23 พฤศจิกายน 2567, 03:04:26
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 33  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน  (อ่าน 328622 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #175 เมื่อ: 24 มีนาคม 2553, 14:53:52 »

คนเสื้อแดงสันติวิธีจริงหรือ?
ประเด็น:เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ , 23 มีนาคม 2553 เวลา 21:39 น.posttoday online

การชุมนุมนับจากนาทีนี้ไปเป็นโอกาสที่ นปช.จะพิสูจน์ตัวเองว่าสันติวิธี อหิงสา  ตามที่ประกาศไว้หรือไม่
  จะสร้าง ประวัติศาสตร์เลวร้ายซ้ำรอยหรือเปล่า

โดย ทีมข่าวการเมือง

การชุมนุมของแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)   ทั้งก่อนหน้านี้และปัจจุบันที่ ยืดเยื้อหลายวัน มีสิ่งหนึ่งที่แกนนำนปช. ทั้ง   วีระ มุสิกพงษ์  จตุพร  พรหมพันธุ์  ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ   เหวง โตจิราการ    พยายามบอกกับผู้ชุมนุมอยู่เสมอ นั่นคือคำว่า “คนเสื้อแดงจะต่อสู้แบบสันติวิธีและยึดหลักอหิงสา”  เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เป็นความพยายามที่แกนนำคนเสื้อแดงจะลบภาพความ รุนแรงของเหตุการณ์เมษาเลือดเมื่อปีที่แล้ว


บทเรียนครั้งนั้น แม้จะโยนความผิดเป็นการกระทำของเสื้อแดงปลอม  แต่ก็ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ จนต้องยอมรับกับผู้ชุมนุมว่า  “พี่ น้องจำได้มั้ย   การใช้ความ รุนแรงครั้งนั้น ทำให้เราแพ้อย่างราบคาบ และเราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”   อย่างไรก็ตามกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.ที่ผ่านมา เริ่มมีคำถามว่า  แท้ จริงแล้ว  นปช.ยึดสันติวิธีตามที่ประกาศไว้หรือไม่

แม้ในช่วงที่ผ่านมาแกนนำจะพยายามล้างภาพให้ดูดีเช่น หมอเหวง โตจิรการ  ตั้งขบวนสันติวิธีไปตรวจค้นอาวุธทหารตำรวจ แต่ก็เป็นภาพที่สวนทางอีกเช่นกัน  การสันติวิธีมีสิทธิ์อะไรไปตรวจค้นอาวุธเจ้าหน้าที่ เพราะไม่มีประเทศไหนโลก  ให้ประชาชนมีอำนาจบาตรใหญ่ตรวจค้านอาวุธเจ้าหน้าที่รัฐ เว้นเสียแต่เป็นประเทศไร้รัฐ ไร้การศึกษา ไร้กติกา ปกครองด้วยกฎหมู่

ก่อนหน้านี้ ก็มีปรากฎการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้เรียนรู้วิธีการสันติวิธีอย่างเข้าใจถ่องแท้หรือไม่   เริ่มจากการระดมเลือดของผู้ชุมนุมไปราดที่ทำเนียบรัฐบาล  พรรคประชาธิปัตย์  รวมถึงบ้าน  “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”     วิธีดังกล่าวถือว่าเป็นการชุมนุมอย่างสันติวิธีหรือไม่ เพราะนอกจากการนำเลือดซึ่งถือว่าเป็นขยะติดเชื้อที่สกปรกที่สุด  การขว้างปาใส่สถานที่รัฐอาจพอทำเนาในเชิงต่อต้านสัญลักษณ์ แต่การขว้างปาใส่บ้านพักส่วนตัว อาคารสำนักงานเอกชน บุคคล องค์กรล้วนมีสิทธิปกป้องตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีสิทธิที่ผู้อื่นจะไปละเมิด

แม้ว่าหลายสำนักจะฟันธงว่าพิธีกรรมดังกล่าว เป็นเรื่อง โหราศาสตร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า  การใช้เลือด ถือว่าเป็น สัญลักษณ์ของการกระตุ้นให้มีความรุนแรง แม้แต่บทวิเคราะห์สื่อไทยและเทศหรือแม้แต่นักสันติวิธี  มีความเห็นตรงกัน วิธีดังกล่าวไม่ใช่แนวทางสันติวิธี เพราะถ้าจะลงลึก ก็เป็นวิธีการของ เผ่าพันธุ์ชนป่าที่ไร้อารยะ ประเภทจับคนมาบูชายัญเซ่นสังเวยด้วยเลือดทำนองนั้น

ท่ามกลางคำถามว่า ทำไมคนเสื้อแดง ไม่เลือกวิธีการชุมนุมแบบอหิงสาที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อาทิ  การอดข้าวประท้วง   การ โกนผมประท้วง แต่กลับกลายเป็นว่าสร้างหลักสันติวิธีด้วยการให้ผู้ชุมนุมเดือดร้อนไม่พอยังให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อนไปด้วยจากการถูกขว้างปา

การจัดคาราวานทัวร์กรุงฯ  ของกลุ่มนปช.ที่อ้างว่าเป็นการขอบคุณประชาชนคนกรุงเทพฯ ด้วยการจัดขบวน มอเตอร์ไซด์ 2  หมื่น คัน  รถกระบะและรถอื่นอีก 7,000  คัน ตามถนนเส้นหลักของกรุงเทพฯ  ทั้ง เพชรบุรี ลาดพร้าว รามคำแหง  สีลม   เยาวราชฯลฯ  จนการจราจร ทั่วกรุงเทพฯเป็นอัมพาต   ภาพที่เกิดในวันนั้นแม้ดู เหมือนว่าจะไม่มีเสียงต้าน แต่ความรู้สึกลึกๆของคนที่ต้องใช้ถนนสัญจรในวันนั้นคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะ รู้สึกอย่างไร เดือดร้อนแค่ไหน

หรือแม้แต่การตระเวนแจกสติ๊กเกอร์ยุบสภา ซึ่งแม้จะเป็นสิทธิเสรีภาพที่ทำได้ แต่กลับภาพที่ปรากฎด้วยการยัดเยียดใส่มือผู้คนที่ไม่ประสงค์จะรับ ครั้นปฏิเสธก็พาลหาเรื่องเอาความ กลายเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกัน อย่างนี้หรือคือการสร้างสันติวิธีตามที่แกนนำได้เน้นย้ำกับผู้ชุมนุม

หันมาพิจารณาคำปราศรัยบนเวทีที่ออกแนว  คุกคาม  ข่มขู่  หยาบคายบ่อยครั้ง   เช่น การที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ ระเบิด ประกาศบนเวทีหลายครั้งว่าจะเป็นคนเด็ดหัว “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โดยเฉพาะวันที่ นปช.นำ เลือดไปสาดที่บ้านนายกฯ   “อริสมันต์”ได้ประกาศว่า “ยังดีที่นายอภิสิทธิ์ไม่อยู่บ้าน ไม่เช่นนั้นจะเข้าไปเลือดหัวนายอภิสิทธิ์มาล้างเท้า”  นี่คือสันติวิธีหรือไม่

สำทับด้วย “จตุพร” ที่กล่าวตอบโต้   นาย ทศพล เพ็งส้ม   ส.ส.นนทบุรี  ที่ออกมา ตั้งข้อสังเกตว่าเลือดทั้งหมดเป็นเลือดคนหรือไม่  ว่า  “ถ้าว่ากันแบบนี้ เดี๋ยวครั้งหน้าจะไปหาเลือดเอาข้างหน้า  และตอนนี้ เลือดยังเหลืออีกเยอะ จะไปราดตอนไหน ที่ไหนก็ได้”  นี่คือวาทะกรรมสันติวธีหรือไม่

และยังมีการประกาศในทำนองที่ว่าจะ ไล่ล่านายกฯหรือไล่ล่าบุคคลในรัฐบาลในทุกที่ๆ  การปิดล้อมสถานที่ราชการ   ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา  เห็นได้ชัดๆจากการตามไปไล่นายอภิสิทธิ์ ทีไปตรวจแม่น้ำโขง ที่จ.อุดรราชธานี เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ขณะที่กลุ่ม เพื่อนทหารตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ   ที่ประกาศว่า   ครั้งหน้าถ้ารัฐบาลยังไม่ยุบ สภา   เครือข่ายรถบรรทุกจะมาร่วมปิดเมืองด้วย โดยครั้งนี้จะเอาเฉพาะรถบรรทุกที่ติดแก๊สมาเท่านั้น    ยังมินับรวมถึงการใช้คำหยาบมากมาย   ไม่ว่าจะเป็นคำว่า  กู มึง  เห้- ห่า  ฯลฯ   รวมถึงเหตุการณ์ ความรุนแรงที่มีการปาระเบิดในหลายที่ ทั้งที่ สำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ ถนนสีลม  การจับ กุมแท็กซี่ที่ปาระเบิดเพลิงเข้าไปภายใน กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.)

อดีตที่ผ่านมา คำว่า สันติวิธี อาจเป็นคำที่สะกดได้ยากในมวลหมู่คนเสื้อแดง จึงทำให้สร้างสมความรุนแรงบ่อยครั้ง  ที่ยังติดตาสังคมอยู่ถึงวันนี้ คือเหตุการณ์เมษาเลือด ที่มีการบุกล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่พัทยา การปิดบ้านเผาเมือง การปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภุมิซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของการขนส่งมวลชนของคน กรุงเทพฯ  เผารถเมล์ไปเกือบ 60 คัน  การใช้รถแก๊ส เปิดวาล์วข่มขู่ประชาชนที่ดินแดง  การใช้ระเบิดขวดขว้างปาตามสี่แยกต่างๆ  การบุกข่มขู่ประชาชนทั้งที่ชุมชนเพชรบุรี ซอย 7  ชุมชนยางเลิ้ง ฯลฯ ที่คนเสื้อแดงได้สร้างวีรกรรมไว้ จนทำให้คนกรุงเทพฯหวาดหวั่นทุกครั้งที่คนเสื้อแดงประกาศว่าจะมีการเคลื่อนพล

รวม ทั้งวีรกรรม “ปิดสภา-ปาหิน-ทุบรถ” เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีการโหวตเลือก นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ   ซี่งครั้งนั้นมีส.ส.หลายคนได้รับบาด เจ็บ และมีรถยนต์เสียหายจำนวนมาก  การปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2551 ที่ถนนราชดำเนินจนเป็นเหตุให้มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช     การปิด ล้อมทำร้ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ จ.อุดรธานี  การฆ่าพ่อ แกนนำพันธมิตรฯที่จ.เชียงใหม่   การใช้หินขว้างปารถของกองทัพธรรมที่สนามหลวง   การบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์   ของพล.อ.เปรม  ติณสูลานนท์  ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ  เป็นต้น


ทั้งหมดเหล่านี้จึงเกิดคำถามว่า แท้จริงแล้วคนเสื้อแดงสันติวิธี จริงหรือเปล่า หรือสันติวิธีแต่ปาก สันติวิธีแบบปากว่าตาขยิบ   และจะสันติวิธีได้นานแค่ไหน

การชุมนุมนับจากนาทีนี้ไปเป็นโอกาสที่ นปช.จะพิสูจน์ตัวเองว่าสันติวิธี อหิงสา  ตามที่ประกาศไว้หรือไม่  จะสร้าง ประวัติศาสตร์เลวร้ายซ้ำรอยหรือเปล่า  เพราะถ้าสันติ วิธีจริงต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก  โดยเฉพาะการท่องจำให้ขึ้นใจ  สันติวิธีคือความสงบไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #176 เมื่อ: 24 มีนาคม 2553, 21:48:43 »

วันนี้  นอกจากเสื้อแดงยังมีกางเกงในแดงมาประท้วงหน้ารัฐสภา 
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #177 เมื่อ: 24 มีนาคม 2553, 22:36:21 »

เจ็บคออีกแล้วครับท่าน เป็นวันที่3 แล้ว สงสัยเป็นโรค ดูไบ ติดคอแหง๋ๆ


วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16:18:22 น.   มติชนออนไลน์

"แม้ว"ทวิตขอโทษ"เสื้อแดง"ป่วยช่วงสำคัญ โยนเจรจารบ.หน้าที่"สามเกลอ" พล่ามเรื่องเดิมไทยเผด็จการอำมาตย์

เมื่อเวลา 15.45 น.วันที่ 24 มีนาคม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้ทวิต ผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุ ว่า วันนี้ต้องให้หมอฉีดยาเพื่อจะได้พูดกับพี่น้องได้เร็วๆ ต้องขอโทษเป็นอย่างมาก ที่ดันมาป่วยในช่วงสำคัญอย่างไรก็ขอให้เข้มแข็งผนึกกำลังให้แข็งแรงนะ


นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ทวิตข้อความถึงการเจรจากับรัฐบาลว่า "มีคนพูดว่าทำไมไม่เจรจา ต้องเรียนว่าเป็นเรื่องของคนเสื้อแดงที่เห็นความไม่ชอบธรรมในการเข้าสู่ อำนาจของรัฐบาลแล้วก็ยังแย่ได้อีกเขาจึงขอให้ยุบสภา เพราะฉะนั้นการเจรจาหรือไม่เจรจาไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของสามเกลอและคนเสื้อแดงเขา ถึงแม้ว่าผมจะถูกรังแกอย่างเจ็บปวดแต่ยังเทียบไม่ได้กับ ความเสียหายของประเทศ/ประชาชนโดยรวมทต้องตกอยู่ในภาวะที่ประเทศเป็นเผด็จการ อำมาตย์ รัฐบาลเป็นเพียงหุ่นเชิดกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง 2 มาตรฐาน ทหารเตรียมพร้อมปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ในยุคที่โลกทั้งโลกเขาพากันไปไกลแล้ว แถมยังมีสื่อสารมวลชนที่เป็นสถานีโปรปากานดามากกว่า"

 

 


วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณทวิตข้อความผ่านเว็บบล็อก Twitter.com ว่า  "มีคนใช้ facebook ชื่อผม บอกกับคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมให้กลับบ้าน ต้องเรียนว่ามารเยอะจริงๆ มาในรูปแบบต่างๆ จนตามไม่ทัน ขอบอกว่าไม่จริงและขอให้ร่วมสู้"
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #178 เมื่อ: 25 มีนาคม 2553, 06:37:43 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=kfw6sZuNqUk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=kfw6sZuNqUk</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ef1JYTQFhdc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ef1JYTQFhdc</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=x9OKeymKmqw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=x9OKeymKmqw</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=0maBdLzLcwk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=0maBdLzLcwk</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=VcaSkhwGgE0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=VcaSkhwGgE0</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=MdTK6vmr26E" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=MdTK6vmr26E</a>

 แฉ ทักษิณ ปลุกม็อบแดง ขู่รัฐบาล คืนเงิน 7 หมื่นล้าน ประกาศลั่น “ไม่ทำตาม... ประเทศไทยฉิบหายแน่ !”


มีคำถามมากมายบนหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ทักษิณ ชินวัตร สู้กับใคร? และ สู้เพื่อใคร ?
ใครได้ประโยชน์บนการต่อสู้ของทักษิณ ?
ประชาชน ได้อะไร และ ประเทศชาติ ได้อะไร ?



ข้อสงสัยในความร่ำรวยของทักษิณ ชินวัตร มิได้อยู่ในวงจำกัดแค่คนไทย และในประเทศไทย

คนทั้งโลกก็สงสัยว่าจริงๆ แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร มีเงินทองมากมายมหาศาลขนาดไหนกันแน่


เพราะขนาดถูกอายัดทรัพย์ทั้งของตนเองและครอบครัว รวมกันกว่า 76,000 ล้านบาท
แต่ ทักษิณ ก็ยังใช้ชีวิตแบบมหาเศรษฐีติดอันดับโลก ทั้งๆ ที่ ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด ที่ทักษิณ แจ้งต่อคณะกรรมการป.ป.ช. นั้น ถูกอายัดไว้ ไม่สามารถนำไปใช้ได้แม้แต่บาทเดียว เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว

แต่ 3 ปีที่ผ่านมา ทักษิณ สามารถเดินทางไปได้ทุกประเทศทั่วโลก ที่อยากจะไป ด้วย
เครื่องบินส่วนตัว พักโรงแรมชั้นหนึ่งคืนละหลายแสนบาท

ไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แบบมหาเศรษฐีระดับโลก ทักษิณ ยังทุ่มเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ซื้อสโมสรฟุตบอลอาชีพ ในประเทศอังกฤษ และใช้เงินอีกเกือบ 500 ล้านบาท ซื้อคฤหาสน์หลังงามในอังกฤษ ให้ลูกสาวอยู่อย่างสุขสบาย ทั้งๆ ที่เงินทั้งหมดถูกอายัดไว้

เท่านั้นยังไม่พอ ที่ทักษิณ เพิ่งอวดความร่ำรวยของตัวเอง ก็คือ จ่ายเงินซื้อเครื่องบินส่วนตัวอีก 1 ลำ ราคา 1,500 ล้านบาท

จ้างฝรั่งเป็นกัปตัน และ แอร์โฮสเตสส่วนตัว ด้วยค่าจ้างเดือนละเกือบ 1 ล้านบาท ยังไม่นับรวมค่าจ้างเลขาสาว 3 คน และ รปภ.อีก 3 คน

ไม่มีใครอิจฉาความร่ำรวยของทักษิณ แต่เป็นความสงสัยมากกว่า ว่า ทักษิณ ไปทำอะไรมา จึงร่ำรวยมีเงินทองมากมาย ทั้งๆ ที่ถูกอายัดทรัพย์ทั้งหมด และไปเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ทักษิณบอกว่า ไม่ได้ทำธุรกิจ ประกอบอาชีพใดๆ เลย

นอกจากทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาทที่ถูกอายัดในประเทศไทย



 ทักษิณ ยังถูกรัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์ ไว้อีก 140,000 ล้านบาท ทักษิณ ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเอาเงิน 140,000 ล้าบาท มาจากไหน ได้มาด้วยวิธีการอย่างไร
และได้มาตั้งแต่เมื่อไร



ทักษิณ จึงถูกถอนวีซ่า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีก

พูดง่ายๆ ก็คือ ทักษิณ เป็นบุคคลที่ประเทศอังกฤษไม่ต้อนรับ ทั้ง ๆที่ก่อนหน้านั้น ทักษิณ ได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ นานกว่า 1 ปี

ทำไมท่าทีของรัฐบาลอังกฤษ ที่มีต่อทักษิณ จึงเปลี่ยนไป

เพราะ ทักษิณ มีพฤติกรรมไม่ต่างจากอาชญากรเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก ที่ตอบไม่ได้ว่าได้เงินมาอย่างไร

เพราะ ประเทศไทย กลับคืนสู่สภาพปกติ มีการปกครองระบอบประชาธิป ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้ว

เพราะ ทักษิณ มีสถานะเป็นนักโทษหนีคุก หนีศาล ไม่ใช่ผู้ลี้ภัยทางการเมือง

นอกจากจะไม่เป็นที่ปรารถนาของอังกฤษ
ทักษิณ ยังถูกบังคับให้ขายหุ้นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ออกจนหมด และถูกสโมสรลบชื่อออกจากทำเนียบประธานสโมสร ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในวงการฟุตบอลอังกฤษ

ทักษิณ โจมตีรัฐบาลอังกฤษ ว่าถูกรัฐบาลไทยแทรกแซง จนไม่กล้าให้วีซ่า และปฏิเสธคำขอเข้าประเทศอังกฤษ ของเขา

ในเวลาไล่เลี่ยกัน บริวารของทักษิณ ก็กล่าวหาว่า ราชวงศ์ของไทย ร้องขอให้ราชวงศ์อังกฤษ สั่งห้ามรัฐบาลอังกฤษ ออกวีซ่าให้ทักษิณ

การกล่าวหานี้ มีเป้าหมายให้เกิดผลกระทบต่อราชวงศ์และสถาบันพระ มหากษัตริย์ของไทย และ ราชวงศ์ของอังกฤษอย่างร้ายแรง ในสายตาของชาวไทยและชาวโลก

วันนี้ ปัญหาของทักษิณ ไม่ได้อยู่เงิน 76,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลไทยอายัด เพราะมีหลักฐานพอเชื่อได้ว่า มีที่มาจากการขายหุ้น ซึ่งหากทักษิณ ไปพิสูจน์ในศาล ก็เชื่อว่าน่าจะได้คืน

แต่เงินก้อนใหญ่ 140,000 ล้านบาท ที่อังกฤษอายัดไว้ ต่างหากที่เป็นปัญหา ซึ่งทักษิณ ชี้แจงไม่ได้ว่ามีที่มาอย่างไร

ใช่เงินของคนไทย ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทออกไปจากประเทศไทย หรือ ไม่ ?

เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมากที่ คนต่างชาติคนหนึ่ง มาอาศัยอยู่ในอังกฤษ เพียงปีเศษ จะทำธุรกิจได้กำไร มีเงินทองกองอยู่ในอังกฤษ มากกว่า 140,000 ล้านบาท

หากไม่โกง หรือ กอบโกยมาจากประเทศอื่น เรื่องแบบนี้ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ทักษิณ ถูกต้อนจนมุมคาจอโทรทัศน์ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี จนต้องสารภาพว่าเขาทำธุรกิจอยู่บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งเป็นแหล่งฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เป็นไปได้ไหม ที่เงินจำนวน 140,000 ล้านบาทนี้ ถูกส่งออกจากประเทศไทย ไปฟอกที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น แล้วถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในอังกฤษ ในชื่ออื่น ที่ไม่ใช่ ทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ก่อนจะเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549



วันนี้ สิ่งที่ ทักษิณ ต้องทำ ก่อนที่จะคิดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเหนือประเทศไทย อย่างที่พูดอยู่ทุกวัน ฝันอยู่ทุกคืน ก็คือ ชี้แจงให้ประชาชน ทราบ 4 เรื่อง ดังนี้

1. เงินที่งอกขึ้นมาเกือบ 50,000 ล้านบาท ก่อนที่จะเข้ามาทำงานการเมือง ซึ่งแจ้งไว้กับป.ป.ช. ว่ามีอยู่ 25,000 ล้านบาท มาจากที่ไหน ?

2. เงินจำนวน 140,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลอังกฤษ อายัดไว้ มีที่มาอย่างไร

3. เงินมากกว่า 10,000 ล้านบาท ที่ใช้ลงทุนและซ้อทรัพย์สินในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น เอามาจากที่ไหน

4. เงิน 20,000 ล้านบาท หรือราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ทักษิณ บอกกับนักข่าวว่ามีเหลือติดตัวอยู่เท่านี้ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ได้มาอย่างไร



หากตอบคำถาม 4 ข้อนี้ไม่ได้ ก็ป่วยการที่จะคิดฝันถึงวันจะกลับมาเป็นผู้มีอำนาจเหนือประเทศไทยอีกครั้ง เพราะวันนี้คนไทยส่วนใหญ่ ตาสว่างแล้ว

ตาสว่างพอที่จะมองเห็นว่า ทักษิณ วางแผนปลุกระดมคนเสื้อแดง ก่อความไม่สงบในประเทศไทย แล้วใช้เป็นเงื่อนไขบีบบังคับให้รัฐบาลต้องคืนเงิน 76,000 ล้านบาทที่อายัดไว้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ที่มาของเงินในศาล

เปรียบกันง่ายๆ วันนี้ ทักษิณ จับประเทศไทย และประชาชนเป็นตัวประกัน ข่มขู่ให้คืนเงิน 76,000 ล้านบาท คืน หากไม่ทำตามที่เขาต้องการ


ประเทศไทย ต้องฉิบหาย …. คนไทย ต้องล่มจม

“เมื่อข้าอยู่ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใคร หน้าไหน จะอยู่อย่างสงบ”



นี่คือ ประกาศิตของทักษิณ ก่อนเคลื่อนพลใหญ่ 8 เมษายน นี้

คำถามก็คือ คนไทยส่วนใหญ่ จะยอมให้ทักษิณ และ สมุน กระทำทารุณกรรมต่อประเทศไทย หรือไม่ ?

ที่มา: http://iamtaey.multiply.com/journal/item/24/24
      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #179 เมื่อ: 25 มีนาคม 2553, 16:18:37 »

ศิลปินนักต่อสู้เพื่อชีวิต วสันต์ สิทธิเขตต์ ได้รับเชิญไปแสดงภาพเขียน กว่า 20 ประเทศ จัดงานแสดงภาพเขียน 10 Evil  Scenes of Thai Politic ระหว่างวันที่ 11 มีนาคม - 3 เมษายน 2553 นี้  ณ Number ๑ Gallery, B26 สีลมแกลเลอรี่พลาซ่า ถนนสีลม 19 สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-630-3381, 081-414-4004, 083-445-8333


เข้าชมงานฟรี ไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู โอกาสดีๆเช่นนี้ พลาดไม่ได้


      บันทึกการเข้า

Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #180 เมื่อ: 27 มีนาคม 2553, 20:39:23 »

ตอนนี้ ผมมี Add เฟสบุ๊ค ของคุณวสันต์ สิทธิเขตต์ ด้วยแหละครับ... win

      บันทึกการเข้า

...
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #181 เมื่อ: 27 มีนาคม 2553, 21:41:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ Aj.O เมื่อ 27 มีนาคม 2553, 20:39:23
ตอนนี้ ผมมี Add เฟสบุ๊ค ของคุณวสันต์ สิทธิเขตต์ ด้วยแหละครับ... win


เฮ..น้องโอ..สู้แบบ มหิงสา...มหิงสา แปลว่า อะไรครับ..ใครรู้ช่วยบอกหน่อย
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #182 เมื่อ: 27 มีนาคม 2553, 21:43:41 »



  ชุมชน เสื้อขาว กทม. ออกโรงแล้วครับ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #183 เมื่อ: 27 มีนาคม 2553, 22:17:58 »

เพื่อนเปี๊ยก..นายแม่นมากเลย

วันนี้ มี ระเบิดลง 2 ลูก ที่ช่อง5& ช่อง11
มีทหารบาดเจ็บ หลายราย และอาการสาหัสด้วย

ไม่รู้ว่า จะมีระเบิดลง อีก กี่ลูกกันแน่

ทักษิณมันเลวจริงๆๆ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #184 เมื่อ: 27 มีนาคม 2553, 22:23:28 »

http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=18955&p=307846
โอ้ววว...พวกริบบิ้นขาวทุกท่านครับ ควายแดงมันแอบเอาสโลแกน เอาโลโก้ของพวกท่านไปหากินหาผลประโยชน์ซะแล้ว
ท่านจะยอมได้ไง?



หมายเหตุ > มหิงสา เป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่ง สกุลเดียวกับสัตว์บ้านที่ชาวนาเอาไว้ไถนา แต่มหิงสาจะดุร้ายกว่ามาก
http://www.skn.ac.th/skl/project/nara89/buff-1.htm
      บันทึกการเข้า

...
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #185 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 19:49:40 »

เป็นเรื่องน่ารู้นะครับรู้แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่า คนที่มีมันสมองดีๆ มันช่างเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงปานนี้
เสียดายข้าวแดงแกงร้อนของประชาชนที่ส่งเสียให้เขาเรียนมาได้สูงถึงขนาดนี้จริงๆ


หมอเหวง แฉ ทักษิณ ขายทรัพยากรสำคัญที่สุดในโลก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 กุมภาพันธ์ 2549 23:36 น.

นพ.เหวง แฉหมดเปลือก ทักษิณ ขายทรัพยากรสำคัญ แร่โปแตซ
ซึ่งปัจจุบันแทบจะมีอยู่แห่งเดียวในโลกที่ภาคอีสาน ให้กับต่างชาติกว่า 1 พันล้านตัน
หลังจากขายอธิปไตย 5 ด้าน จากการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับสิงคโปร์ไปแล้ว

นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวอภิปรายบนเวที เอาคืนประเทศไทย
ว่า ถ้าเราไม่ไล่ทักษิณออกไป ประเทศไทยจะเสียทรัพยากรสำคัญแห่งเดียวในโลกไป นั่นคือ แร่โปแตซ
ที่ภาคอีสานออกไป ซึ่งในโลกมี 3 แห่ง คือ ที่สหรัฐอเมริกาซึ่งใช้หมดไปแล้ว ที่ประเทศรัสเซียก็กำลังจะใกล้หมด
และสุดท้ายเหลือที่อยู่อุดมสมบูรณ์ที่สุดอยู่ที่ประเทศไทย แล้วอย่างนี้พี่น้องประชาชนชาวไทยจะยอมให้ทักษิณขายออกไปอีกหรือ

เดิมร! ัฐบาลเก่ าขายแร่โปแตซให้ต่างชาติแค่ 111 ล้านตัน แต่ทักษิณขายให้เพิ่มเป็นกว่า 1,000 ล้านตัน
ซึ่งขี้เกลือของแร่โปแตซ 111 ล้านตัน หากนำมากองจากตรงนี้จะยาวไปถึงวัดพระแก้ว ความสูงขึ้นไปถึง 500 เมตร
ลองนึกดูขี้เกลือจะปลิวไปทำให้ดินภาคอีสานเค็มขนาดไหน แต่ทักษิณขายให้ถึง 1,000 ล้านตัน เป็นเวลา 75 ปี
แล้วจะเป็นอย่างไร นี่จึงเป็นอีกผลที่เราต้องมาไล่ทักษิณ

นพ.เหวง กล่าวต่อว่า นี่คือสิ่งที่ประชาชนจะต้องรับรู้ หลังจากทักษิณได้ขายอธิปไตย 5 อย่างของไทยออกไป กับการขายหุ้นชินฯ
นั่นคือ ดาวเทียมซึ่งแต่ละประเทศมีตำแหน่งเพียงแห่งเดียว แต่ทักษิณก็ขายออกไป
โทรศัพท์มือถือของเอไอเอส ที่ปัจจุบันมีกว่า 22 ล้านเลขหมาย ต่อไปสิงคโปร์มันจะดักฟังเสียงคนไทยหมด
เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งสำคัญมากที่สุดในโลก เพราะปัจจุบันมันแทรกเข้าไปทุกชีวิตของประชาชน

สายการบินที่เป็นอำนาจอธิปไตยเหนือน่านฟ้า
และยังมีสถานีโทรทัศน์ ที่ทุนข้ามชาติเขาแย่งกันจะเป็นตาย
แต่ทักษิณขายออกไปหมด
เรื่องเหล่านี้จึงบอกได้ว่านายกฯ ขายชาติ ขายอธิปไตย 5 ด้าน แล้วจะอธิบายกับประชาชนอย่างไร

นพ.เหวง กล่าวว่า เรื่องที่สองที่ทักษิณโกหก ซึ่งขอท้าให้ฟ้องได้เลย และตนจะขอสู้ถึงที่สุด
โดยมีหลักฐานวันที่ 31 ก.ค.2547 ขณะที่ทักษิณโฆษณาว่าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมด
โดยทักษิณให้คำมั่นสัญญาและแปลเป็นภาษาอังกฤษ จะแก้กฎหมาย 11 ขายชาติ
แต่ถึงวันนี้ทำหรือยัง ทักษิณจึงเป็นคนที่โกหก
และพี่น้องไล่ พล.อ.สุจินดา เพราะอะไร ก็เพราะโกหกใช่ไหม เราจึงต้องไล่ทักษิณออกไปเช่นกัน

สำหรับเรื่องที่ 3 เป็นความก้าวหน้าของการเมืองไทย ไม่เคยได้มาเพราะการร้องขอเลย มันได้มาเพราะการต่อสู้ของประชาชน


พี่น้องชาวไทยเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อไม่รู้เท่าไหร่ ในการไล่เผด็จการทหาร
แต่ปรากฏว่าขณะนี้เรากับเจอเผด็จการนายทุน ซึ่งเราก็ต้องไล่เผด็จการนายทุนออกไป
แต่ไม่ใช่ไล่เผด็จการนายทุน เพื่อให้เผด็จการอย่างอื่นเข้ามา
เพราะฉะนั้น เราต้องสู้ให้ประชาธิปไตยที่เป็นของปวงชน เพื่อให้อำนาจการเมืองตกสู่ประชาชนอย่างแท้จริง

หมอ 2 หัว ?



      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #186 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 20:08:51 »

วันนี้นายกได้ใจประชาชนไปเยอะเลยครับ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #187 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 20:52:43 »

จริงด้วยน้องตุ๋ย...นี่เลยรายละเอียดที่ว่า นายกฯชนะคะแนน เพราะไม่อยากน็อค( เพราะเรียนที่อังกฤษนานไปหน่อย)

หมอตุลย์” เปรียบมวยโต๊ะเจรจา ชี้ไฟต์นี้ไม่มีน็อก “มาร์ค” ชนะคะแนน
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 มีนาคม 2553 17:48 น.
 
 
   
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์
 
 
       “หมอตุลย์” เปรียบมวยโต๊ะเจรจานายกฯ-3 เกลอหัวขวด ชม “วีระ” ลดดีกรีลง สมกับการมาเจรจา ระบุ “มาร์ค” ชักม้าเลียบค่าย เน้นตั้งรับเป็นหลัก แง้มประโยคเด็ด “3 คนพูดให้นายกฯ ฟัง แต่นายกฯ อธิบายให้คนทั้งประเทศฟัง” เชื่องานนี้ไม่มีชนะน็อก แต่ “มาร์ค” ชนะคะแนน กรรมการคือประชาชน
       
       นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยความรู้สึกหลังการฟังการเปิดโต๊ะเจรจาหาข้อยุติความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและฝ่ายรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ในฐานะหัวหน้าวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ในขณะที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ส่งนายวีระ มุสิกพงศ์, นพ.เหวง โตจิราการ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นตัวแทนเข้าเจรจากับฟากรัฐบาล

       
       โดย นพ.ตุลย์ เปิดเผยว่า หลังจากตั้งใจฟังการเจรจาในครั้งนี้ ผ่านการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ พบว่า ประการแรกที่รู้สึก คือ การปรับท่าทีของนายวีระ ที่ถือว่าทำได้ดี และน่าชมเชย ในการลดระดับความรุนแรงในการพูด ที่ถือว่าสุขุมและเหมาะสมในระดับการเจรจาเช่นนี้ แต่สำหรับ นายจตุพร เพียงแค่อ้าปากทุกคนก็ทราบแล้วว่าสิ่งที่พูดออกมานั้น ไม่เป็นความจริง
       
      “งานนี้ต้องชม คุณวีระ ที่นิ่งขึ้น และท่าทีเบาลงจากที่เคยไฮด์ปาร์กบนเวที แต่ คุณจตุพร นั้นแค่อ้าปากก็ทราบเลยว่าพูดผิด เพียงประโยคแรกเลยนะครับที่เขาพูดออกมา เดี๋ยวลองรีเพลย์เทปดูก็ได้ ที่คุณจตุพร พูดว่า ... “ผมเองเป็นคนเสนอไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ...” ซึ่งพูดแค่นี้ก็ทราบแล้วว่าไม่จริง”
       
       นพ.ตุลย์ ได้แสดงความคิดเห็นถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรี ว่า ค่อนข้างนิ่งและมีสมาธิมาก ทำให้ระดับความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลมีมากกว่าฝ่ายคนเสื้อแดง แต่ก็ติงว่าท่าทีเป็นไปแบบค่อนข้างตั้งรับมากกว่า จะเป็นฝ่ายรุกหรือตั้งคำถามอะไร แต่จะเน้นไปในทางการอธิบายให้ความกระจ่างเพื่อสร้างความเข้าใจมากกว่า
       
      “ถ้าผมเป็นคุณอภิสิทธิ์ ผมจะถามให้ชัดๆ ไปเลยว่า จะให้ยุบสภาทำไม ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรหากยุบสภา เอาให้ชัดๆ ไปเลย เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีความชัดเจนจากกลุ่มเสื้อแดงเลยว่า ยุบสภาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป บอกแต่ว่าคืนอำนาจให้ประชาชน แต่มันต้องให้ชัดว่ายุบเพื่อใคร ยุบแล้วใครจะมา ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ชักม้าเลียบค่ายไปหน่อย คือเน้นอธิบาย ไม่โยนหินถามทาง คือ อาจจะเล่นไพ่เกทับไม่เป็น”
       
       อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ตุลย์ ได้คาดการณ์ว่า ผลจากการเจรจาในครั้งนี้จะไม่ส่งผลให้เกิดอะไรขึ้นในเชิงรูปธรรม และเชื่อว่า คนเสื้อแดงจะชุมนุมกันต่อไป และเชื่อว่า ฝ่ายรัฐบาลจะไม่ยุบสภาตามที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้อง แต่ประชาชนจะเข้าใจรัฐบาลมากขึ้น
       
       “ความฉลาดของคุณอภิสิทธิ์ คือ คุณ 3 คนจากกลุ่มเสื้อแดงเขามาพูดให้แค่นายกฯ ฟัง แต่ขณะนี้นายกฯ ไม่ได้พูดให้คุณ 3 คนนั้นฟัง แต่พูดให้คนทั้งประเทศฟัง ผมเชื่อว่า ตอนนี้คนทั้งประเทศดูอยู่ ไม่ว่าจะเสื้อสีอะไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเจรจาครั้งนี้จะไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย ไม่มีการชนะน็อก แต่คุณอภิสิทธิ์ชนะคะแนน กรรมการที่ให้คะแนนคือประชาชน” นพ.ตุลย์ ทิ้งท้าย

 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #188 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 21:17:02 »

ทำให้เห็น gap ชัดเจนมากขึ้น .. เอาอีกค่ะ  เจรจาอีก .. และอีก .. และอีก ..     บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #189 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 22:06:15 »

งานหน้าจะกล้าไปอีกหรอ  เมื่อได้ sms บอกว่าทักษิณชมหมอโหวง  ชมไปได้ไง  จะเจรจาหรือจะเลคเจอร์  ก้ไม่รู้  น้ำท่วมไปหมด
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #190 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 22:12:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 28 มีนาคม 2553, 22:06:15
งานหน้าจะกล้าไปอีกหรอ  เมื่อได้ sms บอกว่าทักษิณชมหมอโหวง  ชมไปได้ไง  จะเจรจาหรือจะเลคเจอร์  ก้ไม่รู้  น้ำท่วมไปหมด


เขาเป็น ดร. นะคะ .. (หมายถึงหมอ) .. ย่อมไม่ธรรมดา       บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #191 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 01:08:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 28 มีนาคม 2553, 19:49:40
เป็นเรื่องน่ารู้นะครับรู้แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่า คนที่มีมันสมองดีๆ มันช่างเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงปานนี้
เสียดายข้าวแดงแกงร้อนของประชาชนที่ส่งเสียให้เขาเรียนมาได้สูงถึงขนาดนี้จริงๆ


สำหรับเรื่องที่ 3 เป็นความก้าวหน้าของการเมืองไทย ไม่เคยได้มาเพราะการร้องขอเลย มันได้มาเพราะการต่อสู้ของประชาชน

พี่น้องชาวไทยเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อไม่รู้เท่าไหร่ ในการไล่เผด็จการทหาร
แต่ปรากฏว่าขณะนี้เรากับเจอเผด็จการนายทุน ซึ่งเราก็ต้องไล่เผด็จการนายทุนออกไป
แต่ไม่ใช่ไล่เผด็จการนายทุน เพื่อให้เผด็จการอย่างอื่นเข้ามา
เพราะฉะนั้น เราต้องสู้ให้ประชาธิปไตยที่เป็นของปวงชน เพื่อให้อำนาจการเมืองตกสู่ประชาชนอย่างแท้จริง

หมอ 2 หัว ?

ตอนที่มันออกมาไล่ คมช.กับขิงแก่  ตอนนั้นเหตุผลยังพอฟังได้ ว่าไม่ชอบรัฐประหาร...
แต่ตอนนี้ รัฐธรรมนูญก็ผ่านการโหวตมาแล้ว ทั้งรัฐบาล รัฐสภา ก็มาตามกลไกรัฐธรรมนูญทุกอย่าง
ยังจะแถอะไรอีกล่ะ?...นอกจาก อยากดัง อยากโชว์พาว หรือไม่ก็ หิวเงินแม้ว
      บันทึกการเข้า

...
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #192 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 01:10:12 »

      บันทึกการเข้า

...
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #193 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 07:58:44 »

      บันทึกการเข้า

seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #194 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 09:36:32 »

ไม่จบแน่นอน
28 มีนาคม 2553 เวลา 23:00 น.posttoday

ไม่ผิดความคาดหมายเท่าใดนักที่ผลการเจรจาระหว่าง แกนนำเสื้อแดง กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะจบลงด้วยข้อสรุปที่ไม่มีข้อสรุป

แม้ว่า 2 ฝ่ายจะเออ ออ ห่อหมกเหมือนกัน ทำนองการยุบสภาฯ เป็นทางเลือกดีสุดของบ้านเมือง แต่เงื่อนไขและกรอบเวลาการยุบสภาฯ มันแตกต่างกันประมาณสองหมื่นเจ็ดพันสามร้อยลี้

เสื้อแดงต้องการให้ยุบสภาฯ ทันที ต่อมาก็ขยายเป็น 15 วัน ขณะที่อภิสิทธิ์ไม่มีกรอบเวลา แต่มีเงื่อนไขตรงที่การยุบสภาฯ ต้องทำให้ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันและสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง

แน่นอน การเจรจาทางการเมืองโดยเฉพาะประเด็นสำคัญอย่างการยุบสภาฯ ไม่อาจจะยุติได้เพียงครั้งเดียว แต่ไม่ว่าจะเจรจาอีกกี่ครั้งก็รับประกัน ไม่สำเร็จ

ตราบใดที่ แดงตัวพ่อ-พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รอไม่ได้และต้องการให้ยุบสภาฯ เร็วที่สุด


อย่าปฏิเสธเลย การกระทำของแดงไม่ได้ก่อเกิดจากทักษิณ ไปย้อนดูอดีตได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งแดง หากไม่ได้แรงอัดฉีดจากทักษิณมีหรือจะสำแดงเดชจนถึงทุกวันนี้

ยิ่งเฉพาะล่าสุดที่แดงทำท่าจะพ่ายแพ้หลังการสาดเลือดแบบวิปริต ก็เป็นทักษิณอีกที่พลิกเกม และสั่งการให้บรรดา สส.เพื่อไทย และเครือข่ายขึ้นเวทีแดง


หากปฏิเสธก็ต้องเรียกว่าหน้าของพวกเพ่ๆ ระดับถนนยางมะตอยเสริมเหล็ก เพราะทุกอย่างมีการบันทึกเป็นทั้งภาพ เสียง และตัวหนังสือเป็นหลักฐานให้รุ่นลูกหลานเจ็ดชั่วโคตรได้รู้ว่าใครหน้าไหนที่มันเคยเอาล่อเอาเถิดเผาบ้านเผาเมือง

เมื่อแดงตัวพ่อ ยืนยัน นั่งยัน ต้องเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การเจรจาก็เป็นเพียงพิธีกรรมคั่นเวลา เหมือนนั่งดูรายการโต้วาทีอย่างไรไม่ผิดเพี้ยน

ใครจะตั้งความหวังอย่างไรก็แล้วแต่ ศึกครั้งนี้ไม่ได้จบลงที่โต๊ะเจรจาอย่างที่เห็น ตราบใดเงื่อนไขความสำเร็จ-ล้มเหลว ยังอิงอยู่กับแดงตัวพ่อ

โถ... ก็ลงทุนขนาดนี้แล้ว

ถ้าไม่ได้อย่างหวัง ก็ถึงขั้นกดปุ่มบรรลัยแน่นอน



      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #195 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 09:57:20 »

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 21:58:51 น.   มติชนออนไลน์

วิเคราะห์คำพิพากษายึดทรัพย์ ลักไก่ยิงดาวเทียม"ไอพีสตาร์" กับคำถามถึง 5 อจ.นิติ มธ.ฯกรณี"ซุกหุ้น"

โดยประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์

ในคดียึดทรัพย์กว่า 46,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเนื่องจากร่ำรวยผิดปกติซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา


ประเด็นที่เป็น"หัวใจ"ของ คำพิพากษาคือ การศาลฎีกาฯวินิจฉัยว่า  พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร( ณ ป้อมเพชร) ภรรยา "ซุกหุ้น"หรือยังคงถือไว้ซึ่งหุ้น"บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือชินคอร์ป จำนวน 1,419 ล้านหุ้น ในระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย


เพราะประเด็นดังกล่าว ได้นำไปสู่ประเด็นการ วินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติการณ์ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ปซึ่งเป็น บริษัทของตนเอง และเป็นประเด็นสำคัญที่บ่งบอก ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมที่ฉ้อฉล ปกปิดข้อเท็จจริงในเรื่องทรัพย์สินต่อสาธารณะหรือไม่


แม้ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์จนสิ้นสงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติการณ์ในการใช้อำนาจหน้าที่ในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง


แต่ก็ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า การที่บุคคลซึ่ง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  แต่จงใจปกปิดการถือครองทรัพย์สินมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท มีวัตถุประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่  สมควรหรือไม่ที่จะดำรงตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหาร เพราะการ กระทำดังกล่าวฝืนต่อข้อห้ามในทางกฎหมายและจริยธรรมอย่างแจ้งชัด


แต่น่าเสียดายที่นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าว วินิจฉัยในประเด็นนี้ไม่ถึง 10 บรรทัดโดยอ้างว่า  ไม่มีนัยสำคัญใดๆต่อการพิจารณาในทางเนื้อหาของคดี ว่า การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมีลักษณะเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่ ดังนี้


"ปัญหาหลักประการหนึ่งที่เป็นฐานแห่งโครงสร้างของคำพิพากษาศาล ฎีกาฯในคดีนี้ คือ ปัญหาว่าผู้ถูกกล่าวหา คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิง พจมาน ชินวัตร ถือหุ้นในบริษัทชินคอร์ปโดยให้ผู้อื่นถือแทนหรือไม่ โดยศาลฎีกาฯเห็นว่ามีการถือหุ้นแทนกัน คณาจารย์ทั้งห้าเห็นว่าการวินิจฉัยเรื่องการครองไว้ซึ่งหุ้นในบริษัทชิน คอร์ป จะต้องพิจารณาทั้งในทางรูปแบบและเนื้อหาประกอบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโอนหุ้นให้กับญาติใกล้ชิด เช่น บุตร หรือบิดามารดา ในกรณีที่ไม่สามารถจะวินิจฉัยลงไปให้ชัดเจนได้ ย่อมจะต้องถือเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องตรากฎหมายห้ามเสียให้ชัดเจน มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาการแยกแยะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่มีผลกระทบต่อสิทธิใน ทรัพย์สินของบุคคลอย่างสำคัญ  อย่างไรก็ตามเมื่อ คณาจารย์ทั้งห้าได้พิเคราะห์ข้อเท็จจริงแห่งคดีโดยตลอดแล้วประเด็นว่ามีการ ถือหุ้นแทนกันหรือไม่ ไม่มีนัยสำคัญใดๆต่อการพิจารณาในทางเนื้อหาของคดีว่าการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารในประเทศ ตลอดจนกรณีการกู้เงินของรัฐบาลสหภาพพม่าจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า แห่งประเทศไทยมีลักษณะเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่ "


การไม่ยอมวิเคราะห์ประเด็นนี้โดยละเอียด(เหมือนเรื่องอื่นๆ)อาจทำให้ สาธารณชนเข้าใจได้ว่า คณาจารย์กลุ่มนี้กระทำไป โดยอคติ เมื่อเห็นว่า เรื่องที่เป็นโทษกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับละเลยที่จะกล่าวอ้างถึง

ในคำพิพากษาศาลฎีกาฯ 1 ใน 5 พฤติการณ์ที่ศาลฎีกาฯเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่ในการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ปคือ โครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศของบริษัทไทยคมในเครือชินคอร์ป แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่


1.กรณีอนุมัติให้ยิงดาวเทียมไอพีสตาร์ ไม่เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน


2.กรณีอนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทาน ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547 เรื่องการลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ป ในบริษัท ไทยคม จากที่ต้องถือครองหุ้นไม่น้อยกว่าอัตราร้อยละ 51 เป็นไม่น้อยกว่าอัตราร้อยละ 40


3.กรณีอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทนจากการที่ดาวเทียมไทยคม 3
เกิดความเสียหาย จำนวน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ


ข้อเท็จจริง โครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศนี้  มีบริษัท ชินคอร์ป เป็นผู้รับสัมปทาน ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ลงวันที่ 1 กันยายน 2534  โดยนายนุกูล ประจวบเหมาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กับบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด(ต่อมาเปลี่ยนเป็นชินคอร์ป) โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท


หนึ่ง กรณีอนุมัติให้ยิงดาวเทียมไอพีสตาร์ ไม่เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน


การอนุมัติดาวเทียมไอพีสตาร์ซึ่งตามสัญญาสัมปทานกำหนดให้ส่งดาวเทียม สำรองขึ้นสู่อวกาศ เพื่อให้เป็นดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2536 บริษัทไทยคมได้จัดส่งดาวเทียมหลัก คือดาวเทียมไทยคม 1   ต่อมาวันที่ 7 ตุลาคม 2537 ได้จัดส่งดาวเทียมสำรอง คือดาวเทียมไทยคม 2 และวันที่ 16 เมษายน 2540 จัดส่งดาวเทียมหลักคือ ดาวเทียมไทยคม 3


กระทรวงคมนาคม ซึ่งดูแลโครงการดาวเทียมอยู่ในขณะนั้น อนุมัติให้มีการจัดสร้างดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3 คือดาวเทียมไทยคม 4 แต่เมื่อถึงกำหนดที่จะต้องจัดส่งขึ้นสู่อวกาศนั้น บริษัทผู้รับสัมปทานได้ขอเลื่อนกำหนดหลายครั้ง


ต่อมาบริษัทได้ขอแก้ข้อกำหนดทางด้านเทคนิคขอเปลี่ยนคุณสมบัติ"ดาวเทียมไทยคม 4"เป็น"ไอพีสตาร์" เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว มีการจัดส่งดาวเทียมดวงนี้ขึ้นสู่อวกาศในวงโคจร เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2548


แต่ตามข้อกำหนดประกาศแข่งขันสัมปทานดาวเทียมสื่อสารฯกำหนดวัตถุ ประสงค์เพื่อใช้สำหรับการสื่อสารภายในประเทศไว้อย่างชัดเจน และกำหนดให้มีดาวเทียมหลัก และระบบดาวเทียมสำรอง รวม 4 ดวง


ประเด็นการวินิจฉัย  การอนุมัติให้ยิงและส่งเสริมการลงทุนดาวเทียมไอพีสตาร์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


1.การดำเนินการ เป็นการกระทำที่เป็นการลัดขั้นตอนในการปฏิบัติราชการในลักษณะที่รวบรัดและ รีบเร่ง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดปกติวิสัย


หลังจากบริษัทผู้รับสัมปทานได้ร้องขอเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติดาวเทียม ไทยคม 4 เป็นดาวเทียมไอพีสตาร์ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมไปรษณีย์โทรเลข ศึกษาข้อมูลทางเทคนิคของดาวเทียมไอพีสตาร์ ซึ่งมีความเห็นว่า ดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมหลักดวงใหม่ไม่ใช่ดาวเทียมสำรอง(ของดาวเทียม ไทยคม 3)ที่จะจัดสร้างแทนดาวเทียมไทยคม 4 แต่อย่างใดซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายใน ประเทศ ครั้งที่ 1/2545 ที่แต่งตั้งขึ้นตามสัญญาสัมปทาน( วันที่ 29 สิงหาคม2545) มีมติว่า เป็นดาวเทียมหลักดวงใหม่เช่นเดียวกับความเห็นของกรมไปรษณีย์โทรเลข



ต่อมาเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการประสานงานครั้งที่ 2/2545 (วันที่ 10 กันยายน 2545 )ปรากฏว่า มีการขอแก้ไขมติครั้งที่ 1/2545 ข้างต้น เป็นว่า ดาวเทียมไอพีสตาร์ เป็นดาวเทียมดวงหลักหรือสำรอง ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ต้องมีการทำแผนสำรอง และคุณสมบัติดาวเทียมไอพีสตาร์นั้นต้องไม่ด้อยไปกว่าดาวเทียมดวงอื่น และเป็นไปตามสัญญาแล้ว ซึ่งเท่ากับมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงและอนุมัติให้ดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาว เทียมสำรองได้ตามที่บริษัทผู้รับสัมปทานร้องขอ


ครั้นเมื่อมีการทำหนังสือเสนอขออนุมัติต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ทั้งที่ยังไม่ได้มีการรับรองรายงานการประชุมทั้ง 2 ครั้งโดย เลขานุการคณะกรรมการประสานงานฯใช้วิธีทำหนังสือเวียนไปยังคณะกรรมการประสาน งานเพื่อขอให้รับรองรายงานการประชุมทั้ง 2 ครั้ง และกำหนดไว้ว่า ขอให้แก้ไขภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2545 โดยมิได้มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อลงมติ


ในวันเดียวกันนั้น กระทรวงคมนาคมมีหนังสือแจ้งบริษัทไทยคมว่า ได้อนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์แล้ว


2. นำโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ มูลค่า 16,543 ล้านบาท ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการฯเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2546 ทั้งๆที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนบริษัทชินคอร์ป เป็นผู้ที่ยื่นแข่งขัน รวมทั้งเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้รับสัมปทานด้วยวาจา


ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2547 บริษัทผู้รับสัมปทานได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการดาวเทียมไอพี สตาร์


3. เมื่อดาวเทียมไอพีสตาร์ไม่เป็นดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3  ทำให้ความมั่นคงในการสือสารดาวเทียมของชาติต้องเสียหายจากการที่ไม่ มีดาวเทียมไทยคม 4 เพื่อเป็นดาวเทียมสำรองของดาวเทียมไทยคม 3 ได้ทั้งดวง จนกระทั่งถึงปัจจุบัน


4.บริษัทชินคอร์ป และบริษัทไทยคม ไม่ต้องปฏิบัติตามสัญญาสัมปทาน จึงไม่มีภาระที่จะต้องใช้เงินทุน หรือระดมทุน โดยการกู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มทุน เพื่อนำเงินมาลงทุนในการส่งดาวเทียมไทยคม 4 เป็นมูลค่าถึง 4,000 ล้านบาท


ในทางกลับกัน ภาครัฐก็ต้องเสียหายจากการที่ไม่ได้รับมอบทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทาน คือดาวเทียมไทยคม 4 มูลค่า 4,000 ล้านบาทเช่นกัน


5. เป็นโครงการใหม่ที่อยู่นอกกรอบสัญญาสัมปทาน และจะต้องเปิดให้มีการประมูลแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ทั้งในด้านการบริหารงาน และอัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่รัฐ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535     


การอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ เป็นโครงการที่ได้ให้บริการสื่อสารระหว่างประเทศถึงร้อยละ 94 แต่บริการในประเทศเพียงอัตราร้อยละ 6   จึงเป็นดาวเทียมหลักที่จัดสร้างขึ้นเพื่อการสื่อสารระหว่างประเทศเป็นหลัก ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อสื่อสารภายในประเทศตามวัตถุประสงค์ของสัญญาสัมปทาน การอนุมัติให้จัดสร้างดาวเทียมไอพีสตาร์จึงเป็นเรื่องที่ อยู่นอกกรอบแห่งสัญญา


6.หากมีเปิดให้มีการประมูลแข่งขันกันใหม่โดย ให้ผู้ประกอบการรายอื่นได้มีโอกาสยื่นข้อเสนอเพื่อแข่งขันกันจะมีมูลค่า โครงการเป็นเงินถึง 16,543.8 ล้านบาท เป็นรายได้เข้ารัฐ


สอง กรณีอนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทานลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ป ในบริษัท ไทยคม จากร้อยละ 51 เป็นไม่น้อยกว่ร้อยละ 40


1. นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) อนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทานเพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชิน คอร์ปที่ต้องถือในบริษัทไทยคมจากไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40  โดยไม่มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เป็นการอนุมัติโดยมิชอบ  ทั้งที่ๆสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปในบริษัทไทยคม เป็นนัยสำคัญประการหนึ่งที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้บริษัทชินคอร์ปได้ รับสัมปทาน


2.การลดสัดส่วนในการถือหุ้นในบริษัทไทยคมซึ่ง ต้องลงทุน สูงในดาวเทียมไอพีสตาร์สูงถึง 16,543.8 ล้านบาท ทำให้บริษัทชินคอร์ปไม่ต้องซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 84,706,801 หุ้น เป็นเงิน 1,296,014,055 บาท แต่กลับกระจายความเสี่ยงไปให้นักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ และการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลงประมาณร้อยละ 11  ย่อมเป็นผลให้บริษัทชินคอร์ปได้รับเงินลงทุนคืนจากการโอนขายหุ้นจำนวนดัง กล่าวออกไป


3.การลดสัดส่วนดังกล่าวมีผลเป็นการลดทอนความ เชื่อมั่น และความมั่นใจในการดำเนินการโครงการดาวเทียมของบริษัทชิน คอร์ป ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานโดยตรงที่ต้องมีอำนาจควบคุมบริหารจัดการอย่างเบ็ด เสร็จเด็ดขาดได้


สาม กรณีอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหม 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ


1. การที่นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีไอซีที อนุมัติให้บริษัทผู้รับสัมปทาน นำวงเงินบางส่วนจากค่าสินไหมทดแทนความเสียหายของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6,765,299 ดอลลาร์สหรัฐฯ(จากทั้งหมด33,028,960 ดอลลาร์สหรัฐ)ไปเช่าดาวเทียมของต่างประเทศ เพื่อใช้ทดแทนช่องสัญญาณเดิมของไทยคม 3  และใช้เป็นสำรอง เป็นการขัดต่อสัญญาสัมปทาน

เพราะตามสัญญาสัมปทานกำหนดให้บริษัท รีบซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหาย หรือจัดการหาทรัพย์สินทดแทนทรัพย์สินที่สูญหายโดยทันที เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และกระทรวงผู้ให้สัมปทานจะมอบเงินค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัทประกัน ภัยให้ และถ้าค่าซ่อมแซมหรือราคาทรัพย์สินที่จัดหามีราคาสูงกว่าเงินค่าสินไหมทดแทน บริษัทผู้รับสัมปทานตกลงเป็นผู้รับผิดชอบ จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด


ดังนั้น เมื่อดาวเทียมไทยคม 3 เกิดความเสียหายบางส่วน บริษัทผู้รับสัมปทานจะต้องดำเนินการซ่อมแซมแล้วจึงมารับค่าสินไหมทดแทน จากกระทรวงไอซีที แต่ถ้าเกิดความเสียหายทั้งดวงจนไม่สามารถที่จะใช้งาน หรือดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง บริษัทจะต้องจัดสร้างดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นทดแทน แล้วจึงรับเงินค่าสินไหมทดแทนจากทางกระทรวงผู้ให้สัมปทาน


2. การกระทำดังกล่าวทำให้ บริษัทชินคอร์ปและบริษัทไทยคมไม่ต้องใช้เงินทุนของตนเอง หรือไม่ต้องระดมทุน โดยกู้ยืมเงินหรือเพิ่มทุนเพื่อดำเนินการซ่อมแซมดาวเทียมไทยคม 3 หรือจัดสร้างดาวเทียมดวงใหม่ทดแทนดวงที่เสียหาย ตามสัญญาสัมปทานมูลค่า 4,000 ล้านบาท และยกกรรมสิทธิ์ให้กระทรวงผู้ให้สัมปทาน


3.ในทางกลับกัน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ เนื่องจากทรัพย์สินที่ทำประกันภัยเป็นของรัฐ ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรัฐจะต้องเป็นผู้ควบคุมดูแลและคงไว้เป็นหลักประกัน ความมั่นคง หากเกิดกรณีไม่สามารถซ่อมแซมหรือจัดหาทรัพย์สินทดแทนเพื่อใช้ดำเนินการต่อไป ได้อย่างต่อเนื่อง

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #196 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 21:55:42 »

ภาคธุรกิจ-เอกชนค้านยุบสภา หวั่นทำเศรษฐกิจชะงัก
 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มีนาคม 2553 17:25 น.
 
 
       นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนรู้สึกเป็นห่วงหากมีการยุบสภา เพราะบ้านเมืองและธุรกิจจะหยุดชะงัก เพราะกระบวนการต่างๆ เช่น การเลือกตั้ง ต้องใช้เวลาหลายเดือน ควรทอดเวลายุบสภาออกไปให้เศรษฐกิจได้มีเวลาตั้งตัว และหวังว่าการเจรจาในเย็นวันนี้จะมีทางออกให้ประชาชนและนักธุรกิจได้ ส่วนตลาดหุ้นที่ลดลงกว่า 7.46 จุด วันนี้ เป็นเพียงการพักฐาน ไม่ได้เป็นผลจากเรื่องการเมือง
        ขณะที่กระทรวงการคลังประเมินว่า หากมีการยุบสภา ไม่มีรัฐบาลในการขับเคลื่อนงบประมาณปี 2554 อาจจะมีผลกระทบรุนแรง ทำให้เศรษฐกิจหดตัวถึง 1.8 เปอร์เซ็นต์
        ส่วนชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์จุดยืน ไม่ต้องการให้ยุบสภา เพราะไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมในช่วงนี้ ซึ่งอย่างช้าปลายปีหน้าก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชนตามวาระอยู่แล้ว แต่หากจะยุบสภาควรตกลงกติการัฐธรรมนูญที่ชัดเจนก่อน โดยต้องผ่านการทำประชามติ และต้องไม่เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนบุคคล แต่ต้องเป็นประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม
        ขณะที่อาสาสมัครพัฒนาสังคม (อพม.) กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีนำความสงบ สามัคคี มาสู่สังคมโดยเร็ว และสนับสนุนการปฏิบัติงานของรัฐบาล รวมถึงมุ่งหวังให้ดำเนินการจัดสวัสดิการแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือกลุ่มผู้ประสบปัญหาทางสังคม ขอให้แก้ไขปัญหาสังคมเพื่อผู้ด้อยโอกาส และดูแลคนยากคนจนในทุกพื้นที่ด้วย
 

 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #197 เมื่อ: 30 มีนาคม 2553, 16:26:59 »

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1269932898&grpid=02&catid=no


แดงเชียงรายกลับจากชุมนุมใหญ่รถชนต้นไม้ดับคาที่4 สาหัสอีก2

สงสัยรัฐบาลหรือพวกอมาตย์ จะปลอมตัวเป็นต้นไม้ขวางทางรถพวกนี้แน่ๆเลย
หรือไม่ก็เล่นของ เสกต้นไม้มาขวางทางรถของพวกแดง
      บันทึกการเข้า

...
บ่าวหน่อ เมืองพลาญ
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2540
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 490

เว็บไซต์
« ตอบ #198 เมื่อ: 30 มีนาคม 2553, 17:23:12 »

ผมเพิ่งอ่านข่าวว่าเขาจะกลับบ้่านเพื่อไปทำธุระ แล้วจะกลับมาอีก

ตอนนี้ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวท่านด้วย ไม่รู้ว่าคนที่เป็นแกนนำจะเสนอหน้าช่วยเหลืออะไรได้บ้างที่ต้องมาเสียชีวิตในหน้าที่อย่างนี้
      บันทึกการเข้า

RCU80 จงเจริญ
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #199 เมื่อ: 30 มีนาคม 2553, 20:17:53 »


          มรณานุสติ

       นรชาติวางวาย    มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
      สถิตทั่วแต่ชั่วดี   ประดับไว้ในโลกา
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 33  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><