23 พฤศจิกายน 2567, 12:25:10
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 17  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของเขา จะเล่าให้ฟัง  (อ่าน 289310 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 18 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #175 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 13:44:34 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=JFXDjfXV-U8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=JFXDjfXV-U8</a>
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #176 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 14:06:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Lamai เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2554, 10:17:58
อ้างถึง
ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2554, 09:28:46
เปิดผ่านแล้วก็เลยไป เบื่อจะฟังเพราะคิดว่ามันก็คงเน่ากว่านำ้ที่ท่วมกันอยู่นี่แหละ
แถมยังไม่มีเงาจันทร์แบบป้าไมว่าซะอีก ฟังแล้วเดี๋ยวจะพาลหงุดหงิด

แค่ได้ยินนิดหน่อย ส่วนใหญ่ก็สาธยายความดีของตัวเองที่ลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้าน
ไปไปมามาก็เข้าทำนอง เอาความดีใส่ตัวเอาความชั่วใส่คนอื่นเหมือนเดิม

พูดแล้วของขึ้น ขออภัยครับ

โห.....ของอันหยังขึ้นกาตั๋ว.......จะอี้มันก่อแปงน่ะก่า งง งง

โอ้โฮ.... ป้าทำรีเทริน์เสริฟแบบนี้รับเกือบไม่ทันเลยครับหลังแทบหัก
ของขึ้นมันก็แพง ใช่ถูกต้อง แพงขึ้นทุกอย่าง มีอย่างเดียวคือนำ้ขึ้นที่ไม่แพง
แต่นำ้ดื่มแพงคอดคอด นี่ขนาดเป็นเมืองที่มีแต่นำ้นะ
      บันทึกการเข้า

2437041
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #177 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 21:32:15 »

เปิดตัว "คุณพ่อ" ของ "น้องน้ำ" และไขปริศนาทำไมน้ำไม่ท่วม "ดินแดง"
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 20:30:00 น.
 

ไปไม่ถึงดินแดง จ่อแค่สี่แยกสุทธิสาร


"หนุ่มเมืองจันท์"


 
 
 
 
 
สงสัยไหมครับว่าทำไม "น้องน้ำ" ที่เคยโลดโผนโจนทะยาน  ไปทุกที่ที่อยากไป
 
แต่วันนี้กลับไหลอย่างช้าๆ
 
ไม่ยอมไป "ดินแดง" เสียที
 
ในอีกด้านหนึ่งก็ไปหยุดอยู่แค่ตลาดอตก.  ไม่เลยไป "สะพานควาย"
 
ตามหลักไสยศาสตร์เบื้องต้น ส.001  วิเคราะห์ว่า 2 ที่นี้น่าจะมีบางสิ่งที่ "น้องน้ำ" หวาดหวั่น  ไม่กล้าผ่านไป
 
อย่าลืมว่า "น้องน้ำ" ไม่เคยกลัว "กระสอบทราย"
 
ไม่เคยกลัว "ดินเหนียว" ที่ทำคันดินตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ
 
...แต่ "น้องน้ำ" กลับกลัว "ดินแดง"
 
คงเหมือน"ผีไทย"กลัว"ใบหนาด"
 
"ผีฝรั่ง"กลัว"กระเทียม"
 
"น้องน้ำ"กลัว"ดินแดง"
 
ในขณะเดียวกัน"น้องน้ำ" ไม่เคยกลัวคันกั้นน้ำอะไรเลย
 
"บางโฉมศรี" ก็ไม่กลัว
 
...แต่กลับกลัว "สะพานควาย"
 
จากบทวิเคราะห์ดังกล่าว  นักไสยศาสตร์จึงเสนอให้นิคมอุตสาหกรรมบางชันและลาดกระบังเปลี่ยนวิธีทำคันกั้นน้ำใหม่
 
เปลี่ยน "คัน" เป็น "สะพาน"
 
และเพื่อความขลังต้องเอา "ควาย" มาเดินบนสะพานด้วย
 
ส่วน "ดินเหนียว" เลิกใช้ไปเลย
 
ให้ใช้ "ดินแดง"
 
นี่คือ  ทางรอดเดียวของ 2 นิคมฯนี้ 
 
"นักไสยศาสตร์" ยืนยัน
 
นอกจากนั้นเคล็ดลับนี้อาจนำไปใช้กับพื้นที่ต่างๆ ได้
 
เช่น บ้านต่างๆ ที่เจอน้ำท่วมขังอาจแก้เคล็ดด้วยการเปลี่ยนกระสอบ "ทราย"
 
เป็นกระสอบ "ดินแดง"
 
หรือบางพื้นที่แถบ "สะพานใหม่"  ให้ลองเอา "ควาย" มาเดิน
 
หลอก "น้องน้ำ" ว่าเป็น "สะพานควาย" สาขา 2
 
หรือ "สะพานควายใหม่"
 
บางทีน้ำอาจจะลด!!!!
 
......................
 
 
อีกด้านหนึ่ง  "น้องน้ำ" ไหลไปทางถนนรัชดาภิเษกอย่างรวดเร็ว
 
หลายคนสงสัยว่า "น้องน้ำ" มาที่นี่ทำไม
 
แต่พอเหลือบขึ้นไปมองป้ายด้านบน
 
"โรงแรมเจ้าพระยา ปาร์ก"
 
ใช่แล้ว  "น้องน้ำ" จะมาหา "แม่"
 
"แม่น้ำ" ชื่อ "เจ้าพระยา"
 
พอเห็นป้ายปั๊บ  "น้องน้ำ" ก็รี่เข้ามาเลย
 
...คิดถึงแม่..
 
ถ้า "น้องน้ำ" หยุดแค่โรงแรมเจ้าพระยา ปาร์ก  แสดงว่า "น้องน้ำ" ต้องการมาหา "คุณแม่"
 
แต่ถ้าเลยกว่านั้นมาประมาณ 200 เมตร  แล้วหยุดนิ่ง ก็แสดงว่า "น้องน้ำ" น่าจะแวะมาหาใครบางคนที่คิดถึงมานาน
 
และเป็นการคลายปริศนาที่สงสัยกันมานาน
 
"คุณพ่อ" ของ "น้องน้ำ" คือใคร
 
เพราะตรงนั้นมีอาคารใหญ่แห่งหนึ่ง 
 
"โพไซดอน"
 
ครับ... "เทพโพไซดอน" คือ  เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและมหาสมุทร  เป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งท้องน้ำ 
   
ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ลำคลอง หรือมหาสมทุร
 
ถ้าจริงแสดงว่า "น้องน้ำ" ไม่ธรรมดา
 
มี"คุณแม่"เป็น "เจ้าพระยา"
 
มี"คุณพ่อ"เป็น "เทพ"

 
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #178 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 21:44:27 »

วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:12 น.  ข่าวสดออนไลน์


“ปู” ขอบคุณ “มาร์ค” บอกไม่ควรลาออกในตอนนี้

 เวลา 17.50 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ควรลาออกจากตำแหน่งตามที่มีเสียงเรียกร้อง แต่ขอให้ทบทวนการทำงานในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ว่า “ขอขอบคุณผู้นำฝ่ายค้าน เพราะวันนี้เราอยากเห็นการที่พวกเราทุกคนมาเล่นกการเมืองอย่างสร้างสรรค์ และมาร่วมกัน ช่วยกันแก้ไขปัญหาสิ่งที่เป็นวาระของชาติ”

 เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า ตกลงวันนี้เราผ่านวิกฤติเรื่องน้ำท่วมแล้วหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว ก่อนขอตัวเข้าร่วมประชุมสภาทันที
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #179 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 21:50:10 »

วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7652 ข่าวสดรายวัน


การเมือง ทางเลือก ระหว่าง ยิ่งลักษณ์ อภิสิทธิ์ อนาคต เป็นของใคร




คล้ายกับเมื่อมีความพยายามสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพื่อนำไปสู่การเสนอ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาแทนที่

เหมือนกับเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง หนุ่มหล่อ กับ สาวสวย

สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามเน้นย้ำอย่างจำหลักหนักแน่นก็คือ เน้นย้ำจุดอ่อนด้อยในภาวะผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ในอีกด้านก็เพื่อเสริมให้เห็นความแข็งแกร่งของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ตัวอย่างมิได้อยู่ที่การออกมาใส่สีตีไข่ เยาะเย้ย หยามหยัน ในเรื่องการร้องไห้ หลั่งน้ำตา ซ้ำแล้วซ้ำอีกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น

หากแต่ด้วยการเน้นในเรื่องการประกาศและบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เหมือนกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินคือรากฐานอันสร้างความแข็งแกร่ง เฉียบขาดให้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากสถานการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

เป็นความแข็งแกร่งเฉียบขาดบนซากศพมากกว่า 90 ศพของประชาชน



มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการสานความสัมพันธ์กับกองทัพ กับทหาร

คน 1 มีพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 เป็นเครื่องมือ

คน 1 มีพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นเครื่องมือ

ภาพที่เราเห็นจากสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 คือ ทหารถืออาวุธสงครามเข้าไล่ยิงเพื่อสลายการชุมนุมของประชาชน

ตาย 91 บาดเจ็บเกือบ 2,000

ภาพที่เราเห็นจากสถานการณ์เดือนตุลาคม พฤศจิกายน 2554 คือ ทหารพร้อมถุงยังชีพเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นปทุมธานี นนทบุรีและกทม.

คะแนนนิยมของทหาร คะแนนนิยมของกองทัพสูงเป็นอย่างยิ่ง



ความแตกต่างในทางความคิดระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างแน่นอน

จากปัญหาเมื่อ 2 คนนี้ประสบเข้ากับอุทกภัย

ในฐานะนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจเกะกะเก้งก้างและตะกุกตะกักเป็นอย่างมากในการบริหารจัดการในเบื้องต้น

แต่ก็มิได้หมายความว่า ท่วงทีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความเหนือกว่า

ยิ่งผ่านวิกฤตที่หนักหนาสาหัสมากยิ่งขึ้น ยิ่งสร้างบทเรียนและความจัดเจนให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเชิงสะสมกระทั่งเพิ่มความมั่นใจ

มั่นใจถึงระดับที่พร้อมประกาศสร้างประเทศไทยใหม่ นิวไทยแลนด์



มีความพยายามดิสเครดิตบ่อนเซาะภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้น

กระนั้น ก็มิได้หมายความว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นทางเลือก ตรงกันข้าม ระบอบยังให้โอกาส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้พิสูจน์ตนเอง

อย่างน้อยก็น่าจะผ่านเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนธันวาคมได้

หน้า 5
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #180 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 12:34:31 »

เราประมาทเพราะรัฐ
-วิกรม กรมดิษฐ์

      นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในสังคมไทย มันกลายเป็นการเมือง  ทุกอย่างพูดเป็นการเมืองหมด การเมืองมันทำให้เหมือนกับพลิกไปพลิกมา นี่คือปัญหาที่สังคมไทยควรจะต้องชำระจะต้องแก้ไข เพราะว่าผลกระทบคือทำให้ประชาชนประมาท ทำให้ประชาชนไม่เตรียมตัว และถามว่าที่หมดเนื้อหมดตัวคือใครล่ะ หมดกันหลายล้านล้านนะวันนี้ ไม่ใช่แค่ไม่กี่แสนล้าน เพราะเราไม่เตรียมตัว วันนี้เราเกทับไปเรื่อย ดูที่เราไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง อย่างนี้ก็เจ๊งเพราะว่าเราไม่รู้สถานการณ์ของเราว่าเราอยู่ตรงไหน เราไม่รู้เลยว่าเรากำลังทำอะไร เพราะเราไม่มีข้อมูลหรือเพราะข้อมูลที่ออกมามันเป็นข้อมูลที่ไม่ได้มีอะไรที่สามารถจะยึดถือได้เลย  เพราะบอกมาว่าไม่มีปัญหา เตรียมพร้อมแล้ว เอาอยู่
       ระบบของไทยเราการใช้คนเก่งมันแคบ ไม่เหมือนในอเมริกาที่เขามีเรื่องอย่างนี้ปุ๊บ สมมติว่าเป็นเรื่องอหิวาต์เขาก็จะมี list ของคนที่เป็น  expert สิ่งที่เขาจะทำกันก็คือคนที่มีประสบการณ์ทุกคนจะถูกเรียกเข้ามา  ทหารที่เกษียณแล้วก็ถูกเรียก หลายๆ คนถูกเรียกมารวมกัน ให้แต่ละคนไปศึกษาก่อนแล้วจะมาสรุปกัน เป็นหลักการและเหตุผล แล้วก็เสนอผู้นำเบอร์หนึ่ง ผู้นำก็มาดูว่าเหตุผลอย่างนี้ด้วยคนกลุ่มนี้ make sense ไหม  เมื่อเห็นว่าใช้ได้ก็จึงตัดสินใจ…รัฐบาลมือใหม่ เพิ่งเข้ามาใหม่ หลายๆ คนไม่เคยเป็นอะไรเลย ซึ่งก็ต้องเข้าใจเงื่อนไขของรัฐบาลว่าเป็นอย่างนี้ แต่ที่ต้องติงก็คือถ้าไม่รู้หรือไม่มั่นใจอะไรไม่ควรจะบอกว่าไม่มีปัญหา ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับมือใหม่แล้ว นี่มันเกี่ยวกับนิสัย ไม่ควรจะพูดในสิ่งที่ไม่มั่นใจ  เพราะมันทำให้ชาวบ้านเสี่ยง ทำให้ชาวบ้านเกิดความประมาท นี่คือผลกระทบที่ชาวบ้านเขาต้องมารับผลไปเต็มๆ
    ยิ่งนับวันภาวะการเป็น ’ผู้นำ’ ของนายกรัฐมนตรีในยามบ้านเมืองวิกฤติก็ยิ่งถูกตั้งข้อสงสัยมากขึ้น เพราะนับจากวันที่เสียงแข็งว่าไม่มีปัญหา รับมือได้  กลายเป็นว่าประชาชนสำลักน้ำกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเพราะไร้ความเด็ดขาด ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้คนเก่งไม่เป็น ผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ก็ชี้ให้เห็นว่าเป็นผู้นำที่ขาดความเข้าใจในการบริหารจัดการ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ วิกรม กรมดิษฐ์ ประธานมูลนิธิอมตะ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชั่น ชี้ว่าเป็นบทเรียนราคาแพงที่ผู้นำจะต้องเรียนรู้เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นผู้รับกรรม
ประเมินความเสี่ยง หากผ่านตึกมูลนิธิอมตะจะเห็นว่าได้มีการเตรียมการป้องกันรับน้ำท่วมไว้ตั้งแต่เกือบ 2 เดือนก่อน
    "อย่างโรงพยาบาลเราทุกที่ระบบไฟอยู่ชั้นล่าง น้ำท่วมต้องตัดไฟ เมื่อไม่มีไฟก็จบแล้ว นี่ยกตัวอย่างว่าประเทศเราเวลาฉุกเฉินอะไรขึ้นมาไม่พร้อมอะไรสักอย่าง"
เพราะเราคิดไม่ถึงว่าปัญหาจะใหญ่ขนาดนี้
    "ทำไมไม่คิดไว้ ทำไมไม่สมมติล่ะ เอาแค่ว่าเรื่องนี้ถ้าเป็นนิวยอร์กมันจะไม่เป็นอย่างนี้ แล้วอเมริกันมันเป็นเทวดาเหรอ ฉะนั้นเราจะไปบอกว่าเราคิดไม่ถึงไม่ได้ สิ่งเหล่านี้มันต้องคิดก่อน ที่เราทำมาตลอดเดือนครึ่ง สมมติเลยว่าน้ำมาเท่านี้แล้วก็ไปวางแผนแก้ปัญหา แต่วันนี้เราไม่คิด เพราะคนไทยเราปล่อยชีวิตไปตามสบาย นี่คือปัญหาของสังคมไทย และไม่ใช่ไม่คิดอย่างเดียว สังคมไทยยังประมาทอีก อย่างสิ่งที่มูลนิธิฯ เตรียมรับมือก็เกิดจากสิ่งที่เราสมมติขึ้นมาเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้วว่าถ้าน้ำสูงถึง 2 เมตรล่ะจะต้องทำอะไรบ้าง แม้กระทั่งบ่อปลา ถ้าน้ำท่วม 2 เมตรกว่าปลาก็ยังอยู่ มีทั้งปั๊มน้ำที่เป็นปั๊มใช้ไฟฟ้า ปั๊มที่ใช้น้ำมัน"
ถ้าย้อนไปเวลานั้นน้ำยังท่วมแค่ชัยนาท นครสวรรค์
    "เพราะเรามามองดูว่าพื้นที่รับน้ำของเมืองไทยมันอยูที่ไหนและมันออกที่ไหน และเราก็ต้องเตรียมตัว เพราะมันเร็วและแรงมาก คือพื้นที่รับน้ำที่มีพื้นที่กว่า 1.5 แสน ตร.กม. ทั้งหมดต้องมาระบายออกที่ปากน้ำ มันไม่มีทางอื่นที่จะออกเลย ดูจากแผนที่แล้วด้านซ้ายมือคือเทือกเขาตะนาวศรี ไม่ต้องไปคิดเลยว่าน้ำจะข้ามไป แค่ข้ามไปถึงเมืองกาญจน์จะไหลลงแม่น้ำแม่กลองก็เป็นไปไม่ได้แล้ว น้ำทั้งหมดมันจึงถูกบีบเข้ามาจากพื้นที่ที่รับน้ำกว่าแสน ตร.กม. น้ำพวกนี้มันก็ลงมาแค่ตามสายแม่น้ำลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำเจ้าพระยาถามว่ากว้างเท่าไหร่ ทุกปีมันก็เอ่อขึ้นมา เพราะล่องน้ำไม่ได้กว้างและลึกมาก เมื่อเป็นอย่างนี้น้ำก็ถูกบีบๆ ให้ลงมาเพื่อไปที่ปากอ่าวไทย เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ท่วมสิ เพราะกรุงเทพฯ เราเป็นไอ้เข้ขวางคลอง ขวางเต็มที่เลย
     ฉะนั้นน้ำฝนที่ลงมาจากทางเหนือมันก็รวมลงมาและมันเร็วมาก พอเห็นนครสวรรค์ท่วมแล้วคนตกใจ ท่วมรุนแรงมาก แป๊บเดียวสิงห์บุรี ชัยนาท อยุธยา  มันฟ้องด้วยภาพอย่างนี้ และก็ฟ้องด้วยซีเอ็นเอ็นที่รายงานว่าทั้งเวียดนาม    เขมร มีปัญหาหมด เพราะอิทธิพลลานีญา ปรากฏการณ์ของกระแสน้ำเย็นในมหาสมุทรที่แผ่ตัวออกมาในบริเวณนี้ ทำให้มันมีความชื้นเหมือนอยู่ในป่า ทำไมฝนถึงตกในป่า ก็เพราะว่าป่ามันเย็น ทฤษฎีเดียวกันกับปรากฏการณ์ลานีญา  มันก็ทำให้ภูมิภาคนี้มีความชุ่มชื้น ฉะนั้นฟิลิปปินส์ก็เจอ เขมร เวียดนาม ลาว  แต่ของเขาน้ำไม่ได้ถูกบีบๆ เข้ามาเหมือนกับเมืองไทย คือวันนี้คนที่เข้าใจตรงนี้ว่าอ้อลานีญามา ฝนตกหนัก ท่วมเร็ว ดังนั้นเราก็มาดูบ้านเราสิว่าเป็นยังไง  กรุงเทพฯ เรามันขวางน้ำ แล้วมันมาเยอะอย่างนั้น ก็ประชุมเจ้าหน้าที่กันเกือบ  2 เดือนที่แล้วเอาโจทย์นี้ไปคิดให้ที ว่าเขาควรจะต้องเตรียมอะไร เขาควรจะต้องย้ายอะไร มีคอนโดมีโรงแรมไหนที่ยกเอาเครื่องปั่นไฟขึ้นไปชั้น 3 บ้าง เราทำสิ่งเหล่านี้จากการสมมติ ถ้าประเทศเราทั้งประเทศสมมติว่ากรุงเทพฯ บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่น้ำจะท่วม 2 เมตร ตายล่ะถ้ามันมา 2 เมตร บ้านเราก็ท่วมแน่ๆ  เลย ก็ไม่ต้องเตรียมถุงทรายหรือทำอะไร ก็หันไปย้ายของไปอยู่ชั้น 2 จะได้ไม่เสียเงินโดยไม่มีประโยชน์"
    "การสมมติมันก็ต้องมีที่มาด้วยว่าทำไมเราสมมติ 2 เมตร ไม่ใช่จู่ๆ นึกเอาเหมือนแทงหวย มันต้องมีที่มา ที่มาก็ถามว่าอยุธยาหรือนครสวรรค์สูงกว่ากรุงเทพฯ เท่าไหร่ แล้วระดับน้ำบวกขึ้นไปอีกเท่าไหร่ ตอนเด็กๆ เวลาเราจะวัดระดับน้ำเอาสาย 2 สายมาวัด สมมติที่นี่เป็นน้ำที่อยู่ที่นครสวรรค์ อยุธยา   ระดับน้ำที่จะไหลลงมาก็จะเติมให้เท่ากัน เมื่อเติมให้เท่ากันระดับน้ำในกรุงเทพฯ  มันเป็น 10 เมตร ฉะนั้นสมมติที่ 2 เมตรนี่ถือว่ากันเองเหลือเกิน เพราะสาเหตุว่าก่อนที่น้ำจะลงมามันถูกกันจากตึกรามบ้านช่อง ถนน มันจึงมีช่วงพักน้ำให้เติมให้เต็มแล้วถึงจะข้ามมา ตรงนั้นมันก็เป็นตัวตัดน้ำได้ระดับหนึ่ง เราก็เลยคิดว่าอย่างน้อยน่าจะ 2 เมตร"   
 
    "นั่นคือการที่เราสมมติว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า แต่ถามว่ามีที่ไหนในกรุงเทพฯ ที่รัฐบาลเขาประกาศว่าไม่มีปัญหา เอาอยู่ เตรียมพร้อมแล้ว แล้วมันรอดสักอันไหมล่ะ คำว่ารัฐบาลก็รวมทั้งข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็น กทม. ศปภ. ผู้ว่าฯ หรือเบอร์ไหนที่ออกมาพูดทั้งหมดมีใครบ้างที่ออกมาบอกว่ามันมีปัญหา มันตลกหรือเปล่า ขนาดเราชาวบ้านบอกว่ามีปัญหา แต่มีปัญหาน่าจะขนาดนี้ เพื่อนำไปสู่การเตรียมตัว และเราคิดว่าถ้าน้ำมันเกินกว่า 2 เมตร เราก็ไม่สู้มัน  ปล่อยให้มันท่วมไป เพราะมันไม่คุ้มที่เราจะไปกัน แต่ถ้าระดับ 2 เมตรมันก็พอสู้ไหว ให้เขาไปก่อปูนผนังตรงนั้นตรงนี้ เอาตาข่ายลวดไปใส่แล้วฉาบปูนถ้าเรามาตั้งโจทย์มันจะมีคำตอบว่าจะอยู่หรือจะไป หรือจะเตรียมยังไง"
    เมื่อเกิดพิบัติภัย หน้าที่รัฐต้องประเมินสถานการณ์เลวร้ายไว้ก่อนเพื่อให้ประชาชนเตรียมตัว
    "นับถึงวันนี้ตั้งแต่น้ำท่วมมา มีผู้ว่าฯ คนไหน มีข้าราชการคนไหน มีอธิบดีคนไหน จนถึงผู้บริหารคนไหน ที่ออกมาพูดว่าอาจจะมีปัญหาอย่างนี้ สมมติว่าเป็นอย่างนี้ควรจะเตรียมตัวอย่างนี้ มีไหม อันที่สอง ไม่มีปัญหา ทุกอย่างพร้อมแล้ว พูดเป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมดเลย แล้วมันมีอันไหนที่ไม่มีปัญหาไหม นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในสังคมไทย คือมันกลายเป็นการเมือง ทุกอย่างพูดเป็นการเมืองหมดเลย การเมืองมันเหมือนกับพลิกไปพลิกมา นี่มันเป็นปัญหาที่สังคมไทยควรจะต้องชำระจะต้องแก้ไขนะ เพราะว่าผลกระทบคือทำให้ประชาชนประมาท ทำให้ประชาชนไม่เตรียมตัว และถามว่าที่หมดตัวคือใครล่ะ หมดกันหลายล้านล้านนะวันนี้ ไม่ใช่แค่กี่แสนล้าน เพราะเราไม่เตรียมตัว เพราะเราจะสู้ๆๆ แต่เรารู้เลยว่าของจริงมันเข้ามาเท่านี้แล้วเราน่าจะคิดว่าจะสู้ยังไง เหมือนคุณเล่นไพ่ วันนี้เราเกทับไปเรื่อย ดูที่เราไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง อย่างนี้ก็เจ๊ง  นี่เรากำลังเจ๊งเหมือนกับการเล่นไพ่นะ เพราะว่าเราไม่รู้สถานการณ์ของเราว่าเราอยู่ตรงไหน เราไม่รู้เลยว่าเรากำลังทำอะไร ใช่หรือไม่ เพราะเราไม่มีข้อมูล  เพราะข้อมูลที่ออกมามันเป็นข้อมูลที่ไม่ได้มีอะไรที่สามารถจะยึดถือได้เลย  เพราะว่าบอกมาว่าไม่มีปัญหา เตรียมพร้อมแล้ว เอาอยู่" แสดงว่าข้อมูลที่มีในมือประเมินไม่ได้หรือปกปิดความจริง
    "วันนี้ก็มีปัญหาอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกันว่าคนที่มาดำเนินการเรื่องนี้ถามว่ารู้แค่ไหน ถามว่าเขารู้ไหมวันนี้มันเป็นลักษณะของสังคมไทย ฟังอะไรมาปุ๊บทำตัวเองเป็นผู้รู้เลย นี่คือปัญหาของทั้งสังคมไทยนะที่เรามีคนแบบนี้เยอะ ที่กลายเป็นผู้รู้เพียงแค่ฟังคน ไม่อ่าน ไม่มีการศึกษา นิสัยคนไทยเราคือไม่ศึกษา พร้อมที่จะเชื่อข่าวลือ เราต่างจากญี่ปุ่น ถ้าเขาไม่แน่ใจไม่รู้จริงจะไม่พูด ของเรานี่ฟังเขามาก็มาบอกว่าตัวเองเป็นผู้รู้แล้ว นี่คือนิสัยคนไทย พื้นฐานตรงนี้ก็นำไปสู่คนที่เข้ามาบริหารจัดการ คราวนี้มันถึงเห็นภาพมันถึงเห็นผล ตรงนั้นรับได้ ตรงนี้ไม่มีปัญหา แต่วันนี้น้ำมันขยายตัวเป็นเหมือนเชื้อโรค ไม่มีท่าทีจะหยุดเลย และเราเคยรู้กันไหมว่าน้ำจะหยุดหรือไม่หยุดดูตรงไหน มีนักวิชาการคนไหนเคยบอกหรือเปล่า ดูที่ปทุมธานี ปทุมฯ กับกรุงเทพฯ ระดับพื้นดินจะสูงต่างกันเฉลี่ยประมาณ 3 เมตร วันนี้เราต้องมาดูว่าน้ำที่ปทุมฯ มันลดหรือยัง น้ำที่มาจากทางเหนือที่เติมๆ มาตั้งแต่นครสวรรค์ เติมที่อยุธยา มาเติมที่ปทุมฯ เรื่อยๆ จากปทุมฯ ก็เติมที่กรุงเทพฯ ถ้าระดับที่ปทุมฯ เริ่มลด กรุงเทพฯ ก็จะเริ่มมีอาการว่าจะไม่แรงไม่เร็ว แต่ไม่ใช่ว่าน้ำกรุงเทพฯ จะลด เพราะว่าปทุมฯ สูงกว่า นั่นเป็นตัวชี้เลยว่าถ้าปทุมฯ ลดๆๆ กรุงเทพฯ ก็จะเบา แต่ถามว่ากรุงเทพฯ จะหยุดเมื่อไหร่ ก็ต้องบอกว่าปทุมฯ แห้งเมื่อนั้น ก็ปทุมฯ สูงกว่ากรุงเทพฯ ถ้าปทุมฯ แห้งน้ำก็ไม่มี"
    ******************************************************************************
    คำอธิบายอย่างนี้ชาวบ้านเข้าใจง่ายกว่าที่จะบอกว่ามีมวลน้ำกี่ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายได้กี่ล้านลูกบาศก์เมตร
    "พูดง่ายๆ ว่าประเทศไทยเป็นอย่างนี้เพราะว่าฝนมันตก 40 เปอร์เซ็นต์  เนื่องจากลานีญาแล้วมันก็ท่วมทั้งภูมิภาค อันที่สูงน้ำมันถูกบีบๆ มันไปไหนไม่ได้ น้ำมันก็ลงมา นั่นคือเหตุผล เมื่อเห็นจำนวนน้ำเยอะขนาดนี้ก็ดูที่ปทุมฯ เป็นหลัก ถ้าปทุมฯ แห้งเมื่อไหร่กรุงเทพฯ ก็จะค่อยๆ ลดเมื่อนั้น อธิบายง่ายๆ ไม่ต้องอธิบายว่ามันจะต้องผันไปที่นั่นอย่างนั้นอย่างนี้ น้ำมันจำนวนขนาดนี้เพิ่งจะมาขุดคลองมันจะไปทันอะไร เหมือนเราจะลงทุนต้องคำนวณว่าจะลงเท่าไหร่ ดูว่าจะเจ๊งเท่าไหร่ ถ้ามากกว่านั้นก็ไม่ต้องไปเกทับ ถ้าเจ็บก็แค่เจ็บๆ คันๆ แต่เลือดไม่ไหลออกทั้งตัว แบบตอนนี้ที่มีหลายโรงงานเลยไม่ยกเครื่องออก มัวแต่ไปกันๆ เสร็จแล้วก็ท่วมหมดเลย แทนที่จะเตรียมย้ายเจนเนอเรเตอร์"
    "ที่จริงเวลาจะทำอะไรเราต้องทำความเข้าใจ ใช้ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์  ภูมิศาสตร์ จะสร้างบ้านในภูมิประเทศแบบไหนโอกาสที่จะแช่น้ำสูง อย่าไปงมงาย โอ้คาดว่า รอลุ้น  เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วการเลือกตั้งนิคมอมตะ มีเขามีทะเลมีแม่น้ำ ตรงนั้นเป็นเขาเขียว ตรงไหนที่มีเขาก็แสดงว่าดินมันแข็ง ดินแถบนี้เป็นดินฟากเขา ข้ามแม่น้ำบางปะกงมาเป็นทะเล วันนี้กรุงเทพฯ ทำไมน้ำท่วมนานอย่างนี้ เพราะมันเท่ากันหมด ไม่มีที่ลง"
ถึงวันนี้คนกรุงเทพฯ เขตชั้นในก็ทำใจว่าท่วมอยู่แล้ว แต่ควรบอกให้รู้ว่านานแค่ไหน 
    "มันตอบไม่ได้ ตรงนั้นใครก็ไม่กล้าพูด เราก็ไม่กล้าพูด แต่เราบอกให้ชาวบ้านเขาใช้เหตุผลจากตรงนี้ ดูจากลักษณะนี้มาตั้งโจทย์ มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด  เพราะเราเชื่อว่าเราทำได้อย่างนี้" นี่คือปัญหาการบริหารของการอยู่ต่างพรรค
"มันไม่เกี่ยวกับต่างพรรค มันเกี่ยวกับว่าเขารู้หรือไม่รู้ และเกี่ยวกับนิสัย  ก็อย่างที่ว่าพอฟังคนนั้นคนนี้มาก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้รู้ หรือบางทีก็ด้วยหน้าที่ไม่รู้จะพูดยังไง นักข่าวก็บอกให้พูดๆ“ ในความเป็นจริงผู้บริหารระดับสูงไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ต้องรู้จักใช้คนที่รู้
    “ระบบของไทยเราการใช้คนเก่งมันแคบ ไม่เหมือนในอเมริกาที่เขามีเรื่องอย่างนี้ปุ๊บ สมมติว่าเป็นเรื่องอหิวาต์เขาก็จะมี list ของคนที่เป็น expert  เรื่องของอหิวาต์ในประเทศเขา พอมีปัญหานี้ปั๊บสิ่งที่เขาจะทำกันก็คือคนที่มีประสบการณ์ทุกคนจะถูกเรียกเข้ามา ทหารที่เกษียณแล้วก็ถูกเรียก หลายๆ คนถูกเรียกมารวมกันในห้องวอร์รูม ให้แต่ละคนไปศึกษาก่อนแล้วจะมาสรุปกัน  ตอนที่สรุปแต่ละคนก็จะเอาประสบการณ์ เอาสิ่งที่ไปศึกษามาเพื่อสรุปออกมาอีกที เป็นหลักการและก็ต้องมีเหตุผล จากนั้นแต่ละส่วนเขาก็มีหัวหน้า หัวหน้าจะสรุปว่าอันนี้ใช้ได้ อันนี้ make sense เขาก็จะมาเสนอกับผู้บริหารระดับนี้ๆ ดูว่าเออแนวทางนี้ดี แล้วก็เสนอผู้นำเบอร์หนึ่ง หลังจากศึกษามาแล้วด้วยคนเหล่านี้  ผู้นำก็มาดูว่าเหตุผลอย่างนี้ด้วยคนกลุ่มนี้ make sense ไหม เมื่อเห็นว่าใช้ได้ก็จึงตัดสินใจ”
แต่ ศปภ.ก็ดึงคนเก่งๆ มาทั้งนั้น
    “แต่ถามว่าเก่งจริงหรือเปล่าล่ะ เห็นชื่อก็เพราะสังคมคุ้นเคย แต่คนเก่งจริงๆ เราอาจจะไม่รู้จัก คนที่เก่งจริงๆ ในแต่ละสายเขาไม่ได้ออกมาโชว์ทางทีวีอีกเยอะแยะ วันนี้เมืองไทยบอกรู้จักคนนี้ๆ ไม่แน่ว่าเขาจะเก่ง อาจจะเพราะประชาสัมพันธ์เก่ง ออกรายการเยอะ หรือมีสปอนเซอร์สนับสนุนให้สื่อมาสัมภาษณ์ เคยได้ยินชื่อเขาไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องเก่งนะ
 นี่คือหลักการของการบริหารคนเก่ง ซึ่งในเมืองไทยตอนนี้จะบอกว่ารัฐบาลทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ หนึ่งเขาก็เพิ่งเป็นผู้นำจะไปรอบรู้ทั้งหมดคงยาก คุณปูเมื่อก่อนแกเป็นนักการเมืองที่ไหนเป็นรัฐมนตรีที่ไหน ทันทีก็โดดขึ้นมาเป็นนายกฯ เลย เพราะเงื่อนไขที่เขาต้องการคนที่เป็นพี่น้อง มันก็ลำบากที่จะบริหาร งานก็ไม่เคยผ่านเลย แต่ต้องมาตัดสินใจ ต้องมาเป็นซีอีโอโดยที่ไม่เคยเป็นผู้จัดการแผนกเลย มันก็เหนื่อยนะ ฉะนั้นเราก็พูดถึงความจริงว่าคนที่เป็นนายกฯ เราวันนี้เขาก็ลำบาก เพราะอดีตไม่เคยเป็นแม้แต่หัวหน้าแผนก แต่ขึ้นมาเป็นซีอีโอเลย อันที่สองอายุอานาม 44 ไม่น้อย แต่ก็ไม่มากสำหรับที่จะต้องมาทำงานนี้ ฉะนั้นเมื่อหลายๆ อย่างรวมกัน ทั้งผู้นำใหม่ทั้งรัฐบาลเพิ่งเข้ามาใหม่ ก็คิดว่าเขาคงทำดีที่สุดเท่าที่เขาทำแล้ว เฉพาะอ่านโพยก็เหนื่อยแล้ว อ่านแล้วไม่ให้คนจับได้อีกต่างหาก ในสถานการณ์มันก็บีบคั้นให้เขาต้องเป็นอย่างนี้  ต้องถือว่าเขามือใหม่ เหมือนคนขับรถ ถ้าคนเคยขับรถแม้จะเป็นมือใหม่สำหรับรถสิบล้อ แต่เคยขับรถบัสมาแล้ว อย่างนี้ไม่เรียกว่ามือใหม่นะ แต่นี่เขาใหม่หมดเลยนี่ มันก็เหนื่อย แล้วมาเจองานช้างอย่างนี้ด้วย”
 “วันนี้ที่พูดทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นการสะท้อนว่ารัฐบาลมือใหม่ เพิ่งเข้ามาใหม่ หลายๆ คนไม่เคยเป็นอะไรเลย จะมาบอกว่าผมอัดรัฐบาล ก็เราพูดความจริง ซึ่งก็ต้องเข้าใจเงื่อนไขของรัฐบาลว่าเป็นอย่างนี้ แต่ที่ต้องติงก็คือถ้าไม่รู้หรือไม่มั่นใจอะไรไม่ควรจะบอกว่าไม่มีปัญหา ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับมือใหม่แล้ว  นี่มันเกี่ยวกับนิสัย ไม่ควรจะพูดในสิ่งที่ไม่มั่นใจ เพราะมันทำให้ชาวบ้านเสี่ยง  ทำให้ชาวบ้านเกิดความประมาท นี่คือผลกระทบที่ชาวบ้านเขาต้องมารับผลไปเต็มๆ“
ต้องเลือกและเยียวยา
แม้ปัญหายังไม่จบ แต่ประเทศไทยจะต้องก้าวไปข้างหน้านับจากวันนี้  รัฐบาลควรจะวางทิศทางได้แล้ว
“มีสัก 3 อย่างในสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำในวันนี้เลยมันยังไม่สาย
1.    ก็คือเรื่องของการพูดการชี้แจงการบอกกล่าว ควรจะต้องพูดในลักษณะที่เป็นจริง เพื่อที่จะให้คน ณ วันนี้จะได้เตรียมตัวอย่างถูกต้อง เพราะยังมีคนอีกเยอะที่ยังประมาท  โดยเฉพาะคนที่ยึดติดผูกติดกับอดีต คนสูงอายุที่เขาประมาทว่าเขาเกิดมาอายุตั้งขนาดนี้ไม่เคยเห็นมีอะไรเลย แต่ถ้าเขาได้รับข้อมูลที่ทำให้เขาเห็นว่ามันอันตราย มันเสี่ยงนะ เพราะว่าภาพ bird eye view ภาพในมุมสูงมันต่างจากภาพในมุมต่ำ วันนี้ชาวบ้านเขามีบ้านอยู่ที่นี่เขาก็นั่งดูรอบๆ โอ้ยถนนก็ยังแห้ง  ฉะนั้นบ้านฉันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้านั่ง ฮ.ขึ้นไปสัก 200 เมตร เห็น เฮ้ยน้ำมาแล้ว  การที่เขาไม่มีความประมาทมันจะทำให้เขาเสียหายน้อย”

2.    “ประการที่สอง รัฐบาลต้องมามองว่าการบริหารอย่างไรที่จะทำให้เศรษฐกิจได้รับการกระทบน้อยสุด คือเวลาท่วมในเขตเขตหนึ่งมันหมดเป็นหลายๆ หมื่นล้าน บางแห่งนี่เป็นแสนล้าน กับการไปท่วมบ้านชาวบ้าน ท่วมที่นา ชาวบ้านเขาคือคนที่ทำงานในแหล่งเศรษฐกิจตรงนี้ ถึงบ้านชาวบ้านท่วม แต่เขายังมีเศรษฐกิจตรงนี้ที่ดูแลเขาได้ แต่ถ้าที่นี่ท่วม ชาวบ้านก็ท่วม มันจะเหลือใครให้ช่วยใครได้ นี่คือปัญหาของรัฐ ต้องรู้จักเลือก รู้จักแยกแยะ และต้องอธิบายให้ชาวบ้านเขาเข้าใจด้วยว่า เขาคือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากนิคมอุตสาหกรรม ถ้าเขารู้ว่าเขาจะรักษานิคมฯ ยังไงให้อยู่รอด เพื่อที่เขาจะได้มีที่พักพิง บ้านเขาท่วม แต่โรงงานไม่ท่วม โรงงานก็ดูแลเขาได้ นี่คือประการที่สอง  รัฐบาลต้องรู้จักเลือก ถ้าชาวบ้านเขาได้รู้ตรงนี้เขาก็จะคิดว่าแทนที่จะผลักๆๆ น้ำ  ก็อาจจะยอมให้ท่วมบ้านหน่อย แล้วรัฐบาลก็มาช่วยเหลือเขา ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย เราก็ยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่เยอะ รัฐบาลมาเยียวยาตรงนี้เพื่อให้เขาเสียสละ รัฐบาลต้องเลือกให้ถูกว่าอะไรควรจะต้องรักษาไว้ เป็นหัวใจ อย่างอื่นค่อยมาเยียวยาให้ดีขึ้นทีหลังได้”

3.    “ประการที่สามรัฐบาลก็ต้องมาทำในเรื่องของงบประมาณในอนาคตที่จะต้องจับจ่าย เป็นงบประมาณด้านไหนที่จะทำให้สามารถเกิดการผลิตอะไรได้เร็วขึ้น เพราะบางอย่างมัวแต่ไปแก้ๆ แต่มันไม่ได้สร้างผลประโยชน์ วันนี้เราต้องยอมรับว่าอะไรที่เราจะแก้ไขให้มันเกิดผลเร็วที่สุดจะช่วยให้เศรษฐกิจมันหมุนแล้วมาช่วยคนที่เขาลำบาก ฉะนั้นมาตรการจะต้องมีประโยชน์ มีมูลค่า เพื่อที่จะได้เอาแรงงานเข้ามาในระบบได้เร็ว ตรงนี้ในแง่เศรษฐกิจมันก็จะเกิดการผลิต  พอคนไม่ลำบากปัญหาขโมยก็น้อยลง เรื่องการบริหารมันต้องมองความเป็นจริงว่าตรงไหนมีความสำคัญเพื่อที่จะเอาความสำคัญตรงนั้นให้ไปรอดก่อนแล้วค่อยมาดึงคนที่ลำบากขึ้นมา ต้องทุ่มตรงนี้ให้มากให้เร็วเป็นพิเศษ“

ในสายตานักลงทุนต่างชาติแล้ว เวลานี้แผนแก้ปัญหาน้ำท่วมยังไม่สร้างความมั่นใจได้เท่ากับว่ารัฐบาลมีมาสเตอร์แพลนที่จะฟื้นฟูประเทศอย่างไร
“ต้องไปคู่กัน แผนป้องกันน้ำท่วมในระยะยาวก็ต้องมีการจัดระบบ ที่เราไม่ต้องกลัวว่าอีก 100 ปี จะต้องเจออย่างนี้อีก
ความเสียหายทางเศรษฐกิจคราวนี้หากเทียบกับวิกฤติปี 2540
"ปี 2540 มันป่วยทั้งโลก คราวนี้มันยังเร็วกว่า เกิดขึ้นน้ำลดแล้วก็แก้ไข  แต่ปี 2540 มันซึมยาว คนมองไม่เห็นความหวัง มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย แต่วันนี้ถ้าน้ำแห้งก็มีความหวังแล้ว แค่เราจัดการเรื่องในประเทศของเรา"
เราเรียนรู้อะไรจากวิกฤติหนนี้
"หนึ่งต่อไปต้องมีวิสัยทัศน์ อันที่สองต่อไปต้องมีการบริหารที่เหมาะสม  สามความสามัคคี แม้หลายคนจะคิดว่ายาก แต่มันไม่ยากหรอก คนไทยเราทำตัวเราเองทั้งนั้น ไม่มีใครมายุยงเลย เราทะเลาะกันแล้วเราบอกว่าเราคืนดีกันเป็นเรื่องยาก มันตลกนะ เราเป็นคนไทยแท้ๆ แต่เรากัดกันเอง เราทะเลาะกันเอง แล้วพอถึงเวลามันต้องมาร่วมไม้ร่วมมือแต่กลับบอกว่ายาก เป็นไปไม่ได้ ประเทศอื่นเขาก็หัวเราะเลยน่ะสิ"
น้ำท่วมครั้งนี้เราได้เห็นคนไทยในหลายแง่มุม ชาวบ้านฝั่งนี้ท่วมอีกฝั่งก็ต้องท่วมด้วย ที่เราเคยปลูกฝังว่าคนไทยรู้รักสามัคคีที่แท้เป็นแค่มายาคติ แม้ว่าจะมีในส่วนของจิตอาสา แต่ก็เป็นเรื่องของปัจเจกมากกว่า
"ก็เรามีแต่ศรีธนญชัยทั้งประเทศไง ก็เอาแต่ประโยชน์ใส่ตัวเองแล้วก็ทะเลาะกัน ลองคิดกลับกันถ้าเราเห็นประเทศเพื่อนบ้านทะเลาะกันอย่างนี้เราก็ยิ้ม สมน้ำหน้า ก็กัดกันเอง ทำไมเราไม่คิดตรงนี้ เพื่อนบ้านเขาดูเรายังไง เพื่อนบ้านเขาคิดกับเรายังไง ทำตัวเราเองนะ เราสร้างตัวเราเองหมดเลยนะวันนี้ ในเมื่อเกิดมาจากตัวเราแล้วทำไมไม่แก้ด้วยตัวเรา จะรอให้อเมริกามาเป็นกรรมการเหรอ แต่เราก็บอกเฮ้ยอย่ามายุ่ง เรื่องของเรา แต่ถึงเวลาก็เอาอีกแล้ว  ต่างประเทศเขาก็ไม่อยากยุ่ง เขามองว่านี่เป็นเรื่องผัวเมียตีกัน คนในครอบครัวเดียวกันเคยรักกันมาฆ่ากัน มันเป็นเรื่องไร้สาระที่สุด ในความเป็นคนของประเทศนี้ เพราะเราเป็นคนสร้างเราเป็นคนทำร้ายมัน แล้วก็มาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสามัคคีกัน ก็ในเมื่อไม่มีใครมายุยงเราใช่ไหม แล้วเราบอกว่าเมืองเราเมืองพุทธ มีพระตั้ง 3 แสนกว่าองค์ สังคมเราปากว่าตาขยิบ มือถือสากปากถือศีล นี่คือปัญหาของสังคมไทย"
แรกๆ หลายคนมีความหวังว่าจะสลายสีกลับมาสามัคคีเมื่อยามวิกฤติ
"เหตุผลข้อเดียวคือเห็นแก่ตัว ที่เป็นอย่างนี้เพราะคนไทยเราเห็นแก่ตัว  ถ้าเราเลิกเห็นแก่ตัวจะทะเลาะกันหรือเปล่า ฉะนั้นต้องแก้มันด้วยความเข้าใจ  เลิกเห็นแก่ตัว แค่นี้ไม่ต้องไปหาพระวัดไหนมาเทศน์ วันนี้ถ้าเราเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริงและไม่เห็นแก่ตัว สิ่งเลวร้ายในเมืองไทยก็จะจบ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เราทำเป็นไม่รู้ แล้วมองข้ามมันไป และก็มอมเมาตัวเอง เพราะหลง  เพราะบ้าอำนาจ เราไม่ค่อยเรียนรู้ แต่คิดว่าตัวเองรู้ พอพูดอย่างนี้คนก็จะบอกว่าผมอัดรัฐบาล ทำไมต่อว่าแต่คนไทยไม่ดีๆ เพราะอะไรที่ผมพูดอย่างนี้ ก็เพราะอยากให้ดีไง ซึ่งผมจะทำอีกแบบหนึ่งก็ได้ ใช้ชีวิตของผมไป เออดีครับท่าน ทำดีมากเลย พรุ่งนี้ไปฮ่องกง ไปปารีส อ้าวแล้วไม่ดูน้ำเหรอ ช่างหัวมัน เราไปกัน ปกติผมจะอยู่เขาใหญ่ 1-2 อาทิตย์จะกลับมาที่กรุงเทพฯ 2-3 วัน แต่ตั้งแต่น้ำท่วมมาผมจะอยู่กรุงเทพฯ ตลอด จนกระทั่งน้ำไม่ท่วม คือคนเราตอนไม่มีปัญหาเราไปอยู่สบายๆ ตอนมีปัญหาเราควรจะต้องกลับมาอยู่กับลูกน้องเรา  จนกระทั่งเรามั่นใจว่าไม่มีปัญหา นั่นคือการแสดงความรับผิดชอบ เป็นหน้าที่ผู้นำ ไม่ใช่ถึงเวลามีปัญหาไปล่ะ ยังไม่ทันไรออกต่างประเทศ มีปัญหามันต้องอยู่ด้วยกัน ท่วมยังไงก็อยู่ด้วยกัน มีปัญหายังไงก็อยู่ด้วยกัน"
"สุดท้ายก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหา และก็คงต้องอยู่กันไปอีกเป็นเดือนๆ อย่างน้ำท่วมวันนี้มันมีเชื้อโรคที่มากับน้ำด้วย อยากให้ชาวบ้านมีการเตรียมตัวอยู่ 2 อย่าง
อย่างแรก ก็คือเตรียมตัวของตัวเอง เช่น ถ้าจะออกไปจะทำอย่างไรโดยที่ไม่มีปัญหา เพราะมีคนหลายๆ คนเป็นแผลทั้งที่มือที่ขา ไปติดเชื้อจากการลุยน้ำมา เพราะคิดว่าไม่มีปัญหา เลยอยากให้ชาวบ้านป้องกันตัวเอง  ทุกคนมีถุงพลาสติกอยู่แล้วแหละ จะออกไปไหนเอาสวมเท้ามาถึงต้นขาเลย เอาเชือกผูกให้อยู่ ไปหาถุงเท้าหลวมๆ มาสวมแล้วค่อยใส่รองเท้า ส่วนมือก็ไปซื้อถุงมือแพทย์มาแล้วเอาถุงมือผ้าใส่ข้างนอก เพราะบางคนเป็นเบาหวาน ต้องหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
ข้อที่สอง เมื่อลุยน้ำมาแล้วรีบอาบน้ำใช้สบู่ฆ่าเชื้อ นี่ก็คือขั้นตอนขั้นพื้นฐานที่จะป้องกันตัวเอง แล้วหยูกยาที่เป็นโรคประจำตัวก็หาไว้เสีย  เพราะตอนนี้โรงพยาบาลไม่ค่อยจะมี สิ่งพวกนี้อย่างน้อยๆ มันเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า"
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #181 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2554, 14:01:09 »

มีคำสั่งย้าย ผวจ.สาย ฬ วันนี้ วีรยุทธ เอี่ยมอำภา ไปเป็นอธิบดีกรมปกครองท้องถิ่น ประภาส บุญยินดี เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เสนีย์ จิตตเกษม เป็น ผวจ.ตรัง ชวน ศิรินันท์พร เป็น ผวจ.โคราช เริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี เป็น ผวจ.ฉะเชิงเทรา จรินทร์ จักกะพาก เป็น ผวจ.สกลนคร วรรณิดา บุญประคอง(อักษร) เป็น ผวจ.สมุทรปราการ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
TU14
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 342

« ตอบ #182 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2554, 16:53:15 »

ขอบคุณนะคะที่แจ้งข่าว  จังหวัดพี่พอดี (ตรัง) เพื่อนพี่ด้วย
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #183 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2554, 17:04:45 »


แจ้งข่าวเพื่อนพี่ตุ๊อีกคนครับ..

คุณแม่ของพี่สุรพล ปธานวนิช เสียชีวิตแล้ว
ตั้งศพที่วัดศรีบุรีรตนาราม,สระบุรี..... บรรจุศพ วันพฤหัสที่ 17 พย. นี้ครับ

ผมไปฟังพระสวดฯ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา...
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #184 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2554, 20:21:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ TU14 เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2554, 16:53:15
ขอบคุณนะคะที่แจ้งข่าว  จังหวัดพี่พอดี (ตรัง) เพื่อนพี่ด้วย

ถ้าพี่ตุ๊เจออ้อม ฝากความคิดถึงด้วยนะคะ
อยู่น่านยังไม่ทันได้ไปเยี่ยมเลย ย้ายเสียแล้ว
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #185 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2554, 00:06:18 »

เปิดแฟ้ม มติครม.15 พ.ย. แต่งตั้งโยกย้าย"บิ๊กมหาดไทย"34 ราย พร้อมตำแหน่งสำคัญครบทุกตำแหน่ง
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 20:20:41 น.



วันที่ 15พ.ย.  2554   เมื่อเวลา 09.00 น.  ณ  ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล    ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี  ในวาระเรื่อง  แต่งตั้งโยกย้าย  มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
 
1.  แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย 34 ราย
 
 
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย จำนวน 34 ราย ดังนี้
 
1. นายชนม์ชื่น  บุญญานุสาสน์ รองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดราชบุรี
 
 
2. นายขวัญชัย  วงศ์นิติกร อธิบดี (นักบริหารสูง) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
 
 
3. นายวีระยุทธ  เอี่ยมอำภา ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดี (นักบริหารสูง) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
   
4. นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดระนอง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
 
 
5. นายพีระศักดิ์  หินเมืองเก่า ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดระนอง
 
 
6. นายสุรชัย  ขันอาสา อธิบดี (นักบริหารสูง) กรมการพัฒนาชุมชน ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด    (นักปกครองสูง) จังหวัดลำพูน
 
 
7. นายประภาศ  บุญยินดี ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสมุทรสงคราม ให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดี (นักบริหารสูง) กรมการพัฒนาชุมชน
 
 
8. นายธนน  เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนราธิวาส ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสมุทรสงคราม
 
 
9. นายเชิดศักดิ์  ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสมุทรปราการ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
   
 
10. นางวรรณิดา  บุญประคอง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสมุทรปราการ
   
 
11. นายวิชิต  ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดชลบุรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดจันทบุรี
 
 
12. นายคมสัน  เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดอุดรธานี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดชลบุรี
 
 
13. นายแก่นเพชร  ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดอำนาจเจริญ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดอุดรธานี
 
 
14. นายวิญญู  ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสงขลา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดพัทลุง
 
 
15. นายกฤษฎา  บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดยะลา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสงขลา
 
 
16. นายธานี  สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
   
 
17. นายไมตรี  อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดตรัง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดพะเยา 
 
 
18. นายเสนีย์  จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดน่าน ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดตรัง
   
 
19. นายพงษ์ศักดิ์  วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดพะเยา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดน่าน
   
20. นายวินัย  บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดหนองบัวลำภู ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเพชรบุรี
 
21. นายระพี  ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครราชสีมา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดหนองบัวลำภู
 
22. นายชวน  ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดแพร่ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครราชสีมา
 
23. นายกิตติ  ทรัพย์วิสุทธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
   
24. นายเริงศักดิ์  มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครพนม ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดฉะเชิงเทรา
 
 25. นายณฐพลษ์  วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดกาญจนบุรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
   
26. นายสมชัย  หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเชียงราย ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
   
27. นายธีระ  มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดปัตตานี
 
28. นายวิโรจน์  จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครศรีธรรมราช
 
29. นายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดศรีสะเกษ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดกาฬสินธุ์
 
30. นายสมพงษ์  อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดบึงกาฬ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเลย
 
31. นายพรศักดิ์  เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเลย ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดบึงกาฬ
 
32. นายจรินทร์  จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดชัยภูมิ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสกลนคร
 
33. นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสุรินทร์ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
   
34. นายนิรันดร์  กัลยาณมิตร รองอธิบดี (นักบริหารต้น) กรมการปกครอง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสุรินทร์
   
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
 
 
2.  ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 2
 
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอต่อเวลาการดำรงตำแหน่ง ของนายสมศักย์  ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ต่อไปอีก เป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน  2555 (เกษียณอายุราชการ)
 
3.  คำสั่งแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) และเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
 
 
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 252/2554 เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ดังนี้
 
โดยที่ข้อ 3 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2554 กำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ตามที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งแต่งตั้งต่อไป 
 
นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ(กยอ.) ดังต่อไปนี้
  นายวีรพงษ์  รามางกูร ประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ  วิชัยดิษฐ) รองประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์  ณ ระนอง) รองประธานกรรมการ  กรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพันศักดิ์  วิญญรัตน์ นายกิจจา  ผลภาษี นายประเสริฐ  บุญสัมพันธ์ นายวิษณุ  เครืองาม นายศุภวุฒิ  สายเชื้อ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย  โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ
   ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
 
 คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 253/2554 เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ดังนี้
   
โดยที่ข้อ 4 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2554 กำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)  ตามที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งแต่งตั้งต่อไป 
 
นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ดังต่อไปนี้
   นายสุเมธ  ตันติเวชกุล ที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย ประธานกรรมการ  กรรมการประกอบด้วย นายกิจจา ผลภาษี นายชูเกียรติ  ทรัพย์ไพศาล นายธีระ วงศ์สมุทร นายนิพัทธ  พุกกะณะสุต         นายปราโมทย์  ไม้กลัด นายปลอดประสพ  สุรัสวดี นายปีติพงศ์  พึ่งบุญ ณ อยุธยา นายรอยล จิตรดอน นายรัชทิน  ศยามานนท์ นายศรีสุข  จันทรางศุ นายสนิท อักษรแก้ว นายสมบัติ  อยู่เมือง นายสมิทธ  ธรรมสโรช นายอัชพร  จารุจินดา นายอำพน            กิตติอำพน โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรม  โยธาธิการและผังเมือง นายสุพจน์  โตวิจักษณ์ชัยกุล นายเสรี  ศุภราทิตย์ และนายอานนท์  สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
   ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
   
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 254/2554 เรื่องการแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ดังนี้
 
 โดยที่ข้อ 9 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2554 เรื่อง ให้มีเลขาธิการ กยน. ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของ ส.กยน. และรับผิดชอบในการปฏิบัติของ ส.กยน. โดยขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
   
นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้งให้นายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ปฏิบัติหน้าที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #186 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2554, 00:08:07 »

เปิดใจ"คุณหมอประเสริฐ ทองเจริญ" ชำแหละ 4 นิสัย(เน่า)เสียของคนไทยที่แก้ไม่หาย
วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:19:08 น.
 
 


ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประเสริฐ  ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อดีตที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก(WHO) วันนี้ในวัย 79 ปี ได้ให้แง่คิดที่น่าสนใจในการดำเนินชีวิตผ่าน"มติชนออนไลน์"
 
พร้อมสะท้อน 4 นิสัยเน่าเสียของคนไทยในยุคปัจจุบันที่ทำให้คุณหมอประเสริฐรับไม่ได้ ?
 
 
บทสัมภาษณ์พิเศษนี้ อ่านจบแล้วมีความสุข อมยิ้มไปได้หลายวัน
 
 
 
 
 คุณหมออายุใกล้ 80 ปี ทำอย่างไรถึงมีสุขภาพแข็งแรง และอารมณ์เบิกบานได้ตลอดเวลา
 
ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันต้องได้กิน ได้นอนพอ ถ่ายอุจจาระ ไม่ท้องผูก ไม่ท้องเสีย และได้อออกำลังกาย หลายคนมักพูดว่า ไม่มีเวลา ผมก็ไม่มีเวลา แต่ผมอาศัยเดิน เช่น การเดินจากป้ายรถเมล์มาบ้าน ก็ได้เหงื่อบ้าง เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ต้องเสียเงิน ถ้ามีลูกก็ชวนลูกเดิน ไม่ต้องไปออกกำลังกายหักโหม หรือเดินขึ้นบันได ช่วยทำให้หัวใจได้ออกกำลัง แต่ถ้าหากมีโรคหัวใจ ไม่ควรหักโหมอย่างนั้น ผมเผอิญไปทดสอบหัวใจยังดีอยู่
 
 
 
ถัดไปเรื่องความเครียด พยายามอย่างเครียด อะไรลืมได้ลืม อะไรทิ้งได้ทิ้ง  ความเครียดสำหรับตัวผมเอง มีความเครียดจากการเดินทาง ผมไปทำงานที่ศิริราชทุกวัน ก็แก้ปัญหาด้วยการออกแต่เช้าตี 5.45 น.ออกจากบ้าน จะไม่พบความเครียดในการเดินทาง และเวลากลับบ้านก็กลับเร็วหน่อย เพราะไปแต่เช้า กลับเวลา15.00 น. หรือหาก 15.00 น.เปิดวิทยุฟังบอกรถติด ก็อาจจะกลับช้าหน่วยสัก 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม ค่อยกลับ ลดความเครียดในการเดินทาง
ลดความเครียดในการใช้ชีวิตประจำวัน
 
 
ผมเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวัง ผมกินบำนาญ ผมรายได้ทั้งเดือนมาเฉลี่ยว่า ต่อวันมีรายได้เท่าไหร่ ผมพยายามใช้ให้อยู่ในกรอบอันนั้น เช่น ผมมีวงเงินใช้ 100 บาท ต่อวัน หากวันนี้ผมใช้เกินไป 120 บาท พรุ่งนี้ผมจะใช้เพียง 80 บาท ให้ถั่วเฉลี่ยกันไปให้ได้ อย่าขนาดว่า เคร่งครัดกับตัวเองจนขยับตัวเองไม่ได้ ถ้าเราไม่สุรุ่ยสุร่ายใช้จ่ายมากไปพออยู่ได้ หากเย็นนี้ทำกับข้าวเหลือ พรุ่งนี้ก็ห่อไปทานกลางวันที่ทำงานได้
 
 
เมื่อก่อนแม่ให้ห่อข้าวไปโรงเรียน อายเพื่อน กลัวเพื่อนจะว่า พ่อแม่ไม่มีสตางค์ไปซื้อข้าวกิน อายเขา แต่ทุกวันนี้ผมกลับภูมิใจว่า พ่อแม่หัดเราไว้ ผมไปอยู่เจนีวาก็เอาข้าวกล่องไปกิน ผมมีความรู้ในการปรุงอาหารอยุ่บ้าง ผมไม่มีความเดือดร้อนการกินการอยู่
 
ผมไม่เที่ยวกลางคืนมานานแล้ว นอนสัก 6 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ได้ 6 ชั่วโมงไม่ต้องไปเคร่งเครียด

ถ้ามีเวลาว่างมีงานอดิเรกด้วยการเขียนหนังสือ เขียนทิ้ง ๆ ไปบ้างก็ได้ เปิดคอมพิวเตอร์ดูข้อมูล ดูข่าว ดูอีเมลล์บ้าง ในอินเตอร์เน็ตข่าวทุกอย่างอัพเดท  ทำให้เรามีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน จะไม่เครียด ต้องรู้จักปล่อยว่าง
 
การเสพสื่อในยุคนี้ มีข้อควรพิจารณาอย่างไร
 
ต้องระมัดระวัง เพราะสื่อบางอย่างช่วยให้เครียดมากกว่า คลายเครียด ต้องเลือกสื่อ
 
ความเหมาะสมของการดื่มในช่วงสูงวัย
 

การดื่มถ้าสมมติจะดื่มบ้าง พอให้เจริญอาหาร สดชื่นบ้าง ไม่ควรบังคับ หรือห้าม ยกเว้นถ้าไม่ชอบดื่ม ถ้าอยากจะดื่มก็ให้ดื่มบ้าง มีคนที่ผมรู้จักคนหนึ่งดื่มบรั่นดีวันละ 1 เป็ก และดื่มมา 30 ปีแล้ว อยู่มาวันหนึ่งตรวจพบความดันโลหิตสูง ลูกชายและลูกเขยซึ่งเป็นหมอห้ามไม่ให้ดื่ม แต่ปรากฎว่า ความดันก็ไม่ลดลง
 
วันหนึ่งมาคุยกับผม ผมบอกให้ลูกชายและลูกเขยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และให้ดื่มได้ตามปกติ ปรากฎว่า ผ่านไป 1 สัปดาห์ความดันลดลง การที่ความดันเพิ่มจากความเครียด บังคับจิตใจกันมากความดันเลยไม่ลด พวกที่มีสตางค์ดื่มไวน์ยังไงก็ไม่เมา
 
เทคนิคการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี
 
การห่วงลูกห่วงหลานต้องห่วงพ่อแม่ก่อน ต้องสอนพ่อแม่ให้เลี้ยงลูกอยู่ในกรอบ อย่าปล่อยตามใจ ผมมีลูก 3 คน ผมเลี้ยง และมีการลงโทษ หากบอกว่า อย่าแล้วยังทำจะต้องถูกทำโทษ ผมบอกตะเกียบกายสิทธิ์ ผ่ามือผัดเผ็ดก็มี
แต่การทำโทษต้องมีเหตุผล ถามเขาว่าทราบใช่มั๊ยว่า ทำไมต้องถูกลงโทษ เขาก็บอกอย่างนั้นอย่างนี้ก็รู้ตัว ผมบอกลูกเสมอว่า เลี้ยงลูกต้องมีเหตุผล
 
 
ปัจจุบันเด็ก ๆ คุยโทรศัพท์มือถือนาน เราเตือนบอกคุยโทรศัพท์นานเสียเงินมาก พ่อแม่ต้องทำงานหนัก และการคุยโทรศัพท์นานมีผลกระทบต่อคลื่นสมอง นักวิจัยยังถกเถียงกันเรื่องนี้ว่า มีผลกระทบต่อสมอง และให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว
 
 
คุณหมอทำงานแบบไม่มีวันเกษียณ
 
 

ถ้ายังทำงานไหว แม้จะต้องนั่งรถเข็นไป ก็ยังอยากไปทำอยู่ เพราะผมถือว่า คนเราจะเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อเมื่อเราทำประโยชน์ ถ้าหากเราไม่ได้ทำประโยชน์ ก็เท่ากับเราไม่มีประโยชน์ คนเราจะนึกว่า ตัวเองวิเศษไปคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องทำประโยชน์ต้องเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน อยู่ที่ทำงานเดือนหนึ่ง 1-2 ครั้ง ผมจะทำกับข้าวให้กับผู้ร่วมงานรับประทาน คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน เราจะพยายามปรับให้เข้าหากัน เช่นว่า คนนี้คิดถูกแล้ว แล้วคุณจะว่าอย่างไร คุณคิดใหม่สิ จะได้ไม่ทะเลาะกัน ทุกวันนี้แตกแยกกัน
 
 
ที่ผมเคยเห็น สามี-ภรรยา 2 คู่ ทำงานอยู่ที่เดียวกัน สามีของฝ่ายหนึ่งได้เลื่อน 2 ขั้น ภรรยา 2 คนทะเลาะกัน ทำไมสามีเธอได้ 2 ขั้น สามีเธอเสนอหน้า เลียเจ้านายใช่หรือไม่ แต่ถ้าหากได้กินข้าวด้วยกัน แชร์ความรู้สึกกัน มันจะไม่ทะเลาะกัน
 
ผมมีความสุขในการที่ได้ไปทำงาน เด็ก ๆ ยังยอมรับนับถือเรา อันนั้นอันนี้เป็นอย่างไร อาจารย์คิดว่าอย่างไร ผมบอกผมคิดอย่างนี้ ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ อย่าไปคิดว่า ลื้อคิดผิด อั๊วคิดถูก คนเราทำไมจะคิดผิดไม่ได้ คนเราทำไมจะล้มเหลวไม่ได้ ผมไม่ถือเลย เช่น เด็ก ๆ ตั้งไข่ ต้องหกล้มหลายครั้ง กว่าจะเดินได้ ตอนหกล้มไม่ใช่ความผิดของเด็ก ผมก็พยายามพูดอย่างนี้
 

หลานผม สมัยที่เกิดการชุมนุนเสื้อเหลือง ผมบอกหลานว่า ฟังได้ แต่อย่าเพิ่งปักใจ 100% ว่า คนนั้นผิด คนนี้ถูก คนที่เราคิดว่า ถูกอาจจะผิด คนที่เราคิดว่า ผิดอาจจะถูก เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งปักใจ ดูเหตุแวดล้อมอะไรต่าง ๆ ก่อน หลานก็บอกผมว่า เขาฟังสนธิ(ลิ้มทองกุล) พูดก็น่าฟัง พูดเก่ง แต่ว่า เขาไม่รู้ว่า เขาจะเชื่อได้หมดหรือเปล่า เขาพูดอย่างนี้ ผมพอใจแล้ว ให้เขาแบ่งใจไว้สักนิดว่า อาจจะจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้ เราก็ชมหลานว่า ถูกต้อง ต้องคิดอย่างนี้ เราต้องคิดว่า เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้ฟังมาแต่ต้น เราฟังสิ่งที่เขาเหล่ามา ประโยคเขาอาจจะเล่าไม่หมดก็ได้ เขาอาจจะเล่าไม่จบก็ได้ เขาอาจจะทิ้งไว้ให้เราคิดต่อ แล้วเราก็คิดต่อ ไปในทางที่ผิดเอง เราต้องค่อย ๆ สอนเขาอย่างนี้ เขาก็เดินต่อไปได้
 
 
คนไทยเชื่ออะไรง่ายๆ จริงไม่จริงก็ไม่รู้ แต่เชื่อไปแล้ว
 
 
ผมมีความรู้สึกไม่ดีกับคนไทย 4   เรื่อง 1) คนไทยเชื่อง่าย เชื่อข่าวลือ ไม่สอบสวนว่า ต้นตอมาอย่างไร เช่น ถ้ามีคนไปลือว่า คุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) เป็นผู้ขายแปลงเพศมา อาจจะมีคนเชื่อ และบอกว่า ปกติ ตระกูลนี้ต้องคางเหลี่ยม  จะสวยได้อย่างไร  คนไทยเชื่อข่าวลือมาก  เชื่อง่าย เชื่อข่าวลือ ของจริงมีคนชี้แจงจะไม่ฟัง ข่าวร้ายมาที่ 1 ข่าวลือมาที่ 2
 
 
สิ่งที่ผมไม่ชอบมากขณะนี้คือ อยากได้ของฟรี  คนขายหวยถึงรวย  กล้วยออกปลีกลางต้น ก็ไปขูดเลข ไหว้ ต้นไทรมีอะไรออกมาผิดปกติ ก็ไปไหว้แล้ว เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยอยู่เฉย ๆ แล้วรวย ผมว่า ไม่มี ตอนนี้ผมนั่งดูอีเมลล์และเก็บพวก Spam ทุกวัน ผมกำลังเก็บไว้ พวกต้มตุ๋นทั้งหลาย
 
 
เช่น ท่านถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 10 ล้านดอลลาร์ ผมก็ถามตัวเองว่า ผมไปทำอะไรถึงถูกหวย  Yahoo โปรโมชั่น ผมก็ไม่เคยใช้ Yahoo เขาจะให้โปรโมชั่นผมได้อย่างไร  บางทีมีเรื่องธนาคารในอัฟริกาจะโอนเงินมาให้  ผมจะนำมาวิเคราะห์ และพิมพ์แจกว่า ผมไม่เชื่อเพราะอะไร ตอนนี้มีเมียคนที่ 2 ของกัดดาฟี จะเอาเงินออกจากประเทศอย่างไร ช่วยรับไว้หน่อยได้หรือไม่  ภรรยาคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจก็มี เป็นลูกสาวคุณวัฒนา อัศวเหมก็มี ผมจะวิเคราะห์ให้ฟัง ว่าคนพวกนี้เขาไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอก เขาจะลงทุนโยกย้ายอะไรเขามีวิธีทำ ถ้าเขาเชื่อให้ผมทำ แสดงว่า เขาอยากจะเจ็งเร็ว ๆ  ผมจะมีปัญญาไปทำอะไร  ประโยคชอบขึ้นว่า Can I trust you  ถ้ามึงเชื่อกูก็โง่เต็มที่
 
 
เรื่องไม่ดีของคนไทยเรื่องที่สามคือ วิสัยทัศน์มองใกล้ ไม่ค่อยมองไกล ผมไม่ได้ว่า ทุกคน คนส่วนหนึ่งชอบชักจูงคนส่วนใหญ่ให้เชื่อตาม คือ คนมองใกล้ไม่มองไกล
 

เรื่องไม่ดีเรื่องที่สี่ของคนไทยคือ คนไทยนับถือคนรวย เห็นว่า คนรวยเป็นคนดี แม้แต่พระในวัดดังองค์หนึ่ง ที่ผมทราบเรื่องนี้  เพราะพ่อเพื่อนผมเป็นคนนำมาบวช  จนได้เป็นพระดังอยู่ในเขตกรุงเทพฯ มีโยมอุปัฏฐากไปเรื่อย จนกระทั่งตอนหลังคุณพ่อพระไม่ไป เวลาคนจะมาหา ให้ลูกศิษย์ไปดูว่า คนที่จะมาพบนั่งรถอะไรมา เสียพระไปแล้ว  คนเขาจะเดินมา หรือพายเรือมาก็เป็นเรื่องของเขา มันจะมาหาที่พึ่งทางใจก็ให้เขาพบสิ นี่ขนาดเป็นพระ แล้วคนธรรมดา
 
 
 ผมเคยด่าพระในใจครั้งหนึ่ง ทนไม่ไหว สมัยที่ใครต่อใครไปรุมที่วัดพระธรรมกาย มีพระผู้ใหญ่องค์หนึ่งที่อยู่วัดนี้ ได้รับรถเบนซ์จากวัดพระธรรมกาย ก็มีหนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์ว่า จริงหรือไม่ว่า วัดดังกล่าวเอารถมาถวายท่าน  พระองค์นั้นตอบว่า ผิดด้วยหรือที่อาตมาจะนั่งรถเบนซ์
 
ผมดูทีวีแล้ว หลุดปากออกมาทันที่ว่า ผิดตั้งแต่แม่เอ็งคลอดเอ็งออกมา ทำไมไม่ให้สำลักน้ำคร่ำตาย ไม่ใช่ผิดวันนี้ มันผิดตั้งแต่ตอนเกิดแล้ว เป็นพระผู้ใหญ่พูดอย่างนั้นได้อย่างไร ควรจะพูดว่า ได้รับกิจนิมนต์ต้องเดินทางบ่อย ปลอดภัยดี ผมก็ไม่ว่าอะไร  แต่กลับตอบว่า ผิดด้วยหรือ ที่อาตมานั่งรถเบนซ์ ผมรับไม่ได้ คือ มันแสดงให้เห็นว่า คนรวยคือ คนดี บางคนอาจจะรวยขึ้นมาด้วยการค้าของผิดกฎหมาย ฟอกเงิน
 
 
ตลอด 79 ปีปรัชญาชีวิตที่ตกผลึกแล้วคืออะไร
 
ช่วยตัวเองให้ได้ แล้วเราจะมีแรงช่วยคนอื่น  การที่จะช่วยให้ตัวเองอยู่รอดได้ เป็นเรื่องของความมัธยัสถ์ สมถะ เรื่องของความเอาใจใส่ ดูแลตัวเอง ให้เรารอดปลอดภัยได้ ถ้าเรามีความรู้ เราสามารถที่จะช่วยคนอื่นได้ อันนี้ถือสิ่งที่ผมทำ เมื่อผมแต่งงาน ยังไม่มีเงิน เวลาผมทำอะไร ผมต้องบอกภรรยาก่อนว่า อย่าหวังได้เงิน ได้กล่องก็ยังดี เมื่อก่อนผมทำคลินิกที่บ้าน เพื่อนบ้านผมไม่เคยเก็บสตางค์ อย่างน้อยช่วยดูแลบ้านกัน หรือเราเลี้ยงสุนัขอาจไปทำเสียงดังให้รำคาญ เขาก็เกรงใจไม่ว่า เรา บ้านผมมีอาหารอะไรก็ทำแบ่งกันกินให้เพื่อนบ้าน
 
นี่คือ ปรัชญาและความคิดที่ตกผลึกแล้วของคุณหมอประเสริฐ
 
ผู้ใดจะเอาแนวคิดดี ๆ ไปใช้ คุณหมอไม่สงวนลิขสิทธิ์
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #187 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2554, 00:38:37 »

ขอบพระคุณทุกฝ่ายค่ะ
วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 20:00:00 น.
โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์


 
วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้ผมได้เห็นสถานะทางการเมืองของนายกฯยิ่งลักษณ์มากขึ้น ที่จริงถึงน้ำไม่ท่วมก็พอมองเห็นได้ แต่บังเอิญผม ไม่ได้มองจนกระทั่งท่านนายกฯต้องมีบทบาทชัดเจนขึ้น

สำนักโพลแห่งหนึ่งรายงานว่า จากการสำรวจความเห็นเกี่ยวกับนักการเมือง ในบรรดาคุณสมบัติต่างๆ ของท่านนายกฯ คะแนนต่ำสุดที่ได้ คือการตัดสินใจและความเด็ดขาด กล่าวคือ มีน้อยเกินไป แล้วก็มีนักธุรกิจที่เคยสัมผัสกับคุณยิ่งลักษณ์สมัยทำธุรกิจออกมาให้สัมภาษณ์ว่า วิธีการดำเนินธุรกิจของคุณยิ่งลักษณ์คือการประนีประนอมมากกว่าการเผชิญหน้า

ในเรื่องบุคลิกภาพนั้น ผมขอไม่พูดถึง เพราะไม่ได้รู้จักคุณยิ่งลักษณ์เป็นส่วนตัว แต่ขอพูดถึงเงื่อนไขทางการเมืองที่แวดล้อม ซึ่งมีส่วนกำหนด "ยุทธวิธี" ไม่น้อยไปกว่าบุคลิกภาพ

อันที่จริงผู้นำไทยที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีเดียวกัน จะยกเว้นก็แต่ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทักษิณ ชินวัตร ซึ่งสร้างความประทับใจให้คนชั้นกลางไทย - ทั้งระดับบนและล่าง - เป็นอันมาก

ทั้งสองคนต่างมีเงื่อนไขทางการเมืองที่อนุญาตให้เลือกใช้การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเป็น "ยุทธวิธี" ทั้งคู่

คนแรกคือผู้นำกองทัพที่ใช้กำลังยึดอำนาจบ้านเมือง แล้วไม่คิดจะกลับคืนสู่ระบอบที่มีการถ่วงดุลอำนาจจากหลายฝ่ายอีก "ยุทธวิธี" ที่น่าจะได้ผลที่สุดคือ สร้างความกลัวให้แผ่ขยายไปทั่วสังคม (กลัวเผ่าศรียานนท์, กลัวคอมมิวนิสต์, กลัวจีน, กลัวเวียดนาม, กลัวความด้อยพัฒนา, กลัว ม.17 และที่สำคัญที่สุดคือกลัวสฤษดิ์) นอกจากนี้ในสมัยที่สฤษดิ์เป็นนายกฯ ก็ไม่มีอำนาจทางวัฒนธรรมอื่นใดที่จะถ่วงดุลอำนาจกองทัพได้ ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือวังหรือ(หมู่)บ้าน

คนที่สองยิ่งน่าสนใจกว่า เพราะเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง แต่มีเงื่อนไขพิเศษที่ไม่เคยเกิดในการเมืองไทยในระบอบรัฐสภามาก่อน นั่นคือได้คะแนนเสียงท่วมท้นจากการเลือกตั้งเสียจนมีเสถียรภาพทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งไทยเคยมีมาก่อน คุณทักษิณใช้วิธีคล้ายกับสฤษดิ์ นั่นคือความกลัว เพียงแต่ไม่ได้ใช้อำนาจดิบเป็นเครื่องมือ หากใช้อำนาจในระบบแทน (การวางโฆษณาในสื่อ, ปปง., และกฎหมาย ที่ผ่านสภาฉลุย แต่ค่อนข้างให้อำนาจนายกฯอย่างตรวจสอบไม่ได้ ฯลฯ)

ส่วนใหญ่ของผู้นำไทยก็ใช้การประนีประนอมเป็น "ยุทธวิธี" ทั้งนั้น ไม่แต่ในสมัยปัจจุบันนี้เท่านั้น ย้อนกลับไปในสมัยโบราณก็เช่นเดียวกัน ฝรั่งที่เข้ามาอยู่อยุธยารายงานว่า การรัฐประหารชิงอำนาจในอยุธยานั้นไม่ค่อยนองเลือด พอฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตั้งตนเป็นกษัตริย์ได้ ฝ่ายอื่นก็พร้อมจะก้มกราบขอสวามิภักดิ์ (The King was done for. Long live the King) ผู้นำตามประเพณีในหมู่บ้านไทยสมัยก่อนก็เช่นเดียวกัน การประนีประนอมคือพื้นฐานสำคัญสุดของการนำในวัฒนธรรมไทย(เดิม)

ทั้งนี้ เพราะเงื่อนไขทางการเมืองของการนำในสังคมไทย มักไม่ตกอยู่ในมือใครคนหนึ่งคนเดียว แต่จะตกอยู่กับหลายกลุ่มที่ประสานกันเป็นเครือข่ายซึ่งสัมพันธ์กันอย่างสลับซับซ้อนมาก ผมคิดว่าเงื่อนไขเช่นนั้นยังดำรงสืบมาถึงปัจจุบันในทุกระดับ นานๆ ครั้งเงื่อนไขดังกล่าวจึงอ่อนกำลังลงเสียที

ฉะนั้น ผู้นำที่ตัดสินใจได้เองอย่างเด็ดขาดเสียอีก ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมในวัฒนธรรมไทย



กลับมาดูว่าเงื่อนไขแวดล้อมทางการเมืองภายในของคุณยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร ผมมีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวลือซึ่งไม่รู้ว่ามีมูลความจริงอยู่สักเท่าไร แต่โดยรวมๆ แล้วผมขอเดาว่า ฐานการสนับสนุนทางการเมืองของคุณยิ่งลักษณ์ประกอบด้วยกลุ่มต่างๆ ดังนี้ โดยวิเคราะห์จาก ครม.ของคุณ ยิ่งลักษณ์

กลุ่มแรกคือ "สายทักษิณ-และเครือญาติ" คนกลุ่มนี้ขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะได้รับความไว้วางใจ (ไว้วางใจให้ทำอะไรก็ไม่ทราบ) และบางคนอาจเป็นการตอบแทนต่อการกระทำที่ผ่านมา ผมออกจะสงสัยว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีพลังทางการเมืองสูงนัก เพราะคนที่มีพลังทางการเมืองในสายนี้ถูกเว้นวรรคทางการเมืองไปเสียมาก ดังนั้น จึงไม่มีเสียงสนับสนุนในสภาเป็นของตัวเองอย่างมั่นคง ในขณะเดียวกันก็ไม่มีเสียงสนับสนุนนอกสภาเป็นปึกแผ่น

กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ "อำมาตย์" (ใช้ในที่นี้ ในความหมายถึง The Establishment) พอรับได้ แบ่งออกเป็นสายธุรกิจและสายทหาร แต่ "พอรับได้" ไม่ได้หมายถึงชอบ จนถึงนาทีนี้ผมเดาว่าคนกลุ่มนี้ยังไม่สามารถแปรความ "พอรับได้" ให้กลายเป็นความนิยมในหมู่ "อำมาตย์" ด้วย เหตุดังนั้นคุณยิ่งลักษณ์จึงต้องระดมคนนอกเข้ามาเป็นประธานกรรมการชุดต่างๆ ในแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วม ดังนั้น กลุ่มที่สองจึงคล้ายกับกลุ่มแรกที่ไม่มีพลังทางการเมืองสนับสนุนนอกสภาสูงนัก

กลุ่มที่สามเป็นความพยายามที่จะหยั่งรากลงไปหาการยอมรับหรือความนิยมจากระบบราชการ จึงมีอดีตหัวหน้าหน่วยงานราชการ ร่วมอยู่ใน ครม. เช่น คุณโกวิท วัฒนะ, คุณประชา พรหมนอก เป็นต้น แต่ให้น่าสงสัยว่าคนเหล่านี้จะสามารถเรียกความยอมรับหรือนิยมของราชการได้มากน้อยเพียงไร คุณประชาเองอาจมีพลังทางการเมืองของตนเอง แต่ก็ยังไม่ยิ่งใหญ่ถึงกับจะเป็นหัวหน้ามุ้งทางการเมืองได้ด้วยตนเอง

อันที่จริง มีอดีตนายทหารซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสูงในกองทัพที่น่าจะมีลูกน้องสนับสนุนมากอีกหลายคน ที่น่าจะเลือกมาเป็นรัฐมนตรี แต่ในที่สุดคนเหล่านั้นก็ไม่ได้รับเลือก เพราะเป็นทหารคนละกลุ่มกับผู้นำทหารในปัจจุบัน จึงมีแรงเสียดทานสูงกว่า

แสดงให้เห็นว่า คุณยิ่งลักษณ์เลือกแนวประนีประนอมเป็นหลักอยู่มาก

กลุ่มที่สี่คือกลุ่มที่มาจากพรรค พท.เอง แต่ พท.แตกต่างจาก ทรท.อย่างมาก เพราะไม่มีหัวหน้ามุ้งขนาดใหญ่ไว้คุมลูกพรรค รัฐมนตรีในกลุ่มนี้จึงมาจากหัวหน้าพรรค, รองหัวหน้าพรรค, ประธาน ส.ส.พรรค, และประธานวิปของ พท. อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็ประคองพรรคให้อยู่รอดมาได้ คงพอมีบารมีจะคุม ส.ส.ได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อย ส.ส.ก็ได้ดำรงตำแหน่งประธานและสมาชิกของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภา อีกทั้งยี่ห้อของพรรค พท.มีนัยยะสำคัญในการเลือกตั้งด้วย อำนาจของกรรมการบริหารพรรคจึงพอมีน้ำยาอยู่บ้าง

กลุ่มที่ห้าคือคนของบ้านเลขที่ 111 ผมไม่ทราบหรอกครับว่า รัฐมนตรีคนใดเป็นคนของบ้านเลขที่นี้ แต่โฆษกรัฐบาลนั้นใช่แน่ เพราะพี่ชายของเธอเป็นหลักคิดของพรรคสืบเนื่องมา ซ้ำยังมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคนบ้านเลขที่ 111 มีอิทธิพลในพรรคไม่น่าจะมากนัก ส่วนหนึ่งไม่สามารถนำคนของตัวเข้าสภาได้เป็นกอบเป็นกำ อีกส่วนหนึ่งอาจไม่ได้ควักเงินร่วมในการเลือกตั้งเลย

แต่ความมีประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารสูง ตลอดจนบางคนได้รับความนิยมสูงด้วย ก็อาจกลับมามีบทบาทในฐานะรัฐมนตรีได้อีกหลังเดือน พ.ค.ปีหน้า



มีข่าวลือในช่วงน้ำท่วมว่า คนบ้านเลขที่ 111 เสนอให้เปลี่ยนตัวนายกฯ เป็น คุณประชา พรหมนอก ผมไม่ทราบว่าข่าวนี้จริงหรือไม่ แต่เมื่อถูกนักข่าวถาม ท่านนายกฯก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่จริง ที่น่าสนใจคือทำไมต้องเป็นคุณประชา ซึ่งแทบไม่มีบทบาทอะไรเลย แม้แต่ดำรงตำแหน่งประธานศปภ.ก็เป็นแต่ชื่อ เพราะท่านนายกฯลงไปกำกับเองทุกอย่าง ผู้เสนอคงต้องการกำกับการเมือง โดยเฉพาะหลังเดือน พ.ค.ปีหน้ามากขึ้น จึงเลือกคุณประชาเป็นนายกฯ นอกจากนี้ ข้อเสนอนี้ย่อมไม่ตรงกับความต้องการของคุณทักษิณ แสดงว่าในกลุ่ม 111 นี้บางคนได้แตกจากคุณทักษิณไปแล้ว ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะบางคนในกลุ่มนี้ก็ได้เห็นมาก่อนรัฐประหารแล้วว่า คุณทักษิณนั้นหนักเกินไปทางการเมืองที่จะแบกไว้

กลุ่มที่หกคือกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งแม้ไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะแรงเสียดทานสูงเกินไป (ผมสงสัยว่าไม่ใช่แรงเสียดทานจากนอกพรรคเพียงอย่างเดียว แม้แต่ในพรรคเองก็อาจมีแรงเสียดทานอยู่ด้วย) แต่ก็ได้ตำแหน่งอื่นๆ อยู่บ้าง เสื้อแดงนั้นเป็นพลังทางการเมืองแน่ แต่แกนนำเสื้อแดงมีอิทธิพลต่อเสื้อแดงแค่ไหนยังน่าสงสัยอยู่

บทบาทของเสื้อแดงในการช่วยผู้ประสบภัยครั้งนี้มีมาก แต่ก็จัดการกันในระดับท้องถิ่น ไม่ใช่การนำจากแกนนำส่วนกลาง ปราศจากการเผชิญหน้ากับ "อำมาตย์" แกนนำส่วนกลางจะยังมีบทบาทอะไรเหลืออยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม แม้ปราศจากการนำโดยชัดเจน เสื้อแดงก็ยังสนับสนุนรัฐบาลนี้อย่างเหนียวแน่นจนถึงนาทีนี้

เป็นอำนาจที่ใช้คุม ส.ส.ได้ และหากใช้เป็นยังเป็นอำนาจในการต่อรองทางการเมืองได้อีกหลายอย่าง เช่นจะแก้ พ.ร.บ.กลาโหม โดยปราศจากพลังสนับสนุนของเสื้อแดงย่อมเป็นไปไม่ได้ และจนถึงที่สุด ยังเป็นพลังคุ้มครองให้รัฐบาลนี้อยู่รอดจากภัยคุกคามของอำนาจนอกระบบต่างๆ ด้วย

น่าสังเกตนะครับว่า แม้รัฐบาลนี้มีเสียงสนับสนุนในสภาอย่างเด็ดขาด แต่ฐานการสนับสนุนจริงๆ ของรัฐบาลไม่ได้มาจากสภา หากมาจากภายนอกทั้งนั้น ไม่ว่าการยอมรับได้ของ "อำมาตย์" หรือเสื้อแดง หรือคุณทักษิณ หรือ บ้านเลขที่ 111

ผมไม่ทราบว่าในกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนรัฐบาลนี้มีความแตกร้าวกันภายในมากน้อยเพียงไร แต่อย่างน้อยทุกกลุ่มก็เห็นพ้องกันว่า ควรประคองรัฐบาลนี้ไปก่อน เพราะพลังต่างๆ ในสังคมการเมืองไทยเวลานี้ ล็อกกันจนไม่มีฝ่ายใดสามารถนำความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ โดยไม่เกิดการปะทะกันจนนองเลือด

ในสภาพเงื่อนไขทางการเมืองเช่นนี้ การนำที่เป็นไปได้ก็น่าจะเป็นอย่างคุณยิ่งลักษณ์นี่แหละครับ ไม่มีอะไรนะคะ เราจะฟันฝ่าวิกฤตทุกชนิดออกไปได้ด้วยแรงสนับสนุนของประชาชนฝ่ายเสื้อแดง ฝ่ายเสื้อเหลืองฝ่ายสลิ่ม และฝ่ายอำมาตย์ ขอบพระคุณค่ะ (แล้วไหว้ทีหนึ่ง)
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #188 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2554, 00:44:52 »

ตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อบริหารจัดการน้ำ
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:41:00 น.
 
วันที่15พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวงตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอจัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการนี้ ทำให้ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 เพื่อยกฐานะสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ขึ้นเป็นกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ทั้งนี้ เนื่องจากการบริการฝนหลวงเป็นการบริการสาธารณะและมีภารกิจมากมาย รวมถึงการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนแม่บทเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ และการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการของประเทศ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #189 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2554, 07:15:28 »

ขอบคุณ ครับ น้องภธู ที่มาให้อ่าน
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #190 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2554, 23:24:32 »

โจรปล้นบ้านปลัดคม.รับกวาด200ล.
17 พฤศจิกายน 2554 เวลา 18:05 น. 
 
นครบาลตามรวบโจรปล้นบ้านสุพจน์ได้แล้ว2ราย สารภาพกวาดเงินสดใส่ถุงในตู้เสื้อผ้าไปกว่า 200 ล้านบาท

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. ได้แถลงผลการจับกุมแก๊งคนร้ายที่ร่วมปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม (คม.) ประกอบด้วย นายสิงห์ทอง หรือ ไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี และ นายเสาร์แก้ว หรือ แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี พร้อมของกลางเงินสด 2,822,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องช็อตไฟฟ้า 3 อัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุม นายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน และจับกุม นายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า รถกระบะวีโก้ 4 ประตูที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ขับออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าไปยังถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา และต่อมาได้มีประชาชนได้แจ้งเบาะแส ว่า พบบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมการใช้เงินเปลี่ยนไป โดยร่ำรวยผิดปกติ เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเป็น นายสิงห์ทอง จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน ซึ่งพบพิรุธหลายอย่าง และไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้

"ผู้ต้องหาได้สารภาพว่า ได้ร่วมกับพรรคพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง โดยมี นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นามวงศ์ นายสมบูรณ์ หรือ บูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี และ นายคำนวณ หรือ นวน เมฆน้อย ร่วมด้วย" พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าว

ทั้งนี้แก๊งปล้นดังกล่าวได้ร่วมวางแผนมาหลายเดือนแล้ว มีการวนมาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายรอบ แต่ยังไม่กล้าลงมือ จนกระทั่ง นายวีระศักดิ์ ได้ติดต่อมาว่าเตรียมอุปกรณ์ในการลงมือครบถ้วนแล้ว โดยมีการใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องสัญญาณกล้องวงจรปิด เครื่องตัดสัญญาณประตูเลื่อนหน้าบ้าน

นายสิงห์ทอง ได้สารภาพว่า ได้วางแผนนานประมาณ 1 ปี แล้ว โดยมี นายวีระศักดิ์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก โดยวันเกิดเหตุได้ใช้อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์และเข้าไปในบ้านทั้ง 5 คน ส่วน นายคำนวณ คอยดูต้นทางอยู่ข้างนอก เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้บุกเข้าไปขโมยเงินสดที่ใส่อยู่ในถุง และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน ซึ่งพบว่ามีเงินสดจำนวนหลายถุง ส่วนเงินภายในตู้เซฟไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว

"เบื้องต้นเงินที่ได้มามีทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดย นายวีระศักดิ์ ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือ นายวีระศักดิ์ เป็นผู้เก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50%แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30%เป็นของ นายวีระศักดิ์ อีก 20%แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท” นายสิงห์ทอง กล่าว

สำหรับผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 4 ราย นั้นเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายวีระศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่จังหวัดนครพนม นายคำนวณ หลบหนีอยู่ที่ชายแดนประเทศลาว ส่วน นายสมบูรณ์ และ นายพงษ์ศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่ จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #191 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2554, 00:20:52 »

Joint Press Availability With Thai Prime Minister Yingluck Shinawatra

Remarks
Hillary Rodham Clinton
Secretary of State
Government House
Bangkok, Thailand
November 16, 2011

 MS. CHAISAENG: Good evening ladies and gentlemen, viewers at home, and members of the media. I am Thitima Chaisaeng, government spokesperson. We will now have a joint press conference with Prime Minister Yingluck Shinawatra and Secretary of State of the United States Mrs. Hillary Clinton. Secretary Clinton is on a visit to Thailand during 16 to 17 November, 2011. So firstly, may I invite Your Excellency, the Prime Minister, to deliver a statement to the press, which will be followed by Secretary Clinton’s statement.
PRIME MINISTER YINGLUCK: Madam Secretary, Excellencies, distinguished members of the media, ladies and gentlemen, let me begin by welcome Secretary Clinton to Thailand once again. This is always a pleasure for us here in Thailand to welcome our friends from the United States. As like my country with many share value and belief, Thailand and the United States are allies and strategic partner that have long enjoyed close tie for friendship and cooperations.

This is why I regret very much not being able to attend the APEC Economic Leaders’ Meeting in Hawaii earlier this week. Secretary Clinton graciously expressed strong support for my decision to stay at home during the time of need. And we both look forward to my meeting with President Obama during East Asia Summit, and the ASEAN-U.S. Leaders’ Meeting in Bali in a few days’ time. As a full-fledged democracy once again, after the July general election and with the (inaudible) mandate of the people, my government and I look forward to working even closely – closer with the United States to promote our bilateral ties as well as to address regional and international issue of common interest and concern.

First and foremost, though, I wish to place on record our thanks and appreciation to President Obama as well as the government and people of the United States for the assistance extended to us to support of our flood relief effort. The assistance, be it financial, technical, or (inaudible) was not only generous, but timely. Given the increased (inaudible) of severity of national disaster in the regions and elsewhere, the need for closer cooperations on disaster management cannot be overemphasized. In this connection, Thailand has been in discussion with the United States about possibility of using the U-Tapao Airport for humanitarian assistance and disaster relief, (inaudible) propose, especially on rapid deployment in case of disaster in the regions. (Inaudible) standard operations – operating procedure, and enhancing skill and readiness for (inaudible) capabilities.

We in Thailand stand ready to work in the partnership with the United States on this very important issue, the damaging effect of natural disaster on crop. Cultivation and food production is also an issue of the greatest concern, one that is directly related to food security. This is an issue that we will have to address as well as in order to ensure the well-being of our peoples. I also reaffirmed that this government attach high priorities to promoting political reconciliation and social cohesion. This is being done through our strong support for ongoing work for the Truth and Reconciliation Commission and providing fair and equitable remedy to all those affected, reconciliation and stabilities, good governance, enhanced (inaudible), universally acceptable rule of law. I believe we are regaining the confidence and trust of Thai people and the world.

With the APEC meeting just conclude, I also wish to take opportunities to congratulate the United States for the successful chairmanship of APEC during this (inaudible) significant progress was made toward its mission to regional, economic (inaudible) and to the (inaudible) goal for free and open trade and investment.

Lastly, I want to say how much we welcome the United States continued engagement with Asia, and Southeast Asia in particular. I, therefore, look forward to my bilateral meeting with President Obama on Saturday. Given the base and depth of our partnership, as far as our similar outlook on many of the challenge and opportunities now before us, there is much Thailand and the United States can do together. Thank you.

SECRETARY CLINTON: Well, good evening, everyone, and thank you very much, Prime Minister, for welcoming me so warmly back to Bangkok. It is a pleasure to be here to renew the ties that have bound the United States and Thailand together for so many years. Our nations are connected through not only security cooperation and business ties, but the democratic values we share and the bonds of family and friendship that link our people.

During this past century, we have stood by each other in times of challenge, and we are proud to stand with you now in this time of challenge as you contend with the worst floods of your nation’s history. Tomorrow, I will visit one of the largest flood evacuation facilities and talk with flood victims. And in the days and weeks ahead, the United States will continue to identify ways we can provide both military and civilian assistance to help save and restore lives, to support Thailand’s long-term recovery and rebuilding.

We have worked closely and continuously with the Thai Government from the start of these floods. Early on, we responded to requests for assistance by providing emergency support, including water pumps, boats, generators, survival kits. And as the needs grew, we intensified our efforts. Assessment teams are on the ground now to prepare for U.S. contributions to help Thailand restore vital infrastructure and services and address public health needs. We are providing direct medical services and improving hospital readiness.

One of our ships, the USS Lassen, is now in port with crew and helicopters to assist in the recovery efforts. One of our major areas of focus will be to help the Thai Government reopen the Don Muang Airport, Thailand’s second-largest airport, to resume commerce and tourism, and also help reconnect people with their families. We will also help the Thai police return to full strength by assisting them in reopening police stations when it is possible to do so. And we are identifying sites that hold historical significance to the Thai people to help protect and restore monuments of Thailand’s proud and ancient culture.

I want to emphasize that although, of course, we are all focused on the immediate needs, the United States will be with you for the long run. We are working to help Thailand improve its capacity to prevent, prepare for, and respond to disasters like these floods. And we will support Thailand’s economic recovery as a trade investment and development partner. I recognize that these floods pose an early and serious challenge to the new Thai Government and to the hard-won peace that the Thai people achieved after the political violence that you have endured in recent years.

The United States stands firmly behind the civilian government of Thailand and the work it is doing to consolidate strong democratic institutions, ensure good governance, guarantee the rule of law, and protect human rights and fundamental freedoms. We encourage the government to move forward with a political reconciliation process, which is critical to Thailand’s long-term stability and security. As it does so, it can also count on support from the United States.

We had an opportunity to discuss not only bilateral and regional issues, but global ones – how to deepen commercial ties and expand trade, how to strengthen security cooperation on issues ranging from proliferation to maritime security, which will be discussed at the East Asia Summit. I’m very pleased that the prime minister will be attending the East Asia Summit and the U.S.-ASEAN Leaders’ Meeting. I fully supported, as did President Obama, her decision not to travel to Hawaii for the APEC meeting because of the press of business here at home.

But Thailand is a leader, and having the prime minister present for the East Asia Summit and the U.S.-ASEAN Leaders’ Meeting is very important. For more than 170 years, our alliance has helped keep our nation and our region secure, and that has, in turn, permitted us all to become more prosperous and freer. There is such a long history of cooperation between us, and that will continue far into the future. The United States – not only our government, but our people – are committed to the people of Thailand and to the government. We are proud and grateful for this alliance. It has delivered results, and now we have to ensure that it continues to deliver results for both of our people for decades to come.

Thank you, Prime Minister.

MS. CHAISAENG: Thank you. May I invite members of the press to ask two questions? Today, I was contacted by two members of the press. One will be from AFP. The other one will be from the Bangkok Post.

Please, identify your name. AFP. Yes, please.

QUESTION: Thank you, Madam Secretary. Thank you, Madam Prime Minister. I wanted to follow up a little bit on what you’re talking about the political reconciliation. You mentioned that with the floods, Madam Secretary, with the floods that it was important to have reconciliation. For both of you, do you feel that all sides in Thailand are on the same side right now at this time of floods? Are people working together? What are the signs you see on that?

And if I can kind of follow up to the prime minister, there have been reports that your cabinet is working on an amnesty that could potentially affect former Prime Minister Thaksin. I wanted to see if you could comment on that, say whether that is true, and if so, why?

SECRETARY CLINTON: Well, I will start by reiterating that we have encouraged the Thai Government to continue to move forward with the political reconciliation process, to address the violence that surrounded the political unrest of recent years, particularly through the Truth and Reconciliation Commission for Thailand. This encouragement from us comes from our shared commitment with Thailand to democratic values and institutions that underpins both of our nations and our alliance.

And we are encouraged by the many steps that the government continues to take to consolidate strong, democratic institutions, to ensure good governance, to guarantee the rule of law, and to protect the rights and freedoms of its citizens. The free and fair elections that were held in Thailand in August demonstrated Thailand’s commitment to the democratic process. It is certainly up to the government and people of Thailand to determine exactly how to proceed, but we are encouraging it and quite heartened at the steps we have seen taken.

PRIME MINISTER YINGLUCK: (Inaudible) to go back to your questions, your question is – sorry that I missed this cabinet meeting because by coincident of the trip that – to go back, was on Monday night. And in this detail, I think I’ll – the deputy prime minister will handle this. But normally in the process, that will be the common process, and everything we have to make sure that it’s (inaudible) law and then will be applied for everyone. Thank you.

MS. CHAISAENG: Yes. The second question, please.

QUESTION: Madam Secretary of State, (inaudible) from Bangkok Post. Could you elaborate the additional $10 million that you announced today? How would this – will it be expedited? And also the Don Muang project, how could that be – the drain and repair thing? Thank you.

SECRETARY CLINTON: Thank you very much. Let me begin, again, by offering, on behalf of President Obama and our government and all of the American people, my sincere condolences to those who have lost so much during this terrible flooding. We’ve had our own experience with natural disasters, including terrible flooding. And I personally think that as terrible as natural disasters of all kinds are, flooding is probably the worst. It’s hardest to control, it’s hardest to end, it’s hardest to begin the recovery process because it is just such a long-term process for, first, the waters to rise and then to recede. And so we have great sympathy for what the people of Thailand are going through.


Since the beginning of the flooding, we have been in close consultation, working with the Thai Government, both the civilian authorities and the military authorities, to assess needs and assist flood victims. And we have provided funding, as you may know, to the Thai Red Cross and the International Organization for Migration to quickly procure and distribute relief supplies. One thing we have learned is that it is not for the United States to determine what you need. You tell us what you need, and then we try to respond.

So we are working to open the Don Muang Airport, because that’s a high priority of the Thai Government. It will provide not only an additional staging area, but also hopefully get tourism moving so that people will come to beautiful Thailand, as they historically have done for this upcoming season. We also were told that working with public health was important and providing technical management assistance to the flood management system, as well as immediate flood relief in the form of pumps and boats and generators. All of that is in process, and one of the reasons why our government sent the USS Lassen to the harbor, where it arrived today, is because of its helicopter capacity to work with the Thai military and disaster officials to be able to quickly respond.

Now I know that anytime there is a disaster like this, people are in a state of shock and great despair, because oftentimes they see everything they’ve worked for either washed away or flooded. And we have great sympathy for that, but we commend Thailand’s resilience in the face of this historic disaster. We have a lot of confidence in the government and people of Thailand, that not only in this rescue period but in the periods to come, the restoration and recovery period and the rebuilding period, that you will come back even stronger. Thailand’s progress has been remarkable to all of us who have watched over the last 20 years, and we expect even more from Thailand in the future.

We’ve also been working with our U.S. companies to assist in flood relief efforts and to ensure their continued investment in Thailand. And I’m very proud that Coca-Cola is teaming up with Habitat for Humanity on reconstruction projects, and Chevron has donated $2 million toward relief and recovery. So it’s not only our government what we are doing; it’s also our private sector. And the prime minister and I discussed other ways going forward that we will work together.

So we know this is challenging work, but it is work that we are committed to doing. Thank you.

MS. CHAISAENG: Thank you. (In Thai.) Ladies and gentlemen, this concludes the press conference for today. Thank you very much, Your Excellency, the Prime Minister Yingluck Shinawatra and Secretary of State of the United States Mrs. Hillary Rodham Clinton, for delivering their statements to the press. And also, Madam Secretary, thank you very much for visiting Thailand and thank you for your support for developing the cordial relationships between Thailand and United States of America.

Lastly, thank you, everyone, for joining the press conference. Goodbye.

 

# # #



PRN: 2011/T55-11
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #192 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2554, 09:03:35 »

Thank you Patooman.
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #193 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2554, 20:05:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2554, 00:20:52
Joint Press Availability With Thai Prime Minister Yingluck Shinawatra

Remarks
Hillary Rodham Clinton
Secretary of State
Government House
Bangkok, Thailand
November 16, 2011

 
SECRETARY CLINTON: ....

"The United States stands firmly behind the civilian government of Thailand and the work it is doing to consolidate strong democratic institutions, ensure good governance, guarantee the rule of law, and protect human rights and fundamental freedoms. We encourage the government to move forward with a political reconciliation process, which is critical to Thailand’s long-term stability and security. As it does so, it can also count on support from the United States. .........


MS. CHAISAENG: Thank you. May I invite members of the press to ask two questions? Today, I was contacted by two members of the press. One will be from AFP. The other one will be from the Bangkok Post.

Please, identify your name. AFP. Yes, please.

QUESTION: Thank you, Madam Secretary. Thank you, Madam Prime Minister. I wanted to follow up a little bit on what you’re talking about the political reconciliation. You mentioned that with the floods, Madam Secretary, with the floods that it was important to have reconciliation. For both of you, do you feel that all sides in Thailand are on the same side right now at this time of floods? Are people working together? What are the signs you see on that?

And if I can kind of follow up to the prime minister, there have been reports that your cabinet is working on an amnesty that could potentially affect former Prime Minister Thaksin. I wanted to see if you could comment on that, say whether that is true, and if so, why?

SECRETARY CLINTON: Well, I will start by reiterating that we have encouraged the Thai Government to continue to move forward with the political reconciliation process, to address the violence that surrounded the political unrest of recent years, particularly through the Truth and Reconciliation Commission for Thailand. This encouragement from us comes from our shared commitment with Thailand to democratic values and institutions that underpins both of our nations and our alliance.

And we are encouraged by the many steps that the government continues to take to consolidate strong, democratic institutions, to ensure good governance, to guarantee the rule of law, and to protect the rights and freedoms of its citizens. The free and fair elections that were held in Thailand in August demonstrated Thailand’s commitment to the democratic process. It is certainly up to the government and people of Thailand to determine exactly how to proceed, but we are encouraging it and quite heartened at the steps we have seen taken.

PRN: 2011/T55-11




จุดยืนชัดเจนดีมาก...ขอบคุณป๋าทูที่นำมาให้อ่าน
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #194 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 00:40:58 »

  ราศีพฤษภ  เกิดระหว่างวันที่ 14  พ.ค.- 13 มิ.ย.   ปีแห่งเคราะห์ภัยต้องระวังตัว
เป็นปีแห่งเคราะห์ภัย ต้องระวังตัว เหตุอย่างนี้ครับ ท่านที่เกิดในราศีพฤษภ ดีมาหลายดี รุ่งโรจน์เจริญก้าวหน้า คนเราก็มีอย่างนี้แหละครับ จะรุ่งเรืองแต่เพียงฝ่ายเดียวได้อย่างไรชีวิตของคนเราก็มีขึ้นมีลง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณคือ หนึ่ง ดาวพฤหัสบดี ที่เป็นตัวแทนของโชคหรือความเจริญ โคจรมาเป็นวินาศกับดวงชะตาของคนที่เกิดราศีพฤษภ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.แปลว่าดวงชะตาเริ่มตก และแถมดาวเสาร์ ที่เป็นดาวแห่งโทษ  ภัย และเคราะห์ โคจรอยู่ในมุมที่เรียกว่าร้อนใจ ทุกข์ใจ กังวลโดยไม่มีสาเหตุ และที่สำคัญ ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. ปีครึ่ง ราหูโคจรมาเล็งดวงชะตาท่านที่เกิดในราศีพฤษภ ดังนั้นดาวบาปพระเคราะห์ หรือดาวร้าย โคจรในมุมเสียดาวเสาร์ เล็งราหู ดาวพฤหัสบดี ที่เป็นดาวพระเอก ตัวช่วย ดาวตัวแทนแห่งโชคชัย โคจรในมุมดับเป็นวินาศแก่ลักขณา ตั้งแต่ 4 พ.ค. จึงเป็นจุดที่น่าเป็นห่วง น้องๆที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน งดการเที่ยวเตร่เฮฮา ต้องระวังตัว เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน ทบทวนตำรับตำรา สอง ท่านที่อยู่ในวัยทำงานอย่าประชดลาออก อดทน อย่าประมาท อย่าทำอะไรผิดระเบียบปฏิบัติ โดยเฉพาะราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ใครคิดจะลงทุนทำการค้า ระงับยับยั้ง รอจังหวะเวลา ยังไม่ถึงเวลาของเรา ในเรื่องราวของความรัก ก็มีเกณฑ์พลัดพราก ไม่ว่าเขาจะจากไปด้วยการไปเรียน เรียนต่อแล้วเขาห่างไกลจากเราไป หรือเขาจะเลิกจากเรา หรือมีคนเข้ามาแล้วล่อลวง หลอกลวง ให้คุณเสียอกเสียใจ หนทางแก้ไข ทำดังนี้ ให้หาโอกาสไปปฏิบัติธรรมเป็นระยะ หาโอกาสสร้างพระใหญ่ มีสร้างพระพุทธรูปที่ไหน ไปร่วมพิธี ไปร่วมสร้าง การสักการะพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ ไปไหว้หลวงพ่อพุทธมงคล วัดแค จ.สุพรรณบุรี  ไปกราบไปไหว้ หมอชีวกโกมารภัจจ์ วัดลอยเคราะห์ จ.เชียงใหม่ จะได้หมดเคราะห์หมดภัย สิ่งมงคลที่ควรบูชาและแขวนไว้ประจำตัว 1. หลวงปู่ทวด  เดินทางไปไหนจะได้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ  2.ท้าวเวสสุวรรณ ภูติผีปีศาจที่จะล่อหลวงหลอกลวงทำอันตรายไม่ได้ 3. จะเจ็บไข้ได้ป่วย มีหมอชีวกโกมารภัจจ์ แขวนประจำตัว  4.  หาเงินยาก มีพระเศรษฐีนวโกฎิ ไว้ประจำตัว 5.ไปไหนไม่มีใครรัก หาพระขุนแผน วัดแค จ.สุพรรณบุรี ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมให้กำลังใจ สู้ในครานี้ ใจจะเป็นปราการสำคัญ ผ่านพ้นปีนี้ไปได้ ปีหน้ารวย ฟันธง!


  ราศีเมถุน  เกิดระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.- 14 ก.ค.   ปีแห่งการพ้นภัย ชีวิตรุ่งโรจน์
เป็นปีการการพ้นภัย ชีวิตรุ่งโรจน ฟันธง!  ฟังแล้วชื่นใจ เมื่อปีที่ผ่านมาดีบ้าง ร้ายบ้าง สลับกันและมักจะมีปัญหาหลายอย่างหลายประการ เพราะราหูเล็งดวงชะตา แต่พอเข้าปี 2554 และโดยเฉพาะหลังจากวันที่ 24 พ.ค. ราหูที่เป็นโทษและภัย และดาวบาปเคราะห์ที่เล็งนั้นจะโคจรเข้ามุมอับทำอันตรายอันใดแก่ชาวราศีเมถุนมิได้ จึงเป็นปีแห่งการพ้นภัย ชีวิตรุ่งโรจน์ จากการที่มีดาวพฤหัสบดี อันเป็นตัวแทนโชค ความสำเร็จ ความเจริญ โคจรอยู่ในเรือนลาภะ มีตำแหน่งเป็นราชาโชค อุปโลภดุจพระราชา แผ่บารมีคุ้มครอง เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่าดวงชะตาจะพ้นภัยให้ตั้งสติ แล้วต้องมีหลัก 4 ประการ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา มีความพึงพอใจในสิ่งที่จะทำต่อไปนี้ 1.ตั้งใจเรียน 2.ตั้งใจทำงาน 3.กล้าที่จะลงทุน ขยับ ขยาย อย่างงอมืองอเท้า เพราะเป็นปีของท่าน แม้ว่าดวงดี นอนรอ ไม่เกิดอะไรเลย เรื่องความรักที่มีปัญหา หรือมีเรื่องทุกข์ใจมาปีครึ่ง หลังจาก 24 พ.ค. ชื่นมื่น สมหวัง สมปรารถนา มีความสุขใจ สบายใจ ที่ผ่านมาคุณอาจจะเจอคนมาล่อลวง ให้หลงตายใจ จากนี้เป็นต้นไป จะเจอคนที่ใช่ มากกว่าไม่ใช่ แล้วจะไม่มีอะไรมาหลอกลวงคุณได้ เพราะคุณจะแข็งแกร่ง เงินทองก็จะใหลมาเทมา ทำอะไรก็จะเป็นเงินเป็นทอง ที่ทำหนักขนาดนี้ แล้วได้แค่นี้ จะเป็นหนักเท่าเดิม แต่ได้มาก สิ่งที่ควรจะบูชา เป็นมหามงคลเมื่อดวงกำลังดี ชาวราศีเมถุนเป็นธรรมเนียมเลย ปีนี้ไปไหว้หลวงพ่อพระนอน ที่วัดสามพระยา อยู่ใกล้วังบางขุนพรหม และไปไหว้พระนอน ที่วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง จะมีบารมีของเทวดา ช่วยคุ้มครองให้ท่านโชคดี เจริญรุ่งเรือง และที่สำคัญเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ พระพิฆเนศวร์วิเศษลาภา องค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้และมีกำลังสำคัญที่สุด คือ พระพิฆเนศวร์เป็นศาลพระหลักเมือง อยู่ที่ตลาดพระประแดง จ.สมุทรปราการ นี่คือสิ่งที่ท่านต้องไปกราบสักการะ บูชาประจำปี ถ้าแขวนติดตัวประจำตัว ก็มี   1.พระพิฆเนศวร์สร้างในพิธีศักดิ์สิทธิ์ วัดใดก็ได้ 2. พระตรีมูรติ แขวนประจำตัว ชีวิตกำลังรุ่งเรือง 3. พระเศรษฐีนวโกฎิ กำลังรวย จะได้รวยสมใจ นี่คือสิ่งที่จะกระทุ้งดวงให้สมปรารถนา ขอให้ท่านที่เกิดราศีเมถุน โชคดีตามดวงชะตาที่เป็นไป ฟันธง!
 
   ราศีกรกฎ เกิดระหว่างวันที่ 15 ก.ค.- 16 ส.ค.   ปีแห่งความรุ่งโรจน์ และมั่นคง
ปีนี้เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ และมั่นคง ฟันธง! ชาวราศีกรกฎในปีที่ผ่านมา หนึ่งเจออุบัติเหตุ สองผ่าตัด เพราะว่าท่านที่เกิดในราศีกรกฎ 51-52 ราหูเล็งดวงชะตา แล้วหลังจากนั้นราหูมาเป็นอริ แปลว่าตั้งแต่ปี 2551 มาจนถึง 2553 ราศีกรกฎเจอกรรมเก่า แต่ในปี 2554 ท่านที่เกิดในราศีกรกฎดวงชะตาจะดี และดีตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. และพอเข้าเดือน ม.ค.ยิ่งดี เข้าพ.ค.ดีมาก เพราะดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นดาวตัวแทนโชค ลาภ และความสำเร็จ โคจรไปได้ตำแหน่งเป็นราชาโชคในภพกรรมะ แปลว่างานนั้นจะยิ่งใหญ่ประสบสำเร็จ มีความเจริญ ท่านที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนจะอ่านจะเขียน จะเรียนอะไร สอบผ่าน ฟันธง!  หรือใครก็ตามที อยู่ในวัยทำงาน ทำงานด้วยความตั้งใจ ใน 2 ปีที่ผ่านมา ถูกมองข้ามถูกมองผ่าน แต่ในปีนี้ถึงเวลาที่จะได้ขั้น ได้ตำแหน่ง เลื่อนทั้งเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง ฟันธง!  ใครก็ตามใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ลงทุนทำการค้าอะไรก็ตามที ฝืดเคือง อึดอัด ทุกข์ใจ หมุนเงินตัวเป็นเกลียว พอเข้าปี 2554 เงินทองไหลมาเทมา จนเก็บแทบไม่หวาดไม่ไหวถึงขนาดตั้งตัว ความรักก็จะมีความสุข คนรักก็จะเข้าใจ ที่คนรักขี้บ่น เรื่องเยอะ ปีนี้คู่รักสงบปากสงบคำ ใครที่เป็นโสดจะเจอคู่แท้ และเอามาช่วยในการงานให้รุ่งเรือง แปลว่าได้ทั้งรัก ได้ทั้งมาช่วยงาน โอ้โห สองต่อ อุบัติเหตุ แคล้วคลาด เมื่อเป็นมงคลอย่างนี้ ชาวกรกฎ ควรจะไปทำบุญเพื่อเสริมดวงชะตาให้ดีสมใจ 1.ควรไปไหว้พระนอน ที่วัดป่าโมก ก่อนที่องค์พระเนศวรจะมีชัยชนะ ต่อมหาอุปราชา ได้กราบสักการะขอพระพรจากหลวงพ่อพระนอน วัดป่าโมก 2. ถ้าอยากจะยิ่งใหญ่ ใหญ่โต เจริญรุ่งเรือง ไปไหว้หลวงพ่อโต ทั้งวัดพนัญเชิง อยุธยา และวัดกัลยาณมิตร ที่กรุงเทพฯ แล้วสิ่งที่ท่านควรบูชาไว้ประจำตัว ประจำตนเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล 1. พระกริ่ง ที่ควรมีไว้บูชาประจำตัว พระกริ่งที่เป็นมงคล คือ พระกริ่งพระปริตร วัดสามพระยา พระกริ่งพุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ของวัดอาวุธวิกสิตาราม 2. เหรียญพระเศรษฐีนวโกฎิ จะได้รุ่งโรจน์ รวยสมใจ และควรจะมีเทวดาพระจันทร์หรือไปร่วมพิธีขอเงินจากพระจันทร์ทุกเดือนในวันขอเงินจากพระจันทร์ ปีนี้เป็นปีรุ่งโรจน์ของท่าน ขอให้ท่านเจริญรุ่งเรืองสมหวัง สมปรารถนาทุกประการ ฟันธง!
 
  ราศีสิงห์  เกิดระหว่างวันที่ 17 ส.ค. - 16 ก.ย.   ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง จากร้ายกลายดี
ปีนี้เป็นปีที่จะเปลี่ยนแปลงจากร้ายกลายดี ฟันธง! ฟังอย่างนี้แล้วมันมีกำลังใจ ท่านที่เกิดในราศีสิงห์ มีดาวที่เกี่ยวกับโชคลาภและความสำเร็จคือดาวพฤหัสบดี ดาวดวงนี้โคจรเข้ามุมอับเป็นมรณะกับท่านที่เกิดในราศีสิงห์ ทุกข์อก ทุกข์ใจ ไม่สมหวัง สมปราถนา ทำอะไรก็ผิด เกิดขึ้นกับท่านตั้งแต่ 26 เมษายน 2553 ชาวราศีสิงห์ ทำอะไรที่จะถูกก็ผิด ทำดีก็ถูกมองผ่าน ทำไม่ดีก็ถูกจับผิดและปรักปรำเลย ชาวราศีสิงห์ ไม่สบายอกสบายใจ จะอ่านจะเขียนจะเรียนอะไรก็ผิดหวัง จากนี้อย่านอนใจ ยังต้องระมัดระวังตัว ดีเมื่อไหร่ 4 พฤษภาคม เป็นต้นไป และที่สำคัญเรื่องการงาน ประคับประครองเอาไว้ อย่ากลัวให้รู้ไว้หลัง 4 พฤษภาคม ดวงเรื่องการงาน ดี ฟันธง ใครที่ตกงานจะได้งาน ใครที่การงานไม่รุ่งโรจน์ ไม่เจริญก้าวหน้า เมษา ข้าราชการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ยังไม่ได้ ไม่เป็นไร กันยา-ตุลา จะดีเพราะดวงชะตาดีตั้งแต่พฤษภา       เพราะฉะนั้น รอไว้ยังไงก็ดี ใครที่คิดจะลงทุนทำการค้า ก่อน 4 พฤษภา อย่าแตะอย่าต้อง หลัง 4 พฤษภา ลุย แล้วสำเร็จ ฟันธง เงินทองไหลมาเทมา ฟังธง ถึงไม่ขนาดเป็นกอบเป็นกำ เงินถุงเงินถัง แต่มีให้ใช้ไม่ขาดมือ โรคภัยไข้เจ็บ ก่อน 4 พฤษภาคม ก็มีโอกาสเจ็บไข้ได้ป่วย หลายอย่างหลายประการ ส่วนเรื่องของความรัก ที่ผ่านมาผิดหวัง หรือคนรักป่วย คนรักเป็นทุกข์เพราะเรา หลังจาก 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป ความรักชื่นมื่นสดใส คู่รักคนรักหายป่วยหายไข้ มีความสุขความเจริญ นี่เป็นจุดของการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตจริงๆนะครับ ปีนี้สิ่งที่จะเป็นมงคล 1.หมอชีวกโกมารภัจจ์ วัดลอยเคราะห์ จ.เชียงใหม่           2.หลวงพ่อพระพุทธมงคลสรรเพ็ชญ์ จ.ลพบุรี เคราะห์และภัยที่มีอยุ่ก็จะหมดไป อย่าลืมไปไหว้เจ้าพ่อพระกาฬด้วย และที่สำคัญหาโอกาสไปไหว้พระพรหม ที่ใดก็ได้ ถ้าจะแขวนพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตัว 1. เหรียญพระพรหม 2. เหรียญพระแก้วมรกต หรือหลวงพ่อพระทองคำ เหรียญเทวดาพฤหัสบดีทรงกวางทอง และเหรียญหมอชีวกโกมารภัจจ์ ขอให้ชาวราศีสิงห์สู้แล้วจะมีชัยชนะ หลัง 4 พฤษภาคม ฟันธงครับ
 
  ราศีกันย์  เกิดระหว่างวันที่ 17 ก.ย. - 16 ต.ค.   ปีแห่งดวงร้ายมากกว่าดีดวงออกในทางร้ายมากกว่าดี
ชาวราศีกันย์ต้องระมัดระวังตัว  ปี 2554 ดวงชะตาจะดีบ้างตั้งแต่มกราคม จนถึงพฤษภาคม วันที่ 4  ดาวพฤหัสบดีที่โคจรเล็งคนราศีกันย์เดินหน้าอย่างรวดเร็ว มีโอกาสเจอคนรัก คนรู้ใจ ประสบความสำเร็จในการงาน มีโอกาสได้เงินได้ทองก้อนโต มีโอกาสได้โชคลาภจากการเสี่ยงหรือทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ แต่พอพ้นวันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป ดาวพฤหัสบดีที่เป็นดาวตัวแทนของโชคลาภ และความสำเร็จที่ให้คุณกับคนที่เกิดในราศีกันย์ โคจรเป็นมรณะ เรียกว่าพินฑุบาต แปลว่า คิดผิด ทำผิด ได้ข้อมูลผิดพลาด ชาวราศีกันย์จะทำอะไรหลังจาก 4 พฤษภาคม งด หยุด  ตรองให้ดี ดังนั้น น้องๆ หนูๆ ที่อยุ่ในวัยเรียน ถ้ามีเกณฑ์การสอบ การเขียน การเรียน ก่อน 4 พฤษภาคม สำเร็จ ฟันธงครับ หลัง 4 พฤษภาคม มีปัญหา ส่วนท่านที่อยุ่ในวัยทำงาน ผมบอกได้เลยว่าดวงชะตาของท่าน  ตกไปจนถึงปลายปี เพราะดาวเสาร์ที่ว่านี้จะโคจรทับราศีกันย์จนถึงวันที่ 7 ธันวาคม แปลว่าดาวโชคลาภ และดาวแห่งความโชคดี โคจรอยุ่ในมุมอับ ตั้งแต่ 4 พฤษภา ไปจนถึงปีหน้า 2555 แล้วดาวบาปพระเคราะห์หรือดาวร้าย โคจรอยู่กับท่านจนถึงเมื่อไหร่ 7 ธันวาคมปีนี้ แปลว่าช่วงปลายเดือนธันวาคมสั้นๆ ยังโชคดีรอบสุดท้าย แปลว่าชาวราศีกันย์ จะมีโอกาสได้เงินได้ทองได้ความมั่นคง หลังจากทุกข์ระทม หลังจากวันที่ 4 พฤษภาคม ไปจนถึงวันที่ 6 ธันวาคม ช่วงนั้นล่ะครับไม่ควรลาออกจากงาน ไม่ควรลงทุน กิจกรรมอะไรก็ตามที อย่าประมาท ไม่ให้ใครหยิบยืมสตางค์ต้องระมัดระวัง ในปี 2554 อย่าลงเอยในเรื่องของความรักกับใครเพราะท่านจะตัดสินใจผิดพลาดใครเข้ามาจะมีภาพลวงตาที่ท่านไม่รู้อะไรอีกหลายอย่างแล้วเรื่องที่ไม่รู้เป็นเรื่องที่นรกสำหรับการดำรงอยุ่ในชีวิตคู่เลยนะครับ นี่คือสิ่งที่เสริมมงคลเพื่อแก้วิกฤตหรือเผชิญวิกฤต 1.หาโอกาสไปกราบไหว้หลวงพ่อพระพุทธมงคลสรรเพ็ชญ์ ที่วัดป่าธรรมโสภณ  จ.ลพบุรี และไปกราบไหว้หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี ยังมีหลวงพ่อนั่ง อุ้มบาตรเพื่อให้เกิดโชคลาภ ที่วัดสามพระยา ที่บางขุนพรหม กทม. โรคภัยไข้เจ็บอาจจะเกิดขึ้นกับท่านไม่ได้ ปีนี้ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะโรคกรรมเก่าและเรื้อรัง ปีนี้ควรไปกราบไหว้หมอชีวกโกมารภัจจ์ ทั้งที่โรงพยาบาลสงฆ์ และที่ วัดลอยเคราะห์ จ.เชียงใหม่ ไปไหว้พระพิฆเนศวร เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ  เพราะเทพเจ้าองค์นี้เป็นเทพเจ้าประจำตัวประจำราศีชาวราศีกันย์ ส่วนมงคลที่แขวนประจำตัวไว้ติดตัวคือ เหรียญหมอชีวกโกมารภัจจ์ ท้าวเวสสุวรรณคุ้มกันภัย และพระพิฆเนศวร์ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ภัยที่มีอยุ่จะมลายหายไปด้วยบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้คุ้มครอง ปีนี้อดทนชดใช้กรรมเก่า ปี 2555 ดวงชะตาจะดีกว่านี้ ขอให้ท่านโชคดีพ้นโภทภัยและได้อะไรดีๆ ในช่วงปลายธันวาคมปีนี้ ฟันธงครับ
 
  ราศีตุลย์  เกิดระหว่างวันที่ 17 ต.ค. - 15 พ.ย.   ปีแห่งการเริ่มต้นการลงทุนและสมหวังในความรัก
เป็นปีแห่งการเริ่มต้นและการลงทุนรวมทั้งสมหวังในความรักเป็นปีที่น่าสนใจครับ ปีที่ผ่านมาดีบ้างร้ายบ้างสลับกันไป แต่ประเด็นสำคัญเลย ในปี 2554 ดาวพฤหัสบดี ที่โคจรมาเล็งดวงชะตาตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป และโดยเฉพาะหลังวันที่ 7 ธันวาคมในช่วงปลายปี ดาวเสาร์ก็โคจรมาทับจุดเกิดของท่านที่เกิดในราศีตุลย์ ถือว่าเป็นจังหวะเวลาที่มีการเริ่มต้น ลงทุนในโครงการใหญ่ มีพันธะสัญญา มีผู้ร่วมหุ้น ร่วมชีวิต เปลี่ยนธุรกิจเปลี่ยนการค้า เปลี่ยนงาน โยกย้ายเปลี่ยนแปลง แล้วสำเร็จขึ้น เจริญขึ้นแต่เหนื่อยครับ แต่ประเด็นสำคัญคือจะสมหวังในความรักจะเจอคุ่แท้ ใครที่มีครอบครัวแล้ว มีสิทธิ์มีบุตร ใครที่ยังไม่มีครอบครัว มีสิทธิ์เจอคู่แท้ที่สมหวัง สมปรารถนาในความรัก ฟันธงครับ ปี 2554 เห็นได้ชัดเจนว่า ดาวการเงินโคจรเป็นจังหวะ จะโคนตั้งแต่ต้นปี แปลว่าท่านที่เกิดในราศีตุลย์ มีโอกาสที่จะได้เงินหมุนให้ได้ใช้อย่างมั่นคงตลอดทั้งปี 2554 ฟันธงครับ เรื่องของการเงินดีตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี เรื่องของความรักก็มีความสุข แต่สุขภาพของท่านที่เกิดในราศีตุลย์ ย่ำแย่ต้องเฝ้าดูแลสุขภาพให้ดี ต้องออกกำลังกาย ต้องตรวจร่างกายเป็นระยะครับ และประเด็นสำคัญท่านที่เกิดในราศีตุลย์ จะต้องขยัน กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต อย่าติดอยู่กับสิ่งเดิม แล้วชีวิตคุณจะรุ่งโรจน์สมปรารถนาครับ สิ่งที่เป็นมงคลไปกราบไหว้สักการะเพื่อเสริมราศีประจำปี ดาวเสาร์จะโคจรทับจุดเกิดเป็นมหาอุตร ในรอบ 30 ปี ดังนั้นแปลว่าเป็นรอบแห่งการตั้งหลัก และรับภาระใหญ่ ต้องไปกราบสักการะพระพุทธรูปปางนาคปรก ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน จุดธูปบูชา 10 ดอก เทียน 10 เล่มเป็นกำลังของพระเสาร์จะทำให้ท่านมั่นคง ไปกราบไหว้พระพุทธมหาเศรษฐีนวโกฎิ เป็นมหามงคลจะทำให้ตั้งหลักได้ในปีนี้ ถ้าดาวการเงินท่านเด่นต้องไหว้พระเศรษฐี และที่สำคัญควรมีพระพิฆเนศวร์ไว้คุ้มครองไว้แขวนคอไว้เหน็บกระเป๋า หรือไว้บูชาในที่ทำงาน องค์เล็ก องค์ใหญ่ เป็นองค์ลอย องค์เหรียญได้ทั้งนั้น จะเป็นมหามงคลประจำปีนี้ครับ
 
 
ราศีพิจิก  เกิดระหว่างวันที่ 16  พ.ย.- 15 ธ.ค.  ปีแห่งความบากบั่นพากเพียรจึงจะประสบความสำเร็จ
เป็นปีที่ต้องใช้การบากบั่นความพากเพียร ความวิริยะอุตสาหะ แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ มีโชค 2 ชั้น ฟันธง ปี 2554 เป็นปีทองที่ตั้งแต่ต้นปี 31 มกราคมเป็นต้นไป ดาวประจำตัวจะเดินหน้าขยับอย่างเป็นจังหวะจะโคนอย่างมีกำลัง และหลังจากวันที่ 4 พฤษภา ดาวการเงินจะโคจรอยู่ในมุมที่ก่อร่างสร้างตัว ด้วยความขยันเงินทองจะไหลมาเทมา เพราะดาวการเงินเป็นราชาโชค หลังจากวันที่ 25 พฤษภา ราหูก็จะโคจรพ้นจากเรือนการเงินที่ทำให้เสียเงินเรียกราหูพ้นทรัพย์ โคจรมาทับราศีเกิด ปกติถ้าราหูโคจรทับราศีเกิดของใคร คนนั้นป่วยเจ็บแทบเป็นแทบตาย แต่เป็นข้อดีครับ มีตำแหน่งเป็นมหาอุตร ต้องรออีก 18 ปี จึงจะเป็นอย่างนี้ แปลว่าท่านที่เกิดในราศีพิจิก มีสิทธิ์เปลี่ยนบ้าน ย้ายบ้าน เปลี่ยนงาน เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนจากโสดมามีครอบครัว เปลี่ยนแปลงทุกอย่างแล้วจะดีครับ ขอให้มีความขยัน บากบั่น ตั้งใจ เป็นจุดก่อร่างสร้างตัว ที่ฟ้าเปิดโอกาสให้สำเร็จ ฟันธงครับ เพราะฉะนั้นราหูก็ทับราศีจะต้องทำยังไงจึงจะรุ่งโรจน์ 1.ควรหาโอกาสไปกราบไหว้เจ้าพ่อพระกาฬ ที่จ.ลพบุรี หรือถ้ามีโอกาสร่วมสร้าง พระราหูเต็มองค์ทรงครุฑ ที่วัดป่าธรรมโสภณ จ.ลพบุรี ตั้งแต่ต้นปี ท่านสามารถไปร่วมเขียนแผ่นทอง ร่วมสร้าง และกราบสักการะองค์จำลองได้เลย จะเป็นมหามงคล ราหูจะคุ้มครอบ พิทักษ์รักษาและประทานแก้วแหวนเงินทองให้ท่านมามีโชคมีชัย 3.ให้ท่านหาโอกาสย้ายบ้าน จัดบ้านใหม่ ย้ายห้องนอน ก็จะเป็นมหามงคลอย่างหนึ่งของชีวิต ประการสำคัญไปดูแลบ้านเรือนที่อยุ่อาศัยของคุณพ่อคุณแม่ ถ้ามันจะต้องซ่อมหรือมีปัญหาอะไรก็ซ่อมให้ท่าน ซ่อมที่อยู่อาศัยให้บิดามารดรแล้วไซร้ มั่นคง 4. ท่านที่กลัวราหูจะทำร้าย หรือทำลายชีวิต หรือกลัวเรื่องปัญหาสุขภาพ หรือกลัวว่าราหูเข้าแล้วจะมีภัย หาโอกาสไปร่วมงานในวันพระราหูย้าย 24 พฤษภา ไปร่วมงานไหว้พระราหูที่วัดไตรมิตร และที่สำคัญไหว้หลวงพ่อนั่ง หลวงพ่อนอน วัดสามพระยา สิ่งที่ควรจะมีไว้บูชา           1.เหรียญจตุคามรามเทพที่มีรูปราหูอยู่ในองค์จตุคาม ยิ่งหาจากวัดต่างๆ ที่แจกฟรี ยิ่งเป็นมงคล 2. หาเหรียญเทวดาพระราหู โดยเฉพาะจากวัดป่าธรรมโสภณ จากจ.ลพบุรี อีกอย่างคือเหรียญหลวงพ่อนั่งหลวงพ่อนอนของวัดสามพระยา ถ้าท่านได้ปฏิบัติ และมีสิ่งมงคลเหล่านี้ไว้คุ้มครองตัว ปี 2554 จะเป็นปีทองของท่าน ฟันธงครับ
 
  ราศีธนู เกิดระหว่างวันที่ 16  ธค.- 15 มค.  ปีแห่งการพ้นโพทภัยจากภัยราหู ปีแห่งการร่ำรวยแบบไม่ทันตั้งตัว...ฟันธง
ในปี 2553 ปีที่ผ่านมา ราหูโคจรทับจุดเกิด ดวงถึงตาย ดวงเจ็บปวด ทุกข์ร้อน ย้ายบ้าน เลิกกับแฟน เสียงานเสียการ
เสียตำแหน่ง ถูกดูถูกดูหมิ่น เป็นปีทีมีเคราะห์มีโรคมีภัย ปี 2554 ชาวราศีธนู จะพ้นทุกข์ร้ายภัยเวร ไม่ได้พ้นอย่างเดียว จะต้องมีบุญราศี เพิ่มให้เป็นมงคล เหมือนโบราณกาลก่อน ท่านจะได้รับความเป็ฯศิริมงคลจากการไหว้พระด้วยประการหนึ่ง ในวิหารหลวงพ่อพระนั่ง วัดสามพระยา ศักดิสิทธิ์นัก คือพระปางป่าเรไร แต่แปลกนะครับอุ้มบาตร มีกินมีใช้ แต่ถ้าใครที่รู้จักวางแผนชีวิตให้ดี รู้ชะตาและมากราบไหว้ ตามข้อแนะนำต่อไปนี้ ท่านจะมีแต่ความร่ำรวยประสบความสำเร็จ ตลอดปี 54 ฟันธง ใครอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ต้นปีต้นลดการเที่ยวเตร่เฮฮา งดการคบเพื่อนฝูงที่เป็นนักเที่ยว ต้องเก็บเนื้ออ่านตำราเตรียมสอบ แม้จะมีเรื่องผิดหวังในช่วงต้นปี แต่หลังจาก 24 พค เป็นต้นไป ชีวิตพ้นโพทภัย ฟันธง ต้นปีน้องๆ หนู ต้องตั้งใจเรียนให้มาก และใครก็ตามที ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน เรียนแล้วมีปัญหาเรียนแล้วไม่เข้าใจ อึดอัด ทุกข์ใจไม่รู้จะทำอย่างไร กลัวสอบเอ็นทรานซ์ไม่ผ่าน มากราบสักการะหลวงพ่อนั่ง ที่วัดสามพระยา จะเป็นบุญรักษาให้พ้นโพทภัย ฟันธง ส่วนใครที่อยู่ในวัยทำงาน ที่ผ่านมาถูกใส่ร้ายใส่ความตกงาน ทุกข์ใจ จะรุ่งก็ไม่รุ่ง เจริญก้าวหน้าก็ไม่เจริญ มีปัญหามาตลอด ปี 2554 ถ้าหากว่าท่านไม่รู้จักที่จะมาไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะทุกข์อย่างนี้ไปจนถึง 24 พค หลังจากนั้นดวงชะตาจะค่อยเปิด ใครที่เกิดราศีธนู หรือใครที่ไม่ได้เกิดราศีธนูเลย แต่มีทุกข์มีภัย การงานไม่เจริญรุ่งเรือง มีปัญหา แล้วมากราบไว้ หลวงพ่อพระนั่ง ที่วัดสามพระยา ก็จะปัดเป่าทุกข์ร้ายให้หมดไป เพราะฉะนั้นการงาน ในปี 2554 ใครที่เกิดราศีธนู จะมีเกณฑ์มีปัญหาเรืองการงาน หลังจาก 24 พค ใครตกงานมีเกณฑ์ได้งาน ฟันธงครับ ใครก็ตามที เป็นลูกจ้างในองค์กรหน่วยงาน งานการไม่ขยับขยายไม่รุ่ง เรือง เจริญก้าวหน้า  หลัง 24 พค รุ่งโรจน์เจริญก้าวหน้า ฟันธงครับ ใครเป็นข้าราชการ ถูกเจ้านายมองข้ามมองผ่านไป อึดอัดทุกข์ใจ ตำแหน่งไม่เลื่อน ยศตำแหน่งบารมีไม่ปรากฎ มาไหว้หลวงพ่อพระนั่ง องค์นี้ ยศตำแหน่งเลื่อนด้วยหลวงพ่อพระนั่ง ท่านทั้งหลายที่อยู่ในวัยทำงานและเป็นข้าราชการ หลัง 24 พค ชีวิตรุ่งโรจน์เจริญก้าวหน้าเป็นบุญราศีให้สมปรารถนา ขอให้หาโอกาสมากราบไหว้พระให้เสริมราศีที่ผมได้แนะนำ ที่สำคัญใครเป็นพ่อค้านักธุรกิจ ตั้งแต่ต้นปี ถึง พฤษภา อย่าลงทุน ประคับประคองไปก่อน แล้วมาไหว้หลวงพ่อพระนั่งที่วัดสามพระยา แล้วก็หาเหรียญหลวงพ่อพระนั่งแขวนคอ นั่งดู มีเทวดาคอยเฝ้าคอยรักษา พอพ้น 24 พค เทวดาบรรดาดลให้เกิดศิริมงมล สำคัญรุ่งโรจน์เจริญก้าวหน้า ลงทุนไปแล้วรวย ฟังธง เรื่องหน้าที่การงาน ครึ่งปีหลังดี ครึ่งปีแรกระวัง ส่วนการเงินดวงชะตา เห็นได้ชัดเจนว่า ปี 2554 มีเกณฑ์เริ่มต้นรวย และ รวยแบบค่อยเป็นค่อยไป ปี 2555 – 56 รวยมาก มั่นคงมาก แต่คุณต้องทำอย่างนี้ 1. ปีนี้ต้องหาโอกาสมากราบไหว้หลวงพ่อพระนั่ง ที่วัดสามพระยา 2. หาเหรียญหลวงพ่อพระนั่งวัดสามพระยา แขวนตัวแขวนคอคุ้มครองตน จะอำนวยผลให้มั่นคง ถ้าไม่ทำอย่างนี้ตัวเองสู้กรรมแต่เพียงลำพังไหวหรือ นี่เพียงแต่ความหมาย เพราะฉะนั้น ปี 2554 มีหนี้สินก็จะหมดไปและมีโอกาสรวยแบบไม่ทันตั้งตัว สมใจปรารถนา แบบไม่ทันตั้งตัว ฟันธงครับ เรื่องความรักคนที่เกิดราศีธนูนั้น ถ้าเลิกกับใครอย่าเสียใจ แบบว่ามันไม่ใช่คู่เรามันจบไปแล้ว และ จะมีคนใหม่ผ่านเข้ามาเพราะฉะนั้น จะมีโอกาสเจอคู่รัก คู่รักของท่านนั้นเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา ถ้าใครเป็นคนที่ปากไม่ค่อยพูดไม่ใช่คู่แท้ ถ้าเป็นคนที่ช่างพูดช่างเอาอกเอาใจ อยู่แล้วสบายใจและที่สำคัญ จะมีโอกาสลงเอยในความรักสำหรับคนโสด ตั้งแต่ 24 พค เป็นต้นไป ฟันธงครับ แปลว่าใครที่มีครอบครัวแล้วก็จะมีบุตรไว้สืบวงศ์ตระกูล สมหวังสมปรารถนา มีความสุขกับชีวิตคู่ครับ แปลว่าถ้ายังคบกันอยู่แล้วไม่เลิกจากกันนั่นแหละคู่แท้ แต่ถ้าเลิกจากกันแล้วจบกันไปแล้ว เพราะปีนี้ราหูจะให้จบกันเพราะไม่ใช่คู่แท้ ส่วนเรื่องสุขภาพ ปีนี้ จะมีปัญหา ตั้งแต่ต้นปี ถึง 24 พค จะเจ็บป่วย ด้วยโรคเวรโรคกรรมต้องหาโอกาสมาสวดมนต์ไหว้พระที่วัดสามพระยาเช่นเดียวกัน จะเป็นมหามงคล ระวังอุบัติเหตุเกิดแบบไม่คาดฝัน ที่จะป้องกันคุ้มครองให้อุบัติเหตุแบบไม่คาดฝันผ่านไป  1. หาโอกาสมากราบไหว้หลวงพ่อพระนั่ง 2. ไปกราบไหว้หลวงพ่อพระนั่งที่วัดป่าเรไรย์หลวงพ่อโต นั่งเหมือนกันนั่นแหละครับ จะทำให้พ้นโพทภัย 3. ไปกราบไหว้หมอชีวกโกมารทัต ที่วัดพระแก้ว ด้านหลังพระอุโบสก หรือที่วัดลอยเคราะห์ จ.เชียงใหม่ และทื่สำคัญอยากรวยสมใจไปกราบไหว้พระพุทธมหาเศรษฐีนฤโกฏิ จะเป็นมหามงคล พญานาคแหวนพญานาค หรืออะไรก็ตามที่มีรูปพญานาคจะเป็นมหามงคลคุ้มครอง ให้คุณมีความสุขความเจริญ
 
  ราศีมังกร เกิดระหว่างวันที่ 16  มค.- 12 กพ.  ปีแห่งความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่และเจริญก้าวหน้า...ฟันธง
ดวงชะตาท่านที่เกิดราศีมังกร ประจำปี 2554  ท่านที่เกิดราศีมังกร ถือว่าเป็นหนึ่งใน 4 ราศี ที่มีความยิ่งใหญ่ เพราะมีดาวประจำตัวคือดาวเสาร์ คุณที่เกิดในวัดอะไรก็ตามที คุณจะมีเทวดาประจำตัว เทวดาประจำวัดเกิดนั่นแหละ เทวดาของชาวราศีมังกร คือ เทวดาพระเสาร์ครับ เทวดาพระเสาร์เป็นเทวดาที่ ทรงเสือหรือทรงพยัคฆ์ ส่วนพระพุทธรูปท่านที่เกิดราศีมังกรคือ พระพุทธรูปปางนาคปรก สร้างไว้ทั้งหมด 9 องค์ทั่วประเทศ เพื่อไว้คุ้มครองประเทศชาติ ศาสนา องค์พระมหากษัตริย์ หลายปีที่ผ่านมาผมแนะนำให้คนมากราบไหว้ ท่านที่ต้องการการปกป้องคุ้มครองความมั่งคง ท่านที่มาที่ศาลหลักเมือง แล้วมาที่หอพระจะต้องมากราบไหว้ พระปางนาคาปรกองค์นี้ครับ สำคัญนัก ท่านต้องหาโอกาสมากราบไหว้จึงจะเป็นมงคล รวมทั้งที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ปีนี้ทั้งสองแห่งนี้เป็นมหามงคล สำคัญชาวราศีมังกรที่ยิ่งใหญ่ การเรียน ในปี 2554 น้องหนู จะเรียกต่อประสบความสำเร็จ เรื่องยากจะเป็นเรื่องง่าย ครูบาอาจารย์จะสนอกสนใจ เพื่อนฝูงก็จะดี สอบเรียนต่อได้ ประสบความสำเร็จ เอ็นทรานซ์ได้สมความปรารถนา อันนี้ฟันธงครับ การงาน ปี 2554 เป็นปีที่โดดเด่นมั่นคง ในรอบ 30 ปี จะสามารถก่อร่างสร้างตัว ประสบความสำเร็จในการงาน ปี 51 – 52 ดวงตก บางคนป่วยบางคนตาย อย่างคุณสมัคร ก็เกิดราศีมังกร เห็นไหมครับไปเลย คุณที่เกิดราศีมังกร ถ้าคุณยังไม่ตาย ผ่านเคราะห์มาได้นี่ โชคดีนะครับ เพราะราหูทับจุดเกิด ตั้งแต่ปี 2551 – 52  ปี 53 เซ็งหน่อย ปี 54 จะมั่นคงเจริญก้าวหน้า ใครเลิกกับแฟน ย้ายบ้าน เสียเงินเสียทอง ทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้วครับ ถ้าคุณที่อยู่ได้แสดงว่าคุณยังโชคดีอยู่ ขอให้มีกำลังใจ ดาวประจำตัวคุณคือดาวเสาร์ โคจรเป็นดาวมหาอุจจ์  หลังจาก 7 ธค ปี 54 แล้วหลังจาก 4 พค 54 ต้นปี ดาวพฤหัส 4 ทรงศักดิ์ แช่มช้อยสุข จะเจริญยิ่งยศนา แปลว่าจะเจริญรุ่งเรือง มั่นคง ก้าวหน้า สมหวัง สมปรารถนา แปลว่าท่านที่เกิดราศรีมังกร ถ้าท่านตกงาน จะได้งานทำปีนี้ ฟันธง อย่าเลือกงานก็แล้วกัน ท่านที่เป็นลูกน้องลูกจ้างจะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง จะได้รถประจำตำแหน่ง ได้โบนัสพิเศษ มั่นคงเจริญก้าวหน้าในงานที่เป็นลูกน้องเขา ฟันธงครับ ท่านที่เกิดราศีมังกร เป็นข้าราชการ จะมีโอกาสเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เป็นปีที่ได้ยศได้เกียรติเจริญยศเจริญศรี ให้ตั้งใจทำงานให้ดี จะมั่นคง ฟันธงครับ ท่านที่เป็นเจ้าของธุรกิจ  คิดจะทำการค้าขายของกินของใช้ อาหารการกิน ของสวยงาม จะไปได้ดี ค้าขายได้ จะตั้งหลักได้ ค้าขายได้ไม่เจ๊ง ฟันธง ปี 54 ปีโล่งอก ท่านจึงควรหาโอกาสมากราบไหว้ พระศักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1. พระปางนาคปรก โดยเฉพาะที่หอพระ ศาลหลักเมือง 2. ไหว้พระธาตุดอยตุง ที่จ.เชียงราย และ ไปไหว้หลักเมือง 108 องค์ ที่จ.เชียงราย ประกอบกับหลักเมืองที่ กทม หลักเมืองที่นครศรีธรรมราช และ หลักเมืองที่ จ.เชียงรายจะมี 108 องค์ และ ไหว้หลวงพ่อพระพุทธนิมิตรพิชิตมารโมรีศรีสรรเพชรบรมไตรโลกนาถ ที่วัดหน้าพระเมรุ จะเป็นมงคล และ ไหว้พระแก้วมรกต และ ให้มาไหว้ เทวดา ทีศาลหลักเมืองกรุงเทพด้วย ไหว้พระเจดีย์เก้ายอด ที่ประจวบ นี่คือมงคลบุญราศรีครับ  การเงิน หลัง 24 พค เงินทองจะไหลมาเทมา จะมีโชคลาถมั่งคงเจริญรุ่งเรือง ท่านที่รวยอยู่แล้วจะรวยยิ่งขึ้นครับฟันธง หลัง 24 พค ปี 54 นี้ แปลว่าที่เคยทำงานทำ 100 ได้ 100 ในปี 54 หลัง 24 พค ทำ 100 จะได้ล้าน ฟังธง ขยันแล้วได้ดี เป็นปีที่จะตั้งหลักปักฐานมั่นคงในทรัพย์ ซื้อล็อตเตอร็ก็ถูกหวยได้โชคลาถ หรือ ใครที่แก่แล้วลูกหลานก็จะให้เงินใช้ง่ายๆ มีครบหมดทุกอย่าง เรื่องความรัก จะสมหวัง ราศีที่กินเด็กจะได้คู่ที่อายุน้อยกว่า 5 ปี 7 ปี  ชาวราศีนี้จะเป็นคนหน้าแก่คิดแก่เกินวัย ถ้าคุณได้คู่อายุน้อยกว่า หน้าก็จะแก่กว่า คู่จะเป็นเด็ก หน้าเด็ก อารมณ์เป็นเด็ก ชาวราศีนี้จะได้คู่ในปีนี้อย่างแน่นอน ฟังธง ที่สำคัญจะมีคู่เป็นเหมือนแม่ ไม่ว่าสามีก็จะเป็นเหมือนแม่ ที่สำคัญหมดเคราะห์อุบัติเหตุ หมดไป แคล้วคลาด ไม่น่าเป็นห่วง ปลอดภัยทุกประการ ของที่ควรแขวนตัวประจำตน เหรียญหลักเมืองคู่ หรือหลักเมืองเดี่ยว ยันต์ดวงเมือง ที่มีเทวดา ประจำศาลหลักเมือง  พระพิฆเนศ เป็นเหรียญเป็นรูปหล่อ แขวนประจำตัวจะคุ้มครอง ลองดูสักปีนึงถ้าโชคดีก็ฟังกันต่อ ถ้าไม่โชคดีก็ลืมกันไปเลย ......
 
  ราศีกุมภ์ เกิดระหว่างวันที่ 13  กพ.- 12  มีค.  ปีแห่งความร่ำรวยมีโชคลาภในรอบ 18 ปี ดวงดี...ฟันธง
ดวงชะตาท่านที่เกิดราศีกุมภ์ ประจำปี 2554 ปีนี้จะเป็นปีแห่งความร่ำรวยรุ่งโรจน์ ในรอบ 18 ปี นี่คือวิหารมหาอุจจ์แบบโบราณ ราศีที่มีเหตุเพทภัย วัดใดที่มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์จะมีวิหารมหาอุจจ์  ดังนั้นใครเกิดราศีนี้ อยากรวยทันตาทันใจ ต้องหาโอกาสมาไหว้ หลวงพ่อพระประธาน วัดป่าธรรมโสภณ ดวงดีในรอบ 18 ปี คืออะไร ราหูจะยกย้ายมีตำแหน่งเป็นมหาอุจจ์ หลัง 24 พค ไปปีครึ่ง ดาวประจำตัวท่านจะเป็นดาวมหาอุจจ์  จะใช้เวลาได้ตำแหน่งนี้อีกครั้งนึงอีก 18 ปี บางคนตายไปแล้ว อยากให้รวยสมใจต้องทำอย่างที่ผมว่า หาโอกาสมากราบไหว้ให้ได้ เรื่องการเรียน จะเรียนต่อสำเร็จ สอบเข้าเรียนต่อได้  มีข่าวดีเรื่องการเรียน ยังความชื่นใจมาแก่บิดา มารดา ฟันธงครับ ถ้าจะให้สมหวังสมปรารถนา ต้นปีอย่าไปไหน พาบุตรหลานลูกหลานมาฝากตัว เป็นลูกของพ่อปู่ฤาษี ศรี ที่วัดป่าธรรมโสภณ กราบไหว้ขอกราบตัวเป็นศิษย์ เป็นลูกจะเป็นามงคล  เรื่องการงานในปีนี้ ชาวราศีกุมภ์ จะมีโอกาศในการประสบความสำเร็จ ใครตกงานได้งาน ใครเป็นข้าราชการได้เลื่อนตำแหน่ง มีทั้งนักการเมือง นักแสดง มหาเศรษฐี คนที่ทำผับเทคบ่อนบาร์ คนเกิดราศีนี้มัก ศรีษะเถิก อยู่ราศีนี้หมด  คนเกิดราศีนี้มีสิทธิรวยอย่างฉับพลัน การงานรุ่งโรจน์ ลงทุนทำการค้าลุย ประสบความสำเร็จ ฟันธง เรื่องการเงิน ปีนี้เป็นปีทอง  ที่ท่านกอบโกยแล้วรวยทำในสิ่งที่ถูกต้องตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงปีนี้ แล้วปีนี้ตั้งแต่มกราคมจนถึงเมษายนมีโอกาสรวยแบบไม่ทันตั้งตัวฟันธงครับ  ขออย่าให้งอมืองอเท้าดวงชะตาดีแล้วต้องเร่งบุญเร่งวาสนาสร้างบุญสร้างกุศล และมาที่วัดป่าธรรมโสภณ อย่างที่ผมแนะนำ ความรักในปีนี้จะสุขสมหวัง เจอคู่ผู้รู้ใจ ดวงชะตาคุณ เป็นดวงกินเด็ก จะมีคู่อายุน้อยกว่า 5 –7 ปี ที่สำคัญคุณจะมีเด็กที่อายุน้อยกว่าแต่ดุ  ได้เมียดุ ผัวดุ แต่เป็นคนที่มีอำนาจบารมี คู่บุญคู่บารมี ใครมีครอบครัวแล้วจะ มีบุตรไว้สืบวงศ์ตระกูลในปีนี้ ฟันธงครับ ปีนี้แข็งแรง อุบัติเหตุไม่ปรากฎ มงคลอันสูงสุด ในปีนี้และเป็นมงคลสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืน ดารา ทหาร ตำรวจ นักการเมือง อยากเจริญรุ่งเรืองต้องทำดังนี้ มาที่วัดป่าธรรมโสภณ เท่านั้น มาเขียนแผ่นทองอธิษฐาน เพื่อเตรียมหล่อ พระราหูเต็มองค์ทรงครุฑ ใครที่อยากเป็นดารา ทหาร ตำรวจ นักการเมือง อยากมีตำแหน่งหน้าที่การงาน ให้มากราบที่วัด จะได้อำนาจบารมี หาโอกาสไปกราบพระปางนาคปรก พระเสาร์  ที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน กราบหลวงพ่อนั่ง หลวงพ่อนอน วัดสามพระยา  ไหว้ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี ทำให้ครบจะรวยทันตาทันใจ 
 
  ราศีมีน เกิดระหว่างวันที่ 14  มีค.- 12  เมย.  ปีแห่งการผกผัน ดีก็ดีสุดขั้ว ร้ายก็ร้ายจนน่ากลัว แต่มีวิธีแก้ไข...
ท่านที่เกิดราศีมีน มากราบไหว้สักการะบูชา ภูเขาทองวัดสระเกศ  เพราะปีนี้เป็นปีแห่งการผกผัน ดีก็ดีสุดขั้ว ร้ายก็ร้ายจนน่ากลัว จึงต้องหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านที่เกิดในราศีมีน ต้องหาเทวดาองค์นี้ เป็นเทวดาพฤหัสบดีทรงกวางทอง เป็นเทพประจำตัวราศีมีน เรื่องของการเรียนจะอ่านจะเขียนจะเรียนอะไรก็ประสบความสำเร็จ สอบเข้าเรียนต่อได้เพื่อนฝูงดี ตั้นแต่ต้นปี ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะก่อน 4 พค .อ่านเขียนเรียนสอบประสบความสำเร็จ ฟันธง การงานมักทำงานที่เกี่ยวข้องกับราชการ รัฐวิสาหกิจ งานบริหารวางแผน การจัดการ บริษัทข้ามชาติ หรือคนทำงานด้านการปกครอง การบันเทิง พ่อค้าแม่ขายปีนี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ความสำเร็จอันใดที่เป็นสิ่งที่ใช่จะปรากฏก่อน 4 พค.คิดอยากทำอะไรตั้งใจทำอะไร สำเร็จทุกประการ ฟันธง ก่อน 4 พค รีบหลังจากนั้นอันตราย ใครตกงานมีเกณฑ์ได้งาน ตามที่ปรารถนา จะสอบจะบรรจุ ให้สำเร็จก่อน 4 พค ใครก็ตามทีมีเกณฑ์เลื่อนขั้นในปีนี้ ให้ตั้งใจทำงาน ข้าราชการรัฐวิสาหกิจ มีเกณฑ์เจริญรุ่งเรืองขึ้นฟันธงตตรับ ใครที่เป็นพ่อค้าแม่ขาย เป็นปีซื้อง่ายขายคล่อง หลัง 4 พค ไหลมาเทมามีโอกาสได้เงินก้อนใหญ่ มีโอกาสรวยทำอะไรก็รุ่ง ฟันธง การเงิน 7 มค แล้วไหลมาเทมามีโอกาสได้เงินก้อนใหญ่ มีเงินเป็นกอบเป็นกำ มีหนี้หมดหนี้ ได้กำรี้กำไร  เรื่องความรักสมหวังก่อน 4 พค มีโอกาสเจอคู่แท้ หลัง พค ต้องจบกัน ไม่ใช่คู่แท้ก็จะจากไป คนที่เกิดราศีมีนก็จะอาภัพครับ คู่ของท่านเป็นคนช่างพูดช่างคิด ช่างวางแผน ถ้าจะให้สมหวังเรื่องความรักต้องให้ลงเอยก่อนวันที่ 4 พค หลังจากนั้นจะมีเกณฑ์เลิก พลัดพรากจากกัน เพราะไม่ใช่คู่แท้เป็นคู่เวรคู่กรรม หลายคนในราศีมีนนะคะ แต่งงานหลายหนหรือผิดหวังในความรัก ต้องทำใจ เพราะเป็นวิบากแห่งชะตากรรม เมื่อเจอใครหาโอกาสไปไหว้พระชวนกันไปทำบุญ จะค้ำจุนเกือกูลต่อกัน เรื่องสุขภาพให้ระวังอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วย ต้องระมัดระวัง ตรวจร่างกายทุก 3 - 6 เดือน อุบัติเหตุก็ต้องระวังขับรถอย่าประมาท หาสิ่งดีๆ คุ้มครองตัว  สิ่งที่ชาวราศีต้องไปกราบคือ 1.พระบรมราชนุสาวรีย์ ตั้งแต่เหนือ พ่อขุนเม็งราย จ.เชียงราย เจ้าแม่จามเทวี จ.ลำพูน ตลอดจนพระบรมราชานุสาวรีย์พระนารายณ์มหาราช ที่สุพรรณบุรี หรือ ที่วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยาหรือ อนุสาวรีย์กลางเมืองลพบุรี สมเด็จพระนารายณ์มหาราช  พระบรมราฃาอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชที่วงเวียนใหญ่  พระบรมราชานุสาวรีย์ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่สะพานพุทธ  พระปิยะมหาราชที่พระบรมรูปทรงม้า  ให้ไปกราบสักการะจะเป็นมหามงคล และพ่อขุนรามคำแหง จะไปไหว้ที่ ม.รามคำแหง หรือ ที่สุโขทัยก็ได้จะเป็นมงคล 2. พระปางนาคปรก ศาลหลักเมือง กทม  หรือ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่วัดไตรมิตร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ องค์ละ 2-300 ร้อย ท่านจะแคล้วคลาด ปลอดภัย เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงนั่งหลั่งน้ำประกาศอิสรภาพ จะเป็นมหามงคลคุ้มครองให้ท่านโชคดี ขอให้คุณโชคดี เจริญรุ่งเรืองในปี 54 ฟันธงครับ
 
  ราศีเมษ  เกิดระหว่างวันที่ 13 เม.ย.- 13 พ.ค.   ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตจากร้ายกลายดี
 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ราศีเมษเป็นราศีเดียวกับดวงเมืองประเทศไทย หลายปีที่ผ่านมามีเมืองไทยวุ่นวาย ทั้งเจอวิกฤตทางเศรษฐกิจ สังคมการเมือง อิรุงตุงนัง แถมปลายปียังมีภัยทางธรรมชาติทางน้ำ พายุเข้ามาอีก แต่ปี 2554 เป็นปีที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตจากร้ายกลายดี ดาวประจำตัวของคนที่เกิดราศีเมษ คือดาวอังคาร ในปี 2553 ที่ผ่านมา โคจรวิปริต เดินหน้า ถอยหลังยึกๆยักๆ  ปี 2554 ดาวโคจรเดินหน้าอย่างเป็นจังหวะ จะโคน ดาวศุกร์ซึ่งเป็นตัวแทนของความสุข ความรัก การเงิน โคจรเป็นปกติตลอดปี และมีตัวโคจรอย่างรวดเร็วแสดงถึงเกิดผลเร็วแสดงว่าเป็นปีที่มือใครยาวสาวได้สาวเอา สำหรับท่านที่เกิดในราศีเมษ ขยัน ตั้งใจ รุกแล้วลุย จะสำเร็จ ฟันธง!  เมื่อสำเร็จอย่างนี้ แปลว่า ไม่ว่าจะอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ตั้งใจขยันอ่านเขียน เรียน สอบ สำเร็จทุกประการ ฟันธง! ครับ  เรื่องการงาน คนคิดจะลงทุน จังหวะนี้ไม่ต้องรอ ลุย แล้วสำเร็จมั่นคง ข้าราชการก็เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง โดยเฉพาะจุดที่เลื่อนหรือเปลี่ยนแปลง จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค.  วันที่ 4 พ.ค. ดาวพฤหัสบดี ที่เป็นตัวแทนแห่งโชคลาภ และความสำเร็จ โคจรทับดวงชะตาของท่านที่เกิดในราศีเมษ และประเด็นสำคัญ ในวันที่ 24 พ.ค. ดาวราหูจะโคจรเข้าสู่พระศุภะ ดาวราหูจะโคจรเข้าสู่มรณะ ดาวแห่งความวุ่นวาย ดาวแห่งความมืดมนจะไปอยู่ในมุมมืด อยุ่ในมุมอับ ไม่ส่งผลร้ายต่อชาวราศีเมษ เมื่อชีวิตดวงดี เริ่มดี คุณก็ต้องคิดดีทำดี และหลังจากนั้นสิ่งที่ตามมาคือ เงินทองไหลมาเทมา ตลอดทั้งปี เริ่มเหลือเก็บ และลงทุนเริ่มมีกำรี้กำไร ความรักในปี 2554 ใครเป็นโสด เจอคู่แท้ ฟันธง! ใครยังไม่ได้แต่งจะได้แต่ง ฟันธง! ใครที่มีครอบครัวแล้ว ยังไม่มีบุตรไว้สืบวงศ์ตระกูล ปี 2554 อาจจะมีบุตรไว้สืบวงศ์ตระกูล ฟันธง! เพราะฉะนั้น ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ท่านจะมีอุปสรรคหรือปัญหาอะไร ให้รู้เอาไว้ ท่านจะชนะทุกอย่าง ถ้าลุกขึ้นสู้ แล้วมีใจสู้ ปีนี้ที่จะเป็นมหามงคลสำหรับชีวิตคือ การมีโอกาสไปกราบสักการะหลวงพ่อแก้วมรกต ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือหลวงพ่อพระแก้วมรกต ที่วัดพระแก้วเชียงราย จังหวัดเชียงราย ศาลหลักเมืองกรุงเทพ เพราะจะสร้างเมืองสร้างชีวิต ต้องเอาผ้าไปผูกขอพรจากศาลหลักเมือง เฉกเช่นเดียวกัน หลักเมืองที่เป็นมหามงคล มี 108 องค์ 108 ต้น อยู่ที่จังหวัดเชียงราย พระพุทธมหาเศรษฐีนวโกฎิ ที่ภูเขาทองวัดสระเกศ ปีนี้แขวนพระเสริมดวง พระพิฆเนศวร์วิเศษลาภา จะมีโชคลาภ มีปัญญา สมปรารถนา พระเศรษฐีนวโกฎิ แขวนติดตัวประจำตน ไม่อับจนมีเงินมีทอง ปี2554 จะโชคดี มั่นคง ร่ำรวย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #195 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 00:05:17 »

 ขอบคุณค่ะป๋า...
      บันทึกการเข้า
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #196 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554, 22:24:47 »

มาดูอยู่
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #197 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 00:06:17 »

 ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #198 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 23:14:44 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=lLaV0Yu53-k" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=lLaV0Yu53-k</a>
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #199 เมื่อ: 05 ธันวาคม 2554, 11:38:19 »

บทสัมภาษณ์ "เสก โลโซ" หลังโดนเมียแฉเรื่องยาไอซ์!!!
(http://www.facebook.com/nightidea)
ทำไมคุณถึงเล่นยา -ใจสั่งมา
เข้าสู่วงการนี้ได้อย่างไร -อยากลอง
เล่นแล้วรู้สึกยังไง -14อีกครั้ง
คิดยังไงถึงเล่น -ฉันไม่สำออย
ยาเสพติดแลกกับอนาคตคุ้มเหรอ -อะไรก็ยอม
ส่วนมากเล่นยาตอนไหน -ฝนตกที่หน้าต่าง
ไปเอายามาที่ไหนครับ -พันธ์ทิพย์
ไปยังไง -มอเตอร์ไซรับจ้าง
ใช้เวลาเสพครั้งละเท่าไหร่ -5นาที
ถ้าไม่ได้เล่นยาคุณจะรู้สึกอย่างไร -แทบขาดใจ
ไม่กลัวครอบครัวเป็นห่วงเหรอ -ไม่ต้องห่วงฉัน
ภรรยาคิดว่าคุณเป็นคนยังไง -คนบ้า
ไม่ดีต่อสุขภาพนะ -ไม่ตายหรอกเธอ
นอกจากยาแล้ว คุณสนใจอย่างอื่นบ้างมั้ย -เงิน
ไม่กลัวตำรวจจับเหรอ -เข้ามาเลย
ตอนนี้รู้สึกอย่างไรที่โดนกระแสด่าอยู่ขณะนี้ -เกลียดตัวเอง
คิดว่าตัวเองตอนนี้อยู่ในสภาพไหน -ผู้ชนะ
ให้คำนิยามตัวเองหน่อย -คนไม่ดี
ชอบเสพย์ตอนไหนมากที่สุด - คืนจันทร์
แล้วทำไมไม่เลิก - ไม่ยอมตัดใจ
ตอนเสพย์คิดอะไรอยู่ - ก้อนเนื้อข้างซ้าย
ตอนนี้พี่รู้สึกยังไงบ้าง -ซมซาน
เห็นลูกๆพี่แล้วรู้สึกยังไง - เจ็บหัวใจ
อยากฝากอะไรถึงเยาวชน -อยากบอกว่าเสียใจ
สุดท้ายมีอะไรฝากถึงแฟนเพลงบ้าง -เคยรักฉันบ้างไหม
ขอบคุณที่สละเวลาครับ -ร็อก แอนด์ โรล!

(เครดิตข้อความเจ๋งๆ : ตัวสำรอง เบเกอรีแมน เราไม่เกี่ยว 555)

 
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 17  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><