ธุดงค์ธรรมบรรลัย(2)posttoday.com
โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ
โครงการธุดงค์ของวัดพระธรรมกายผ่านไปแล้ว เดิมตั้งใจว่าจะเขียนถึงครั้งเดียว แต่ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาแสดงความเห็นในเว็บไซต์ที่น่าจะผิดหลักทางพุทธศาสนา คือ ผู้ที่ใช้นามว่า Suwitw ซึ่งผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นสาวกหรือทีมงานแก้ต่างของธรรมกาย เพราะจะเข้ามาปกป้องธรรมกายทุกครั้งที่มีประเด็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมของธรรมกาย ผมเห็นว่า เพื่อความเป็นธรรม ควรจะนำความเห็นของคุณ Suwitw มาลงให้ท่านผู้อ่านได้เห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง
คุณ Suwitw แสดงความเห็นไว้ 2 ครั้ง ดังนี้
คุณ Suwitw : 30 ม.ค. 2556, 20.05 น.
หรือว่าประเด็นอยู่ที่ เบียดเบียนหรือเปล่า ถ้าใช่ ต้องมาทำความเข้าใจ ที่สาธารณะ ที่ ปชช. สามารถมีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน ใครมาถึงก่อนก็ใช้ได้ก่อน ใครมาทีหลังก็ต้องรอให้คนก่อนใช้ เสร็จและออกจากที่นั้นไปก่อนจึงจะเข้าไปใช้ได้ ดังนั้นถ้าคนที่มาทีหลังไม่ควรคิดว่าคนที่มาก่อนเบียดเบียนตนเอง เพราะมันคนที่มาทีหลังไม่มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น เช่น คิดไปว่าเมื่อตัวเองจะใช้ถนน คนที่ใช้อยู่ข้างหน้าจะต้องออกจากถนนทันที --- ทำให้คิดถึงตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงถูกพญามารบังคับให้ลุกออกจากที่ที่พระองค์กำลังทำสมาธิวิปัสสนาอยู่ -
คุณ Suwitw : 30 ม.ค. 2556, 14.07 น.
ไม่ทราบว่าผู้เขียนบทความนี้ เป็นพระเจ้าศาสนาใดครับ แต่พระศาสดาองค์ปัจจุบันยังไม่สิ้นนะครับ ขอเอาข้อมูลตามพระไตยฯ แชร์ ดังนี้ครับ ธุดงควัตร หมายถึง กิจวัตรของการธุดงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตมี 13 วิธี ขอย้ำครับ ทรงอนุญาต มิใช่ให้กระทำโดย|ปกติโดยเฉพาะการอยู่ป่า เพราะหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วก็ออกเผยแพร่ การอยู่ป่าไม่มีประโยชน์อันใดต่อการเผยแพร่ที่พระองค์ทรงนำเหล่าพระสงฆ์ 500 รูปบ้าง 1,000 รูปบ้าง ออกเผยแพร่ไปตามเมืองสำคัญต่างๆ ในอินเดีย ไม่ได้นำเข้าป่าแต่อย่างใด จนเป็นเหตุให้ต้องมีการกำหนดช่วงเวลาเข้าพรรษาด้วยซ้ำไป แต่พระสงฆ์รูปใดต้องการจะกระทำ เพื่อการมุ่งขัดเกลาทางจิตเพื่อกำจัดกิเลส ก็ทรงอนุญาตให้กระทำได้ แต่ต้องระวัง ธุดงควัตร อารัญญิกังคะ ละเว้นการอยู่ในเสนาสนะใกล้บ้าน สมาทานการอยู่ในป่าไกล 500 ชั่วคันธนู หรือราว 1 กิโลเมตร โดยจะต้องให้ตะวันขึ้นในป่า หากตัวอยู่ในบ้านตอนตะวันขึ้น เป็นอันธุดงค์แตก สมาทานถืออยู่ในป่า (วน - กลุ่มต้นไม้ อรัญญ - ป่าไกลบ้าน)
แต่มีข้อควรระวัง ดังนี้ อ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า (พระพุทธเจ้าตรัส) ดูก่อน|อุบาลี ภิกษุ ผู้ถืออยู่ป่านี้มี 5 จำพวก 5 จำพวก อะไรบ้าง คือ 1.เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถืออยู่ป่า 2.เป็นผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถืออยู่ป่า 3.เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถืออยู่ป่า 4.เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สรรเสริญจึงถืออยู่ป่า 5.เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัยความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า (พระพุทธเจ้าตรัส) ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามี 5 จำพวก นี้แล”
ผมยกมาโดยไม่ตัดข้อความใดๆ ออก ซึ่งจะขอชี้แจงประเด็นที่คุณ Suwitw ยกขึ้นโต้แย้ง ดังนี้
ประเด็นหลักจริงๆ ของเรื่องนี้ อยู่การทำให้พระธรรมวินัยผิดเพี้ยนไป แต่จะถือว่าเรื่องการเบียดเบียนเป็นประเด็นหลักก็ได้ เพราะเป็นผลที่เกิดขึ้นชัดเจนที่สุด
คุณ Suwitw อ้างว่า เป็นสิทธิของคนที่จะใช้ถนน ใครมาถึงก่อนย่อมมีสิทธิใช้ คนมาทีหลังจะหาว่าเบียดเบียนไม่ได้ ข้ออ้างดังกล่าวไม่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเบียดเบียนตามโอวาทปาฏิโมกข์เลย แต่เป็นเหตุผลของพวกทุนนิยม เป็นเหตุผลที่ยึดประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ซึ่งไม่ใช่ประเด็นของพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้สมณะที่มีสิทธิดีกว่า เบียดเบียนผู้อื่นได้
ตัวอย่างที่ทราบกันดี คือ การบัญญัติให้สมณะงดเดินทางช่วงเข้าพรรษา เพราะไปเบียดเบียนชาวบ้าน ถามว่าพระท่านมีสิทธิที่จะเดินไปไหนมาไหนได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ แม้ท่านจะมีสิทธิ แต่ถ้าเบียดเบียนผู้อื่น พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงอนุญาต ผู้ที่ยังฝืนกระทำ ก็ไม่ชื่อ สมณะ
อีกตัวอย่างครับ พระวินัยหมวด เสขิยกัณฑ์ ในปกิณณกะ หมวดเบ็ดเตล็ด ท่านไม่ให้ยื่นถ่ายปัสสาวะ ซึ่งผู้ที่บวชพระจะทราบกันดี
ถามว่า การจะยืนหรือนั่งถ่ายปัสสาวะ เป็นสิทธิของสมณะหรือไม่ คำตอบคือ ยิ่งกว่าเป็นสิทธิเสียอีก เป็นเรื่องเฉพาะตัวและเป็นกิจที่อยู่ในที่รโหฐานด้วย แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้ามไว้
ผมเคยถามพระว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องห้ามพระยืนถ่ายปัสสาวะ มีข้อเสียอย่างไร ท่านตอบว่า เคยเห็นที่ถ่ายปัสสาวะชาย มีข้อความเขียนว่า ให้ถ่ายให้ตรงโถไหมละ เหตุเพราะหากยืนถ่ายปัสสาวะ จะกระเด็นทำให้เปรอะเปื้อนห้องสุขา ลองนึกดูว่า ถ้าภิกษุ 9 รูป เข้าไปยืนถ่ายในห้องสุขาบ้านโยม มันจะสะอาดเหมือนนั่งถ่ายหรือไม่
สิ่งที่พระท่านอธิบายให้ฟังก็คือ การยืนถ่ายปัสสาวะ เป็นการเบียดเบียนชาวบ้าน แม้เป็นสิทธิส่วนตัวที่อยู่ในที่รโหฐานไม่มีคนเห็น ท่านก็ยังห้ามไว้
การเดินธุดงค์ของธรรมกาย ผู้จัดไม่รู้หรือว่า จะทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน ถ้ารู้แล้วยังขืนทำ ย่อมเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น แต่ถ้าอ้างว่า คิดไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำให้รถติด ก็น่าจะไปตรวจสอบปัญญาดูหน่อยว่าอ่อนนิ่มขนาดไหนแล้ว หรือว่าเละเป็นน้ำไปแล้ว
และที่คุณ Suwitw ไปคิดถึงเรื่องพญามารที่จะทำให้พระพุทธเจ้าลุกจากที่ที่พระพุทธองค์กำลังปฏิบัติอยู่นั้น มันเกี่ยวกันได้อย่างไร และการธุดงค์นี้ นำไปเปรียบกับการบำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้าเลยหรือ จะยกผู้ธุดงค์ที่|น่าจะเป็นเพียงสามเณรไปเทียบเท่าพระพุทธเจ้าเลยหรือ
ระวังจะต้องไปอยู่กับเทวทัตนะครับ
สำหรับอีกความเห็นหนึ่ง ที่ถามว่า ผมเป็นเจ้าศาสนาใดนั้น ขอตอบว่า ผมเป็นอุบาสกในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ไม่เคยบิดเบือนพระธรรมวินัย ไม่เคยนำบุญมาเป็นสินค้า ไม่เขียนพระไตรปิฎกขึ้นใหม่ ผมเชื่อในแนวทางตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่คิดจะเพ่งลูกแก้วเพราะไม่มีอยู่ในกรรมฐาน 40
ส่วนที่คุณ Suwitw ยกเรื่องภิกษุอยู่ป่า 5 จำพวก ตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้นั้น กรุณายกให้หมด เพราะยังมีข้อความที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้อีกว่า ท่านสรรเสริญภิกษุผู้อยู่ป่า เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัยความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า
ท่านไม่ได้ตำหนิผู้อยู่ป่า แต่ท่านจำแนกให้เห็นถึงการปฏิบัติที่แตกต่างกัน และท่านสรรเสริญหรือชี้ทางที่ถูกต้องให้ปฏิบัติ
ผมไม่ทราบว่า คุณ Suwitw ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร ต้องการให้เห็นว่า การอยู่ป่าไม่ดีอย่างนั้นหรือ
สิ่งที่คุณ Suwitw ควรทำ คือ หาคำตอบให้ได้ก่อนว่า ผู้ที่มาเดินธุดงค์ ทำธรรมให้บรรลัยนั้น เป็นพระหรือเป็นเณร ถ้าเป็นพระก็อาบัติกันทั้งกลุ่มที่เดินธุดงค์
ผู้ที่เข้าใจธรรมวินัยผิดเพี้ยน นับเป็นกรรมของผู้นั้นมากอยู่แล้ว หากไปสอนให้คนอื่นเชื่อในความผิดเพี้ยนนั้นด้วย นรกเท่านั้นที่เป็นจุดหมายปลายทางที่แน่นอน
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านบทความ ธุดงค์ธรรมบรรลัย(1) ตามไปอ่าน ได้ที่นี่ครับ>>
http://bit.ly/Vlfkmp