23 พฤศจิกายน 2567, 03:20:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 33  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน  (อ่าน 328800 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #525 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2554, 10:47:58 »


                         

         ปัญหาประเทศทั้งหมดแก้ได้ด้วยการเมือง ถ้าการเมืองถูกต้องเป็นประชาธิปไตย มีตัวแทน
ทุกสาขาเป็นตัวแทน ซื้อเสียงยาก นักธนกิจการเมืองไม่สามารถซื้อตัวแทนได้ จะแก้ปัญหาได้ั


                             

         มาร่วมรณรงค์ให้ สส.ที่เป็นตัวแทนต้องร่วมแก้(รัฐธรรมนูญกำหนดให้ สส.เสนอแก้ได้)
แก้ให้เป็นสภาประชาธิปไตย5000 แทน สภา500 ต้องใช้พลังประชาชนในการทำสิ่งยากๆนี้
เพราะเป็นการทุบหม้อข้าว สส.ยากมาก ๆๆๆ !!! ต้องใช้พลังมวลชนรวมกันเพื่อทำการแก้นี้

                     

         ที่ประชุมกรรมการสภามหาวิยาลัยแห่งประเทศไทย(ทกสท.)ทำหน้าที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ
ไม่ต้องแต่งตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ สสร.ให้สงสัยความเป็นกลาง ใช้นายกสภามหาวิทยาลัย
ที่ได้รับการเลือกจากคณบดีทั้งมหาวิทยาลัยให้เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ให้ทุกแห่งรวมกัน
เป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ สสร.ได้ มีคณบดีทุกคณะในมหาวิทยาลัยเป็นกรรมการที่ปรึกษา จะเป็น
ร่่างรัฐธรรมนูญที่ทันสมัยเพราะคณบดีและนายกสภามหาวิทยาลัยต้องทันสมัยที่สุด เมื่อได้
ร่างรัฐธรรมนูญแล้วนำมาให้ประชาชนลงประชามติได้

         ไม่ต้องใ่ช้กรรมการการเลือกตั้ง กกต.ในการเลือกตั้ง ใช้"ศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน"
ที่กระทรวง ไอซีที กำลังจัดให้มีทุกชุมชน http://thaitelecentre.org/main/index.php ทำ
หน้าที่แทนได้ เมื่อมาใช้สิทธิ์ให้ลงทะเบียนทางไอซีที จะลงซ้ำไม่ได้อีกเมื่อใช้สิทธิ์ไปแล้ว
เมื่อลงทะเบียนแล้วให้เข้าใช้สิทธิ์แล้วพิมพ์สำเนาให้เก็บไว้ ถ้าสงสัยผลการโหวตขอสุ่มตรวจว่า
ผลการลงคะแนนตรงกันหรือไม่ ถ้าหมดข้อสงสัยก็ประการผลการใช้สิทธิ์ได้ทันที

         พรรคการเมืองยังมีอยู่เหมือนเดิมแต่ส่งได้เฉพาะทีมรัฐบาล เข้ามาดีเบตแข่งกันในสภา
ที่มีสมาชิกสภา เป็นนายกกลุ่มตามที่รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้เข้ามาเป็น สส.ได้เป็นผู้ฟังการดีเบต
เมื่อเลือกได้รัฐบาลจากพรรคหนึ่งแล้ว ให้พรรคการเมืองอันดับรองได้เป็นรัฐบาลเงาด้วยเพื่อให้
เข้ามาเป็นสมาชิกสภา เพื่อร่วมแก้ปัญหาที่นายกกลุ่ม คือ สส.เสนอเข้ามา สภาจะจัดกลุ่มปัญหา
ที่คล้ายกันไว้ด้วยกัน แล้วแก้ไขตามลำดับความสำคัญด้วย.....

                             

         วงจรคุณภาพ Plan Do Check Act : PDCA โดยสมาชิกสภาฯ ร่วมกันระดมสมองคิดวิธีแก้
ให้เป็นแผน Plan ให้รัฐบาลนำไปทำ Do มีหน่วยประเมินผลการทำงาน Check ให้สภาทราบเพื่อ
ร่วมแก้ไข Act or Approved เมื่อได้แผนใหม่ ให้รัฐบาลนำไปทำต่อ

          วงจรคุณภาพPDCA หมุนไปตลอดปัญหาก็จะน้อยลง

         ผลงานของนายกกลุ่ม และ พรรคการเมือง ที่เป็นรัฐบาลกับรัฐบาลเงาที่ช่วยแก้ปัญหาในสภา
จะเป็นตัวชี้วัดให้ได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองสมัยต่อไป

          สภาเผด็จการรัฐสภา 500VSสภาประชาธิปไตย 5000
          Open Group 814 Members87 Photos11 Docs ที่

     https://www.facebook.com/groups/165921873483752/

                          win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #526 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2554, 12:13:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 06 พฤศจิกายน 2554, 10:18:17
มา ครับ มารับ  EM ball
รับแล้ว อย่าเอาไปใส่บาตรพระ นะเพื่อน มันบาป....
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #527 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2554, 12:15:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Samrotri2517 เมื่อ 06 พฤศจิกายน 2554, 10:47:58

                         

         ปัญหาประเทศทั้งหมดแก้ได้ด้วยการเมือง ถ้าการเมืองถูกต้องเป็นประชาธิปไตย มีตัวแทน
ทุกสาขาเป็นตัวแทน ซื้อเสียงยาก นักธนกิจการเมืองไม่สามารถซื้อตัวแทนได้ จะแก้ปัญหาได้ั


                             

         มาร่วมรณรงค์ให้ สส.ที่เป็นตัวแทนต้องร่วมแก้(รัฐธรรมนูญกำหนดให้ สส.เสนอแก้ได้)
แก้ให้เป็นสภาประชาธิปไตย5000 แทน สภา500 ต้องใช้พลังประชาชนในการทำสิ่งยากๆนี้
เพราะเป็นการทุบหม้อข้าว สส.ยากมาก ๆๆๆ !!! ต้องใช้พลังมวลชนรวมกันเพื่อทำการแก้นี้

                     

         ที่ประชุมกรรมการสภามหาวิยาลัยแห่งประเทศไทย(ทกสท.)ทำหน้าที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ
ไม่ต้องแต่งตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ สสร.ให้สงสัยความเป็นกลาง ใช้นายกสภามหาวิทยาลัย
ที่ได้รับการเลือกจากคณบดีทั้งมหาวิทยาลัยให้เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ให้ทุกแห่งรวมกัน
เป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ สสร.ได้ มีคณบดีทุกคณะในมหาวิทยาลัยเป็นกรรมการที่ปรึกษา จะเป็น
ร่่างรัฐธรรมนูญที่ทันสมัยเพราะคณบดีและนายกสภามหาวิทยาลัยต้องทันสมัยที่สุด เมื่อได้
ร่างรัฐธรรมนูญแล้วนำมาให้ประชาชนลงประชามติได้

         ไม่ต้องใ่ช้กรรมการการเลือกตั้ง กกต.ในการเลือกตั้ง ใช้"ศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน"
ที่กระทรวง ไอซีที กำลังจัดให้มีทุกชุมชน http://thaitelecentre.org/main/index.php ทำ
หน้าที่แทนได้ เมื่อมาใช้สิทธิ์ให้ลงทะเบียนทางไอซีที จะลงซ้ำไม่ได้อีกเมื่อใช้สิทธิ์ไปแล้ว
เมื่อลงทะเบียนแล้วให้เข้าใช้สิทธิ์แล้วพิมพ์สำเนาให้เก็บไว้ ถ้าสงสัยผลการโหวตขอสุ่มตรวจว่า
ผลการลงคะแนนตรงกันหรือไม่ ถ้าหมดข้อสงสัยก็ประการผลการใช้สิทธิ์ได้ทันที

         พรรคการเมืองยังมีอยู่เหมือนเดิมแต่ส่งได้เฉพาะทีมรัฐบาล เข้ามาดีเบตแข่งกันในสภา
ที่มีสมาชิกสภา เป็นนายกกลุ่มตามที่รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้เข้ามาเป็น สส.ได้เป็นผู้ฟังการดีเบต
เมื่อเลือกได้รัฐบาลจากพรรคหนึ่งแล้ว ให้พรรคการเมืองอันดับรองได้เป็นรัฐบาลเงาด้วยเพื่อให้
เข้ามาเป็นสมาชิกสภา เพื่อร่วมแก้ปัญหาที่นายกกลุ่ม คือ สส.เสนอเข้ามา สภาจะจัดกลุ่มปัญหา
ที่คล้ายกันไว้ด้วยกัน แล้วแก้ไขตามลำดับความสำคัญด้วย.....

                             

         วงจรคุณภาพ Plan Do Check Act : PDCA โดยสมาชิกสภาฯ ร่วมกันระดมสมองคิดวิธีแก้
ให้เป็นแผน Plan ให้รัฐบาลนำไปทำ Do มีหน่วยประเมินผลการทำงาน Check ให้สภาทราบเพื่อ
ร่วมแก้ไข Act or Approved เมื่อได้แผนใหม่ ให้รัฐบาลนำไปทำต่อ

          วงจรคุณภาพPDCA หมุนไปตลอดปัญหาก็จะน้อยลง

         ผลงานของนายกกลุ่ม และ พรรคการเมือง ที่เป็นรัฐบาลกับรัฐบาลเงาที่ช่วยแก้ปัญหาในสภา
จะเป็นตัวชี้วัดให้ได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองสมัยต่อไป

          สภาเผด็จการรัฐสภา 500VSสภาประชาธิปไตย 5000
          Open Group 814 Members87 Photos11 Docs ที่

     https://www.facebook.com/groups/165921873483752/

                          win win win


น่าสนใจครับ แต่ขอศึกษารายละเอียดก่อนนะครับ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #528 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2554, 10:26:02 »

กลุ่ม111"จี้ปลด"ยิ่งลักษณ์"พ้นนายกฯเซ่นน้ำท่วมก่อนพรรคพัง

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


แกนนำ"บ้านเลขที่ 111"จี้ปลดพ้น"ยิ่งลักษณ์"พ้นนายกฯสังเวยน้ำท่วม ก่อนพรรคพัง ดัน"เฉลิม-ประชา"คั่วนายกฯ ขัดตาทัพ

เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองขึ้มภายในพรรคเพื่อไทย(พท.) ต่อบทบาทการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยแหล่งข่าวจากกลุ่มบ้านเลขที่ 111 เปิดเผยว่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาแกนนำกลุ่มได้หารือและมีข้อเสนอว่า กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยควรจะโหวต เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ ใหม่ เพราะหากปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศต่อไป คะแนนของพรรคจะติดลบมากกว่านี้
 

"เสียงสะท้อนจากหลายพื้นที่น้ำท่วม ถล่มนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เละเทะ โดยเฉพาะเรื่องภาวะผู้นำ ไม่กล้าตัดสินใจ นายกฯ ไม่สามารถสั่งการให้ข้าราชการ และรัฐมนตรีต่างพรรคปฏิบัติตาม หรือแม้กระทั่งนักการเมืองภายในพรรคเพื่อไทย นายกฯ ยังไม่สามารถสั่งได้ และที่สำคัญชาวบ้านที่เป็นฐานเสียงของพรรคหลายคนรับไม่ได้กับการบริหารจัดการเรื่องน้ำของรัฐบาล"

แกนนำจากสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ระบุด้วยว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้ขึ้นมาเป็น "นายกฯ ขัดตาทัพ” ในเบื้องต้น คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หรือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม
 

"ร.ต.อ.เฉลิม นกรู้ที่สุดในวิกฤติน้ำ เขาชิ่งออกจากระบบ ไม่มีข่าวด้านลบเลย จุดเด่นของ ร.ต.อ.เฉลิม คือกล้าคิด และกล้าตัดสินใจ แต่ พล.ต.อ.ประชา มีปัญหา ตอนนั่ง ศปภ. ทั้งประเด็นการสื่อสารและสั่งงาน ที่ไม่มีประสิทธิภาพ" แหล่งข่าวระบุ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #529 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2554, 10:30:39 »

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 06:09
กองทัพประเมิน“ยิ่งลักษณ์”สอบตกแก้น้ำท่วมแจงยิบ12เหตุผล

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

   
    กองทัพประเมิน "ยิ่งลักษณ์" สอบตกแก้น้ำท่วม แจงละเอียด 12 เหตุผล"ขาดภาวะผู้นำ-สั่งใครไม่ได้-การเมืองครอบ-ปกปิกข้อมูลประชาชน"

ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง และกรุงเทพมหานคร(กทม.) ส่งผลต่อการตั้งคำถามถึงความรู้สามารถในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล โดยเฉพาะภาวะความเป็นผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งล่าสุดก็มีการประเมินกันในแวดวงกองทัพด้วย

แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (6 พ.ย.) ว่า ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ของไทย ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือและถกเถียงกันในระหว่างการประชุมนายทหารระดับสูงของกองทัพ โดยเห็นตรงกันว่า นายกฯ ขาดความเด็ดขาดและกล้าตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้ ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลถาโถมเข้าสู่กทม. และนำพาให้ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างหนัก

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ ได้สรุปข้อผิดพลาดของนายกฯ  ในการบริหารจัดการน้ำท่วม มีทั้งหมด 12 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขาดประสบการณ์ในการบริหารราชการ และไม่เข้าใจในการใช้เครื่องมือทางฝ่ายบริหารที่มีอยู่ ทั้งในส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น

2.เลือกใช้กฎหมายที่มีอยู่ไม่ถูกต้องต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ต้องให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บริหารจัดการ ขณะที่รัฐบาลเองไม่กล้าที่จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่ต้น

3.เรื่องกำหนดตัวบุคคล หรือจัดองค์กรในการเข้ามาดูแลศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ใช้คนไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องน้ำเข้ามาแก้ไข โดยเฉพาะ ผอ.ศปภ. แทนที่จะเป็นกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นกระทรวงยุติธรรม

4.บทบาทของฝ่ายการเมืองมีลักษณะเป็นการทำเพื่อหวังผลทางการเมือง บนความทุกข์ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการแจกของ โดยแจกให้เฉพาะคนกลุ่มคนเสื้อแดง หรือผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลเป็นหลัก ทำให้เกิดความขัดแย้งของประชาชนในหลายจุด

5.ความไม่เข้าใจของนายกฯ และรัฐมนตรี และศปภ. ต่อภูมิศาสตร์ หรือภูมิสถาปัตย์ หรือกายภาพของประเทศ ว่าทิศทางเดินทางของน้ำควรเดินไปทางไหน ซึ่งไม่เข้าใจธรรมชาติของน้ำ และธรรมชาติของภูมิภาค
6.รัฐบาลไม่เลือกพื้นที่ หรือจัดระดับความสำคัญว่า รัฐบาลจะให้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่สงวนไม่ให้เกิดความความเสียหาย แต่รัฐบาลแก้ไขปัญหาโดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป็นตัวตั้ง แทนที่จะเอามิติทางสังคมของประเทศไทยเป็นตัวตั้ง

7.การบริหารจัดการน้ำของนายกฯ แก้ปัญหาแบบคล้ายๆ ขายผ้าเอาหน้ารอด คือการเอาคนในพื้นที่ไปอยู่ท้ายน้ำ และเอาคนไปอยู่เส้นทางน้ำผ่านทั้งหมด จึงทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นทวีคูณ แม้แต่ ศปภ.ยังต้องอพยพและไปอยู่ท้ายน้ำเหมือนกับการอพยพประชาชน

8.รัฐบาล และ ศปภ.ปกปิดข้อมูลที่สำคัญบางอย่างกับประชาชน คือปริมาตรน้ำที่มีอยู่ พูดภาษาราชการเกินไป แทนที่จะบอกว่าขณะนี้ระดับไหนถึงไหน ขณะที่ปริมาตรน้ำเข้ามาใน กทม. แจ้งกันในเฟซบุ๊ก ทำให้ข้อมูลข่าวสารได้รับเพียงประชาชนคนชั้นกลางที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำไม่เคยรับรู้เรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
9.การเมืองระหว่างรัฐบาลกับผู้ว่าฯ กทม.ที่ใช้เวทีบริหารจัดการน้ำ มาชิงพื้นที่ทางการเมือง ส่งผลให้การบูรณาการทั้งระบบล้มเหลว

10.วิธีการของรัฐบาลที่เรียกว่าจับราชการแยกออกจากกัน ด้วยการสร้างอาณาจักรตำรวจ ขึ้นมาแข่งกับทหาร โดยมอบหมายภารกิจของทหารให้ตำรวจทำ แทนที่จะให้จับโจรผู้ร้าย
 11.การสื่อสารของรัฐบาลไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในการนำเสนอให้ประชาชนได้รับรู้ ที่ผ่านมารัฐบาลเสนอข้อมูลแบบซ้ำไปซ้ำมา
และ 12.เรื่องการขุดเจาะถนนเพื่อระบายน้ำถือว่ามีความจำเป็น แต่รัฐบาลปฏิเสธที่จะทำเรื่องดังกล่าว

นายทหารระดับสูงจากกองทัพ ยังยืนยันด้วยว่า แม้กองทัพจะมองเห็นจุดด้อย และวิจารณ์การบริหารของนายกฯ  แต่พรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ต้องกลัวว่าทหารจะออกมาปฏิวัติ เพราะในสถานการณ์แบบนี้ กองทัพต้องเลือกที่จะช่วยเหลือประชาชนก่อน และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ออกมาย้ำหลายครั้งว่า ทหารไม่ปฏิวัติแน่นอน

 


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #530 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2554, 14:52:19 »

"คมทหารเฉือนคมการเมือง"  By thaipost  Created 3 Nov 2554 - 00:00

               "ยิ่งลักษณ์" คนเก่งออกอาการ "ปัดความรับผิดชอบ" แล้วมั้ยล่ะ หนูเหนื่อย หนูตั้งใจทำงาน ๒๔ ชั่วโมง หนูขอความเห็นใจ หนูชักไม่สนุกแล้วนะ และหนูก็ไม่รู้เรื่องประตูน้ำ พี่ๆ ผู้มีบารมีในพรรคเขาสั่งให้หนูเปิดประตู หนูก็เปิด เปิดแล้วน้ำแตกพรูเข้าท่วมกรุงเทพฯ อาจท่วมหมดทั้ง ๕๐ เขต หนูก็ไม่รู้ ๑๒-๑๗ พ.ย.นี้ หนูจะไปประชุมเอเปกที่ฮาวาย หนูจะไปแสดงวิสัยทัศน์ผู้นำถึง "วิธีเอาอยู่" ให้แต่ละประเทศเขาฟัง!      พวกผู้นำเอเปกจะบอกเวลคัม หรือเวรกรรมก็ไม่รู้นะ รู้แต่ว่าการใช้อาญาสิทธิ์ตามกฎหมายพิเศษสั่งให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เปิดประตูระบายน้ำคลองสามวาให้ทะลักเข้ากรุงเทพฯ ชั้นในครั้งนี้      ความดี-ความชอบ "ถ้ามี" ยกให้ยิ่งลักษณ์ แม่ย่านางเหนือหัวคนในพรรค นปช.เพื่อไทยแต่ผู้เดียว      แต่ถ้าไม่มี...!?     มีแต่เสียงก่นด่ากับการเอาอำนาจนายกฯ มาเล่นแบบ "หนูไม่รู้" แล้วหนูก็สนุกกับอำนาจ สั่งไปเรื่อยจนน้ำเลื้อยไล่ตามมาจ่อคอหอยถึง ศปภ.ที่กระทรวงพลังงานขณะนี้ หนูไม่ต้องเครียด หนูไม่ต้องรับผิดชอบหรอก
              เพราะพวก ลุง ป้า น้า อา หัวหงอก-หัวดำทั้งหลาย เขาตั้งคณะทำงานเป็น "ตุ๊กตาเสียกบาล" แทนให้แล้วตอนนี้! ฉะนั้น ความวิบัติจากการปล่อยให้ชาวบ้านทุบประตูคลองสามวา และที่สั่งเปิดประตูให้น้ำไหลเข้ามาชั้นใน เป็นการเอาใจนักการเมืองในพื้นที่เลือกตั้งของพรรคนั้น      ยิ่งลักษณ์ไม่รู้เรื่องด้วยนะ...      เพราะยิ่งลักษณ์เป็น "นายกฯ ลอยตัว" น่ะ!

              พื้นที่กรุงเทพฯ มี ๑,๕๖๘ ตารางกิโลเมตร แต่จะจมหมด หรือจะจมบางพื้นที่ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมที่เหลือในย่านนั้นด้วย ชะตาอนาคตก็ฝากไว้ที่คลองสามวา กับคลองหกวา รวม ๙ วานี่แหละ ซึ่งผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ก็อธิบายความสำคัญให้นายกฯ ทราบครั้งแล้ว-ครั้งเล่า     ถึงขนาด "สั่งด้วยวาจา" ครั้งแรก ผู้ว่าฯ จำต้องขัดคำสั่ง เพื่อเห็นแก่สถานการณ์รวมอันเลวร้าย-ถ้าเปิด แทนที่ยิ่งลักษณ์จะใคร่ครวญทวนทบ กลับเป็นคุณหนูไขลานให้พวกมังเกี้ยม-มังกือการเมืองในพรรค ส่งคำสั่งเป็น "ลายลักษณ์อักษร" (สำหรับมัดตัวเอง) ให้ผู้ว่าฯ กทม.ต้องทำ
              ธ่อ...ก็คุณเธอประกาศใช้อำนาจพิเศษ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่ผู้เดียว เมื่อสั่งแบบมีหลักฐานเช่นนี้ กทม.ก็จำต้องเปิดประตูให้น้ำไหลเข้า จะให้เข้ากี่เซน-กี่เมตรก็ช่างเถอะ ที่แน่ๆ จากการเปิดประตูนั้น      น้ำกรูเกรียวเข้าชั้นนอก-ชั้นใน ทั้งไชชอนขึ้นมาเป็นน้ำพุตามท่อระบาย วิภาวดีรังสิต "ทั้งสาย" กลายเป็นที่ประทับแม่พระคงคา อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็จงเตรียมรับมือกันไว้ เมื่อดูตามเส้นทางทัพ และเดาใจแม่พระคงคา รวมถึงนาคราชาที่ยกทัพมาสมทบทางบาดาล      "ทำเนียบรัฐบาล" เป้าหมายต่อไป!
              ต่อให้ตั้งบังเกอร์สูงท่วมหัวรายรอบทำเนียบฯ อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ก็เหอะ แล้วคอยดูความอัจฉริยะเหนือ "การหยั่งคำนวณด้วยมนุษย์" ของกองทัพน้ำ จะเห็นเองว่า ไพร่พลน้ำแทงทะลุแนวต้านทานเข้ายึดชั้นในทำเนียบรัฐบาลได้ด้วยวิธีไหน?
ทุกคนในรัฐบาลตอนนี้อยู่ในสภาพ "ปากแข็ง-ตูดนิ่ม" โดยเฉพาะยิ่งลักษณ์ ไม่สนุกในอำนาจแล้ว อยากโบ้ยภาระให้คนอื่นมารับไปแบกแทน      แต่พวกชายกระโปรงกลัวตกเก้าอี้ ทำเป็นยกยอปอปั้น ห้อมล้อมตบไม้-ตบมือให้กำลังใจ...ยิ่งลักษณ์เก่ง ยิ่งลักษณ์เป็นเลิศในธรณี ยิ่งลักษณ์หามีหญิงใดเทียม ยิ่งลักษณ์ต้องอยู่ ยิ่งลักษณ์ สู้...สู้ เป็นนายกฯ ต่อไป!
              ผมเพิ่งประจักษ์กับหู-กับตาตัวเองจากข่าวบ่ายวานนี้ (๒ พ.ย.๕๔) ว่าคนที่ซ่อนคมในฝัก คนที่รู้จักเล่นกับอำนาจโดยไม่เสียอำนาจ และคนที่สามารถสลายศาตราเป็นแพรพรรณได้ดีที่สุดในสถานการณ์นี้      คือ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"!     "ขอให้รัฐบาลสั่งมา" ทหารทำหมด ไม่บ่น-ไม่ท้อ-ไม่แย้ง-ไม่แข็งต่ออำนาจ ถูกบางคนด่า บางคนค่อนแคะ...ทหารนิ่ง เอาไงสั่งมา ทำให้ได้ทั้งนั้น เต็มที่-เต็มร้อย ไม่กั๊ก-ไม่อู้ พร้อมจมอยู่-ลอยอยู่ คู่กับพี่น้องประชาชนในทุกทิศ-ทุกที่ ที่ "แม่ทัพหญิง" บัญชา 
              แต่นั่นก็สามัญ แต่ที่วิสามัญคือเมื่อวานอย่างที่ว่า ท่านที่ติดตามข่าวคงทราบ ปัญหาที่คลองสามวา ด้วยนักการเมืองพื้นที่ประจบเอาใจชาวบ้าน การทำความเข้าใจกับชาวบ้านไม่ให้พังประตูระบายน้ำจึงเป็นไปได้ยาก ถึงระดับรัฐบาลเองก็ไม่มีน้ำยา    มองตากันไป-มองตากันมา แต่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างที่ใจคิด คือในความเป็นจริงวิกฤติบ้านเมืองเช่นนี้ ที่ไหนๆ เขาก็ต้องประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน แต่เมื่อเขาสอนให้นายกฯ หญิงพูดเก๋ๆ ว่า เราสู้กับน้ำ ไม่ได้สู้กับคน...ไม่ใช้ก็อย่าใช้ ใครเขาจะไปว่าอะไร
              แล้วก็อย่างที่เกิดกับทุกแห่งเวลานี้ ฝูงชนสับสน-วุ่นวาย กูจะเอางี้ มึงจะเอางั้น ตีกัน พังพนัง พังประตูกั้นน้ำกัน แล้วใครก็จัดการใครไม่ได้ ตำรวจน่ะเรอะ      เฮอะ...อย่าพูดดีกว่า!      พูดกันชัดๆ ในใจรัฐบาลตอนนี้ อยากโบ้ยปัญหาที่บริหารกันจนเละเทะให้ทหารแบก ก็มาดูกันนะครับว่า "ทหารอาชีพ" อย่างพลเอกประยุทธ์ เมื่อ "การทหาร" ใกล้ที่จะถูก "การเมือง" ลากเข้าไปทำหน้าที่ "ลาโง่" ช่วยแบกภาระ แล้วท่านจะใช้ "คมทหาร" เฉือน "คมการเมือง" อย่างไร?     คม "พลเอกประยุทธ์" คมเช่นนี้.......
              "ปัญหาที่คลองสามวาที่มีการพยายามทำลายพนังกั้นน้ำ ผมไม่ได้ตำหนิใคร ซึ่งเขาเข้าใจว่าถ้ากั้นน้ำตรงนี้ได้ ระดับน้ำจะลดลงและน้ำจะท่วมน้อยลง แต่เบี่ยงน้ำไปแล้วก็ลดลงไม่ได้ ๑๐๐% มันก็ยังท่วมอยู่เหมือนเดิม แต่ความคุ้มค่าการที่น้ำเข้ามาในพื้นที่ กทม.มากๆ จะทำให้น้ำท่วมทั้ง ๕๐ เขต หรือเข้าไปในนิคมบางชัน อาจจะทำให้หนักกว่าเดิม    ดังนั้นจะต้องดูว่าจะดูแลกันอย่างไร คิดว่าฝ่ายการเมืองคงจะดำเนินการ ผมไม่อยากไปก้าวก่าย ส่วนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น การใช้กฎหมายมีอย่างเดียว คือการบังคับใช้ว่าทำอย่างไรไม่ให้คนทำลายพนังกั้นน้ำ คือการเอากำลังไปต่อสู้กับประชาชน ยกตัวอย่างเมื่อเดือนเมษา-พฤษภาที่ผ่านมา ไม่ให้ประชาชนออกมาชุมนุมในพื้นที่ที่กำหนด ก็จำเป็นจะต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เช่นเดียวกันต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการห้ามประชาชนเข้ามารื้อคันกั้นน้ำ ซึ่งการเผชิญหน้ากันจะต้องสู้กันอย่างเมื่อวันก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดันกับประชาชน     สรุปว่าชาวบ้านก็ดันแนวทะลุ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำรุนแรงไม่ได้ กฎหมายปกติกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ต่างกัน การขัดขวางการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ "ผิดกฎหมาย" อยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะต้องรับผิดชอบก็จะต้องเอากฎหมายปกติ ถ้าใช้คนไม่ได้ก็จะต้องมีกระบี่กระบองไปสู้กัน หรือใช้มาตรการป้องกัน หรือมาตรการการปราบจลาจลในทำนองนั้น โดยตั้งแนวเจ้าหน้าที่ไม่ให้ชาวบ้านเข้ามา       แล้วท้ายที่สุดก็จะตีกัน ก็จะกลับไปเหมือนวงรอบเก่า เพราะตัวอย่างมีมาตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา นั่นคือการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่มีประโยชน์ มันก็มีประโยชน์ แต่ถ้าใช้กันจะทำให้ทะเลาะเบาะแว้งไปเรื่อยๆ ปัญหาคือ แล้วเราจะอยู่กันด้วยการใช้กฎหมายให้มันแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนหาทางออกไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะถูกสั่งมา ประเทศไทยจะอยู่กันแบบนี้หรือเปล่า? ผมไม่เข้าใจ...สิ่งที่สำคัญคือ จะต้องให้ความรู้กับประชาชนให้รู้จักเสียสละ รู้จักให้-รู้จักรับ และรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบประเทศไทย ถ้าอยู่กันด้วยกันกฎหมาย คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ จากน้ำท่วม เมื่อจบแล้วก็คงตีกันเรื่องอื่น ก็จะต้องมาบังคับใช้กฎหมาย
              อยากถามว่า...วันนี้ประชาชนยอมรับกฎหมายเท่าไหร่ อยากถามว่า...มันผิดกฎหมายหรือไม่ มันก็ผิดกันทั้งหมด จะเอาจับติดคุกให้หมด ที่ทำลายพนังคันกั้นน้ำ มีรูปอยู่แล้ว ไปจับมาดำเนินคดี สิ่งนี้ทำได้หรือไม่...ก็ทำไม่ได้ ถ้าใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ก็ถูกบังคับให้ต้องทำ ท้ายที่สุดก็จะต้องตีกับประชาชน และจะได้อะไรมา แต่ผมคิดว่า..ไม่ได้ เมื่อติดคุกก็จะต้องมีการประกันตัว สถานการณ์ก็จะกลับไปวงรอบเก่า”
              ครับ..อย่างนี้เรียกว่า "ฉลาดเป็นกรด" เป็นกรดด้วยส่วนผสมลงตัวระหว่างบู๊กับบุ๋น ก็ค่อยหายใจโล่งอกขึ้นหน่อยที่บ้านเมืองมีทหารที่ "เข้าใจอำนาจ-เข้าใจประชาชน" ได้แบบหยิน-หยาง      ถ้างั้นก็...๑๒-๑๗ พ.ย.นี้ ยิ่งลักษณ์ฉวยโอกาสประชุมเอเปก "ลี้ภัยความรับผิดชอบ" ไปแอ่นระแน้ที่ฮาวาย หรือจะแอบพบพี่ชายตัวดีด้วยก็ได้...รีบไปเถอะ     อยู่ก็รำคาญหู-รำคาญตาชาวบ้านที่หลงเชื่อว่า "เอาอยู่" แล้วมิดหัวเปล่าๆ แต่ที่คุยว่าจะแสดงวิสัยทัศน์ให้แต่ละประเทศเชื่อมั่นไทยด้วย "เอาอยู่โมเดล" นั้น...ไหว้ล่ะ ไม่ต้องก็ได้      ขึ้นไปอ่านผิดๆ ถูกๆ "ขายขี้หน้าประเทศ" เค้าน่ะ!
เปลว สีเงิน


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #531 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2554, 10:47:12 »

จากใจเสื้อแดงถึงนายกฯปู"เราผิดหวังในตัวคุณ"

    08 พฤศจิกายน 2554

"ว่ากันตามตรงเราพื้นที่สีแดง ทำไมความช่วยเหลือให้ไม่ถึง เราเลือกนายกหญิงมาเพราะหวังว่าจะเห็นใจเราจะช่วยเรา เราเสียใจหวังว่าจะมาช่วยมาอะไรพวกเราบ้าง"

โดย....พรสวรรค์ นันทะ

หลังสถานการณ์น้ำท่วมรุกคืบไหลเข้าพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในอย่างต่อเนื่อง คนกรุงเพทฯและประชาชนทั่วไปก็เรียกร้องให้ชาวชุมชนย่านคลอง 8 , 9 และ 10 เสียสละปล่อยให้น้ำท่วมบ้าน และยอมให้ปิดประตูระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำหลากไหลเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้ประชาชนในแถบนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด อดไม่ได้ที่จะน้อยใจและฝากความในใจถึงรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำนองว่าเราผิดหวังในตัวคุณ


นางปริชาติ วัฒนเขจร อายุ 40 ปี แกนนำชาวบ้านหมู่ 22 ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ ปทุมธานี  เขตพื้นที่เสื้อแดง ฝากคำพูดจากหัวใจถึงนายกฯยิ่งลักษณ์ ว่า พวกเราชาวบ้านแถบนี้ รักเรา เราเลือกกาคะแนนให้พรรคเพื่อไทยมาตลอด เพราะเรารักท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตร และคิดว่าน้องสาวท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นามสกุลเดียวกันจะช่วยชาวบ้าน โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นคนรักกันได้ดีกว่านี้  เราขยับหนีน้ำต่อไม้กระดานมาตลอดสูงขึ้นมาตลอด จนตอนนี้ไม่รู้จะหนีไปไหนแล้วมันชนหลังคาบ้านแล้ว ถุงยังชีพสักถุง หรือมาโผล่หน้ามาคุยมาถามไถ่พวกเราบ้าง ไม่เคย เราคนที่นี้ไม่ใช่ไม่เสียสละ เราเสียสละจนไม่มีที่ไปแล้ว มีไหมจะมาถามไถ่หรือส่งตัวแทนมาพูดคุยให้กำลังช่วยเหลือกันบ้างเกือบ 3 เดือนมานี่ แทบไม่เคยมีใครเยียบมาเลย

เธอบอกว่า ที่นี้หมู่ 22 มีทั้งหมด 62 ครัวเรือน ท่วมร้อยเปอร์เซ็นต์ในพื้นที่หน้าทดและหลังทด ไม่เคยได้ถึงยังชีพจากศปภ.หรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่เราได้ถุงยังชีพพระราชทานมากันแล้วรอบหนึ่งที่วัดสุวรรณแต่ได้เพียง 27 ครัวเรือน จากรัฐบาลถ้าจะมีก็มีเงินชดเชยครอบครัวละ 5,000 บาท มารอบแรกก็ไม่ครบ เพราะ 62 หลังคาเรือน ได้มา 33 หลังคาเรือน ที่เหลือล็อต 2 ยังต้องรอเงินก่อนไม่รู้เมื่อไร

"ว่ากันตามตรงเราพื้นที่สีแดง ทำไมความช่วยเหลือให้ไม่ถึง เราเลือกนายกหญิงมาเพราะหวังว่าจะเห็นใจเราจะช่วยเรา เราเสียใจหวังว่าจะมาช่วยมาอะไรพวกเราบ้าง ไม่ต้องตัวนายกฯยิ่งลักษณ์ก็ได้ แค่เป็นตัวแทนได้ พูดจากใจเราเลยนะ รักคนลำลูกกาเราบ้างคะแนนจากลำลูกกาไม่ใช่น้อยๆนะ ถ้าไม่รักท่านนายกฯทักษิณ คนลำลูกกาคงไม่ไห้พรรคเพื่อไทย ช่วยเราบ้างทีคะแนนยังอยากได้จากทุกคนอยากได้เยอะๆ ถ้ายังเป็นอย่างนี้เราคงไม่รักกันแล้ว เราบอกตามตรงเราผิดหวังท่านนายกฯยิ่งลักษณ์”นางปริชาติกล่าวตัดพ้อ"

นางปริชาติ กล่าวว่า ถึงการบริหารงานท่านนยกฯยิ่งลักษณ์จะไม่เก่งเหมือนท่านทักษิณ แต่ก็น่าจะดูแลเราบ้าง หรือจะให้เราเสียสละจะให้เราท่วมต่อมาคุยกับเราบ้างบอกเราบ้าง ว่าจะช่วยอะไรยังไงบ้าง มีเจอตัวบ้างแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้กำกับการจังหวัดเท่านั้น ซึ่งบางทีก็ชี้แจงไม่ได้ทั้งหมด วันนี้เราจึงอยากจะบอกว่าผิดหวังในตัวคุณ

นายบัณฑิต ขันมณี อายุ 66 ปี กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านเราไม่แน่ใจว่าทางรัฐบาลจะช่วยอะไรเราบ้าง เพราะเรารู้สึกสับสนที่รัฐบาลและกทม.เหมือนทำงานไม่ลงรอยกัน ทำให้ตอนนี้เราต้องช่วยตัวเอง น้ำท่วมมา 3 วันแล้ว ส.ส.ของเขตเรานายวิชาญ มีนชัยนันท์ จากพรรคเพื่อไทย ยังไม่เคยแวะมาให้เห็นเลย ไม่มีถุงยังชีพมาช่วย แต่เราก็ไม่หวัง เพราะเรายังน้ำไม่สูงเดือดร้อนไม่มากเข้าใจมาก และไม่คาดหวังเพราะขนาดพื้นที่เสื้อแดงเองทั้งเขตยังช่วยไม่ได้เท่าที่ควร

ชาวบ้านอีกรายเป็นชายวัยกลางคนในชุมชนแถบนี้  ขอแสดงความเห็นบ้างว่า ถามหน่อยครับ คนข้างนอกคนกรุงเทพฯบอกว่าขอให้เราเสียสละบ้าง พวกเรารู้สึกแย่มาก น้ำจะจมมิดอยู่แล้ว อะไรก็ไม่มาช่วยเราบ้าง จริงๆ ให้มา 5,000 บาทไม่ครบด้วยแถวๆนี้ ลำลูกกา บึงทองหลาง ลำไทร พืชอุดม เพราะบ้านเราจมน้ำ ท่านจะปลูกบ้านให้เราใหม่เหรอ จะซ่อมบ้านให้เราหรือก็ไม่ แต่เรียกร้องจังให้เราเสียสละ ได้เราพร้อมจะเสียสละแต่แสดงออกมาบ้างมาท่านนึกถึงเรา ให้ท่านฯนายกมาอยู่ไหมบ้านน้ำท่วม 3 เดือนท่านอยู่ได้หรือไม่ เราอยากรู้จัง ไม่ใช่เรียกร้องให้เราเสียสละอยากเดียว เคยนึกบ้างไหมว่าเราจะอยู่ยังไง กินอะไร งานไม่มีทำ แต่เงินต้องใช้กินทุกวัน


 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #532 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2554, 12:05:14 »

ไอ้เหลิม จะเป็น นายก............อันธพาลครองเมือง 2555  ไม่เสียดาย ที่ได้เกิดทันชาติ นี้ ........ เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
อยาก ตาย หนี การร่วมชาติกับมัน
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #533 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2554, 13:14:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 08 พฤศจิกายน 2554, 12:05:14
ไอ้เหลิม จะเป็น นายก............อันธพาลครองเมือง 2555  ไม่เสียดาย ที่ได้เกิดทันชาติ นี้ ........ เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
อยาก ตาย หนี การร่วมชาติกับมัน
อย่าเพิ่งใจเสาะเพื่อน..รอดูความวิบัติของมัน ซึ่งคงไม่แตกต่างกับ ไอ้หมัก เท่าไหร่ หรอก..จาบอกให้
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #534 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2554, 21:57:19 »

บริหารผิด-ตัดสินใจพลาด...น้ำท่วมใหญ่จากการเมืองล้วนๆ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


    นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจากมหิดล วิเคราะห์ตัวเลขปริมาณน้ำและทิศทางการไหล
ก่อนสรุปน้ำท่วมใหญ่เกิดจากบริหารผิด-ตัดสินใจพลาด และปมการเมือง

รศ.สุชาติ นวกวงศ์ อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนในเว็บไซต์เฟซบุ๊ค เสนอมุมมองเรื่องน้ำท่วมใหญ่ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าในขณะนี้ โดยเปิดข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าปัญหาเกิดจากการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาทางการเมือง หาใช่การพร่องน้ำจากเขื่อนตามที่มีการกล่าวหากัน

ที่มาของมวลน้ำ

"น้ำในปีนี้มากจริงครับ เขื่อนภูมิพลระดับเก็บกักปกติประมาณ 13,400 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีฝนตกมากในช่วงเดือน ก.ค. น้ำจึงเริ่มสะสมในเขื่อนดังกล่าวจนเกือบเต็ม

ประมาณเดือน ส.ค.น้ำยังไม่เต็มเขื่อน แต่ฝนตกเติมโดยพายุ สรุปว่ามีน้ำเริ่มเต็มเขื่อนปลายเดือน ส.ค. ส่วนเดือน ก.ค.เริ่มน้ำท่วมที่บางระกำ จ.พิษณุโลก จ.สุโขทัย และ จ.พิจิตร น้ำเริ่มไหลมากขึ้นในแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน จนที่สุดกลางเดือน ก.ย.น้ำไหลผ่านที่ จ.นครสวรรค์ ประมาณ 4,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อยากรู้ว่าน้ำไหลวันละกี่ล้านลูกบาศก์เมตร ให้เอา 86,400 ไปคูณ

ดังนั้นมีน้ำไหลผ่านที่นครสวรรค์วันละ 4,400 x 86,400 = 380,160,000 ลูกบาศก์เมตร รวมระยะเวลา 40 วัน (20 ส.ค.ถึง 30 ก.ย.) จึงมีน้ำผ่านที่นครสวรรค์รวมตัวเลขคร่าวๆ 380,160,000 x 40 = 15,206,400,000 ลูกบาศก์เมตร (เลขกลมๆ คือ 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร) และนี่คือที่มาของตัวเลขน้ำ 1.5 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรที่พูดกัน

น้ำเหล่านี้ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ ลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท และก่อนถึงเขื่อนเจ้าพระยา น้ำได้ล้นแม่น้ำออกไปในทุ่งและที่ต่ำ เหลือน้ำที่ผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่ชัยนาท 3,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำมาที่เขื่อนเจ้าพระยา 3,800 x 86,400 = 328,320,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งก็คือปริมาตรน้ำรวม 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรนั่นเอง

การพร่องน้ำหรือไม่พร่องน้ำในเขื่อนไม่เกี่ยว สำคัญที่ตัวเลขรวม ต้องตั้งใจติดตาม แล้วจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับระบบการจัดการน้ำในช่วง 2 เดือนมานี้

ตัวเลขที่จะวิเคราะห์ต่อไปนี้ ขอให้เป็นตัวเลขสถิติภายใน 40 วันเท่านั้น ส่วนตัวเลขอื่นๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังเป็นช่วงปลายน้ำท่วมและน้ำล้น

สุพรรณฯแห้ง-บางโฉมศรีแตก

จาก จ.นครสวรรค์ น้ำล้นทุ่งไป 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือมีน้ำมาที่เขื่อนเจ้าพระยา 3,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมาที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อยากทราบว่าเป็นตัวเลขต่อวันเท่าใดให้เอา 86,400 ไปคูณทุกที่และทุกครั้ง

ส่วนทางขวาของเขื่อนเจ้าพระยามีคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำท่าจีน โดยปกติถือเป็นคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของเขื่อนเจ้าพระยา ตามปกติรับน้ำได้ประมาณ 300-500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ในช่วงน้ำที่วิเคราะห์ (40 วัน) คลองมะขามเฒ่าไม่เปิดระบายน้ำ
ดังนั้นน้ำ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (คิดแค่ 400 เท่านั้น) จึงต้องมารวมกับน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา วิ่งผ่านเขื่อนเจ้าพระยา กลายเป็น 4,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ล้นความสามารถของลำน้ำเจ้าพระยา 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 43,200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันน้ำ ส่วนเกินต่อวันนี้ไปไหน มันก็ต้องวิ่งไปฝั่งตะวันออก ไปทางฝั่งลพบุรี ไป อ.ท่าวุ้ง

น้ำนี้วิ่งไปทางตะวันตกไม่ได้อีก เพราะประตูน้ำพลเทพ (จ.ชัยนาท) ที่อยู่ต่ำลงมาไม่เปิด ประตูพลเทพนี้ถ้าเปิดน้ำก็จะวิ่งไปทุ่งเดิมบางนางบวช ศรีประจันต์ (จ.สุพรรณบุรี) แต่ประตูพลเทพก็ไม่เปิดหรือเปิดน้อย ดังนั้นน้ำทั้งหลายส่วนเกินจึงต้องวิ่งไร้ทิศทางไปทุ่งฝั่งตะวันออก นั่นคือวิ่งไปทุ่ง อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง ของ จ.ลพบุรี และอำเภออื่นๆ ของ จ.ชัยนาทและสิงห์บุรี ทั้งๆ ที่ในทุ่งที่กล่าวมาก็มีน้ำฝนน้ำทุ่งอยู่บ้างแล้ว

นี่คือสาเหตุที่มาของประตูบางโฉมศรีแตก เพราะประตูน้ำต้องรับแรงอัดของน้ำที่มากเกินเหตุ


เส้นทางน้ำเข้ากรุง

ขณะเดียวกันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้น้ำมาเติมอีกอย่างน้อย 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (วันละ 103,680,000 ลูกบาศก์เมตร) จากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถึงเวลานี้น้ำทุกส่วนล้นตลิ่งแม่น้ำ ข้ามฟากไปนิคมโรจนะ นิคมไฮเทคและอื่นๆ

น้ำที่ล้นแม่น้ำก็ล้นเข้าไปเป็นน้ำทุ่ง น้ำมหาศาลที่ล้นเข้าทุ่งประมาณ 1,500-1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คิดเป็นมวลน้ำอย่างน้อย 5,000-6,000ล้านลูกบาศก์เมตรในรอบ 40 วัน เข้าทุ่งด้านบนของกรุงเทพฯ แยกเป็น 2 ส่วน ไปทางตะวันออก 1 ส่วน และตะวันตก 1 ส่วน ถ้าจับหารสองก็จะได้ส่วนละ 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร

ตะวันออกไปตามคลองรังสิตและรวมกับน้ำคลองระพีพัฒน์ ส่วนน้ำฝั่งตะวันตกมุ่งหน้าตามทิศของคลองพระพิมล คลองหนึ่งที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และคลองบางบัวทอง ที่สุดคลองบางบัวทองทนไม่ได้แตก เป็นมหาวิปโยคอยู่ทุกวันนี้

ส่วนน้ำในคลองระพีพัฒน์ ประมาณ 200-300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทียังคงไปทางใต้ ไประพีพัฒน์แยกตก แยกใต้ และรวมกับน้ำทุ่งรังสิต กดดันคลองสามวาอยู่ในขณะนี้ คลองสามวาจะรอดหรือไม่คงต้องลุ้นกันว่าคลองก่อนหน้านั้นคือคลองหกวารอดหรือเปล่า แต่เข้าใจว่าขณะนี้คลองหกวารอดแล้ว เพราะแรงกดดันน้อยลง เนื่องจากประตูคลองสามวารั่วโดยจงใจ

น้ำท่วมทุ่งจากบางบัวทองยังคงมุ่งหน้าต่อไปที่คลองมหาสวัสดิ์ซึ่งเป็นคลองเชื่อมระหว่างคลองบางกอกใหญ่กับแม่น้ำท่าจีน ส่วนหนึ่งของคลองมหาสวัสดิ์อยู่ในเขตกรุงเทพฯ เข้าใจว่า กทม.ทราบดีว่าน้ำทุ่งที่ไหลมามีปริมาณมาก เพราะไม่ใช่น้ำบางบัวทองอย่างเดียว น้ำจากทุ่งคลองพระยาบันลือ คลองพระพิมลก็ขอมาร่วมด้วยช่วยกัน

ในส่วนตัวผมไม่เชื่อตัวเลข 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรอยู่แล้ว เพราะเป็นตัวเลขที่โอเวอร์เกินเหตุ เพราะน้ำตั้งมากมายยังคงเป็นน้ำท่าในแม่น้ำเจ้าพระยา วันละ 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (เท่ากับ 276,480,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน) ยังคงไหลลงทะเลไป

พนังกันน้ำของคลองมหาสวัสดิ์ ที่วัดปรุณาวาส เขตทวีวัฒนา ทนไม่ไหว แตกก่อน ทำให้เกิดน้ำท่วมเขตทวีวัฒนา และโดยรอบมหาวิทยาลัยมหิดล าลายาที่ผมทำงานอยู่ (มหิดลยังเอาอยู่ คำพูดของนายกฯ) และลุกลามไปทั่วในพื้นที่กรุงเทพฯ นครปฐม สมุทรสาคร

บริหารผิด-ตัดสินใจพลาด

ปัญหาที่ต้องวิเคราะห์คือไม่มีน้ำเข้าทุ่งที่ อ.เดิมบางนางบวช ศรีประจันต์ ดอนเจดีย์ อ.เมืองสุพรรณฯ และบางระจันด้วย พื้นที่ตรงนี้ประมาณ ต่ำๆ 5 แสนไร่ คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 800 ล้านตารางเมตร ถ้ายอมให้น้ำ เข้าไปขังในทุ่งสูง 1.5 เมตร จะได้น้ำขังในทุ่งในรอบ 40 วันเท่ากับ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือไม่ก็ควรให้น้ำส่วนนี้ไหลไปตามแม่น้ำท่าจีน ไหลผ่านลำน้ำผ่านทุ่งดังกล่าวไปผ่านสุพรรณฯ

คำถามคือไม่มีการชะลอน้ำในทุ่งดังกล่าว ทำไมถึงไม่มี เมื่อไม่มีการชะลอน้ำด้วยเหตุต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าว หรือมีแต่น้อยมากจนมวลน้ำไม่สมดุลกัน น้ำส่วนที่ไม่สมดุลนี้จึงเทรวมไปฝั่งตะวันออก รวมไหลเป็นวิปโยค และยังมีส่วนเกินถูกกักขังด้วยพนัง ถูกบังคับด้วยขั้นตอนต่างๆ การไหลของน้ำจึงผิดเพี้ยนไม่มีรูปแบบ

ประกอบกับเมื่อพื้นที่ใหญ่อย่างสุพรรณฯไม่ยอมให้น้ำท่วม และยังมีการบังคับน้ำให้ไหลไปท้องที่อื่น น้ำจึงมีการไหลจากการจัดการที่ผิดรูป ที่สุดควบคุมไม่ได้กลายเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็นมา

ผมอาจจะถูกคัดค้านโดยบางคนว่าสุพรรณฯเขาก็มีน้ำท่วมนะ ผมก็ไม่ได้ว่าน้ำไม่ท่วม แต่น้ำที่ท่วมนั้นมันท่วมบริเวณที่มันต้องท่วมอยู่แล้ว เช่น บริเวณหน้าตลาด อ.บางปลาม้า หน้าตลาดเก้าห้อง ล่าสุดเอารูปน้ำท่วมที่บ้านท่าระหัดที่ อ.เมืองมาให้ดูเป็นขวัญตาว่าน้ำก็ท่วมสุพรรณฯนะ นั่นเป็นน้ำจิ้ม

ทุ่ง อ.สองพี่น้องของผมน้ำไม่ท่วมทุ่งครับ แต่ปี 2538 ผมขับรถผ่านทุ่งบางลี่ (ทุ่งสองพี่น้องนี่แหละครับ) น้ำท่วมทุ่ง รถผมผ่านแต่เกือบต้องจมกลางทาง ระหว่างสุพรรณฯไป อ.สองพี่น้อง ระยะทางประมาณ 25-30 กิโลเมตร ซึ่งเห็นข้อแตกต่างกันชัดเจนกับปีนี้


สรุปในเบื้องต้นว่าการบริหารจัดการน้ำภายใต้แรงกดดันทางการเมือง ท้องถิ่นและระดับชาติไม่เป็นผลดี เพราะทำให้รูปแบบการไหลของน้ำผิดรูปไป น้ำต้องไหลแบบธรรมชาติ ต้องมีการบริหารจัดการที่ดีภายใต้องค์ความรู้เชิงวิชาการทรัพยากรน้ำ

ฉะนั้นมวลน้ำที่มากมายเมื่อรวมกับการบริหารน้ำผิด การตัดสินใจผิดของผู้นำอีกหลายครั้ง จึงกลายเป็นมหันตภัยน้ำท่วมทุกวันนี้"


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #535 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2554, 08:51:14 »

การ์ตูนฝรั่งล้อนายกไทย







      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #536 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2554, 20:11:25 »

ทำตัวเหมือนนางฟ้า แต่แก้ปัญหาเหมือนควาย (เส้นใต้บรรทัด)
โดย จิตกร บุษบา
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=287396
 
สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวทางการบริหารจัดการน้ำ เพื่อลดความรุนแรงของปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อปีพุทธศักราช 2538 มาออก อากาศให้ชมกันหลายครั้งในช่วงสี่ห้าวันที่ผ่านมา

 ไม่เพียงแต่ซาบซึ้งว่า ประเทศของเรามีองค์พระประมุขที่ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระปรีชาสามารถเท่านั้น แต่ยังเห็นได้ชัดว่าพระองค์ท่าน ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยเมตตาห่วงใยพสกนิกรอยู่เสมอ

 แต่ก็น่าเศร้าใจ ที่แนวทางหลายประการที่พระองค์ท่านพระราชทานไว้นั้น มิได้มีการนำไปปฏิบัติให้บังเกิดผล มาสำนึก สำเหนียกกันก็คราวน้ำท่วมใหญ่มาก ในปัจจุบันนี้แหละ ว่าสิ่งที่พระองค์ท่านพระราชทานแนวทางให้นั้น ถูกต้องทั้งหมด

 ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองไหนๆ ก็ตาม เริ่มต้นจาก ประมุข หรือ ผู้นำ ที่มีความรู้ความสามารถ

 พูดง่ายๆ ว่า มีสมอง และ มีหัวใจ ที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความกรุณา หรืออาจเรียกว่า มีมโนธรรม

 ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีข้าราชการที่ดี ที่มีความจงรักภักดี ที่เอาใจใส่ เฝ้าถวายคำแนะนำหรือข้อมูลในด้านต่างๆ อย่างเที่ยงตรง และน้อมนำอัญเชิญเอา ภูมิปัญญา หรือ ภูมิรู้ ไปขยายผล ปฏิบัติให้บังเกิดผล โดยสร้างความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน และปฏิบัติคู่เคียงกันไป

 พูดอย่างเป็นธรรม จากปี 2538 ถึงปัจจุบัน ไม่ใช่ความผิดอะไรของรัฐบาลนี้ ที่ไม่มีการดำเนินการตามแนวพระราชดำริ มันเป็น ความละเลยที่ทบๆ กันมาหลายรัฐบาล และหลายกลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และน่าตำหนิ

 แต่เมื่อเกิดวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้แล้วสิ น่าสนใจว่า นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี ได้ใส่ใจต่อ ภูมิรู้ ที่พระองค์ท่าน พระราชทานเป็นแนวทางไว้บ้างหรือไม่ ใส่ใจที่จะขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาต เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายรายงานและขอพระราชทาน แนวปฏิบัติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ้างหรือเปล่า

 ถ้ายิ่งลักษณ์มีปัญญาปราดเปรื่องก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่แค่อ่าน ภาษาไทยที่มีคนเขียนให้ให้ถูกต้องทั้งหมดยังไม่มีปัญญา ฉะนั้น หน้าที่ของความเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้รอบรู้ทุกเรื่อง จึงสมควรต้องสรรหาผู้รู้มาอยู่ใกล้ตัว ตั้งเป็นคณะทำงาน ฟังเขา แล้วใช้อำนาจของนายก รัฐมนตรี สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องลงมือปฏิบัติ

 แต่ดูเหมือนยิ่งลักษณ์เขลาเกินกว่าจะรู้ว่าตัวเองไม่รู้ ซึ่งเป็น โศกนาฏกรรมอย่างที่สุดของประเทศชาติ


 เพราะยิ่งลักษณ์อยู่กับคนรอบข้างที่เอาแต่สอพลอ ปั้นแต่งภาพลักษณ์ของเธอราวกับเป็น นางฟ้า ด้วยกิจกรรมสร้างภาพต่างๆ นานา แต่มีเนื้อหาในทางปฏิบัติอย่างตื้นเขิน

 ยิ่งลักษณ์ห่วงแต่ปัญหาการเมือง ซึ่งก็คงเป็นไปตามคำแนะนำของนักการเมืองรอบๆ ตัวเธอ ทั้งที่เปิดเผยและที่ซุกอยู่ใต้กระโปรง จึงสาละวนอยู่แต่กับพรรคและพวก ทั้งๆ ที่ทุกข์ของประชาชนอยู่ตรงหน้า และควรจะรู้ตัวว่า ปัญญาของตัวเองก็ไม่มี

 เธอเพิกเฉยละเลยตั้งแต่ตัวเลขปริมาณน้ำในเขื่อนที่มากเกินปกติ ขณะที่ฝนยังตกเหนือเขื่อนอยู่ตลอดเวลา กระทั่งเกิดอุทกภัยย่อยๆ ในหลายจังหวัด แต่เธอกับพรรคก็ยังวุ่นวายกับการหาทางช่วยพี่ชายให้พ้นผิด ทั้งๆ ที่บางความผิด ศาลพิพากษาไปแล้ว หลังผ่านกระบวนการต่อสู้ในศาลอย่างสมบูรณ์แบบ โดยตัวทักษิณเอง

 ขณะที่น้ำท่วมไล่เรื่อยลงมาทีละจังหวัด ทีละจังหวัด ยิ่งลักษณ์กับคณะรัฐมนตรี ห่วงแต่หาเสียงกับโครงการบ้านหลังแรก รถคันแรก จำนำข้าว ยกเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ฯลฯ ไม่มี สัญชาตญาณ ของผู้นำที่จะเห็น ภัย ซึ่งใกล้เมืองหลวงเข้ามาเรื่อยๆ

 แม้มีคนเตือน คนเสนอ คนให้ข้อมูล เธอก็ไม่เคยใส่ใจหรือให้ความสำคัญ กระทั่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจมบาดาล นิคมอุตสาหกรรมโรจนะจมน้ำ ตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจผุดขึ้นทันที พร้อมเสียงโอดครวญของนักลงทุนต่างชาติ ยิ่งลักษณ์กับพวกถึงเพิ่ง ตื่น

 ในการตื่นนั้น ปัญญาของเธอมิได้ตื่นตาม ยิ่งลักษณ์กับพวกยังมองปัญหาเป็น ปัญหาการเมือง มากกว่า ปัญหาบ้านเมือง แทนที่จะวางแผนจัดการกับมวลน้ำมหาศาล จึงมุ่งจัดการกับ ภาพลักษณ์ ของยิ่งลักษณ์ เช่น

 ให้ยิ่งลักษณ์ควงดาราไปแจกของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งก็ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะทำอยู่แค่จังหวัดสองจังหวัดก็เลิกกัน เช่นเดียวกับการตั้ง ศปภ. ขึ้นมา ก็มุ่งแก้ปัญหา คะแนนนิยม มากกว่าแก้ปัญหาน้ำท่วม

 เพราะหากอยากแก้ปัญหาน้ำท่วม ยิ่งลักษณ์ต้องแต่งตั้ง ผู้รู้ เป็นหัวหน้า ศปภ. ซึ่งไม่ใช่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อย่างแน่นอน ขณะที่คนใน ศปภ. ก็คลาคล่ำไปด้วยคนโง่ แต่อยากทำงาน อยากมีตำแหน่ง อยากออกโทรทัศน์ แต่ผลักผู้รู้ไปอยู่ห่างๆ

 ในที่สุด ปทุมธานีก็จมน้ำไปอีกจังหวัด นนทบุรีเกือบทั้งจังหวัด และกรุงเทพมหานครก็วิกฤติตามมา

 ถามว่าจากวันที่มี ศปภ. จนถึงวันนี้ เราได้เห็นยิ่งลักษณ์ลงไปฟัดกับปัญหาอย่างเต็มที่ จนเรานึกห่วงใยเธอ เอาใจช่วยเธอ อยากจะแบ่งเบาภาระออกจากบ่าทั้งสองของเธอบ้างไหมครับ

 เห็นแต่ความฉาบฉวย แต่งตัวสวยไปออกงาน เหมือนยิ่งลักษณ์แยกไม่ออกระหว่าง การออกงาน กับ การทำงาน

 เธอมุ่ง สร้างภาพ มากกว่า สร้างคุณภาพ

 เธอไม่เคยมียุทธศาสตร์กับเรื่องต่อไปนี้เลย

1.น้ำ : ยิ่งลักษณ์และ ศปภ. ไม่เคยให้ข้อมูลน้ำกับประชาชนได้อย่างถูกต้อง เธอพูดแต่เพียงว่ารัฐบาลจะทำเต็มที่ แต่ไม่เคยบอกเลยว่าจะทำอะไร อย่างไร มีคนเสนอวิธีรับมือกับมวลน้ำมากมาย ทั้งผู้นำ ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และข้าราชการที่มีประสบการณ์ แต่ดูเหมือนข้อเสนอเหล่านั้นไม่เคยกระทบถึงโสตประสาทของเธอ ในที่สุดการไม่มียุทธศาสตร์ การไม่ให้ความจริง การพูดผิด รับประกันผิด และไม่เตือนภัยให้ทันการณ์ ชาวบ้าน โรงงาน ผู้ประกอบการเป็นฝ่ายรับทุกข์

2.คน : ยิ่งลักษณ์ออกอาการเป็นทุกข์เป็นร้อนกับคนที่ถูกน้ำท่วมครั้งไหนบ้าง เธอเคยกุลีกุจอสั่งการให้คนที่เป็นเครือข่าย ของมหาดไทย ของศปภ. และของรัฐทั้งหมด ลงไปจัดการกับปัญหา การกิน การนอน การขับถ่าย การอยู่อาศัยในพื้นที่ปลอดภัยของประชาชนบ้างไหมครับ เธอยิ้มสดใส สวมรองเท้าบู๊ทสวย แต่งหน้าฉ่ำ ผมเรียบกริบ อยู่ทรงเสมอ ในขณะที่ประชาชนรออาหาร รอความช่วยเหลืออยู่ท่ามกลางกระแสน้ำ เธอช่างเยือกเย็นจนเข้าขั้นอำมหิต ทั้งคนที่น้ำท่วมแล้วและยังไม่ท่วม ล้วนไม่อาจพึ่งพาเธอและไม่เห็น น้ำใจ ของเธอ

3.อาหารสำรอง : ยิ่งลักษณ์บริหารสถานการณ์วิกฤติ โดยปล่อย ให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการ ประทังชีวิตขาดตลาด ความไม่เชื่อถือในข้อมูลรัฐบาลทำให้ผู้คนแตกตื่น หาทางมีชีวิตของตนเอาเอง จึงเกิดการกักตุนสินค้า ขณะที่โรงงานและแหล่งผลิตก็ไม่ได้รับการปกป้อง น้ำท่วมเสียหายไปเป็นจำนวนมาก กระทบต่อการผลิตเพื่อส่งเข้าสู่ตลาด แต่รัฐบาลก็ไม่มีมาตรการใดๆ ออกมารองรับ มีออกมาก็เมื่อปัญหาขาดแคลนหนักหน่วงแล้ว

4.การอพยพ : ยิ่งลักษณ์กับ ศปภ. สั่งอพยพคนอย่างมักง่าย เตือนภัยไม่เคยทันการณ์ ทำให้การอพยพของประชาชนเป็นไปอย่าง ฉุกละหุก ได้แต่สั่งให้คนอพยพ แต่ไม่มีการเตรียมการรองรับ ทั้งเรื่อง การเดินทาง ถนนหนทาง ที่หมายปลายทาง ปล่อยให้ประชาชนกระเสือกกระสนไปกันเอง ภายหลังจึงตั้งจุดนัดหมาย จัดรถบริการให้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

5.ระบบการสื่อสาร : ในภาวะวิกฤติ รัฐบาลต้องรู้ว่า ช่องทางการสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็น ถามว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอย่างไร ให้การสื่อสารของประชาชนเป็นไปโดยง่าย ไม่ล่ม ไม่หลุดบ้างหรือไม่

6.ปฏิบัติการช่วยเหลือฉุกเฉิน : ความที่เป็นโรคประสาท กลัวทหารจะปฏิวัติ เพราะไปด่าเขาไว้มาก ไปป้ายสีเขาไว้เยอะ ไม่กล้า ใช้ทหารในช่วงแรกๆ ส่งผลให้ประชาชนติดจมอยู่ในบ้านเรือนที่น้ำไหล บ่าเข้าท่วมอย่างมากมาย กว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ประชาชนก็พากัน สาปส่งในความไม่พร้อมและไม่มีน้ำใจในเรื่องนี้กันขรมทีเดียว

 ถึงวันนี้ ยิ่งลักษณ์กับพวกก็ยังปฏิบัติตัวเหมือนเดิม เรื่องน้ำโยนให้เป็นงานของ ผู้ว่าฯ กทม. แม้จะมีแนวโน้มดีขึ้น ที่นายกฯ ส่งมอบผู้คน อำนาจ และการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ให้บ้าง ดีกว่าตอนที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับบริวารออกมาสร้าง ความตึงเครียดทางการเมืองอย่างผิดกาลเทศะ

 เธอเริ่มออกงานถี่ขึ้น กระโจนหนีจากความล้มเหลวไปสู่การ ขายฝัน เรื่องการเยียวยาฟื้นฟู สวมรอยเอาความสำเร็จของคนนครสวรรค์มาเป็น โมเดล อย่างหน้าด้านๆ พร้อมๆ กับบีบน้ำตาแลกข่าว และลงพื้นที่อิทธิพลของตน อย่างพระนครศรีอยุธยา ไปกดปุ่มเครื่องสูบน้ำและทาสีบ้าน ซึ่งไม่ใช่งานของคนระดับนายกฯ

 ไม่เพียงแต่ไม่เข้าหาผู้รู้หรือรวบรวมผู้รู้มาแก้ปัญหา ยิ่งลักษณ์ ยังปล่อยปละละเลยให้คนเสื้อแดง โดยเฉพาะบางคนเป็นถึง สส. ของพรรค พูดจาวนเวียนฉวัดเฉวียนใส่ไคล้สถาบัน ว่าน้ำท่วมครั้งนี้นั้น เกี่ยวพันกับโครงการฝนหลวง และดึงเอาเขื่อนซึ่งเป็นพระนามมาปลุกระดมให้ประชาชนผู้หลงผิด เข้าใจผิด เกลียดชังและหมิ่นหยามสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเลวทรามต่ำช้า ทั้งๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น คือ หลักชัยทางปัญญา ที่ดีที่สุดในเรื่องการจัดการระบบน้ำทั่วประเทศ

 ชาวบ้านผู้ประสบความเดือดร้อนจาก ถนนเทวดา ถนนเชื่อมต่อจากโทลล์เวย์ถึงตึก ศปภ. ที่ ศปภ. เนรมิตเพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง แต่ส่งผลให้น้ำเอ่อท้นเข้าบ้านเรือนประชาชนในละแวกตึกเอนเนอยี่ กระทรวงพลังงาน พูดในสิ่งที่จับใจคนไทยเหลือเกินว่า

 ผมก็เลยอยากจะถามผ่านไปหาท่านนายกฯ ว่า ทำไมคุณถึงทำตรงนี้ ในเมื่อทางด้านหลังน้ำไม่ท่วม คุณสามารถมาได้ นั่นคือ ผลกระทบของชาวบ้านที่เขาเดือดร้อน คุณพูดอยู่ปาวๆ ว่าเสียสละ เเต่คุณไม่เสียสละเพื่อลุยน้ำมาหาประชาชนบ้าง เเล้วคุณจะเป็นผู้นำที่ดีได้ยังไง ในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยากรู้ทุกข์สุขประชาชน ยังเดินลุยน้ำลุยโคลน แล้วคุณเป็นใคร คุณเป็นแค่นายกฯคนหนึ่ง

 ในสถานการณ์อย่างนี้ ความสวยงามและความฉาบฉวยไม่ช่วย อะไร ความเห็นอกเห็นใจและสติปัญญาต่างหากที่ประชาชนต้องการ

 คนไม่ได้ต้องการนางฟ้าที่ปัญญาควายๆ

 คนต้องการอีเพิ้ง อีเยิน อีปลวก ฯลฯ คนหนึ่ง ที่ทำ ทุกอย่างได้ เพื่อทุเลาปัญหาของประชาชน

 นั่นคือผู้นำที่คนทุกชาติต่างก็ต้องการในภาวะวิกฤติครับ
จิตกร บุษบา
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #537 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2554, 23:22:13 »

อ.จุฬาฯ จ่อฟ้อง รบ. บริหารงานพลาด จนน้ำท่วมทรัพย์สินเสียหาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    9 พฤศจิกายน 2554 22:14 น.    


      
"ดร.ณรงค์" ตั้งโต๊ะชวนร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล เหตุบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมผิดพลาด ทำให้ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ระบุจ่ายค่าชดเชย 5 พันบาทต่อครัวเรือนไม่เพียงพอกับค่าเสียหายจริง ที่โดยเฉลี่ยอย่างต่ำก็ 4-5 หมื่นบาท
       
       วันนี้ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยว่า มีสมาชิกสภาทนายความเข้าชักชวนให้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล อันเนื่องมาจากการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมผิดพลาด ทำให้ทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนกำลังชักชวนเพื่อนอีก 4,000-5,000 คน ร่วมลงชื่อฟ้องร้อง
       

       ทั้งนี้ หากเป็นในต่างประเทศ เพียงแค่คนเดินตกท่อ ก็สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐได้แล้ว แต่นี่น้ำท่วมบ้านเรือนเสียหายต่อหลังอย่างต่ำก็ 4-5 หมื่นบาท แต่จ่ายค่าเสียหายชดเชยให้แค่ 5,000 บาทต่อครัวเรือน ถือว่าน้อยมากไม่เพียงพอ
       
       "ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำเป็นคนต่างจังหวัดก็รู้ว่าเวลาน้ำมามากไหลบ่าข้ามตลิ่งไปกั้นหมดก็ไม่อยู่ ถ้าน้ำมา 3 เมตรก็ควรกั้นแค่ 2 เมตรให้ล้นมาแล้วอีก 1 กิโลเมตรค่อยกั้นอีก 1 เมตร จนกระทั่งหมดเรียกว่าการผ่อนน้ำหากทำอย่างนี้แต่แรก ไม่เกี่ยงกันอยู่ก็จะผ่อนหนักเป็นเบาได้" รศ.ดร.ณรงค์ กล่าว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #538 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2554, 16:03:10 »

การเมือง : ทัศนะวิจารณ์
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 01:00

เฉลา กาญจนา
 
เขาว่า..นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีอำนาจ..สั่งการไม่ได้จริงไหม?

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สถานการณ์น้ำท่วมปีนี้น่าจะเป็นความทรงจำของคนไทยทั้งประเทศ

 บ้างก็บอกว่ามันเป็น "มหาอุทกภัย" ที่คนต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับวิกฤติน้ำท่วมอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ถนนในกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยกลายเป็นคลอง จากถนนรถวิ่ง กลายเป็นเรือพาย จากทางด่วนกลายเป็นที่จอดรถ เป็นภาพที่ปรากฏไปทั่วโลก

 หันไปที่การบริหารจัดการน้ำท่วมของรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่ง "รู้สึกตีบตัน" อย่างมาก
 เป็นนายกฯ ทั้งทีดูเหมือนจะสั่งการใครแทบไม่ได้เลย มันเกิดอะไรขึ้น ประเด็นนี้กลายเป็นคำถาม ที่ต้องการคำตอบของคนทั้งประเทศไปแล้ว

 ฉะนั้นหากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยังเป็นผู้นำประเทศอยู่ ต้องมีอำนาจสั่งการและจัดการปัญหาน้ำท่วมได้ดีกว่านี้ อย่าปล่อยให้สังคมเข้าใจว่า "เป็นนายกฯ แต่ไร้อำนาจ จนไม่สามารถสั่งการใครได้ ฉะนั้นต้องใช้ภาวะผู้นำให้มากกว่านี้"

 พยายามวิเคราะห์การแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลมาเกือบ 2 เดือน แต่มองไม่ออกว่า จะจัดการอย่างไร สิ่งที่ปรากฏ กลับเห็นมวลน้ำ "ท้าทายอำนาจรัฐ" ขยายวงกว้างขึ้นทุกวัน ท่วมต่างจังหวัดจนระบาดเข้ามายังพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ ทุกซอกทุกมุม

  สิ่งที่ประชาชนต้องรับสภาพ ณ เวลานี้ มีเพียงการประกาศพื้นที่เฝ้าระวัง เตรียมอพยพ ขนของขึ้นที่สูง ทั้งที่รัฐบาลควรมีมาตรการอะไรมากกว่านี้หรือไม่ 

 การตั้งคณะกรรมการขึ้นมามากมาย ไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ตราบใดที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีอำนาจสั่งการ พูดง่ายๆ คือบริหารจัดการไม่ได้ ฉะนั้นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา ก็ช่วยอะไรไม่ได้ นายกฯ ควรกลับไปทบทวนดูว่า คณะกรรมการแต่ละชุดที่ตั้งขึ้นมา ทำงานเต็มที่แล้วหรือยัง มีการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบอุทกภัยมากน้อยแค่ไหน

 ที่แย่ไปกว่านี้ ในยามที่บ้านเมืองวิกฤติ ความขัดแย้งอย่างหนักที่เกิดขึ้น ระหว่างหน่วยงานรัฐอย่างกรมชลประทานกับกรุงเทพมหานคร แค่เรื่องเครื่องสูบน้ำ ก็ยังตกลงกันไม่ได้ เรื่องอย่างนี้นายกฯ ต้องทุบโต๊ะจัดการทันที! นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ต้องพิสูจน์ภาวะผู้นำ 

  วิธีแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ขณะนี้ ไม่อาจเยียวยาพี่น้องประชาชนได้  นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องถามตัวเองก่อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น "ไหวไหม ทำได้ไหม เอาอยู่ไหม" วิกฤติที่มันใหญ่โตขนาดนี้ เกินความสามารถคนที่ชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แน่นอน แต่ที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่ารัฐมนตรีจำนวนไม่น้อยไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ทำไมนายกฯ สั่งการอะไรไม่ได้

 เรื่องนี้หากมองย้อนกลับไป เมื่อครั้งมีการตั้งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ถ้าจะบอกว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกรัฐมนตรีเลย ก็ไม่น่าจะผิด ฉะนั้นการจะสั่งการใคร ให้ทำอะไร จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่สามารถให้คุณให้โทษกับใครได้แม้แต่น้อย รัฐมนตรีจำนวนไม่น้อยจึงใช้วิธี "ดื้อเงียบ"

   การบริหารจัดการท่ามกลางวิกฤติที่ใหญ่โตขนาดนี้ สำคัญยิ่ง ผู้นำต้องใช้อำนาจ จัดการเด็ดขาด ถ้ายังต้องพึ่งพาการสั่งการจากแดนไกล ที่ไม่ได้เผชิญอยู่กับภาวะน้ำท่วม ความน่าเชื่อถือหรือแรงศรัทธาก็จะลดน้อยถอยลง

    การแก้ปัญหาที่เห็นอยู่ เป็นเพียงมาตรการโปรโมชัน "ลดแลกแจกแถม" ระยะสั้น แต่สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติและนักธุรกิจต้องการ คือแผนและมาตรการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาลมากกว่า เช่นเดียวกับการลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพ ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถาวร เป็นเพียงการบรรเทาความเดือดร้อนระยะสั้นเท่านั้น

 จริงๆ ถ้าคิดว่า "เอาไม่อยู่" ก็ควรบอกพี่ชายไปเลยว่า "ไม่ไหว" ที่พูดอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้กำลังใจ หรือขับไล่นายกฯ แต่ควรบอกพี่ชายว่าปัญหามันใหญ่จริงๆ ค่ะพี่ขา...
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #539 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2554, 22:45:28 »

http://www.oknation.net/blog/black/2011/11/09/entry-2
 
http://www.oknation.net/blog/black/2011/11/09/entry-2
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #540 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 20:28:20 »

“คำนูณ” ชี้จุดอ่อน กยอ.ไร้อิสระ อยู่ใต้เงา “ครม.ปู” แค่บิ๊กแบ็กกันกระเพื่อมให้รัฐบาล    
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    11 พฤศจิกายน 2554 11:52 น.    

      
“คำนูณ” ชี้จุดอ่อน กยอ.อยู่ใต้เงา “ครม.ปู” ทำงานไร้อิสระ แค่บิ๊กแบ็กกันแรงกระเพื่อมให้รัฐบาล ไม่กล้าวางยุทธศาสตร์ฉีกนอกกรอบ ขาดการมีส่วนร่วมภาค ปชช. แนะควรทำงานผนวกกับ คกก.ชุด “อานันท์-ประเวศ” ร่วมกันกำหนดอนาคตโยงกับการปฏิรูปประเทศ หวัง “ดร.โกร่ง” มีไอเดียใหม่หาเงินฟื้นฟูโดยไม่ต้องกู้ แนะรีดภาษีจากคนได้ประโยชน์จากคันกั้นน้ำ วอน กทม.ยอมปล่อยมือให้คนฝั่งธนฯ ปกครองตนเอง
       
       

       
       นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาเรื่องด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีการลงมติกรณีปัญหาภัยพิบัติอันเนื่องมาจากอุทกภัยว่า เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ หรือ กยอ. ที่มี ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธาน ประกอบด้วยดรีมทีมที่มีความรู้ความสามารถหลายคน มาวางยุทธศาสตร์ระยะยาว แต่เสียดายที่ไม่ได้มาร่วมฟังการประชุมของรัฐสภาเพื่อนำไปกำหนดกรอบยุทธศาสตร์ และก็ดีเพราะรัฐบาลไม่ต้องปรับ ครม.ให้เกิดแรงกระเพื่อม แต่ก็มีจุดอ่อนคือ ไม่มีความเป็นอิสระ เพราะเป็นกรรมการของรัฐบาล ทำให้การวางยุทธศาสตร์ที่จะฉีกกรอบออกไปคงจะทำได้ยากเพราะสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องมีแนวคิดใหม่ๆ ฉีกกรอบออกไปจากเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดการมีส่วนร่วมภาคประชาชน เมื่อเทียบกับคณะกรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นในยุครัฐบาลชุดที่แล้ว หลังเหตุการณ์ทางการเมือง มีการหยิบฉวยคณะกรรมการจากภาคประชนที่ทำไว้อยู่แล้ว คือชุดชอง นพ.ประเวศ วะสี และชุดของนายอานันท์ ปันยารชุน ที่ทำให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ก็ไม่ขัดข้องถ้าจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นอีกทีม เหมือนบอร์ดบริหาร ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรอง
       
       “ผมเกรงว่า กยอ.อาจเป็นได้เพียงแค่บิ๊กแบ็ก ทำได้แค่ชะลอกระแสน้ำเท่านั้น แต่ถ้าจะทำให้ดียิ่งกว่านั้น คือ ต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมภาคประชาชนเข้าไป” นายคำนูณกล่าวย้ำ
       
       นายคำนูณเสนอว่า การวางนโยบายระยะยาวต้องเชื่อมโยงกับการปฏิรูปประเทศโดยองค์รวม ไม่ควรทิ้งคณะกรรมการชุดของนายอนันต์ และชุดของ นพ.ประเวศ ควรพิจารณาจะเอามาผนวกกันอย่างไร และเห็นด้วยที่จะทำให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นเรื่องถาวร แต่อยากติงวิธีการหาเงินมาทำ ตนคาดเดาว่านายวีรพงษ์อาจจะเสนอให้มีการออกพระราชกำหบดให้ใช้เงินงบประมาณไปพลางก่อน หรือน่าจะเอาทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยการแก้ พ.ร.บ.เงินตรา และ พ.ร.บ.ธปท. หรือ ออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อมาฟื้นฟู แต่ตนอยากเห็นแนวคิดใหม่ๆ ที่หาเงินโดยไม่ต้องไปกู้ทั้งหมด หรือไม่กู้เลย คือการเก็บภาษี เช่นอาจจะเรียกเก็บภาษีกับจากคนได้ประโยชน์จากการสร้างคันกั้นน้ำเป็นต้น
       
       อย่างไรก็ตาม นายคำนูณยังกล่าวในฐานะคนฝั่งธนบุรีว่า กทม.มีขนาดใหญ่เกินไปทำให้บริหารจัดการได้ไม่ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลควรจะทำบุญกับคนฝั่งธนฯ ด้วยการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยแยกฝั่งธนบุรีออกมาจาก กทม. และให้มีผู้ว่าราชการเป็นจองตัวเอง เพื่อให้คนฝั่งธนมีการทำงานที่ต่อเนื่อง

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #541 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 14:35:52 »

สภาเดือด"ศิริโชค"แฉคลิปรอบดึก เสื้อแดงตะลุยของบริจาค ศปภ. แฉ"จตุพร"ลั้นลาเชียงราย หาเสียงนายกฯ อบจ.

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 10:45:57 น.

มติชนออนไลน์
   

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา ปชป. อภิปรายโดยฉายเพาเวอร์พอยท์ฉายภาพของบริจาคศปภ.  เรือที่มีการติดป้ายสัญลักษณ์เครือข่ายเสื้อแดงข้อความ "ใช้ในราษฎรคนเสื้อแดงเท่านั้" รวมถึงภาพรถยีเอ็มซีทหารที่ติดป้ายชื่อนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. เพื่อไทย ก่อนอธิบา ว่า เห็นคำโกหกของผู้ทรงเกียรติแล้วรับไม่ได้ น้ำเยอะจริง แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะบริหารผิดพลาดได้  ผู้ที่อนุมัติแจกของบริจาคที่ศปภ.ในตอนแรก คือ นายการุณ และนายการุณได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับเอ  ไม่ทราบนายการุณดูกฎหมายดีแล้วหรือยัง เพราะ ส.ส.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติจะไปยุ่งฝ่ายบริหารไม่ได้และผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังพบว่าน้ำบริจาคที่นายจตุพร พรมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อ้างว่ามีนายทุนบริจาคผ่าน ส.ส.เพื่อไทยเพื่อนำไปบริจาคแต่ละคนนั้น ปรากฏว่าเป็นยี่ห้อเดียวกันหมด และในใบจองให้นายจตุพร จำนวนทั้งสิ้น 722 แพ็ค แสดงว่ามีการหารกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริโชคยังเปิดคลิปตำรวจ บชน.5 ขนถุงยังชีพตราสำนักนายกฯ ลงจากรถบรรทุก เข้าไปเก็บในสำนักประสานงานเลือกตั้งเขตสายไหมของนายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที และกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่  30 ตุลาคมที่ผ่านมา นายจตุพร นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร ไปจ.เชียงราย  ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกฯ อบจ.เชียงราย เวทีไพร่แดงหัวใจไม่แพ้ ของกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ทั้งที่น้ำท่วมจะตายกันอยู่แล้ว ฝ่ายค้านลงพื้นที่ นี่ไปหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น มีแกนนำเสื้อแดงปราศรัยระบุเราได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่ยังมีขวนการจ้องล้ม เพราะมีการลอบเปิดน้ำจากเขื่อนในตอนกลางคืน ส่วนนายก่อแก้วพูดเรื่องแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ส่วนนายจตุพรปราศรัยด่าทหาร ว่าพล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา ผบ.ทบ.บอกจะไม่ปฏิวัติในตอนน้ำท่วม แสดงว่าจะปฏิวัติหลังน้ำลด นี่คือสิ่งที่พวกนายจตุพรไปทำกัน ที่พูดว่าจะปรองดองก็เพียงหน้าสื่อ


"นายจตุพรเป็นคนหน้าดำ แต่ตอนนี้หน้าขาวแล้ว แต่เสียใจที่นายจตุพรระบุว่าดีใจที่น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้ขบวนการล้มรัฐบาลในเดือนธันวาคมทำไม่ได้" นายศิริโชคกล่าว ทำให้นายจตุพรตอบโต้อย่างดุเดือดว่า "ยืนยันว่าไม่เคยเอาของบริจาคจากไปทำอะไรทั้งสิ้น นายศิริโชคกล่าวเท็จ ผมมีพ่อและแม่เป็นคนไทย ต่างจากนายศิริโชค พี่น้องของผมมีจิตใจกุศลเอาของไปให้  แต่คนมันจิตใจอกุศล เหมือนที่ไปพบนายวิคเตอร์บู๊ท ผมไปเชียงรายไประดมความรู้สึกให้พี่น้องมีอารมณ์ร่วม แล้ววันนี้ได้พิสูจน์ชัดเจนแล้ว ใครที่ว่าหลังน้ำลดจะเกิดจลาจล เพราะผมเคยพูดว่าขบวนการล้มรัฐบาลจะเกิดเดือนธันวาคม ชาตินี้ผมไม่เคยคิดชั่วแบบนายศิริโชคคิดชั่ว"


ด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และผอ.ศปภ. ชี้แจงว่า สาเหตุที่ตั้งนายการุณเพราะเป็น ส.ส.ในพื้นที่น้ำท่วม จะไม่ให้ส.ส.ไปดูแลประชาชนเลยหรือ นายศิริโชคสวนกลับว่า เสียใจที่นายจตุพร ที่พาดพิงไปถึงบิดาตนที่เสียชีวิตไปแล้ว บิดาตนเป็นคนลาวไม่ได้ผิดอะไร เพราะคนอีสานก็เป็นคนลาว จะด่าก็ด่าตนอย่าพาดพิงบรรพบุรุษ


"นอกจากนี้พล.ต.อ.ประชายังโกหก เพราะตามคำสั่งศปภ ที่ 23/2554 พล.ต.อ.ประชาได้ลงนามแต่งตั้งให้นายการุณ เป็นกรรมการของบริจาค มีนายธีรชัย วุฒิธรรม เป็นเลขาฯ และที่อ้างว่าตั้งนายการุณเพราะเป็นส.ส.พื้นที่น้ำท่วมนั้นโกหก เพราะยังตั้งนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทปราการ เพื่อไทย และแกนำนเสื้อแดงด้วย แล้วสมุทรปราการท่วมตรงไหน ดังนั้น การกระทำของพล.ต.อ.ประชา ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 แน่นอน"นายศิริโชคกล่าว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #542 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 14:38:31 »

"วิลาศ" แฉถุงยังชีพภาค 2 บริษัทที่เสนอราคากับในใบเสร็จต่างกัน หักหน้า มท.1 อย่ามาอ้างหนีน้ำท่วม "ทะเบียนการค้า" ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 23:30:00 น.

มติชนออนไลน์
   

ที่รัฐสภา การประชุมรัฐสภาเพื่ออภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 เมื่อเวลา 17.15 น. นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. ปชป. อภิปรายว่า เรื่องเงินบริจาคเป็นที่สนใจของประชาชนรวมทั้งต่างชาติ เพราะมีการโกงกัน รวมทั้งการบริหารผิดพลาดของ ศปภ. ถุงยังชีพสำหรับผู้ประสบภัยได้เปลี่ยนเป็นถุงปลิดชีพผู้ที่จัดการเรื่องนี้ทั้งหมด และหลังจากนี้จะมีข้าราชการถูกออกจากราชการ เพราะนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย บอกตนว่าจะเอาจริง และไม่แน่ใจว่าจะมีรัฐมนตรีกี่คนถูกปรับออกเพราะไปเกี่ยวข้อง วันนี้จึงเป็นภาคสอง ส่วนที่นายยงยุทธชี้แจงว่าราคาแพงเพราะมีค่าขนส่งไปหลายจุดนั้นไม่ใช่ เพราะของไปส่งที่ ศปภ.ที่เดียว และที่อ้างว่าร้านเอื้อธนพัฒน์ ลงที่อยู่ในใบเสนอราคาและใบเสร็จต่างกัน เพราะย้ายหนีน้ำท่วม ไม่เข้าใจว่านายยงยุทธเข้าใจหรือไม่ว่าน้ำจะท่วมไม่ท่วม แต่ทะเบียนการค้าไม่มีวันเปลี่ยน แล้วที่อ้างว่าใช้ที่อยู่เลขที่ 78 หมู่ 4 ก็ไม่ใช่ร้านธนพัฒน์ แต่เป็นที่ตั้งบริษัทเอกไรท์ ที่ประกอบกิจการให้เช่าโกดังสินค้า ไม่รู้ไปเอาที่ไหนมาอ้าง ดังนั้นมีการทุจริตและฮั้วกันหรือไม่ จึงไม่ยอมรับความจริง
 
นายวิลาศกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการซื้อสุขามือถือกระดาษ ราคาชุดละ 245 บาท ทั้งที่เครือซิเมนต์ไทยขายแค่ชุดละ 111 บาท โดยซื้อจากบริษัทเติมคอร์เปอร์เรชั่น จำนวน 3 หมื่นชุด ประเด็นคือ บริษัทเติมนั้น จดทะเบียนรับจ้างติดตั้งซ่อมบำรุงตรวจสอบบำบัดน้ำเสีย หรือเครื่องกำจัดมลพิษ โดยมีที่อยู่ที่เดียวกับ หจก.พูนเจริญฯที่ขายถุงยังชีพและเรือ และแปลกที่กระทรวงมหาดไทยมักซื้อของจากบริษัทเติมทุกครั้ง

 

"แล้วที่สำคัญ พบว่ามีบริษัทตั้งอยู่ที่อยู่ที่เดียวกัน เป็นทาวน์เฮาส์ที่กำลังถูกน้ำท่วมในตอนนี้ และท่วมมาตั้งแต่ก่อนส่งถุงยังชีพให้ ปภ.ด้วยซ้ำ โดยทาวน์เฮาส์หลังนี้มีป้ายอยู่ 2 ป้าย ซ้ายมือเขียน หจก.พูนเจริญฯ ทางขวาเป็นป้ายบริษัทเติมคอร์เปอร์เรชั่น เป็นเครือเดียวกันหมด และ ปภ.ซื้อของเป็นร้อยล้านบาท ทั้งหมดที่ทำทำเพื่อใคร โครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทนี้มีนามสกุลอะไรที่โยงกันหรือไม่ เท่านี้ก็คงมีเหตุผลพอที่จะปรับ ครม." นายวิลาศกล่าว
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #543 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 14:45:07 »

...มาอ่านค่ะ

...ยินดีที่ตะวันยังมาโพสท์ได้ แสดงว่าบ้านปลอดภัย   ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #544 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 21:21:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2554, 14:45:07
...มาอ่านค่ะ

...ยินดีที่ตะวันยังมาโพสท์ได้ แสดงว่าบ้านปลอดภัย   ปิ๊งๆ

สบายมากครับ..น้องน้ำยังไม่มา..สงสัยว่าจะไม่มาแล้วมั๊ง..
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #545 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 22:18:19 »

มา ครับ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #546 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 22:53:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2554, 22:18:19
มา ครับ
มาได้ทุกคน ยกเว้นน้องน้ำ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #547 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 23:26:51 »

 หมู่บ้านรวมโชค  โชคชัย4 น่าจะ ปลอดภัย แล้ว เล่นเอาเครียด มานาน ทำให้" กินได้แต่ไม่อร่อย นอนนะหลับแต่ไม่ฝัน " เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #548 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 23:31:10 »

ดีใจด้วยค่ะ น้องน้ำกรุณาอย่ามาเยี่ยมกันอีกนะ มามากเกินไปไม่ค่อยชอบ เนอะพี่ปึ๊ดเนอะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #549 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 09:31:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2554, 23:26:51
หมู่บ้านรวมโชค  โชคชัย4 น่าจะ ปลอดภัย แล้ว เล่นเอาเครียด มานาน ทำให้" กินได้แต่ไม่อร่อย นอนนะหลับแต่ไม่ฝัน " เหอๆๆ เหอๆๆ
แล้วอยากฝันแบบไหนล่ะครับ..สำหรับผมอยากให้ฝันเป็นจริง คือ..พี่ดูใบ  น้องดูโง่..ให้หายไปจากประเทศไทย
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
  หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 33  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><