โอบามา..ทำไมจึงญาติดีกับทักษิณ? โดย เปลว สีเงินในขณะที่ทักษิณปลื้มกับบทบาทน้องสาวของเขาจนน้ำตาซึม แต่คนไทยแทบต้องเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ ทั้งเจ็บ ทั้งอาย ทั้งอดสู ต่อสายตาดูหมิ่น-ดูแคลน คละเคล้าเสียงหัวเราะหยามเย้ยจากชาวโลก อันมาจากพฤติกรรมนายกรัฐมนตรีไทยที่ชื่อ "นางสาวยิ่งลักษณ์" ในบทบาท Woman's touch ต่อประธานาธิบดีโอบามา ที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกนำไปประจานชนิดไม่ไว้หน้า ถึงขั้นใช้คำว่า Seductive glance ขยายความ All in the eyes ของยิ่งลักษณ์!
คนไทยที่อยู่ในประเทศ "ไทยมองไทย" ก็พอเข้าใจพฤติกรรมจากสันดานได้อยู่ แต่คนไทยที่อยู่ต่างประเทศซีครับ จะอธิบายเป็นการแก้ไขภาพลักษณ์ประเทศ โดยเฉพาะภาพลักษณ์หญิงไทยให้ชาวต่างชาติเขาเข้าใจตรงความเป็นจริงได้ขนาด ไหน?
แค่คิด ผมยังทั้งเหนื่อย (ใจ) ทั้งอายแทน!
โลกออนไลน์ตอนนี้ว่อนไปหมด ทั้งจริง ทั้งเอาจริงตัดต่อเสริมแต่งเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเวอร์ชั่นต่างๆ นานา โดยมีโอบามา-ยิ่งลักษณ์ เป็นพระเอก นางเอก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ไม่ทันข้ามคืน ด้วยบทบาท Woman's touch ของยิ่งลักษณ์ เธอเข้าสู่บท
"เจ้าแม่ล่มเมือง" ได้เต็มตัว!
ด้วยยุคสมัย "เทคโนโลยีการสื่อสารครองโลก" ถึงแม้สื่อใต้ระบอบทักษิณจะทำตัวเป็น "มือเดียวปิดฟ้า" ด้วยไม่นำเสนอ ไม่พูดจาถึงพฤติกรรมฉาวโลก แต่ก็ไม่สามารถปิดหรือกลบบทบาทน่าละอายของนายกฯ ไทยนางนี้ต่อการรับรู้-รับทราบของคนไทย-คนโลกได้
เพราะเรื่องฉาวในลักษณะคาวโลกนั้น มันเป็นไฟลามทุ่งด้วยระบบดาวเทียมสื่อสารทักษิณนั่นแหละ!
ไม่เชื่อก็ดูจาก Weekly World News ฉบับวันที่ ๑๙ พ.ย.ก็ได้ เขาพาดหัวตัวเท่าหม้อแกงบนหน้าหนึ่ง ทับรูป "กระสันสวาท" ด้วยคำว่า
THAI PRIME MINISTER FALLS IN LOVE WITH OBAMA
The Prime Minister of Thailand, Yingluck Shinawatra, has fallen madly in love with President Obama.
และใน "ภาพชุด" ที่นำประจาน ใต้ภาพหนึ่ง เขาเขียนคำอธิบายไว้สุดแสบ-สุดอายคล้ายสักหมึกไว้กลางหน้าผากคนไทยทั้งมวล เป็นข้อความว่า........
Prime Minister Shinawatra is lovesick and wants to return with President Obama to live with him at The White House. "The Prime Minister doesn’t care if she is the second wife to Michelle, she just wants to be with Barack Obama and will do anything for him," said a source in the Thai government. "She’s madly in love."
ไม่เพียงสื่อภาษาอังกฤษ กระทั่งสื่อภาษาจีน หนังสือพิมพ์ "ไชนาเดลี" อันเป็นสื่อทางการของรัฐบาลจีน ยังลงข่าวหน้า ๑ ชาวบ้าน-ชาวเมืองวิพากษ์-วิจารณ์นายกฯ ไทยไปในทางดูหมิ่น-ดูแคลนกันฉาวฉาน ผมอ่านจีนไม่ออก วานพรรคพวกเขาอ่านพาดหัวได้ความว่า
"โอบามาและนายกรัฐมนตรีสาวสวยของไทยดูเหมือนจู๋จี๋กันออกนอกหน้า ทำให้คนจีนเห็นแล้วรับไม่ได้"
นี่เฉพาะจากหนังสือพิมพ์ทางการรัฐบาลจีนนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงด้วยเสียงวิจารณ์เสียๆหายๆ อื้ออึงจากคนจีนตามเว็บต่างๆ เอาหละ...ถ้าท่านอยากรู้รายละเอียดอันเป็น "ท่าทีจีน" ต่อกรณีนี้ คลิกไปที่
http://www.chinadaily.com.cn/hqzx/2012-11/19/content_15941848.htm อ่านดู แล้วจะรู้ว่า ทางจีนเขามีความรู้สึกตอบสนองบทบาท "ยิ่งลักษณ์-โอบามา" แบบไหน อย่างไร?
มาดูภาพรวมในการมาเยือนไทยของโอบามาบ้าง ผมว่าโอบามา "ได้ใจคนไทย" ร้อยละ ๙๙.๙๙ ก่อนมา แสดงว่าโอบามาศึกษา "สังคมไทย" มาด้วยความเข้าใจลึกซึ้ง ทั้งหมด-ทั้งมวล สรุปได้จากการเข้าเฝ้าฯ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ของประชาชนคนไทย
มาดที่เป็นบุคลิกเด่นของโอบามาชินตาชาวโลกคือ นั่งที่ไหน ไม่ว่ากับใคร โอบามาเป็นต้อง "นั่งไขว่ห้าง" กระทั่งจากไทย ไปพบประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ที่พม่า ภาพที่ปรากฏ โอบามานั่งไขว่ห้างคุยกับเต็ง เส่ง สบายอารมณ์
แต่เป็นภาพแรก-ครั้งแรกก็ว่าได้ที่โอบามานั่งสำรวม ค้อมหลังน้อยๆ สองมือกุมวางไว้บนตัก สองเท้าวางบนพื้น เข่าชิด ในการเข้าเฝ้าฯ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"!
และตลอดเวลาที่เรียกว่า "การสนทนา" โอบามาสำรวมระวัง กิริยานอบน้อม นุ่มนวล ไม่มีการเผลอจนมีท่าทางหลุดใดๆ ปรากฏให้เห็น ภาพคืนวันนั้น เมื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน ผมกล้าพูดได้ว่า ไม่มีคนไทยคนไหนที่เห็นแล้วจะไม่ประทับใจ และไม่ปันใจรักให้กับโอบามา
กระทั่งกับต่างชาติ-ต่างภาษา โดยเฉพาะชาวตะวันตกที่มีบุคลิกทางวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่ง เมื่อเห็นบุคลิกภาพโอบามาเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" สำรวมเรียบร้อย เพียบพร้อมด้วยวัฒนธรรมตะวันออกของไทย สมกับผู้นำแห่งโลกอารยะ ผมว่าเขาต้องทึ่ง
ทึ่งในตัวโอบามา จากบุคลิกภาพ "ผู้นำโลก" ที่เปลี่ยนแปลกตาด้วยท่าทีส่อถึงความเคารพ-เลื่อมใสต่อผู้อื่น อันไม่เคยปรากฏกับใคร ที่ไหนมาก่อน และจากจุดนั้น คนตะวันตกจะเกิดทัศนะศรัทธาต่อ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ด้วยความรู้สึกสืบเนื่องจาก "ความเข้าใจ" ที่โปร่งใส-ถูกต้อง
ตรงนี้โอบามา "ได้ใจ" ผมไปหมดเลย!
โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐคนนี้ ผมว่า "ไม่เบา" จะเป็นคู่ต่อสู้ของ "สีจิ้นผิง" ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีน ที่มีลำหัก-ลำโค่นใน "ศึกชิงยุทธภูมิแปซิฟิกและอุษาคเนย์" ที่ใครก็ไม่หย่อนกว่าใคร จากที่เห็น โอบามา "ทำการบ้าน" เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ร่วม ไทย-พม่า-เขมร-ลาว-จีน มาดีชนิด "เข้าถึงราก"
ไปพม่า ลงจากรถปุ๊บ ก็ยกมือพนมแต้ ไหว้นางอองซาน ซูจี ชนิดไม่มีอาการเก้งก้าง และการซบกอด จุมพิต-จุมฟอดนางอองซานนั้น ให้ความรู้สึกประหนึ่ง "มารดากับบุตร" ที่ห่างหน้ากันเนิ่นนาน เป็นการกอดและจูบสะท้อนนับถือศรัทธามาจากจิตใต้สำนึกบริสุทธิ์
ต่างกับท่าทีชายเจนสนาม-หญิงเจนศึก ณ ทำเนียบไทย ซึ่งให้ความรู้สึกต่างกันเหมือนหน้ามือ-หลังเท้า!
การที่โอบามาพกเจตนามาไทยด้วยหวังปูทาง-วางฐานยุทธศาสตร์ "ปิดล้อมจีน" ในภูมิภาคนี้นั้น ในภาพกว้างว่ากันไม่ได้ เพราะการเมืองระหว่างประเทศนั้น ใครๆ ก็หวังประโยชน์ที่ประเทศตนจะพึงได้จากอีกฝ่ายเหมือนกันหมด
ในโลกที่เป็นจริง การณ์ทุกอย่าง ใครจะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว โดยไม่ยอมเสียบ้าง ก็ย่อมไม่ได้ และใครจะเสียฝ่ายเดียว โดยไม่ได้อะไรมาแลกเปลี่ยน ก็ย่อมไม่ได้ ในการคบหาเป็นมิตรสหายของไทย กับทั้งสหรัฐ และกับทั้งจีน ก็ย่อมอยู่ในฐานนี้
หลักใหญ่-ใจสำคัญอยู่ตรงว่า จะใช้ประโยชน์ชาติ-ประโยชน์ประชาชนอันเป็นส่วนรวม "เป็นตัวตั้ง" ในการยอมได้-ยอมเสีย หรือ...จะใช้ประโยชน์เฉพาะตน-เฉพาะตระกูลและพวกพ้อง "เป็นตัวตั้ง" แล้วเอาประโยชน์ชาติไปแลก ซึ่งนั่นเป็นการได้เฉพาะตน
แต่เสีย "ทั้งชาติ"!
คำถามที่คนไทยทั้งประเทศอยากรู้คำตอบจากปากโอบามาว่า "ทำไมจึงยอมให้ทักษิณเข้าประเทศ และมีการคบหารัฐบาลทักษิณ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประณามทักษิณว่า The crook?" แต่นักข่าวหน้าม้ารัฐบาลระบอบทักษิณไม่ถาม กลับเฉไฉด้วย "พูดฝรั่งได้" แล้วถามคำถามงั่งๆ ที่ทั้งฝรั่ง-ทั้งไทยไม่สนใจจะรู้
ประเด็นนี้ คือประเด็นโอบามาพลิกกลับมาคบหาระบอบทักษิณ สื่อฝรั่งและคนในวงทักษิณเองนั่นแหละซุบซิบกันให้แซดว่า ด้วยนโยบายสหรัฐจะกลับมาใหญ่ในแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหตุนั้น ผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างทักษิณกับสหรัฐจึงเกิดขึ้น
ทักษิณได้วีซ่าเข้าสหรัฐ สหรัฐได้รับเชิญเข้ามาใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพ ทักษิณรับเจรจากรุยทางเข้าพม่าให้สหรัฐ โดยพม่ามีสัมปทานทางธุรกิจแลกเปลี่ยน ตลอดถึงความร่วมมือทางการทหารระหว่างไทย-พม่า-สหรัฐ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ ผลประโยชน์ทักษิณ-สหรัฐตรงกัน
สหรัฐต้องการไทย ต้องการพม่า เพื่อตัดทางออกมหาสมุทรอินเดียและอันดามันเป็นการปิดล้อมจีน ในขณะเดียวกัน ทักษิณเองทำให้เห็นว่าสนิทสนมกับจีน แต่ความจริงแล้ว "จีนไม่เอาทักษิณ"!
ทำเป็นบินเข้า-ออกจีนให้เป็นข่าว แต่เปล่าหรอก...ไปก็ไปได้ แต่จีนตีกรอบให้แกร่วอยู่แถบๆ สนามบินปักกิ่งเหมือน "หมีแพนด้าในกรง" เท่านั้น จะไปโน่น-ไปนี่ทั่วเมืองจีนตามใจชอบไม่ได้
โอบามากับทักษิณเคยพบกันมั้ย....ผมไม่ทราบ แต่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เขียนเป็น "รายงานข่าว" ไว้ท้ายข่าวการมาเยือนไทยของโอบามาอย่างนี้ครับ...
Reporters were led out of the room as the group continued to talk, Obama could be overheard saying he met with Prime Minister Thaksin Shinawatra in Bali last year and that it strengthened our relationship as we left.
เอ้า...เพื่อความชัดเจนว่าไม่ใช่ผมพูดเองส่งเดช ท่านคลิกไปอ่านเองที่.....
http://www.washingtonpost.com/blogs/worldviews /wp/2012/11/18/president-Obama-secretary-of-state-clinton-meet-King-of-thailand/
ท่านจำได้ใช่มั้ย "คดีวอเตอร์เกต" ที่ทำให้ประธานาธิบดีนิกสันต้องตกเก้าอี้ ก็เพราะการเจาะข่าวของวอชิงตันโพสต์นี่แหละ และเมื่อวอชิงตันโพสต์เขียนไว้อย่างนี้ ใครล่ะ...กล้าปฏิเสธ ฉะนั้น ระวังนะ ไอ้เบื๊อกตนไหนออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐมาเทียบท่าแถวๆ แหลมฉบังนั่นน่ะ
จริงก็ดีไป แต่ถ้าเท็จแล้วปกปิด.... ก็จะรู้ว่าจีน "ซีเรียส" ขนาดไหนกับเรื่องนี้
ในทันที-ทันใด บอกไม่เชื่อ!