23 พฤศจิกายน 2567, 01:26:29
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน  (อ่าน 328446 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #775 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555, 09:18:29 »





นีคือ กะป๋องแกสน้ำตาของตำรวจ ที่ร้าย คือ หมดอายุแล้ว...ไม่ดีได้ใจจริงตำรวจไทย ใจวรนุช

ได้เวลาแฉผลงานความสารเลวของรัฐตำรวจละ...ขี้เรื้อนเผด็จการ แต่สะเออะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาหุุ้ม..คิดเหรอว่าจะไม่มีใครเห็น...กินภาษีประชาชนแต่กลับรับใช้ทรราช...ตำรวจดีๆขอละไว้ในฐานที่เข้าใจนะเจ้าคะ...เราไม่เหมาเข่งคร๊า มีวุฒิภาวะพอ..

Thailand Political Watchdog (TPW) ศูนย์ติดตามข่าวสารการเมืองและปกป้องสถาบัน

หลักฐานที่ตำรวจทำร้ายประชาชน / จากสถานที่เกิดเหตุ — กับ ประโยชน์ อะไรกับคำสัญญา
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #776 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555, 09:20:07 »



ระบายอารมณ์ หวังจะเป็นจริงซักวัน
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #777 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555, 09:25:32 »

เกลียดตำรวจของไทย

ศอรส.แถลง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการรักษาแนวป้องกันเท่านั้น!!! ไม่ได้ใช้ความรุนแรง

เชื่อมันหน่อยนะฮะ

เสร็จจากการชุมนุมในวันนี้ มีข้อเสนอถึง นายกฯ ให้ส่งเจ้าหน้าที่ ที่เข้ามาปฏิบัติการในครั้งนี้ทั้งหมด
 ลงไปดูแลความสงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เผื่อภาคใต้ของเราจะได้เกิดความสงบขึ้นมาบ้าง




      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #778 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555, 21:14:30 »


    ควันหลง เสธอ้าย ยุติการชุมนุม เมื่อวานนี้

..มีหลายๆกลุ่ม หลายๆฝ่าย ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน ..เพื่อหาสาเหตุ ปัจจัย ที่ทำให้ เสธอ้าย ด่วนถอดใจ และ ประกาศยุติการชุม นุม หรือ ยอมแพ้ เอาง่ายๆ ทั้งๆที่เหตุการณ์มันกำลังตึงเครียด และ กำลังทำท่าจะบานปลาย และ น่าจะกลายเป็นจลาจล หาก เสธอ้าย ตัดสินใจ ให้ผู้ชุมนุมอยู่ชุมนุมกันต่อไป..

    หากเป็นแกนนำคนเสื้อแดง เห็นอารมณ์ของมวลชนแบบนี้ เจอตำรวจทำรุนแรงแบบนี้ พวกเขาจะเข้าไปใช้ให้เป็นประโยชน์ทันที เพื่อสร้างศพผู้คนบริสุทธิ์ เพื่อไปเอาผิดกับรัฐบาล จริงๆไม่ใช่เฉพาะแกนนำเสื้อแดงหรอก แกนนำมวลชนภาคประชาชนอื่นๆ ที่ปลุกระดมมวลชน ปลุกพลังมวลชนมาได้มากขนาดนี้ ..

    หากพวกเขาคิดจะทำให้สถานการณ์เกิดความรุนแรง จนเกิดมีความสูญเสีย เกิดมีการบาดเจ็บ ล้มตาย ของผู้คนบริสุทธิ์มากมาย เพื่อจะได้นำไปใช้ในการเล่นงาน รัฐบาล พวกเขาก็สามารถทำได้สบายมาก ..

    เราจะเห็นได้จากคนเสื้อแดง มาไม่กี่พันคน หรือ อยู่ป่วนถนนไม่กี่พันคน มันก็สามารถสร้างสถานการณ์จลาจล รุนแรง จนเกิดความวุ่นวายได้ ..นับประสาอะไร กับ ม็อบองค์การพิทักษ์สยามของ เสธอ้าย ที่มีมาเป็นแสนๆคนเมื่อวานนี้ ...

    หากจะใช้ความรุนแรง ผมว่า ..เช้านี้ ยิ่งลักษณ์ ไม่น่าจะอยู่เมืองไทยแล้วล่ะ !!..

    หากเสธอ้ายต้องการจะสร้างสถานการณ์วุ่นวาย เพื่อเอาชนะรัฐบาล เสธอ้ายทำได้ง่ายนิดเดียว ..

    โดยไม่จำเป็นต้องมารอ หรือ ขอเจรจา อะไรกับตำรวจตรวจขี้หมา ให้มันเปิดทางให้หรอก !!..

    จัดดาวกระจาย..บุกด้านนั้น ด้านนี้ แบบรุนแรง เหมือนที่ม็อบคนเสื้อแดงมันชอบทำกันนั้น ไม่ช้าไม่นาน แถวตำรวจที่ตั้งด่านสกัดม็อบนั้นมันก็แตก มันก็กระเจิงกันไปเอง ..แต่เสธอ้ายไม่ทำ เพราะ เสธอ้าย ไม่ตั้งใจจะมาทำถึงขั้นนั้น !!..

    หากเมื่อวานตำรวจไม่มาปิดถนน ..เชื่อว่า .. ทีเด็ด ของ เสธอ้าย ..คงจะได้ผล เมื่อม็อบขยายวง ขยายแถว ขยายท้ายแถว ไปล้อมสถานที่สำคัญๆในบริเวณนั้นได้หมด และ หากไม่โดนสกัดกั้นจากตำรวจ ภาพม็อบเรือนแสนของเสธอ้าย ก็น่าจะไปสร้างแรงกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้มากจนตัดสินใจทำอะไรผิดพลาดได้เช่นกัน ..

    แต่ก็นั่นแหละ ..อย่างที่บอก เสธอ้าย ไม่ได้ตั้งใจจะพาคนไปตาย เพื่อชัยชนะของตัวเองขนาดนั้น เสธอ้าย ตั้งแต่เริ่มแรกก่อตั้งกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามขึ้นมาแล้ว ก็เพื่อที่จะปลุกกระแสปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมา เพื่อจะสร้างภาคประชาชนที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาเต็มรูปแบบ ไม่อิงแอบพรรคการเมือง เพื่อที่จะสร้างกระแสต่อต้านระบอบทักษิณ และ ต่อต้านขบวนการล้มเจ้าที่มีทักษิณชักใย ให้เป็นรูปร่างพลังมวลชน ที่เข้มแข็ง กลุ่มใหม่ขึ้นมา ..

    เนื่องจากว่าที่ผ่านมา ประชาชนไม่ค่อยจะตื่นตัว และ รวมตัวกันได้สักเท่าไหร่ ? ในเรื่องของการ ออกมาปกป้องสถาบันฯ หลายๆคน หนักไปทางกล่าวหากันว่า ชอบดึงฟ้าลงต่ำ ชอบนำสถาบันฯมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง อะไรประมาณนี้มากกว่า !!..

    ในขณะที่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบันฯ อาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ ต่างๆนานา จากกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง จากกลุ่ม ส.ส.นักการเมือง พรรคเพื่อไทย บางกลุ่มบางคน และ จากปากคำ พฤติกรรม ของ ทักษิณ ที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของขบวนการ ..ที่ผ่านมา ไม่ค่อยจะมีใครกล้าที่จะ นำมาเปิดเผย หรือ บอกต่อ มันทำให้ชาวบ้าน หรือ ประชาชนทั่วไป เข้าไม่ถึงข้อเท็จจริงของเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ ...

    พอมีใครไปว่า ทักษิณ คิดล้มเจ้า พอมีใครไปว่า ทักษิณ และ คนเสื้อแดง คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ..

    ก็จะโดนกลุ่มเชลียร์คนรวย เชลียร์ไพร่ โวยวายกล่าวหาว่า ไปกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ป้ายสี ทักษิณ !!..

    ดังนั้น เรื่องพวกนี้เรื่องขบวนการล้มเจ้านี้ มันจึงมองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง อยู่เฉพาะผู้คนภายในกลุ่มเล็กๆไม่มากที่เข้ามาหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต การที่ เสธอ้าย เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง เอาตัวเองขึ้นไปอาสาเปิดคลิปเสียง ของ ขบวนการล้มเจ้า ที่มีทักษิณ เป็นตัวการใหญ่ เพื่อเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ผ่านทางสื่อดาวเทียม และ เวทีสาธารณะ แบบนี้ ..

    มันจึงเป็นอะไรที่ ฝ่ายทักษิณ และ คนเสื้อแดง ก็คาดไม่ถึงว่า .. เสธอ้าย จะกล้า !!..

    สังเกตได้จาก ..ผ่านมา 1 วัน ฝ่ายทักษิณ ยังไม่มีใครออกมาแก้ตัวให้ทักษิณเลยในเรื่องนี้ และ แม้ เฉลิม รองนายกฯ และ ภราดร เลขาฯ สมช. จะบอกว่า จะไปดูคลิป และ จะเอาผิด เสธอ้าย ผมว่านั่นก็คือ แผนของ เสธอ้าย ที่ต้องการให้ รัฐบาล ฟ้องเสธอ้าย เพราะคู่กรณีทั้งหมดที่อยู่ในคลิปนั้น ..มันเกี่ยวข้องกับ ทักษิณ เจ้าของรัฐบาลโคลนนิ่งยิ่งลักษณ์ ด้วยกันทั้งนั้น ..ยิ่งเรื่องนี้เป็นข่าว ทักษิณ และ สมุน ก็มีแต่เสียกับเสีย !!..

    จริงๆเรื่องนี้สร้างความสะดุ้งโหยงไปหาพวกแกนนำคนเสื้อแดงด้วย เมื่อวาน ธิดาแดง เมียเหวง ถึงได้ส่ง โฆษก นปช. ออกมาแก้ตัว และ อ้างว่าพวกตนนั้น มีความจงรักภักดี อย่าเหมารวมกล่าวร้ายคนเสื้อแดง ให้มองเป็นรายๆไป ใครผิดก็ว่าไปตามผิดเฉพาะบุคคล ..นอกจากก็มี อภิวันท์ รองฯโรมานอฟ ปากดี เมื่อวานรีบแก้ตัวพัลวัน ทั้งๆที่หลักฐานมัดปากมันแน่นขนาดนั้น ซึ่งมันสะท้อนให้เห็น อาการทุรนทุรายของคนพวกนี้ได้ดี..

    เนื่องจากว่า.. เมื่อวานนี้ทั้งวัน คนไทยทั่วประเทศ และ ทั่วโลก ต่างติดตามข่าวสาร การชุมนุมของ ม็อบองค์การพิทักษ์สยาม ของ เสธอ้าย ด้วยใจจดจ่อด้วยกันทั้งนั้น เพราะเสธอ้ายบอกว่าจะไล่ม้วนเดียวจบ 2 วัน และ ทีเด็ด หมัดเด็ด เอาไว้น็อครัฐบาลด้วย..

    แม้ว่า เสธอ้าย จะน็อครัฐบาลไม่ได้ และ ใครบางคนก็มองว่า เสธอ้าย โดนรัฐบาลน็อค จนพ่ายแพ้ไปนั้น ดูๆไปมันไม่น่าจะใช่ตามที่เราคิด เราเห็นกันแล้วล่ะ เพราะชัยชนะ มันมีหลายรูปแบบ และ ชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันก็ไม่น่าจะมาจากการ ..บุกตีชิงเอาแบบง่ายๆ เพราะเราอาจจะชนะ อาจจะได้ค่าย อาจจะได้เมือง แต่เราจะไม่ได้ใจคน !!..

    ตอนนี้หลายๆคนถามไถ่หาแต่คลิปเสียงที่ เสธอ้าย เอาขึ้นไปเปิด ตอนนี้มันกลายเป็นกระแสความอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ความจริงของสังคมส่วนใหญ่ขึ้นมาแล้ว คนที่มาร่วมม็อบก็จะกลับไปบอกกันปากต่อปาก คนที่ดูทีวีดาวเทียมทางบ้านก็สื่อสารกันปากต่อปาก และ ประณามการกระทำของทักษิณ ..

    ซึ่งมันจะไปสร้างความลำบากใจให้กับ ทักษิณ กับ เหล่าสมุนขบวนการล้มเจ้า และ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ น้องรักทักษิณ ในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน เพราะมันสะท้อนให้เห็นความเป็นคนโกหกหลอกลวงของคนพวกนี้ ..

    ที่ผ่านมาคนพวกนี้พยายามบอกว่า พวกตนนั้นมีความจงรักภักดี ไม่เคยหมิ่นสถาบันฯ แต่โดนฝ่ายตรงข้าม ดึงฟ้าลงต่ำ อ้างสถาบันฯ เพื่อกล่าวร้ายป้ายสี โดยเฉพาะทักษิณ ตัวการใหญ่ที่ คิดล้มเจ้า คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่ผ่านมา ทักษิณ มันพยายามจะเลี้ยงกระแส เลี้ยงการปลุกระดม และ เลี้ยงแนวคิดแผนการเลวๆของมัน เอาไว้เฉพาะ..กลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น !!..

    เฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง ..ที่ร่วมชุมนุม ร่วมทำกิจกรรมกันมาเท่านั้น ที่จะเข้าใจในเรื่องราวที่คนพวกนี้สื่อสารออกไป ที่คนอย่างทักษิณ อภิวันท์ ใจล์ ก่อแก้ว จตุพร และ ชูพงศ์ สื่อสารออกไป ..(จริงๆมีคนอื่นๆอีกเพียบ) ..

    ส่วนพวกเหยื่อทักษิณ กลุ่มพลังเงียบ ราษฎร เบอร์ 1 ที่เลือกยิ่งลักษณ์เข้ามาเป็นรัฐบาล พวกที่สนับสนุนการเลือกตั้ง สนับสนุนนายทุนคนรวยมาเป็นรัฐบาล พวกชาวบ้านทั่วไป ที่เขายังเข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ต เข้าไม่ถึงข้อมูลพวกนี้ มันไม่มีใครรู้เรื่องของขบวนการล้มเจ้า ขบวนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่ทักษิณ และ สมุนทาสบริวาร วางแผนการใหญ่เอาไว้กันหรอก ..

    ชาวบ้านทั่วไป ..วันๆข่าวสารบ้านเมืองแทบจะไม่ได้ดู หนังสือแทบไม่อ่าน การเมืองแทบไม่เข้าหู ดังนั้นจะให้คนพวกนี้รู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยว ขบวนการล้มเจ้านี้ มันก็ต้องอาศัยกระแสตื่นตัวไปกระชากแบบแรงๆ เหตุการณ์ สถานการณ์ ที่เป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ ..เหมือน 1 ล้านเสียง ล้มรัฐบาลเนี่ยแหละ ..

    ที่จะมาดึง..ผู้คนทั่วบ้านทั่วเมือง ให้หันกลับมา หรือ ให้หันมาให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้ เพื่อที่จะ รู้เท่าทันขบวนการล้มเจ้า และ ตั้งกลุ่มภาคประชาชนกลุ่มใหญ่กลุ่มใหม่ ..ขึ้นมาขัดขวาง แต่เนิ่นๆ เพราะยังไงเสียในอนาคตการเผชิญหน้า ระหว่าง กลุ่มคนเสื้อแดงล้มเจ้า กลุ่มรักทักษิณ กับ กลุ่มประชาชนที่ปกป้องสถาบันฯ กลุ่มต่อต้านทักษิณ .. หนีการเผชิญหน้ากันไม่พ้นแน่ๆ !!..

    ดังนั้น .. ชัยชนะของเสธอ้าย เมื่อวานนี้ จึงไม่น่าจะอยู่ที่เป้าหมาย เอามวลชนไปไล่รัฐบาลจนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประกาศลาออก หรือ เกิดการปฏิวัติประชาชนอะไรขึ้นมาได้ .. เพราะหลายๆฝ่ายก็ทำนายกันไว้หมดแล้วว่า ม็อบเสธอ้าย ยังไงก็ไม่จบ ยังไงก็ไม่ชนะรัฐบาล และ ปลุกทหารออกมาปฏิวัติไม่ได้ แต่ที่ยิ่งลักษณ์จะไป และ จะต้องกระเด็นกระดอน ตาม ทักษิณ ออกไปนอกประเทศ มันน่าจะเป็นกลุ่มมวลมหาประชาชน กลุ่มอื่นๆเข้ามารวมกลุ่มใหม่ .. ที่มีการวมพลังกันมากกว่านี้ ที่จะออกมาขับไล่ยิ่งลักษณ์ออกไปในอนาคตมากกว่า !!..

    อย่างน้อยๆ .. เสธอ้าย ก็ชนะในศึกหนนี้ไปแล้วตามเป้าหมาย แม้หลายๆคนอาจจะอยากให้มันจบแรงๆ แต่มันไม่จบแรงๆตามที่ตั้งใจ ก็อาจจะต่อว่า เสธอ้าย ว่าไร้ประสบการณ์ ไร้การบริหารจัดการม็อบที่ดี ขาดการ์ดอาสา ขาดอะไรต่อมิอะไร ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันก็อาจจะมีส่วน แต่มันคงไม่ใช่ทั้งหมด ..

    ลองคิดดูว่า .. ตั้งแต่ 28 ตุลาคม 2555 ที่สนามม้านางเลิ้ง มาถึง 24 พฤศจิกายน 2555 ที่ลานพระบรมรูป มวลชน และ แนวร่วมของเสธอ้าย ผุดขึ้นมายังกับดอกเห็ด ระยะเวลาเดือนเศษๆ สร้างมวลชน เพิ่มขึ้นมาได้มากมาย หลายเท่าตัว ทุกอย่างเกิดจากการรวมตัวและบอกต่อ และ ขอความร่วมมือ ..

    หากเมื่อวาน ม็อบองค์การพิทักษ์สยาม ไม่โดนตำรวจสกัดกั้น เชื่อว่าจะมีประชาชนหลั่งไหลจากทั่วประเทศเข้ามาร่วมแสดงพลังกับเสธอ้ายมากมายล้นหลาม เป็นแสนๆแน่ๆ..แต่แค่นี้ก็ดีล่ะ.. เพราะว่า ..

    1. เสธอ้าย เอาทักษิณ และ กลุ่มสมุนส่วนหนึ่ง มาประจาน และ สะท้อนให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เห็นถึงขบวนการล้มเจ้า และ ขบวนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่มีอยู่จริง ไม่ใช่เรื่องของการกล่าวหา หรือ กลั่นแกล้งกัน ..

    2. เสธอ้าย ใช้วิธีสันติอหิงสา และ รักษาสิทธิ เสรีภาพ ตามกฎหมายด้วยความอดทน อดกลั้น จนเกิดภาพมวลชนที่ดีในสายตาชาวโลก ในขณะที่รัฐบาลกลับเกิดภาพที่แย่ ที่เสื่อม จากผลงาน และ การกระทำอันโหดร้าย ของ ตำรวจ ทีกระทำรุนแรงกับประชาชน ที่รัฐบาลสั่งกีดกัน สกัดกั้นไม่ให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุม เป็นการตอกหน้ารัฐบาลประชาธิปไตยจอมปลอมของยิ่งลักษณ์

    3. เสธอ้าย สร้างมวลชน และ หลอมรวมมวลชนขึ้นมาได้มากมายขนาดนี้ ถือว่า จุดเทียนติดแล้ว แค่รอ แกนนำคนสำคัญ ที่เรียกความศรัทธาจากผู้คนได้ และ จากกลุ่มอื่นๆได้ มาสานต่อ

    แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วล่ะ ..สำหรับ ชัยชนะ ของ ผู้นำนักรบ ..ชายชาติทหาร ..

    พูดน้อย ต่อยหนัก ที่ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ กลัวนักกลัวหนา !!..


    วินเซนต์ 25 พฤศจิกายน 255
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #779 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555, 21:41:34 »

"พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา" รอง ผบ.ตร. ยอมรับ คลิปรถตำรวจบรรทุกแก้สน้ำตากระป๋องสีเขียวนี้ http://goo.gl/nihE3 เป็นภาพจริง และตำรวจใช้แก้สน้ำตาแบบนี้จริง

โดยพล.ต.อ.วรพงษ์ ยอมรับว่าตำรวจใช้แก้สน้ำตาแบบกระป๋องเขียวจริง แต่สื่อสารคลาดเคลื่อนกับโฆษก สตช.พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ทำให้แถลงออกมาเป็นอีกแบบ

เครดิต : นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ @noppatjak

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #780 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555, 22:39:31 »




ถ้าเราคิดว่าเราแพ้..เราก็แพ้ แต่ถ้าเราคิดว่าจะสู้ต่อ..เราก็ยังมีหวัง
 เพจนี้รับสมัครคนไทยหัวใจแกร่ง ยืนหยัดปกป้องสถาบันด้วยกัน
ต่อให้วันพรุ่งนี้ไม่มีองค์การพิทักษ์สยาม
 เราก็ยังมี " พิทักษ์จักรีวงศ์ " ให้ปกป้องตลอดไป

http://www.youtube.com/watch?v=Cx7W8HygTOA

หากชีวิตคือการดิ้นรน คนหนึ่งคนต้องเดินก้าวไป
ให้เรารู้เส้นทางแห่งใจ แล้วก็ไปให้ถึงที่นั่น

เพราะชีวิตคือการต่อสู้ ให้เรียนรู้ด้วยใจตั้งมั่น
เส้นทางไกลแค่ไหนช่างมัน คนช่างฝันเท่านั้นทำได้

ฉันคือหนึ่งคน ที่ทนฟันฝ่า พลังศรัทราคือสิ่งดี
ได้มาเท่ากัน เหมือนกันทุกที่ เตรียมใจที่มีให้มั่นคงเข้าไว้

ขอเพียงแค่ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่จุดหมาย
โปรดจงมั่นใจ ที่ทำลงไปนะถูกแล้ว
อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว
คนแน่แน่วเท่านั้น ผู้ชนะ

หากปัญหาเข้ามาถ่างโถม อย่าไปโหมให้จงผ่อนคลาย
ค่อยๆคิดสบายๆ ปล่อยมันไปตามเรื่องสักวัน
เพราะชีวิตคือการต่อสู้ ให้เรียนรู้ด้วยใจตั้งมั่น
เส้นทางไกลแค่ไหนช่างมัน คนช่างฝันเท่านั้นทำได้

ฉันคือหนึ่งคน ที่ทนฟันฝ่า พลังศรัทราคือสิ่งดี
ได้มาเท่ากัน เหมือนกันทุกที่ เตรียมใจที่มีให้มั่นคงเข้าไว้

Cr.ภาพ ซามูไร หัวใจไทย เทิดไท้องค์ราชันย์
@หงส์แดง พิทักษ์จักรีวงศ์ เทิดทูนองค์ภูมินทร์
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #781 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2555, 00:13:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2555, 21:14:30

   ควันหลง เสธอ้าย ยุติการชุมนุม เมื่อวานนี้

..มีหลายๆกลุ่ม หลายๆฝ่าย ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน ..เพื่อหาสาเหตุ ปัจจัย ที่ทำให้ เสธอ้าย ด่วนถอดใจ และ ประกาศยุติการชุม นุม หรือ ยอมแพ้ เอาง่ายๆ ทั้งๆที่เหตุการณ์มันกำลังตึงเครียด และ กำลังทำท่าจะบานปลาย และ น่าจะกลายเป็นจลาจล หาก เสธอ้าย ตัดสินใจ ให้ผู้ชุมนุมอยู่ชุมนุมกันต่อไป..

    หากเป็นแกนนำคนท่าน เห็นอารมณ์ของมวลชนแบบนี้ เจอตำรวจทำรุนแรงแบบนี้ พวกเขาจะเข้าไปใช้ให้เป็นประโยชน์ทันที เพื่อสร้างศพผู้คนบริสุทธิ์ เพื่อไปเอาผิดกับรัฐบาล จริงๆไม่ใช่เฉพาะแกนนำท่านหรอก แกนนำมวลชนภาคประชาชนอื่นๆ ที่ปลุกระดมมวลชน ปลุกพลังมวลชนมาได้มากขนาดนี้ ..

    หากพวกเขาคิดจะทำให้สถานการณ์เกิดความรุนแรง จนเกิดมีความสูญเสีย เกิดมีการบาดเจ็บ ล้มตาย ของผู้คนบริสุทธิ์มากมาย เพื่อจะได้นำไปใช้ในการเล่นงาน รัฐบาล พวกเขาก็สามารถทำได้สบายมาก ..

    เราจะเห็นได้จากคนท่าน มาไม่กี่พันคน หรือ อยู่ป่วนถนนไม่กี่พันคน มันก็สามารถสร้างสถานการณ์จลาจล รุนแรง จนเกิดความวุ่นวายได้ ..นับประสาอะไร กับ ม็อบองค์การพิทักษ์สยามของ เสธอ้าย ที่มีมาเป็นแสนๆคนเมื่อวานนี้ ...

    หากจะใช้ความรุนแรง ผมว่า ..เช้านี้ ยิ่งลักษณ์ ไม่น่าจะอยู่เมืองไทยแล้วล่ะ !!..

    หากเสธอ้ายต้องการจะสร้างสถานการณ์วุ่นวาย เพื่อเอาชนะรัฐบาล เสธอ้ายทำได้ง่ายนิดเดียว ..

    โดยไม่จำเป็นต้องมารอ หรือ ขอเจรจา อะไรกับตำรวจตรวจขี้หมา ให้มันเปิดทางให้หรอก !!..

    จัดดาวกระจาย..บุกด้านนั้น ด้านนี้ แบบรุนแรง เหมือนที่ม็อบคนท่านมันชอบทำกันนั้น ไม่ช้าไม่นาน แถวตำรวจที่ตั้งด่านสกัดม็อบนั้นมันก็แตก มันก็กระเจิงกันไปเอง ..แต่เสธอ้ายไม่ทำ เพราะ เสธอ้าย ไม่ตั้งใจจะมาทำถึงขั้นนั้น !!..

    หากเมื่อวานตำรวจไม่มาปิดถนน ..เชื่อว่า .. ทีเด็ด ของ เสธอ้าย ..คงจะได้ผล เมื่อม็อบขยายวง ขยายแถว ขยายท้ายแถว ไปล้อมสถานที่สำคัญๆในบริเวณนั้นได้หมด และ หากไม่โดนสกัดกั้นจากตำรวจ ภาพม็อบเรือนแสนของเสธอ้าย ก็น่าจะไปสร้างแรงกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้มากจนตัดสินใจทำอะไรผิดพลาดได้เช่นกัน ..

    แต่ก็นั่นแหละ ..อย่างที่บอก เสธอ้าย ไม่ได้ตั้งใจจะพาคนไปตาย เพื่อชัยชนะของตัวเองขนาดนั้น เสธอ้าย ตั้งแต่เริ่มแรกก่อตั้งกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามขึ้นมาแล้ว ก็เพื่อที่จะปลุกกระแสปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมา เพื่อจะสร้างภาคประชาชนที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาเต็มรูปแบบ ไม่อิงแอบพรรคการเมือง เพื่อที่จะสร้างกระแสต่อต้านระบอบทักษิณ และ ต่อต้านขบวนการล้มเจ้าที่มีทักษิณชักใย ให้เป็นรูปร่างพลังมวลชน ที่เข้มแข็ง กลุ่มใหม่ขึ้นมา ..

    เนื่องจากว่าที่ผ่านมา ประชาชนไม่ค่อยจะตื่นตัว และ รวมตัวกันได้สักเท่าไหร่ ? ในเรื่องของการ ออกมาปกป้องสถาบันฯ หลายๆคน หนักไปทางกล่าวหากันว่า ชอบดึงฟ้าลงต่ำ ชอบนำสถาบันฯมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง อะไรประมาณนี้มากกว่า !!..

    ในขณะที่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบันฯ อาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ ต่างๆนานา จากกลุ่มแกนนำคนท่าน จากกลุ่ม ส.ส.นักการเมือง พรรคเพื่อไทย บางกลุ่มบางคน และ จากปากคำ พฤติกรรม ของ ทักษิณ ที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของขบวนการ ..ที่ผ่านมา ไม่ค่อยจะมีใครกล้าที่จะ นำมาเปิดเผย หรือ บอกต่อ มันทำให้ชาวบ้าน หรือ ประชาชนทั่วไป เข้าไม่ถึงข้อเท็จจริงของเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ ...

    พอมีใครไปว่า ทักษิณ คิดล้มเจ้า พอมีใครไปว่า ทักษิณ และ คนท่าน คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ..

    ก็จะโดนกลุ่มเชลียร์คนรวย เชลียร์ไพร่ โวยวายกล่าวหาว่า ไปกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ป้ายสี ทักษิณ !!..

    ดังนั้น เรื่องพวกนี้เรื่องขบวนการล้มเจ้านี้ มันจึงมองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง อยู่เฉพาะผู้คนภายในกลุ่มเล็กๆไม่มากที่เข้ามาหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต การที่ เสธอ้าย เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง เอาตัวเองขึ้นไปอาสาเปิดคลิปเสียง ของ ขบวนการล้มเจ้า ที่มีทักษิณ เป็นตัวการใหญ่ เพื่อเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ผ่านทางสื่อดาวเทียม และ เวทีสาธารณะ แบบนี้ ..

    มันจึงเป็นอะไรที่ ฝ่ายทักษิณ และ คนท่าน ก็คาดไม่ถึงว่า .. เสธอ้าย จะกล้า !!..

    สังเกตได้จาก ..ผ่านมา 1 วัน ฝ่ายทักษิณ ยังไม่มีใครออกมาแก้ตัวให้ทักษิณเลยในเรื่องนี้ และ แม้ เฉลิม รองนายกฯ และ ภราดร เลขาฯ สมช. จะบอกว่า จะไปดูคลิป และ จะเอาผิด เสธอ้าย ผมว่านั่นก็คือ แผนของ เสธอ้าย ที่ต้องการให้ รัฐบาล ฟ้องเสธอ้าย เพราะคู่กรณีทั้งหมดที่อยู่ในคลิปนั้น ..มันเกี่ยวข้องกับ ทักษิณ เจ้าของรัฐบาลโคลนนิ่งยิ่งลักษณ์ ด้วยกันทั้งนั้น ..ยิ่งเรื่องนี้เป็นข่าว ทักษิณ และ สมุน ก็มีแต่เสียกับเสีย !!..

    จริงๆเรื่องนี้สร้างความสะดุ้งโหยงไปหาพวกแกนนำคนท่านด้วย เมื่อวาน ธิดาแดง เมียเหวง ถึงได้ส่ง โฆษก นปช. ออกมาแก้ตัว และ อ้างว่าพวกตนนั้น มีความจงรักภักดี อย่าเหมารวมกล่าวร้ายคนท่าน ให้มองเป็นรายๆไป ใครผิดก็ว่าไปตามผิดเฉพาะบุคคล ..นอกจากก็มี อภิวันท์ รองฯโรมานอฟ ปากดี เมื่อวานรีบแก้ตัวพัลวัน ทั้งๆที่หลักฐานมัดปากมันแน่นขนาดนั้น ซึ่งมันสะท้อนให้เห็น อาการทุรนทุรายของคนพวกนี้ได้ดี..

    เนื่องจากว่า.. เมื่อวานนี้ทั้งวัน คนไทยทั่วประเทศ และ ทั่วโลก ต่างติดตามข่าวสาร การชุมนุมของ ม็อบองค์การพิทักษ์สยาม ของ เสธอ้าย ด้วยใจจดจ่อด้วยกันทั้งนั้น เพราะเสธอ้ายบอกว่าจะไล่ม้วนเดียวจบ 2 วัน และ ทีเด็ด หมัดเด็ด เอาไว้น็อครัฐบาลด้วย..

    แม้ว่า เสธอ้าย จะน็อครัฐบาลไม่ได้ และ ใครบางคนก็มองว่า เสธอ้าย โดนรัฐบาลน็อค จนพ่ายแพ้ไปนั้น ดูๆไปมันไม่น่าจะใช่ตามที่เราคิด เราเห็นกันแล้วล่ะ เพราะชัยชนะ มันมีหลายรูปแบบ และ ชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันก็ไม่น่าจะมาจากการ ..บุกตีชิงเอาแบบง่ายๆ เพราะเราอาจจะชนะ อาจจะได้ค่าย อาจจะได้เมือง แต่เราจะไม่ได้ใจคน !!..

    ตอนนี้หลายๆคนถามไถ่หาแต่คลิปเสียงที่ เสธอ้าย เอาขึ้นไปเปิด ตอนนี้มันกลายเป็นกระแสความอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ความจริงของสังคมส่วนใหญ่ขึ้นมาแล้ว คนที่มาร่วมม็อบก็จะกลับไปบอกกันปากต่อปาก คนที่ดูทีวีดาวเทียมทางบ้านก็สื่อสารกันปากต่อปาก และ ประณามการกระทำของทักษิณ ..

    ซึ่งมันจะไปสร้างความลำบากใจให้กับ ทักษิณ กับ เหล่าสมุนขบวนการล้มเจ้า และ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ น้องรักทักษิณ ในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน เพราะมันสะท้อนให้เห็นความเป็นคนโกหกหลอกลวงของคนพวกนี้ ..

    ที่ผ่านมาคนพวกนี้พยายามบอกว่า พวกตนนั้นมีความจงรักภักดี ไม่เคยหมิ่นสถาบันฯ แต่โดนฝ่ายตรงข้าม ดึงฟ้าลงต่ำ อ้างสถาบันฯ เพื่อกล่าวร้ายป้ายสี โดยเฉพาะทักษิณ ตัวการใหญ่ที่ คิดล้มเจ้า คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่ผ่านมา ทักษิณ มันพยายามจะเลี้ยงกระแส เลี้ยงการปลุกระดม และ เลี้ยงแนวคิดแผนการไม่ดีๆของมัน เอาไว้เฉพาะ..กลุ่มคนท่านเท่านั้น !!..

    เฉพาะกลุ่มคนท่าน ..ที่ร่วมชุมนุม ร่วมทำกิจกรรมกันมาเท่านั้น ที่จะเข้าใจในเรื่องราวที่คนพวกนี้สื่อสารออกไป ที่คนอย่างทักษิณ อภิวันท์ ใจล์ ก่อแก้ว จตุพร และ ชูพงศ์ สื่อสารออกไป ..(จริงๆมีคนอื่นๆอีกเพียบ) ..

    ส่วนพวกเหยื่อทักษิณ กลุ่มพลังเงียบ ราษฎร เบอร์ 1 ที่เลือกยิ่งลักษณ์เข้ามาเป็นรัฐบาล พวกที่สนับสนุนการเลือกตั้ง สนับสนุนนายทุนคนรวยมาเป็นรัฐบาล พวกชาวบ้านทั่วไป ที่เขายังเข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ต เข้าไม่ถึงข้อมูลพวกนี้ มันไม่มีใครรู้เรื่องของขบวนการล้มเจ้า ขบวนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่ทักษิณ และ สมุนทาสบริวาร วางแผนการใหญ่เอาไว้กันหรอก ..

    ชาวบ้านทั่วไป ..วันๆข่าวสารบ้านเมืองแทบจะไม่ได้ดู หนังสือแทบไม่อ่าน การเมืองแทบไม่เข้าหู ดังนั้นจะให้คนพวกนี้รู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยว ขบวนการล้มเจ้านี้ มันก็ต้องอาศัยกระแสตื่นตัวไปกระชากแบบแรงๆ เหตุการณ์ สถานการณ์ ที่เป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ ..เหมือน 1 ล้านเสียง ล้มรัฐบาลเนี่ยแหละ ..

    ที่จะมาดึง..ผู้คนทั่วบ้านทั่วเมือง ให้หันกลับมา หรือ ให้หันมาให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้ เพื่อที่จะ รู้เท่าทันขบวนการล้มเจ้า และ ตั้งกลุ่มภาคประชาชนกลุ่มใหญ่กลุ่มใหม่ ..ขึ้นมาขัดขวาง แต่เนิ่นๆ เพราะยังไงเสียในอนาคตการเผชิญหน้า ระหว่าง กลุ่มคนท่านล้มเจ้า กลุ่มรักทักษิณ กับ กลุ่มประชาชนที่ปกป้องสถาบันฯ กลุ่มต่อต้านทักษิณ .. หนีการเผชิญหน้ากันไม่พ้นแน่ๆ !!..

    ดังนั้น .. ชัยชนะของเสธอ้าย เมื่อวานนี้ จึงไม่น่าจะอยู่ที่เป้าหมาย เอามวลชนไปไล่รัฐบาลจนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประกาศลาออก หรือ เกิดการปฏิวัติประชาชนอะไรขึ้นมาได้ .. เพราะหลายๆฝ่ายก็ทำนายกันไว้หมดแล้วว่า ม็อบเสธอ้าย ยังไงก็ไม่จบ ยังไงก็ไม่ชนะรัฐบาล และ ปลุกทหารออกมาปฏิวัติไม่ได้ แต่ที่ยิ่งลักษณ์จะไป และ จะต้องกระเด็นกระดอน ตาม ทักษิณ ออกไปนอกประเทศ มันน่าจะเป็นกลุ่มมวลมหาประชาชน กลุ่มอื่นๆเข้ามารวมกลุ่มใหม่ .. ที่มีการวมพลังกันมากกว่านี้ ที่จะออกมาขับไล่ยิ่งลักษณ์ออกไปในอนาคตมากกว่า !!..

    อย่างน้อยๆ .. เสธอ้าย ก็ชนะในศึกหนนี้ไปแล้วตามเป้าหมาย แม้หลายๆคนอาจจะอยากให้มันจบแรงๆ แต่มันไม่จบแรงๆตามที่ตั้งใจ ก็อาจจะต่อว่า เสธอ้าย ว่าไร้ประสบการณ์ ไร้การบริหารจัดการม็อบที่ดี ขาดการ์ดอาสา ขาดอะไรต่อมิอะไร ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันก็อาจจะมีส่วน แต่มันคงไม่ใช่ทั้งหมด ..

    ลองคิดดูว่า .. ตั้งแต่ 28 ตุลาคม 2555 ที่สนามม้านางเลิ้ง มาถึง 24 พฤศจิกายน 2555 ที่ลานพระบรมรูป มวลชน และ แนวร่วมของเสธอ้าย ผุดขึ้นมายังกับดอกเห็ด ระยะเวลาเดือนเศษๆ สร้างมวลชน เพิ่มขึ้นมาได้มากมาย หลายเท่าตัว ทุกอย่างเกิดจากการรวมตัวและบอกต่อ และ ขอความร่วมมือ ..

    หากเมื่อวาน ม็อบองค์การพิทักษ์สยาม ไม่โดนตำรวจสกัดกั้น เชื่อว่าจะมีประชาชนหลั่งไหลจากทั่วประเทศเข้ามาร่วมแสดงพลังกับเสธอ้ายมากมายล้นหลาม เป็นแสนๆแน่ๆ..แต่แค่นี้ก็ดีล่ะ.. เพราะว่า ..

    1. เสธอ้าย เอาทักษิณ และ กลุ่มสมุนส่วนหนึ่ง มาประจาน และ สะท้อนให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เห็นถึงขบวนการล้มเจ้า และ ขบวนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่มีอยู่จริง ไม่ใช่เรื่องของการกล่าวหา หรือ กลั่นแกล้งกัน ..

    2. เสธอ้าย ใช้วิธีสันติอหิงสา และ รักษาสิทธิ เสรีภาพ ตามกฎหมายด้วยความอดทน อดกลั้น จนเกิดภาพมวลชนที่ดีในสายตาชาวโลก ในขณะที่รัฐบาลกลับเกิดภาพที่แย่ ที่เสื่อม จากผลงาน และ การกระทำอันโหดร้าย ของ ตำรวจ ทีกระทำรุนแรงกับประชาชน ที่รัฐบาลสั่งกีดกัน สกัดกั้นไม่ให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุม เป็นการตอกหน้ารัฐบาลประชาธิปไตยจอมปลอมของยิ่งลักษณ์

    3. เสธอ้าย สร้างมวลชน และ หลอมรวมมวลชนขึ้นมาได้มากมายขนาดนี้ ถือว่า จุดเทียนติดแล้ว แค่รอ แกนนำคนสำคัญ ที่เรียกความศรัทธาจากผู้คนได้ และ จากกลุ่มอื่นๆได้ มาสานต่อ

    แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วล่ะ ..สำหรับ ชัยชนะ ของ ผู้นำนักรบ ..ชายชาติทหาร ..

    พูดน้อย ต่อยหนัก ที่ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ กลัวนักกลัวหนา !!..


    วินเซนต์ 25 พฤศจิกายน 255

                     เท็จจริงอย่างไรไม่รู้แต่มีข่าวลือว่าที่เลิกเพราะสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากการไม่มาตามนัดมากกว่าเหตุผลอื่น
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #782 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2555, 10:03:43 »

กี่ตัวที่รุมกัดคนมือเปล่า

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #783 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2555, 14:28:22 »

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #784 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2555, 15:29:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2555, 14:28:22

เราไม่ได้แพ้พ่าย แต่หน่ายพวกเพาะเชื้อ rabies ไว้ในเลือดอ่ะคะ
แค่ล้ม เดี๋ยวเราก็ลุกได้ค่ะ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #785 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2555, 22:56:34 »

โตขึ้น ผมไม่เป็นตำรวจเด็ดขาดครับ....ผมเกลียดตำรวจไทย ใจวรนุช

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #786 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2555, 10:50:41 »

คณบดีนิติฯแจงสี่เบี้ย “ทักษิณ” กินรวบประเทศไทย! ยึดได้ทุกองค์กร-จับตา “ธ.ค.” อุ้ม “แม้ว” กลับบ้าน

   คณบดีคณะนิติศาสตร์นิด้า ระบุ หลังเสธ.อ้ายพ่าย? สั่งยุติการชุมนุม จะเกิดการขับเคลื่อนของ “ระบอบทักษิณ” เพื่อกินรวบประเทศไทย ทั้งการครอบงำ 3 องค์กรหลักด้วยการรุกคืบ “อำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ” และครอบงำ “ทหาร” เชื่อยึดสภากลาโหมได้ทุกอย่างก็จบ พร้อมเดินหน้าคุมพลังงาน-ขายรัฐวิสาหกิจ หมุนเอาเงินอนาคตอุดปัญหาหนี้สาธารณะ ซ้ำยังเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง จับตาธันวาคมนี้พรรคเพื่อไทยดัน พ.ร.บ.ปรองดอง-แก้รัฐธรรมนูญผ่านสภาฯ วิสามัญ มุ่งปลดล็อกอุ้มแม้วกลับบ้าน ด้านฝ่ายความมั่นคงจี้วงการกฎหมายต้องตื่นตัวสร้างบรรทัดฐานประชาธิปไตย อย่าปล่อยให้รัฐเผด็จการเข้ามาปกครองได้
       
       “นับแต่นี้ต่อไป ให้ถือว่า เสธ.อ้าย ได้ตายไปแล้ว”
       
       คำกล่าวบนเวทีครั้งสุดท้ายของ “เสธ.อ้าย” พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม ยังก้องสะท้อนในใจของผู้ไปร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมๆ กับความคับข้องใจว่าประชาชนไม่มีสิทธิแม้แต่ที่จะแสดงออกถึงความคิดทางกระบวนการทางประชาธิปไตยของรัฐบาลที่ประกาศเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยตลอดเวลาอย่างพรรคเพื่อไทย ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำตัวจริง ได้เลยหรือ สิ่งที่เห็นมีแต่ความเป็นเผด็จการ ใช้ความรุนแรงเพื่อขัดขวางกระบวนการแสดงออกทางประชาธิปไตยด้วยซ้ำ
       
       และทันทีที่เสธ.อ้าย ประกาศยุติการชุมนุม จึงเกิดคำถามตามมาว่า “ระบอบทักษิณ” ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครหยุดยั้งได้จริงหรือไม่?โดยเฉพาะพลังของภาคประชาชนถึงยุคอ่อนแอจริงหรือไม่ และอะไรจะเกิดขึ้นกับสังคมไทยจากนี้ไป ซึ่งทีม Special Scoop มีคำตอบ!
       
       ระบอบทักษิณเตรียมกินรวบประเทศไทย
       
       “ม็อบเสธ.อ้ายครั้งนี้สะท้อนให้ประชาชนเห็นว่าอำนาจของรัฐบาลมีความเข้มแข็งมาก แต่เป็นการเข้มแข็งในลักษณะเผด็จการซึ่งน่ากลัว”
       
       ศ.ดร.บรรเจิด สิงคเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าว และวิเคราะห์ว่า ม็อบของเสธ.อ้ายที่ต้องยุติการชุมนุมไป ทำให้เห็นภาพของการวางแผนมาดีของฝ่ายรัฐ แต่ฝ่ายรัฐไม่ได้ถือว่าชนะ เนื่องจากม็อบครั้งนี้มีประเด็นอ่อนไหวที่คนไทยรับไม่ได้ ดังนั้นในแง่ของสังคมไทย เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ยังไม่จบ
       
       อีกทั้งสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้ายังปล่อยให้ระบอบทักษิณเดินหน้าต่อไป และจะเกิดความเสียหายอย่างมาก
       
       โดยคีย์เวิร์ดของ “ระบอบทักษิณ” คือ การเข้ามาสู่ภาคการเมืองของระบบทุนนิยมเบ็ดเสร็จผ่านระบบพรรคการเมือง โดยจะยังมีการใช้พรรคการเมืองและระบบการแจกเงินรากหญ้าในโครงการประชานิยมเพื่อชนะการเลือกตั้งและก้าวเข้าสู่การคุมอำนาจรัฐในระบอบประชาธิปไตย
       
       “ระบอบนี้ไม่ได้นำเงินแค่ให้รากหญ้าหรือให้คนจน แต่จริงๆ แล้วมีการแฝงเพื่อนำเงินงบประมาณมาให้พรรคพวก สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มตัวเองในการคุมอำนาจทางการเมืองแบบเบ็ดเสร็จในทุกระดับด้วย”

 สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อระบอบทักษิณคุมอำนาจรัฐได้ สิ่งต่อมาที่ระบอบนี้จะทำ เมื่อดูจากความพยายามตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ 1 ทักษิณ 2 คือการคุมอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการอย่างเบ็ดเสร็จ
       
       ดัน พ.ร.บ.ปรองดอง-แก้ รธน.เข้าสภา
       
       
       ดังนั้น หากประเมินความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อการคุมอำนาจหลักของประเทศแบบเบ็ดเสร็จ คือการผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการผลักดันในเดือนธันวาคมนี้ โดยใช้วิธีการเปิดประชุมสภาวิสามัญฯ
       
       “พ.ร.บ.ปรองดอง จะเป็นการปลดล็อกตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมาประเทศไทยได้และดำเนินการอะไรที่ต้องการได้ ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีเป้าหมายที่จะให้สภาฯ สามารถแต่งตั้ง ส.ว. องค์กรอิสระและองค์กรศาลได้ ซึ่งเป็นการครอบงำอำนาจฝ่ายตุลาการเบ็ดเสร็จ”
       
       ตรงนี้คือสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้เกิดขึ้นอย่างที่สุด!
       
       ศ.ดร.บรรเจิดกล่าวต่อว่า ขณะนี้วงการกฎหมายมีการพูดคุยกันและทราบว่าฝ่ายการเมืองมีความพยายามอย่างมากที่จะครอบงำในส่วนนี้ ทั้งในภาพรวมและส่วนบุคคล กล่าวคือ ใครที่หมดวาระการดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือศาล ก็มีความพยายามที่จะเจาะเป็นรายคน หรือส่งคนของตัวเองเข้าไปให้ได้ ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญถ้าทำสำเร็จก็จะถือว่าครอบงำได้ทั้งหมด
       
       “ฝ่ายการเมืองพยายามเข้าไปวุ่นวายที่ศาลปกครองอย่างมาก ซึ่งมีข่าวว่าประธานศาลปกครองไม่แฮปปี้เลย ในส่วนของศาลยุติธรรม สิ่งที่ฝ่ายนี้ต้องการมากคือต้องการเข้าไปครอบศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ”
       
       ส่วนภาคข้าราชการ ขณะนี้ก็มีการเข้ามาแทรกแซงหมดแล้ว รวมถึงในวงการตำรวจด้วย ซึ่งเห็นภาพได้ชัด ส่วนทหาร แม้ว่าภาพจะออกมาว่าเป็นคนละกลุ่ม แต่ก็มีการใช้อำนาจทางการเมืองเข้ามาต่อรองอย่างมากโดยเฉพาะประเด็นการดำเนินคดีกับทหารในช่วง พ.ค. 53 ซึ่งทำให้รัฐบาลกับทหารยังอยู่ในลักษณะความสัมพันธ์แบบประนีประนอม แต่ก็ใช่ว่าในแวดวงทหารจะไม่มีจุดอ่อนให้ฝ่ายการเมืองเจาะเข้าไป
       
       “ถ้าครอบสภาฯ กลาโหมได้เมื่อไร เมื่อนั้นจะถึงจุดเปลี่ยนของทหาร โดยสภาฯ กลาโหม จะประกอบด้วยผู้นำเหล่าทัพ รวมกับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหมรวม 7 คน และรู้มาว่าฝ่ายการเมืองสามารถเข้าไปได้แล้วบางส่วน แต่ยังครอบงำไม่ได้ทั้งหมด ตรงนี้ถ้าครอบงำได้หมดก็เป็นจุดเปลี่ยนของทหารที่สำคัญมาก และโอกาสจะเป็นอย่างนั้นก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี ปัจจุบันฝ่ายการเมืองต้องการที่จะรุกคืบเข้ามาทุกด้าน จึงเดินหน้าทุกทางเพื่อเข้าครอบงำทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก”
       
       ตรงนี้แหละที่ระบอบทักษิณจะเกิดแทนระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่จะเหลือเพียงแต่ชื่อ แต่รูปแบบได้เปลี่ยนไปเพราะถูกฝ่ายการเมืองกลืนทั้งหมด และประเทศไทยจะกลายเป็นระบอบทุนนิยมเผด็จการตามความพยายามของกลุ่มการเมือง
       
       ถึงเวลานั้นประเทศไทยจะเป็นแบบไหน?
   ขายรัฐวิสาหกิจ-ปั่นเงินหมุนอุดหนี้สาธารณะ
       
       ศ.ดร.บรรเจิดกล่าวว่า ประเทศไทยจะมีการผันเงินเข้าพวกพ้องฝ่ายการเมืองกันอย่างหนัก และอีกส่วนหนึ่งภาษีของประชาชนจะถูกนำมาใช้เพื่อการหาเสียง โดยไม่สนใจเรื่องหนี้สาธารณะของประเทศ เพราะคนในระบอบนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และทายาททางการเมือง ซึ่งเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความสามารถในการหมุนเอาเงินอนาคตมาใช้ได้ดี ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ จะมีการขายรัฐวิสาหกิจเกิดขึ้นกันอย่างมาก และจะมีการกู้เงินกันมากกว่าทุกวันนี้
       
       “สิ่งที่มีแนวโน้มเห็นได้ชัดว่ากลุ่มการเมืองฝ่ายรัฐบาลต้องการมาก 2 ส่วนคือ ส่วนของการควบคุมทรัพยากรด้านพลังงานและผลประโยชน์ และอีกส่วนคือการพยายามหารายได้จากระบบเงินที่เรียกว่า Paper Trade หรือเงินที่ไม่ได้ก่อให้เกิดการลงทุนจริง และไม่ได้ทำให้เกิดผลิตผล”
       
       โดยรัฐบาลจะทำประเทศไทยให้เหมือนประเทศสิงคโปร์ เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมการเงิน แต่ไม่ได้เกิดผลผลิตจริง
       
       “ท้ายที่สุดระบบนี้จะเกิดขึ้นอยู่ 2 ส่วนคือ เงินที่ได้มาจากอุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรมการเงินจะไปกระจุกตัวอยู่กับครอบครัวและเครือข่ายทางการเมืองของรัฐบาลเผด็จการทุนนิยมเท่านั้น ต่อไปทุนต่างชาติจะเข้ามาสูบทรัพยากรของไทยจนหมด การเข้าถึงทรัพยากรของไทยจะถูกกันจนไม่สามารถเข้าถึงได้เลย ฐานเกษตรกรรมของไทย หรือแม้กระทั่ง SMEs จะล่มสลายหมด ชุมชนก็จะไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้”
       
       เขาเรียกว่าระบบกินรวบ!
       
       “ดูอย่างพม่า จะเห็นได้ชัดว่าทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ให้ความสนใจที่จะไปได้ประโยชน์จากทรัพยากรของพม่ากันอย่างมาก ประเด็นก็คือไม่ใช่ว่าใครจะเป็นคนครอบครองทรัพยากรธรรมชาตินั้นๆ แต่ใครกันที่เข้าถึงและได้ประโยชน์ ซึ่งบอกได้ว่าไม่ใช่ส่วนของประชาชนที่จะได้ประโยชน์จากส่วนนี้เลย”
       
       ดังนั้นจึงมองว่า ระบอบทักษิณนี้เป็นระบอบที่น่ากลัว และเป็นอันตรายต่อประเทศชาติอย่างมาก และจุดที่จะทำให้ระบอบทักษิณเติบโตได้มากที่สุดคือ พ.ร.บ.ปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความพยายามอย่างมากจากฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณในเวลานี้
       
       “มั่นคง” เชื่อประชาชน-นักกฎหมายต้องออกโรง
       เช่นเดียวกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคง ที่เป็นห่วงว่าระบอบทักษิณกำลังจะกินรวบประเทศไทย โดยกล่าวว่า
       
       ระบอบทักษิณนั้นชัดเจนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่ามีรูปแบบเป็นเผด็จการ มีความต้องการให้ฝ่ายการเมืองครอบงำได้ทั้งหมด ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ
       
       คำถามคือวันนี้ใครยังเป็นคนของประชาชน?
       
       แหล่งข่าวด้านความมั่นคงวิเคราะห์ว่า หลักการคานอำนาจในระบอบประชาธิปไตยไทยนั้น จะมีฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ขณะนี้ระบอบทักษิณได้เข้าครอบงำฝ่ายบริหารจากการชนะเลือกตั้งและความที่มี ส.ส.จำนวนมาก รวมกับมีคะแนนสนับสนุนจากฝ่าย ส.ว.เกินครึ่ง จึงคุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ ไว้ได้เบ็ดเสร็จในฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ฝ่ายตุลาการที่ยังเชื่อว่าระบอบทักษิณยังไม่สามารถเข้าครอบงำในจุดสูงสุดได้ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง แต่ในศาลยุติธรรมยังมีปัญหาใหญ่ที่ฝ่ายการเมืองรุกคืบเข้ามามาก
       
       “เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ในระบบยุติธรรมโดยเฉพาะระบบศาลยุติธรรม จะต้องมีขั้นตอนของการสืบสวนโดยตำรวจหรือดีเอสไอ ก่อนส่งต่อมายังอัยการสูงสุด และเข้าระบบศาล ตอนนี้ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เขาควบคุมตำรวจ ดีเอสไอ และอัยการได้แล้ว ถ้าตำรวจทำหลักฐานอ่อน ถึงขั้นอัยการก็ส่งไม่ฟ้องก็ได้ ตรงนี้ศาลเองก็อาจใช้อำนาจไม่ได้เต็มที่”
       
       ดังนั้น หากจะหยุดยั้งระบอบทักษิณ จึงเหลือเพียงแต่การขับเคลื่อนของภาคประชาชนที่จะมีพลังที่สุด แม้จะยังเกิดขึ้นไม่ได้
       
       “ถ้ามองในแง่ของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามเรียกว่าเสียเปรียบ ขณะเดียวกันฝ่ายได้เปรียบคือฝ่ายรัฐบาลที่กดดันม็อบได้อย่างเด็ดขาด เมื่อ เสธ.อ้ายประกาศยอมแพ้ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นภาพไม่สวยนัก แต่จริงๆ แล้วผู้ชุมนุมแม้จะโกรธในช่วงแรก แต่พอสักพักจะเข้าใจว่าผู้นำมีหน้าที่ต้องรักษาชีวิตผู้ชุมนุมไว้ก่อน เพราะคาดแล้วว่ากลางคืนจะมีการสร้างสถานการณ์ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไปขว้างระเบิด ซึ่งจะเกิดความชอบธรรมในการให้ตำรวจมาสลายม็อบได้ จึงจำเป็นต้องหยุดการชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียชีวิต” แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุ
       
       นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า แม้ครั้งนี้รัฐบาลจะชนะการศึก แต่ยังไม่เรียกว่าชนะสงคราม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะฝ่ายตำรวจซึ่งมีท่าทีแข็งกร้าวใส่ผู้ชุมนุม ประกอบกับการที่รัฐบาลใช้วิธีการปิดกั้นการแสดงออกด้านประชาธิปไตย จึงมองว่า การจัดการชุมนุมครั้งนี้ของ เสธ.อ้าย แม้จะจุดไฟไม่ติด แต่ก็ได้เพาะเชื้อไว้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
       
       “การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เดิมคนรู้แต่ยังไม่ค่อยกระจายไปมากนัก แต่ตอนนี้กระจายไปได้มาก ก็เป็นโจทย์ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต้องตอบ ขณะเดียวกันนายกฯ ก็อึดอัดใจเพราะไม่กล้าตอบ ตรงนี้จะเป็นประเด็นที่ไม่มีวันตายไปจากสังคมไทย”

 “รัฐตำรวจเผด็จการ”?
       
       อีกโจทย์ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะต้องตอบให้ได้คือ รัฐบาลใช้อำนาจรัฐเกินกว่ากฎหมายหรือไม่ ถ้าใช่ก็ถือว่าในขณะนี้รัฐบาลกำลังปกครองในรูปแบบที่เรียกว่า “รัฐตำรวจเผด็จการ”
       
       “คำถามคือเส้นแบ่งระหว่างเสรีภาพการชุมนุมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 63 ที่บังคับใช้กฎหมายอยู่ตรงไหน กับการที่รัฐพยายามอ้างว่ารัฐต้องใช้กฎหมายควบคุมฝูงชนตามกฎหมายความมั่นคงภายใน ซึ่งมีการใช้วิธีการทั้งสกัดกั้นผู้ชุมนุม ข่มขู่คุกคาม มีการใช้ตะปูเรือใบ ตั้งด่านตรวจปัสสาวะ เพื่อทำทุกอย่างไม่ให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมได้ เป็นการละเมิดสิทธิประชาชนหรือไม่”
       
       อีกประการหนึ่ง รัฐบาลยังมีท่าทีที่ขัดต่อการละเมิดสิทธิสื่อมวลชน ในการจับตัวช่างภาพที่ถ่ายรูปสถานการณ์การชุมนุมไป ทั้งๆ ที่ก็เป็นเหตุการณ์ปกติ เป็นการทำอาชีพสื่อมวลชนตามปกติ แต่รัฐบาลกลับปิดกั้นการทำหน้าที่สื่อมวลชนหรือไม่
       
       การต่อต้านระบอบทักษิณให้ได้ จึงอยู่ที่การขับเคลื่อนของวงการกฎหมายที่ต้องออกมาแสดงบทบาทว่าการใช้กฎหมายที่ขัดกันอยู่นี้ อะไรที่ผิดหลักประชาธิปไตยกันแน่
       
       ทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่วงการกฎหมายไทยไม่ควรจะอยู่เฉย แต่ต้องหาคำตอบในเรื่องนี้เพื่อให้ความรู้แก่สังคม ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าการที่รัฐบาลใช้ความเป็นเผด็จการเข้ามาปกครองนั้นเป็นสิ่งที่นักกฎหมายยอมรับได้ และเป็นสิ่งถูกต้อง
       
       “ถ้ายังปล่อยให้เป็นรัฐตำรวจเผด็จการต่อไป ก็จะมีการใช้อำนาจที่มากเกินกว่ากฎหมายกำหนดต่อไปอีก แล้วเสรีภาพภาคประชาชนจะอยู่ที่ไหน ตรงนี้เชื่อว่าภาคประชาชนจะไม่ยอม และกลายเป็นเชื้อที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ เพื่อต่อต้านรัฐบาลต่อไป”
       
       ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ฝ่ายกฎหมายต้องออกมาแสดงให้เห็นพลังของกลุ่มนักกฎหมายด้วยว่าอันไหนเป็นการทำลายความเป็นประชาธิปไตย และต้องสร้างความกระจ่างให้สังคมเพื่อเป็นบรรทัดฐานแบบประชาธิปไตยที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย

     พธม.ฮึ่ม ค้าน พ.ร.บ.ปรองดอง-แก้ รธน.เตรียมเคลื่อน
       
       ด้าน ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เผยท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า หากมีการผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ เมื่อไร กลุ่มพันธมิตรฯ ก็พร้อมที่จะออกมาขับเคลื่อนมวลชนเพื่อคัดค้าน เพราะเป็นเงื่อนไขการชุมนุมที่พันธมิตรฯ ได้ประกาศไว้แล้วว่า ถ้ามีเรื่องพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะออกมาชุมนุมโดยทันที
       
       อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคงต้องคิดหนักที่จะทำเรื่องนี้ เพราะเขารู้ว่าเป็นเงื่อนไขที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องออกมาชุมนุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ว่าจะอย่างไร พันธมิตรฯ ต้องทำทุกทางเพื่อหยุดยั้ง พ.ร.บ.ปรองดองให้ได้ หากรัฐบาลคิดว่าต้องการให้เกิดความขัดแย้ง หรือคิดว่าจะสามารถหยุดความขัดแย้งได้ ก็ต้องเผชิญหน้ากับตรงนั้น แต่คาดว่า การผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติอาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะในฝ่ายคนเสื้อแดงเองที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ก็มีไม่น้อย เช่น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เช่นเดียวกัน
       
       นอกจากนั้นในเรื่องของ พ.ร.บ.ปรองดองที่ล้างความผิดให้กับทหาร ยิ่งนับวันที่ได้มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพขึ้นมาว่ามีคนเสื้อแดงบางกลุ่มเสียชีวิตภายใต้การทำงานของฝ่ายทหารนั้น ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ยากขึ้นไปอีกที่จะมีการออก พ.ร.บ.ปรองดอง ดังนั้น ในมุมของคนเสื้อแดงเองจึงไม่น่าจะเห็นด้วยกับการตรากฎหมายลักษณะนี้ขึ้นมา และหากพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมก็คงยากที่จะมีมวลชนคนเสื้อแดงมาคัดค้านแนวทางของพันธมิตรฯ

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #787 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2555, 21:03:19 »


คิดเล่นๆสนุกๆ ไว้เพื่อชุมนุมครั้งต่อไป

เลิกเจ็บปวด เศร้าโศก ท้อแท้ผิดหวัง หรือถากถางกันได้แล้ว จับมือกัน สู้ต่อไป
 รูปแบบการชุมนุมใหม่ในโอกาสต่อไป น่าจะปลอดภัย และแก้ทางควายแดงในเครื่องแบบได้

 ๑. ประกาศวัน เวลา ชุมนุมพร้อมกันทั่วราชอาณาจักร หรือทุกจุดสำคัญในกรุงเทพฯ เป็นร้อยๆจุด โดยไม่ต้องบอกสถานที่ล่วงหน้า โดยขอให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมเสบียง การรอชุมนุมที่บ้านตนเอง หรือบ้านกลุ่มของตน ตามวัน เวลาที่กำหนด นอนดูเอเอสทีวีรอพลางๆก่อน

 ๒. ได้เวลา กำหนดจุดสถานที่ในเช้าวันนัด ทางโทรศัพท์ แฟดบุค ทางเอเอสทีวี หรือการสื่อสารอื่นๆ ใครอยู่ใกล้ที่ไหนให้เดินไปร่วมชุมนุมกันที่นั่นทันที น่าจะใช้เวลาแต่ละกลุ่มไม่เกิน ๑ ชม. ส่งผู้นำชุมนุมไปประจำแต่ละจุดทุกจุด หากแต่ละจุดมีผู้มาชุมนุมจุดละ ๕,๐๐๐ คน ๑๐๐ จุด ก็ได้ ๕๐๐,๐๐๐ คนแล้วครับ และคนก็อยากออกไปร่วม เพราะไม่ยุ่งยากอะไร เดินออกจากบ้านไปแป๊บเดียว

 ๓. ตร.ควายแดงไม่สามารถสกัดทุกกลุ่มได้ เพราะมีมากกลุ่ม และไม่รู้สถานที่ล่วงหน้า มีปัญหาขึ้นมาให้ทุกคนนั่งลงกลางถนน กลางสี่แยก (กลยุทธของท่านจำลองใช้ได้ผลมาแล้ว จะได้ไม่มีคนเจ็บคนตาย) ไม่ต้องไปต่อสู้หรือทำอะไร นั่งมันเฉยๆ หาเสื่อมาปูนั่งกินส้มตำกันมันกลางถนนก่อนก็ยังได้

 ๔. ปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ และการสื่อสารอื่นๆมากมาย เมื่อได้เวลาคนมาแต่ละจุดมากพอสมควรแล้ว วอร์รูมแกนนำใหญ่ ติดต่อสั่งการให้ทุกจุด
เคลื่อนขบวนพร้อมกันไปพบกันที่จุดนัดพบทันที โดยไม่ต้องกำหนดสถานที่ล่วงหน้า แกนนำใหญ่ขนขบวนเวที เครื่องเสียง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เตรียมพร้อมไว้ที่รถแล้วเดินทางไปติดตั้งที่จุดนัดพบทันที ต่างจังหวัดก็เต็มออกๆ จะถึงจุดนัดพบใน ๓ หรือ ๑๒ ชม.ก็ไม่เป็นไร

 ๕. ระหว่างเดินขบวนมา จากจุดละ ๕,๐๐๐ ตามทางคนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจ เป็น ๑๐,๐๐๐ คน เมื่อ ๑๐๐ จุดมาพบกันที่จุดนัดพบ รวมกันแล้วก็ ๑,๐๐๐,๐๐๐ คน

 ๖. ตร.ควายแดงไม่มีทางสกัดได้ ทั้ง ๑๐๐ จุด และไม่รู้จะสกัดอย่างไร เตรียมการไม่ทัน เพราะไม่รู้สถานที่ล่วงหน้า ตร.ที่เกณฑ์มาก็ควายแดงทั้งนั้น ไม่มีสมองคิดเองได้ ผู้จะมาร่วมชุมนุมก็ไม่ต้องเดินทางไกล เดินออกจากบ้านมาร่วมกันในจุดที่ใกล้บ้านตนเองที่สุด เดินเฉยๆ ไม่มีอาวุธ ไม่ต้องต่อสู้ มีปัญหาก็ให้ผู้นำสั่งให้นั่งลงกับพิ้นกลางถนน กลางสี่แยก ปูเสื่อรอไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นผู้นำก็เชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชุมนุม โดยขอให้เน้นประเด็น “นักการเมืองชั่วล่วงล้ำเบื้องสูง กินบ้านโกงเมือง ต้องแช่แข็งนักการเมืองชั่ว ไม่ใช่แช่แข็งประเทศ” อย่ากล่าวหาหลายประเด็นเพราะจะทำให้คนสับสน และมีช่องให้โต้แย้งได้ เรามาร่วมชุมนุมเพื่อลูกหลานของเราในอนาคต ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง

 ๗. ที่จุดนัดพบ แกนนำใหญ่เคลื่อนขบวนอุปกรณ์เวที เครื่องเสียง เสบียง เต็นท์ ซึ่งจัดเตรียมพร้อมไว้บนรถแล้ว ไปทำการติดตั้งทันที พร้อมด้วยการนำขบวนใหญ่ตามรถเครื่องเสียงไป ตร.ควายแดง ไม่มีทางสกัดได้ โล่ห์ กระบอง รั้วลวดหนาม แก๊สน้ำตา จะใช้ไม่ได้ เพราะมันตั้งขบวนไม่ทัน และกลุ่มย่อยทุกกลุ่มเมื่อมาถึงแล้วก็จะบีบมันทุกทางเหมือนแซนด์วิส มันแบนลูกเดียว ทุกครั้งเราเสียเปรียบเพราะถูกปิดประตูตีแมว คราวนี้เราจะบีบไข่ตีหมา เมื่อมารวมกันที่จุดนัดพบได้ ๑,๐๐๐,๐๐๐ คน แล้ว คราวนี้แกนนำจะทำอย่างไรต่อ”ก็แล๊วแต๊” "อะไรจะเกิดขึ้น พระสยามเทวาธิราชเท่านั้นที่รู้” ?
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #788 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2555, 17:23:05 »


สนธิ บุญยรัตกลิน ทำรัฐประหารโค่นทักษิณ
สนธิ บุญยรัตกลิน โหวตไว้วางใจน้องสาวทักษิณ
....โครตมันส์ การเมืองไทย....


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #789 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2555, 17:28:12 »








      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
ประทาน14
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2514
คณะ: เภสัชศาสตร์
กระทู้: 999

« ตอบ #790 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2555, 21:34:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2555, 17:28:12








ตูละงงจริงๆกับจุดยืนของเจ๊เบียบ  งง งง งง งง งง งง
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #791 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2555, 22:02:34 »

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #792 เมื่อ: 03 มกราคม 2556, 11:09:36 »



นงนุช สิงหเดชะ : ความตลกของ "ดีเอสไอ" ภายใต้ "ธาริต"

.บทความพิเศษ มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2555 - 3 มกราคม 2556


หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แจ้งข้อหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฐานฆ่าคนตาย อันเนื่องมาจากการสั่งกระชับพื้นที่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งที่เป็นพลเรือนและเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 90 ศพ นั้น ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าดีเอสไอมีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวหรือไม่

เพราะทั้งสองคนในขณะที่ถูกกล่าวหาว่าทำความผิดนั้น เป็นข้าราชการการเมือง ซึ่งอำนาจในการไต่สวนสอบสวนและนำคดีขึ้นสู่ศาลต้องเป็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ใช่ดีเอสไอ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา

เพราะหากเทียบเคียงกับคดีของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ในคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำให้มีคนตายนั้น คดีก็ไปอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวนสอบสวน

ส่วนกรณีที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ อ้างว่ามีอำนาจดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ โดยอ้างว่าไม่เข้าข่ายมาตรา 157 เพราะไม่ใช่กรณีการทุจริตหรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบแต่เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพทำเกินหน้าที่

นี่เองจึงอาจถือเป็นข้ออ้างที่ฮามากของนายธาริต เพราะนายธาริตเอาประเด็นไหนมาอ้างว่าทำเกินหน้าที่ เนื่องจากการใช้อำนาจของทั้งสองคนในขณะนั้นมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินรองรับอำนาจไว้ อีกทั้งก่อนหน้านั้นศาลมีคำพิพากษาแล้วว่าการชุมนุมของผู้ชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย

อันที่จริงความตายที่เกิดขึ้นนั้น สามารถแจ้งข้อหาทั้งสองคนได้กรณีเดียวคือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่นายธาริตหลีกเลี่ยงคำนี้ เพราะหากใช้คำว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแจ้งข้อหา ก็จะไปเข้าข่ายมาตรา 157 ซึ่งเท่ากับว่าไม่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ แต่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.



ที่ตลกอีกก็คือในวันที่เชิญตัวนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไปรับทราบข้อกล่าวหานั้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาถามว่ากล่าวหาตนในฐานะอะไร ในฐานะนายอภิสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือนายอภิสิทธิ์ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตอบในทำนองคล้ายๆ กับว่าแจ้งข้อหาในฐานะบุคคลธรรมดาที่ทำให้คนอื่นตาย

อย่าลืมเป็นอันขาดว่าการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมในปี 2553 นั้น เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้านายอภิสิทธิ์เป็นบุคคลธรรมดา จะมีอำนาจลงนามบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในขณะนั้นหรือ

แต่เหตุที่ดีเอสไอไม่ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็เพราะหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เข้าข่ายมาตรา 157 นั่นเอง แต่ก็จะเห็นว่าเหตุผลที่นำมาแจ้งข้อหานั้นขัดแย้งกันเองและไม่สมเหตุผล เพราะในขณะที่อ้างว่าดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ในฐานะบุคคลธรรมดานั้น แต่ในเอกสารแจ้งข้อหากลับระบุว่า "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตาย กรณีลงนามในคำสั่งสลายการชุมนุมปี 2553" เพราะคนที่จะลงนามในคำสั่งให้สลายการชุมนุมได้ ย่อมไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา แต่เป็นนายอภิสิทธิ์ที่มีฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ เหตุผลของนายธาริตที่อ้างว่านายอภิสิทธิ์ทำเกินหน้าที่ ก็ขัดแย้งกับสมัยที่นายธาริตเป็นอธิบดีดีเอสไอ ช่วงที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการอ้างว่าการชุมนุมของผู้ชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ เพราะในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์นายธาริตแถลงข่าวออกทีวีอยู่ทุกวันว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธ มีการใช้ความรุนแรง มีชายชุดดำติดอาวุธ มีการนำตัวผู้ต้องหาที่จับกุมได้มาแถลงข่าวเกือบทุกวัน

หรือเมื่อไม่นานมานี้นายธาริตก็พูดเองว่า เหตุการณ์เมื่อปี 2553 เป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลจำเป็นต้องเข้าควบคุมเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย



นายธาริตให้สัมภาษณ์เมื่อปลายเดือนสิงหาคมปีนี้เองกรณีถูกหาว่าเปลี่ยนสีว่า

"นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ปราบปราม นปช.อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ผิดกฎหมายไหม ไม่ผิด...เหตุการณ์ความไม่สงบในปี 2553 มันเป็นจลาจลที่รุนแรง การบังคับใช้กฎหมายต้องเฉียบขาด ซึ่งในทางกฎหมายเราเรียกว่า crime control (ควบคุมอาชญากรรม) แต่ต้องยึดนิติรัฐเป็นหลัก crime control คือยึดนโยบายของรัฐในการที่จะปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างซีเรียส ขณะนั้นประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล มีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง จลาจล ก่อการร้าย ไม่ใช่ดีเอสไอหรอกหรือที่ยืนเคียงข้างรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีนโยบาย crime control ทำให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด"

หากนายธาริตกลับมาอ่านสิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์ไว้ ถ้าเป็นคนปกติคงจะเขินตัวเองว่า ในข้อหาที่แจ้งต่อนายอภิสิทธิ์นั้น เขียนไปได้ยังไงว่า ผู้ชุมนุม ชุมนุมด้วยความสันติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย

ด้วยเหตุนี้เองดีเอสไอในระดับ "หัว" อย่างนายธาริต จึงขาดความน่าเชื่อถือ เพราะมีลักษณะไม่อยู่กับร่องกับรอย คือดูเหมือนว่าตอนอยู่กับประชาธิปัตย์ก็กระโดดไปเข้าข้างโน้นสุดขั้ว พอมาอยู่กับรัฐบาลเพื่อไทยก็กระโดดมาอยู่ข้างนี้สุดลิ่ม หาหลักการที่แน่นอนไม่ได้

ดังนั้น อย่าได้แก้ตัว อย่าได้โอดครวญว่าหากจะถูกก่นประณามว่ารับใช้การเมืองมากเกินไป



ความจริงหากจะให้สง่างาม มีสปิริต ไร้ข้อครหา นายธาริตควรที่จะได้ย้ายตัวเองไปอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ยังคงเป็นอธิบดีดีเอสไอที่มารับผิดชอบคดี 91 ศพ ที่ตัวเองก็มีส่วนทำความผิดอยู่ด้วย (หากนายธาริตเห็นว่าผิด) เพราะในตอนนั้นนายธาริตก็เป็นกรรมการ ศอฉ. อยู่ด้วย ไม่ใช่พอเปลี่ยนรัฐบาลก็กลายเป็นอธิบดีดีเอสไออีกคนที่จำร่องรอยเดิมไม่ได้เลย

อันที่จริงดีเอสไอนั้น ควรจะเป็นหน่วยงานที่มีศักดิ์ศรี (หากมีหัวหน้าดี) มีความน่าเชื่อถือ เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "พิเศษ" ดังนั้น คดีที่ทำต้องเป็นคดีสำคัญและพิเศษจริงๆ แต่ก็จะเห็นว่าดีเอสไอในรัฐบาลปัจจุบันดูเหมือนจะทำคดีมะล็อกป๊อกแป๊กซึ่งดูเหมือนมีเป้าหมายเล่นงานฝ่ายการเมืองตรงข้ามรัฐบาลเสียเยอะ

กลางเดือนตุลาคมก่อนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็มีการรับคดีที่ กทม. ต่อสัญญากับรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นคดีพิเศษ หรือก่อนหน้านั้นก็มีการส่งหนังสือไปสอบถามเจ้าของอาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีโทรทัศน์บลูสกายเรื่องค่าเช่าสถานที่ของบลูสกาย

หรือการเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์เรื่องเงินบริจาคน้ำท่วม ที่มีผู้บริจาคผ่านพรรคเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ซึ่งถึงกับจะมีการเรียกผู้บริจาคจำนวนมากไปให้ปากคำ ซึ่งสร้างความยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินที่บริจาคเสียอีก

บางคนบริจาคแค่ 100 บาท หรือ 400 บาท ต้องเดินทางไกลมาจากภาคใต้เพื่อมาให้ปากคำดีเอสไอ ทั้งที่เรื่องเงินบริจาคให้พรรคการเมืองนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของดีเอสไอ แต่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

แต่ที่โหดร้ายคือถึงกับมีการเรียก พญ.สดใส เวชชาชีวะ มารดาของนายอภิสิทธิ์ ไปให้ข้อมูลเรื่องเงินบริจาคน้ำท่วมถึง 3 ครั้งและมารดาของนายอภิสิทธิ์ได้ให้ความร่วมมือทุกครั้ง ซึ่งคล้ายกับว่าจะรังควานมารดาของนายอภิสิทธิ์เพื่อบีบนายอภิสิทธิ์หลายอย่าง เพราะช่วงนั้นใกล้จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก่อนที่ต่อมาจะเล่นงานเรื่องคดี 91 ศพ

การเรียกคนอื่นไปให้ถ้อยคำหลายๆ ครั้งในเรื่องเดิมๆ แบบเดียวกับที่จะทำกับนายอภิสิทธิ์ในคดี 91 ศพ คือเดี๋ยวก็เรียก เดี๋ยวก็เรียก เป็นเทคนิคที่จะสร้างความเครียดและบีบคั้นจิตใจผู้ถูกกล่าวหาและพยายามทำให้อับอายแบบเดียวกับที่เห็นในหนังแนวมาเฟีย

คือเล่นงานลูกไม่ได้ก็เล่นงานแม่ เล่นงานแม่ไม่ได้ก็เล่นงานลูก


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #793 เมื่อ: 03 มกราคม 2556, 21:45:30 »

สัมภาษณ์ พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ หรือ ‘น้าเดช’ แห่งวงการรถยนต์ ใน Way Magazine (http://bit.ly/THjWnJ) ว่าด้วยรถคันแรก

"เสียระบบ" "เงินหาย" "เดือดร้อนแน่" "บริษัทดิ้นรนหนีตาย" "สงครามในวงการรถ" "ฉิบหายแน่".. ลองอ่านดู

กับการที่ภาครัฐช่วยธุรกิจยานยนต์...
"ธุรกิจรถยนต์มันเป็นธุรกิจเฟื่องฟู ทำเท่าไหร่ก็ขายไม่พออยู่แล้วสำหรับประเทศไทย จะเห็นว่าแม้จะผ่านน้ำท่วมมาแล้วก็ยังขายถล่มทลาย ไม่มีรถคันแรกก็ตั้งเป้าอยู่แล้วว่า 1,100,000 คัน มันเป็นการไปช่วยธุรกิจที่ยืนได้อยู่แล้ว ทำให้มันเสียระบบ"

กับ SME ผลิตอะไหล่รถยนต์
"สิ่งที่คุณต้องห่วงคือพวกโรงงานเล็ก โรงงานน้อย SME ที่รัฐบาลอยากส่งเสริม Subcontract ทั้งหลายนั่นแหละ ปีนี้ (2555) เคยวางแผนว่าปีนี้จะส่งให้โรงงานโตโยต้า 100 ชิ้น ปีหน้าเพิ่มกำลังเป็น 110 ชิ้น อีกปี 130 ชิ้น อยู่ๆ ปีนี้ปาเข้าไป 150 ชิ้น พวกนี้ทำไง ก็ต้องจ้างคนงานเพิ่ม ค่าแรงก็ถูกบวกเพิ่มเป็น 300 บาท ลงเครื่องจักรใหม่เหรอ ปีเดียวก็ยังไม่คืนทุน ปีหน้าพอกำลังการผลิตเขาถอยลง เขาคาดการณ์อย่างต่ำว่าลดลงแน่ๆ 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วพวกนี้จะทำยังไง นี่เป็นสิ่งที่คนในวงการรถยนต์เห็นกัน ทุกบริษัทบอกว่าปีหน้า ครึ่งปีแรกไม่มีผลกระทบหรอก เพราะยังผลิตรถส่งต่อ แต่ครึ่งปีหลังมิถุนายน เห็นผลตรงบริษัทเล็กจะดิ้นรนหนีตาย จะเกิดสงครามขึ้นอย่างรุนแรงในวงการ"

กับคนที่เงินเดือนน้อย แต่อยากได้...
"คือถ้าคุณคิดว่าคุณเงินเดือน 15,000 ผ่อนรถ 6,000 เหลือ 9,000 คุณคิดว่าไหว ผมว่าคุณล่มตั้งแต่แรก เพราะมันมีค่าน้ำมัน ค่าโน่นนี่อย่างที่บอก พอเข้าปีที่สองคุณจะเปลี่ยนยาง 4 เส้น คุณต้องเริ่มหาร้านผ่อนยาง 0 เปอร์เซ็นต์ละ คุณบอกงั้นจอดทิ้งไว้ที่บ้านเฉยๆ สิ คุณลองคำนวณเวลาคุณขายต่อสิ ว่าวันหนึ่งเงินคุณหายไปวันละเท่าไหร่"

กับคนที่กู้เงินมาซื้อ...
"คนที่ไปกู้มาซื้อจะยุ่งมากเลยนะ เอาเป็นว่าคืน หลังจากปีที่สอง หากคุณไม่มีกำลังผ่อนล่ะ ทำไง ไฟแนนซ์ยึด เขาต้องไปดูสภาพรถ คุณยังค้างหนี้อีก 4 แสน รถคันนี้ขายได้ 3 แสน เขาฟ้องคุณ 1 แสน อันนี้ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือเงิน 8 แปดหมื่นที่คุณได้ ต้องคืนรัฐบาลนะครับ เพราะมีการเปลี่ยนมือแล้ว ก็มีคนถาม งั้นก็ไปขายโอนลอยสิ อ๋อ ถ้าโอนลอยตอนนี้เต้นท์รู้แล้วว่าคุณเดือดร้อน คุณจะต้องเสีย 8 หมื่น ราคารถคุณจะหายไปเท่าไหร่ เพราะเขารู้ว่าคุณจะโอนลอยหลังจากผ่านปีแรกแล้ว คุณเดือดร้อนแน่"

กับความจำเป็นในการใช้รถ...
"คนที่ซื้อเพราะจำเป็นต้องใช้รถ มีวินัยการเงินดี ตรงนี้โอเคเลย ผมไม่ได้ไปแตะต้อง แต่คนไทย โอ้โห แม่งได้ลดตั้งแสน ไม่ซื้อ เสียดายตายห่า พวกนี้แหละจะเจ๊ง ทั้งที่จริงๆ ยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเลย ยกตัวอย่าง คนที่มีบ้านอยู่บางแค บางใหญ่เริ่มทำงาน ซื้อรถคันแรกได้ส่วนลด ใช้ไปสามปี รถไฟฟ้าไปถึงละ ถามว่าคนๆนั้นจะตัดสินใจยังไง 1. จอดรถทิ้งไว้ที่บ้าน ประหยัด นั่งรถไฟฟ้าเข้ามาทำงาน 2. กูมีรถแล้ว ดันทุรังขับเข้ามา น้ำมันก็แพง รถก็ติด 3.ขายรถ ก็นำเงินภาษีไปคืนรัฐบาล เพราะงั้นผู้บริโภคต้องวางแผนให้ชัดเจน ไม่งั้นเดือดร้อน"

กับนโยบายประชานิยม...
ผมถึงบอกว่า นโยบายรัฐบาลอยากช่วยประชาชนรากหญ้า แต่มันไม่ใช่ เพราะรถส่วนใหญ่ของโครงการมันเป็นรถใช้ในเมือง รถขนาดเล็ก

ถ้ามีอีกก็ฉิบหายครับ ใครฉิบหาย ก็ทั้งหมดแหละครับ บริษัทรถก็ฉิบหายเพราะสินค้ามันไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เป็นภาพลวง บริษัทที่ไม่มีรถเข้าข่ายเงื่อนไข รถนำเข้าตายสนิท รถมือสองฉิบหายแน่ ไฟแนนซ์ก็เหมือนกัน อันสุดท้ายคือประชาชนแหละครับ ฉิบหายจากอะไร คือคนไทยเราไม่สนใจเรื่องเครดิต พอเข้าปีที่สามรถมันต้องเริ่มซ่อมละ คุณหาทางทิ้งเพื่อซื้อคันใหม่ ถ้ามีต่อแล้วร่างกติกาใหม่ก็อาจจะดีขึ้น ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้าภายใต้กติกานี้ก็ฉิบหายแน่
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #794 เมื่อ: 04 มกราคม 2556, 07:06:55 »



        ขออนุญาตใช้ห้องของตะวันหน่อยนะ

        ระยะหลังไม่ค่อยได้ดูละคร

        แต่พอดูเรื่อง"เหนือเมฆ". ก็ถูกใจ

       ทั้งเนื้อหาและนักแสดงเรืองนาม

       ที่เรียงหน้ากันมาแสดง คนดูกำไร

       นึกในใจว่า จะถูกแบนไหมเนี่ย

       และแล้ววันนั้นก็มาถึง. มันเร็วมาก

       ไม่ได้ดูวันสองวัน. ละครก็จะจบวันศุกร์นี้

              เกิดอะไรขึ้น?Huh?  เกี่ยวกับการเมืองไหม
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #795 เมื่อ: 06 มกราคม 2556, 08:31:18 »





                            อ๋อ...มันเป็นเช่นนี้เอง


                                 

               

                             อนิจจา...ประเทศไทย

                                         Nok-na

 
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #796 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2556, 11:56:06 »


เปิดเบื้องหลังปฏิบัติการจับ"กำนันเป๊าะ"

 
โดย...วัสยศ งามขำ  posttoday.com

ปฏิบัติการรวบกำนันเป๊าะ หรือ นายสมชาย คุณปลื้ม ไม่ได้เกิดขึ้นจนแล้วเสร็จภายในวันเดียว แต่มันถูกวางแผนจับกุมอย่างแนบเนียน และเงียบสนิทมานานกว่า 2 เดือน แม้แต่ตัวผู้บังคับการกองปราบปรามเองก็ไม่ได้รับรู้ จนกระทั่งวันที่ชุดจับกุมจู่โจมบุกเข้าจับกุมตัวแบบไร้การขัดขืน

ปฏิบัติการนี้เริ่มเปิดฉากขึ้นราวต้นเดือนธันวาคม 2555 เมื่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้รับจดหมายร้องเรียนจากชาวบ้าน ที่แจ้งมาว่าพบเบาะแสการเคลื่อนไหวของ นายสมชาย ในจังหวัดชลบุรี และคาดว่าจะพักอยู่ภายในบ้าน ในจดหมายยังถากถางถึงตำรวจท้องที่ จ.ชลบุรี ด้วยว่า ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปจับกุม แม้ว่าการเคลื่อนไหวบางครั้งเป็นไปอย่างเปิดเผย

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้สั่งการแบบลับๆ ไปยัง พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม ให้เข้าจับงานนี้ด้วยชั้นความลับระดับสูงสุด หลังรับคำสั่ง พ.ต.อ.อธิป เริ่มตั้งทีมทำงานขึ้นมาทั้งหมด 30 คน ทุกคนจะได้รับข้อมูลไม่เท่ากันในการทำคดี เพื่อไม่ให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปยังหูของบุคคลอื่นๆ

ขณะเดียวกันการหาข้อมูลเพิ่มเติมในระบบอินเทอร์เน็ตก็เริ่มทำงาน จนในที่สุดก็พบว่ามีนักท่องเน็ตจำนวนมาก ให้เบาะแสเข้ามาตามกระทู้ต่างๆ ส่วนมากยืนยันตรงกันว่าตัว นายสมชาย ไม่ได้หนีไปไหนแต่ซุกตัวอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของเขาเองใน จ.ชลบุรี

ล่วงเข้าปลายเดือนธันวาคมข้อมูลจากชุดสืบสวน เริ่มแน่ชัดว่า นายสมชาย ไม่ได้หลบหนีไปไหนหรือเดินทางออกนอกประเทศ พ.ต.อ.อธิป พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี สารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี สารวัตรกองกำกับการ 3 กองปราบปราม จึงลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง โดยแบ่งกำลังออกเป็นทั้งหมด 10 ชุดปฏิบัติการ ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และบางส่วนออกหาข่าวตามชายแดนทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตามระหว่างการสืบสวนข่าวนี้ เรื่องราวของปฏิบัติการลับไม่ได้ล่วงรู้เข้าหูตำรวจคนไหนเลย เพียงแต่หลายคนรู้สึกสงสัยว่า ทำไมบรรยากาศที่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษจึงเงียบสนิทผิดสังเกตนานนับเดือน

การสืบสวนด้วยการวางจุดดูความเคลื่อนไหวทำให้รู้ว่าตัวของ นายสมชาย อยู่ในบ้านจริงตามที่ได้รับเบาะแส และเมื่อสืบสวนในเชิงลึกแล้วรู้ว่าในวันนี้ นายสมชาย จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมารักษาโรคประจำตัว เมื่อรถเลกซัสสีดำสนิทเคลื่อนที่ออกจากบ้านพัก ชุดสะกดรอยก็ออกติดตามทันที ขณะนี้ชุดทำงานชุดต่างๆ ถูกวางจุดให้อยู่ตามถนนหลวงทั้งสายสุขุมวิท และสายมอเตอร์เวย์ ซึ่งทั้งสองเส้นทางเป็นเส้นทางที่จะมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ



แน่นอนว่าการเข้าจับกุมเจ้าพ่อที่มีลูกชายเป็นถึงรัฐมนตรีนั้นย่อมเสี่ยงต่อการปะทะหรือต่อสู้ พ.ต.อ.อธิป เน้นย้ำให้กำลังชุดที่จะเข้าจับกุมอย่าเพิ่งผลีผลาม แต่ให้ยืนยันให้ชัดเจนว่าในรถนั้นมี นายสมชาย อยู่จริง กระทั่งมาถึงโรงพยาบาลชุดสะกดรอยยืนยันว่าเป้าหมายไม่คลาดเคลื่อน แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งให้เข้าจับกุม เนื่องจาก พ.ต.อ.อธิป ประเมินว่าเป็นไปได้ที่ นายสมชาย อาจจะนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งการจับกุมจะง่ายขึ้นเพราะย่อมไม่มีทางต่อสู้หรือหลบหนี

กระทั่งราว 10.00น. นายสมชาย ก็เดินทางออกจากโรงพยาบาลด้วยรถคันเดิม ชุดสะกดรอยจึงดำเนินการต่อ ขณะนั้นเองที่ พ.ต.อ.อธิป กรอกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมราว 10 นาย ไปดักรอรถเป้าหมายที่บริเวณด่านเก็บเงินลาดกระบังขาออกตามเส้นทางที่รถเป้าหมายใช้ เพราะจุดนั้นจะเป็นจุดที่รถต้องจอดเพิ่มจ่ายเงิน

เมื่อรถดังกล่าวมาถึง และยื่นมือจ่ายเงินค่าผ่านทาง โดยมีคนขับร่างท้วมเป็นโชเฟอร์ ชุดจับกุมก็เข้าชาร์จทันที โดยดึงตัวคนขับออกนอกรถ และขึ้นไปขับรถแทน ขณะที่ประตูหลังถูกปลดล็อค และเปิดออกพบว่า นายสมชายอยู่เบาะหลังซ้าย ตำรวจจึงโดดขึ้นรถประกบ โดยไม่ได้ล็อคตัวลงมาจากรถ ทั้งหมดถูกประกบโดยชุดจับกุม และขับรถมายังหน่วยคอมมานโด ซอยโชคชัย 4 ทันที โดยโทรศัพท์มือถือของคนในรถทั้งหมดถูกยึด เพื่อป้องกันการติดต่อสื่อสารกับคนภายนอก

แม้ว่าจะจับกุมตัวได้แล้ว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รู้ดีว่าหากคดีนี้แพร่ออกไป อาจจะถูกต่อรองจากฝ่ายการเมือง และผู้บังคับบัญชา เขาจึงปิดเรื่องนี้อย่างเงียบสนิท เพียงแต่เรียกผู้สื่อข่าวไปรอที่หน่วยคอมมานโด พร้อมกับตัวเขาเท่านั้น และบอกในเบื้องต้นเพียงว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ต้องหาระดับประเทศ เขาบอกด้วยว่ายังไม่สามารถบอกได้แม้แต่ผู้บังคับบัญชาที่อยู่สูงขึ้นไป จะบอกก็ต่อเมื่อตัวถึงหน่วยคอมมานโดกองปราบปรามแล้วเท่านั้น

และก็เป็นเช่นนั้นเขาสั่งการให้ พล.ต.ต.สุพิศาล รายงานไปยัง ผบ.ตร. ทันทีที่ตัวมาถึง ต่อหน้ากล้องทีวีหลายกล้อง นี่คือทีเด็ดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่มองเกมแล้วว่าคงไม่มีใครกล้ามาโทรต่อรอง เมื่อผู้ต้องหารายนี้ออกสื่อไปแล้ว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #797 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2556, 11:58:20 »


จับเป๊าะสะเทือนปู

   โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย   posttiday.com

เหนือความคาดหมายไม่น้อยสำหรับการจับกุมตัว “สมชาย คุณปลื้ม” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “กำนันเป๊าะ” ผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาลแบบเหนือเมฆสายฟ้าแลบ สร้างความตะลึงไปทั่วว่าทำไมเจ้าพ่อแห่งตะวันออกถึงมาตายน้ำตื้นแบบนี้

รายงานข่าวทุกสำนักระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า “เกิดจากความประมาทล้วนๆ” เนื่องจากมั่นใจว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คงจะคุมตำรวจได้อย่างเบ็ดเสร็จ พอจะเป็นหลักประกันความปลอดภัยได้

เอาเข้าจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อนายตำรวจใหญ่ “บิ๊กกิ๊ก” พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นำทัพทีมหักชิงจับตัวกำนันเป๊าะกลางกรุงเทพฯ ชนิดที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ระแคะระคายมาก่อน

หลายคนตั้งข้อสงสัยถึงมูลเหตุการจับตัวกำนันเป๊าะครั้งนี้ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กินดีหมี มาจากไหน ทำไมถึงกล้าจับโดยที่ไม่รายงานให้ฝ่ายการเมืองและผู้บังคับบัญชาทราบก่อน

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากำนันเป๊าะนั้นมีบารมีมาก โดยเฉพาะการที่ “สนธยา คุณปลื้ม” ลูกชาย เป็นถึง รมว.วัฒนธรรม และเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ย่อมทำให้คนในรัฐบาลเกรงอกเกรงใจ ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่กินดีหมีมา คงไม่กล้ารับงานนี้ ที่สำคัญก่อนจับต้องรายงานให้ฝ่ายการเมืองหรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบก่อน

แต่งานนี้ “บิ๊กกิ๊ก” ปิดเงียบนัดแนะสื่ออย่างดี ก่อนบุกจับแบบโป้งเดียวจบ ชนิดใหญ่มาไหนก็ขอไม่ได้ ต้องติดคุกสถานเดียว

ผลของปฏิบัติการครั้งนี้ แน่นอนเป็นการหักหน้าคนในรัฐบาล และ ผบ.ตร.อย่างแรงที่ไม่รู้เรื่องมาก่อน และไม่สามารถช่วยเหลือกำนันเป๊าะได้

มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุการจับกุมครั้งนี้ บ้างก็มองเป็นการสั่งสอน “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา ที่อยากได้เก้าอี้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จากพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาของบิ๊กเติ้ง จึงอาจสะกิดให้กองปราบฯจัดการ

ขณะเดียวกัน บางฝ่ายมองว่า นี่เป็นแผนการของทักษิณที่ต้องการบีบบังคับให้ “สนธยา” ต้องยุบพรรคพลังชลมารวมกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

ทว่าสมมติฐานทั้งสองเรื่องดังกล่าวไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเวลานี้ “สนธยา” แฮปปี้กับกระทรวงวัฒนธรรมยิ่ง เพราะ “ยิ่งลักษณ์” เมตตา จัดงบให้กระทรวงวัฒนธรรมมหาศาลจนกำลังจะกลายเป็นกระทรวงเกรดเอที่หลายพรรคอยากจะมาคุม

นอกจากนี้ พรรคพลังชลก็ไม่ได้เปิดศึกอะไรในทางการเมืองเวลานี้ แม้แต่การปรับ ครม.แทน “ชุมพล ศิลปอาชา” อดีต รมว.ท่องเทียวและกีฬา “สนธยา” ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวจะรุกเอาเก้าอี้คืน และ “บรรหาร ศิลปอาชา” ก็ไม่ได้แนบแน่นกับ “บิ๊กกิ๊ก” ดังนั้น ปมขัดแย้งในทางการเมืองคงปิดประตูไปได้

ถ้าจะหาเหตุผลว่าทำไมกำนันเป๊าะถึงมาเสียท่า ต้องบอกว่านอกเหนือจากความประมาทแล้ว ก็ยังมีสาเหตุมาจากความเหนือเมฆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วย เป็นไปได้อย่างไรที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. แทบจะไม่ระแคะระคายภารกิจของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

ย้อนกลับไปช่วงโยกย้ายนายตำรวจกลางปี 2555 ก็ปรากฏเกมการเมืองภายใน สตช.พอสมควร เมื่อ “บิ๊กกิ๊ก” เป็นตัวเต็งที่มีแนวโน้มได้ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ฝ่ายการเมืองไม่เอาด้วย โดยเห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โตขึ้นมาในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จากการสนับสนุนของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ทำให้รัฐบาลไม่อาจไว้วางใจให้นั่งตำแหน่งใหญ่ได้ จึงถูกแช่แข็งให้อยู่ในเก้าอี้ตัวเดิมไปก่อน

ที่สำคัญ ร.ต.อ.เฉลิม มองข้ามความสำคัญของบิ๊กกิ๊ก หันไปใช้งานตำรวจนครบาลภายใต้การนำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือบิ๊กแจ๊ด เป็นหลัก และในขณะเดียวกันมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ปลื้มบิ๊กกิ๊ก ไม่เรียกใช้งาน ปล่อยให้โลกลืมภารกิจของกองบัญชาการสอบสวนกลาง

ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าวออกมาอีกว่า ร.ต.อ.เฉลิม เตรียมเปิดทางให้บิ๊กกิ๊ก ไปเป็น ผช.ผบ.ตร. ตามโครงสร้างใหม่ที่จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ เพื่อที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะได้คุมกองปราบฯเบ็ดเสร็จ รวมไปถึงตำรวจน้ำ ที่จะใช้ปราบขบวนการน้ำมันเถื่อน

นี่ถึงเป็นเหตุให้บิ๊กกิ๊กเปิดปฏิบัติการจับกุมกำนันเป๊าะ ชนิดไม่ต้องเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ส่งผลให้รัฐบาลต้องเสียหน้าอย่างยับเยิน

ยิ่งลักษณ์หนีไม่พ้นกับการถูกตั้งคำถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับผู้ต้องหาหนีคดีชื่อดังอีกสองคน ประกอบด้วย “วัฒนา อัศวเหม” และ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”

ในรายแรก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2551 ให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี จากการทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย

ส่วนอีกรายเป็นที่ทราบกันดีว่าศาลฎีกาฯ พิพากษาตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2551 ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในกรณีการซื้อที่ดินถนนรัชดาภิเษก ไม่เพียงเท่านี้ศาลยังได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้เข้ามารับการไต่สวนการทุจริตคอร์รัปชันในหลายคดี

จนแล้วจนรอดผ่านมากว่า 1 ปี รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เลยว่าจะดำเนินการจับกุมบิ๊กการเมืองทั้งสองคนมารับโทษตามกฎหมาย มีเพียงแค่การพยายามเลี่ยงไปเลี่ยงมาว่าอยู่ในระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นคำพูดสวนทางกับการประกาศต่อต้านการทุจริตที่ออกมาจากคำพูดของนายกฯ อย่างสิ้นเชิง

“ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันนั้นเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เห็นด้วยที่จะทำให้ปราศจากทุจริตคอร์รัปชัน ต้องร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ เราต้องไม่ให้วงจรนี้กลับมา ตั้งแต่เรื่องการจ่ายเงินใต้โต๊ะ หรือการซื้อขายตำแหน่ง...

...ที่สำคัญอยากเสนอให้มีเรื่องของการปลุกจิตสำนึกที่ไม่ให้เห็นว่าปัญหาทุจริตกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับ เราต้องร่วมกันต่อต้านไม่ยอมรับในสิ่งนี้” ส่วนหนึ่งจากคำพูดนายกฯ ในการแถลงยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2556-2560 ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2555

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในการติดตามตัว “วัฒนาทักษิณ” ได้ เพราะยิ่งนิ่งเฉยเท่าไร ความกดดันจะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พร้อมๆ กับความชอบธรรมและความสง่างามในทางการเมืองที่จะเหลือน้อยลงต่อไป

จะสองมาตรฐานหรือไม่มีมาตรฐานอยู่ที่การเอาจริงเอาจังของนายกฯ ปูแต่เพียงผู้เดียว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #798 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2556, 14:00:20 »



ธุดงค์ธรรมบรรลัย(2)
posttoday.com

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ

โครงการธุดงค์ของวัดพระธรรมกายผ่านไปแล้ว เดิมตั้งใจว่าจะเขียนถึงครั้งเดียว แต่ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาแสดงความเห็นในเว็บไซต์ที่น่าจะผิดหลักทางพุทธศาสนา คือ ผู้ที่ใช้นามว่า Suwitw ซึ่งผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นสาวกหรือทีมงานแก้ต่างของธรรมกาย เพราะจะเข้ามาปกป้องธรรมกายทุกครั้งที่มีประเด็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมของธรรมกาย ผมเห็นว่า เพื่อความเป็นธรรม ควรจะนำความเห็นของคุณ Suwitw มาลงให้ท่านผู้อ่านได้เห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง

คุณ Suwitw แสดงความเห็นไว้ 2 ครั้ง ดังนี้

คุณ Suwitw : 30 ม.ค. 2556, 20.05 น.

หรือว่าประเด็นอยู่ที่ เบียดเบียนหรือเปล่า ถ้าใช่ ต้องมาทำความเข้าใจ ที่สาธารณะ ที่ ปชช. สามารถมีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน ใครมาถึงก่อนก็ใช้ได้ก่อน ใครมาทีหลังก็ต้องรอให้คนก่อนใช้ เสร็จและออกจากที่นั้นไปก่อนจึงจะเข้าไปใช้ได้ ดังนั้นถ้าคนที่มาทีหลังไม่ควรคิดว่าคนที่มาก่อนเบียดเบียนตนเอง เพราะมันคนที่มาทีหลังไม่มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น เช่น คิดไปว่าเมื่อตัวเองจะใช้ถนน คนที่ใช้อยู่ข้างหน้าจะต้องออกจากถนนทันที --- ทำให้คิดถึงตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงถูกพญามารบังคับให้ลุกออกจากที่ที่พระองค์กำลังทำสมาธิวิปัสสนาอยู่ -

คุณ Suwitw : 30 ม.ค. 2556, 14.07 น.

ไม่ทราบว่าผู้เขียนบทความนี้ เป็นพระเจ้าศาสนาใดครับ แต่พระศาสดาองค์ปัจจุบันยังไม่สิ้นนะครับ ขอเอาข้อมูลตามพระไตยฯ แชร์ ดังนี้ครับ ธุดงควัตร หมายถึง กิจวัตรของการธุดงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตมี 13 วิธี ขอย้ำครับ ทรงอนุญาต มิใช่ให้กระทำโดย|ปกติโดยเฉพาะการอยู่ป่า เพราะหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วก็ออกเผยแพร่ การอยู่ป่าไม่มีประโยชน์อันใดต่อการเผยแพร่ที่พระองค์ทรงนำเหล่าพระสงฆ์ 500 รูปบ้าง 1,000 รูปบ้าง ออกเผยแพร่ไปตามเมืองสำคัญต่างๆ ในอินเดีย ไม่ได้นำเข้าป่าแต่อย่างใด จนเป็นเหตุให้ต้องมีการกำหนดช่วงเวลาเข้าพรรษาด้วยซ้ำไป แต่พระสงฆ์รูปใดต้องการจะกระทำ เพื่อการมุ่งขัดเกลาทางจิตเพื่อกำจัดกิเลส ก็ทรงอนุญาตให้กระทำได้ แต่ต้องระวัง ธุดงควัตร อารัญญิกังคะ ละเว้นการอยู่ในเสนาสนะใกล้บ้าน สมาทานการอยู่ในป่าไกล 500 ชั่วคันธนู หรือราว 1 กิโลเมตร โดยจะต้องให้ตะวันขึ้นในป่า หากตัวอยู่ในบ้านตอนตะวันขึ้น เป็นอันธุดงค์แตก สมาทานถืออยู่ในป่า (วน - กลุ่มต้นไม้ อรัญญ - ป่าไกลบ้าน)

แต่มีข้อควรระวัง ดังนี้ อ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า (พระพุทธเจ้าตรัส) ดูก่อน|อุบาลี ภิกษุ ผู้ถืออยู่ป่านี้มี 5 จำพวก 5 จำพวก อะไรบ้าง คือ 1.เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถืออยู่ป่า 2.เป็นผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถืออยู่ป่า 3.เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถืออยู่ป่า 4.เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สรรเสริญจึงถืออยู่ป่า 5.เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัยความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า (พระพุทธเจ้าตรัส) ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามี 5 จำพวก นี้แล”

ผมยกมาโดยไม่ตัดข้อความใดๆ ออก ซึ่งจะขอชี้แจงประเด็นที่คุณ Suwitw ยกขึ้นโต้แย้ง ดังนี้

ประเด็นหลักจริงๆ ของเรื่องนี้ อยู่การทำให้พระธรรมวินัยผิดเพี้ยนไป แต่จะถือว่าเรื่องการเบียดเบียนเป็นประเด็นหลักก็ได้ เพราะเป็นผลที่เกิดขึ้นชัดเจนที่สุด

คุณ Suwitw อ้างว่า เป็นสิทธิของคนที่จะใช้ถนน ใครมาถึงก่อนย่อมมีสิทธิใช้ คนมาทีหลังจะหาว่าเบียดเบียนไม่ได้ ข้ออ้างดังกล่าวไม่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเบียดเบียนตามโอวาทปาฏิโมกข์เลย แต่เป็นเหตุผลของพวกทุนนิยม เป็นเหตุผลที่ยึดประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ซึ่งไม่ใช่ประเด็นของพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้สมณะที่มีสิทธิดีกว่า เบียดเบียนผู้อื่นได้

ตัวอย่างที่ทราบกันดี คือ การบัญญัติให้สมณะงดเดินทางช่วงเข้าพรรษา เพราะไปเบียดเบียนชาวบ้าน ถามว่าพระท่านมีสิทธิที่จะเดินไปไหนมาไหนได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ แม้ท่านจะมีสิทธิ แต่ถ้าเบียดเบียนผู้อื่น พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงอนุญาต ผู้ที่ยังฝืนกระทำ ก็ไม่ชื่อ สมณะ
อีกตัวอย่างครับ พระวินัยหมวด เสขิยกัณฑ์ ในปกิณณกะ หมวดเบ็ดเตล็ด ท่านไม่ให้ยื่นถ่ายปัสสาวะ ซึ่งผู้ที่บวชพระจะทราบกันดี

ถามว่า การจะยืนหรือนั่งถ่ายปัสสาวะ เป็นสิทธิของสมณะหรือไม่ คำตอบคือ ยิ่งกว่าเป็นสิทธิเสียอีก เป็นเรื่องเฉพาะตัวและเป็นกิจที่อยู่ในที่รโหฐานด้วย แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้ามไว้

ผมเคยถามพระว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องห้ามพระยืนถ่ายปัสสาวะ มีข้อเสียอย่างไร ท่านตอบว่า เคยเห็นที่ถ่ายปัสสาวะชาย มีข้อความเขียนว่า ให้ถ่ายให้ตรงโถไหมละ เหตุเพราะหากยืนถ่ายปัสสาวะ จะกระเด็นทำให้เปรอะเปื้อนห้องสุขา ลองนึกดูว่า ถ้าภิกษุ 9 รูป เข้าไปยืนถ่ายในห้องสุขาบ้านโยม มันจะสะอาดเหมือนนั่งถ่ายหรือไม่

สิ่งที่พระท่านอธิบายให้ฟังก็คือ การยืนถ่ายปัสสาวะ เป็นการเบียดเบียนชาวบ้าน แม้เป็นสิทธิส่วนตัวที่อยู่ในที่รโหฐานไม่มีคนเห็น ท่านก็ยังห้ามไว้

การเดินธุดงค์ของธรรมกาย ผู้จัดไม่รู้หรือว่า จะทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน ถ้ารู้แล้วยังขืนทำ ย่อมเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น แต่ถ้าอ้างว่า คิดไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำให้รถติด ก็น่าจะไปตรวจสอบปัญญาดูหน่อยว่าอ่อนนิ่มขนาดไหนแล้ว หรือว่าเละเป็นน้ำไปแล้ว

และที่คุณ Suwitw ไปคิดถึงเรื่องพญามารที่จะทำให้พระพุทธเจ้าลุกจากที่ที่พระพุทธองค์กำลังปฏิบัติอยู่นั้น มันเกี่ยวกันได้อย่างไร และการธุดงค์นี้ นำไปเปรียบกับการบำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้าเลยหรือ จะยกผู้ธุดงค์ที่|น่าจะเป็นเพียงสามเณรไปเทียบเท่าพระพุทธเจ้าเลยหรือ
ระวังจะต้องไปอยู่กับเทวทัตนะครับ

สำหรับอีกความเห็นหนึ่ง ที่ถามว่า ผมเป็นเจ้าศาสนาใดนั้น ขอตอบว่า ผมเป็นอุบาสกในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ไม่เคยบิดเบือนพระธรรมวินัย ไม่เคยนำบุญมาเป็นสินค้า ไม่เขียนพระไตรปิฎกขึ้นใหม่ ผมเชื่อในแนวทางตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่คิดจะเพ่งลูกแก้วเพราะไม่มีอยู่ในกรรมฐาน 40

ส่วนที่คุณ Suwitw ยกเรื่องภิกษุอยู่ป่า 5 จำพวก ตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้นั้น กรุณายกให้หมด เพราะยังมีข้อความที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้อีกว่า ท่านสรรเสริญภิกษุผู้อยู่ป่า เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัยความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า

ท่านไม่ได้ตำหนิผู้อยู่ป่า แต่ท่านจำแนกให้เห็นถึงการปฏิบัติที่แตกต่างกัน และท่านสรรเสริญหรือชี้ทางที่ถูกต้องให้ปฏิบัติ

ผมไม่ทราบว่า คุณ Suwitw ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร ต้องการให้เห็นว่า การอยู่ป่าไม่ดีอย่างนั้นหรือ

สิ่งที่คุณ Suwitw ควรทำ คือ หาคำตอบให้ได้ก่อนว่า ผู้ที่มาเดินธุดงค์ ทำธรรมให้บรรลัยนั้น เป็นพระหรือเป็นเณร ถ้าเป็นพระก็อาบัติกันทั้งกลุ่มที่เดินธุดงค์

ผู้ที่เข้าใจธรรมวินัยผิดเพี้ยน นับเป็นกรรมของผู้นั้นมากอยู่แล้ว หากไปสอนให้คนอื่นเชื่อในความผิดเพี้ยนนั้นด้วย นรกเท่านั้นที่เป็นจุดหมายปลายทางที่แน่นอน

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านบทความ ธุดงค์ธรรมบรรลัย(1) ตามไปอ่าน ได้ที่นี่ครับ>> http://bit.ly/Vlfkmp
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #799 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2556, 21:09:09 »


สวัสดีตะวัน

      หายไปนาน

กลับมา...ชัด...ชัดเจนทั้ง3 กระทู้

       Nokja



      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><