BU_MEE
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2553, 23:01:47 » |
|
เพิ่งทราบว่าเป็นใครค่ะ
ควานหาทั้งวัน มาเจอเมื่อเย็นที่เว็บอะไร จำไม่ได้แล้วค่ะ เฮ้อ!!
|
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: 01 มีนาคม 2553, 21:11:41 » |
|
หวัดดีน้อง หมี ( ขอเรียกตามหลานๆของป้าแล้วกันนะครับ) และน้องตุ๋ย น้องยศวิน น้องยังชิน และ หลายๆๆๆๆคน มาเชิญชวนให้ติดตามละครดี ที่ช่อง Thai TBS หรือ ITV เก่านั่นแหละ)
เป็นเรื่องราวของหมอ คนหนึ่ง ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นแพทย์ชนบทดีเด่น ละครนี้ ออกอากาศ เวลา 20.20 น ทุกวันจันทร์-อังคาร. เริ่มตอนแรกวันนี้เอง ชื้อ " แสงดาวแห่งศรัทธา...หมอหงวน "
ประวัติ นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์
เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2495 ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2520 เริ่มรับราชการที่รพ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ในปี2521 จนกระทั่งปี 2526 เป็นผู้อำนวยการรพ.ราษีไศล และย้ายมาเป็นผู้อำนวยการรพ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งการทำงานทั้งสองแห่งได้บุกเบิกการสร้างสุขภาพชุมชน จนเป็นที่รักของชาวบ้านอย่างมาก และที่รพ.บัวใหญ่ นพ.สงวน ได้รับคัดเลือกเป็นแพทย์ดีเด่นประจำปี 2528 ด้วยผลงานขยายเตียงรองรับผู้ป่วยจาก 30 เตียงเป็น 60 เตียง ในเวลา 3 ปี จัดทีมบริหารให้คล่องตัวมีประสิทธิภาพ วางแผนงานใช้สาธารณสุขมูลฐานเป็นกลยุทธ์แก้ปัญหา ตั้งกองทุนยา กองทุนโภชนาการหมู่บ้านและชุมชน ฯลฯ
ในปี 2538 เป็นผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขในปี 2544-2546 ก่อนที่จะมาเป็นเลขาธิการสปสช.สองสมัย
ก่อนเสียชีวิต นพ.สงวน ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด และมีอาการทรุดหนักด้วยอาการน้ำท่วมปอดและไตไม่ทำงานหนึ่งสัปดาห์ก่อนเสียชีวิต ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 16.15 น. ของวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551 ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยอายุ 56 ปี
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: 01 มีนาคม 2553, 21:17:45 » |
|
สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ (18 มีนาคม พ.ศ. 2495 - 18 มกราคม พ.ศ. 2551) เป็นนายแพทย์ที่มีผลงานดีเด่นในการบุกเบิกและผลักดันหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จนรัฐไทยรับไปเป็นนโยบายใช้จริง โดยพรรคไทยรักไทยได้นำไปใช้เป็นนโยบายที่เรียกว่า "30 บาทรักษาทุกโรค" ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 (แท้จริงแล้วตามหลักคิดนี้มีอยู่ในรับธรรมนูญปี พ.ศ. 2540 และไม่ต้องเสียเงินแม้สักบาทเดียว)[1] นายแพทย์สงวนเป็นเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คนแรกและดำรงตำแหน่ง 2 สมัยติดกัน จนกระทั่งเสียชีวิต และเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบท รุ่นที่ 8 (พ.ศ. 2528-2529)
กลุ่มแพทย์ชนบทและผู้เคยร่วมงานกับนพ.สงวน เช่น นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทรุ่นที่ 22 และ นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยสังคมและสุขภาพ (สวสส.) ยกย่องนพ.สงวนว่าเป็น "รัฐบุรุษแห่งวงการสาธารณสุขไทย"[2][3] นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2495 เป็นลูกคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 6 คนในครอบครัวชาวจีนในกรุงเทพมหานคร ศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย หมอสงวนเป็นนักกิจกรรม ได้ออกค่ายในช่วงก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 ซึ่งทำให้ได้พบประสบการณ์ที่ไม่เคยประสบมาก่อน นอกจากกิจกรรมออกค่ายแล้ว จากนิสัยรักการอ่าน เขายังเป็นบรรณาธิการหนังสือ "มหิดลสาร" ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย หนังสือที่เขาชอบอ่านคือ วารสารสังคมปริทัศน์ เศรษฐศาสตร์ชาวบ้าน และ หนังสือพิมพ์มหาราช
หลังจากเขาเรียนจบในปี พ.ศ. 2520 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519 บรรยากาศความตื่นตัวของนักศึกษามีอยู่ทั่วไป นักศึกษาด้านการแพทย์จบใหม่ล้วนมีความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม และอยากไปทำงานชนบท หมอสงวนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาเข้าทำงานที่โรงพยาบาลวชิระ กรุงเทพมหานคร อยู่ 1 ปี ก่อนจะออกไปเป็นแพทย์ชนบท ที่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ อยู่ 5 ปี [/b][/color]
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: 01 มีนาคม 2553, 21:25:57 » |
|
คุณพ่อเป็นวีรบุรุษ:นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์
โดย มติชน วัน พฤหัสบดี ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551 04:16 น. โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
คุณพ่อเป็นวีรบุรุษ ผมพูดกับลูกสาวของคุณหมอสงวนในเย็นวันหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว
คุณหมอสงวน หรือ นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ คือ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คนแรกและคนปัจจุบัน
คนไทย 46 ล้านคน เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพก็เพราะงานของคุณหมอสงวนและทีม
ก่อนหน้าที่ประเทศไทยจะมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พวกเรามีสิ่งที่เรียกว่า บัตรสงเคราะห์ และ บัตรสุขภาพ บัตรสงเคราะห์สำหรับชาวบ้านที่ยากจน บัตรสุขภาพขายในราคา 500 บาทสำหรับรักษาผู้ป่วยและครอบครัว ปัญหาคือผู้มีฐานะจำนวนหนึ่งได้ครอบครองบัตรสงเคราะห์หรือบัตรสุขภาพได้รับการปฏิบัติหรือรักษาพยาบาลเยี่ยงพลเมืองชั้นสอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องโรคภัยไข้เจ็บไม่ควรเป็นเรื่องสงเคราะห์หรือไม่สงเคราะห์ แต่เป็นสิทธิที่คนไทยทุกคนควรมีตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเชิงตะกอน นั่นคือไม่ว่ายากดีมีจนเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็ควรได้รับการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน ไม่สมควรถูกทิ้งขว้างเพียงเพราะไม่มีเงิน
ก่อนหน้าที่ประเทศไทยจะมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คนจนจำนวนหนึ่งไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะกลัวเงินไม่พอ คนรวยจำนวนหนึ่งต้องจนเฉียบพลันทันทีเมื่อล้มป่วยโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรงใดๆ คุณหมดสงวนและทีมช่วยให้คนจนกล้าไปโรงพยาบาล และช่วยให้คนรวยซึ่งทำงานหนักมาทั้งชีวิตไม่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวไปกับค่ารักษาพยาบาล
จึงว่าคนไทย 46 ล้านคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพก็เพราะงานของคุณหมอสงวนและทีม
เมื่อครั้งหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเริ่มต้นใหม่ๆ ในปี พ.ศ.2546 หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าถูกโจมตีว่าเป็นหลักประกันชั้นสอง ได้รับการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพเป็นรองข้าราชการและครอบครัวรวมทั้งลูกจ้างประกันสังคม
เมื่อถึงปัจจุบันคนไทยทุกคนไม่ว่าจะใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือข้าราชการ หรือลูกจ้างประกันสังคมล้วนได้รับการรักษาด้วยคุณภาพและมาตรฐานค่อนข้างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ก็ด้วยความเพียรพยายามของคุณหมอสงวนและทีมงานที่ได้ประสานประโยชน์ของผู้ป่วยในกองทุนทั้งสามให้ใกล้เคียงกัน
คุณหมอสงวนและทีมไม่ได้เริ่มต้นงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างเลื่อนลอย ท่านได้เดินทางไปศึกษาเรื่องนี้ในหลายประเทศ ทำวิจัยและทดลองทำระบบหลักประกันสุขภาพในพื้นที่นำร่องบางจังหวัดของประเทศ ก่อนที่จะขับเคลื่อนเป็นนโยบายระดับชาติภายใต้แนวคิดสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี
กล่าวคืองานยากๆ หรืองานใหญ่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนต้องเคลื่อนด้วยกันทั้งสามฝ่าย คือ ฝ่ายวิชาการ ภาคประชาชน และฝ่ายการเมือง จึงจะสัมฤทธิผล
คุณหมอสงวนและทีมเคลื่อนย้ายภูเขาได้สำเร็จในที่สุด
ผู้เขียนพบคุณหมอสงวนครั้งแรกที่ชายหาดหัวหินเมื่อปี พ.ศ.2548 ท่านเสร็จจากการวิ่งออกกำลังกายที่ชายหาดยามเช้า ผู้เขียนเสร็จจากการว่ายน้ำออกกำลังยามเช้าเช่นกัน ก่อนหน้าที่จะได้พบท่านครั้งแรกได้แต่ตามอ่านบทความเกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของท่านในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน และนึกนิยมอยู่ในใจว่าใครหนอที่คิดค้นวิธีช่วยเหลือผู้ป่วยครั้งใหญ่เช่นนี้ออกมาได้
เป็นโชคดีมหาศาลของคนไทยที่ในที่สุดก็มีคนเก่งและดีเช่นคุณหมอสงวนและทีม สามารถใช้คุณธรรมนำความรู้หาญกล้าปฏิรูประบบสุขภาพ เพื่อให้คนป่วยทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพด้วยความเท่าเทียม
คุณหมอสงวนเขียนหนังสือ บนเส้นทางสู่หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ของสำนักพิมพ์มติชน ความตอนหนึ่งเล่าเรื่องที่ท่านรับแม่ลูกคู่หนึ่งขึ้นรถพยาบาลไปส่งที่โรงพยาบาล ท่านเขียนว่า
เมื่อรถแล่นไปถึงโรงพยาบาลผมก็พบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง คือแทนที่จะได้เห็นเธออุ้มลูกมาให้หมอตรวจ เธอกลับอุ้มลูกเดินออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ยอมเข้ามารับบริการ ผมจึงเดินตามไปถามว่ามาถึงโรงพยาบาลแล้วทำไมไม่พาลูกไปให้หมอตรวจ เธออ้ำอึ้งไม่ตอบอยู่พักใหญ่ สุดท้ายคนขับรถของผมซึ่งเป็นคนท้องถิ่นได้สอบถามแทน จึงได้ความว่าเธอมีเงินพกติดตัวมาเพียง 30 บาท ตั้งใจจะนำเด็กไปฉีดยากับหมอเสนารักษ์ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าใดนัก ซึ่งโดยปกติเขาจะคิดค่ารักษาเพียง 20 บาท อีก 10 บาทที่เหลือนั้นจะเก็บไว้เป็นค่าโดยสารกลับบ้าน
คุณหมอสงวนและทีมทำงานที่ยากยิ่ง ท่านพูดเสมอว่าการจะทำงานยากๆ ให้สำเร็จนั้นต้อง กัดไม่ปล่อยอย่างอุเบกขา ท่านได้พิสูจน์ด้วยชีวิตตนเองว่าท่านมีอุเบกขามากเพียงใดกับการจัดการอุปสรรคของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
เสียดายเวลาที่ไม่มีบุญได้พบคุณหมอสงวนเร็วกว่านี้
คุณหมอสงวนถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2550
อาจเป็นได้ที่ในยุคต่อไปจะไม่มีใครอยากเชื่อว่า บุคคลเช่นนี้ก็เคยมีชีวิตชีวาเดินเหินอยู่บนพื้นโลกนี้
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: 01 มีนาคม 2553, 21:35:40 » |
|
อาลัยรัก แสงดาวแห่งศรัทธาดวงนั้น
. วิทยุจีนแดงเครื่องเล็กๆส่งเสียงบอกสัญญาณเวลาเคารพธงชาติยามเย็น
ฉันกำลังจะจัดการปลุกวิญญาณกองไฟให้คืนชีวิตอีกหน ยามหนาวเหน็บในเวลาค่ำคืน กองไฟเท่านั้นที่เป็นเพื่อนเราได้อย่างแท้จริง หาใช่ดวงดาวที่พราวแสงอยู่ไกลลิ่บนั่นไม่ แม้แต่แสงจันทราที่เจิดจ้าปานเย้ยหยันคนจรนอนไพรให้สะเทือนในหัวใจ ก็ไม่เคยให้ความอบุอ่นใดๆได้
"คนอย่างฉัน ไม่สนใจแสงดาว ไม่ต้องการแสงจันทร์ เพราะฉันอยู่กับผืนดิน" ชาวไร่อหังการณ์อย่างฉัน ประกาศชัดเจนอย่างนี้ทุกค่ำคืน แต่แล้วเสียงทุ้มห้าวของผู้อ่านข่าว ในยามเย็น ก็บอกว่า
มะเร็งปอดคร่าชีวิต "นายแพทย์ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์" เลขาธิการ สปสช. ด้วยวัย 55 ปี
.ฉันนิ่งอึ้ง งงงันไปชั่วครู่ ทำไมเร็วหนักหนา ทำไมเร่งรีบที่จะจากไปนักเล่าคะหมอ
ฉันเห็นภาพในทีวี หมอยังมีหน้าตาสดใส แม้จะมีข่าวแว่วๆมาถึงแล้วว่าหมอเป็นมะเร็ง แต่ฉันก็ยังหวังว่าหมอน่าจะอายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้เป็นหมอ...มะเร็งไม่เคยให้เวลาใครยาวนานจริงๆ
คืนนี้..ดาวล้านดวงที่พร่างพราวบนท้องฟ้า ยิ่งไร้ความหมาย
ฉันนั่งนิ่งๆ ริมหน้าต่าง มองหาร่องรอยของดาวดวงหนึ่งทางทิศเหนือ
ดาวบางดวง แม้ดับแสงลงแล้ว แต่ยังคงมีไออุ่นอวลไออยู่ในใจฉันเสมอ
มันกลายเป็นสายน้ำอุ่น ที่หลั่งล้นลงสู่ร่องแก้มอย่างเงียบๆ
..........
"นายแพทย์ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์"
มีผู้คนมากมายหลายล้านคนบนโลกนี้ แต่ทำไมเราต้องมาพบกัน มาร่วมทำกิจกรรม หรือมาทำงานด้วยกัน
เช่นฉันกับหมอหงวน
หมอหงวนคือพี่ คือครูบาอาจารย์ ที่พร้อมจะสอนงานให้น้องๆที่ร่วมงานตลอดเวลา
"เฟืองตัวใหญ่หมุนเร็ว เฟืองตัวเล็กจะยิ่งหมุนเร็วขึ้น" นี่คือคำพูดของนายแพทย์หนุ่มที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตแห่งการสร้างสรรค์งานเพื่อคนด้อยโอกาส
ในขณะนั้น โรงพยาบาลสูงเนิน โรงพยาบาลบัวใหญ่ โรงพยาบาลประทาย และโรงพยาบาลชุมพวง ในจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมทีมกันทำงานด้านสาธารณสุขมูลฐานเพื่อชุมชน เนื่องจากผู้อำนวยการทั้งหลายล้วนอยู่ในชมรมแพทย์ชนบท มีอุดมการณ์แรงกล้าในการทำงาน
พี่ใหญ่ของกลุ่ม คือนายแพทย์สำเริง (หมอแหยง) รองลงมาคือหมอหงวน ที่ต่างเป็นตัวแทนของกันและกันได้ราวกับมีสมองแบบคู่แฝด เช่น ในขณะที่หมอแหยงกำลังบรรยายเนื้อหาการทำงานหรือหลักการทำงานให้เด็กๆอย่างเราเข้าใจ แต่เมื่อมีเหตุให้ต้องออกจากห้องประชุมไปทำอย่างอื่น คนที่เดินเข้ามาใหม่ คือหมอหงวน (โดยที่ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องนั้นมาก่อน) ก็จะบรรยายต่อได้ทันที ในประเด็นนั้นๆ และเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องเฮฮาหาทางจับผิดคุณหมอทั้งคู่ แต่เราก็ไม่เคยพบความผิดพลาด
นั่นแสดงว่า สิ่งที่พูดคือสิ่งที่ออกมาจากข้างใน หลอมรวมมาเป็นหลักการร่วมในการทำงาน
โครงการต่างๆที่เกิดขึ้น จึงเป็นโครงการพิเศษนอกเหนือการรักษาคนไข้ การประชุมงาน จะเป็นเวลานอกราชการ หากไม่ใช่เวลากลางคืนก็ต้องเป็นเสาร์อาทิตย์ จนเรียกได้ว่า "ไม่มีเวลาส่วนตัว" หมอทั้งหลายไม่เคยมีวันหยุด แม้เวลานอนก็ต้องใช้วิธีงีบหลับบนรถ ในเวลาเดินทาง
การทำงานมากและหนัก แต่คุณหมอทั้งหลายที่ร่วมโครงการไม่เคยมีอารมณ์เครียดให้พวกเราได้เห็น ยิ่งมีอุปสรรคยิ่งสนุก โดยเฉพาะหมอหงวน ที่มีความเฮฮาอารมณ์ดี ยิ้มแก้มปุ๋ม มีเขี้ยวเสน่ห์ คือความทรงจำที่ฉันเก็บไว้ หมอไม่เคยดูแก่ชราลงไปเลย แม้ภาระหน้าที่จะเพิ่มมากขึ้น
แต่แล้วข่าวว่าหมอเป็นมะเร็ง ก็ถูกส่งต่อมาถึงฉัน จากกลุ่มเพื่อนที่เคยทำงานร่วมกันในทีม 4 โรงพยาบาล เมื่อปีที่แล้ว ฉันไม่ได้เจอหมอหงวนนานเกือบสิบปี และสองปีที่ทำงานภายใต้การดูแลของหมอ ฉันได้ความฝัน ได้พลังชีวิต ได้ความมุ่งมั่น ที่ส่งผ่านมาจากหมอ แม้เราจะไม่ได้ร่วมงานกัน แต่ในเส้นทางเดิน ฉันเชื่อว่าฉันกำลังเดินตามรอยเท้าของหมอผู้รักงานคนนี้เสมอ
ในวันก่อนนั้น...โครงการที่เราทำร่วมกับชุมชน จึงกลายมาเป็นแม่แบบของงานพัฒนาสาธารณสุขทั่วประเทศ เช่น โครงการ จปฐ. (ความจำเป็นพื้นฐาน) หรือในส่วนของโรงพยาบาลบัวใหญ่เอง ที่เริ่มสำรวจและทำงานกับกลุ่มคนพิการ จนกระทั่งงานฟื้นฟูคนพิการได้รับการยอมรับในเชิงนโยบาย กลายเป็นงานหนึ่งที่มีสำคัญในการพัฒนาบุคลากรของประเทศในปัจจุบัน
และต้องไม่ลืมที่จะรวมเรื่อง การเป็นหัวขบวนปฏิรูประบบสุขภาพไทยครั้งใหญ่ ในการสร้างความเป็นธรรมทางด้านสุขภาพให้กับประชาชน ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือที่รู้จักกันว่าโครงการ 30 บาท ซึ่งมีการวางแผนนำเสนอต่อรัฐบาลก่อนหน้ารัฐบาลทักษิณ แล้วด้วย หาใช่เกิดจากความคิดของอดีตนายกคนนั้นไม่ [/color]
........
.
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: 02 มีนาคม 2553, 21:24:00 » |
|
นายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ควรได้รับการสรรเสริญ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
prapasri AH
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 06:55:20 » |
|
ขออนุญาต นำเรื่องที่พี่แอ๊ะเขียนถึงหมอหงวนมาไว้ในกระทู้นี้ด้วยนะคะ น้องตะวัน ฉายเสรี
น้องๆคะ
พีแอ๊ะขออนุญาตนำบทความที่พี่แอ๊ะเขียน ในblog พี่แอ๊ะมาให้อ่านนะคะ
วันจันทร์ ที่ 21 มกราคม 2551
แด่คุณหมอสงวนด้วยดวงใจ
Posted by prapasri , ผู้อ่าน : 871 , 08:36:57 น. หมวด : ไดอารี่
แด่คุณหมอสงวนด้วยดวงใจ
เมื่อวันศุกร์ที่ 18มกราคม 2551 ขณะที่ดิฉันและคณะกรรมการสมาคมโรงพยาบาล
โรงพยาบาลเอกชน ประชุมกันอยู่เราก็ได้รับแจ้งจาก นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์
ท่านนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและนายกแพทยสมาคมว่า คุณหมอสงวน นิตยารัมพงษ์
ได้เสียชีวิตแล้ว ดิฉันรู้สึกตกใจมาก เพราะเพิ่งเห็นคุณหมอในโทรทัศน์เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง
และคิดว่าอาการคุณหมอดีขึ้นแล้ว เพราะคุณหมอได้ให้สัมภาษณ์ เรื่องโครงการของ สสปช.
อย่างเป็นปกติดี ดิฉันยังคุยกับสามีว่า คุณหมอสงวน คงอาการดีขึ้น จากมะเร็งที่ปอดแล้ว
คงเป็นบุญที่คุณหมอได้ช่วยเหลือประชาชนในเรื่องโครงการสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศ
ทำให้หายจากโรคร้ายได้
ดิฉันรีบโทรแจ้งให้คุณหมอกวี ไชยศิริ ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
(ต่อ)
|
ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
|
|
|
prapasri AH
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 06:56:20 » |
|
และคุณหมอชูชัย ศุภวงศ์ เพื่อนรักของดิฉันได้ทราบ
และโทรแจ้งคุณหมอหาญ สามีของดิฉัน เราได้แต่เสียดายคุณหมอในดวงใจของเรา
สำหรับคุณหมอสงวนและดิฉันไม่ได้สนิทสนมกันโดยส่วนตัว เพราะดิฉันไม่ใช่แพทย์
และท่านไม่ได้เป็นรุ่นน้องจุฬา แม้ว่าเราผ่านกระบวนการ
ปฎิวัติโดยนักศึกษาและประชาชนมาด้วยกันทั้ง 14 ตุลา16 และ 6ตุลา19
แต่ ดิฉัน รู้สึกสนิทสนมกับท่านและชื่นชมในผลงาน
และการทำงานที่ท่านที่มีความตั้งใจทำงาน มีการทำงานที่ความประนีประนอมสูง
และไม่ได้รังเกียจหรือเกี่ยงว่าดิฉันทำงานในสาธารณสุขภาคเอกชน
ดิฉันมีโอกาสสัมผัสตัวตนของคุณหมอสงวนแบบใกล้ชิดสามสี่ครั้งในฐานะ
ที่ดิฉันทำงานในองค์กรภาคประชาชน แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่า
ดิฉันเป็นผู้หญิงไฮโซ เป็นคนรวย แต่งตัวสวย แต่ถ้าคนที่รู้จักดิฉันจริงๆจะพบว่า คนรวยก็สามารถติดดินได้ รักประชาชนได้เหมือนกัน อยู่กับคนจนได้เหมือนกัน
รักความยุติธรรม และไม่เอาเปรียบใคร แต่พอเรามาทำกิจการโรงพยาบาลเอกชน
แพทย์บางท่านที่คิดว่าตัวเองมีอุดมการณ์ก็จะมองว่าเรา
ไม่มีอุดมการณ์ แต่คุณหมอสงวน ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ค่ะ ดิฉันทำงานเป็นเอ็นจีโอสายผู้หญิงมากว่า20กว่า ปี
สร้าง อาชีพ สร้างงาน สร้างศักดิ์ศรี ให้ผู้หญิงอิสาน และประชาชนจากราษีไศล
ก็มาหาคุณหมอหาญ ให้คุณหมอหาญรักษามากพอสมควร
|
ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
|
|
|
prapasri AH
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 06:57:13 » |
|
เรียกว่าเราได้ช่วยเหลือประชาชนด้วยกันตลอดมา
เมื่อ รัฐบาลเริ่มโครงการ สามสิบบาทรักษาทุกโรคใหม่ๆ
ดิฉันได้สมัครเข้าไปเป็นกรรมการในโครงการนี้ในสาย เครือข่ายด้านสตรีด้วย
คุณหมอสงวนเห็นผู้หญิงอิสานไปเชียร์ดิฉันเยอะมาก
ดิฉันทราบด้วยสายตาของคุณหมอว่าท่านเอาใจช่วยดิฉันเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ไป
มีส่วนร่วมในงานนี้
แต่ดิฉันไม่สามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งตรงนั้นได้ ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด
แต่ก็ได้ นำโรงพยาบาลนายแพทย์หาญที่ยโสธรเข้าโครงการสามสิบบาท
เพื่อสนับสนุนโครงการดีๆอย่างนี้ด้วยค่ะ
|
ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
|
|
|
prapasri AH
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 06:58:22 » |
|
ดิฉัน ได้พบกับคุณหมอสงวนอีกครั้ง
เมื่อดิฉันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
คณะทำงานสาธารณสุขและพัฒนาคุณภาพชีวิต
ที่ดิฉันทำงานอยู่ได้เชิญคุณหมอ สงวน มาบรรยาย
เรื่องการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของประชาชนระดับล่าง
คุณหมออารมณ์ดี และยิ้มแย้มกับดิฉันอีกเช่นเคย
และแสดงอาการดีใจที่ได้พบดิฉันอีกครั้ง
ดิฉันแนะนำตัวเองว่าเป็นภรรยาคุณหมอหาญจากยโสธร
ในวงการแพทย์ เราจะดีใจที่ได้พบกับครอบครัวแพทย์กันอยู่แล้ว
และเราได้พบกันในงานสัมมนาอีกหลายๆครั้ง ที่คุณหมอเป็นผู้นำการสัมนา คุณหมอมีความอดทนสูงที่ต้องตอบคำถามต่างๆ
เพราะช่วงหลังๆนี้ระบบสาธารณสุขของ
ไทยเปลียนไปอย่างชนิดที่แทบจะตามกันไม่ทัน
|
ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
|
|
|
prapasri AH
|
|
« ตอบ #60 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 06:59:14 » |
|
ดิฉันได้ทราบว่าคุณหมอเป็นมะเร็งที่ปอดมาสองสามปีที่แล้ว
แต่ก็คิดว่าต้องดีขึ้น เพราะสมัยนี้ยามะเร็งใหม่ๆดีขึ้นมาก
และคุณหมอเป็นคนอารมณ์ดี
มีความคิดเชิงบวกตลอด ทำแต่ความดี คงจะหายได้
หรือยืดอายุไปได้นานกว่านี้อีกมากนัก
จึงดีใจมากเมื่อเห็นคุณหมอในโทรทัศน์เมื่อเดือนที่แล้ว
เห็นคุณหมออ้วนขึ้นด้วย ไม่คิดว่าคุณหมอจะจากไปในวันนี้
สิ่งดีๆ ที่คุณหมอทำไว้ให้กับประเทศชาติ
คงเป็นผลบุญให้คุณหมอได้มีความสุขในสัมปรายภพ
ขอบคุณคุณหมอที่ทำงานให้กับประชาชนคนไทยจนวินาทีสุดท้าย
ของชีวิตคุณหมอ
แด่คุณหมอสงวนด้วยดวงใจ จาก
นายแพทย์หาญ และ ประภาศรีสุฉันทบุตร กลุ่ม ร.พ หาญ อินเตอร์เนชั่นแนล ยโสธร มุกดาหาร แหลมฉบัง นายแพทย์ต้นกล้า สุฉันทบุตร ฝ่ายศัลยกรรมร.พ ตำรวจ นักศึกษาแพทย์ ฉายตะวัน สุฉันทบุตร ร.พ ราชวิถี นักศึกษาแพทย์หญิง กลางดาว สุฉันทบุตร ร.พ ราชวิถี นายก้องไกล สุฉันทบุตร university of Leeds,UK.
|
ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #61 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 10:55:59 » |
|
หวัดดีครับพี่แอ๊ะ ยินดีครับ ที่เราได้มาเชิดชู คุณงามความดีของคนที่เสียสละเพื่อคนจนอย่าแท้จริง
วันงาน(27กพ) พี่แอ๊ะสวยมากครับ ทั้งลูกชาย ลูกสะใภ้ ก็ดูดีมากเลยครับ ชาวหอเราพลอยปลาบปลื้ม ในความสุข ของครอบครัวพี่แอ๊ะด้วยครับ และขอให้พี่แอ๊ะ ได้เป็นคุณย่า ในเร็ววันนะครับ
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #62 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 13:22:50 » |
|
ยึดเงินโอ๊ค-เอมไว้ก่อนให้พ่อมาถอนไป...
ทุบโต๊ะไปเลยว่า “โอ๊ค-เอม” จะยังต้องรับผิดในฐานะ “ตัวแทน” พ.ต.ท.ทักษิณ ตามกฎหมาย จนกว่า “พ่อ” จะถอนเงินที่ซุกไว้มาจ่ายภาษีให้
โดย...ทีมข่าวการเงิน Post today :04 มีนาคม 2553 เวลา 09:55 น.
คําตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิพากษาให้ยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 4.63 หมื่นล้านบาท โดยองค์คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ว่า... “พ.ต.ท.ทักษิณยังคงเป็นเจ้าของหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำนวน 1,449 ล้านหุ้น แต่อำพรางหรือซุกไว้ในชื่อลูกและเครือญาติก่อนที่จะขายให้แก่บริษัท เทมาเซก โฮลดิ้ง”
ก่อให้เกิดข้อถกเถียงกันหนักว่า กรมสรรพากรจะยังมีอำนาจในการบังคับให้บุตรชายและบุตรสาวต้องเสียภาษี 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท อีกหรือไม่
ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า เมื่อทุกอย่างเป็นนิติกรรมอำพราง ดังนั้นจึงเป็น “โมฆะ”
ข้อคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เมื่อมีการทำธุรกรรม มีรายได้ มีการโอน มีการทำการขาย คนผู้นั้นก็ต้อง “เสียภาษีให้รัฐ”
ส่วนใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ก็ไปว่ากันในเรื่องของกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่แท้จริง
เรื่องนี้หากพิเคราะห์เจาะลึกกันแล้วจะสามารถเห็นภาพที่ซุกซ่อนไว้ 2-3 ประเด็น
*********************
ประเด็นแรก กรมสรรพากรมีอำนาจในการยึดทรัพย์และเรียกเก็บภาษีจาก “เอม-พินทองทา โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” จากการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป 329.2 ล้านหุ้น จากบริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนต์ ในราคาหุ้นละ 1 บาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2549 ทำให้ได้ผลประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้นละ 48.26 บาท จนต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 1.2 หมื่นล้านบาท อยู่หรือไม่
ประเด็นนี้ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หยิบยกขึ้นมาต่อสู้ในศาลฎีกาแล้ว โดยระบุว่า คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดำเนินการสองมาตรฐาน นอกจากให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากโอ๊คเอมแล้ว กลับกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ป อีกคดี
แต่ศาลฎีกาก็วินิจฉัยชัดเจนว่า “การให้เรียกเก็บภาษีอากรจากพานทองแท้และพินทองทาที่ซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จากบริษัท แอมเพิลริช เป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นกฎหมายพิเศษที่กำหนดให้ผู้มีเงินได้พึงประเมิน มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด”
นอกจากนี้ มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ก็บัญญัติหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้ว่า บุคคลใดมีชื่อในหนังสือสำคัญใดๆ แสดงว่า
(1) เป็นเจ้าของทรัพย์สิน อันจะระบุไว้ในหนังสือสำคัญ และทรัพย์สินก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน หรือ
(2) เป็นผู้ได้รับเงินได้ถึงประเมิน โดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น
เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีทั้งหมดจากผู้มีชื่อในหนังสือสำคัญนั้นก็ได้
การดำเนินการทางภาษีอากรกับพานทองแท้และพินทองทา จึงเป็นการดำเนินการตามหลักการแห่งประมวลรัษฎากร
การกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยผิดปกติในคดีนี้ เป็นการดำเนินการกับเจ้าของที่แท้จริงในหุ้นบริษัท ชินคอร์ป เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดทางภาษีอากร เพราะมีหลักกฎหมายในการพิจารณาที่แตกต่างกัน
ข้อต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้คัดค้านที่ 1-3 จึง “ฟังไม่ขึ้น”
เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมหมายถึงว่า ฝ่ายน้ำเงินคือ กรมสรรพากร มีสิทธิเรียกเก็บภาษีจาก “โอ๊ค-เอม”
*********************
แม้กระนั้นฝ่ายแดงที่เห็นว่าไม่ต้องเสียภาษี ก็ยังเถียงคอขึ้นเอ็นว่า ถ้าพิจารณารายละเอียดคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดียึดทรัพย์แล้ว จะเห็นได้ชัดว่า ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พานทองแท้ พินทองทา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บรรณพจน์ ดามาพงศ์ และบริษัท แอมเพิลริช ล้วนแล้วแต่เป็น “ผู้ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ป แทน” หรือเป็น “นอมินี” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จนกระทั่งมีการขายหุ้นแก่บริษัท เทมาเซก
เมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะมีการโอนหุ้นกันระหว่างบุคคลดังกล่าวจะเป็นกี่ทอด บุคคลดังกล่าวก็ยังคงเป็น “ผู้ถือหุ้นแทน” พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานอยู่ดี
เมื่อทั้ง พานทองแท้ พินทองทา และบริษัท แอมเพิลริช ล้วนเป็นผู้ถือหุ้นแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ การโอนทรัพย์สินไปมาระหว่างตัวแทนกับตัวแทน หรือการโอนทรัพย์สินจากตัวแทนกลับไปยังตัวการ ซึ่งก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือคุณหญิงพจมาน ย่อมไม่เกิดผลประโยชน์ใดๆ กับ “ตัวแทน” เมื่อไม่เกิดผลประโยชน์ จึงไม่เป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39
จากหลักการดังกล่าว เมื่อบริษัท แอมเพิลริช ซึ่งเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ โอนหุ้นให้กับพานทองแท้และพินทองทา ซึ่งเป็นตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน บุคคลทั้งสองจึงไม่ได้ผลประโยชน์จากการโอนหุ้นดังกล่าว จึงไม่มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39
ในพฤตินัยเป็นเช่นนั้นจริงตามหลักการของประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายมหาชน
*********************
แต่ช้าก่อน ฝ่ายแดงอย่าเพ่อด่วนดีใจ เพราะในประเด็นนี้นั้นมีความนัยที่สามารถลากไส้ใครต่อใครออกมากองให้กากินกันได้ง่าย
“โอ๊ค-เอม” และทนายความของฝ่ายแดงยังจำกัดได้หรือไม่ว่า ได้ยื่นฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลางให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
ในคำฟ้องและข้อต่อสู้ของ “โอ๊ค-เอม” ในชั้นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์นั่งยัน นอนยันว่า ทั้งสองคนเป็นผู้ถือหุ้นเป็นเจ้าของตัวจริงเสียงจริงในบริษัท แอมเพิลริช และเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงของบริษัท ชินคอร์ป ที่ถืออยู่ก่อน
“เอม” จะมาพร่ำบนว่า งง สงสัย และมึนไม่ได้ เพราะความจำเธออาจจะสั้น แต่ความจำของประชาชนผู้เสียภาษีนั้นยาว...
ดังนั้น ในกรณีที่ทีมทนายความ รวมถึง “บิดา-มารดา” ของ “โอ๊ค-เอม” ต้องการใช้สิทธิประโยชน์จากผลของคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดียึดทรัพย์ ก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงเสียก่อนว่า ทั้งโอ๊คและเอมเป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ
หากยอมรับในคำตัดสินดังกล่าว “โอ๊ค-เอม” จึงจะสามารถใช้ทนายความพันล้านให้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดียึดทรัพย์มาใช้เป็นพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีภาษีอากร 1.2 หมื่นล้านบาท
ประเด็นนี้สำคัญและเป็นการสาวไส้กันจริงๆ เพราะเมื่อยอมรับข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลฎีกาเพื่อประโยชน์ในคดีภาษี ก็จะขัดแย้งอย่างรุนแรงกับหลักการและข้อต่อสู้ของคนในครอบครัวชินวัตรทั้งหมด ที่ยกมาอ้างในคำร้องที่ต้องยื่นอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
เพราะในห้วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน รวมถึง “โอ๊ค-เอม” ต่างยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ได้โอนหุ้นให้กับลูกไปแล้วจริง ก่อนที่จะขายให้แก่บริษัท เทมาเซก
ประเด็นหนี้ไม่ต้องใช้สมองพิเคราะห์ก็เดาได้ว่า หาก “ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน-โอ๊ค-เอม” ยอมรับในหลักการนี้ ก็เท่ากับยอมให้มัดตราสังทันทีว่า “ผมซุกหุ้นไว้ และได้ยอมรับว่าแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จอีกแล้วครับทั่น” โทษ คือ ห้ามเล่นการเมือง 5 ปี
*********************
ไม้ตายไม่ได้อยู่ที่ 2 ประเด็นที่นำเสนอมา หากแต่อยู่ในประเด็นนี้
ถ้าบริษัท แอมเพิลริช เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นชินคอร์ป 329.2 ล้านหุ้น และต่อมาได้โอนหุ้นให้แก่กรรมการบริษัท คือ พานทองแท้ และพินทองทา ในราคาเพียงหุ้นละ 1 บาท บุคคลทั้งสองย่อมได้รับผลประโยชน์ส่วนต่างราคาหุ้นตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 จึงเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรในมาตรา 39
แต่ว่าเมื่อศาลบอกว่า บุคคลทั้งสองเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างของราคาหุ้นที่แท้จริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อได้ประโยชน์ก็ต้องเสียภาษี...นี่คือไม้ตาย
ที่จะตายหนักไปกว่านั้น คือ ในมาตรา 824 ของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุชัดๆ ที่หนีอย่างไรก็ไม่ออกคือ
“ตัวแทน” คนใดทำสัญญาแทน “ตัวการ” ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ท่านว่า “ตัวแทน” คนนั้นต้องรับผิดตามสัญญานั้นตามลำพังตัวเอง แม้ทั้งชื่อของตัวการจะได้เปิดเผยแล้ว
ทุบโต๊ะไปเลยว่า “โอ๊ค-เอม” จะยังต้องรับผิดในฐานะ “ตัวแทน” พ.ต.ท.ทักษิณ ตามกฎหมาย จนกว่า “พ่อ” จะถอนเงินที่ซุกไว้มาจ่ายภาษีให้
ไม่เช่นนั้นอาจถึงล้มละลายได้ เพราะถึงตอนนี้ทรัพย์สินในชื่อของ “โอ๊ค-เอม” ถูกอายัดให้นำไปจ่ายในส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยผิดปกติ 4.63 หมื่นล้านบาท เกือบ 90% เหลือเงินที่จะนำมาจ่ายภาษีได้ไม่ถึง 2,000 ล้านบาท
สรรพากรจึงปักธงลุยยึดทุกอย่าง สืบทรัพย์ทุกอย่าง เพื่อดึงเงินทักษิณออกมาจ่ายภาษี
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #63 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 13:31:27 » |
|
รายงานพิเศษ:แกะรอยแดงฮาร์ดคอร์ ต่างคนต่างเดินแต่บรรจบเป้าหมายเดียวกัน ประเด็น:เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่
“ ถ้าเกาะติดความเคลื่อนไหว พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำที่อ้างว่าสันติวิธียังเชื่อมต่อกับสายฮาร์ดคอร์วันยันค่ำ เรียกว่า “เดินคู่ขนานแต่มาบรรจบด้วยเป้าหมายเดียวกัน”
โดย ทีมข่าวการเมือง:POSTTODAY 04 มีนาคม 2553 เวลา 10:40 น.
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แม้คำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะจบลงด้วยคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์บางส่วนของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้คนส่วนใหญ่กระจ่างแจ้งต่อคำพิพากษา ชี้ให้เห็นถึงการกระทำโดยมิชอบของอดีตนายกฯ
แต่ทว่า สถานการณ์บ้านเมืองกลับอึมครึม ขยับใกล้จุดเดือดทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อเจ้าของทรัพย์สินไม่ยอมรับผลคำตัดสิน หาช่องทางทวงคืนหีบสมบัติตัวเองให้ได้
คำแถลงผ่านวิดีโอลิงก์ วันตัดสินคดียึดทรัพย์ ต่อหน้ามวลชนเสื้อแดงและอีกหลายวันต่อมา ด้วยการย้ำให้ มวลชนคนเสื้อแดงลุกขึ้นสู้ เดินทางเข้าร่วมชุมนุมเยอะๆในวันที่ 14 มี.ค. ภายใต้ความเชื่อว่า สักวันหนึ่งชัยชนะจะเป็นของเรา ประจวบเหมาะกับเหตุระเบิดพื้นที่กทม. และปริมณฑล 4 จุด ยิ่งทำให้สถานการณ์บ้านเมืองตึงเครียดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการหรือไม่
แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามบอกมวลชนให้ต่อสู้ด้วยสันติ อหิงสา แต่ในจังหวะของการเคลื่อนมวลชนหลายต่อหลายครั้ง มักจะมาพร้อมการปลุกระดมยุยงสู่ความรุนแรงก่อนเสมอ ดังเหตุการณ์ช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วเป็นเครื่องการันตี
ทางหนึ่งแกนนำออกมาย้ำว่าจะใช้สันติวิธี แต่ทางหนึ่ง มีแกนนำอีกส่วนพยายามนำวิธีรุนแรงมาใช้
ก่อนหน้านี้ จตุพร พรหมพันธ์ ออกมาปฏิเสธ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือเสธ.แดง ไม่ได้อยู่ร่วมขบวนการเสื้อแดง หรือพยายามสร้างภาพให้เห็นว่าถอยห่างแนวคิด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งเคยเปิดประเด็นจะตั้งกองทัพประชาชนส่อไปทางรุนแรง แต่ถ้าเกาะติดความเคลื่อนไหว พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำที่อ้างว่าสันติวิธียังเชื่อมต่อกับสายฮาร์ดคอร์วันยันค่ำ เรียกว่า “เดินคู่ขนานแต่มาบรรจบด้วยเป้าหมายเดียวกัน”
ตั๋วเครื่องบินไปกลับดูไป เป็นคำตอบถึงการเคลื่อนไหวที่มีความผสมผสานระหว่างพฤติกรรมนุ่มนวลกับหยาบกระด้าง หลายครั้งปรากฎชื่อ แกนนำสายใกล้ชิดไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ หลายครั้งปรากฎชื่อ อดีตส.ส.ไทยรักไทย ส.ส.เพื่อไทย และหลายครั้งเช่นกัน ปรากฎชื่อ กลุ่มของพล.ต.ขัตติยะ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง สุพร อัตถาวงศ์ บวกกับแกนนำสายใกล้ชิดไปพร้อมกัน
ยิ่งใกล้วันชุมนุมใหญ่ สายการบินไทยดูจะได้รับการใช้บริการถี่มากขึ้น ข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก วันที่ 2 มี.ค. 53 ปรากฎชื่อ พล.ต.ขัตติยะ มานิตย์ จิตร์จันทร์กลับ อุดม มั่งมีดี นางกนกพร ศิริพรรณภิรัตน์ เดินทางไปดูไบ เที่ยวบิน ทีจี 517 เวลา 17.30 น. และแจ้งเดินทางกลับจากดูไบเที่ยวบิน ทีจี 518 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันนี้ ( 4 มี.ค. ) เวลา 08.35 น.
เป็นที่ทราบกันดี กรณีของเสธ.แดง กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงตามที่แกนนำสายใกล้ชิดอ้างว่าไม่ได้อยู่ในพวก แต่กลับรายชื่อ มานิตย์ จิตร์จันทร์กลับ อุดม มั่งมีดี สองอดีตผู้พิพากษา ที่หันเหทำงานด้านให้คำปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย และขึ้นเวทีเสื้อแดงเคียงบ่าเคียงไหล่แกนนำแดงสายใกล้ชิด ก็ล็อคที่นั่งไปพร้อมกับเสธ.แดง
เหมือนกับครั้งที่ เสธ.แดง เกี่ยวก้อย พรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ "เคทอง" คนสนิทเสธ.แดง ที่กำลังถูกหมายจับขู่บึ้มกรุงขณะนี้ เดินทางไปพร้อมกับแดงสายใกล้ชิดอย่าง วีระ มุกสิกพงษ์ จรัลดิษฐาอภิชัย และเหวง โตจิรการ การเดินทางครั้งนี้ ในทางการเมืองไม่อาจมองเป็นอย่าอื่นได้นอกจาก “ เตรียมไปรับงาน” ส่วนจะเป็นงานประเภทไหน สุดแล้วแต่จะคาดการณ์
เพราะระดับเสธ.แดง เป็นที่รับรู้ถึงความแม่นยำในการทำนายเหตุรุนแรงในบ้านเมือง ยิ่งกรณีคนสนิท “ เคทอง” ก็ได้สำแดงความตื่นวิตกให้กับคนกรุงไปแล้วจากกรณีออกวิทยุ เสนอข้อมูลผ่านเวปไซต์ เตือนคนกรุง ระวังระเบิดหลังวันตัดสินคดี รวมถึงกระบวนการจัดยุทธวิธี ในฐานะที่เสธ.แดงเองก็ยอมรับเป็นผู้ฝึกฝนหน่วยรบพระเจ้าตาก นักรบนินจาโรนนิน อะไรทำนองนั้น
ขณะที่อดีตสองผู้พิพิพากษาที่เกี่ยวก้อยไปพร้อมกันกับเสธ.แดง ก็น่าเป็นการให้คำปรึกษาหาช่องต่อสู้ทางกฎหมาย และล่าสุดหลังการเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย เมื่อเช้าวันนี้ มานิตย์ ก็ออกมายอมรับได้ไปให้คำปรึกษากฎหมายกับพ.ต.ท.ทักษิณจริงทำนองให้พ.ต.ท.ทักษิณ ร้องเรียนผู้นำนานาชาติ
บรรดาความเคลื่อนไหวเหล่านี้ สอดรับขับประสานกันไปหมด ล้วนเป็นเรื่องที่รัฐบาล ต้องแกะรอยหาคำตอบ โดยมิอาจนิ่งนอนใจ
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
YOTSAWIN
Hero Cmadong Member
หอพักรักของข้า...
ออฟไลน์
รุ่น: RCU27
คณะ: ศิลปกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,159
|
|
« ตอบ #64 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 14:33:13 » |
|
สวัสดีครับพี่ตะวัน พี่แอ๊ะ พี่ตุ๋ย ขอบคุณพี่ตะวัน พี่แอ๊ะ ที่เอาเรื่องดีๆ ที่พวกเราควรจะรู้มาให้อ่าน หมอหงวน เป็นคนที่มีคุณค่ายิ่งต่อคนไทยทุกคนครับ ขอให้ผู้สืบทอด ได้รับการปรบมือให้ด้วย จิตคารวะครับ
|
|
|
|
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 16:37:01 » |
|
ขอบพระคุณ พี่แอ๊ะ และพี่ตะวันเช่นกันค่ะ
|
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #66 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 23:15:02 » |
|
หวัดดีน้องเจี๊ยบ สบายดีหรือเปล่า หายไปนานเลยนะ ว่างก็เข้ามาคุยกันนะครับ(เชิงวิชาการ...??)
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #67 เมื่อ: 04 มีนาคม 2553, 23:16:06 » |
|
น้องหมี อย่าลืม ดูละครนะครับ ว่างๆจะร้องเพลง แสงดาวแห่งศรัทธาให้ฟัง
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: 05 มีนาคม 2553, 06:00:19 » |
|
|
|
|
|
YOTSAWIN
Hero Cmadong Member
หอพักรักของข้า...
ออฟไลน์
รุ่น: RCU27
คณะ: ศิลปกรรมศาสตร์
กระทู้: 1,159
|
|
« ตอบ #69 เมื่อ: 05 มีนาคม 2553, 08:28:01 » |
|
ครับพี่ ผมประเภท low tech ครับ เว็ปเข้ายากก็ไม่เข้า พอดีงานยุ่งด้วยครับ แต่ก็คิดถึงพี่ๆ น้องๆ ทุกคนครับพี่ โทรคุยกับพี่ยังชินอยู่ว่าการเมืองเปิดหรือยัง เพราะคิดถึงครับ คิดถึงพี่วณิชย์ กับ AJO ด้วย พอไม่มีมุมมองจากพี่น้อง ก็ได้แต่เสพย์ข่าวจากสื่อครับ
|
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #70 เมื่อ: 05 มีนาคม 2553, 14:31:49 » |
|
ชาว กทม.ทั้งหลาย อย่าตั้งอยู่ในความประมาท เตรียมรับ ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในบ้านเราให้ดีนะครับ..ด้วยความเป็นห่วง
เจาะข่าวกรองวิเคราะห์!เงื่อนไขปลุกแดงป่วนกรุง
ประเด็น:เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ , โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว Posttoday: 04 มีนาคม 2553 เวลา 15:05 น.
“ฝ่ายรัฐอาจจำเป็นต้องปรับแนวทาง ไม่ควรโหมให้ข่าวจะเอาผิดทั้งแพ่งและอาญากับพ.ต.ท.ทักษิณ เพิ่มเติม เพราะจะเรียกคะแนนสงสารและสร้างอารมณ์ร่วมในการชุมนุมใหญ่
มีคำถามปนความสงสัย กรณีแกนนำคนเสื้อแดงออกมาโหมกระพือจะมีมวลชนล้านคนมาพร้อมรถบิ๊กอัพ รถอีแต๊นแสนคันไหลเป็นลาวาเข้ากรุงเทพเพื่อโค่นล้มรัฐบาล เป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน และใช้ช่องทางใด
ก่อนหน้านี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม.) เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ข้อมูลการจากศูนย์ปฏิบัติการร่วม (ศปร.) ของหน่วยงานความมั่นคง ได้ประเมินความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ถึงเส้นทางการเคลื่อนเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นลักษณะทยอยๆ กันมา มิใช่ยกทัพใหญ่เข้ามาพร้อมกันในวันเดียวกัน
การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเเดง เส้นทางในการเคลื่อน ก็พอจะเห็นภาพเบื้องต้น จากการเซ็ทกำลังพลดูแลความสงบเรียบร้อยพร้อมกับการจัดระเบียบจราจร ในพื้นที่ 3 ส่วน กว่า 14 จุด คือ ส่วนนอก ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์เชื่อมโยงกับเส้นทางถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ส่วนกลาง อนุสาวรีย์หลักสี่ ถนนบางนา-ตราด ทุ่งสองห้อง สนามกีฬา ไทย- ญี่ปุ่น ดินแดน ส่วนใน ได้แก่ วงเวียนใหญ่ สนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สถานีรถไฟหัวลำโพง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และ ท่าเรือบางส่วน
นั่น เป็นการประเมินเบื้องต้น เพื่อเป็นข้อมูลให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมแผนรับมือ
ส่วนการระดมไพร่พลมามากมายขนาดนั้น ทำอย่างไร ประเด็นนี้ดูจะมีคำตอบจากหน่วยข่าวกรองที่ลงไปเกาะติดความเคลื่อนไหวของแกนนำ นักการเมือง ฝ่ายสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนำมาวิเคราะห์เชิงลึกส่งผ่านขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
บทวิเคราะห์ล่าสุด ชี้ให้เห็นการเคลื่อนไหวที่กำลังดำเนินไปด้วยความเข้มข้น นับจากนี้
ข่าวกรองวิเคราะห์ว่า นปช. เร่งรณรงค์ระดมมวลชน รถยนต์ เงินทุนเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ใน กทม. อย่งเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยใช้รูปแบบหลากหลาย อาทิ ในภาคเหนือจัดกิจกรรมย่อยในจังหวัดหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลาปาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัด นครราชสีมา อุดรธานี ขอนแก่น ทั้งนี้ นปช.ส่วนกลางตั้งเป้าอยากได้รถยนต์จังหวัดใหญ่ จังหวัดละ 1,000 คน มวลชนคันละ 12 – 14 คน แต่จนถึงขณะนี้ การสำรวจขั้นต้นอยู่ที่จังหวัดละประมาณ 400 – 500 คัน ทั้งนี้ปัจจัยที่จะมีส่วนส่งเสริมให้ได้จำนวนมวลชนและรถยนต์สูงขึ้นคือ เงิน กับการสนับสนุนของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่ ซึ่งยังไม่มีเต็มที่และปัจจัยสถานการณ์จากนี้ไป อย่างไรก็ดี ในด้านความรู้สึกของมวลชน มีความต้องการไปชุมนุมที่ กทม. ค่อนข้างสูงแนวโน้มด้านอารมณ์อาจสูงกว่าเมษายน 52 เพราะอยากไปช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ
ถามว่า การปลุกมวลชนมาชุมนุมใหญ่ได้ผลขนาดไหน ประเด็นนี้ข่าวกรองวิเคราะห์ว่า การสร้างกระแสและสร้างภาพการชุมนุมใหญ่ตั้งแต่วันที 12 มี.ค. 53 ค่อนข้างได้ผล เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่กำลังวิตกกังวลเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันดังกล่าว ประกอบกับมีเหตุระเบิดธนาคารกรุงเทพด้วย กระแสที่เกิดในสังคมคนไทย รวมทั้งต่างชาติ จึงเป็นไปในทางวิตกค่อนข้างมาก การรุกด้านข้อมูลข่าวสารของ นปช.และผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ หลังวันพิพากษาคดี ตีกลับคืนและมีประสิทธิภาพ ฝ่ายรัฐอาจจำเป็นต้องปรับแนวทาง ไม่ควรโหมให้ข่าวจะเอาผิดทั้งแพ่งและอาญากับ พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่มเติมเพราะจะเรียกคะแนนสงสารและสร้างอารมณ์ร่วมในการชุมนุมใหญ่ได้เป็นอย่างดีแต่น่าจะมุ่งเน้นการตอบโต้การบิดเบือนของพ.ต.ท.ทักษิณกับพวก เหมือนอย่างที่หนังสือพิมพ์บางฉบับทำได้ดี รวมทั้งทำให้เห็นการเตรียมการป้องกันการก่อเหตุรุนแรง
การรณรงค์ของแกนนำ นปช.บางคนทางวิทยุชุมชน หรือ การปราศรัยโดยเฉพาะนายชูพงษ์ ถี่ถ้วน วิทยุชุมชนคนรู้ใจ คลื่น 87.75 เมกกะเฮิรทซ์ รายการทางออกประเทศไทย กับ นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล กลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51 บางวันได้พาดพิงหรือดูหมิ่นสถาบันฯ อย่างบิดเบือน จาบจ้วง ท้าทาย ไม่ยำเกรงกฎหมาย และมีลักษณะปลุกเร้าให้คนฟังเชื่อตาม ทั้งสองนำสถาบันฯไปเชื่อมโยงกับคำพิพากษาของศาล รวมทั้งจาบจ้วงว่าใช้ 2 มาตรฐานเพราะไม่ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ
ผลการวิเคราะห์เหล่านี้ ดูจะสอดคล้องกับท่าทีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาแถลงหลังประชุม ครม. ถึงการดำเนินคดีแพ่ง และอาญา กับพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการย้ำแล้วย้ำอีกว่า “ รัฐบาลไม่ใช่คู่กรณีเพื่อไปกดดันกลุ่มใด แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารต้องดำเนินการ เพราะถ้าไม่ดำเนินการก็จะถูกกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” เหมือนนายกฯอภิสิทธิ์ รู้สัญญาณดีว่า เมื่อรัฐบาลขยับลงดาบสองกับพ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของแฟนคลับพ.ต.ท.ทักษิณ
ดังนั้น นายกฯอภิสิทธิ์จึงต้องพยายามบริหารสถานการณ์อย่างรัดกุมโดยเฉพาะการให้ข่าวเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ คือ นอกจากจะไม่เลือกวิธีเติมเชื้อใส่กองเพลิง ก็ต้องหาทางสกัดไฟไม่ให้ลามไปมากกว่านี้ด้วย เพราะถ้าถลำเกินไป ย่อมเข้าแผนเร่งเร้าแดงทะลักตามที่แกนนำเสื้อแดงวาดฝัน
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071
|
|
« ตอบ #71 เมื่อ: 06 มีนาคม 2553, 05:53:33 » |
|
|
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #72 เมื่อ: 06 มีนาคม 2553, 14:23:08 » |
|
ความหวัง...ในยามที่บ้านเมืองกำลังปั่นป่วน
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:24:06 » |
|
เนื่องจากวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้เป็นวันสตรีสากล จึงจะนำความเป็นมา ของวันสำคัญ ของสตรี มาเล่าสู่กันฟังวันสตรีสากลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี คลาร่า เซทคิน.วันสตรีสากล เป็นวันที่มีการประท้วงของแรงงานหญิง ณ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา กรรมกรสตรีในโรงงานทอผ้าได้ลุกฮือขึ้นเดินขบวนประท้วงการเอาเปรียบกดขี่ขูดรีด ทารุณ จากนายจ้างที่เห็นผลผลิตสำคัญกว่าชีวิตคน ความสำคัญ วันสตรีสากล มิเพียงแค่การเฉลิมฉลองเหมือนงานประเพณีที่มักทำติดต่อกันทุกปี หากจะเป็นการตระหนักร่วมและให้คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ของผู้ใช้ แรงงานหญิง และสืบทอดเจตนารมย์ที่ต้องการให้ผู้หญิงได้รับการปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย จากความรุนแรง และยกระดับคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ผู้ใช้แรงงานต้องได้รับการดูแลในด้านสวัสดิการ สุขภาพความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งผู้หญิงต้องได้รับการปฏิบัติอย่างให้กียรติและเท่าเทียมในฐานะที่ ผู้หญิงก็เป็นสมาชิกหนึ่งในสังคม ประวัติความเป็นมา ณ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา กรรมกรสตรีในโรงงานทอผ้าได้ลุกฮือขึ้นเดินขบวนประท้วงการเอาเปรียบ กดขี่ ขูดรีด ทารุณ จากนายจ้างที่เห็นผลผลิตสำคัญกว่าชีวิตคน ความเป็นอยู่ของแรงงานสตรีในเมืองชิคาโก ว่ากันว่าไม่ต่างอะไรจากทาสนิโกรในเงื้อมมือคนผิวขาว เพราะต้องทำงานวันละ 12-15 ชั่วโมง แต่ได้รับค่าแรงานเพียงน้อยนิดส่วนสตรีตั้งครรภ์มักถูกไล่ออก ในที่สุดภายใต้การนำของ คลาร่า เซทคิน ผู้นำกรรมกรสตรีโรงงานทอผ้าชาวเยอรมันลุกฮือขึ้นสู้ด้วยการเดินขบวนนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1907 โดยเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานจากวันละ 12-15 ชั่วโมง ให้เหลือวันละ 8 ชัวโมงพร้อมทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการภายในโรงงาน และให้สตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งด้วย ในการเรียกร้องครั้งนี้ แม้จะมีหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากสตรีทั้งโลก และส่งผลให้วิถีการผลิตแบบทุนนิยมเริ่มสั่นคลอน แต่อย่างไรก็ตามอีก 3 ปีต่อมา คือ ในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1910 ข้อเรียกร้องของเหล่าบรรดากรรมกรสตรีก็ประสบความสำเร็จ เมื่อตัวแทนสตรีจาก 18 ประเทศ เข้าร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยม ครั้งที่ 2 ณ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่ประชุมได้ประกาศรับรองข้อเรียกร้องของบรรดากรรมกรสตรี โดยให้ลดเวลาทำงานให้เหลือเพียงวันละ 8 ชั่วโมง ศึกษาหาความรู้ 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง และกำหนดให้ค่าแรงงานสตรีเท่าเทียมกับค่าแรงงานชาย อีกทั้งยังมีการคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็กอีกด้วย นอกจากนั้นในการประชุมครั้งนั้น ยังได้มีการรับรองข้อเสนอของ คลาร่า เซทคิน ด้วยการประกาศให้วันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรีสากล
วันสตรีสากลไม่ได้เป็นเพียงวันที่กลุ่มสตรีทั่วโลกร่วมฉลองกันท่านั้น แต่เป็นวันที่องค์กรสหประชาชาติได้ร่วมเฉลิมฉลองด้วย และอีกหลายประเทศได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดประจำชาติของตน กลุ่มสตรีจากทุกทวีปไม่ว่าจะแตกต่างกันโดยเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ หรือ การเมืองก็ตาม ได้รวมตัวกันเพื่อฉลองวันสำคัญนี้ เพื่อรำลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้อันยาวนาน เพื่อให้ได้มาซึ่งความเสมอภาคความยุติธรรม สันติภาพ และการพัฒนา
ผลจากการตัดสินใจของที่ประชุม ณ กรุงโคเปนเฮเกน ทำให้มีการจัดกิจกรรมวันสตรีสากลขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1911 ในประเทศออสเตรีย เดนมาร์ก เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ มีประชาชนทั้งหญิงชายมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมการชุมนุมเรียกร้องสิทธิในการทำงาน การเข้ารับการอบรมในวิชาชีพ และให้ยุติการแบ่งแยกในการทำงานในปีถัดมาได้มีการจัดกิจกรรมวันสตรีสากลเพิ่มขึ้นในประเทศฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน และในปี ค.ศ. 1913 มีการจัดชุมนุมวันสตรีสากลในรัสเซียเป็นครั้งแรก ที่นครเซนต์ปีเตอร์เบอร์ก แม้ว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวางก็ตาม วันสตรีสากลได้จัดขึ้นโดยเชิดชูคำขวัญของขบวนการสันติภาพ ทั้งนี้เพื่อต่อต้านสงครามที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในยุโรปนับตั้งแต่ปีแรกๆ เป็นต้นมา ความสำคัญของการฉลองวันสตรีสากลได้ทวีมากขึ้น โดยมีสตรีในทวีปแอฟริกา เอเชียและละตินอเมริกา เริ่มร่วมมือกันเพื่อทบทวนความก้าวหน้าของการต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกัน และเพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งพยายามผลักดันให้มีการตระหนักในเรื่องสิทธิมนุษยชนของสตรีอย่างสมบูรณ์ ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะปฏิบัติตามพันธสัญญาต่อเวทีโลกที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับบทบาทและสถานภาพสตรีโดยได้มีการดำเนินการทั้งในแง่กฏหมาย นโยบาย มาตรการและกิจกรรมต่างๆ ในการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย คือ เจตนารมณ์ให้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายในทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้ การควบคุมทรัพยากร เพื่อให้หลุดจากการกีดกันต่างๆ ให้สตรีได้มีโอกาสรับประโยชน์จากการพัฒนาอย่างเท่าเทียม บรรณานุกรม วรนุช อุษณกร. ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2543. แผ่นพับประชาสัมพันธ์วันสตรีสากล สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ "สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว" http://www.women-family.go.th/home.htmข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์
กระทู้: 9,865
|
|
« ตอบ #74 เมื่อ: 08 มีนาคม 2553, 10:32:15 » |
|
ผู้ให้กําเนิดวันสตรีสากล คลาร่า เซทกิ้น (CLARA ZETKIN) ค.ศ.1857-1933 คลาร่า เซทกิ้น ได้รับการขนานนามว่า มารดาแห่งการเคลื่อนไหวสตรีสากล เป็นผู้ให้กําเนิดวันสตรีสากล
นักการเมืองหญิงสายมาร์คซิสต์ ชาวเยอรมัน เป็นผู้ริเริ่มวันสตรีสากล ชื่อเดิมชื่อ คลาร่า ไอนส์เนอร์ เกิดที่เมืองไวเดอรูว์ แคว้นแซกโซนี่ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม จบการศึกษาจากวิทยาลัยครูเมืองไลป์ซิก และพบรักกับเพื่อนนักศึกษาชาวรัสเซียนามว่า ออพซิป เซทกิ้น ต่อมา มีบุตร 2 คน และเป็นหม้ายในปี ค.ศ.1889
ในปี ค.ศ.1884 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคสังคมประชาธิปไตย (Social Democratic party) ต่อมาพรรคโดนยุบ และคลาร่าได้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์
ค.ศ.1907 คลาร่าได้กลับสู่เยอรมันดินแดนมาตุภูมิ พร้อมกับการก่อตั้ง กลุ่มนักสังคมนิยมหญิง และได้ริเริ่มในการเสนอให้กําหนดวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปีให้เป็นวันสตรีสากล
ค.ศ.1914 ในขณะที่ประเทศเยอรมันกําลังทําสงครามโลกครั้งที่ 1 คลาร่า ได้ร่วมมือกับ โรซ่า ลัมเซมเบอรค์ ร่วมกันรณรงค์ต่อต้านสงครามโลกครั้งที่ 1 ในนามกลุ่ม สปาร์ตาซิสต์ ( *กลุ่มสปาร์ตาซิสต์ (spatarcist) เป็นกลุ่มกรรมกรในเยอรมันที่ประท้วงรัฐบาลเยอรมันสมัยนั้น ในการทําสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยความคิดที่ว่า ทหารที่ส่งไปรบก็คือ ประชาชน สงครามเป็นการกระทําที่สนองตัณหาของรัฐบาล แต่ประชาชนมีแต่ต้องสูญเสีย)
ค.ศ.1918 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมัน และได้เป็นผู้แทนในสภาไรซ์สตัก (สภาผู้แทนของเยอรมันยุคนั้น)
ค.ศ.1920-1932 สุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายของคลาร่าในสภาเยอรมัน คลาร่าได้กล่าวโจมตี อดอฟ ฮิตเลอร์อย่างรุนแรง และเรียกร้องหาแนวร่วมที่จะช่วยกันต่อต้านพรรคนาซีเยอรมัน ซึ่งกําลังมีบทบาทอย่างสูงในการเมืองเยอรมัน
ค.ศ.1933 พรรคนาซีเยอรมันได้ ประสบความสําเร็จในการยึดอํานาจทางการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จ และให้อํานาจทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านฟูเร่อร์ (ผู้นํา) คลาร่าจึงเป็นหนึ่งในนักการเมืองสายความคิดสังคมนิยม ที่ถูกกวาดล้าง จนต้อง ลี้ภัยการเมืองไปใช้ชีวิตที่รัสเซีย และถึงแก่กรรมในปีเดียวกันนี้ องค์กรในสหประชาชาติที่ทําหน้าที่พิทักษ์สิทธิสตรี (1) คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (UNCSW) มีหน้าที่กําหนดแนวทางการยกระดับสถานภาพสตรี ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมวัฒนธรรม และด้านการศึกษา
(2) คณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (CEDAW) มีหน้าที่ตรวจสอบว่าประเทศภาคีอนุสัญญาฯปฏิบัติตามข้อกําหนดของอนุสัญญาฯ หรือไม่
- แผนกเพื่อความก้าวหน้าของสตรี ทําหน้าที่เป็นสํานักงานเลขานุการ ดําเนินการวิจัยและทํางานสนับสนุนองค์กรทั้งสองข้างต้น
- กองทุนพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNIFEM) ทําหน้าที่สนับสนุนโครงการต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการผสานสตรีในกระบวนการพัฒนา ด้วยวิธีการส่งเสริมกิจกรรมสร้างเสริมรายได้ขนาดย่อม
- สถาบันวิจัยและฝึกอบรมระหว่างประเทศเพื่อความก้าวหน้าของสตรี(INSTRAW) เป็นแหล่งให้เงินทุนอุดหนุน และมีหน้าที่ทําวิจัยเพื่อยกระดับวิธีการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับการพัฒนา
ที่มา http://www.women-family.go.th/scan/women_day1.pdf
|
iss u.Don"t be sure that the world is wide until you check it out by your self.
|
|
|
|