ยากแก่การลงไปเก็บฝักคืนกลับมาอุตุฯเตือน 12 จว.ภาคเหนือระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก27 มิถุนายน 2554 09:12 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ให้ระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่า ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชั่น "ไหหม่า" ทำให้หลายจังหวัดภาคเหนือมีฝนตกหนัก ถึงหนักมาก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก รวมทั้งเพชรบูรณ์ ขณะที่ จ.น่าน มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ทุ่งช้าง อ.ปัว อ.ท่าวังผา อ.เมือง อ.ภูเพียง และ อ.เวียงสา พร้อมทั้งมีการตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจที่ศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือและอพยพประชาชน ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าน้ำจะท่วมอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองน่าน ต้องใช้เรือพายเป็นพาหนะสัญจร หลังจากแม่น้ำน่านเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 700 หลังคาเรือน ใน 8 ชุมชน โดยเฉพาะที่บ้านภูมินทร์ และบ้านท่าลี่ ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ขณะเดียวกัน เขตเศรษฐกิจย่านตลาดพัสดุ และสถานีตำรวจภูธรเมืองน่าน มีระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้น ชาวบ้านต้องเร่งนำกระสอบทราย และขนย้ายทรัพย์สินไปไว้บนที่สูง จ.น่าน สรุปความเสียหายวันที่ 2 พบว่ามี 6 อำเภอ คือ อ.ทุ่งช้าง อ.ปัว อ.ท่าวังผา อ.เมืองน่าน อ.ภูเพียง และ อ.เวียงสา บ้านเรือน ไร่นา ถูกน้ำท่วม ส่วนโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองน่าน 5 แห่ง รวมทั้งโรงเรียนในอำเภอรอบนอกที่ถูกน้ำท่วม จ.น่าน มีคำสั่งปิดอย่างไม่มีกำหนดด จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย ส่วนที่ จ.ตาก เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านน้ำโท่ง และบ้านไหลห้วย ใน ต.แม่ระมาด อ.แม่ระมาด ที่อยู่ติดกับลำห้วย ขึ้นไปอยู่ในที่ปลอดภัย หลังจากมีน้ำป่าจากเทือกเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ระมาด ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000078168
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2508 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 09:55:11 » |
|
อีกข่าวหนึ่งครับจ.น่าน ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม 6 อำเภอ27 มิถุนายน 2554 08:47 น. สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดน่าน ล่าสุด นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมใน 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง,ภูเพียง,เวียงสา,ปัว,ท่าวังผา และทุ่งช้าง โดยมีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมประมาณ 1,000 หลังคาเรือน นาข้าวจำนวนมาก ซึ่งปริมาณน้ำนั้น ได้เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ตัวเมืองน่านในเขตเทศบาล ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากแม่น้ำน่านมีปริมาณมาก โดยเลยจุดวิกฤติ 9 เมตร ขณะที่โรงเรียนนันทบุรี โรงเรียนสตรีศรีน่าน โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารจังหวัดน่าน และโรงเรียนราชานุบาล ประกาศหยุดการเรียนการสอนวันที่ จนกว่าระดับน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000078163
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2509 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 18:21:19 » |
|
ถึงช่วงบ่าย พื้นที่ประสบภัยของจังหวัดน่าน เพิ่มจาก 6 เป็น 13 จาก 14 อำเภอแล้วครับ
นาข้าว ไร่ข้าวโพด เสียหายมากพอดู
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2510 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 18:21:33 » |
|
มุมมองของ"คุณเปลว สีเงิน" แห่ง ไทยโพสต์ ต่อการลาออกจากคณะกรรมการมรดกโลก "ดีกว่าอยู่ต่อ"ครับ
"ก้อนกรวดในรองเท้าเพื่อไทย" เปลว สีเงิน 27 มิถุนายน 2554 - 00:00
ถือเป็น "ศึกกระหนาบ" ของนายกฯ อภิสิทธิ์ ไหนจะศึกชิงอำนาจบริหารรัฐในเวทีเลือกตั้ง และไหนจะศึกชิงพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรในเวทีมรดกโลก แล้ววานซืน (๒๕ มิ.ย.๕๔) ไทยก็ตัดสินใจ "ถอนตัว" ออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกของ "ยูเนสโก" ซึ่งยูเนสโกก็คือลูกมือของยูเอ็น และยูเอ็นก็คือ "เครื่องมือ" ของขบวนการ CFR อันเป็นขบวนการกลุ่มทุนโลกยุโรป-สหรัฐ ที่ตั้งขึ้นมานับร้อยปีแล้ว มีเป้าหมายจัดระเบียบโลก New World Order ๑ อำนาจ ๑ คำสั่ง เป็น "รัฐบาลโลก" ในศตวรรษนี้ ถามกันว่า ถูกต้องมั้ย ที่อภิสิทธิ์โอ.เค.ให้คุณสุวิทย์ คุณกิตติ ตัวแทนรัฐบาลไทยประกาศถอนตัวจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก ผมขอตอบว่า...ถูกต้องแล้วครับ ถามกันว่า การถอนตัวจะทำให้ไทยเราได้มากกว่า หรือเสียมากกว่า ผมขอตอบว่า...นอกจากไม่มีอะไรเสียแล้ว กลับได้มากกว่าด้วยซ้ำครับ ถามกันว่า เมื่อถอนตัวแล้ว ปัญหาปราสาทพระวิหารกับดินแดนรอบตัวปราสาท ๔.๖ ตารางกิโลเมตรของไทย จะลงเอยอย่างไร ผมขอตอบว่า ลงเอยแบบ...ยูเนสโก โดยคณะกรรมการมรดกโลกจะไม่สามารถอาศัยเขมรบังหน้ามาฮุบดินแดนเราได้อีกต่อไป ถามกันว่า แล้วมีผลกระทบถึงสถานที่ของไทยที่ยูเนสโกให้ขึ้นเป็นมรดกโลกแล้ว ๕ แห่ง คือ ที่สุโขทัย อยุธยา บ้านเชียง ทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง และผืนป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็นหรือไม่? คำตอบคือ ถ้าดูแลรักษาไว้ได้ตามกฎระเบียบกำหนดของเขา ไม่มีผลกระทบอะไร ยังคงเป็นมรดกโลกตามเดิม ถามกันว่า ถ้ารัฐบาลต่อไปไม่ใช่นายกฯ อภิสิทธิ์ สมมุติเป็นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ แล้วขอกลับเป็นภาคีมรดกโลกตามเดิม หันไปจูบปากเขมร ยอมรับแผนบริหารจัดการรอบพื้นที่ปราสาท ๔.๖ ตารางกิโลเมตร อะไรจะเกิดขึ้น? คำตอบคือ ...ไม่มีอะไรเกิด นอกจากดับ คือไทย-นอกจากเสียดินแดน ๔.๖ ตารางกิโลเมตรรอบตัวปราสาทแล้ว ตามเส้นรุ้ง-เส้นแวงที่ลากไปถึงอ่าวไทย ไทยอาจต้องเสียพื้นที่อันเป็นแหล่งทรัพยากรทั้งก๊าซ ทั้งน้ำมันมหาศาลให้เขมร หรือพูดให้ชัด ให้ "ชาติมหาอำนาจ" ๒-๓ ชาติที่แอบชักใย และใช้เขมรเป็นตัวออกหน้าเดินเกม เมื่อสำเร็จพวกเขาก็จะได้ครอบครองแหล่งทรัพยากรพลังงานนั้น! และถามกันว่า ถ้าเขมรถือว่า "ปลอกคอแข็ง" บุกเข้ามาก่อสร้างในพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรของเราล่ะ จะว่าไง คำตอบของผมคือ....ไม่ว่าไง ยิงกระบาลมันสถานเดียว! นั่นคือ "ประเด็นสรุป" ที่ผมขอแจกแจงให้ท่านทราบก่อนอกแตกตาย ส่วนที่มา-ที่ไปของการถอนตัวจากภาคีมรดกโลกนั้นก็คือว่า ในวงประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ฝรั่งเศส ไทย-โดยคุณสุวิทย์ เสนอให้เลื่อนวาระการพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกไปก่อน เพราะพื้นที่ยังมีปัญหาอยู่ ในการหารือนอกรอบ "ต่อหน้า" ระดับบิ๊กๆ ยูเนสโกก็ทำเป็นเข้าใจ และเห็นด้วยกับข้อเสนอไทย "ลับหลัง" ถึงตอนในรอบ ท่าทีกลับเป็นว่า จะนำแผนบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์รอบตัวปราสาท ๔.๖ ตารางกิโลเมตรที่ "เขมรเสนอฝ่ายเดียว" บรรจุเข้าวาระการประชุม มันส่ออาการรวมหัว "ปิดประตูตีแมว" ชัดๆ หวังใช้มติที่ประชุมคณะกรรมการ ๒๑ ชาติลงมติ "ฮุบ" พื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรของไทยไปให้เขมร แล้วพวกมันไปแบ่งปันผลประโยชน์เชิงธุรกิจกับเขมรกันเองทีหลัง เพราะถ้าไทยตกหลุมพรางยูเนสโกด้วยตายใจว่า "ถึงเข้าก็คงไม่ผ่าน" ยอมให้บรรจุระเบียบวาระ เอาเข้าจริง เจอต้มยำปลากรอบ...มันผ่านล่ะ!? กล้วยปอกทั้งประเทศทันที ไทยเราจะกลับตัว-กลับลำอะไรไม่ได้เลย ในทันทีที่คณะกรรมการลงมติอนุมัติแผนให้เขมร เท่ากับไทยเรา "เสียดินแดน ๔.๖ ตารางกิโลเมตร" ให้เขมร โดยไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้อีก ถ้าขัดขืน-โต้แย้ง เท่ากับเรา "ป่าเถื่อน-เกเร" บนเวทีโลก อาจถูกลากไปให้ UNSC ที่จ้องรับลูก "รอเขมือบ" เราเป็นดาบ ๒ เชือด ในยุคที่ชาติมหาอำนาจ "กระหายน้ำมัน" ดังที่เห็นอยู่ในเวทีโลกเวลานี้ เช่นที่ลิเบีย เป็นต้น ก็ต้องชมเชย ให้กำลังใจคุณสุวิทย์ที่ทำหน้าที่และตัดสินใจดีแล้ว-ถูกแล้ว ใช้ไหวพริบปฏิภาณด้วยสติปัญญา "ทันรู้-รู้ทัน" โทร.ปรึกษานายกฯ อภิสิทธิ์ แล้วใช้อำนาจตามที่ ครม.ให้ไป ประกาศ.... "ไทย-ถอนตัวจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก" ก่อนที่จะมีการพิจารณาแผนบริหาร-จัดการในที่ประชุม ผลของการลาออกก่อนที่จะมีเรื่องเข้าที่ประชุมคือ การถอนตัวถือว่ามีผลทันที คณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณารับ หรือไม่รับข้อเสนอใดๆ ของเขมร ก็จะไม่มีผลผูกพันใดๆ กับไทยอีกต่อไป ไม่สามารถอ้างมติหรืออำนาจใดๆ รุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย ส่วนใครจะขึ้นไปบูรณะซ่อมแซม-สำรวจตัวปราสาท ก็ต้องไปขึ้นทางฝั่งเขมร มาขึ้นทางฝั่งไทยไม่ได้ ครับ..เราต้องจำให้แม่น จำให้ถูกต้องว่า คำพิพากษาศาลโลก ปี ๒๕๐๕ นั้น เขมรฟ้องให้ศาลโลกตัดสินเรื่อง "อธิปไตยแห่งดินแดนเหนือปราสาทพระวิหาร" เท่านั้น และศาลโลกก็ตัดสินให้เฉพาะเรื่องอธิปไตยเหนือตัวปราสาทพระวิหารนั้นเช่นกัน เขมรไม่ได้ขอให้ศาลโลกตัดสินเรื่องเส้นเขตแดนระหว่างไทย-เขมรในพื้นที่อันเป็นของไทยแต่เดิมรวมถึง ๔.๖ ตารางกิโลเมตรนั้นด้วย นอกเหนือพื้นที่ที่ตั้งโดยกำหนดขอบเขตปราสาทที่ไทยปฏิบัติตามคำพิพากษาไปแล้ว และเขมรก็ยอมรับโดยไม่ท้วงติงใดๆ ตั้งแต่เวลาเที่ยงของวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๐๕ เป็นต้นมาแล้ว ที่เป็นของเขมรก็มี "จากทิศเหนือที่ระยะ ๒๐ เมตร จากบันไดนาคไปทางทิศตะวันออกจนถึงช่องบันไดหัก และทางทิศตะวันตกที่ระยะ ๑๐๐ เมตร จากแกนของตัวปราสาทไปทางทิศใต้จนจรดขอบหน้าผา" นอกจากพื้นที่ตามระบุ ตามที่ศาลโลกและเขมรรับทราบ-รับรู้แล้ว ใครแหยมเข้ามา...ยิงกระบาลมันได้เลย! การถอนตัวจากมรดกโลกนี้มีผลทันทีไหม คำตอบคือ ยังมีขั้นตอนตามระเบียบที่ต้องปฏิบัติให้ครบถ้วน ทั้งขั้นตอนภาคีมรดกโลก และทั้งขั้นตอนกฎหมายของไทยเรา ฟังที่นายกฯ อภิสิทธิ์ตอบนักข่าวซักนิดนะ "การดำเนินการของคุณสุวิทย์ทั้งหมดเป็นไปตามมติ ครม. อย่างไรก็ตามเมื่อนายสุวิทย์เดินออกจากที่ประชุม ที่ประชุมมีมติตัดข้อความที่กัมพูชาเสนอในย่อหน้าที่เป็นปัญหา ฉะนั้น ในชั้นนี้ยังไม่มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาแต่ประการใด การดำเนินการต่อไป จะเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ที่จะดำเนินการถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก แต่ระหว่างนี้ยูเนสโกสามารถปรึกษาหารือกับไทยได้เกี่ยวกับการดำเนินการต่อไป โดยไทยจะยืนยันว่าหากจะฟื้นฟูบูรณะใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับดินแดนไทย ต้องได้รับความยินยอมจากไทย และไทยยืนยันเสมอว่า กัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมด มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อสนธิสัญญาและเจตนารมณ์ของกรรมการมรดกโลกด้วย" ครับ...ใครมาเป็นรัฐบาลต่อหลังเลือกตั้ง ๓ ก.ค.ก็จะต้องสานเรื่องนี้ต่อ ต้องผ่านรัฐสภา คือเรื่องสนธิสัญญาต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภา แต่เท่าที่ฟัง การถอนตัวจากมรดกโลกได้รับเสียงสนับสนุนจากทุกฝ่าย ยกเว้นมีอยู่พรรคหนึ่ง ออกแถลงการณ์ในเชิงคัดค้านทันที ๙ ข้อ อ่านทีแรกนึกว่าเป็นแถลงการณ์ของพรรค Cambodian People Party หรือพรรค CPP ของสมเด็จฮุน เซน ณ กัมพูชา แต่พออ่านจบ อ้าว...ไม่ยักใช่ คนแถลงชื่อนายปลอดประสพ สุรัสวดี แห่งพรรคพท.-เพื่อไทย ของเจ้ามูลแม้ว ณ แดงทั้งแผ่นดิน นี่เอง! ออกลายตั้งแต่แรกแบบนี้ ถ้าพรรคเพื่อทักษิณได้เป็นรัฐบาล มองเห็นรำไรแล้วว่า...พื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรของไทยคงยากรักษาไว้ได้ รัฐบาลเพื่อไทยคงกลับเข้าภาคีมรดกโลก และยอมให้คณะกรรมการมรดกโลกนำพื้นที่ผนวกรวมกับปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวโดยสมบูรณ์ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรนั้น ไทยไม่เพียงเสียพื้นที่รอบปราสาทเท่านั้น แต่จะเสียถึงพื้นที่แหล่งพลังงานในอ่าวไทย!!! ไม่เพียงแถลงการณ์ ๙ ข้อของนายปลอดประสพ นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ผู้ลงนาม "แถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร" ๑๘ มิ.ย.๕๑ ยังเขียนในเฟซบุ๊กวานนี้ด้วยข้อความตอนหนึ่งว่า "........การลาออกจากภาคีมรดกโลกจะสร้างความเสียหายให้ประเทศไทยอย่างมาก เพราะเราจะไม่สามารถนำโบราณสถานและอุทยานแห่งชาติไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ การลาออกเป็นการปิ้งปลาประชดแมว นอกจากนั้นเรายังสามารถปกป้องสิทธิในเขตแดนโดยวิธีอื่นๆ ได้ มากกว่าการลาออกจากภาคีมรดกโลก" แต่นักวิชาการอิสระแห่งวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ศรีสะเกษ "นายชัยวุฒิ เทโพธิ์" บอกกับมติชนออนไลน์ ว่า "สนับสนุนเต็มที่ในการตัดสินใจ เพราะถือว่าเป็นวิธีการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของเรา...การถอนตัวออกจากมรดกโลก เท่ากับเราไม่ยอมรับแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทของกัมพูชา หากเราไม่ถอนตัวออกมาเท่ากับยอมรับแผนบริหารดังกล่าว และก็เท่ากับเราได้เสียดินแดนไปโดยปริยาย" เอาละครับ...วันนี้เป็นการ "คุยสรุป" เพื่อทราบสถานการณ์รวม แต่..อ้อ..ผมขอแถลงการณ์ "รับผิด" ซักนิด คือเขียนไปวันก่อนว่าปาร์ตี้ลิสต์มี ๑๐๐ คนนั้น ผมผิดพลาดโดยโง่เขลา ที่ถูกต้องมี ๑๒๕ คน และขอโทษเอแบคโพลในส่วนที่ผมนำสิ่งผิดไปวิพากษ์ตัวเลขโพลด้วย เท่านั้นละครับ ถ้าท่านไม่รับการขอโทษ ผมก็จะไปโดดหน้าพรรคเพื่อไทยให้ตายต่อหน้าว่าที่นายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์นะ..เอ้า.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2511 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 18:36:25 » |
|
มีอีกบทความที่ยังท้วงติงการลาออก ว่าถูกต้องตามกติกาแล้วหรือยัง ??ไทยถอนตัว'มรดกโลก'แล้วจริงหรือ?คำเตือน: ไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลกแล้วจริงหรือ? : วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ อดีตนักกม.ในคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ คำเตือน: ไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลกแล้วจริงหรือ?: วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ อดีตนักกฎหมายในคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ สำนักกฎหมาย Freshfields Bruckhaus Deringer (กรุงปารีส). นิติศาสตรมหาบัณฑิต (รางวัลทุนฟุลไบรท์และวิทยานิพนธ์เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
................จากช่วงคืนที่ผ่านมา สื่อมวลชนไทยได้รายงานว่านายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ประกาศว่าไทยได้ “ลาออกจากคณะกรรมการมรดกโลก” บ้างก็ว่า “ถอนตัวจากสมาชิกมรดกโลก” บ้างก็ว่า “Thailand has withdrawn from the World Heritage Convention” ล่าสุดคุณสุวิทย์เองใช้คำว่า “คกก.มรดกโลกนำวาระเขาพระวิหารเข้าที่ประชุม จึงเป็นที่มาของการถอนตัวของไทยออกจากกรรมการและสมาชิกภาคีอนุสัญญา” (http://twitter.com/#!/SuwitKhunkitti)ผู้เขียนยังไม่พบหนังสือ ถ้อยแถลง หรือคำอธิบายอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทยว่า “การถอนตัว” ดังกล่าวมีรายละเอียดเช่นใด แต่ในยุคสมัยที่สื่อมวลชนต่างชิงเสนอข้อมูลจาก Twitter เพียงไม่กี่บรรทัด ผู้เขียนในฐานะนักกฎหมายจึงจำต้องตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นเพิ่มเติมอีกบางบรรทัด เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนดังนี้ไทยจะ “ถอนตัว” (withdraw) จาก “ภาคีมรดกโลก” ได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องการตัดสินใจตามอำเภอใจ แต่เป็นเรื่องการใช้สิทธิตามขั้นตอนกฎหมายระหว่างประเทศ โดยหลักก็คือ อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ. 1972 (“อนุสัญญามรดกโลกฯ”) ซึ่งไทยอาจ “ยังคง” เป็น หรือ “เคย” เป็น “ภาคีอนุสัญญา” (“ภาคี” ในที่นี้ก็หมายถึง “คู่สัญญา” ที่ยอมผูกพันตามกฎหมายนั่นเอง)กฎหมายระหว่างประเทศรับรองว่าไทยมีสิทธิถอนตัวจากการเป็น "ภาคีอนุสัญญามรดกโลกฯ" โดยการ “ประกาศไม่ยอมรับ” (denounce) ทั้งนี้ตามที่อนุสัญญามรดกโลกฯ ข้อ 35 กำหนดสิทธิไว้ ดังนี้:Article 351. Each State Party to this Convention may denounce the Convention2. The denunciation shall be notified by an instrument in writing, deposited with the Director-General of the United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization3. The denunciation shall take effect twelve months after the receipt of the instrument of denunciation. It shall not affect the financial obligations of the denouncing State until the date on which the withdrawal takes effect(เน้นคำโดยผู้เขียน ตัวบทอนุสัญญามรดกโลกฯ อ่านได้ที่ttp://whc.unesco.org/en/conventiontext)หากการ “ถอนตัว” ที่คุณสุวิทย์ได้กระทำไปในนามรัฐบาลไทยคือการใช้สิทธิ “ประกาศไม่ยอมรับ” หรือ denounce ตามความในข้อ 35 ข้างต้น ผลทางกฎหมายที่ตามมาก็คือ “การประกาศไม่ยอมรับ” (denounce) นั้น มิได้ส่งผลเป็นการ “ถอนตัว” (withdrawal) โดยทันที แต่การถอนตัวจะเริ่มมีผลต่อเมื่อครบกำหนด 12 เดือน จากวันที่คุณสุวิทย์ได้ยื่นหนังสือไปยังยูเนสโก ซึ่งอาจหมายความว่า (ผู้เขียนย้ำว่า “อาจ”) ณ วันนี้ ไทยเองยังคงมีทั้งสิทธิและหน้าที่ในฐานะภาคีอนุสัญญามรดกโลกฯ ไปจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2555 (นอกจากไทยจะได้ตั้งข้อสงวนเรื่องนี้ไว้ แต่ผู้เขียนไม่พบข้อสงวนของไทยในบันทึกการเข้าเป็นภาคี UNTS Vol 1484 No 15511 เมื่อ ค.ศ. 1987 แต่อย่างใด)หลักกฎหมายและเงื่อนไขระยะเวลาที่ปรากฏอยู่ในอนุสัญญามรดกโลกฯ ข้อ 35 ที่ผูกพันไทยนี้ สอดคล้องรองรับกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่สำคัญ คือ ข้อ 56 และ ข้อ 70 แห่งอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 (แม้ไทยจะมิได้เข้าผูกพันตามอนุสัญญากรุงเวียนนาโดยตรง แต่อาจมองในทางกฎหมายได้ว่าหลักดังกล่าวเป็นหลักทั่วไปที่ยอมรับนับถือโดยสากลกว่า 100 ประเทศทั่วโลก)ถามต่อว่า ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนนี้ ไทยจะเสียเปรียบกัมพูชา หรือไทยจะตกอยู่ใต้อำนาจของคณะกรรมการมรดกโลก หรือ ไทยจะต้องยอมรับผูกพันตามมติ หรือ แผนบริหารจัดการบริเวณปราสาทพระวิหารอันจะกระทบต่ออธิปไตย หรือความได้เปรียบเสียเปรียบในศาลโลกหรือไม่ อย่างไร?ผู้เขียนตอบเบื้องต้นเป็นขั้นๆ ดังนี้1.อนุสัญญามรดกโลกฯ เป็นกฎหมายที่มีความยืดหยุ่นการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกฯ มิได้หมายความว่าคณะกรรมการมรดกโลก หรือ ใครจะมีมติสั่งไทยซ้ายหัน ขวาหันได้ เพราะสังคมระหว่างประเทศได้ออกแบบให้อนุสัญญามรดกโลกฯ เป็นกฎหมายที่มีความยืดหยุ่นบนพื้นฐานของความร่วมมือช่วยเหลือ (co-operation and assistance) และมิใช่พันธกรณีที่บังคับควบคุมโดยเด็ดขาด เห็นได้จากการที่อนุสัญญามรดกโลกฯ ใช้ถ้อยคำทางกฎหมายที่ผูกพันไทยอย่างยืดหยุ่น เช่น - อนุสัญญามรดกโลกฯ ข้อ 4 ใช้ถ้อยคำว่า “ไทยจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้” (It will do all it can to this end...)- อนุสัญญามรดกโลกฯ ข้อ 5 ใช้ถ้อยคำว่า “ไทยจะพยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และเหมาะสมสำหรับประเทศไทย” (...shall endeavor, in so far as possible, and as appropriate for each country...)- อนุสัญญามรดกโลกฯ ข้อ 7 ใช้ถ้อยคำว่า “เพื่อจัดตั้งระบบความร่วมมือระหว่างและช่วยเหลือประเทศอันที่จะสนับสนุนภาคีอนุสัญญาฯ” (...the establishment of a system of international co-operation and assistance designed to support State Parties to the Convention…)- อนุสัญญามรดกโลกฯ ข้อ 11 (3) ใช้ถ้อยคำสงวนสิทธิว่าการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจะไม่กระทบต่อสิทธิของไทย (...shall in no way prejudice the rights...) ที่ยังมีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนหรืออธิปไตยกับกัมพูชา เป็นต้นดังนั้น แม้หากวันนี้ไทยยังคงเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกฯอยู่ ไทยย่อมสามารถตีความอนุสัญญาโดยสุจริตว่าไทยจะร่วมมือและช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้และเหมาะสมสำหรับประเทศไทย โดยไม่กระทบต่อสิทธิของไทยที่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับกัมพูชา. ผู้เขียนย้ำว่ากฎหมายระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับประเทศที่ชาญฉลาดและแยบยล2.กฎหมายระหว่างประเทศให้สิทธิไทยไม่ต้องปฏิบัติตามอนุสัญญามรดกโลกฯ หากมีกรณีจำเป็นแม้สุดท้ายจะมีผู้ใดตีความว่าคณะกรรมการมรดกโลก หรือ ใครจะมีมติสั่งไทยซ้ายหัน ขวาหันได้ หรือไม่อย่างไร กฎหมายระหว่างประเทศก็ยังคงเปิดช่องให้ไทยมีสิทธิยกข้อต่อสู้เพื่อไม่ต้องปฏิบัติตามมตินั้น อาทิ หลักกฎหมายทั่วไปเรื่อง fundamental change of circumstances หรือ rebus sic stantibus เช่นที่สะท้อนอยู่ในข้อ 62 แห่งอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 หรือ หลักกฎหมายว่าด้วยความจำเป็น (necessity) เช่นที่สะท้อนอยู่ในข้อ 25 แห่งร่างข้อกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของรัฐ (ILC Draft Articles on State Responsibility)ไทยสามารถอ้างสิทธิตามหลักกฎหมายเหล่านี้ เพื่อต่อสู้ว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญและกระทบถึงความมั่นคงปลอดภัยและสันติภาพระหว่างประเทศ ไทยจึงมีสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศที่จะไม่ปฏิบัติตามมตินั้น อย่างไรก็ดี การยกข้อต่อสู้ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไทยมีภาระพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์ย่อย และมิใช่อ้างได้โดยง่าย3.เรื่องอนุสัญญามรดกโลกฯ ทำให้ไทยกังวลเกี่ยวกับคดีในศาลโลก ไม่ว่านักกฎหมายจะตีความ “การถอนตัว” กันอย่างไร แต่ผู้เขียนเองในฐานะผู้เคยช่วยทำคดีในศาลโลก ก็ไม่แปลกใจหากทีมทนายความของไทยซึ่งกำลังมีคดีอยู่กับกัมพูชาในศาลโลก จะเลือกใช้ “การถอนตัว” เป็นการแสดงออกในทางพฤตินัยเป็นอย่างน้อย กล่าวคือ สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าในทางนิตินัยไทยจะยังคงเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกฯ และต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการมรดกโลกหรือไม่อย่างไร อย่างน้อยไทยก็อ้างต่อศาลโลกได้เต็มปากว่า โดยพฤตินัยนั้น ไทยไม่ยอมรับการบริหารจัดการพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารใดๆ ที่อาจมีนัยกระทบต่ออธิปไทยทางดินแดนของไทยจุดนี้อาจเป็นเพราะว่าแท้จริงแล้วไทยอาจกังวลกับผลจากการตีความคำพิพากษาโดยศาลโลกที่มีผลผูกพันไทยโดยตรง มากกว่าเรื่องมติมรดกโลกที่ยืดหยุ่นและเป็นเพียงแง่ทางกฎหมายประกอบแง่หนึ่งเท่านั้น อีกทั้งการกลับเข้าเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกฯ ย่อมไม่เป็นปัญหาเท่ากับความเสี่ยงที่กัมพูชาจะนำมติไปอ้างให้ไทยเสียเปรียบในศาลได้ข้อสังเกตเพิ่มเติมจากข่าวสารที่รวดเร็วแต่ไม่มีความชัดเจน ผู้เขียนเข้าใจว่าการถอนตัวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากคณะคุณสุวิทย์สามารถเจรจาให้เลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารได้สำเร็จ แต่เมื่อร่างมติที่นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกยังมีถ้อยคำเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารที่มีปัญหาอยู่ คุณสุวิทย์จึงยืนยันถอนตัว ในทางหนึ่งย่อมมองได้ว่าเป็นการทำหน้าที่อย่างละเอียดรอบคอบเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติอันน่าชื่นชมแต่อีกทางหนึ่ง ก็อาจมีผู้โจมตีว่าไทยขาดความน่าเชื่อถือในเวทีโลก เช่น ไทยขู่ถอนตัวเพื่อตั้งแง่การเจรจาให้เลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการ (โดยทั่วไป) ออกไป และแม้สุดท้ายไทยจะได้ตามที่ต้องการ ก็ยังคงถอนตัวเพื่อประโยชน์ทางรูปคดี (เกี่ยวกับถ้อยคำบางคำ) อยู่ดี ทั้งที่ไทยจะถอนตัวแต่แรกก็ได้ หรือจะมองอย่างเสียดสีว่าเป็นเพียงการเรียกคะแนนนิยมก่อนวันเลือกตั้ง ฯลฯการมองเหล่านี้มิใช่การมองทางกฎหมาย และอาจเป็นการด่วนสรุปที่ไม่เป็นธรรม แม้ผู้เขียนจะมีความเชื่อว่าคณะคุณสุวิทย์และตัวแทนฝ่ายไทยทุกท่านย่อมยึดประโยชน์ชาติเป็นใหญ่ แต่ผู้เขียนก็มิอาจแสดงความเห็นได้ เพียงแต่เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการตัดสินใจและชี้แจงให้ประชาชนทราบโดยเร็วที่สำคัญ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post (http://bit.ly/llkquo) รายงานว่าการตัดสินใจของคุณสุวิทย์นั้น โดยหลักเป็นเพราะคุณสุวิทย์และผู้แทนกรมศิลปากรไม่สบายใจกับถ้อยคำในร่างมติ แต่กระทรวงการต่างประเทศไทยกับไม่ติดใจถ้อยคำดังกล่าว (“Mr Suwit and Fine Arts Department representatives disapproved of the wording, while the Foreign Ministry was happy with it”)ผู้เขียนไม่ทราบว่าข่าวนี้จริงเท็จและมีรายละเอียดเช่นใด แต่หากนักการทูตและนักกฎหมายระหว่างประเทศชั้นนำของไทยไม่มีปัญหากับร่างมติจริง ประชาชนก็สมควรได้รับคำอธิบายอย่างชัดเจนทุกแง่มุม (เท่าที่จะไม่เสียรูปคดี) อาทิ - ถ้อยคำในร่างมติดังกล่าวมีนัยอย่างไรในมุมมองของแต่ละหน่วยงาน?- ปัจจุบันไทยยังคงมีสถานะเป็นภาคีหรือไม่ และไทยเคยตั้งข้อสงวนเรื่องการถอนตัวหรือไม่? - ไทยยังใช้สิทธิผ่านกรรมการของไทยในที่ประชุมมรดกโลกได้หรือไม่?- หากที่ประชุมมีท่าทีเปลี่ยนไปแล้วไทยจะเปลี่ยนใจยับยั้งการถอนตัวได้หรือไม่?- แม้การถอนตัวจะไม่กระทบต่อสถานะมรดกโลกในไทย แต่หากถอนตัวไปแล้ว ไทยจะยังคงดูแลอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา สุโขทัย บ้านเชียง ทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง และผืนป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวไทยผู้ดูแลมรดกของชาวโลกหรือไม่? อนาคตของว่าที่มรดกโลกอื่นในไทยจะเป็นอย่างไร?- ไทยได้เสียเรื่องอื่นอย่างไร เช่น เงินอุดหนุนที่ไทยต้องจ่าย (ซึ่งอนุสัญญามรดกโลกฯ ข้อ 35 บอกว่าไทยยังต้องจ่ายต่ออีก 12 เดือน) เงินสนับสนุนที่ไทยได้รับเกี่ยวกับมรดกโลก หรือ ผลกระทบต่อความร่วมมือด้านการศึกษาและวัฒนธรรมกับ UNESCO? สุดท้าย สำหรับประชาชนคนไทยที่ห่วงใยสถานการณ์บริเวณปราสาทพระวิหาร โปรดอย่าเชื่อนักข่าวหรือคารมใครโดยง่าย แต่โปรดนำนโยบายและผลงานที่ผ่านมาของพรรคการเมืองเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารไปพิจารณาประกอบว่า นักการเมืองคนใดจากพรรคใด จะนำสันติภาพและความเจริญรุ่งเรื่องมาสู่ประเทศไทยอย่างแท้จริง http://www.komchadluek.net/webdemo/content/home/detail/20110627/101539/ไทยถอนตัวมรดกโลกแล้วจริงหรือ.html
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2512 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 19:16:08 » |
|
ว่ากันไป หรือจะให้ลงคะแนนเลือกกันใหม่ ??ปูดคลิปกาบัตรนอกคูหาว่อนเน็ต!เผยคลิป 'กาบัตรนอกคูหา' ว่อนเน็ต อ้าง เป็นภาพในวันเลือกตั้งล่วงหน้า เขตพญาไท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เผยแพร่คลิปวิดีโอ จากผู้ที่ใช้ชื่อว่า prainn2011 ผ่าน 'ยูทูป' โดยใช้ชื่อคลิปดังกล่าวว่า "กาบัตรนอกคูหาได้ด้วยหรือ! งง!" มีความยาวทั้งสิ้น 1 นาที 46 วินาที ซึ่งอ้างว่า เป็นคลิปที่ถ่ายในวันที่ 26 มิ.ย.54 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า โดยมีการบรรยายเนื้อหาว่า เป็นการกาบัตรเลือกตั้งนอกคูหา ในเขตพญาไท โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยรู้เห็น ช่วยพับและนำบัตรเลือกตั้งใส่หีบบัตร ซึ่งอาจจะเป็นการกระทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง
ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นชาย 3 คน กำลังยืนล้อมชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกสีขาว ขณะที่มีชายใส่ชุดเจ้าหน้าที่ คล้ายให้คำแนะนำในการลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อคนที่นั่งกาบัตรเสร็จ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ก็ได้ดึงบัตรเลือกตั้งสีเขียวและสีชมพู ออกจากมือเพื่อพับ และเดินเข้าไปในหน่วยเลือกตั้งอนึ่ง กฎหมายเลือกตั้ง มีบทบัญญัติระบุไว้ว่า "การถ่ายภาพบัตรเลือกตั้ง ที่ได้ลงคะแนนเลือกตั้งไว้แล้ว หรือ แสดงบัตรเลือกตั้งที่ได้ลงคะแนนเลือกตั้งไว้แล้ว ให้ผู้อื่นทราบถึงการลงคะแนน เป็นความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คลิปดังกล่าว มีการเผยแพร่ในเฟสบุ๊ค "ศูนย์เฝ้าระวังการโกงเลือกตั้ง54" ซึ่งมีผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันพอสมควรhttp://www.komchadluek.net/webdemo/content/home/detail/20110627/101544/ปูดคลิปกาบัตรนอกคูหาว่อนเน็ต!.html
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2513 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2554, 19:36:26 » |
|
ขณะที่น้ำท่วมเชียงราย แพร่ น่าน ตาก อยู่ในขณะนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ ต้องระวัง เพราะน้ำป่ากำลังไหลลงไป รวมทั้งจังหวัดที่แม่น้ำน่านไหลผ่านทั้งหมดด้วยประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และคลื่นลมแรง" ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2554 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศลาว และ ตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง และในช่วงที่ผ่านมาได้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออก จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย นครนายก จันทบุรี และตราด ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก 1-2 วัน สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้ไว้ด้วย
ประกาศ ณ วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ออกประกาศ เวลา 16.00 น.
สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #2514 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2554, 00:35:29 » |
|
พี่เหยง, ฝนตกทางเหนือ--เจียงหม่าย--แต่เช้า หยุดแป็บพอให้คนออกไปทานข้าวเที่ยง ตกอีกรอบตอนบ่าย.. หนิงถามแหล่งข่าวจากทางเหนือ "เค้าไม่รองน้ำฝนไว้ใช้หน้าแล้งเหรอพี่?" ได้รับคำตอบ"เขาดีใจที่น้ำไหลลงใต้" "ใต้ไหน?"หนิงหูผึ่ง..ด้วยสงขลา-ภูเก็ตบ้านหนิง เท่าไหร่ก็ลงทะเลหมด! ได้ความมาว่า "ลงนครสวรรค์ อุทัย สิงห์บุรี.." อ๊ากกกกกกก ระวังนะพี่! น้ำมาค่ะน้ำมา
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2515 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2554, 12:36:32 » |
|
NN
วันนี้ พ่อค้าในพื้นที่แจ้ง่วา จังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์เสียหายมาก น้ำจากเขากำลังไหลบ่าลงแม่น้ำน่าน และล่องลงไปเรื่อยๆ จะลงเขื่อนสิริกิติ์ครับ น้ำส่วนที่มาจากเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา จะลงเขื่อนภูมิพล ส่วนที่อำเภอแม่สอด แม่ระมาด น้ำลงไหลลงแม่น้ำเมยไป
อำเภอวังเจ้า กำแพงเพชร น้ำบ่าลงมาจากเขา ลงแม่น้ำปิง ผ่านนครสวรรค์ไปเขื่อนชัยนาท ก็คงต้องระวังน้ำส่วนนี้
อย่างไรก็ดี นครสวรรค์ ชื่อก็บอกไว้แล้วว่าเป็นสวรรค์ คือดีกว่าที่อื่น ถ้าโดนก็คงไม่น่าหนักหนามากนักครับ ?? พี่กำลังเตรียมตัวครับ ตอนนี้กำลังทะยอยขายของในโกดังออก
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2516 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2554, 12:55:53 » |
|
ข่าวจังหวัดน่านเพิ่มเติมผู้ว่าฯน่านประกาศเขตภัยพิบัติทั้ง จว.เขตเมืองหนักสุด-ชาวบ้านเครียดจัด27 มิถุนายน 2554 16:43 น. น่าน - ผู้ว่าฯน่าน ประกาศเขตภัยพิบัติทั้งจังหวัด 15 อำเภอแล้ว หลังเจอน้ำท่วมอ่วมทุกพื้นที่ เผย เขตเทศบาลเมืองน่านหนักสุด จมบาดาลเต็มพื้นที่ รถเล็กผ่านเข้าออกไม่ได้ทุกเส้นทาง ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเครียดจัด ใช้หนังสติ๊กยิงรถผ่านหน้าบ้านแล้ว หลังทำน้ำทะลักเข้าบ้านเพิ่ม ส่วนระดับน้ำน่าน จุดวัด N46 ทะลุ 11.69 เมตรแล้ว “มาร์ค” ลงพื้นที่พรุ่งนี้ (28 มิ.ย.) รายงานข่าวจากจังหวัดน่าน แจ้งถึงสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดจนถึงขณะนี้ (16.30 น.) ยังวิกฤตต่อเนื่องและขยายวงกว้าง โดยน้ำได้เข้าท่วมกระจายไปทั้ง 15 อำเภอ หนักสุดที่ อ.เมือง, ภูเพียง, ท่าว่าผา, ปัว และ เวียงสา รวมพื้นที่ได้น้ำท่วมรวม 75 ตำบล 675 หมู่บ้าน โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองน่าน ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุด น้ำท่วมร้านค้า โรงแรม สร้างความเสียหายจำนวนมาก เนื่องจากระดับน้ำขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง จนร้านค้าหลายรายไม่สามารถขนย้ายข้าวของและสินค้าหนีออกได้ทันต้องปลิ่ยให้จมน้ำ นอกจากนี้ ประชาชนที่บ้านน้ำท่วมยังเริ่มเกิดอาการเครียด ใช้ก้อนหิน และหนังสติ๊กยิงใส่กระจกรถยนต์ที่ขับผ่านหน้าบ้านด้วยความเร็วแล้วทำน้ำซัดเข้าใส่บ้าน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ ขณะที่ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ประกาศให้จังหวัดน่าน ทั้ง 15 อำเภอเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อเร่งระดมทั้งกำลังและงบประมาณจัดหาอาหาร น้ำดื่ม ของใช้จำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ด้าน นางช่อผกา จิตตเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน พร้อมด้วยนายกเทศบาลตำบลดู่ใต้ ต้องนั่งเรือท้องแบนนำถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม เข้าช่วยเหลือชาวบ้านกว่า 158 หลังคาเรือน รวม 600 กว่าคน ที่ติดอยู่ในหมู่บ้านดอนมูล ม.13 ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน ที่ถูกน้ำท่วมในหมู่บ้าน ระดับน้ำสูงกว่า 3 เมตร ถูกตัดกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ขณะที่อีกหลายหน่วยงาน ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อบจ.น่าน เทศบาลเมืองน่าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการทุกภาคส่วน ระดมสรรพกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (27 มิ.ย.) นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางเข้าตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อนำรายงานนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดน่านในวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย.) นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้รายงานข้อมูล สถานการณ์ และการแก้ปัญหาของจังหวัดน่าน ที่ห้องวอร์รูม ศาลากลางจังหวัด สำหรับสถานการณ์น้ำล่าสุดขณะนี้ ระดับน้ำยังทรงตัว โดยเมื่อเวลา 15.00 น.วัดระดับน้ำที่ N64 บ้านผาขวางวัดได้ 11.69 เมตร และที่จุดวัด N1 กาดแลง ริมแม่น้ำน่านวัดได้ 8.25 เมตร และต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำฝนต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ซึ่งหากวันนี้ฝนหยุดตกสถานการณ์ก็จะค่อยๆเข้าสู่ภาวะปกติ จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000078468
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #2517 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2554, 13:38:17 » |
|
...ท่านผู้ว่าน่านและคุณนายทำงานหนักอีกแล้วค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Dtoy16
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424
|
|
« ตอบ #2518 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2554, 21:26:27 » |
|
เดี๋ยวเราจะไปเยียมเพื่อนต้องหาอะไรติดไม้ติดมือไปช่วยผู้ประสพภัยน้ำท่วมหรือเปล่านี่ ก็ขอให้จังหวัดน่านและจังหวัดใกล้เคียงปลอดภัยดีกว่า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #2519 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2554, 21:53:06 » |
|
คราวนี้...หนิงจำได้แม่น! สงสัยเตร็ดเตร่ห้อง 16มาก จำท่านผู้ว่า-คุณนายผู้ว่าได้คะพี่ๆ ได้ยินข่าวน้ำบ่าน่านเมื่อคืนห้าทุ่มเศษ ไม่ทราบจวนผู้ว่าฯน้ำล้นด้วยรึปล่าว ชักเป็นห่วงค่ะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2520 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2554, 14:14:10 » |
|
ตามข่าวน้ำท่วม และไปดูพื้นที่บางส่วนที่น้ำท่วม เลยหายหน้าไปจากเว็ปซะ 1 วันเต็ม
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2521 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2554, 14:17:16 » |
|
ปกติจวนเก่ามักจะสร้างแบบยกพื้นสูงทุกแห่ง เว้นแต่จะต่อเติมชั้นล่างไว้ใช้งาน แต่ที่จังหวัดน่านไม่ทราบข้อมูลครับ ปี 2549 น้ำท่วมจังหวัดน่านสูงที่สุด
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2522 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2554, 15:15:28 » |
|
ภาคการค้า บอกว่า ต้นข้าวโพดที่จังหวัดน่านเสียหายไปกว่า 1 แสนไร่ ไม่รวมนาข้าว จังหวัดน่านปลูกข้าวโพดและจะเก็บเกี่ยวก่อนฝนใหญ่จะมาในเดือนสิงหาคมของทุกปี ปีนี้ฝนมาเร็วกว่ากำหนด 1 เดือน โดยต้นข้าวโพดมีอายุประมาณ 90 วันเศษแล้ว เหลิืออีกเพียง 15 วันก็จะหักฝักได้แล้ว น้ำพัดพาต้นข้าวโพดในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำน่านไปเป็นจำนวนมาก เสียหายเกือบหมด พร้อมๆกับสะพานและถนนขาดหายจุด เพราะน้ำไหลลงมาจากเขา เร็วและรุนแรง
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2524 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2554, 15:23:26 » |
|
ค่าไถ ค่าเมล็ดพันธุ์ข้าวหรือต้นกล้า ค่าปักดำ ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าหอยเชอรี่ ฯลฯ หมดไปกับน้ำชั่วข้ามคืน
|
|
|
|
|