|
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 10:28:57 » |
|
เย้!! ในที่สุดพี่วนิชย์ก็มาเปิดเผยความลับแล้ว โหลดทิ้งไว้ก่อนครับ สอบเสร็จตอนเย็นจะกลับมาอ่าน ลุ้นๆๆ
|
|
|
|
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 10:31:00 » |
|
แหง่วโหลดลงเครื่องไม่ได้ เอิ้กๆๆ สำเนียงเพิ้นเว้าดีอีหลีเลยครับพี่
|
|
|
|
ภาณุ ปาตานี
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 11:41:49 » |
|
น่าสนใจครับพี่วณิชย์
แต่ถ้าจะให้ดีช่วยสรุปย่อๆ ที่คุณ Choi แกพูดถึงก็ดีครับ
|
|
|
|
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 16:36:47 » |
|
เขานำเสนอได้เยี่ยมมากเลย อย่างกะกำลังดูหนัง เสียงชัดแจ๋ว ภาพชัดมาก
|
|
|
|
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 16:40:09 » |
|
ขออนุญาติ อ่านก่อนนะครับ
|
ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
|
|
|
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 16:47:41 » |
|
เธอสวยสู้เจ๊หะยี ของพวกเราได้มั้ย?
|
|
|
|
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 16:50:08 » |
|
ไม่กล้าตอบ กลัวหัวแตกครับพี่วณิชย์
|
ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
|
|
|
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์
รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 18:18:00 » |
|
ตอบให้ก็ได้ .. ไข่นุ้ยเจตน์ ..
หากอายุเท่ากัน รับรองว่าเจ๊ฉ่อย (Choi) แกต้องหลบให้หะยีแบบตกถนนไปเล้ยย แต่นี่ .. อาศัยว่า she อ่อนเยาว์กว่า เราจึงพ่ายไปเพราะสังขารและริ้วรอย ..
ฮ่า ฮ่า ..
|
.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
|
|
|
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์
รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 18:19:08 » |
|
พี่วณิชย์คะ .. หะยีอยู่ NY มาหลายปี ไม่เคยได้ให้ความสนใจเรื่องเหล่านี้เลย ขอบคุณที่ช่วยมาเสริมความรู้ให้นะคะ ..
หายโง่ไปอีกหนึ่งเรื่องนะเรา ..
|
.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
|
|
|
ภาณุ ปาตานี
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553, 02:14:49 » |
|
|
|
|
|
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553, 21:34:46 » |
|
เรียน พี่วณิชย์ 16 ่ขอ copy รูป ชุดนี้ ได้หรือไม่คะ ขอบพระคุณค่ะ
|
|
|
|
TAE2540
Full Member
ไม่มีคำว่าสายเสียแล้ว สำหรับความรักที่แท้จริง
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2540
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 507
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553, 21:51:54 » |
|
เพิ่งได้เปิดหูเปิดตากับเรื่องราวที่พี่วณิชย์นำมาให้อ่าน
ดีจังเลยครับ ห้องนี้วิชาการดีจริง / จัง
ผมเห็นคลองแสนแสบ ก็มีท่อ อะไรซักอย่าง โผล่กลางคลอง คิดว่าเป็นตอนกำลังสร้าง คาดว่าจะทำบ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าครับ
ไม่รู้ว่าผลาญงบไปเยอะแค่ไหน (คิดแง่ร้ายจัง) สุดท้ายก็ยังไม่เอาจริงเอาจังอยู่ดีครับ ทำไงดี ชาตินี้จะได้เห็นคลองแสนแสบที่มีเด็กๆ กระโดดเล่นน้ำได้อย่างสบายอุราหรือเปล่า
|
|
|
|
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 10:05:11 » |
|
เรียน น้อง BU_MEE
เนื้อหาสาระ รูปภาพ ทุกอย่างที่เอามาให้เพื่อนชาวซีมะโด่ง ได้ดูกัน วัตถุประสงค์ ก็คือเพื่อเผยแพร่ให้ทุกคนได้ทราบ ที่นี้ เป็นแห่งแรก ที่เอามาโพสท์ จะทำได้ดีกว่าที่ นสพ. ทั่วๆไป สามารถที่จะชมวิดีโอ จาก youtube ได้ด้วย
น้อง BU_MEE สามารถที่จะเอาไปเผยแพร่ต่อไปได้เลยครับ ไม่หวงเลยครับ โดยเฉพาะใครที่ทำงานอยู่ที่ กทม. กระทรวงวิทยาศาศตร์ กรมควบคุมมลพิษ เอาลิงค์ส่งไปให้ผู้บริหารดูได้เลย หน่วยงานเหล่านี้ ควรจะที่จะเปิดหูเปิดตา เพื่อหาแนวทางแก้ไข เรื่องน้ำเสีย ที่ทิ้งลงในลำคลอง ลงในแม่น้ำได้แล้ว
ยังมีอีก 2 ตอนครับ ที่จะเอามาลง ขอเวลา 1-2 วัน กำลังรวบรวมข้อมูล ที่เคาท์ตี้หนึ่ง ใกล้ๆนครลอสแองเจลิส สามารถที่จะบำบัดนำเสียจากบ้านเรือน-ธุรกิจ ให้สะอาดเป็นน้ำดื่มได้เลย ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ส่งคนมาดูงาน เพื่อเอาไปทำเป็นแบบอย่าง ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยี่ กรองน้ำทะเล ให้เป็นน้ำดื่ม ทำได้ดีและไปไกลมากแล้ว แต่เมืองไทยเรา ยังมีแหล่งน้ำจืดอีกมาก ไม่ต้องลงทุนไปไกลขนาดนั้น
โรงกรองน้ำจืด จากน้ำเค็ม desalination plant มีจำนวน 13,080 แห่งทั่วโลก ผลิตได้ 12,000 ล้านแกลลอน/วัน โรงกรองน้ำทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ UAE ผลิตได้ปีละ 300 ล้าน ลบ.ม./ปี
เมืองไทย ขอแค่กำจัดน้ำเสีย อย่าให้เป็นมลพิษก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะทำให้ก้าวหน้าไปกว่านั้น เอากลับมาใช้ใหม่ได้ ในทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม สนามหญ้า ของสนามกีฬา สนามกอล์ฟ สวนสาธารณะ ฯลฯ
|
|
|
|
Pae
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 11:46:06 » |
|
ผมเคยได้ยินว่า การไฟฟ้านครหลวง เขาสร้างอุโมงค์ เพื่อเดินสายไฟตามแนวคลองครับ ไม่แน่ใจว่า มีโครงการบำบัดน้ำเสียอีกโครงการนึงรึเปล่า
|
|
|
|
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 12:10:22 » |
|
ขอบพระคุณค่ะ ก๊อปไปเรื่อย ๆ แล้วนะคะ
|
|
|
|
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 16:51:09 » |
|
ระบบการกำจัดน้ำเสียของนครลอสแองเจลิส ขอบคุณพี่ๆน้องๆ ชาวซีมะโด่ง ที่ให้ความสนใจมาอ่านเรื่องเครียดๆ ตั้งแค่พี่ปรีชา น้องสน น้องเต้ น้องเป้ น้องหะยี ครูตุ๋ย น้องสมชาย17 น้องสมชาย-เจียม 18 ดร. มนตรี น้องเจี๊ยบ น้องปุ๊กกี้ น้องเจตน์ น้องยา น้องภูมี ฯลฯ เรื่องน้ำเสียในห้วยหนอง-ลำคลอง-แม่น้ำ เป็นเรื่องที่สำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ถ้าพวกเราไม่ให้ความสนใจ ในที่สุด ลำน้ำสาธารณะเหล่านี้ จะกลายเป็นคู-คลองระบายน้ำเสีย และเป็นที่สะสมของสารพิษ แก๊สพิษ จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สัตว์น้ำจืด และรุกรานไปยังสัตว์น้ำทะเล และยังจะมีผลต่อพืช และการดำรงชีวิตของมนุษย์ ก็คือคนไทย พี่น้องลูกหลานเรานี้เอง ถ้าคนในรุ่นนี้ ขาดวิสัยทัศน์ ขาดจิตสำนึก หรือจะรอให้เกิดวิกฤติการณ์คนล้มตายเป็นล้านๆ แล้วค่อยมาแก้ปัญหาในวันน้ันหรือ?
เรามีตัวอย่างในต่างประเทศ ที่เขาทำสำเร็จและได้ผลดีมาแล้ว ทำไมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้นักวิทยาศาตร์-วิศวกรดูงาน แล้วนำสิ่งๆดีๆ ไปแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง กทม. กรมควบคุมมลพิษ และ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ กำลังทำอะไรอยู่? Hello, what's hell you are doing?นครลอสแองเจลิส เป็นนครที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางฝั่งตะวันตก ติดมหาสมุทรแปซิฟิค ชื่อ Los Angeles เป็นภาษาสแปนนิช ตรงกับภาษาอังกฤษก็คือ The Angels แปลว่า นางฟ้า ฝรั่งหรือคนไทย ก็จะเรียกสั้นๆง่ายๆ ว่า "แอลเอ" ซึ่งมีพลเมืองราว 3.8 ล้านคน ขนาดพื้นที่ 1290.6 ตร.กม.
ชื่อเสียงของนครลอสแองเจลิส ก็คือ ภาพยนตร์ ดนตรี เพราะแอลเอตั้งอยู่ริมทะเล อากาศที่อบอุ่นเมืองอื่นๆ มีแสงแดดเกือบทั้งปี ฝนก็ไม่ค่อยตก จึงเป็นแหล่งของการสร้างและถ่ายทำภาพยนตร์ ฮอลลีวูดคือสัญญลักษณ์ของภาพยนตร์ ดารานักแสดง จึงอาศัยอยู่ในแถบนี้ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ การตัดต่อภาพยนตร์ ดนตรี การบันทึกเสียง จึงอยู่ในฮอลลีวูด เช่น Capitol Records รูปตึก จึงเป็นลักษณะคล้ายแผ่นเสียง ดังภาพ แอลเอ ยังเป็นศูนย์กลางด้านการค้านานาชาติ ธุรกิจ แฟชั่น การศึกษา การกีฬา ฯลฯ
|
|
|
|
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 17:00:59 » |
|
แต่ผมเคยเห็นครับพี่ ในวันที่ไปเยี่ยมแม่ครับ เห็นเด็กโดดเ่ล่นน้ำคลองแสนแสบ เห็นแล้วสยองแทนครับ อารมณ์เด็กๆเนอะ ยังไม่ประสีประสา สงสารจัง
|
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 21:45:42 » |
|
เห็นด้วยกับพี่สมชาย 17 นะครับ มลภาวะกับเมืองใหญ่ๆ เป็นของคู่กัน จากบทเรียนเรื่องมลภาวะทางน้ำของกทม.ในยุคนั้น ทำให้เรามองไปยังเมืองอื่นๆในประเทศไทย ...
หนึ่งในนั้นก็คือ ภูเก็ต "ไข่มุกอันดามัน" ของเรา จะเล่าให้ฟังในอันดับต่อไปนะครับ
ย้อนกลับมาที่ปัญหาคลองแสนแสบ ...
ในยุคแรกๆที่เราเข้าไปบริหารจัดการในนิคมอุตสาหกรรม ตามสัญญาสัมปทาน จะบริหาร
1. ระบบบำบัดน้ำเสีย
2.ระบบผลิตน้ำประปา
3.ระบบระบายน้ำป้องกันน้ำท่วม
4.การบำรุงรักษาพื้นที่
สิ่งหนึ่งที่เราทำเชิงป้องกันคือ ใช้หลัก Polluter-pays principle "บุคคลที่ก่อให้เกิดภาวะมลพิษต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย" มีเสนอขออนุมัติและได้รับการอนุมัติสำหรับการคิดสูตรค่าใช้จ่ายจากค่าพารามิเตอร์ เช่น BOD COD ฯลฯ โดยเรียกเก็บจากโรงงาน ยิ่งโรงงานปล่อยค่าพารามิเตอร์ที่เป็นสาเหตุทำให้น้ำเสียสูง ก็เสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ถ้าโรงงานมีระบบ Pre Treatment ก่อนปล่อยน้ำเสียเข้าสู่ระบบ ก็จะทำให้ค่าพารามิเตอร์อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเรียกเก็บต่ำ เป็นต้น
จากภาพ 3 ใน 4 คือ ชาวจุฬาฯ กับงานด้านสิ่งแวดล้อม ในงานวันสิ่งแวดล้อมโลก ประมาณปี 97
ท่านแรก รศ.ดร. หรรษา สงวนน้อย รองประธานที่ปรึกษาผู้ว่ากทม. (ดร.พิจิตต รัตตกุล) ท่านที่สอง ดร. สราวุธ ชโยวรรณ รองผู้ว่าการ การนิคมฯ
งานด้านนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่จะผลักดันให้งานสำเร็จ
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 21:46:22 » |
|
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 21:47:46 » |
|
มีบางโรงงานที่ลักลอบปล่อยน้ำเสียลงรางระบายน้ำฝน ... เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการบำบัดน้ำเสีย แต่ก็ไม่ยากในการที่เราจะตรวจพบ และมีบทกำหนดโทษสำหรับโรงงานที่กระทำการลักลอบไม่ปล่อยน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัด จากประเด็นการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงรางระบายน้ำฝนโดยตรง (Direct Discharge) เป็นประเด็นที่เทียบเคียงได้กับสาเหตุหลักของการเน่าเสียของ คลองแสนแสบ ถ้าเป็นโรงงานในนิคมเราตรวจสอบ และมีบทกำหนดโทษที่ชัดเจน ควบคุมได้ แต่ถ้าเป็นกรณีคลองแสนแสบ หากมีการ Direct Discharge จะควบคุมอย่างไร??เคยมีการศึกษาว่าปริมาณน้ำเสียที่เกิดจากอุตสาหกรรมมีเพียง 15-20% ของน้ำเสียทั้งหมดในประเทศเราเท่านั้น ส่วนที่เหลือมาจากไหนเล่า ถ้าไม่ใช่น้ำทิ้งจากเราๆ ท่านๆ นั่นเอง แต่ในอดีตก็เป็นน้ำเสียที่ทิ้งกระจัดกระจาย หรือที่เรียกว่า Non Point Source นั่นเอง ในยุคนั้นจึงเกิดแนวคิดที่จะรวบรวมน้ำเสียจากบ้านเรือน เข้าสู่กระบวนการบำบัด (Water Treatment Plant หรือ โรงควบคุมคุณภาพน้ำ) และเช่นกัน กทม.ได้มีความพยายามที่จะใช้หลักการ Polluter-pays principle ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น โดยคิดค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำเสียจากประชาชนโดยตรง โดยคำนวณเป็นสัดส่วนจากมิเตอร์น้ำประปา แต่ในที่สุดก็ทำได้เพียงการรวบรวมน้ำเสียจากบ้านเรือน เข้าสู่กระบวนการบำบัด แต่ไม่สามารถใช้หลักการ Polluter-pays principle โดยรัฐเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการบำบัดเอง และปล่อยน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่นแม่น้ำ ต่อไป (ดังภาพ) คลองแสนแสบจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี คลองแสนแสบ (Khlong Saen Saep) เป็นคลองที่ขุดขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เพื่อเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกงเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2380 ซึ่งนับได้กว่าหนึ่งร้อยหกสิบปีมาแล้ว ด้วยพระราชประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งอาวุธยุทธภัณฑ์ กำลังรบ และเสบียงอาหารไปยังญวน (เวียดนาม) ในราชการสงครามไทย-ญวน ซึ่งใช้เวลารบนานถึง 14 ปี และมีชื่อเรียกว่า "สงครามอันนัมสยามยุทธ" คลองแสนแสบเป็นเส้นทางโดยสารที่นิยมเพราะสะดวกรวดเร็ว และเป็นเส้นทางเรือโดยสารคลองแสนแสบ แต่ปัจจุบันมีปัญหามลภาวะในน้ำ ส่งกลิ่นเหม็น เนื่องจากมีการทำลายสิ่งแวดล้อมและทิ้งขยะลงในแม่น้ำ ที่มาของชื่อ ว่ากันว่าชื่อคลองที่เรียกว่า "แสนแสบ" นั้นเพราะยุงชุม โดยมีหลักฐานจากบันทึกการเดินทางของนักสำรวจชาวอังกฤษชื่อนาย ดี.โอ. คิง ความว่า "...คลองนี้ยาวถึง 55 ไมล์ เชื่อมนครกรุงเทพฯ กับแม่น้ำบางปะกง บริเวณที่ราบชนบท... คนพื้นเมืองเป็นคนเชื้อสายมาเลย์... ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ก็ตาม มือข้างหนึ่งจะต้องใช้ปัดยุงเสมอ ..." ------------- http://www.trf.or.th/research/abstract.asp?PROJECTID=RDG4540031การศึกษาเรื่องการศึกษากับการสร้างจิตสำนึก : กรณีคลองแสนแสบ มีที่มาจากการที่นักวิจัยได้ร่วมงานพัฒนากับชมรมรวมใจภักดิ์รักษ์ต้นไม้ แม่น้ำลำคลองและสิ่งแวดล้อม โดยมี ดร.โกวิท วรพิพัฒน์เป็นประธานชมรมในช่วงแรก เริ่มงานตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 ณ คลองแสนแสบย่านมีนบุรีและหนองจอกที่มีปัญหาหลักคือผักตบชวาแน่นเต็มคลองและมีการทิ้งของเสียลงคลองการรณรงค์ต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์จากคลองมากขึ้นทั้งในด้านการอุปโภคและการสัญจร อย่างไรก็ตามพบว่าชาวบ้านยังมีพฤติกรรมทิ้งของเสียลงคลองและเมื่อหน้าฝนน้ำจะชะล้างผืนนาที่มีสารพิษจากยากำจัดศัตรูพืชลงคลองทำให้ระบบนิเวศน์ในคลองเสียไป ดังนั้นหากไม่มีการสร้างจิตสำนึกใดๆคลองแสนแสบบริเวณรอบนอกที่ยังมีสภาพดีอยู่คงจะเสียในไม่ช้า หากมีการใช้เป็นบทเรียนแก่แหล่งน้ำอื่นที่ยังสามารถรักษาไว้ไม่ให้เน่าเสียจนยากจะเยียวยาเหมือนกรุงเทพฯชั้นในน่าจะมีประโยชน์ไม่น้อย กล่าวได้ว่าความสำเร็จของชมรมฯที่ผ่านมาเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง ได้แก่ นโยบายภาครัฐต่อการรักษาแหล่งน้ำทั่วประเทศซึ่งเป็นมิติด้านกว้าง แต่ในมิติด้านลึกคือเรื่องของการสร้างจิตสำนึกให้รักษาแหล่งน้ำในที่นี้คือคลองแสนแสบยังมีไม่เพียงพอ ซึ่งในงานวิจัยครั้งนี้สามารถเติมเต็มในส่วนที่ขาด ด้วยการสร้างจิตสำนึกในการรักษาคลองแสนแสบให้เยาวชนและชาวบ้านผ่านการศึกษาที่เกิดขึ้นในชุมชนริมคลองแสนแสบ
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 22:06:23 » |
|
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 22:07:20 » |
|
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553, 22:09:07 » |
|
|
|
|
|
|