พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 21:38:49 » |
|
รางวัลชมเชย นางสาวกรรณิการ์ ป้องทรัพย์ สมุทรปราการ ชื่อภาพ ระกำสาวพันปี
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 21:42:24 » |
|
รางวัลชมเชย นางสาวพัชรินทร์ แสนยัน กรุงเทพมหานคร ชื่อภาพ ตากปลาที่เขมหนู
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 21:47:36 » |
|
รางวัลชมเชย นางศิริพร ชวาลกุล กรุงเทพมหานคร ชื่อภาพ สมบูรณ์ธรรมชาติ
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 21:48:22 » |
|
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 นายหรรษา ตั้งมั่นภูวดล กรุงเทพมหานคร ชื่อภาพ หาดจ้าวหลาว
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 21:49:03 » |
|
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 นายจามิกร สุขทรามร ชลบุรี ชื่อภาพ สูงสุดแห่งศรัทธา
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 21:49:22 » |
|
รางวัลชนะเลิศ นายวีระยุทธ พิริยะพรประภา กรุงเทพมหานคร ชื่อภาพ เมืองแห่งความฝัน
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 22:48:18 » |
|
ถ่ายมาจากไหนคะ,ภาพชนะเลิศ? ดูมัวๆหมอกๆจัง ฟ้าแดงอีกต่างหาก
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2553, 23:26:15 » |
|
เมืองจันทบุรีจ๊ะ คงใส่ฟิวเตอร์ช่วย
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2553, 00:00:05 » |
|
9kpc]h; vpjk'ouh9hv' ธฤ)ณ ]^dgfup;g]pgik
|
pom shi 2516
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2553, 00:22:39 » |
|
พี่ป้อมกระผมอ่านไม่ออก
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #60 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2553, 08:43:42 » |
|
ขออภัย รหัสนี้คิดว่ารู้กันแล้ว พิมพ์ไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทยค่ะ พี่ว่าทำนองนี้นะ ตายแล้วอย่างนี้ต้อง TAXI ลูกเดียวเลยเรา ขืนนั่งรถเมล์หลงแน่ๆ จริงๆนะ
|
pom shi 2516
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #61 เมื่อ: 12 กันยายน 2553, 19:34:45 » |
|
วิธีแก้อาการ "หึง"
1. บอกเขาแต่แรกว่าคุณขี้หึง ไม่ต้องอาย บอกเขาว่าคุณจะพยายาม แก้นิสัยนี้แต่ขอให้เขาเข้าใจด้วยการบอกตรง ๆ เช่นนี้ จะทำให้เขายิ่งระวังตัว ไม่ทำอะไรให้คุณหึง เมื่อคุณเห็นเขาทำอะไรที่จะเริ่มรู้สึกหึง ให้รีบบอกไปเลยว่ามันบาดตานะ ที่เขาทำอย่างนั้นกับผู้หญิงคนอื่น บอกว่า ไม่ชอบให้ทำแบบนี้เลย ให้บอกเขาถึงความรู้สึก ไม่ใช่ต่อว่าเขานะ 2. อดทนไม่พูดจาประชดประชัน เมื่อรู้สึกหึงหวง ไม่ตวาดหรือพูดเฉยชากับเขาใช้ไม่ได้ผลหรอก 3. อย่าเอ่ยปากถามถึงผู้หญิงที่คุณหึงหวง ในทำนองว่า หล่อนน่ารักกว่าฉัน เพราะนั่นหมายถึง คุณสร้างความรู้สึกแล้วว่าหล่อนเป็นคู่แข่งกับคุณ และหล่อนมีความสำคัญ ต่อความรู้สึกคุณ จึงไม่น่าจะนำมาใส่ใจหน่า 4. อย่ารุกเร้าเขาให้สัญญากับคุณ หรือทำอะไรที่เป็นการพิสูจน์ว่า เขารักคุณในยามที่คุณหึง เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกว่าคุณไม่ไว้ใจเขา 5. อย่าไปราวีผู้หญิงที่คุณสงสัย จงอยู่เฉย ๆ ในเขตแดนของคุณ ยิ่งถ้าคุณใจร้อน ลงมือทำอะไรไปจะทำให้เหตุการณ์ต่าง ๆ จะลุกลามไปกันใหญ่จากเล็ก ๆ น้อย ๆ กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเสียคะแนนไปเปล่า ๆ อย่าทำอย่างนั้นนะจ๊ะ 6. อย่าขู่ว่าจะเลิกกับเขา เพราะถ้าบอกเลิกกันบ่อย ๆ มันไม่ดีหรอก เกิดวันใดวันหนึ่งเขาเลิกกับคุณเข้าจริง ๆ ทีนี้จะทำอย่างไรล่ะถ้าพูดไปอย่างนั้นเอง 7. สร้างความมั่นใจในตัวเอง อย่าลดค่าตัวเอง อย่าคิดว่าหล่อนคนนั้น ผมยาวกว่า เซ็กซี่กว่า เพราะหนุ่มของคุณ อาจนิยมชมชอบคุณอย่างที่คุณเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว 8. ต้องคิดอยู่เสมอว่า คุณไม่อาจเป็นเจ้าของใคร คนหนึ่งได้ตลอดไปไม่ควรที่จะยึดติด เพราะโลกนี้ก็ไม่แน่นอน 9. อย่าพยายามตามคุมเขาในช่วงที่คุณเริ่มหึงหวง การตามคุมทำให้ผู้ชายอึกอัด จาอาจจะคิดหาแฟนใหม่จริง ๆ ก็ได้ 10. ไม่ทำตัวขี้หึงในเรื่องเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา เช่น ยิ้มกับหญิงอื่นก็หึงแล้ว คุณควรหึงในสถานการณ์ที่ควรจะหึง จึงจะทำให้ผู้ชายเกิดความเกรงใจ
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #62 เมื่อ: 13 กันยายน 2553, 17:26:36 » |
|
เตียวจูล่ง 趙雲 จูล่ง (อังกฤษ: Zhao Yun; จีนตัวเต็ม: 子龍; จีนตัวย่อ: 子龙; พินอิน: Zǐlóng) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก ชื่อจริงคือ เตียวหยุน (จีนตัวเต็ม: 趙雲; จีนตัวย่อ: 赵云; พินอิน: Zhào Yún) แม่ทัพคนสำคัญของเล่าปี่ ในยุคสามก๊กของประเทศจีน และเป็น 1 ใน 5 ขุนพลทหารเสือของเล่าปี่ ในวรรณกรรมสามก๊กโดยจูล่งเป็นทหารเสือคนที่ 3 จูล่ง ได้รับฉายาว่าเป็น "สุภาพบุรุษจากเสียงสัน" เกิดในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 2 ที่อำเภอเจินติ้ง เมืองเสียงสัน มีแซ่เตียว (จ้าว) แต่ไม่มีใครเรียกว่า เตียวจูล่ง สูงประมาณ 6 ศอก (1.89 เมตร) หน้าผากกว้างดั่งเสือ ตาโต คิ้วดก กรามใหญ่กว้างบ่งบอกถึงนิสัยซื่อสัตย์ สุภาพเรียบร้อย น้ำใจกล้าหาญ สวมเกราะสีขาว ใช้ทวนยาวเป็นอาวุธ พาหนะคู่ใจ คือ ม้าสีขาว คอยติดตามเล่าปี่ และขงเบ้ง จูล่งเป็น 1 ใน 5 ขุนพลทหารเสือที่ เล่าปี่แต่งตั้งขึ้น ประกอบด้วย จูล่ง กวนอู เตียวหุย ม้าเฉียว และฮองตง
จูล่ง เดิมเป็นชาวเมืองเสียงสัน ต่อมาได้มาเป็นทหารของอ้วนเสี้ยว แต่อ้วนเสี้ยวหยาบช้า ไร้น้ำใจ จูล่งจึงหนีไปอยู่กับกองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋ง โดยที่ขณะนั้นกองซุนจ้านได้ทำศึกกับอ้วนเสี้ยว จูล่งยังได้ช่วยชีวิตกองซุนจ้านไว้แล้วสู้กับบุนทิวถึง 60 เพลง จนบุนทิวหนีไป ต่อมาจูล่งได้มีโอกาสรู้จักกับเล่าปี่ ทั้งสองต่างเลื่อมใสซึ่งกันและกัน เมื่อกองซุนจ้านฆ่าตัวตายเพราะแพ้อ้วนเสี้ยว จูล่งจึงได้ร่อนเร่พเนจรจนมาถึงเขาโงจิวสัน ซึ่งมีโจรป่ากลุ่มหนึ่งมีหุยง่วนเสียวเป็นหัวหน้า หุยง่วนเสียวคิดชิงม้าจากจูล่ง จูล่งจึงฆ่าหุยง่วนเสียวตายแล้วได้เป็นหัวหน้าโจรป่าแทน ต่อมากวนอูได้ใช้ให้จิวฉองมา ตามหุยง่วนเสียวและโจรป่าไปช่วยรบ จิวฉองเมื่อเห็นจูล่งคุมโจรป่าจึงคิดว่าจูล่งคิดร้ายฆ่าหุยง่วนเสียว จิวฉองจึงตะบันม้าเข้ารบกับจูล่ง ปรากฏว่าจิวฉองต้องกลับไปหากวนอูในสภาพเลือดโทรมกาย ถูกแทงถึง 3 แผล (สำนวนสามก๊กฉบับวณิพกของ ยาขอบ) จิวฉองเล่าว่าคนผู้นี้มีฝีมือระดับลิโป้ ดังนั้นกวนอูกับเล่าปี่จึงต้องรุดไปดูด้วยตนเอง แต่เมื่อได้พบกันจูล่งก็เล่าความจริงทั้งหมด ตั้งแต่นั้นมาจูล่งก็ได้เป็นทหารเอกของเล่าปี่
ในปี พ.ศ. 751 จูล่งสร้างวีรกรรมครั้งสำคัญคือ ฝ่าทัพรับอาเต๊า บุตรชายของเล่าปี่ที่เกิดจากนางกำฮูหยิน ซึ่งพลัดหลงกับเล่าปี่ที่ทุ่งเตียงบันโบ๋ จูล่งทำการครั้งนี้เพียงคนเดียว ท่ามกลางทหารและองครักษ์มากมายของโจโฉที่ยกทัพลงทางใต้หวังรวบรวมแผ่นดิน และได้ฆ่าทหารเอกและทหารเลว ของโจโฉมากมาย ตั้งแต่ 03.00 น. จนถึง 15.00 น. ของอีกวัน และบุกไปชิงตัวอาเต๊าคืนมาจากซุนฮูหยิน ที่ต้องกลของซุนกวนหวังจะดึงไปเป็นตัวประกันที่ง่อก๊ก เป็นผู้ที่ติดตามเล่าปี่ตลอด แม้จะไม่ได้สาบานเป็นพี่น้องกันเหมือน กวนอูและเตียวหุย แต่จูล่งก็เรียกกวนอูและเตียวหุยว่า "พี่สองและพี่สาม" แต่กับเล่าปี่ จูล่งจะเรียกว่า "นายท่าน" ตอนที่เล่าปี่จะสิ้นใจในเรียก ขงเบ้งเข้าพบ และเรียกจูล่ง ทรงตรัสด้วยคำพูดว่า " ท่านกับเรานั้นต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา แต่มาบัดนี้ ชะตากรรมกำลังพรากเราสอง ขอให้ท่านนึกถึงนำใจเก่าก่อนช่วยเหลือบุตรเราและท่านขงเบ้ง ฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นอัญเชิญราชวงศ์ฮั่นกลับสู่ราชธานีลกเอี๋ยงด้วย "
และหลังจากที่เล่าปี่เสียชีวิตลง จูล่งเป็นทหารสังกัดของขงเบ้ง เมื่อยามศึกยังสู้แม้ตัวเองแก่แล้ว มีครั้งหนึ่ง ก่อนรบศึกกับฝ่ายวุยก็ก ช่วงนั้นขงเบ้งเลือกทหารให้ไปรบ แต่กลับไม่เลือกจูล่ง เพราะขงเบ้งว่าจูล่งแก่แล้ว แต่จูล่งกลับแย้งขี้นมา จูล่งเสียชีวิตอย่างสงบในเมืองฮั่นจง เมื่อปี พ.ศ. 772 หลังจากที่จูล่งตาย ขงเบ้งได้รำพันออกมาว่า "แขนซ้ายข้าขาดแล้ว" และเป็นลมสิ้นสติไปด้วยความเสียใจ ซึ่ง ตัวละคร จูล่ง มักเป็นตัวละครที่ผู้อ่านสามก๊กชาวไทยมักจะตอบว่า ชอบที่สุดในบรรดาตัวละครทั้งหมดในเรื่อง เนื่องจากเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ ทำการโดยไม่เห็นแก่ลาภยศ
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
Lamai
|
|
« ตอบ #63 เมื่อ: 13 กันยายน 2553, 21:17:44 » |
|
เฮ้อ.....คงจะไม่ได้ใช้ว่ะ เอ๊ยยย...ค่ะ
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #64 เมื่อ: 29 กันยายน 2553, 22:57:55 » |
|
กำหนดการ วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2553
08.30 น. ถึงวัดสังฆทาน อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อขึ้นรถจากวัดสังฆทานเดินทาง
ไปบ้านสว่างใจ วัดถ้ำกฤษณาธรรมราม ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
13.00 น. ออกเดินทางจากวัดสังฆทานไปบ้านสว่างใจ จ.นครราชสีมา
16.00 น. ไปตลาด อ.ปากช่อง เพื่อรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย
17.00 น. ถึงบ้านสว่างใจ วัดถ้ำกฤษณาธรรมราม ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
19.00 น. ถึงห้องปฏิบัติรวม รับศีล 8 ปฐมนิเทศการอยู่ร่วมกันตลอดเวลา 3 วัน
กิจกรรม ตั้งแต่วันอังคารที่ 5 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2553
เวลา 04.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเช้า
04.30 น. อบรมสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน 4
06.30 น. อาหารเช้า
07.30 น. เดินจงกรม
09.00 น. อาหารว่าง
10.30 น. อาหารกลางวัน
13.00 น. ทำวัตร สวดมนต์
13.30 น. อบรมสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน 4
15.30 น. ปัดกวาดเสนาสนะ
16.30 น. เดินจงกรม
17.30 น. อาหารว่าง
19.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น
19.30 น. อบรมสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน 4
21.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2553
เวลา 04.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเช้า
04.30 น. อบรมสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน 4
06.30 น. อาหารเช้า
07.30 น. เดินจงกรม
09.00 น. อาหารว่าง
11.00 น. อาหารกลางวัน
14.00 น. เดินทางออกจากบ้านสว่างใจ วัดถ้ำกฤษณาธรรมราม จ.นครรราชสีมา
17.00 น. ถึงวัดสังฆทาน อ.เมือง จ.นนทบุรี (โดยประมาณ)
สิ่งที่ต้องนักศึกษาต้องนำไปใช้ในโครงการคือ
1. ความเงียบ ความสุภาพ ต้องปิดวาจาทุกคน ห้ามส่งเสียงดัง (จำเป็นมากที่สุด)
2. เสื้อสีขาวแขนสั้นหรือยาว เสื้อยืดหรือผ้าธรรมดาตามอัธยาศัย
3. กางเกงขายาวสีขาว (ถ้ามี) ผ้าถุงสีขาว (ถ้ามี)
4. ยารักษาโรค (ถ้ามี)
5. ไฟฉาย (จำเป็นมาก)
6. ร่ม (จำเป็น)
7. สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน
8. ขันน้ำ (ถ้ามี)
9. ผ้าห่ม หรือ ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ หรือ ถุงนอน (อากาศในเวลากลางคืนหนาวเย็นเพราะอยู่ติดเขา)
10. ไม้แขวนเสื้อ (ตามอัธยาศัย)
11. รองเท้าแตะ (จำเป็นมาก)
12. ปากกา (ต้องเขียนตอบแบบสอบถามและใช้บันทึกกิจกรรม)
13. เงินชำระหนี้สงฆ์ตามแต่ศรัทธา (ชำระค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าเหยียบแผ่นดิน)
พวกเราต้องไปอยู่ ร่วมกับผู้ปฏิบัติอื่นๆ ของวัดสังฆทาน อีกประมาณ 100 คน ต้องระมัดระวังมาก เพราะอาจไปทำให้ ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยฯ เสียหาย รุ่นน้องของเราต่อไปอาจจะไม่ได้รับความสะดวก คอร์สนี้เป็นคอร์ สที่ต้องปิดวาจา ควรพูดได้ในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้นและต้องพูดด้วยเสียงที่เบามากๆ
สิ่งที่ไม่ต้องนำไป
1. ความคิดและท่าทางที่เศร้าหมอง กิริยาที่ไม่สุภาพเรียบร้อยไม่ต้องนำไปด้วย
2. บุหรี่ สุรา ไพ่ สิ่งเสพติดทุกชนิด กลิ่นบุหรี่ กลิ่นสุราเมื่ออยู่ในป่าจะมีกลิ่นที่แรงและฉุนมาก
ถ้าฝ่าฝืนไปแอบทำที่ใดก็ตาม (ในห้องน้ำหรือในป่าหรือที่อื่นๆ) จะถูกตัดแต้มครั้งละ 20 คะแนน
3. วาจาหยาบคายไม่สุภาพ ไม่สำรวม ถูกตัดแต้มคำละ 10 คะแนน
4. ชกต่อย ทำร้ายกัน ถูกตัด คะแนน 100 % ของวิชาที่เรียนกับครูทั้งขณะนี้และในอนาคตทุกวิชา
5. กางเกงขาสั้น เสื้อรัดรูป เสื้อที่ใช้ผ้าบาง ๆ ไม่ต้องนำไปเพราะไม่ได้ใช้
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: 30 กันยายน 2553, 20:38:23 » |
|
พี่ป๋าพูดถึงอะไรน่ะ?? ไม่มีปี่..ไม่มีขลุ่ย รู้แต่ : อะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ แต่ : ใคร ทำไม ไม่รู้
|
|
|
|
Kaimook
|
|
« ตอบ #66 เมื่อ: 30 กันยายน 2553, 23:47:56 » |
|
ตามมาชมภาพสวยๆค่ะป่าทู...
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #67 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2553, 03:28:54 » |
|
“โรคซึมเศร้า” หรือภาษาฝรั่งเรียก “Depression” อาการโดยทั่วไปก็จะเป็นไปตามชื่อโรคนั่นแหละครับ คือมีอาการซึม เศร้า อยู่ตลอดเวลาหรือเป็นเวลาส่วนใหญ่ของการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น พอเผลอๆ ก็จะนั่งซึมๆ เหม่อๆ แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง และนอกจากนี้แล้วยังมีอาการอื่นๆ ที่สังเกตได้อีกดังนี้
• อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป เอาอย่างที่พบได้บ่อยที่สุดคือ กลายเป็นคนมีอารมณ์เศร้าสร้อย หดหู่ สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย ดูเหมือนจะกลายเป็นคน sensitive ไปเสียทุกเรื่อง อดทนกับการว่ากล่าวเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว โลกนี้ดูโหดร้ายไปหมด ไม่ยุติธรรมเลย ซึ่งถ้าในรายที่ไม่พูดตรงๆ อย่างนี้ก็อาจจะมีบ่นๆ เบื่อๆ อยากๆ บ้าง รู้สึกไม่แจ่มใสสดชื่นบ้าง หลายคนเบื่อหน่ายในชีวิต รู้สึกไม่สนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตที่เคยทำแล้วสนุกเหมือนก่อน หรือในบางรายก็อาจจะกลายเป็นคน หงุดหงิดโมโหง่าย ฉุนเฉียวง่าย ทุกอย่างดูขวางหูขวางตาไปหมด
• ความคิดเปลี่ยนไป คนซึมเศร้าจะมองโลกไม่เหมือนก่อน มองอะไรก็รู้สึกว่าแย่ไปหมด เห็นแต่ความผิดพลาดความล้มเหลวของตนเอง รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้อะไรๆ ก็ดูแย่ไปหมด ไม่มีทางออก รู้สึกท้อแท้หมดหวังกับชีวิต บางคนกลายเป็นคนไม่มั่นใจในตนเอง การตัดสินใจเป็นไปด้วยความลังเล หรือไม่กล้าตัดสินใจแม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยความที่กลัวผิดพลาด รู้สึกไร้ค่า หมดความหมาย หมดราคา รู้สึกเป็นภาระต่อเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง
• ความจำและสมาธิแย่ จะมองเห็นชัดมากในรายที่ปกติจำได้แม่นยำ โดยคนรอบข้างจะมองเห็นได้ว่าเริ่มมีอาการป้ำๆ เป๋อๆ บ่นว่าของหายบ่อยหรือลืมว่าวางไว้ตรงไหน ประสิทธิภาพในการทำงานแย่ลง ทำงานผิดพลาดบ่อย หรือบางรายก็บ่นว่าอยากลาออกจากงาน ไม่มีอารมณ์ในการทำงาน จนบางครั้งก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานได้ หรือถ้าเกิดขึ้นในเด็กวัยเรียนก็จะมีอาการไม่อยากไปโรงเรียน การเรียนแย่ลงอย่างมาก หรืออาจจะบ่นว่าเรียนไม่รู้เรื่อง โดยอาจจะค่อยเป็นค่อยไปหรือเป็นโดยเฉียบพลันก็ได้
• เกิดอาการทางร่างกาย ที่พบบ่อยก็คือปวดหลัง ซึ่งที่จริงแล้วอาการนี้อาจไม่ได้เกิดจากความ เครียดเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าโรคซึมเศร้านั้นมักมาพร้อมกับความ เครียดด้วย ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวอยู่เป็นระยะเวลานานๆ ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ ถ้าเป็นอยู่นานก็จะกลายเป็นโรคปวดหลัง เรื้อรัง อาการอื่นๆ ที่พบได้ เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง กำลังวังชาถดถอย บางรายเกิดควบคู่กับกลางคืนนอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ นอนหลับไม่สนิท ฝันร้าย หรือนอนมากไปเลย บวกกับอาการไม่อยากทำอะไร ทำให้คนอื่นมองว่าเป็นคนขี้เกียจ นั่งๆ นอนๆ บางคนผอมลงมากเพราะเบื่ออาหาร แต่บางคนก็อ้วนขึ้นเพราะกินอาหารมากขึ้น
• ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเปลี่ยนไป ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะอยากเก็บตัว อยู่คนเดียว ไม่ออกไปไหน ไม่ค่อยอยากทำอะไร ไม่อยากเจอใครแม้กระทั่งกับคนในบ้าน บางครั้งก็อาจมีปากเสียงกันบ่อยขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 06:04:29 » |
|
Q : ผู้หญิงเซ็กซี่ดูมีเสน่ห์ในสายตาผู้ชายมากกว่าผู้หญิงทั่วไปจริงหรือเปล่าคะๆ แล้วถ้าอยากทำตัวเซ็กซี่บ้าง ต้องประมาณไหน ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ?
A : คงต้องยอมรับว่าการแต่งตัวน้อยชิ้นหรือเซ็กซี่นั้น เป็นวิธีดึงดูดความสนใจของทุกคนที่ได้ผล แต่ดึงดูดแล้วยังไงต่อนั้นเป็นคนละเรื่องกันอันผู้หญิงลองเดินแก้ผ้าเปิดมรดกหราลอยเด่นสง่ามาเลยนั้น ถ้าไม่สวยสุดใจจริง ๆ น้อยนักจะน่าดูนะ ผู้ชายยิ่งไม่ต้องพูดถึง น่ากลัวเข้าไปใหญ่ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะมันไม่เหลืออะไรให้จินตนาการไง ถ้าคิดจะโชว์ก็โชว์ แต่พอวูบ ๆ วาบ ๆ ให้พอตื่นเต้น ส่วนที่เหลือในร่มผ้าก็ปล่อยให้เขาไปฝันต่อเอง ซึ่งโดยมากจินตนาการมักสวยกว่าความจริงนัก เพราะเรามักรวมฮิต สิ่งที่ดีที่สุดของประสบการณ์ที่เราเคยเห็นมาไว้ในความฝันนั้น ๆ เช่น ริมฝีปากของ โจลี่ ขายาวเรียวของ คาเมรอน ดิแอช ดูมดูมของ ทาทา ดวงตาของ ชารอน เป็นต้น
สรุปที่จะบอกคือ เซ็กซี่มีระดับของมัน ถ้ามากเกินจะดูอี๋แหวะได้ไม่รู้ตัว เปิดพองาม คงดูดี มีเสน่ห์ เปิดมากไปหน่อย แน่นอนใครต่อใครคงหันมาดู แต่ดูแล้วเค้าจะคิดยังไงต่อละ ถ้าคุณอยากให้ผู้ชายที่คุณปลื้มเห็นคุณเป็นแต่วัตถุทางเพศก็ขอให้ตั้งใจ แหวกซ้าย ถกขวา ถลกหน้า เปิดหลังต่อไปสมดังเจตนาแล้วกัน อันผู้ชายนั้นชอบอยู่แล้ว เปิดให้ดูฟรี ๆ ก็ยินดีดู แต่ถ้าจะต้องเสียเงินดูก็ขอคิดก่อนแล้วกันว่าคุ้มไหม แต่ถ้าคุณทำตัวให้ดูดีทรงคุณค่า เค้าก็จะมองคุณอย่างของที่มีค่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจากนี้ต้องใส่เสื้อคอเต่าแขนยาว รองเท้าหุ้มข้อซะมิดชิด มันก็สุดขั้วไป อยากเซ็กซี่เป็นสิ่งดี แต่อย่าลืมดูทรัพยากรพื้นฐานที่เรามี และต้องทำให้พอดี ซึ่งตรงคำว่า "พอดี" นี่แหละที่ยากที่สุด โป๊บนแล้วอย่าโป๊ล่างมาก เลือกปิดให้มากกว่าเลือกเปิดละกันผมว่า โชว์ทีละอย่าง ที่เหลือเก็บ ๆ ไว้บ้างก็ดี
รสนิยมเป็นเรื่องสอนยาก เอาเป็นว่าหากอยากแต่งตัวแนวเสี่ยง ๆ ต้องไม่หลอกตัวเองว่าที่ใครต่อใครมองชั้นนั้นเพราะสวย เค้าอาจจะมองเพราะคิดว่าเธอช่างกล้าและบ้าบิ่น แต่งตัวเซ็กซี่แบบผิด ๆ เหมือนชีวิตไม่มีเพื่อนสนิทคอยเตือนอยู่ก็ได้ ค่อย ๆ เรียนรู้ค่อย ๆ แต่ง อย่ามั่นใจมากไป จนกลายเป็นตัวตลกที่ทำให้เซ็กซ์หดหู่มากกว่าซู่ซ่านะ และแทนที่จะตั้งใจใส่เสื้อผ้าน้อยขึ้น เอาแค่ตั้งใจทำให้ตัวเองดูดีที่สุดแบบธรรมชาติก็พอละกันนะ เพราะสำหรับผมแล้ว ผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดคือผู้หญิงที่ผมรักล่ะครับ ไม่ใช่ผู้หญิงที่แต่งตัวน้อยชิ้นที่สุดแต่อย่างใด และในเรื่องนี้ผมว่าผู้ชายส่วนใหญ่น่าจะมองคล้าย ๆ กันนะ
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=195&post_id=101784&title=%CD%C2%D2%A1%E0%AB%E7%A1%AB%D5%E8%E3%B9%CA%D2%C2%B5%D2%BC%D9%E9%AA%D2%C2...%B7%D3%C2%D1%A7%E4%A7%E4%B4%E9%BA%E9%D2%A7?-
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #69 เมื่อ: 14 มีนาคม 2554, 21:44:41 » |
|
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #70 เมื่อ: 14 มีนาคม 2554, 23:34:19 » |
|
พี่ป๋าอย่าลืมไป, สวมเสื้อสีอะไร เตรียมคิดล่วงหน้า! ขอเด่น ขอเข้ม เกินหน้าคนข้างๆ...เป็นพอ งานตอนเย็น?งั้นเข้าgap! แต่ถ้ากลางวันต้องรับเสด็จ..ก็ถือใส่ถุงไปด้วย
สรุป:ถือกล้องไปด้วย เก็บภาพมาฝากคนไกลเยอะๆ
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #71 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2554, 22:40:21 » |
|
มติชนออนไลน์ -วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 21:30:00 น. พรรคของผม โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
ถ้าผมมีพรรคการเมืองเป็นของตัวเองเหมือนคุณบรรหาร คุณสุวัจน์ คุณทักษิณ คุณเนวิน หรือคุณสนธิ ผมจะเสนอนโยบายบางอย่างแก่ผู้เลือกตั้ง และหวังว่าพรรคของผมจะได้รับเลือกตั้งจำนวนมาก ไม่ในครั้งนี้ก็ครั้งหน้า ผมขอเสนอเพียงบางนโยบายที่ตรงกับการหาเสียงของพรรคการเมืองเวลานี้
1.พรรคของผมจะไม่ลดหย่อนดอกเบี้ยให้แก่การผ่อนรถคันแรก แต่กลับมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน โดยทำให้การขนส่งสาธารณะมีความสะดวกปลอดภัยมากขึ้น และเพื่อจะทำอย่างนั้นได้ ไม่ใช่การทุ่มเงินลงไปสร้างรถไฟเพียงอย่างเดียว แต่ต้องขจัดรถส่วนบุคคลออกไปจากท้องถนนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย ฉะนั้นในระยะยาวแล้ว พรรคของผมจะทำให้การใช้รถยนต์มีต้นทุนสูงขึ้นตลอด นับตั้งแต่ที่จอดรถซึ่งหาได้ยากขึ้น ห้ามนำรถขึ้นจอดบนทางเท้าอย่างเด็ดขาด เปิดพื้นที่ถนนแก่รถสาธารณะเป็นพิเศษ ฉะนั้นรถส่วนบุคคลจะเดินทางได้ช้าลงกว่ารถสาธารณะอย่างเทียบกันไม่ได้
2.พรรคของผมจะไม่ลดหย่อนดอกเบี้ยให้แก่การซื้อบ้านหลังแรกเหมือนกัน เพราะต้นทุนของบ้านและที่อยู่อาศัยซึ่งแพงมากขึ้นทุกขณะนั้น เกิดจากการปล่อยให้ที่ดินกลายเป็นสินค้าเก็งกำไร ที่ดินกลายเป็นต้นทุนของบ้านมากกว่าตัวเรือนหลายเท่าตัว หากมีการปฏิรูปที่ดินอย่างจริงจัง ราคาที่ดินก็จะลดลงเพราะถูกคายออกมาสู่ตลาดมากขึ้น ราคาของบ้านก็จะลดลงตามไปด้วย พรรคของผมจะสนับสนุนการศึกษาวิจัยที่จะทำให้การก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาต่ำลง เช่น การใช้วัสดุที่เอามาเชื่อมต่อกันได้ง่าย (pre-fabricated) ลดค่าแรง และลดราคาของวัสดุลงไปพร้อมกัน
เรื่องนี้ไม่ต้องกินเวลานานนัก เพียงแค่ประกาศอัตราภาษีทรัพย์สิน (รวมที่ดิน) ในอัตราก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ต่อที่ดินที่มีปริมาณเกินกว่ากำหนด ภายในปีเดียว ก็จะมีผู้คายที่ดินออกมาจำนวนมากจนทำให้ราคาที่ดินลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
3.หากพรรคของผมจะรับประกันหรือรับจำนำพืชผลการเกษตร ก็จะเป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น เราไม่มีกำลังพอจะยกพืชผลการเกษตรของไทยให้พ้นไปจากกลไกราคาของตลาดโลกได้
ปัญหาหลักของเกษตรกรรมไทยไม่ได้อยู่ที่ราคาพืชผลซึ่งอาจตกต่ำในบางปี แต่อยู่ที่สองเงื่อนไข คือต้นทุนการผลิตที่สูงเกินไป และการที่เกษตรกรเข้าไม่ถึงตลาดที่เสรีและเป็นธรรมต่างหาก
นอกจากการปฏิรูปที่ดินจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไปได้อย่างมากแล้ว ยังต้องทำลายการผูกขาดปัจจัยการผลิตในรูปต่างๆ เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ เป็นต้น ในส่วนการเข้าไม่ถึงตลาดที่เสรีและเป็นธรรม ความขาดแคลนทุนทรัพย์ของเกษตรกร ทำให้ไม่มีอำนาจต่อรอง เป็นเพียงปัจจัยเดียว แต่ปัจจัยนี้ก็สามาถแก้ได้อีกหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เกษตรกรตกเป็นเหยื่อสำหรับการขูดรีดของทุนแต่เพียงอย่างเดียว เช่น ส่งเสริมการรวมกลุ่ม สนับสนุนแหล่งเงินกู้ไม่ใช่เพื่อการผลิตเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในตลาด เช่น เพียงมีเงินดำรงชีพได้อีก 3 เดือน ก็จะสามารถต่อรองราคาได้อีกเป็นเท่าตัว เงินกู้ระยะสั้นเช่นนั้นอาจไม่คิดดอกหรือคิดในอัตราต่ำมากๆ ก็ได้
ที่สำคัญกว่านั้นคือการผูกขาดตลาดส่งออกพืชผลการเกษตร ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่เจ้า จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงตลาดที่กว้างขวางกว่าท้องถิ่นให้ได้ ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี เช่น ตลาดกลางข้าว (ท่าข้าว) เปิดโอกาสการต่อรองแก่เกษตรกรได้มากกว่าการจำนำข้าวผ่านโรงสี เพราะโรงสีต้องแข่งราคากันเอง หรือการทำสัญญาการผลิตระหว่างผู้บริโภคในต่างประเทศกับผู้ผลิตในประเทศไทย (ซึ่งทำกับผลผลิตบางอย่างในประเทศไทยมานานแล้ว)
โดยสรุปก็คือ เป้าหมายระยะยาวของพรรคคือ ปฏิรูปเงื่อนไขการผลิตและตลาดด้านเกษตรกรรม ไม่ใช่เอาเงินภาษีมาเปิดให้นักการเมืองโกงกินในนามของการประกันราคาหรือจำนำ ซึ่งไม่บังเกิดผลจีรังยั่งยืนอะไร หากดำเนินมาตรการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ก็จะเริ่มเห็นผลบางส่วนในเวลาเพียงปีสองปีเท่านั้น
4.เช่นเดียวกับราคาของพืชผลการเกษตร พรรคของผมจะค่อยๆ เลิกการควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค กระทรวงพานิชย์ไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมราคาสินค้า แต่มีหน้าที่กำกับดูแลให้การค้าดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรมต่างหาก ฉะนั้นพรรคของผมจะถือว่า การทำลายอำนาจเหนือตลาดเป็นเป้าหมายหลักในการทำให้สินค้ามีราคาเป็นธรรม ยกตัวอย่างเช่น ราคาของไก่และหมูไม่ได้ขึ้นลงเพราะความโลภของผู้เลี้ยงไก่และหมู แต่ขึ้นลงตามความโลภของทุนผูกขาด ซึ่งผูกขาดนับตั้งแต่ลูกไก่และลูกหมู ไปถึงอาหารสัตว์ ตลาดส่งออกไข่และเนื้อสัตว์ จนแม้แต่ร้านค้าที่วางจำหน่าย อำนาจเหนือตลาดเช่นนี้แหละที่รัฐบาลของพรรคผมจะต้องบั่นรอนให้ได้
5.พรรคของผมจะให้สัญญาว่า ตัวแทนฝ่ายรัฐในคณะกรรมการไตรภาคีจะร่วมกับตัวแทนฝ่ายแรงงาน เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำอย่างแน่นอน แต่การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำไม่ใช่จุดมุ่งหมายในตัวเอง เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิรูประบบแรงงานทั้งระบบ
จุดมุ่งหมายหลักคือการพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งในเวลานี้ทำได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่ของแรงงานต้องทำงานนอกเวลาเพื่อให้พอกิน จึงไม่มีเวลาเหลือสำหรับการศึกษาในรูปแบบที่เหมาะสมใดๆ ทั้งสิ้น ที่ต้องเพิ่มค่าแรงเป็นเบื้องต้นก็เพื่อปลดปล่อยแรงงานให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการพัฒนาตนเอง
แต่ระบบค่าตอบแทนต้องแยกจากกันระหว่างรายได้สำหรับดำรงชีพขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพพอสมควร กับค่าตอบแทนประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะด้าน
รัฐบาลของพรรคผมจะตั้งสถาบันอิสระ ที่มีหน้าที่และความชำนาญในการประเมินฝีมือแรงงาน (โดยการปฏิบัติจริง ไม่ใช่จากประกาศนียบัตร) และออกหนังสือรับรองมาตรฐานขั้นต่างๆ ให้แก่ผู้ผ่านการประเมิน ส่วนนี้ควรได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นต่างหากออกไปจากค่าตอบแทนพื้นฐาน
ในขณะเดียวกันกรมการศึกษานอกโรงเรียนและเอกชน จะได้รับการอุดหนุนให้สร้างกระบวนการเรียนรู้ชนิดต่างๆ ในแหล่งโรงงาน พร้อมกันไปนั้นโรงงานที่พร้อมลงทุนพัฒนามาตรฐานการผลิตก็จะได้รับการสนับสนุน อาจเป็นด้านภาษี หรือการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือการเปิดตลาดใหม่สำหรับสินค้าคุณภาพเป็นต้น
ในขณะเดียวกันกับที่เพิ่มค่าตอบแทนของแรงงาน ก็ควรลดรายจ่ายของแรงงานไปพร้อมกัน เช่น มีที่พักราคาประหยัดในแหล่งอุตสาหกรรมจำนวนมาก มีสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนในบริเวณใกล้โรงงาน มีสหกรณ์ผู้บริโภคซึ่งอาจมีสัญญากับผู้ผลิตโดยตรง และแน่นอนต้องมีโรงเรียนสำหรับลูกของคนงานในทุกระดับ อันจะทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับตัวคนงานเองด้วย
6.พรรคของผมจะไม่ให้สัญญาเรื่องเรียนฟรี เพราะไม่จำเป็น เนื่องจากสิทธินี้ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว แต่กระทรวงศึกษาในรัฐบาลของพรรคผมจะกวดขันให้ฟรีจริงๆ ไม่มีการเก็บเงินแฝงทุกชนิด (เพราะถ้าปล่อยให้ทำอย่างนี้ต่อไป อาจต้องเก็บเงินค่าชอล์กจนได้)
พรรคผมจะดึงกระทรวงศึกษามาทำงานด้านอื่นที่กระทรวงน่าจะถนัดกว่าการบริหารจัดการโรงเรียน เช่น การช่วยอำนวยความสะดวกให้โรงเรียนพัฒนาคุณภาพการศึกษา โรงเรียนควรบริหารจัดการโดยองค์กรปกครองท้องถิ่น (ซึ่งจะได้งบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก) หรือเอกชน กระทรวงศึกษาเป็นเพียงผู้ควบคุมมาตรฐานที่มีลักษณะยืดหยุ่นสูง
พรรคผมสนับสนุนทั้งการศึกษาในระบบและนอกระบบ แต่ทั้งสองอย่างนี้ต้องสามารถเชื่อมโยงกันได้โดยสะดวก ผู้คนสามารถไต่เต้าด้านการศึกษาไปได้โดยไม่ต้องเข้าโรงเรียน หรือเข้าๆ ออกๆ ตามแต่เงื่อนไขในชีวิต โดยวิธีนี้เท่านั้นที่ครอบครัว โรงงาน ไร่นา สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่บุคคล ฯลฯ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษาได้จริง
เป้าหมายคือขยายการศึกษา (ซึ่งจัดขึ้นโดยหน่วยนานาชนิดในสังคม) และพัฒนาคุณภาพของการศึกษา ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณ ด้านการศึกษามากกว่านี้ไปอีกหลายปี เพราะความจริงแล้ว ไทยใช้เงินเพื่อการศึกษาต่อหัวเด็กสูงมาก (กว่าประเทศอื่นที่มีฐานะเศรษฐกิจระดับเดียวกัน) แต่การศึกษาไทยกลับมีคุณภาพต่ำกว่าประเทศที่ลงทุนน้อยกว่า
7. พรรคของผมจะไม่สัญญาเพียง แต่เพิ่มส่วนแบ่งงบประมาณให้ท้องถิ่นเท่านั้น แต่จะปฏิรูปโครงสร้างอำนาจเพื่อให้ท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองได้จริง เรารวมศูนย์การปกครองไว้ที่ส่วนกลางมานานและมากเกินไป ดังนั้นการบริหารจัดการในท้องถิ่นจึงไม่ตอบสนองประชาชน จำเป็นต้องกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นในทุกระดับ อำนาจสำคัญคือ อำนาจในการบริหารจัดการและตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพยากรในท้องถิ่น และการพัฒนาของท้องถิ่น
ดังนั้นส่วนแบ่งของงบประมาณที่น่าจะเป็นสิทธิของท้องถิ่นจึงมีสูงมากกว่า 25-35% อย่างที่สัญญากัน
แต่ในขณะเดียวกันต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างของการบริหารท้องถิ่น ให้ประชาชนมีอำนาจเข้ามาตรวจสอบ กำกับ และควบคุมได้โดยตรง ในขณะที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางยังมีอำนาจในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ อปท.ตามเดิม
เอาแค่ 7 เรื่องนี้ก็น่าจะพอแล้วเพื่อใช้ในการหาเสียง (ทั้งๆ ที่มีเรื่องที่น่าจะต้องปรับเปลี่ยนมากกว่านี้อีกแยะ) ถามว่าพรรคของผมจะได้รับเลือกตั้งพอจัดตั้งรัฐบาลเองได้หรือไม่
คำตอบคือไม่หรอกครับ ในการเลือกตั้งครั้งนี้
แต่หากพรรคของผมสามารถผลักดันประเด็นเหล่านี้ต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้า อย่างต่อเนื่องและอย่างแข็งขัน
ผมมั่นใจว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะสังคมไทยในปัจจุบันกำลังต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่อาจหาคำตอบได้จากพรรคการเมือง แค่นี้ก็ยังไม่เป็นไร หากสังคมเข้มแข็งและมองแนวทางการเปลี่ยนแปลงได้ชัด ก็อาจร่วมกันกดดันและกำกับให้พรรคการเมืองปรับเปลี่ยนบ้านเมืองไปได้
ปัญหามาอยู่ที่ว่า สังคมก็ไม่พร้อมเท่าๆ กับพรรคการเมือง ฉะนั้น แทนที่จะตั้งพรรคการเมือง ผมคิดว่าเรามาช่วยกันผลักดันสังคมไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ที่มีผลดีอย่างยั่งยืนดีกว่า
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #72 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2554, 22:51:01 » |
|
มติชนออนไลน์-วันที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 12:45:32 น.
ถ้า "เอเอสทีวี" ต้องเจ๊งเพื่อบ้านเมืองก็ขอให้เจ๊งไป!!! จริงของ"สนธิ" เพราะวันนี้เหลือแค่"บริษัททัวร์"?
ค่ำคืนวันที่ 4 มิถุนายน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตอนหนึ่งว่า สื่อที่ไม่เห็นด้วยกับการโหวตโนว่า สื่อที่กระแนะกระแหนเราเรื่องโหวตโนยังมองไม่เห็นหรือ คนพวกนี้มาหาว่าเอเอสทีวีเป็นสื่อปลุกระดม เราไม่เคยปลุกระดมให้ใครไปเผาบ้านเผาเมือง แต่เราปลุกระดมให้มารักชาติรักบ้านรักเมืองกัน
"ถ้ามันต้องเจ๊งเพราะปลุกระดมให้รักบ้านรักเมืองก็ขอให้เจ๊งไปเถอะ อย่างน้อยเราก็เงยหน้าไม่อายฟ้าก้ม หน้าไม่อายดิน เราทำงานใหญ่ เราต้องมองหลักใหญ่ อย่าไปสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างลมที่ผายออกมาจากปากของคนพวกนี้ แต่หลักการของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน"
"มติชนออนไลน์" ได้ตรวจสอบฐานธุรกิจของนายสนธิ พบว่า นายสนธิมีชื่อเป็นกรรมการใน 14 บริษัท ซึ่งส่วนมากมีสถานะล้มละลาย เลิก ร้าง หรือแปรสภาพ
1. บริษัท ผู้จัดการ จำกัด ผู้ผลิตหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ก่อนแปรสภาพเป็น บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 424,238,880 บาท เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2536 และต่อมาถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิพากษา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2553 ให้ล้มละลาย ซึ่งขณะนั้นนายสนธิยังเป็นผู้ถือหุ้น 0.75% มูลค่า 4,500,000 บาท
2. บริษัท เดอะ เอ็ม. กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัดอื่น ก่อนแปรสภาพเป็น บริษัท เดอะ เอ็ม. กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท เดอะ เอ็ม. กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจการให้เช่า การขาย การซื้อและการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ต่อมาถูกศาลฎีกาได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2548
4. บริษัท แซทเทลไลท์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทประกอบกิจการรับจัดทำ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน เช่า ให้เช่า ให้เช่าช่วง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ แต่ต่อมา นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2529
5. บริษัท เทคโนโลยี แอพพลิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการผลิตและประกอบเครื่องอีเล็คโทรนิค ต่อมาแปรสภาพเป็น บริษัท เทคโนโลยี่ แอพพลิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจผลิตและประกอบแผงวงจรอิเล็คทรอนิคส์ เมื่อ26 มกราคม 2537 แต่บริษัทนี้กลับไม่มีชื่อนายสนธิเป็นกรรมการ
6. บริษัท มังกรสยามตะวันออก จำกัด ผลิตนิตยสารรายสัปดาห์ ซึ่งต่อมา นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2544
7. บริษัท มิวส์ เคเบิลทีวี จำกัด เพื่อลงทุนในกิจการ วิทยุ โทรทัศน์ เคเบิลทีวี แต่ต่อมาได้จดทะเบียนเลิกบริษัท ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2542 และ ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2542
8. บริษัท วางแผง จำกัด ประกอบกิจการเป็นตัวแทน นายหน้า ตัวแทนค้าต่างทั้งในและภายนอกประเทศ สินค้าและบริการทุกชนิด ซึ่งนายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง ตามความในมาตรา 1246 แห่งประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2529
9. บริษัท สำนักพิมพ์กรุงเทพ จำกัด ทำกิจการโรงพิมพ์ ถูกนายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง ตามความในมาตรา 1246 แห่งประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2531
10. บริษัท สำนักพิมพ์การเวก จำกัด ทำธุรกิจซื้อขายเช่าให้เช่าขายฝากแลกเปลี่ยนจำนองหรือจัดหามาด้วยประการใดๆ ซึ่งที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2529 นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง
11. บริษัท เอเชีย บรอดคาสติ้ง แอนด์ คอมมูนิเคชั่นส์ เน็ทเวิร์ค จำกัด บริษัทสั่งสินค้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศ แปรสภาพเป็น บริษัท เอเชียบรอดคาสติ้งแอนด์คอมมูนิเคชั่นส์เน็ทเวิร์ค จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2538 แต่ไม่มีชื่อนายสนธิเป็นกรรมการ ต่อมา ศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษาให้บริษัท เอเชียบรอดคาสติ้งแอนด์คอมมูนิเคชั่นส์เน็ทเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ล้มละลายในที่สุด 12. บริษัท เอส.พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ประกอบกิจการบริการทางด้านกฎหมาย ทางบัญชี แต่ได้จดทะเบียนเลิกบริษัท ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2542 และ ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2542
และ 13. บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท เอเซีย จำกัด ประกอบกิจการรับจัดยามเฝ้าสถานในหน่วยที่ในหน่วยงาน ของรัฐและเอกชน ต่อมานายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2543
อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทแห่งหนึ่ง ที่นายสนธิเป็นกรรมการ และยังดำเนินกิจการอยู่ คือ บริษัท อัลตร้า แทรเวิล จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นกิจการนำเที่ยว,กิจการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 12,000,000 บาท นอกจากนี้ นายสนธิยังเป็นผู้ถือหุ้น 25% มูลค่า 3 ล้านบาทด้วย
นี่คือ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ยึดมั่นว่า หลักการของบ้านเมือง ต้องมาก่อนธุรกิจส่วนตัว..
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
แจง-24
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2554, 20:34:26 » |
|
ชอบนโยบายของคุณนิธิ.... มีพรรคการเมืองไหนเอาไปใช้มั่งเนี่ย จะได้เลือกถูก
|
อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #74 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2554, 01:22:10 » |
|
ขอฟัง, ขออ่าน (แต่ไม่ขอเม้นท์)ด้วยคนครับ...
|
|
|
|
|