26 พฤศจิกายน 2567, 13:55:58
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 33  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน  (อ่าน 330110 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #75 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:38:25 »



  สตรี สู้ๆๆ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #76 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:40:40 »



  ผู้ชาย บางคนก็ใจดำ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #77 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:42:20 »



  โตขึ้นมา..สู้ๆนะหนู
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #78 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:44:16 »



  ทุกวันนี้  สตรียังถูกกดขี่
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #79 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:45:56 »



  สู้ต่อไปนะตัวเอง
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #80 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:59:20 »

      บันทึกการเข้า

seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #81 เมื่อ: 09 มีนาคม 2553, 10:22:06 »

งัด กม.ความมั่นคงคุมพระนคร 13 วัน-เกมยื้อโต้ “แม้ว” 
 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มีนาคม 2553 00:44 น.
 
 
 
 งานนี้แสดงให้เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลน่าจะอ่านเกมออกแล้วว่าฝ่ายทักษิณ ก็มีความกดดัน เนื่องจากต้องเผด็จศึกให้ได้ภายในเวลาอันสั้น แต่ขณะเดียวกันหากจะใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความปั่นป่วน ภาพโดยรวมก็ออกมาว่าต้องเป็นฝีมือของคนเสื้อแดงแน่ ก็จะยิ่งเสียหาย และหากมีการลงมือจริงไม้เด็ดอีกอย่างหนึ่งที่คาดว่าจะต้องนำมาใช้นั่นคือ การขอถอนประกันบรรดาแกนนำให้กลายเป็นคนนอกกฎหมาย ทุกอย่างก็จะเข้าทางมากขึ้นไปอีก
       
       ในที่สุดก็เป็นไปตามความคาดหมายสำหรับการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในกรุงเทพมหานคร และบางพื้นที่เขตปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 11-23 มี.ค.โดยคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.)จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติในวันอังคารที่ 9 มี.ค.นี้
       
       หากติดตามสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร จะพบว่ากำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ลบล้างความผิดและได้ทรัพย์สิน อำนาจกลับคืนมาโดยเร็ว
       
       ความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ เกิดขึ้นอย่างเข้มข้นทันทีหลังจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์จำนวน 4.63 หมื่นล้านบาทจากการทุจริตหลายกระทง และศาลยังได้ชี้ให้เห็นความผิดอื่นๆ ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีอีกมากมายตามมาทั้งทางแพ่งและอาญา
       
       คราวนี้คาดว่าเป็นการทุ่มเทสรรพกำลังมากกว่าทุกครั้ง สังเกตได้จากการรวบรวมทุกกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวพร้อมๆ กัน และหลากหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าต้องการใช้ “ความรุนแรง” เพื่อบีบคั้นให้ฝ่ายรัฐบาลทำตามเงื่อนไขให้ได้ นั่นคือเป้าหมายเฉพาะหน้าต้อง “ยุบสภา” โดยหวังว่าพรรคเพื่อไทยที่ตัวเองเป็นเจ้าของต้องชนะการเลือกตั้งแล้วกลับมาออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดทั้งหมดและฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วนำฉบับปี 2540 กลับมาใช้ใหม่
       
       อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ การชุมนุมครั้งนี้อาจมีการคาดหวังลึกๆว่าหากมีจำนวนคนเข้าร่วมมากพอก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ ซึ่งเป้าหมายคงไม่ใช่หยุดอยู่ที่ “อำมาตย์” ดังที่ ทักษิณ และคนเสื้อแดงพยามสร้างสัญลักษณ์ในการต่อสู้อย่างแน่นอน เพราะในช่วงไม่กี่วันมานี้ในกลุ่มเครือข่ายโดยเฉพาะ “สื่อเสื้อแดง” ต่างออกมาเปิดเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นคืออะไร ดังกรณีลงภาพหน้าปกของนิตยสาร “VOCE OF TAKSIN” ฉบับล่าสุดที่ลงรูป ครุฑพ่าห์ ถูกปิดหน้าแล้วมีข้อความว่า “บ้านที่ดีต้องเริ่มที่พ่อ” ว่าต้องการสื่อให้เห็นอะไรและสื่อถึงใคร!!
       
       นาทีนี้เรียกได้ว่าเปิดหน้ากันเต็มตัว ไม่มีอำพรางกันอีกต่อไป ขณะที่ ทักษิณ ก็ได้วิดีโอลิงก์ตามเวทีคนเสื้อแดงที่มีการโหมโรงกันก่อนถึงวันชุมนุมใหญ่ไปทั่วประเทศ “ปลุกระดม” กันเต็มที่ ทำทุกวิถีทางเพื่อปลุกเร้าให้ชาวบ้านเข้าร่วมให้มากที่สุด
       
       
       อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่ม “ฮาร์ดคอร์” รวมไปถึงกลุ่มที่ติดอาวุธและนิยมความรุนแรงเข้ามาพร้อมๆกัน ซึ่งก็มีทั้งใช้คำพูดข่มขู่ว่าจะเกิดเหตุร้ายที่นั่นที่นี่รวมไปถึงการลงมือก่อเหตุจริง ซึ่งต่อมาก็มีการจับกุม “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล “เคทอง” หรือ พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ กับพวกรวม
       8 คนพร้อมอาวุธอีกจำนวนหนึ่ง โดยคัดค้านการประกันตัว
       นอกจากนี้ยังมีการจับกุมคนที่ก่อเหตุขว้างปาระเบิดเข้าใส่ธนาคารกรุงเทพสาขาสีลมเมื่อหลายวันก่อน จำนวน 2 คน ซึ่งยอมรับว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดงอีก
       
       ความเคลื่อนไหวทั้งสองเหตุการณ์ย่อมเป็นการชี้ให้เห็นว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12-14 มีนาคมล้วนส่อไปในทางรุนแรง และแม้ว่าจะสามารถจับกุมคนที่ก่อเหตุขว้างระเบิดและกลุ่มที่ชอบเคลื่อนไหวในแนวทางรุนแรงอย่างกลุ่ม “เสธ.แดง” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์ร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นจะบรรเทาเบาบางลงไป
       
       ขณะเดียวกัน หากมองอีกด้านหนึ่ง การประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงของรัฐบาลตั้งแต่วันที 11-23 มี.ค.ในพื้นที่กรุงเทพฯและบางพื้นที่ในเขตปริมณฑล รวมทั้งการเลื่อนเดินทางไปเยือนประเทศออสเตรเลียของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในช่วงวันที่ 13-17 มี.ค.อย่างไม่มีกำหนดแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรการรับมืออย่างเข้มข้นเช่นเดียวกัน
       
       เชื่อว่านายกรัฐมนตรีคงประเมินสถานการณ์แล้วว่าบรรยากาศน่าจะตึงเครียดจึงได้งดกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศดังกล่าว
       
       หากพิจารณาจากจำนวนวันที่ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 11-23 มี.ค.เป็นเวลาถึง 13 วัน ขณะที่ ฝ่าย ทักษิณ ประกาศว่าจะชุมนุมแบบ “ม้วนเดียวจบ” 12-14 มี.ค. แค่ 3 วัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าฝ่ายรัฐบาลได้เตรียมการตั้งรับแบบยืดเยื้อ และอ่านเกมออกว่ายิ่งคนเสื้อแดงชุมนุมนานเท่าไหร่และหากยังไม่อาจล้มรัฐบาลลงได้ ความเบื่อหน่ายของผู้ชุมนุมเองรวมไปถึงคนกรุงเทพฯที่จะเดือดร้อนรำคาญก็จะยิ่งเป็นตัวบั่นทอนกำลังไปโดยปริยาย
       
       ประกอบกับในช่วงนี้เป็นช่วงอากาศร้อนจัด การอยู่กลางแดดเป็นเวลานานก็ยิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนล้าลงไปเรื่อยๆ
       
       งานนี้แสดงให้เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลน่าจะอ่านเกมออกแล้วว่าฝ่ายทักษิณก็มีความกดดัน เนื่องจากต้องเผด็จศึกให้ได้ภายในเวลาอันสั้น แต่ขณะเดียวกันหากจะใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความปั่นป่วน ภาพโดยรวมก็ออกมาว่าต้องเป็นฝีมือของคนเสื้อแดงแน่ ก็จะยิ่งเสียหาย และหากมีการลงมือจริงไม้เด็ดอีกอย่างหนึ่งที่คาดว่าจะต้องนำมาใช้นั่นคือ การขอถอนประกันบรรดาแกนนำให้กลายเป็นคนนอกกฎหมาย ทุกอย่างก็จะเข้าทางมากขึ้นไปอีก
       
       การงัดกฎหมายความมั่นคงขึ้นมาใช้ควบคุมก็ยิ่งเป็นการเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญยังได้ “เบี้ยเลี้ยง” เป็นกอบเป็นกำ เป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังด้วย
       
       ดังนั้น เมื่อประเมินสถานการณ์รอบด้านแล้วเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนในสังกัดทักษิณที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลยังได้เปรียบอยู่หลายขุม เพราะคราวนี้ฝ่าย “บิ๊ก”กองทัพจำเป็นต้องกอดคอกับ อภิสิทธิ์ ต่อไป อย่างน้อยก็ชั่วระยะหนึ่ง เพราะถ้าชิ่งไปก่อนก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน!!
       

 
 
 
 
 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #82 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 05:03:42 »




การเมือง ไม่ใช่เรื่องของทุกคน เพราะเมียลูกทักษิณ บินเผ่นหนีไปแล้ว

    สะพัด "โอ๊ค-เอม-อุ๊งอิ๊ง" เตรียมเผ่นออกนอกประเทศ พรุ่งนี้ ก่อนปฎิบัติการ "แดงนรก" ถล่มเมือง พีอาร์ฮาวคัม ยอมรับ ไปร่วมงานไอทีวีเบอร์ลิน 2010 ที่เยอรมัน โดยสายการบินสวิสแอร์ไลน์ "มาร์ค" ถามเสื้อแดงสู้เพื่อใคร หลัง "โอ๊ค-เอม-อุ๊งอิ๊ง" เดินทางหนีออกนอกประเทศ
       
    มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร , นางสาวพิณทองทา ชินวัตร และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ได้เตรียมเดินทางไปต่างประเทศ ในวันพรุ่งนี้ (10 มีนาคม 2553) โดยสายการบินสวิสแอร์ไลน์ ซึ่งคาดว่าจะไปลงที่เมืองซูริค (Zurich) ก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศสาธารณะรัฐเยอรมนี
       
       ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร มีแผนที่จะอยู่ที่ฝรั่งเศส และกลับมาเมืองไทยในวันที่ 18 มีนาคม 2553 ส่วนนางสาวพิณทองทา จะเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงต่อ และจะกลับมาเมืองไทยวันที่ 21 มีนาคม 2553
       
       รายงานข่าวยังระบุว่า ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท ฮาวคัม เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ได้ยอมรับกับสื่อมวลชนว่า นายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา เตรียมเดินทางออกไปต่างประเทศจริง โดยจะไปร่วมงานไอทีวีเบอร์ลิน 2010 ที่เยอรมนี

ที่มา: http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9530000033433


บทพิสูจน์ "ไม่มีใครจ้าง กูมาเอง?"








     
"หญิงอ้อ" หอบลูกแผ่นไปฮ่องกงแล้ว

    "มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะประธาน ส.ส.ภาคอีสาน ร่วมหารือกับ ส.ส.อีสานและแกนนำคนเสื้อแดงสายอีสาน ช่วงหนึ่งได้หารือเตรียมความพร้อมการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงวันที่ 14 มีนาคม โดย ส.ส.แต่ละคนได้รายงานความเคลื่อนไหวให้ที่ประชุมทราบ ส่วนใหญ่บอกว่ามีความพร้อมอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาตอนนี้คือเงินสนับสนุนค่าใช้จ่าย ที่ต้องอยู่ชุมนุมอย่างน้อย 3 วัน
พร้อมกับขอเงินสนับสนุนนายพายัพจำนวน 30 ล้านบาท ทำให้นายพายัพถึงกับตกใจและสอบถามว่าจะเอาไปทำอะไร

    นายนิสิต สินธุไพร หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงสายอีสาน บอกว่า จะใช้เป็นค่าน้ำมันในการขนคน ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร ค่าอำนวยความสะดวก เพราะแต่ละจังหวัดมีค่าน้ำมันแตกต่างกัน เช่น อีสานตอนบน
ค่าน้ำมันไป-กลับอยู่ที่ 6,000 บาท แต่ถ้า จ.นครราชสีมา สกลนคร เดินทางมาไม่ไกลมากนัก ค่าน้ำมันไป-กลับต่อคันอยู่ประมาณ 3-4 พันบาท

ขณะที่แกนนำระดับนายทุน ตกลงจะช่วยเหลือเพียง 2,000 บาท ส่วนนายพายัพกล่าวเสริมว่า ขอให้ ส.ส.สำรองจ่าย เหมือนเป็นการวัดใจแล้วกัน     สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้แกนนำเสื้อแดงสายอีสานไม่พอใจ พร้อมบอกว่าจะมาเหมาจ่ายไม่ได้ ค่าใช้จ่ายไม่ได้มีแค่ค่าน้ำมัน แต่มีทั้งค่าอาหารและค่ายา นายพายัพยังสอบถามถึงเงินกองกลางของคนเสื้อแดงว่าหายไปไหน เหตุใดไม่นำมาใช้จ่ายในศึกครั้งนี้

ที่มา: http://www.thaipost.net/news/100310/19122
      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #83 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 06:05:19 »

      บันทึกการเข้า

demagogue
มือใหม่หัดเมาท์
*


ไม้ซีก งัด อำนาจเงิน
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 108

« ตอบ #84 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 10:14:35 »

อำมาตย์ - ทักษิณ ภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นในสงครามกลางเมือง     

ผมเห็นว่า ทั้งอำมาตย์ และ ทักษิณ ต่างก็มีผลประโยชน์ ต่างก็เป็นตัวขัดขวางประชาธิปไตยที่แท้จริง

ต่างก็เป็นสิ่งที่ผู้รักประชาธิปไตยจะต้องกำจัด หรือ จำกัด ให้อยู่ในแนวประชาธิปไตยให้ได้

ในความเห็นของผม ทักษิณใช้เงินในการสร้างข้อมูลเท็จขึ้นอย่างมหาศาล

อำมาตย์อาจจะเลวสัก ๓ แต่ถูกปั่นข้อมูลให้เลวเป็น ๑๐

ทักษิณ เลว ๑๑ แต่ถูกปั่นข้อมูลให้ดูเลวเพียง ๑ (เช่นสร้างวาทกรรมว่า ใครๆ ก็โกง แต่โกงแล้วยังแบ่งให้ประชาชน)

จะกำจัดใครก่อนดี

จากโครงสร้างอำนาจและแนวทางทำธุรกิจ

อำมาตย์จะค่อยๆเสื่อมอำนาจไปตามยุค และตามเทคโนโลยีข่าวสารที่ทันสมัยขึ้น

ส่วนที่อยู่ได้ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมมากขึ้น

(ซึ่งทุกวันก็เป็นเช่นนี้อยู่)

การใช้อำนาจตามอำเภอใจอย่างในอดีตทุกวันนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

(อันนี้ก็เป็นคุโณปการจากคนเสื้อแดงเป็นสำคัญ)

ส่วนทักษิณ

ถ้ากลับมาได้ก็จะใช้บทเรียนที่ผ่านมากระชับอำนาจเบ็ดเสร็จมากขึ้น

จะมีการผูกขาดมากขึ้นทั้งทางธุรกิจ และเส้นสายในวงราชการ วงการสื่อ

ผู้ที่เห็นต่าง จะไม่มีช่องให้หายใจและต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้รัฐตำรวจกำจัดฝ่ายตรงข้าม

ทักษิณจะผูกขาดทรัพยากรทุกอย่างไปอีกเป็นชั่วอายุคน

.........

พอจะคิดออกหรือยังครับ ว่าสังคมไทยควรจะกำจัดใครก่อน - หลัง
      บันทึกการเข้า
demagogue
มือใหม่หัดเมาท์
*


ไม้ซีก งัด อำนาจเงิน
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 108

« ตอบ #85 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 10:20:32 »

แต่คนไทยยังมีรสนิยมทางการเมืองแบบละครน้ำเน่าอยู่

คือเชียร์ฝ่ายใดก็จะเห็นว่าฝ่ายนั้นเหมือนนางเองละครที่ตนชื่นชอบ

บริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีที่ติ คนดูก็น้ำตาไหลไปกับการตกระกำลำบากของนางเอก

ฝ่ายตรงข้ามก็เป็นนังตัวอิจฉา เลวไปซะทั้งหมด

(เคยได้ยินแม่ค้าตลาดสดไล่ชี้หน้าด่า-ขู่เอาเปลือกทุเรียนตบนักแสดงตัวอิจฉาที่ไปซื้อของในตลาดไหมครับ คนเสื้อแดงก็อย่างไหนอย่างนั้นเลย)

ไม่ได้วิเคราะห์จากความเป็นจริง

ภาพมันก็เลยออกมาแบบนี้ คุยกันไม่รู้เรื่องเสียที
      บันทึกการเข้า
demagogue
มือใหม่หัดเมาท์
*


ไม้ซีก งัด อำนาจเงิน
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 108

« ตอบ #86 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 10:29:21 »

ทักษิณ เริ่มรู้สึกรักพี่น้องคนยากคนจนตั้งแต่เมื่อไร     


คนที่มีจิตใจสาธารณะ สนใจปัญหาสังคม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาความยากจน ความไม่เป็นธรรมในสังคม

ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ คนเอ็นจีโอ ศิลปินเพื่อชีวิต

การแสดงออกก็มักจะมีแต่ในวัยหนุ่มสาว
ออกมาเป็นผมงานด้านงานเขียน, ปาฐกถา, ดนตรี, การเข้าร่วมต่อสู้ผลักดันทางนโยบาย(ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด)

แต่ช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็น ๑๔ ตุลา ๑๖, ๖ ตุลา ๑๙, พถษภาทมิฬ ๓๕

บทบาททักษิณอยู่ตรงไหนครับ (อ้อว่าไม่ได้ เห็นไปซบบิ๊กจ๊อดอยู่หลังเกิด รสช.)

ขณะที่ปัญญาชนต่อสู้ล้มตายกันไปนับร้อยนับพันมาตลอดยุคสมัย

คุณทักษิณมาเริ่มรักประชาชนคนยากคนจนเอาก็อีตอนต้องการคะแนนเสียงนี่เอง เพราะคะแนนเสียงนำมาซึ่งอำนาจ แล้วก็พัฒนาเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จ

Warren Buffet เศรษฐีอันดับ ๒ ของโลก บริจาคทรัพย์สิน ๘๐ เปอร์เซนต์ของตนเอง ให้มูลนิธิบิลเกท เพื่อนำไปช่วยคนด้อยโอกาสทั่วโลก แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างสงบและพอเพียง

ลองคิด ลองเทียบกันดูก็แล้วกันครับ
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #87 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 20:53:46 »

ยังมีคนโง่ให้เค้าหลอก  แล้วก็มีคนฉลาดที่ได้ประโยชน์
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #88 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 21:45:19 »

ศาลให้ครอบครัวเดินทางออกนอกประเทศแล้วจ้า .. จุดหมายปลายทางอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์และฮ่องกง     บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
demagogue
มือใหม่หัดเมาท์
*


ไม้ซีก งัด อำนาจเงิน
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 108

« ตอบ #89 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 00:34:37 »


ไม่ไหวหรอกค่ะ...

จะให้ไปตากแดดหน้าดำ อึสว้มตู้ ยัดข้าวกล่อง น้ำไม่ได้อาบ แล้วก็ใส่เสื้ออยูี่่สีเดียว

แล้วยังให้แค่วันละ ๕๐๐

หลบร้อนไปยุโรปแล้วฮ่ะ....จะเที่ยวให้ทั่วยกเว้นอังกฤษ

ยึดเงินพ่อตู ห้ามพ่อตูเข้าเมือง ยังไม่พอ

หนำซ้ำยังให้ทูตมาฉีกหน้าถึงพรรคพ่อตูอีก..จำไว้เลย

ยังไงก็ขอให้คนเสื้อแดง สู้ ๆๆๆๆๆๆๆ สู้ตายค่ะ ช่วยกันเอาป๊ะกลับเมืองไทยให้ได้นะคะ

จะเที่ยวเผื่อค่ะ

อ๊งเอ๊ง วิตตอง


 
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #90 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 10:11:30 »


เจ้าภาพบินหนีไปหมดแล้ว  ปล่อยให้ผู้มาร่วมงาน ตายแทน

ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นกรู้ ยังเผ่นหนีไปสิงคโปร์

"มาร์ค" เย้ย "แม้ว"  ทิ้งแดงรับเคราะห์




      บันทึกการเข้า

Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #91 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:15:23 »



ที่มา: นสพ.แนวหน้า
      บันทึกการเข้า

Kittiwit Pk
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 281

« ตอบ #92 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:21:17 »

เสื้อแดงสู้ ๆ สู้เพื่อทักษิณและบริวาร

แต่เสื้อแดงตายหมด 5 5 5
      บันทึกการเข้า
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #93 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:26:12 »

วันเสาร์ที่ผ่านมามีคนมาชวนชาวบ้านแถวบ้านผม....เขาบอกว่า เขาสู้เพื่อประชาธิปไตยหรอกครับ ไม่ใช่เพื่อทักกี้สักหน่อย....


แต่น่าสงสารนะครับ ขับรถออกจากหมู่บ้านแทบไม่ทัน..... 
      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #94 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:36:20 »

จ่ายกันสุดๆ หลายพันล้านบาทปลุกม็อบ แฉ “ทักษิณ” ใช้ 3 ช่องทาง! ส่งท่อน้ำเลี้ยงคนเสื้อแดง
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 11 มีนาคม 2553 09:21 น.
 
 
 

 
       - เปิดเส้นทาง “ทุน” หลายพันล้านหนุนม็อบเสื้อแดงชุมนุมครั้งนี้
       - “ทักษิณ” ใช้ 3 ช่องทางแจกจ่ายเงินถึงมือม็อบจริงๆ
       - สั่งห้ามหักหัวคิว หวังดึงคนชุมนุมนับแสนนับล้าน
       - เมื่อ “เงินถึง” ก็ต้อง “ใจถึง” ใครสามารถวินาศกรรมรับรางวัลตอบแทน
       - ฟันธง รัฐประหารเมื่อใดฉุดเศรษฐกิจประเทศถอยหลังไปอีก 3 ปี?
       
       คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิพากษาเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2553 โดยให้ยึดทรัพย์ทรัพย์พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 46,373.69 ล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านบาท ยังคงอยู่ในกระบวนการของการดำเนินการทางภาษีและตรวจสอบรายการต่างๆ
       
       แม้ว่าในวันดังกล่าวเดิมเคยคาดการณ์กันว่าน่าจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมาชุมนุมกันครั้ง
ใหญ่ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีความสำคัญมาก เนื่องจากวงเงินที่ถูกอายัดไว้เมื่อครั้งขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กจากสิงคโปร์มีมูลค่ากว่า 7.6 หมื่นล้านบาท แต่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงได้เลื่อนชุมนุมและกำหนดวันชุมนุมใหญ่ระหว่าง 12-14 มีนาคม 2553 แทน
       
       คดียึดทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาถูกยกระดับให้เป็นคดีที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นคดีที่มีวงเงินที่พิพากษาให้มีการยึดทรัพย์นักการเมืองที่สูงที่สุด ขณะที่เจ้าของเงินได้แสดงความไม่เห็นด้วยในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด กระแสข่าวก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือกันว่าหากใครช่วยให้คดีดังกล่าวรอดพ้นจากการถูกยึดทรัพย์ผู้ที่ช่วยเหลือจะได้รับผลตอบแทนอย่างงาม
       
       การตีความในครั้งนั้นทำให้หลายฝ่ายมองกันว่าหากเกิดการยึดทรัพย์ก้อนนี้แล้ว ทักษิณ ชินวัตร จะถึงขั้นหมดตัว
       
       แต่หากพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วจะพบว่าเงินก้อนดังกล่าวถูกอายัดไว้หลังจากที่มีการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 ช่วงระยะเวลา 3 ปีเศษที่เงินถูกแช่แข็ง ทักษิณ ชินวัตร ต้องอาศัยอยู่ในต่างประเทศ การใช้ชีวิตของทักษิณและครอบครัวก็ยังคงมีความสะดวกสบายไม่แตกต่างไปจากเดิม
       
       นอกจากนี้ยังมีการทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อสโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากนั้นก็ได้ขายออกไป รวมถึงการซื้อเครื่องบินส่วนตัวเพื่อใช้เดินทางไปประเทศต่างๆ ซื้ออสังหาริมทรัพย์สุดหรูในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แม้ว่าในช่วงนั้นจะมีข่าวออกมาว่าประเทศอังกฤษได้อายัดเงินราว 1.4 แสนล้านบาทของทักษิณไว้ แต่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน
       
       ขณะที่ภายในประเทศกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินเกมด้วยการชุมนุมครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้แกนนำชาวปักษ์ใต้ทั้ง 3 คนอย่างวีระ มุสิกพงศ์ จตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่สามารถดึงเอาคนจากภาคเหนือและอีสานซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทยและจังหวัดอื่นๆ เข้ามาร่วมชุมนุมได้ทุกครั้ง มีการจัดตั้งสถานีดาวเทียมดีทีวี ภายหลังเปลี่ยนเป็นพีเพิลแชลแนล หรือการประกาศว่าจะมีการตั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม 100 ช่อง แต่สุดท้ายก็นำไปฝากไว้กับช่องของคนเสื้อแดงในบางรายการ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ Voice TV ของพานทองแท้ ชินวัตร
       
       เม็ดเงินที่ต้องส่งไปช่วยเหลือทีมงานในประเทศเพื่อให้ช่วยขับเคลื่อน เรียกร้องให้ทักษิณกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้งย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย ดังนั้นเงินที่ถูกยึด 4.6 หมื่นล้านบาทสำหรับทักษิณดูจะเป็นเรื่องเล็กมาก เพราะเงินที่ต้องใช้ขับเคลื่อนเพื่อสร้างแรงกดดันทางการเมืองให้กับรัฐบาลก็ยังคงส่งเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง
       
       แม้จะมีคำปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวของแกนนำคนเสื้อแดงว่าไม่ได้รับเงินสนับสนุน แต่หากพิจารณาจากการจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดง ในการระดมทุนเพื่อนำมาใช้จ่ายสำหรับการชุมนุมด้วยวิธีจัดโต๊ะจีนเพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายครั้งที่ผ่านมา
       
       “เงินมหาศาล”
       ขับเคลื่อนการชุมนุม

       
       
       ผู้ที่คร่ำหวอดกับการชุมนุมกล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าการชุมนุมแต่ละครั้งต้องมีเรื่องของค่าใช้จ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพียงแต่ว่าเงินที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายนั้นมาด้วยวิธีใด หากเป็นการหามาอย่างเปิดเผยมีการประกาศถึงยอดบริจาคทุกครั้ง รวมถึงการสรุปยอดในแต่ละวัน ย่อมช่วยขจัดข้อสงสัยของผู้คนได้ แต่หากมียอดบริจาคน้อยแต่ยังสามารถจัดการชุมนุมได้อย่างต่อเนื่องนั้นย่อมจะต้องมีผู้สนับสนุนจากส่วนอื่นเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
       
       หากเทียบการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง จะพบความแตกต่างกันตั้งแต่กลุ่มของคนที่เข้าร่วมชุมนุม เสื้อแดงเป็นของกลุ่มชนชั้นกลาง มีกำลังทรัพย์พร้อมที่จะบริจาคให้ค่อนข้างสูง ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงเป็นกลุ่มของผู้มีรายได้ไม่สูงนัก เงินบริจาคจึงมีค่อนข้างน้อย ดังนั้นต้องใช้การหารายได้จากส่วนอื่นเข้ามาสนับสนุนการชุมนุม
       
       วิธีการที่ง่ายและรวดเร็วคือต้องมีคนที่มีกำลังทรัพย์มากเข้ามาสนับสนุน เมื่อพิจารณาจากเงินบริจาคให้พรรคการเมืองของพรรคเพื่อไทยจะพบว่า ในแต่ละเดือนนั้นจะมีผู้บริจาคเงินให้พรรคในจำนวนน้อยรายแต่ยอดบริจาคค่อนข้างสูง อีกทั้งรายชื่อผู้บริจาคไม่พบว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคเพื่อไทย ขณะที่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นการหักเงินเดือนของ ส.ส. และผู้บริหารพรรครวมถึงรัฐมนตรี
       
       ดังนั้น เงินที่ใช้ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงน่าจะได้แรงสนับสนุนทางการเงินจากส.ส.ภายในพรรคไม่มากนัก ตรงนี้จึงตีความกันว่าน่าจะเป็นการอุดหนุนมาจากอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวยากต่อการหาหลักฐาน เพราะคงไม่มีใครอยากให้กระบวนการใต้ดินอย่างนี้ถูกเปิดเผยออกมา
       
       “ไม่มีลูกจ้างคนใดที่พร้อมจะทุ่มเท นำเอาเงินส่วนตัวของตัวเองมาใช้เพื่อการต่อสู้ให้กับคนคนหนึ่งกลับมามีอำนาจอีกครั้ง โดยที่หนทางในการต่อสู้นั้นยาวนานและยากต่อการได้รับชัยชนะ ดังนั้นการทำหน้าที่เป็นลูกจ้างรับค่าแรงเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม ย่อมเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด”
       
   
    แม้ว่าในช่วงนี้จะมีเยาวเรศ ชินวัตร น้องสาวทักษิณ ชินวัตร เข้ามาช่วยระดมทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันในการเดินทางมาร่วมชุมนุม โดยตั้งเป้าให้ได้ 10 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้มียอดบริจาคจากผู้มีฐานะทางภาคเหนือเข้ามา 6 ล้านบาทแล้ว แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดนั่นคือเงินที่เข้ามาสนับสนุนจะมาจากรายใหญ่ไม่กี่ราย แม้ว่าทางกลุ่มเสื้อแดงจะใช้วิธีการทอดผ้าป่า จัดคอนเสิร์ตหรือให้ชาวบ้านบริจาคเงินกันเองนั้นถือว่าเป็นเงินเพียงส่วนน้อยไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการชุมนุม
       
 
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #95 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:38:31 »

ระดมคนมากจ่ายมาก   
   
       เงินที่ใช้ในการชุมนุมแต่ละครั้งว่าเป็นจำนวนเท่าใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ร่วมและกระแสที่เกิดขึ้นในขณะนั้น หากฐานของผู้ร่วมชุมนุมเป็นคนมีฐานะปานกลางขึ้นไป การดึงให้คนเหล่านี้มาชุมนุมด้วยวิธีการเกณฑ์มาคงทำได้ยาก เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง เพราะคนกลุ่มนี้ติดตามข้อมูลข่าวสารรอบด้านแล้วจึงตัดสินใจ ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมชุมนุมมักจะมาร่วมบริจาคเหมือนกับการซื้อตั๋วดูคอนเสิร์ต
       
       แต่กลุ่มที่มีฐานะไม่ดีนัก การที่จะให้พวกเขามาร่วมชุมนุมถือว่าเป็นการเสียโอกาสในการทำมาหากินจึงต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งให้กับเขาเพื่อเป็นการชดเชยรายได้ที่หายไป หากเป็นกลุ่มนี้แกนนำในการชุมนุมจะต้องมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมหากต้องใช้คนจำนวนมากค่าใช้จ่ายก็ต้องสูงตามไปด้วยการเช่ารถเพื่อขนคนเข้าร่วมชุมนุม ต้องมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป หากเป็นรถบัสติดแอร์จะต้องมี 12,000 บาทต่อวัน (รวมค่าน้ำมัน) ถ้าเป็นรถตู้ต้อง 1,800 บาทไม่รวมค่าน้ำมันหรือแก๊ส ใช้กี่คัน กี่วันก็ต้องคูณค่าใช้จ่ายเข้าไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าอาหารอีกว่าจะเป็นกี่มื้อ รวมถึงค่าเสียโอกาสในการทำงานอีกต่อคนขึ้นอยู่กับหัวหน้าสายว่าจะจ่ายเท่าไหร่ต่อวัน ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายของบรรดาหัวหน้าสายที่รับหน้าที่ระดมคนย่อมต้องมีค่าแรงสูงกว่าหลายเท่า
       
       ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการชุมนุมหากต้องการได้คนเข้าร่วมหลักแสนคน คงต้องเตรียมเงินไว้ไม่น้อยกว่าหลักร้อยล้านบาท ยิ่งถ้าหลายวันค่าใช้จ่ายอาจสูงเฉียดพันล้านบาท หลายคนอาจรักทักษิณ แต่จะให้คนต่างจังหวัดที่มีรายได้น้อย คงเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาควักเงินออกมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการชุมนุมทางการเมือง เว้นแต่มีเจ้าภาพรับผิดชอบเรื่องค่าแรงและโอกาสของการได้เข้ามาเที่ยวกรุงเทพ
       
       3 ช่องทางหาเงินจ่ายม็อบ
       
       เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมถึงวิถีชีวิตของทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวที่ยังคงใช้ชีวิตหรูหราเหมือนปกติ ขณะที่เงิน 4.6 หมื่นล้านบาทถูกยึด ยังสามารถเดินเกมทางการเมืองด้วยการหนุนกลุ่มคนเสื้อแดงให้ออกมาชุมนุมได้ แสดงว่าเงินของทักษิณยังมีอยู่อีกมหาศาล
       
       หากไล่เส้นทางการเงินของทักษิณแม้เงินที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปจะไม่สามารถนำมาใช้ได้ แต่เงินส่วนที่เหลือที่ใช้เพื่อการดำรงชีวิตหรือใช้เพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง นับได้ว่ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าเงินของทักษิณเหลือน้อยจริงเขาคงไม่กล้าเดินเกมอย่างนี้
       
       ประเมินกันว่าทรัพย์สมบัติของทักษิณ ชินวัตร ยังมีอยู่อีกมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ การที่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อนำมาใช้เคลื่อนไหวในทางการเมือง น่าจะแบ่งได้ออกเป็น 3 ช่องทางคือเงินที่มาจากตลาดหุ้น จากนักธุรกิจที่ให้การสนับสนุนและจากกลุ่มทุนของพรรค
       
       ตลาดหุ้นหาเงินง่าย
       ไร้หลักฐาน
       
       เริ่มจากเงินที่มาจากตลาดหุ้น หลังจากการขายหุ้นชินคอร์ปออกไป คนในครอบครัวของทักษิณยังคงเหลือหุ้นในบริษัท เอสซีแอสเซท จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้นในนามบุตรชาย บุตรสาวและพจมาน ชินวัตร เท่านั้น ซึ่งในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทนี้ไม่มีนัยยะใดในทางการเมือง เนื่องจากเป็นการจ่ายปันผลตามปกติ
       
       แต่ถ้าใครที่ติดตามคดีซุกหุ้นก่อนหน้านี้จะทราบดีว่าทักษิณ ชินวัตร มักจะใช้วิธีหาตัวแทนจากต่างประเทศเข้าถือหุ้นแทนในนามนอมินี ทำให้ไม่มีใครทราบว่าทักษิณใช้นอมินีถือหุ้นในบริษัทใดบ้าง แต่เป็นที่รู้กันของคนในวงการหุ้นว่าเขายังคงถือหุ้นในบริษัทขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่เขาเป็นคนแปรรูปเอาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และน่าจะมีการถือหุ้นอยู่ในบริษัทมือถือของตัวเองอีกไม่น้อย
       
       หุ้นประเภทนี้จะเป็นหุ้นที่มีรายได้เป็นเงินสด กึ่งผูกขาดมีคู่แข่งน้อย ที่สำคัญคือมีการจ่ายเงินปันผลสูง อย่างกรณีการจ่ายเงินปันผลพิเศษของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เพิ่มอีก 5 บาทต่อหุ้น จากปันผลปกติ 3.30 บาทต่อหุ้น รวมแล้วมีการจ่ายปันผล 8.30 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการอนุมัติเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2553 ทำให้กลุ่มเทมาเส็กทั้งเครือได้เงินได้ราว 1.52 หมื่นล้านบาท ที่เหลืออีก 9.41 พันล้านบาทเป็นของผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งอาจจะรวมถึงนอมินีที่ถือหุ้นแทนทักษิณอยู่อีกจำนวนหนึ่ง หากยอดถืออยู่แค่ 120 ล้านหุ้นเขาก็รับเงินไป 1 พันล้านบาท
       
       ยิ่งถ้าถือในหุ้นตัวอื่นๆ เช่น ปตท.ที่จ่ายปันผลครึ่งหลัง 4.50 บาทต่อหุ้นรวมทั้งปีจ่าย 8.50 บาทต่อหุ้นและยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่มีการจ่ายเงินปันผลดี เงินที่ถูกอายัดไปก็ไม่มีผลทำให้ครอบครัวของเขาเดือดร้อน ไม่เพียงแค่การถือหุ้นแล้วรอรับเงินปันผลนั้นถือว่าเป็นธุรกรรมที่ธรรมดาสำหรับมือบริหารอย่างทักษิณ แต่การหาเงินจากตลาดหุ้นยังสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ เงินปันผลหลัก 1 พันล้านบาทอาจต้องรอถึง 6 เดือน แต่การหาเงินแบบรวดเร็ว 1-3 วันได้ 1 พันล้านบาทก็ทำได้ง่ายดายเช่นกัน
       
       สิ่งที่โจษขานกันของคนในวงการหุ้นนั่นคือเมื่อ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยตกไป 10.73 จุด มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 2.19 หมื่นล้านบาท ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกและย่านเอเชียปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันดังกล่าว แม้ว่าประเทศไทยจะมีเรื่องความกังวลทางการเมือง หรือเรื่องผลกระทบที่จะตามมาหลังคำพิพากษา แต่ก็ไม่น่าจะปรับลดลงรุนแรง
       
       สิ่งที่สะท้อนความผิดปกตินั่นคือยอดซื้อขายสุทธิของนักลงทุน วันดังกล่าวนักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิสูงถึง 2.29 พันล้านบาท ซึ่งตามปกติหากต่างชาติมีความกังวลในเรื่องเหล่านี้จริงคงมียอดของการขายสุทธิออกมา แต่วันนั้นกลับมีแรงขายออกมาจากนักลงทุนในประเทศ
       
       การขายหุ้นของนักลงทุนในประเทศออกมาเท่ากับผู้ขายจะได้รับเงินออกมาไม่เกินวันที่ 10 มีนาคม หากเงินจำนวนดังกล่าวมีการวางแผนเพื่อนำไปใช้สนับสนุนการชุมนุมก็ถือว่าทันต่อสถานการณ์ที่จะใช้ระหว่าง 12-14 มีนาคม
       
       วิธีการนี้จะต้องเป็นความร่วมมือระหว่างกันของผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเป็นการนำเอาส่วนต่างของราคาหุ้นออกมา หลังจากนั้นก็รีบซื้อคืนจนราคาปรับตัวขึ้นทุกอย่างก็อยู่ในสถานะเดิม วิธีการนี้เลือกใช้ได้ทั้งกับหุ้นทุกตัวที่มีสภาพคล่องสูง
       
       นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการลงทุนที่ยากต่อการติดตามตรวจสอบอีกนั่นคือการลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลโดยอาศัยชื่อบุคคลอื่นแทน การใช้กองทุนรวมทำหน้าที่ถือเงินแทนแล้วให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ทำหน้าที่บริหารนั้นจะมีความคล่องตัวสูง เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนเปิดที่สามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน หากจำเป็นต้องใช้เงินก็ขายหน่วยลงทุนออกมาได้
       
       ที่ผ่านมามีกลุ่มทุนรายใหญ่ที่ตั้งกองทุนแล้วถือหุ้นใหญ่ โดยอาจทำหน้าที่ในการบริหารพอร์ตการลงทุนเอง เพียงแค่อาศัยชื่อของ บลจ.ว่าเป็นผู้บริหารเท่านั้น วิธีการดังกล่าวถือว่าได้รับความนิยมจากกลุ่มนักการเมือง เนื่องจากสามารถบริหารเงินได้เองหรืออาจมอบหมายให้ทีมบริหารจากบลจ.ช่วยสร้างดอกผลให้ ส่วนนี้ฝ่ายบลจ.ก็ชอบเนื่องจากได้ค่าธรรมเนียมจากการบริหาร
       
       ส่วนกองทุนรวมบุคคลตรงนี้ลักษณะการบริหารเงินลงทุนไม่แตกต่างกัน แต่การตรวจสอบจากฝ่ายต่างๆ จะทำได้ง่ายกว่าการหาเงินจากตลาดหุ้นถือว่าเป็นวิธีการที่แนบเนียนที่สุด เนื่องจากภายใต้เงื่อนไขของการลงทุนรูปแบบนี้ยากต่อการตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ เพราะถือว่าเป็นความลับของลูกค้า หากมีการตรวจสอบหรือเปิดเผยรายชื่อก็จะกระทบกับบรรยายกาศของการลงทุน จึงไม่แปลกที่นักการเมืองส่วนใหญ่มักจะมีฐานของเงินมาจากตลาดหุ้นเกือบทุกพรรคการเมือง ขึ้นอยู่กับสไตล์ของการลงทุนว่าจะเลือกใช้รูปแบบใด
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #96 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:40:35 »

เครือข่ายธุรกิจลงขัน [/b] 
     
       อีกช่องทางหนึ่งในการหาเงินของทักษิณคือบรรดานักธุรกิจที่ให้การสนับสนุน เนื่องจากหลังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ย่อมทำให้นักธุรกิจบางรายได้รับผลกระทบตามไปด้วย การสู้ของทักษิณย่อมเป็นทางออกให้ธุรกิจของพวกเขามีโอกาสได้รับผลกระทบน้อยลงหากเป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นการสนับสนุนในการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยรูปแบบต่างๆ ด้วยช่องทางธุรกิจที่เปิดอยู่
       
       วิธีที่แนบเนียนและใช้กันทั่วไปคือการทั่วไปคือการซื้อหรือขายสินค้ากับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศที่ไม่มีการส่งมอบสินค้ากันจริง ส่วนใหญ่จะเลือกทำธุรกรรมประเภทนี้กับคู่ค้าต่างชาติเนื่องจากการตรวจสอบทำได้ยากกว่าคู่ค้าในประเทศ
       
       ยิ่งเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนคลายระเบียบการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อช่วยลดปัญหาค่าเงินบาทแข็งและเพื่อช่องทางในการบริหารเงินของผู้ประกอบการไทย จึงทำให้ช่องว่างในการส่งเงินออกนอกประเทศทำได้สะดวกขึ้น เช่น ลงทุนโดยตรงและให้กู้ยืมแก่นิติบุคคลในต่างประเทศจากเดิมไม่เกิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเป็นไม่จำกัดจำนวน หรือให้กู้ยืมแก่บริษัทที่ไม่ใช่บริษัทในเครือโดยไม่ต้องขออนุญาตวงเงินไม่เกิน 50 ล้านเหรีญต่อปี
       
       ช่องทางเหล่านี้บรรดานักธุรกิจทราบดีว่า หากต้องการนำเงินไปช่วยเหลือคุณทักษิณแล้ว ขณะนี้สามารถทำได้สะดวกขึ้น
       
       รีดจากทุนพรรค-ญาติ

       
       ช่องทางการสนับสนุนทางการเงินในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกรูปแบบหนึ่งคือ บรรดานายทุนของพรรค ในส่วนนี้อาจเชื่อมโยงกับนักธุรกิจที่ให้การสนับสนุน ทุนส่วนนี้ประกอบด้วยเครือญาติที่พี่น้องของทักษิณหลายคนเป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ของเยาวภาและสมชายวงศ์สวัสดิ์ ที่มีหุ้นทั้ง MLINK,WIN และอีกหลายตัวที่มีผู้ร่วมถือหุ้น และยังมีบริษัท
จดทะเบียนบางแห่งที่ได้รับประโยชน์ในช่วงที่ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้งานประมูลจากภาครัฐไปหลายงาน รวมถึงเซียนหุ้นอย่างพายัพ ชินวัตร ที่เชี่ยวชาญในด้านการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
       
       กรณีนี้อาจไม่ใช่การนำเอาเงินปันผลของบริษัทมาสนับสนุนโดยตรง เพราะการสั่งจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่ากำไรที่ทำได้จริงย่อมตรวจสอบได้ง่าย การหาส่วนต่างจากราคาหุ้นและการใช้ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าหรือนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศแล้วค่อยนำเงินย้อนกลับมาจะยากต่อการติดตามตรวจสอบของจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนการนำเงินกลับเข้ามาภายในประเทศนั้นมีวิธีการต่าง ๆ มากมายทั้งการนำเข้ามาตามชายแดนหรือว่าจ้างผู้ให้บริการมืออาชีพจากย่านเยาวราชก็สามารถทำได้
       
       แม้ว่ากลุ่มที่ให้การสนับสนุนของทักษิณทั้งจากนักธุรกิจและนายทุนพรรครวมถึงญาติอาจจะมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องการหวั่นเกรงที่จะถูกตรวจสอบ หรืออาจไม่เต็มใจลงเงินช่วย เนื่องจากเกรงว่าเงินที่ลงไปจะสูญเปล่า แต่เพียงแค่วิธีการแรกที่ทักษิณหาจากตลาดหุ้นก็ทำได้มากพอที่จะนำมาใช้เคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ไม่นับรวมเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกผ่องถ่ายออกไปในช่วงที่เป็นทั้งนักธุรกิจและช่วงที่โดดลงมาเล่นการเมือง
       
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #97 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:42:21 »

หวั่น 'ม็อบแดง'เผาเมือง'!
       ศก.ซึมยาว3ปี- '5ด้าน'ทรุดหนัก
       
   

   'สภาอุตฯ-นักวิชาการ' หวั่นแดงเดือน กระทบเศรษฐกิจทุกด้าน ระบุหากนำไปสู่รัฐประหาร จะทำให้เศรษฐกิจซึมยาวอย่างน้อย 3 ปี ฟากตลาดหุ้น แนะถือหุ้นยาวรอฝุ่นจางค่อยลงทุน...
       
       ช่วงวันที่ 12-14 มี.ค.นี้กับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่หมายเผด็จศึกรัฐบาล ซึ่งการชุมนุมใหญ่นี้ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ การค้าและการลงทุนอย่างสูง ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศระดมมวลชนหลักล้าน และรถปิกอัพในหลักพันคันนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศอย่างสูง ซึ่งบาดแผลความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวีรกรรมคนเสื้อแดงในช่วงเดือนเม.ย.ปี52ที่ได้สร้างภาวะชะงักงันขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจมาแล้ว
       
       ดังนั้น ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ จึงสะท้อนมุมมองของบุคคลที่เกี่ยวข้องในแวดวงการเศรษบกิจ และการลงทุน ให้ได้รับทราบดังนี้

 
 
ดร.ธนิต โสรัตน์ 
 
 
       หวั่นปฏิวัติ อุตฯ ซึมยาว 3 ปี
       ดร.ธนิต โสรัตน์
       รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.)
       
       ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลกับสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกับกระแสข่าวการใช้ความรุนแรงหรือมือที่ 3 ที่เข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย แต่จุดหนึ่งนั้น ยังเชื่อมั่นในพื้นฐานของสังคมไทยที่ไม่ต้องการความรุนแรงอาจทำให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายไปได้ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังพร้อมที่จะอดทนและรอให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติทางการเมืองครั้งนี้ เพราะหากสังคมสามารถผ่านพ้นไปได้จะทำให้ปัจจัยลบทางด้านการลงทุนลดน้อยลงอย่างมาก
       
       อย่างไรก็ตาม หากสถานกาณ์มีแนวแนวโน้มไปในทิศทางลบจากเหตุการณ์ปะทะและบานปลายและนำไปสู่ความรุนแรงแล้ว จุดยุติทางการเมืองที่เฝ้ารอนั้น อาจนำไปสู่วิกฤติรอบใหม่ที่ส่งผลต่อภาคการลงทุนอย่างหนัก อาทิ การทำรัฐประหารเพื่อยุติการใช้ความรุนแรง ซี่งจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศไม่กล้าที่จะมาลงทุนในไทยและภาคอุตสาหกรรมจะถอยหลังไปอย่างน้อย 3 ปี
       
       โดยเฉพาะโครงการต่างๆที่ภาคเอกชนรอให้รัฐบาลเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันทั้งงบประมาณไทยเข้มแข็ง 2 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาด้วยวงเงินกว่า 4 แสนล้านบาท รวมถึงร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน ซึ่งมีความสำคัญต่อปัญหาการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หากโครงการเหล่านี้ยุติลงจะส่งผลให้ความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมต้องสะดุดไปเป็นระยะเวลานาน
       
       “เทียบกับช่วงเดือน เม.ย.ปีที่แล้วไม่ได้เนื่องจากเหตุยังไม่เกิด แต่ถ้าหากมีการใช้ความจนนำไปสู่การทำปฏิวัติ จะค่อนข้างน่ากลัวมาก จุดนี้เองจะทำให้ภาคการค้าการลงทุนถอยหลังไปอย่างน้อย 3 ปี”
       
       นอกจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบโดยตรงคงหนีไม่พ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาคบริการที่ค่อนข้างเปราะอยู่แล้ว และเพิ่งจะฟื้นตัวได้ไม่นาน ซึงเดิมมีการตั้งเป้ายอดนักเที่ยวอยู่ที่ปีละ 1.7 ล้านคนต่อเดือน หรือ 16 ล้านคนในปี 53 ขณะนี้สถานทูตของหลายประเทศก็จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่ต้องเฝ้าระวังในระดับ 3 (เต็ม 5) หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้นหรือแม้ว่าจะสถานการณ์จะยุติแต่แผนการท่องเที่ยวก็จะกระทบอย่างน้อยที่สุดนักท่องเที่ยวจะหายไปราวๆ 3 เดือน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่รองบประมาณในการกระตุ้นจากโครงการไทยเข้มแข็งก็ไม่อาจที่จะเดินหน้าโครงการได้ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมกระเทือนไปหมดทั้งวงจร...

 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #98 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:43:59 »

กระทบ 5ด้าน- ศก.ชะงัก
       รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์
       นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ การเงินการคลัง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
       


       โครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาต่างประเทศเป็นหลัก คือ ถ้าเทียบกับ GDP 100% ไทยพึ่งพาต่างประเทศมากถึง 73% ที่สำคัญคือการส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย ฉะนั้นหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาทางการเมือง แน่นอนว่าจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน
       
       “ถ้าการเมืองไม่แน่นอน ไม่แน่ใจรุนแรงหรือไม่ หรือแค่ไม่แน่ใจว่าจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ เหมือนในขณะนี้ ก็ถือว่ากระทบกับเศรษฐกิจไทยแล้ว เพราะนักลงทุนต่างชาติ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลัวความไม่ชัดเจนมากกว่า ว่าจะออกหัวหรือก้อยไปเลย” โดยในระยะสั้นจะกระทบ 5 ส่วนด้วยกัน ดังนี้
       
       1.กระทบการท่องเที่ยว ปัจจุบันไทยมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยจำนวน 15 ล้านคนต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นคนยุโรป และเอเชีย แต่เมื่อมีการชุมนุม ธรรมชาติของนักท่องเที่ยวจึงมักจะไม่มาเที่ยวในช่วงนี้ แต่จะรอให้สถานการณ์สงบก่อนค่อยกลับมาเที่ยว หรือไปเที่ยวประเทศอื่นๆแทน
       
       “เราเรียกความไม่ปลอดภัยเป็นภาษาวิชาการว่ามีความเสี่ยง ความเสี่ยงในที่นี้จะทำให้ไม่มีใครต้องการเสื่ยงกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด”
       
       การชุมนุมที่ยืดเยื้อจึงจะส่งผลต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทย รวมทั้งเกี่ยวโยงไปกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยทั้งหมดด้วย ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว บริษัทท่องเที่ยว และสายการบินต่างๆ
       
       2.กระทบบรรยากาศการลงทุน ต้องยอมรับว่ากรณีมาบตาพุด ทำให้ต่างประเทศเกิดความไม่แน่ใจในเรื่องกฎระเบียบการลงทุนของประเทศไทย ซึ่งกระทบบรรยากาศการลงทุนของไทยขณะนี้อยู่แล้ว หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองขึ้นมาอีก ก็คาดว่านักลงทุนต่างชาติบางส่วนน่าจะหยุดรอดูสถานการณ์ก่อน และบางส่วนน่าจะมีการตัดสินใจไปลงทุนประเทศอื่นแทน เช่นเดิม นักลงทุนต่างชาติสนใจไปลงทุนที่เวียดนามกันมาก แต่ตอนนี้สนใจไปลงทุนที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย
       
       3.กระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจในประเทศเอง โดยเฉพาะภาคเอกชนที่กำลังจะขยายการลงทุน ขยายกิจการ อาจมีการรอดูสถานการณ์ก่อนในช่วงนี้
       
       4.กระทบต่อการใช้จ่ายของภาคประชาชน โดยการใช้จ่ายภาคประชาชนเป็นอีก
ส่วนสำคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย ถ้ามีความไม่ปลอดภัย หรือมีความรุนแรงขึ้น แน่นอนว่าจะมีผลต่อการระมัดระวังการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งสุดท้ายก็จะกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วย
       
       5.กระทบตลาดหุ้นไทย เพราะตลาดหุ้นไทยค่อนข้างอ่อนไหว นักลงทุนระยะสั้นมีจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเก็งกำไร เมื่อไม่แน่ใจว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ อาจจะมีการเทขายหุ้นที่อยู่ในมือออกไป แล้วมีการถือเงินสดแทน รอสถานการณ์สงบค่อยมาลงทุนเพิ่ม ซึ่งการที่ตลาดหุ้นอาจมีการปรับตัวในระยะสั้นนี้ จะมีผลต่อดัชนีปรับตัวลดลงด้วย ถ้าการชุมนุมนำไปสู่การขยายผล อาจจะส่งผลต่อดัชนีที่อาจปรับตัวลดลง 10% ซึ่งเท่ากับราคาหุ้นตก 10% ด้วย ประชาชนที่ถือหุ้น มูลค่าหุ้นก็จะหายไป 10% ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายเงินภาคประชาชนอีกทางหนึ่ง เพราะกำลังซื้อหายไปส่วนหนึ่ง
       
       อย่างไรก็ดี ประเมินว่าต้องรอดูสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงด้วย ว่าหากมีการชุมนุมอย่างสงบ คาดว่าจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติรับได้มากที่สุด เพราะการประท้วงเป็นวิถีทางประชาธิปไตยที่ประเทศต่างๆ ก็มีการประท้วงกันเป็นปกติ แต่ต้องมีการชุมนุมที่อยู่ในกรอบในกติกา เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักในระยะเวลาสั้นๆ คือประมาณ 2 สัปดาห์ก็น่าจะเดินหน้าต่อไปได้
       
       แต่หากสถานการณ์การชุมนุมมีการขยายผลไปสู่ความรุนแรง เมื่อรวมกับปัญหามาบตาพุดด้วยแล้ว จะทำให้ต่างชาติไม่มั่นใจในการเข้ามาลงทุนในระยะยาว ซึ่งอย่างเร็วเมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบจบลง เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ใน 6เดือน แต่ต้องอาศัยภาครัฐที่ต้องเร่งทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติอย่างหนักด้วย
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #99 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 11:45:36 »

แนะถือหุ้น รอเหตุการณ์คลี่คลาย
       อาภาภรณ์ แสวงพรรค
       รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส

     
       ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงนี้ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชีย ส่วนภาวะความกดดันของนักลงทุนต่อการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ รวมทั้งการประกาศพระราชบัญญัติ (พรบ.)ความมั่นคงในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเพื่อดูแลสถานการณ์ในระยะนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนมากนักเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
       
       เนื่องจากประกาศดังกล่าวเป็นเพียงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง แต่ตลาดหุ้นมักจะตอบรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้วมากกว่า นอกจากนี้จะเห็นได้ว่ามีแรงซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแรงซื้อสุทธิจากต่างชาตินี้มีเข้ามาตั้งแต่ก่อนการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (26 ก.พ.) และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะมีข่าวว่าจะเกิดความรุนแรงของการชุมนุมต่างๆ แต่ก็พบว่าแรงซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติยังมีอย่างต่อเนื่อง
       
       ส่วนจะส่งผลกระทบเชื่อมโยงถึงภาวะเศรษฐกิจไทยหรือไม่นั้นคาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้เห็นได้จากตัวเลขล่าสุด ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่หากปัญหาทางการเมืองไม่มีความชัดเจนต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว
       
       อย่างไรก็ดี ยังถือว่าปัจจัยภายในประเทศไม่มีอะไรกระทบตลาดหุ้นไทยได้มากนัก ไม่เหมือนปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะกรณีแผนลดการขาดดุลงบประมาณของกรีซ ที่จะมีในวันที่ 16 มีนาคมนี้ โดยก่อนหน้านี้กรีซได้ออกพันธบัตรรัฐบาล และมีนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนจำนวนมากนั้น ขณะนี้มีแนวโน้มที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้กับผู้ซื้อพันธบัตร ซึ่งผู้ซื้อพันธบัตรอาจจะต้องเทขายหุ้นที่มีอยู่ในมือ รวมทั้งในตลาดหุ้นไทยด้วย เพื่อนำมาทดแทนการขาดทุนดังกล่าว ซึ่งนักลงทุนในตลาดหุ้นต่างๆ ต่างจับตากับกรณีนี้มากกว่า และจะส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยมากกว่ากรณีการชุมนุมของ นปช.
       
       สำหรับนักลงทุนตลาดหุ้นไทย ในการลงทุน แนะนำว่า หากมีหุ้นอยู่ในมือขณะนี้ แนะนำให้ถือ หากจะซื้อเพิ่มก็ต้องรอประเมินสถานการณ์การเมืองก่อน และหากนักลงทุนต้องการเก็งกำไร ก็สามารถเล่นได้ในกรอบ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 716 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 725-730 จุด....
       
       อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศทางการเมืองจะมีแนวโน้มส่อไปในทางความรุนแรง แต่ผู้เกี่ยวข้องในภาคเศรษฐกิจและการลงทุนส่วนใหญ่ส่วนใหญ่ ยังคงให้โอกาสคนเสื้อแดงในการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมือง ขอเพียงมิให้การชุมนุมครั้งนี้เกิดความรุนแรงและนำพาประเทศไปสู่จุดวิกฤติอย่างการรัฐประหาร พวกเขาก็พร้อมที่จะรอให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปแม้ว่าจะได้รับผลกระทบบ้างก็ตาม...
       
       ************
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
  หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 33  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><