25 พฤศจิกายน 2567, 15:36:26
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเปลี่ยนสิ่งยากๆด้วย"สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา"ใช้ด้านที่3สนับสนุนให้เปลี่ยนแปลง  (อ่าน 25658 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 08 ตุลาคม 2552, 06:21:10 »


                     
                     
          ขอนำแนวทางการแก้ปัญหายาก ๆ ของ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี

มานำเสนอพวกเราไว้ใช้แก้ไขงานยาก ๆ เหมือนการย้ายภูเขา แก้ได้ด้วยแนวคิด
  
         สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา
 

         สามเหลี่ยมมีสามด้าน ต้องทำให้ครบ ทั้งสามด้าน จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้

โดยต้องหาความรู้เกี่ยวกับปัญหานั้นให้ชัดเจน นำมาให้ผู้เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นทราบ

เป็นด้านที่ 1

เมื่อผู้ได้รับความรู้จนเข้าใจชัดเจน นำมาร่วมสร้างเป็นวัฒนธรรมของการอยู่ร่วมกัน

ไม่มีการบังคับให้ปฏิบัติ ถ้าไม่ทำ จะถูกสังคมรังเกียจ ยังไม่มีบทลงโทษ เป็นด้านที่ 2

เมื่อมีด้าน 2 ด้าน แล้ว ไม่มีการบังคับ จะยังมีคนไม่ปฏิบัติตามอยู่อีกเป็นธรรมดาของโลก

จึงต้องมี การเมือง ออกกฏบังคับ ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ไม่ทำ จะถูกลงโทษ เป็นด้านที่ 3

เมื่อมีด้านที่ 3 ถ้าไม่มีคนเห็น หรือ ไม่มี การตรวจสอบ (Audit) ก็ไม่ทำ อยู่อีก

         จึงต้องมีมาตรการอีกอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดการกระทำตามด้านที่สาม คือ มาตรการ......

         การให้ป้ายรับรองคุณภาพ

         ระบบคุณภาพ ของ เดมมิงส์ เป็นแนวทางการดำเนินงาน ร่วมกับ การตรวจสอบ กันเอง

แต่เนื่องจากการตรวจสอบกันเอง อาจลำเอียงไม่น่าเชื่อถือ จึงต้องมีอีกขบวนการหนึ่ง คือ

การมี องค์กรอิสระ ภายนอก เข้ามา ตรวจสอบการดำเนินงาน

ว่ามี คุณภาพ ตามเอกสารอ้างอิง ทุกประการ เมื่อผ่านการตรวจสอบจะมอบ

ป้ายประกาศยืนยัน การเป็น องค์กรที่ได้รับการรับรอง ให้ผู้ใช้บริการได้มั่นใจในบริการ

จึงสรุปว่า ต้องมี 2 ขบวนการ คือ ขบวนการที่.....
 
        

1.ขบวนการใช้ วงจรคุณภาพของเดมมิงส์ มี 4 หัวข้อ คือ Plan Do Check Act และ

        

2.ขบวนการให้ป้ายรับรองมาตรฐาน สถานบริการ ด้วยองค์กรอิสระ เช่น

สถาบันรับรองคุณภาพ ร.พ. (Health Accreditation : HA)

          ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

1.ขบวนการ วงจรคุณภาพ ทำให้งานมีคุณภาพ ด้วยการ

วางแผน Plan ต้องค้นหาความรู้ในงานที่จะทำอย่างรอบด้าน ทุกแง่ ทุกมุม นำมาเขียน

เป็นเอกสารการดำเนินการ ที่มีคุณภาพ เพื่อไว้ให้เจ้าหน้าที่ทำตามโดยเคร่งครัด

การดำเนินตามแผน หรือ เอกสารคุณภาพ ที่ได้รับรองการเป็นเอกสาร Do

การตรวจประเมินผลของงานที่ทำเป็นระยะว่ายังคงเป็นไปตามเอกสารคุณภาพ Check

เมื่อมีการตรวจสอบถ้าไม่เหมือนเอกสารคุณภาพ ต้องแก้ไขการดำเนินการที่ผิดแผน Act

         เมื่อวงจรคุณภาพ หมุนไปตลอดการดำเนินงาน จะเข้าสู่เป้าหมายตามแผนที่ต้องการได้

จะต้องทำให้ครบทั้ง 4 ขบวนการ คือ

วางแผน

ปฏิบัติตามแผน

ประเมินการดำเนินการ และ

แก้ไขเมื่อมีปัญหา หรือ ไม่เป็นไปตามแผน จากสาเหตุใดเพื่อแก้

         การประเมินนี้ มีวิธีการเสริมให้เกิดการประเมินที่ถูกต้องไม่ลำเอียงด้วยการใช้

องค์กรอิสระภายนอก รับเข้ามาประเมินแทน และ ให้ใบรับรอง โดย

        มีการเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะเพื่อคงคุณภาพไว้ตลอดเวลาที่มีป้ายคุณภาพรับรอง

จึงต้องมีอีกขบวนการหนึ่งที่ทำให้งานสำเร็จอย่างมีคุณภาพ คือ ไม่ตรวจกันเอง ต้องมี

2.ขบวนการตรวจสอบจากองค์กรภายนอก เพื่อให้ป้ายประกาศรับรองคุณภาพ

จัดอยู่ในขั้นตอน ที่สำคัญ ในวงจรคุณภาพ คือ การตรวจสอบ หรือ ประเมินผล Check

เมื่อผ่านการตรวจสอบทุกประการ จึงให้ป้ายประกาศรับรองคุณภาพไว้แสดง

         รเหว่างที่มีป้ายรับรองอยู่ จะต้องมีการตรวจสอบเป็นระยะ ๆ โดยใช้คนภายในเอง

ที่ผ่่านการอบรม และ สอบขึ้นทะเบียน เป็นผู้ตรวจสอบ จากองค์กรรับรองคุณภาพ เมื่อผ่าน

ได้ใบรับรองเป็นผู้ตรวจได้ จะทำหน้าที่ตรวจสอบภายในกันเองก่อน แล้ว องค์กรรับรองคุณภาพ

จะส่ง กรรมการตรวจสอบ ขององค์กรรับรองคุณภาพเอง มาตรวจยืนยันซ้ำอีกครั้ง

         ถ้าเป็นไปตามเอกสารคุณภาพทุกประการจะให้ใบรับรอง และ ตรวจสอบอยู่เป็นระยะ

เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้มั่นใจ ในคุณภาพตลอดเวลาที่ป้ายประกาศยังคงได้รับการรับรองอยู่

         ที่ทำหน้าที่รับรอง ร.พ.คือ  

สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพ ร.พ. (สรพ.)  

         องค์กรที่ทำหน้าที่รับรอง สถานศึกษา คือ

สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) สมศ

ทำหน้าที่ รับรอง สถานศึกษา


อาจมีคนกล่าวว่า การได้ป้ายรับรองคุณภาพ นี้ไม่มีประโยชน์ ต้องเสียค่าใช้บริการไม่ควรทำ
         จึงขอนำมาแสดงเพิ่มเติมว่า  ปิ๊งๆ

         ถ้ามีป้ายรับรองคุณภาพ โดยมีองค์กรอิสระภายนอกเข้ามาตรวจประเมิน

1.ผู้เข้ามาใช้บริการ จะมั่นใจ จะเข้ามาใช้บริการมากกว่า สถานที่ ที่ไม่มีป้ายรับรอง

2.การปฏิบัติงานของหน่วยงาน จะมีกรรมการมาตรวจสอบ จะทำให้ต้องทำตามเอกสารคุณภาพ

3.การปฏิบัติงานจะมีคุณภาพ ตลอดไม่ขึ้นกับบุคคล ถึงแม้บุคคลนั้นจะย้ายไป

คุณภาพ ยังคงเป็นไปตามเอกสารคุณภาพ ทุกประการ

4.เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจะทำงานสบาย มีเอกสาร เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน

5.เมื่อมีเหตุร้องเรียน ถ้าทำตามเอกสารโดยครบถ้วน ถูกต้อง จะป้องกันผู้กระทำได้

          gek gek gek

ขอยกตัวอย่างการนำสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา และ การตรวจสอบให้ได้ป้ายรับรอง เช่น

                

         กรุงเทพฯออกกฏด้านสาธารณสุข ให้ทิ้งขยะลงถังขยะ

ใช้วงจรคุณภาพ Plan Do Check Act พร้อมประกาศรับรองให้เป็น เขตปลอดทิ้งขยะไม่เป็นที่

ผู้บังคับบัญชา ตั้งให้มีผู้ตรวจสอบ หรือ ประชาชน ร่วมตรวจสอบด้วยการแสดงความคิดเห็น

เรื่องการทิ้งขยะ ลงถัง เป็นการประเมินผลให้ (Check)

         ถ้าพบว่าทิ้งขยะไม่เป็นที่ ใช้ ด้านที่ 3 ของสามเหลี่ยม ฯ คือ ด้านกฏหมาย

ออกมาบังคับ เริ่มแรก ปรับ 100 บาท ก่อน
โดยมีเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจสอบ เพื่อจับปรับ

บังคับให้คนต้องทิ้งขยะลงในถังขยะ ตามกระทู้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3649.0.html

อีกตัวอย่างหนึ่ง เรื่อง ปัญหา สุขภาพของประชาชน

                                    

                    พณฯ ท่าน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมต.ว่าการกระทรวงสาธารณสุข

         การที่จะให้ประชาชนมีสุขภาพดีไม่ป่วยง่าย นั้นเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ

โดยมีการจัดประชุมระหว่างประเทศ ของ องค์การอนามัยโลก เืพื่อให้ประชากรโลกมีสุขภาพดี

ผลประชุมได้ มาตรการ

         สาธารณสุขมูลฐาน : สสม. เป็นกลวิธีที่จะทำให้สุขภาพดีได้สำเร็จ

         ได้แนวทางนี้ มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2529 แต่ปีนี้ 2553 ผ่านมา 29 ปีแล้ว

แต่ตัวชี้วัดความสำเร็จของ สสม. 4 ตัวชี้วัด ยังทำไม่สำเร็จ  ยากเหมือนการเขยื้อนภูเขา

         ต้องใช้กลวิธี สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา มาใช้ โดย

ด้านที่ 1 คือ ความรู้เรื่อง การสาธารณสุขมูลฐาน จะทำให้เกิดสุขภาพดีได้สำเร็จ

ด้านที่ 2 คือ ประชาชน ได้รับความรู้ รวมตัวกันสร้างวัฒนธรรมใช้ สสม.  

ด้านที่ 3 กระทรวงสาธารณสุข ออก กฏกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนให้เกิดขึ้น เช่น

สิทธิต้องคู่กับหน้าที่ ถ้าไม่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพ สิทธิการรักษาฟรี

ควรให้ร่วมจ่าย 20 % ของค่ายา ถ้าไม่จ่ายต้องขอให้แพทย์เซ็นต์ฟรี เพื่อให้

ประชาชน ต้องดูแลสุขภาพ เพราะ ไม่อยากเสียเงิน
ตามกระทู้

         http://www.cmadong.com/board/index.php?topic=3947.0

                      

         ปัจจุบัน ประชาชน ยังอ่อนแอ เชื้อโรครุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การเข้าถึงบริการ

ยังเข้าถึงยาก และ ไม่มีคุณภาพ ยังมีการฟ้องร้อง กันให้เห็นประจำ


         จากหลักการทางระบาดวิทยา การเกิดโรค เกิดจาก

การเสียสมดุลย์ของ ปัจจัย 3 อย่าง คือ

1.Host คือ ประชาชน อ่อนแอ ทำให้ป่วยง่าย และ มีโรคแทรกซ้อนรุนแรง

ถ้าแข็งแรง จะป่วยยาก ป่วยแล้วเป็นไม่รุนแรงไม่มีโรคแทรกซ้อนหายเร็ว

2.Agent คือ สิ่งที่ทำให้เกิดโรค จะรุนแรง ถ้าได้รับการรักษาช้า

การรักษาไม่ถูกต้อง ไม่มีคุณภาพ สิ่งที่ทำให้เกิดโรคจะรุนแรง

ถ้าตรงกันข้าม ได้รับการรักษาที่มีคุณภาพที่เข้าถึงได้ง่าย ใกล้บ้าน ใกล้ใจ

สิ่งที่ทำให้เกิดโรค ได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะไม่รุนแรง หายง่าย

3.Environment คือ สิ่งแวดล้อม ถ้าสุขาภิบาลไม่ดี จะทำให้ป่วยง่าย

ถ้าสุขาภิบาลดี จะเกิดโรคได้ยาก และ การกระจายโรคยาก ไม่ระบาดรุนแรง

หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

การสาธารณสุขมูลฐาน ตามองค์การอนามัยโลกสรุปจากการประชุม

จะทำให้ปัจจัยทั้ง 3 อยู่ในเกณฑ์ ที่ดี ทำให้สุขภาพร่างกายประชาชนแข็งแรง


         “ Ottawa Charter ”

                

หรือ เรียกว่า “การสาธารณสุขมูลฐาน” หรือ “ Primary Health Care : PHC”

http://www.swu.ac.th/royal/book6/b6c2t2.html

http://www.who.int/healthpromotion/conferences/previous/ottawa/en/

โดยให้แต่ละประเทศไปดำเนินการให้สำเร็จ

ประเทศไทยกำหนดตัวชี้วัดความก้าวหน้า

ของงานสาธารณสุขมูลฐาน 4 ข้อ ดังนี้ คือ

1.การที่ทุกคนได้มีสิ่งจำเป็นพื้นฐาน(จปฐ.)

ที่จำเป็นต่อชีวิต ตามเกณฑ์พื้นฐานทุกคนถ้วนหน้า

ซึ่งแต่ละกระทรวง ที่เกี่ยวข้อง รับไปดำเนินการ

ยึดแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้มีความสุขมีกินมีใช้

พอเพียงก่อน จึงเริ่มลงทุนด้วยเงินที่มีไม่กู้หนี้ยืมสินโดยไม่จำเป็น


ซึ่งจะแก้ปัจจัยเสี่ยงทั้ง 3 ตัวทางระบาดวิทยาได้

2.การที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการมีสุขภาพดี เช่น

2.1 -ประชาชนในหมู่บ้านอาสาสมัคร มาเป็น

"อาสาสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน"(อสม.)

เพื่อทำหน้าที่ช่วยงานสาธารณสุขด้วยการเข้ารับ

การอบรมความ รู้จาก ร.พ.หรือ สถานีอนามัย

เพื่อนำความรู้ไปเผยแพร่ ตามอุดมการณ์ของ อสม.

คือ

"แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงาน

สาธารณสุข บำบัดทุกข์ประชาชน ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี"


2.2 -การที่ประชาชนยินดีเข้าร่วมชมรมสร้างสุขภาพ

ประจำหมู่บ้าน ซึ่งมี อสม.แต่ละหมู่บ้าน เป็นแกนนำ

โดย มี ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งเปลี่ยนมาจาก

สถานีอนามัยเดิม ภายในอำเภอนั้น เป็นพี่เลี้ยงให้ความช่วยเหลือตามที่ ต้องการ

2.3 -ประชาชนร่วมปฏิบัติตัว เพื่อให้มีสุขภาพดี

ตามสุขบัญญัติ 10 ประการ ของ กรมอนามัย

http://www.tkc.go.th/eng/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=140&directory=2783&contents=2670

2.4 -การที่ประชาชนเห็นความสำคัญของการปฏิบัติตัวเพื่อให้มีสุขภาพดี

ด้วยการเสนอสภาพบังคับด้วยการเสนอออกกฏหมาย ทางเวบ

http://ilaw.or.th/

หรือ การช่วยกัน เสนอ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)

ที่เป็นตัวแทน ในพื้นที่ตนเอง ให้เสนอออก

กฏหมายให้ผู้ไม่ปฏิบัติตัวให้มีสุขภาพดี

ต้องร่วมจ่ายค่ารักษาด้วยบางส่วน เช่น 20%

ของค่ารักษา เพื่อเป็นการเพิ่มเงินให้กับการรักษา

และ ยังเป็นการเตือนให้ผู้ไม่ดูแลสุขภาพ

จะได้ฉุกคิดไม่อยากจ่ายร่วมค่ารักษาต้อง

เปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้อง และ ป่วยน้อยลง

เงินที่เพิ่มขึ้นนี้ สามารถนำมาตรวจร่างกายให้

ประชาชน ฟรี ได้ปีละครั้ง

ตามแนวทาง การป้องกัน ดีกว่า การรักษา


ในประเทศอเมริกามี กฏระเบียบ ให้ผู้ไม่ปฏิบัติตัว

เพื่อการมีสุขภาพดี เช่น สูบบุหรี่ อ้วน ฯลฯ

ต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วย

ตามที่ นายกแพทยสภา ศ.น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา

ไปเห็นมาที่เวบ.....

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=06-2007&date=24&group=1&gblog=11

3.การเข้าถึงสถานบริการได้ง่ายใกล้บ้าน ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา

ใช้ระบบประกันแทนเสียค่ารักษาเป็นครั้งๆ ทำให้คุมราคา และ คุณภาพการรักษาได้


-ประเทศเราได้มีสถานีอนามัยอยู่ทุกตำบล ใกล้บ้าน

ใกล้ใจ ประชาชนทุกแห่งแล้ว สามารถพัฒนา

ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ด้วยการ

ปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศให้ถูกต้อง

เป็นการดูแลรูปเครือข่าย 3 ระดับช่วยเหลือส่งต่อกัน โดย

ด่านแรก คือ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล รวม กับ ร.พ.อำเภอ

ให้ประชาชนใกล้สถานพยาบาลเข้ารักษาได้ง่าย ที่ด่านแรก

โดยใช้แพทย์ทั่วไป ทำงาน ทั้ง 2 คือ

ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล รวม กับ ร.พ.อำเภอ

ด่านสอง คือ ร.พ.จังหวัด มีแผนกเฉพาะทางเพื่อรับส่งต่อ

จากด่านแรก ที่เกินความสามารถส่งต่อมารักษาต่อ

ด่านสาม คือ ร.พ.ศูนย์  และ ร.พ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์

มีงานสอน และ งานวิจัย ให้กับบุคลากรทางการแพทย์

ดูแล รักษา บุคคลทั่วไปในหน่วยบริการด่านแรก ทั้งใน และ

นอก ร.พ.เพื่อสอนบุคคลากรทางการแพทย์ และ

รับส่งต่อ จากด่านแรก หรือ ด่านสอง ส่งมาให้ดูแล

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

ขอเน้นเรื่อง สถานพยาบาลด่านแรก ที่เข้าถึงง่าย และ

มีคุณภาพ คือ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล มีแพทย์ประจำครอบครัว


ที่ทำงาน 2 สถานที่ คือ

1. ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล หรือ สถานีอนามัย เดิม ดูแล

คนไข้นอก ในพื้นที่รับผิดชอบเดินเข้ามาตรวจ ช่วงเช้า หลังตรวจ

คนไข้ใน ร.พ.อำเภอพื้นที่รับผิดชอบที่มานอนป่วยใน ร.พ.อำเภอ

2. ร.พ.อำเภอ ดูแลคนไข้ในที่ส่งต่อมาจาก ร.พ.ตำบล ที่ตนเองส่งมานอนรักษา

เพราะ ป่วยควรนอน ร.พ.แต่ไม่ป่วยถึงกับต้องพบแพทย์เฉพาะทาง ที่ ร.พ.จังหวัด

ดูคนไข้ก่อนออกตรวจที่ ร.พ.ตำบล และ หลังออกตรวจ กลับมาดู

ผลแล็ป และ ติดตามอาการผู้ป่วยช่วงบ่ายต่อเนื่อง

ตามอุดมการณ์ แพทย์ประจำครอบครัวที่ว่า

ดูแลแต่แรก แทรกทุกเรื่อง อย่างต่อเนื่องผสมผสาน

ดูแลใกล้บ้าน ประสานส่งต่อ


 win win win

ทั้ง ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล และ ร.พ.อำเภอ

มีแพทย์ประจำรับผิดชอบ และ เชื่อมต่อกันด้วย

โทรศัพท์บ้าน หรือ มือถือ ในเวลาราชการ

ส่วน นอกเวลา ปรึกษาแพทย์เวร ร.พ. อำเภอ หรือ

เรียก รถฉุกเฉิน 1669 มารับไปรักษาในที่ที่เหมาะสม

 win win win

การวินิจฉัยโรค(Provisional Diagnosis) จากการศึกษาวิจัย พบว่า

ซักประวัติอย่างเดียว พูดคุยกัน จะสามารถให้คำวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคอะไร

ได้ถึง 8 คน ใน 10 คน และ เมื่อตรวจร่างกาย เพิ่มต่อจากซักประวัติ เหมือน

โรคอะไร แล้ว ตรวจร่างกายค้นหา เพิ่มจากการพูดคุย จะรู้ว่าป่วยเป็นอะไรได้

เพิ่มอีก 1ใน 10 คน รวมสรุปได้ว่า ซักประวัติ และ ตรวจร่างกาย โดยไม่ใช้แล็ป

เลย หรือ เรียก ว่าการวินิจฉัยข้างเตียง(Bedside Diagnosis)

ที่แพทย์ประจำครอบครัว ใช้ในการดูแล ประชาชนที่รับผิดชอบ สามารถวินิจฉัย

ได้ถึง 8+1 = 9 ใน 10 คน หรือ ส่วนใหญ่ มีส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องทำแล็ปเพิ่ม

ดังนั้นการที่แพทย์ออกตรวจ นอก ร.พ. ที่สถานีอนามัย หรือ ศูนย์แพทย์ชุมชน

จึงสามารถวินิจฉัย หรือ รู้ว่า คนไข้ป่วยเป็นอะไรได้เกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม แพทย์สามารถให้การรักษาได้ทั้งหมด

ถึงแม้ไม่ทราบ คำวินิจฉัย ก็สามารถให้การรักษาได้

ถ้าคิดว่าไม่อันตราย ถ้าวินิจฉัยได้ช้า ก็ให้การรักษา

ตามอาการ และ นัดตรวจซ้ำ หรือ

ถ้าคิดว่าอันตราย ก็จะเขียนใบส่งต่อไปให้ด่านสอง หรือ ด่านสาม

ที่มีความสามารถสูงกว่า ตามความเหมาะสมเพื่อให้ได้คำวินิจฉัย

ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดูแลสุขภาพรูปเครือข่าย นั่นเอง เมื่อเข้า

สู่ตามระบบจะใช้สิทธิรักษาฟรี โดยรัฐได้ ซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่

รักษาที่ใกล้บ้านไม่ได้  ดู

“วินิจฉัยโรค และ ดูแลรักษา”

เพิ่มเติมที่

http://triamudom35.invisionplus.net/?mforum=triamudom35&showtopic=245

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

4.การมีสถานพยาบาลที่ให้บริการอย่างมีคุณภาพ ทุกระดับ

โดยมีเอกสารอ้างอิงการรักษา ให้แพทย์ร่วมกันเขียนขึ้น ให้

สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพ ร.พ.

http://www.ha.or.th/m_06_02.asp

ให้การรับรองว่า เป็นเอกสารคุณภาพ ใช้อ้างอิงได้

ทำให้การรักษาพยาบาล เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ตามเอกสารอ้างอิงที่ได้รับการรับรอง

แพทย์ , ผู้เข้ารับการรักษา , ญาติผู้ป่วย ตลอดจน ผู้พิพากษา ในศาล ใช้อ้างอิงได้

เมื่อเกิดการรัองเรียนเรื่องรักษาไม่มีมาตรฐานจะได้ใช้ตรวจสอบ

โดยใช้เอกสารอ้างอิงการรักษานี้


ปัจจุบัน มีสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพ ทำหน้าที่นี้ ได้แก่

4.1 ระดับสถานีอนามัย เรียกว่า

“สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพสถานีอนามัย”

: Health Center Accreditation:HCA


4.2 ระดับโรงพยาบาล เรียกว่า

”สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล”

: Hospital Accreditation : HA


ดังนั้น สถานพยาบาลทุกระดับ ต้องผ่านขบวน

การพัฒนาและรับรองคุณภาพ ให้ผ่านเกณฑ์

จนได้ใบประกาศรับรอง ให้ผู้ใช้บริการมั่นใจ

ในคุณภาพการบริการ ลดความผิดพลาดในการ

รักษา ทำให้ประชาชนพึงพอใจการฟ้องร้องลดลง

 เตือน เตือน เตือน

อ่านเพิ่มเติมเรื่อง

"ยกบริการปฐมภูมิออกนอก ร.พ.เพื่อลดคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องมา

ให้รักษาที่ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล"ที่


http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3201.0.html

ผมโพสท์ไว้ในเวบบอร์ด  สุขภาพและความงาม ข้างล่าง

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html

นำมาไว้ที่ บอร์ด พูดคุยประสาพี่น้อง ด้วยเพื่อให้พวกเราพี่น้องได้ อ่าน  

จะรู้สึกยากที่จะทำให้ การสาฐารณสุขมูลฐาน  เกิดขึ้น

เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย

เหมือนการเขยื้อนภูเขา ผ่านมา 23 ปีแล้ว

แต่ยังทำไม่สำเร็จ อาจเพราะ ไม่มีการสื่อสารกันเหมือนสมัยนี้

ที่มีเวบบอร์ด สื่อสารกันเช่นปัจจุบัน

ผมจึงขออนุญาต ใช้สื่อซีมะโด่ง เวบบอร์ดของพวกเรานี้

เสนอวิธีช่วยขับเคลื่อน ให้พวกเราอ่าน

ถ้าเห็นด้วยจะได้ช่วยกันโดยใช้

สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี

โดยขอให้พวกเรา ช่วยในด้านใดด้านหนึ่ง หรือ ทุกด้าน ของสามเหลี่ยม

เพื่อให้เกิดการแก้ไข ซึ่งควรจะทำให้สำเร็จตั้งแต่ปี 2529

ช้ามา 23 ปีแล้ว แต่ถ้าทำสำเร็จ ก็ยังดีกว่า ไม่ทำอะไรเลย เช่น

การที่ประชาชนเห็นความสำคัญของการปฏิบัติตัวเพื่อให้มีสุขภาพดี

ด้วยการเสนอสภาพบังคับด้วยการเสนอให้ออกกฏหมาย

ให้คนไม่ดูแลสุขภาพต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล 20%

ของค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มเงินให้สถานบริการสุขภาพ

และ เตือนให้ผู้ไม่ปฏิบัติตัวต้องปฏิบัติตัว เพราะ

ไม่อยากเสียค่าบริการ

ผลทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น ค่ารักษาพยาบาลก็จะลดลง

เงินที่ได้เพิ่มขึ้นจะได้นำมาตรวจสุขภาพประชาชนฟรีได้ปีละครั้ง

เมื่อรู้ว่ามีอะไรผิดปรกติ จะได้รีบดูแลแก้ไขให้ถูกต้อง

ตามแนวทางการดูแลสุขภาพดีกว่าปล่อยให้ป่วยแล้วมารักษา


เวบไซด์ ilaw ที่ข้างล่าง ร่วมเสนอกฏหมายได้

http://ilaw.or.th/

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา

ดูรายละเอียดเพิ่ม ที่

"การแก้ปัญหาสังคมที่ยากๆด้วยแนวทางสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา"

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=01-2007&date=14&group=14&gblog=8

ประเทศอังกฤษ และ ฟินแลนด์ ใช้การสาธารณสุขมูลฐาน

ประสบความสำเร็จ ทำให้ประชาชนสุขภาพดี

โดยเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศที่ไม่ใช้

ที่เวบบ์

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=11-2006&date=16&group=1&gblog=4

          bye bye bye bye bye bye

           จึงนำมาเสนอพวกเราให้ทราบเรื่อง
  
          สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา และ ระบบคุณภาพ

มาให้พวกเรานำไป ประยุกต์ใช้ในการจะเปลี่ยนแปลงสิ่งยาก ๆ ที่ต้องการได้

         ผมขอฝากเรื่อง การสร้างสุขภาพ ดีกว่า การซ่อมสุขภาพ ด้วยการออกกฏหมายบังคับ

ให้ผู้ไม่ดูแลสุขภาพ เช่น น้ำหนักเกินเกณฑ์ ต้องร่วมรับผิดชอบค่ายา เช่น 20% ถ้าไม่มีจ่าย

ให้แพทย์เซ็นต์ ฟรี ได้ ทำให้ ผู้ที่อ้วน ต้องเสียเงิน หรือ ต้องมาขอแพทย์เซ็นต์ฟรี

ผู้ดูแลสุขภาพ ไม่อ้วน รับการรักษาแล้วกลับบ้านได้เลย เป็นต้น
ดูที่

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3959.0.html

          ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2553, 07:45:19 »


                

         สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ต้องทำทั้งสามด้าน จึงจะสามารถแก้ไขได้

โดยทำตามลำดับ ดังนี้

ด้านที่ 1 การให้ความรู้ เกี่ยวกับปัญหา ทุกแง่ ทุกมุมจนเข้าใจ และ ยอมรับ

ด้านที่ 2 ประชาชนที่ได้รับความรู้ข้างต้น นำมาสร้างเป็นวัฒนธรรมของการ

อยู่ร่วมกัน ไม่มีบทลงโทษ จึงยังมีคนไม่ปฏิบัติตามอยู่อีก

ด้านที่ 3 การเมือง การออกกฏหมายบังคับ ถ้าไม่ปฏิบัติจะถูกลงโทษ

          gek gek gek



         ปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เข้าถึง แพทย์ยาก ต้องเดินทาง มา พบ ที่

ร.พ.อำเภอ มุ่งหน้าเข้ามาหากันทั้งอำเภอ จนแน่น ร.พ.ต้องรอคิวตรวจนาน ซึ่ง

         รัฐบาลพณฯท่านอภิสิทธิ์กำลังให้ งบ 5 หมื่นล้าน ในโครงการไทยเข้มแข็ง

ให้กระทรวงสาธารณสุข โดย

                      

   พณฯท่าน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมต.ว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งให้เป็น

         ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล : รพสต.

         ให้แพทย์ ร.พ.อำเภอนั้น แต่ละคน รับผิดชอบประจำ รพสต.แต่ละแห่ง โดย

มาตรวจ เอง ถ้าไม่ได้มารับ ปรึกษาทางโทรศัพท์มือถือกับพยาบาลเวชปฏิบัติที่อยู่ประจำ

หรือ มาออกตรวจทางคอมพิวเตอร์ หรือ เรียกว่า เทเลเมดดิซิน ที่ถูกกล่าวถึงเมื่อ สมัย

                                      

                        รมต.ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็น รมต.สาธารณสุข

เมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2536 – 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 สมัยรัฐบาล พณฯท่าน ชวน หลีกภัย
    
แต่ยังไม่สามารถทำได้ ปัจจุบันมี โปรแกรม Skype นำมาพัฒนาให้ใช้เป็น เทเลเมดดิซิน ได้

ในราคาถูกลง เป็นด้านที่ 1 ความรู้ เกี่ยวข้องกับการเข้าพบแพทย์ยาก

ต้องรอ ด้านที่ 2 ประชาชนร่วมตัวกันเรียกร้องให้มี และ ต้องการเข้ามาใช้บริการ ที่ รพสต.

ด้านที่ 3 การเมือง เร่งทำให้ ครบ 3 ด้าน ของสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ให้สำเร็จทันปี 2555

                       รักนะ รักนะ รักนะ

         ขอนำด้านที่ 3 ทุกคนจำต้องปฏิบัติ เพราะ กลัวถูกลงโทษ

มาประยุกต์เป็นด้านบวก แทน ดังนี้

1.ทำตามแล้วเกิดความสนุก ก็จะทำตาม

         ในการให้คนประหยัดไฟฟ้า ไม่ขึ้นบันไดเลื่อนมาขึ้นบันไดแทน โดย

นำบันได ไปเชื่อมกับ ตัวโน๊ต เปียโน เมื่อขึ้นบันไดจะมีเสียงตัวโน๊ตให้สนุก

คนจึงขึ้นบ้นได แทน บันไดเลื่อน เพื่อความสนุก

                http://www.youtube.com/watch?v=2lXh2n0aPyw

                                 ทิ้งขยะลงถังแทนทิ้งนอกถัง

                 http://www.youtube.com/watch?v=cbEKAwCoCKw

                      

          http://cro.moph.go.th/hosp/hosp05/

          ร.พ.พาน อ.พาน จ.เชียงราย ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความขยัน ตั้งใจ

ทำงาน ด้วยการเก็บคะแนน  จากผลงานที่ทำ ทำมากได้แต้มมาก คำนวณ เป็นโบนัส จะสนุก

กับการสะสมแต้ม จึงเกิดผลทำให้  

          ตั้งใจ บริการคนไข้ไม่เหน็ดเหนื่อย คนไข้พอใจ มาใช้บริการมากขึ้น

ทำให้รายได้ ร.พ.เพิ่มขึ้น นำมาจ่ายโบนัสเจ้าหน้าที่ได้นั่นเอง
 

        2.ทำตามแล้ว ทำง่าย มีแนวทางที่บอกวิธีให้ชัดเจนก็จะทำตามได้ โดย      
  
         การพัฒนาและรับรองคุณภาพ ร.พ.โดยให้ผู้ทำงานนั้น ๆ เขียนเอกสาร แนวทางการ

ดำเนินการให้องค์กรอิสระที่รับพัฒนาและรับรองคุณภาพ เข้ามาร่วมพิจารณาว่ามีคุณภาพจริง

และ ให้การรับรองเอกสาร เป็นเอกสารอ้างอิง ให้กรรมการตรวจสอบภายใน ตรวจสอบ และ

กรรมการตรวจสอบภายนอก หรือ สถาบันที่รับ พัฒนา และ รับรองคุณภาพ ่(สรพ.) มาตรวจซ้ำ  

         ถ้าเป็นไปตามเอกสารทุกประการ จะได้รับใบรับรองคุณภาพ และ เข้ามาตรวจสอบ

ทุกระยะที่ประกาศคุณภาพ      

         ถ้าไม่เป็นไปตามเอกสาร จากถูกร้องเรียน หรือ กรรมการ ตรวจสอบ ภายนอกเข้ามา

สุ่มตรวจ หรือ ตรวจตามระยะ ไม่เป็นไป ตามเอกสาร ก็จะให้ใบแจ้งให้แก้ไข  

         ถ้าแก้ได้ก็จะให้คงได้รับป้ายรับรองคุณภาพต่อไป      

                  

         การมีเอกสารคุณภาพอ้างอิงนี้ ทำให้สะดวกในการทำตาม เหมือนจูงให้เดินตาม        

ทำให้ทุกคนทำตามเอกสารได้ไม่ลำบาก ไม่ต้องมาคิดวิธีดำเนินการเอง        

และ ผู้ใช้บริการที่มาใช้บริการประเมินความพึงพอใจ เขียนลงตู้แสดง

ความคิดเห็นการมารับบริการด้วย เพื่อร่วมตรวจสอบคุณภาพ


         ผลคือ บริการจะเป็นไปตามเอกสารทุกประการ ผู้ใช้ และ  

ผู้ให้บริการได้รับความพึงพอใจ สะดวก และ ได้รับการประเมินเพื่อ

ปรับปรุงแก้ไขเอกสารอ้างอิงใหม่ได้ ถ้ามีข้อบกพร่อง        

         ตัวอย่าง ร.พ.พนมสารคาม ที่ผู้เขียนกระทู้ ทำงานอยู่ ได้รับการ

รับรองเป็น ร.พ.คุณภาพ ผู้มาใช้บริการได้รับบริการที่ดี และ พึงพอใจ

         ในอนาคตทุกสถานีอนามัยจะเป็น ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล : รพสต.

ซึ่งต้องใช้แนวทาง ร.พ.คุณภาพดังกล่าว จนได้รับป้ายรับรองการเป็น ร.พ.คุณภาพ จาก

         สถาบันรับรองคุณภาพ ร.พ. (สรพ.)
 

ซึ่ง รพสต.จะต้องมีแพทย์ประจำ เป็นเพียงแพทย์ทั่วไป เรียน 6 ปี ก็เป็นด่านแรกได้ เพราะ

ได้ผ่านการสอบความสามารถรักษาคนไข้ได้ และ ขึ้นทะเบียนกับแพทยสภา ได้ใบอนุญาต

ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สามารถรักษาคนไข้ได้มากกว่า 90 % เป็นแพทย์ด่านแรก มีส่วนน้อย

น้อยกว่า 10% ที่เกินความสามารถ ก็ส่งต่อพบทีมแพทย์เฉพาะทาง ที่เรียนเพิ่มอีก 3 ปี

ที่อยู่รวมกันในแผนกเฉพาะทางที่เรียนมา ที่ ด่านสอง ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์ เพื่อรับ

ส่งต่อจากด่านแรกจะได้ ประสิทธิภาพกว่า มากระจายอยู่ ร.พ.อำเภอละ 1 คน ซึ่งมีคนไข้

เฉพาะทางน้อยไม่สามารถตั้งแผนกแยกตรวจเฉพาะสาขาได้ ต้องตรวจทุกคนที่เข้ามารักษา

          ทำให้ทำงานไม่ตรงกับสาขาที่เรียน แพทย์เครียดกันถ้วนหน้าลาออก คนไข้ก็เครียด

เมื่อต้องส่งต่อพบแพทย์เฉพาะทางก็ต้องรอพบแพทย์เฉพาะทาง ที่มีคนเีดียวก่อน

         ถ้าไม่ได้ผลจึงส่งต่อ ทำให้เข้าพบทีมแพทย์เฉพาะทางช้า มีโรคแทรกซ้อน ให้มี

ข่าวฟ้องร้องใ้ห้เห็นในหนังสือพิ่มพ์อยู่เรื่อยๆ

         แพทย์ทั่วไป ที่ทำงาน ที่ ร.พ.อำเภอนั้น สามารถรับผิดชอบคนไข้ทุกคนได้ส่วนมาก

ทำงาน 2 ร.พ.ได้ คือ ร.พ.อำเภอ และ รพสต. เป็นแพทย์ประจำ ไปตรวจด้วยตนเอง หรือ

ทางเทเลเมดดิซิน และ คอยให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ได้ตลอดเวลาในเวลาราชการ

นอกเวลา ติดต่อใช้แพทย์เวร ร.พ.อำเภอ ร่วมกันได้

         ผลจากการมีแพทย์ร่วม รับผิดชอบต่อผลการรักษา ของ พยาบาลเวชปฏิบัติ ที่อยู่

ประจำ ทำให้ประชาชนได้มั่นใจในการเข้ารับบริการมากขึ้น เหมือนมารักษากับแพทย์เอง

ที่ ร.พ.อำเภอ โดยรักษา ใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางมาพบแพทย์ที่ ร.พ.อำเภอ

          ซึ่งในอนาคต จะมี เทเลเมดดิซินให้พบ แพทย์ ร.พ.อำเภอ ที่รัีบผิดชอบ นั้นได้โดย

แพทย์ ร.พ.อำเภอที่รับผิดชอบไม่ต้องเดินทางมา รักษา ตาม ข้อ 3 ที่จะกล่าวถึงต่อไป  

3.การใช้เทคโนโลยี่ คอมพิวเตอร์ และ อินเตอร์เนต ทำให้งานยุ่งยากกลายเป็นงานง่าย

งานเสร็จเร็ว นำมาใช้ในระบบสุขภาพ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์บันทึกประวัติการรักษา

เป็นไฟล์ีไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ และ ใช้อินเตอร์เนต เชื่อมโยงแต่ละ ร.พ.

เข้าด้วยกัน ใช้ลายนิ้วหัวแม่มือ ผู้ใช้บริการเป็นรหัสผ่าน ร่วมกับเลข ของบัตรประชาชน

เพื่อรักษาความลับของแต่ละบุคคลที่มาใช้บริการได้
                      
          ร.พ.ออนไลน์ มีประโยชน์ ใช้ ซอฟแวร์ เทเลเมดดิซิน คนไข้อยู่ รพสต. แพทย์อยู่

ร.พ.อำเภอ สามารถพูดคุยซักประวัติ โดยมีพยาบาลเวชปฏิบัติ ตรวจร่างกายไว้ให้ และ ตรวจ

เพิ่มเติมตามที่แพทย์ให้ตรวจเพิ่มได้ เมื่อแพทย์ พิมพ์สั่งยา ที่ ร.พ.อำเภอ ก็จะไปปรากฏที่

รพสต. ให้พยาบาลเวชปฏิบัติ จัดยาให้ได้  ทำให้ไม่ต้องเดินทางมารักษา ที่ ร.พ.อำเภอ

แต่ตรวจโดยใช้เทคนิค เทเลเมดดิซิน ได้ ทุกสถานที่ เมื่อต้องการเข้าใช้บริการ

ไม่ต้องเสียค่าบริการ โดย

          สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ : สปสช. จะตามจ่ายแทน


          ร.พ.ที่ให้การรักษา ส่งข้อมูลการรักษาแต่ละเดือนให้ สปสช.ตรวจสอบ โดยจ่ายตาม

หลักการ วินิจฉัยโรคร่วม หรือ Diagnostic Relating Group : DRG

ค่ารักษามีความเป็นธรรม ไม่แพง หรือ ให้ถูกเกินจริง ราคายุติธรรม

เมื่อตรวจสอบแล้วจึงโอนเงิน เข้าบัญชี ร.พ.ที่ให้บริการได้ตามค่ารักษาจริง แทนระบบเก่า

ที่ยุ่งยาก จ่ายค่ารักษาตามหัวประชากร ที่อยู่ใกล้ ร.พ. แล้วเขาต้องไปใช้แต่ ร.พ.ที่ระบุ

ใกล้บ้าน เท่านั้น เป็น ระบบการผูกขาด ที่ระบอบเสรีประชาธิปไตย ไม่ควรมี มาเป็น

          เลือกเข้ารักษา ร.พ.ได้ทุกที่ ในประเทศ ตามความพอใจ ในบริการที่ได้รับ

          ทำให้เกิดการแข่งขัน พัฒนาบริการเพื่อดึงดูดคนไข้ให้พึงพอใจมารักษา ทั้งด้าน

คุณภาพ และ บริการ เหมือน ธนาคาร ทำธนาคารออนไลน์ เพื่อบริการผู้ใช้บริการให้ได้รับ

ความสะดวกแข่งกัน

        ขอยกตัวอย่างการรับรองคุณภาพอีกบริการหนึ่ง คือ  บริการให้การศึกษา มี  

         สถาบันรับรองคุณภาพ ของ สถานการศึกษา : สมศ.  

ที่จะให้ทุกสถานศึกษาต้องเป็นสถาบันศึกษา ทีีมีคุณภาพ เช่นเดียวกับ  

         สถาบันรับรองคุณภาพ ร.พ.(สรพ.)ที่ทำให้ทุก ร.พ.มีป้ายรับรอง คุณภาพสำเร็จมาแล้ว        

  

         ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ซีมะโด่ง ครุศาสตร์ 19 ได้รับ ตำแหน่ง

ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์กรมหาชน)  สมศ.

          http://www.onesqa.or.th/th/home/index.php

          win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 23 มีนาคม 2553, 08:17:14 »

 
                    

         http://cro.moph.go.th/hosp/hosp05/

         ร.พ.พาน อ.พาน จ.เชียงราย ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความขยัน ตั้งใจ  

ทำงาน ด้วยการเก็บคะแนน  จากผลงานที่ทำ ทำมากได้แต้มมาก คำนวณ เป็นโบนัส จะสนุก  

กับการสะสมแต้ม จึงเกิดผลทำให้    

         ตั้งใจ บริการคนไข้ไม่เหน็ดเหนื่อย คนไข้พอใจ มาใช้บริการมากขึ้น
ทำให้รายได้ ร.พ.เพิ่มขึ้น นำมาจ่ายโบนัสเจ้าหน้าที่ได้นั่นเอง

         การเมือง ที่เป็นด้านที่ 3 ของ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เป็นการ

ใช้เชิงลบ ในการบังคับให้ปฏิบัติ
         แต่ ร.พ.พาน ใช้เชิงบวก ในการจูงใจ แทน ด้วย การให้คะแนน

จากการทำงาน หรือ Work Point ดูเพิ่มเติมได้ ที่

http://cro.moph.go.th/hosp/hosp05/Work%20point.htm          

          จะให้เกิดได้จริง ต้องอาศํยประชาชนร่วมสนับสนุน

                                  

         พณฯ ท่าน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร.ม.ต.กระทรวงสาธารณสุข

                                  

และ นายแพทย์ไพจิตร วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินการ


                                                                                            
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 08:28:43 »




นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ต่อเคอร์ฟิว แต่คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการประกาศมาตรการ
ห้ามบุคคลออกจากเคหสถานในยามวิกาล หรือ เคอร์ฟิวว่า

จะไม่มีการต่อเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ แต่ยังคง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
โดยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประเมินสถานการณ์แล้วมั่นใจว่า ควบคุมสถานการณ์ได้

 win win win

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

นายกอภิสิทธิ ยังต้องใช้ด้านที่ 3 ของสามเหลี่ยมเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้สงบลง

 win win win


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
yc
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557

เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 15:15:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ สำเริง 17 รุ่น 57 เมื่อ 30 พฤษภาคม 2553, 08:28:43



นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ต่อเคอร์ฟิว แต่คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการประกาศมาตรการ
ห้ามบุคคลออกจากเคหสถานในยามวิกาล หรือ เคอร์ฟิวว่า

จะไม่มีการต่อเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ แต่ยังคง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
โดยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประเมินสถานการณ์แล้วมั่นใจว่า ควบคุมสถานการณ์ได้

 win win win

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

นายกอภิสิทธิ ยังต้องใช้ด้านที่ 3 ของสามเหลี่ยมเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้สงบลง

 win win win



ผมเข้าใจเป็นส่วนตัวว่า "ด้านที่3 "  ต้องมีภาพในเชิงกว้างที่สร้างผลสะเทือน เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม

การใช้การเมือง หากการเมืองนั้นไม่อาจสร้างผลสะเทือนดังกล่าวได้ ไม่อาจนับเป็นด้านที่3 ตาม นัยของ อ.หมอประเวศ


(หมายเหตุ : ผลสะเทือนจะเกิดขึ้น จำต้องมีอีก 2 ด้านพร้อมกัน  หากมีแต่การเมืองเพียงอย่่างเดียว ยิ่งไม่อาจนับด้าน ตามนัย อาจารย์หมอประเวศ
ผมเข้าใจถูกหรือผิดครับ)
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2553, 14:11:30 »


งัดกฎเหล็ก ไล่ออก นศ.พนันบอลโลก
ขอขอบคุณเวบไทยรัฐ วันพฤหัส ที่ 10 มิ.ย.53 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.thairath.co.th/content/region/88595



สถานศึกษาโคราช งัดกฎเหล็กสั่งบล็อคเว็บไซต์เสี่ยงเปิดรับพนันบอลทั้งมหาวิทยาลัย
คาดโทษยุ่งพนันบอล พักการเรียน 1 ภาคเรียน พร้อมส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย...

นอกจากบทลงโทษนักศึกษา ที่อาจจะหลงผิดไปเกี่ยวข้องกับการพนันแล้ว
ทางมหาวิทยาลัยฯ ยังได้กำหนดมาตรการป้องกัน รณรงค์และส่งเสริมการดูฟุตบอล
อย่างสร้างสรรค์ อาทิ

การสั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของทางมหาวิทยาลัยบล็อคเว็บไซต์ ที่ล่อแหลมและอาจถูกใช้
เป็นช่องทางการวางพนันทายผลฟุตบอลทุกเวปไซด์ เท่าที่ทางมหาวิทยาลัยจะสามารถ
ตรวจสอบได้ และเตรียมที่จะจัดเตรียม

หอประชุมอเนกประสงค์ของวิทยาลัย เป็นสถานที่ติดตั้งจอโปรเจ๊กเตอร์ขนาดยักษ์ไว้ให้นักศึกษา
ที่พักอยู่ภายในหอพักของวิทยาลัย ได้ร่วมชมฟุตบอลโลกด้วยกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้
นักศึกษาสนใจในเรื่องของกีฬาและเพื่อเป็นการง่ายต่อการตรวจสอบว่ามีการพนันหรือไม่

นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดมาตรการในเชิงรุก โดยเน้นย้ำให้รุ่นพี่ของชมรมนักศึกษาทุกชมรม
ช่วยกันประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับรุ่นน้องเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิดหรือ
เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน พร้อมสังเกตพฤติกรรมรุ่นน้องอย่างใกล้ชิดว่ามีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง หรือ
มีปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นการการพนันฟุตบอลหรือไม่

เพื่อแจ้งให้ทางอาจารย์ที่ปรึกษาได้ตรวจสอบและหาทางแก้ไข รวมถึงทางมหาวิทยาลัยฯ
ยังได้ให้

ฝ่ายเทคนิคของมหาวิทยาลัย จัดพิมพ์ข้อความในลักษณะคำขวัญ มีความหมาย
เตือนไม่ให้นักศึกษาหลงผิดเล่นพนันบอล ส่งผ่านทางเอสเอ็มเอส ไปยังโทรศัพท์มือถือ
ของนักศึกษาตามฐานข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อคอยกระตุ้นเตือน
นักศึกษาตลอดช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกอีกด้วย

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXx

นำด้านที่3ของสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาเชิงบวกและเชิงลบเพื่อให้เกิดตามที่สังคมต้องการ

 บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2553, 12:55:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 15 มิถุนายน 2553, 10:07:05
สวัสดีครับ พี่สมเดช, คุณป้อม-ผุสดี, คุณหมอสำเริง17, เจตน์, หนุงหนิง และทุกคนครับ

กลับจากเชียงใหม่ถึงนครสวรรค์เมื่อประมาณเที่ยงคืนครึ่งของเมื่อคืนนี้

ไปสัมมนา กธจ. หรือ คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ที่โรงแรมเชียงใหม่ ออคิด มาครับ

พบกับพี่ชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ วิศว และ RCU 2514 รองหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมวิทยากร

รายละเอียดและรูปพอมีบ้างครับ เดี๋ยวจะลงตามหลังครับ



พี่เหยง ไปร่วม สัมมนา กธจ. หรือ คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ที่โรงแรมเชียงใหม่ ออคิด มา

ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ



ได้ยินข่าวนี้ เป็นข่าวดี ที่ได้รับทราบว่า ประเทศเราเริ่มมีการให้ความรู้เรื่อง ธรรมาภิบาล ซึ่งจะถือ...

เป็นด้านที่ 1 ของสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ในการแก้ไขสิ่งยาก ๆ คือ
แก้ระบอบการเมืองโหวตเสียงข้างมาก พวกมากลากไป เป็น ใช้ระบบธรรมาภิบาล หรือ ธรรมาธิปไตย
ใครอภิปราย เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า ส่วนย่อย ลากไปแทน

ทำให้เกิดด้านที่ 2 การรวมกลุ่มกัน ของผู้มีความรู้เรื่อง ธรรมาภิบาล เป็นวัฒนธรรม
เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว

ทำให้เกิดด้านที่ 3 ด้านการทำให้เกิด ด้วยการตรวจสอบนักการเมืองที่เป็นตัวแทน
ของเรา ที่เลือกเข้าไปว่า การอภิปรายการออกกฏหมาย ทำเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม
มากกว่าส่วยย่อยหรือไม่

ถ้าไม่จะได้ถอดถอน หรือ จะได้ไม่เลือกสมัยหน้า

 win win win

สมเด็จพระราชบิดา ได้ทรงยกย่องการทำเพื่อส่วนรวม เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ



พระราชดำรัส สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

องค์พระราชบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย และ การสาธารณสุขไทย


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

“ ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง

ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง

ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง

ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์ ”

 gek gek gek

“ ความสำเร็จของการศึกษาที่แท้จริง

ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีความรู้มาก

แต่ขึ้นอยู่กับการนำเอาความรู้นั้นมาประยุกต์ใช้

ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมได้มากเพียงไร ”

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

" ฉันไม่ต้องการให้พวกเธอเป็นเพียงหมอเท่านั้น

แต่ฉันต้องการให้พวกเธอมีความเป็นมนุษย์ด้วย "

 รักนะ รักนะ รักนะ

ที่มา : สารสนเทศสมาคมศิษย์เก่าบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ฉ.๖ ปี ๒๕๔๔

http://www.school.net.th/library/create-web/10000/history/10000-2923.html

 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2553, 21:48:19 »

 
ได้ฟังรายการพลังชีวิต ประมาณ ตี 5 ของวันพฤหัสบดี ที่ 17 มิถุนายน 2553 นี้
ดำเนินรายการโดย อมร บรรจง ซีมะโ่ด่ง นิเทศน์ จุฬาฯ 2528

เรื่อง เกี่ยวกับการดูแลด้านจิตใจจากผลกระทบความขัดแย้งทางการเมื่อง



น.พ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมศานต์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต

ได้พูดว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตย จนมาถึงขั้นนักการเมืองทำเพื่อ
ประโยชน์ส่วนรวม มากกว่า ประโยชน์พรรค หรือ ส่วนตัวนั้น

ต้องผ่านการสู้รบเสียเลือด เป็นโศกนาฏกรรมทางการเมือง ทำให้ประชาชน และ นักการเมือง
เกิดจิตสำนึก ทำเพื่อส่วนรวมมากกว่า ส่วนตัว
 

ประชาธิปไตย จึงจะเป็นการปกครองเพื่อประชาชน ตามปรัชญาการปกครองระบอบดังกล่าว

เช่น ญี่ปุ๋น ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 จากรัฐบาลนำประเทศเข้าสู่การรุกรานประเทศอื่น

ประเทศสหรัฐอเมริกา รบระหว่างฝ่ายเหนือ กับ ฝ่ายใต้ จากเรื่อง

 ทาส

ฝ่ายใต้ ต้องการมีทาส ไว้ใช้งาน กับ ฝ่ายเหนือ ต้องการเรื่องสิทธิมนุษยชน ต้องการให้เลิกทาส
จนทำสงครามกัน

ผลจากการเกิดสงคราม ทำให้คนในชาติ เริ่มคิดได้ว่าการทำเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
จะเกิดความขัดแย้งขึ้น ต้องมุ่งประโยชน์ส่วนรวม ที่ทำให้ทุกคนในชาติได้ประโยชน์
จะแก้ปัญหาความขัดแย้งได้


ทุกฝ่าย หันหน้ามาสู่ระบอบประชาธิปไตย ที่แท้จริง คือ เป็นการ

ปกครองของประชาชน โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน  

 win win win

ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ได้ผ่านวิกฤต ขัดแย้งทางการเมืองมาแล้ว คงต้องเตือนสติ เป็นด้านที่ 1
ให้คนในชาติมุ่งประโยชน์ส่วนรวม ของประเทศชาติ เป็นเป้าหมาย เหมือนกัน เป็นด้านที่ 2
ทำให้นักการเมือง ผู้เป็นหัวหน้า ต้องทำเพื่อส่วนรวม เป็นด้านที่ 3 เมื่อครบ 3 ด้านของ
สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา จะทำให้ประเทศไทยเราก้าวเข้าสู่

ภาวะประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาธิปไตย มุ่งหวังเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553, 14:23:58 »




 พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รอง ผบช.ภาค 9

ใช้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา แก้ปัญหายาก ๆ ที่ผู้เล่น และ ผู้รับพนัน สมยอมกัน
จะไม่มีการแจ้งความ ลักลอบเล่นกัน จึงยากกับการปัองปราบ โดย

ให้ความรู้ แล้วว่าการพนัน ไม่เคยทำให้ใครรวย จากการพนัน เป็นด้านที่ 1
สังคม ก็ยอมรับว่า ไม่ควรเล่นการพนัน ทั้งวัฒนธรรม และ กฏหมายบ้านเมือง เป็นด้านที่ 2
จึงต้องใช้ด้านที่ 3 ด้านสร้างสภาพไม่ให้เล่นการพนัน ด้วยการติดป้ายประกาศ
ใครถูกทวงหนี้แทงบอลล์ ให้นำหลักฐานการแทง มาให้ตำรวจ ไม่ต้องจ่าย เพราะ เป็นหนี้ที่
ผิดกฏหมาย ใครเป็นเจ้ามือจะโดนดำเนินคดี ส่วนผู้แทง จะถูกกันตัวเป็นพยาน และ
เจ้ามือเมื่อถูกจับจะไม่ให้ประกันตัว ให้นอนคุก ดัดนิสัยก่อนส่งฟ้อง


 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ

 การเล่นพนัน นั้นทำให้เกิดการเสียหาย มากมายกับประชาชน ที่หลงไปเล่น
ผู้เล่นส่วนใหญ่ จะเสียพนัน ร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครรวยจากการพนันเลย

ท่านรองผู้บัญชาการ ภาค 9 แนะนำว่า ถ้าอยากเล่นพนันบอลล์

ให้พนันกับตนเอง ตนเองเป็นทั้งผู้แทง และ เป็นผู้รับแทงบอลล์ ให้แทงบอลล์ กับตนเอง
แล้วลุ้น ดูว่า ที่แทงบอลล์เมื่อสิ้นสุดแข่ง บอลล์โลก แล้วจะเห็นว่า

จากการแทงบอลล์นั้น ผู้แทงเสีย แต่ผู้เป็น เจ้ามือรวย

จึงไม่อยากให้ประชาชน พนันบอลล์ โดยการ นำสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขามาใช้

ที่เวบบอร์ด ซีมะโด่งข้างล่างนี้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,4808.msg393159.html#new

เข้าไปในกระทู้แล้ว ดูที่

«ตอบ#71พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการภาค 9กับการป้องปราบการพนัันบอลล์โลก

เป็นตัวอย่างนำ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ไปใช้กับงานยาก ๆ ที่พวกเราต้องแก้ได้

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553, 20:24:06 »


ขอขอบคุณเวบกรุงเทพธุรกิจ การเมือง : บทวิเคราะห์ วันที่ 25 มิถุนายน 2553

78ปีไม่มีประชาธิปไตย มีแต่'คณาธิปไตย'

อ่านเนื้อข่าวทั้งหมด ได้ที่

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/analysis/20100625/339748/78%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2.html

78 ปีแล้วที่่ สร้างประชาธิปไตย ไม่สำเร็จ ยังมีแต่ คณาธิปไตย เป็นงานยากเหมืือน

การเขยื้อนภูเขา



 ที่ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ผู้เสนอ วิธี เขยื้อนภูเขา หรือ แก้ปัญหา ไว้ด้วย



สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา

ท่านได้รับเป็นประธานร่วมกับ อดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุนที่จะปฏิรูปประเทศไทย

จึงถือเป็นโอกาศดี ที่ได้ ปรมาจารย์ เรื่องการแก้ปัญหายาก ๆ มาทำหน้าที่นี้ จะได้พิสูจน์

เรื่อง การสร้างประชาธิปไตย แทน คณาธิปไตย ให้สำเร็จ ด้วย สามด้านของสามเหลี่ยม คือ

ด้านที่ 1 ให้ความรู้ เรื่อง การปกครองระบอบประชาธิปไตย ต่างกับ คณาธิปไตย อย่างไร

ด้านที่ 2 การรวมกลุ่มกัน ของแต่ละอาชีพ ที่รับความรู้ตามด้านที่ 1 สร้างวัฒนธรรมประชาฺธิปไตย

ด้านที่ 3 การสร้างสภาพ ให้เกิดตามความรู้  โดยร่วมคัดเลือกตัวแทนราษฏรที่เป็น

ผู้มีจริยธรรมด้านประชาธิปไตยเข้ามา ออกกฏหมาย และ บริหาร เพื่อสร้างประชาิธิปไตยได้ในที่สุด

 win win win


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2553, 20:33:25 »


ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอมและวันอังคาร29มิถุนายน2553ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://news.sanook.com/946860-%E0%B9%81%E0%B8%89-%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-4-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99.html



บรรหาร ศิลปอาชา

"บรรหาร" ระบุชาตินี้คนไทยคงปรองดองได้ยาก หากยังมีความคิดเห็นต่างกัน
แนะควรยอมๆ กันบ้าง ขณะเดียวกันเชื่อรัฐบาลจะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อ

นายบรรหาร กล่าวว่า "ยากจังเลยเรื่องปรองดอง กรรมการที่ตั้งไว้ก็ต้องเหนื่อย ไม่รู้ว่าชาตินี้
จะปรองดองได้หรือเปล่า ชาตินี้คงปรองดองยาก"


ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลว่า ทำไมจึงมองว่าปรองดองไม่ได้ นายบรรหาร กล่าวว่า

ถ้าความคิดเห็นต่างกันก็ปรองดองกันไม่ได้ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะสร้างความปรองดองได้หรือไม่
ก็ต้องกลับไปถามรัฐบาลว่า ตั้งขึ้นมาทำไม แล้วจะสร้างความปรองดองได้หรือไม่

เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

ปัญหายาก ๆ ที่่่ ท่านบรรหารว่า ไม่รู้ว่าชาตินี้ จะปรองดองได้หรือเปล่า ชาตินี้คงปรองดองยาก

ผมว่า ยาก ๆ อย่างที่ท่านว่า ถ้าใช้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา แก้ ถ้าทำครบ 3 ด้าน คงไม่ยากเกินแก้

 gek gek gek
 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #11 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2553, 21:43:22 »


ขอขอบคุณคอลัมภ์ การเมือง : บทวิเคราะห์ เวบกรุงเทพธุรกิจ วันที่ 22 กรกฎาคม 2553
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/analysis/20100722/344505/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4.html



'สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา'เครื่องมือเคลื่อนออกจากวิกฤตชาติ

โดย : ศ.นพ.ประเวศ วะสี

สภาพวิกฤตสุดๆของประเทศไทย เกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่แก้ไขได้ยาก ยากประดุจการเขยื้อนภูเขา ไม่มีรัฐบาลใดทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตจะแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชนิดใด ดีหรือเลวอย่างใด เพราะประเทศไทยขาดปัญญาที่จะทำให้สำเร็จ หรือ อิทธิปัญญา (อิทธิ=ทำให้สำเร็จ) ที่มีความรู้อยู่บ้างก็ยังไม่ใช่อิทธิปัญญา ทำให้เป็นเหะหะวิวาทะเป็นทิฐิราคะเสียมากกว่าการทำเป็น ซึ่งก็ไม่ทำให้สำเร็จประโยชน์ แต่อาจแตกแยกกันมากขึ้น สมควรที่ฝ่ายต่างๆจะศึกษา ในสังคมซับซ้อนและติดอยู่ในความยาก อะไรคือวิธีการที่จะเคลื่อนเรื่องยากๆได้

“สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา”เป็นวิธีการที่ค้นพบในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมืองในช่วงปี ๒๕๓๗-๔๐ และพบว่านำไปใช้เขยื้อนเรื่องยากๆอื่นๆได้ในทุกระดับ เคยมีผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกส่วนภูมิภาค ขอมาเรียนรู้เรื่องนี้ เพราะในระดับนานาชาติก็ไม่สามารถเคลื่อนเรื่องยากๆได้เช่นเดียวกัน ผู้อำนวยการส่วนการวิจัยขององค์การอนามัยโลกที่เจนีวา เลยนำเรื่อง “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา”ไปลงเป็นบทบรรณาธิการในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษชื่อ Lancet

"วิธีการ “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา”บอกว่าการจะเคลื่อนเรื่องยากๆให้สำเร็จต้องอาศัย

พลัง ๓ ประเภทเข้ามาบรรจบกัน คือ

(๑) พลังทางสังคม

(๒)พลังทางปัญญา

(๓)พลังอำนาจรัฐ


อย่างใดอย่างหนึ่งหรือแม้ ๒ อย่างก็ไม่ทำให้สำเร็จได้

"สามเหลี่ยมเขยื้อภูเขา"สิ่งที่ผู้คนคุ้นเคยกันมากที่สุดก็คือ การใช้อำนาจรัฐซึ่งใช้ได้ผลในปัญหาโบราณที่ง่ายและตรงไปตรงมา แต่ในปัญหาที่ยากและซับซ้อนอำนาจได้ผลน้อยลง ๆ ฝรั่งพูดมานานแล้วว่า

“Power is less and less effective”

ตลอดเวลาเกือบ ๘๐ ปีที่ผ่านมา เรามีรัฐบาลมาหลายชนิด ที่ดีก็มี ก็แก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ ๆ ท่านคุยกับผมเป็นส่วนตัว ผมเขียน “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา”ให้ดูแล้วเตือนว่าท่านอย่าใช้อำนาจ นอกจากไม่ได้ผลแล้ว ยังเกิดสิ่งแทรกซ้อนตามมา
 
win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #12 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2553, 22:22:22 »


ขอขอบคุณคอลัมภ์ การเมือง : ทัศนะวิจารณ์ วันอังคาร ที่ 27 กรกฎาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/editor-note/20100727/345037/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD.html



สังคมเป็นเช่นไร สื่อก็เป็นเช่นนั้น แล้วจะปฏิรูปอะไรกับสื่อ

โดย : ทศพร โชคชัยผล

ปฏิรูปสื่ออย่าให้รัฐบาลสั่ง-เปิดปชช.มีส่วนร่วม กระแสปฏิรูปสื่อ วิกฤติบ้านเมืองป้องกันได้
ด้วยจริยธรรมแห่งสื่ออาชีพ เพราะสื่อรัฐคับแคบ 'สื่อสังกัดสี' จึงเบ่งบานยังไงก็ต้องปฏิรูป
อันที่จริง เป็นเรื่องยากมากที่แยกจะแยก"สื่อ-สังคม"ออกจากกัน

จนมีคำกล่าวของคนในแวดวงสื่อว่าสังคมเป็นเช่นไร สื่อก็เป็นเช่นนั้น หากคนในสังคมชอบเรื่อง
"ฉาว"ของดารา สื่อก็พยายามหาเรื่อทำนองนี้ รวมถึง"เต้าข่าว"
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ผู้อ่านท่านนี้จะรู้สึกว่า"สื่อเอียงไปข้างโน้นข้างนี้" ก็เพราะ
สังคมเกิดความแตกแยกทางความคิดกันครั้งใหญ่ และ
ก็เป็นความแตกแยกจริงๆเสียด้วย ไม่ใช่"คิดเอาเอง"


คำถามก็คือ หากเราจะปฏิรูปกันจริงๆ เราควรจะปฏิรูปอะไรก่อน ระหว่าง"สื่อ-สังคม" และว่ากันจริงๆแล้ว "สื่อ"ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมเท่านั้น หากรัฐบาลวางแผนปฏิรูปสังคมได้ "สื่อ"ก็ขยับตามไปเอง

ความจริง วงการสื่อ เขาก็มีหลักจรรยาบรรณและกฎหมายฟ้องร้องดูแลกันอยู่แล้ว อีกทั้งคนไทยที่บริโภคข่าวสารก็แยกแยะกันได้มากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสังคมเราก็มีการพัฒนาในส่วนนี้มากพอสมควร

ผมเห็นแต่พวกนักการเมืองนั่นแหละ ที่ยังไม่พัฒนาไปถึงไหน แต่เป็นพวกที่ชอบ"ชี้นิ้ว"ไปที่ส่วนอื่น แล้วจะอาสามาปฏิรูปอะไร

  gek gek gek

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

จนมีคำกล่าวของคนในแวดวงสื่อว่าสังคมเป็นเช่นไร สื่อก็เป็นเช่นนั้น หากคนในสังคมชอบเรื่อง
"ฉาว"ของดารา สื่อก็พยายามหาเรื่อทำนองนี้ รวมถึง"เต้าข่าว"
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ผู้อ่านท่านนี้จะรู้สึกว่า"สื่อเอียงไปข้างโน้นข้างนี้" ก็เพราะ
สังคมเกิดความแตกแยกทางความคิดกันครั้งใหญ่ และ
ก็เป็นความแตกแยกจริงๆเสียด้วย ไม่ใช่"คิดเอาเอง"




จากข่าวข้างบน เปรียบได้กับสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ต้องเปลี่ยนให้ครบทั้ง 3 ด้าน
จึงจะแก้ปัญหายาก เรื่องการเสนอข่าวของสื่อได้ โดย ประชาชนต้องเปลี่ยนก่อน
สังคมก็จะเปลี่ยนตาม และ สื่อก็จะเปลี่ยนตามมาเอง ตามที่ประชาชน และ สังคมต้องการ

ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #13 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2553, 18:33:42 »


ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอม วันศุกร์ 20 ส.ค. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/960459-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%A8.%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A.html

ความผิดของใคร ที่เขาต้องติด คุกตลอดชีวิต(นศ.ปทุมวันยิงเด็กอุเทนดับ)



ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4
เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย ? ? ? อายุ 19 ปี นักศึกษาช่างกลปทุมวัน เป็นจำเลยในความผิดฐาน
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2552 จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนี ใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ที่ไม่มี
ทะเบียนจำนวน 2 กระบอก โดยมีจำเลย เป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ และให้ นาย ? ? ? อายุ 21 ปี
ที่ยังหลบหนี ใช้อาวุธปืนยิง นาย ? ? ? อายุ 19 ปี นักศึกษาปีที่ 1 วิศวกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์
ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย จำนวน 1 นัด จนเสียชีวิต

นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย เหตุเกิดภายในรั้ว ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
วิทยาเขตอุเทนถวาย โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
ลงโทษจำคุกจำเลยไว้ทั้งสิ้น 27 ปี และให้ริบของกลาง

  เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXx



อยากตั้งคำถาม ว่าเป็นความผิดของเด็ก หรือ จากสังคม ที่ไม่ดี ตั้งแต่ ครอบครัว ขึ้นมา
ต้องใช้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา มาแก้ใช้ให้ครบทั้ง 3 ด้าน คือ ให้ความรู้ เพื่อสร้างวัฒนธรรม
และ กฏหมาย ให้เกิดสภาพสังคม ที่เอื้ออำนวยให้เป็นคนดี ต่อต้านการเป็นคนไม่ดี


  gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><