yc
|
|
« เมื่อ: 25 กันยายน 2552, 10:59:42 » |
|
นับจากวันนี้ เหลืออีกไม่กี่วัน...ปฏิบัติการเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามายึดเซ้งแผ่นดินไทย แย่งที่ทำกินของคนไทยกำลังจะเป็นจริง
ด้วย การทำข้อผูกพันเปิดเสรีการลงทุนอาเซียนด้านเกษตร, ประมง, ป่าไม้ ให้ต่างชาติเข้ามาใช้พื้นที่เกษตรของไทยได้ และให้สิทธิถือหุ้นข้างมาก...ได้มากกว่าคนไทย
ต้นเดือนหน้า ตัวแทนประเทศจะเดินทางไปประชุมเจรจาเป็นรอบสุดท้าย ที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้เสร็จทันก่อนจะมีการเซ็นลงนามในการประชุมอาเซียน ซัมมิท ที่หัวหิน ในช่วงวันที่ 23-25 ต.ค.นี้
รายละเอียดในบทความไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/pol/35194
|
|
|
|
yc
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 25 กันยายน 2552, 11:13:16 » |
|
ความคิดเห็นของผม
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ผมต้องเพิ่มความจำต่อพรรคประชาธิปัตย์ในแง่ลบอีกหนึ่งอย่าง (ส่วนแง่ดีมีอยู่แล้วหลายอย่าง)
อย่างแรกที่บันทึกไว้แล้ว คือ การเปิดเสรีการเงิน(BIBF) โดยไม่เตรียมพร้อมด้านอื่นๆ ให้แบงค์ชาติ สถาบันการเงินและคนไทย
อย่างที่สอง คือการห้าม ชาวบ้านกุดชุมใช้เบี้ยกุดชุม โดยขาดวิสัยทัศน์ และไม่คิดศึกษา
และถ้าบทความนี้ คืออย่างที่สาม ผมขอแสดงความคิดไว้ตรงนี้เลย ไม่เห็นด้วย และจะเป็นรอยบาป ที่พรรคประชาธิปัตย์ทำให้กับชาวไทยและประเทศไทย แม้จะตกลงกันแบบแฟร์ๆให้เราไปลงทุนได้ก็ไม่คุ้ม
ดินดำน้ำชุ่มอย่างเมืองไทยนี้ คิดให้ดีหน่อยปะไร
หรือพี่น้องเห็นต่าง.....ช่วยกันหน่อยเถอะครับ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 25 กันยายน 2552, 18:45:31 » |
|
แต่หนิงเห็นสนามกอล์ฟของต่างชาติ แพร่เข้ามาในเมืองไทยนานแล้วค่ะพี่ยังชิน พื้นที่เหล่านั้นเคยเป็นที่เพื่อการกสิกรรมมาก่อน เอามาให้กลุ่มคนหยิบมือเดียวได้ใช้ประโยชน์ แทนที่จะเพาะปลูกเลี้ยงคนหมู่มาก.
|
|
|
|
yc
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 กันยายน 2552, 17:48:08 » |
|
สวัสดีหนุงหนิง
แบบที่หนิงว่านั้น ถ้าจะทำก็ยังต้องเป็นอีแอบ นั่นประการหนึ่ง(ซึ่งนับว่าเล็กๆ) แต่การให้ต่างชาติใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นเรื่องใหญ่มากๆๆ
โลกอนาคต เกษตรกรรมจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะแบกทั้งคนและเครื่องจักร
จะจัดการอะไรต้องคิดไปข้างหน้าไกลๆ
เราไม่อาจปิดกั้นกระแสทุนนิยม แต่ต้องเข้าใจ และตระหนักว่า ทุนและเงินนั้น ต้องใช้เพื่อสร้างความผาสุกและมั่นคง ให้กับคนในประเทศเป็นหลัก
ขอบคุณที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นครับ
|
|
|
|
jamsai
Full Member
ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์
กระทู้: 416
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 กันยายน 2552, 18:11:13 » |
|
เป็นข่าวร้ายอย่างที่สุด................... มันจะทำลายล้างลูกหลานเราอย่างเลือดเย็น...... ทำไมข่าวสำคัญขนาดนี้ถึงเงียบสงัด....ถึงปานนี้ มันจะมีประชาพิจารณ์กันหรือไม่
มีข่าวว่า..... ปัจจุบันเราเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตไปแล้ว....ใช่หรือไม่... อธิปไตยไทย...มีนิยามอย่างไร ในปัจจุบัน ถ้ามีกรณีพิพาททางกฏหมายระหว่างคนไทย บริษัทไทย กับ บริษัทต่างชาติ จะต้องไปขึ้นศาลของประเทศสิงคโปร์..... ข่าวนี้ใช่เรื่องจริงหรือไม่.... ใครช่วยหาข้อเท็จจริงที่เถอะค่ะ... มันเจ็บปวดนะ..ถ้าใช่
แล้วยังจะมายกแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลกผืนนี้ให้เป็นทาสเงินทุนอีกหรือ....
ประชาธิปัตย์ ...อีกแล้วหรือ...
พรรคพลังธรรม มาแล้วไป แต่ฝากกฏหมายแจ้งแสดงทรัพย์สินไว้เป็นหอกทิ่มแทงนักการเมืองโกงได้อย่างสะใจ
80ปี 100 ปีประชาธิปัตย์ทำอะไรไบนแผ่นดินนี้บ้าง......น่าคิดนะ
|
ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 กันยายน 2552, 21:29:57 » |
|
สั่งอุ้มราคาพืชผลก่อนปีใหม่
รัฐบาลดันประกันราคาพืชผลรับมือเขตการค้าเสรีอาเซียน
ป้องกันข้าว มัน ข้าวโพด เพื่อนบ้าน 0% ทะลักทุบราคาภายใน
......................................................................................
นำข่าวนี้มาให้พวกเราได้ทราบว่า
ในสังคมโลก ต้องเปิดเสรีให้มีการค้าขายกัน
ดังนั้นประเทศเราก็ต้องปฏิบัติตามกติกาด้วย
แต่ได้วางแผนช่วยเกษตรกร ให้ขึ้นทะเบียนเพื่อ
ประกันราคา ไม่ให้เกษตรกรขาดทุน
โดยต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร และ รัฐบาลจะรับ
ผิดชอบในปริมาณหนึ่งที่พอเหมาะ เพื่อกันไม่ให้
มีผลผลิตมากเกินกว่าที่ตลาดต้องการ
ถ้าหมดโควต้ารับประกันแล้ว
ใครผลิตออกนอกโควต้าที่รัฐบาลรับได้
จะต้องรับความเสี่ยงเอง
ถ้าราคาสูงกว่าราคาประกัน ก็ได้กำไร
ถ้าราคาต่ำกว่าราคาประกันก็ต้องขาดทุนเอง เพราะ
ผลิตเกินโควต้าที่รัฐบาลคาดว่าอนาคตควรมีผลผลิตเท่าไร
นำข่าวมาจาก Post Today
http://money.impaqmsn.com/content.aspx?id=18310&ch=227
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 27 กันยายน 2552, 10:07:14 » |
|
ยิ่งอ่าน แนวคิดของ น้องYC ยิ่งประทับใจ
|
|
|
|
|
yc
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 28 กันยายน 2552, 12:24:19 » |
|
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 28 กันยายน 2552, 14:58:40 » |
|
อยากให้ดู ประเทศมาเลเซีย แก้ปัญหา น้ำมันปาล์ม ล้นประเทศ สมัย ท่าน มหาเธร์ เป็นนายก นายกคนถัดๆมาก็ทำตาม
ไม่เคยงอมืองอเท้า ไม่เคยคิดจะลดการปลูกปาล์มเลย เพราะภูมิประเทศเหมาะสม แต่กระตุ้นในการสร้างตลาด โดยเฉพาะตลาดยุโรป และเน้นการแปรรูปเพื่อเก็บได้นาน และแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม กระตุ้นสร้างตลาดให้โตและมัความต้องการมากกว่าปัจจุบัน นี่แหละวิธีการของเขาละ
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 28 กันยายน 2552, 15:13:44 » |
|
ขอโทษที่ น้องYC ชมมากไปจริงๆ เพราะเหนือความคาดหมาย ที่จบสายวิทย์ มาพูดเขียน เรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง รวมถึงความเป็นอยู่ ที่ประยุกต์ แบบแนวชาวพุทธ มันเลยเหนือความคาดหมาย ทึ่งมาก เท่านั้นเอง
|
|
|
|
jamsai
Full Member
ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์
กระทู้: 416
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 28 กันยายน 2552, 18:06:29 » |
|
คุณ YC
มีเรื่องการเมือง อยู๋ 3 เรื่อง ที่ป้าคิดไม่เหมือนใครในเวลานั้นๆที่ได้ยินข่าว 1. การที่รัฐมนตรีศึกษาฯ แก้ปัญหาการศึกษาที่ภาคใต้ ในช่วงประมาณปี 2527 มั้ง -ปัญหาว่าเด็กมุสลิมไม่อยากเรียนในโรงเรียนของรัฐ เพราะ มีการสวดมนต์หน้าเสาธงและมีพระพุทธรูปในโรงเรียน -เขาแก้ปัญหาโดยให้สร้างโรงเรียนปอเนาะแยกให้เด็กมุสลิมไปเรียนโดยรัฐจัดครู หรือให้เงินแก่โรงเรียนไปจ้างครูสอนวิชาสามัญเอง ผลคืออย่างไรล่ะ วัยรุ่นและวัยฉกรรณ์ ปัจจุบันคือ ผลพวงของการแยกกลุ่มคนตอนนั้นอย่างหนึ่งหรือไม่ ...คนเราถ้าเคยเป็นเพื่อนกัน เรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน กินข้าวร่วมกัน ถูกครูทำโทษด้วยกัน ทำอะไรขำๆ บ้าๆ ด้วยกัน แม้วันหนึ่งถึงจะหันปากกระบอกปืนมาจ่อกัน ก็คงต้องชงักบ้างล่ะ...และอีกอย่างก็มีข่าวไม่ใช่หรือว่านักเรียนและครูบางคนของโรงเรียนปอเนาะบางโรงเรียนคือหัวโจกของผู้ก่อการร้าย บางแห่งเป็นสถานบ่มเพาะ อบรมการทำลายผู้คน..ซึ่งน่าเศร้า.
2. วิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ตอนคุณทักษิณขึ้นมาใหม่ๆ ถูกยกย่องเป็นอัศวินของเอเชีย ที่จะแก้ปัญหา ป้าเองก็ออกเสียงเลือกพรรคไทยรักไทย มีข่าวแผนการแก้ไขเศรษฐกิจ ของไทย และของมาเลเซีย ป้าบอกทุกคนว่า มาเลเวียจะแก้ไขได้ดีกว่าไทยและจะไม่บอบช้ำระยะยาว เพราะของไทยพึ่งต่างชาติเกือบทั้งหมด เหมือนใช้เงินทั้งหมดซื้อยามารักษาอาการเจ็บไข้ให้หายโดยเร็ว แต่มาเลเซียใช้เงินบางส่วนซื้อยารักษาให้อาการป่วยไข้ให้ดีขึ้นแล้ว เน้นใช้เงินส่วนหนึ่งมาสร้างเสริมสุขภาพให้ดี ดังนั้นถ้าฟื้นแล้วเขาก็ไม่ต้องใช้ทรัพยากรล่วงหน้าเหมือนไทย
3. BIBF เป็นโลกของการเก็งกำไร ต้องรู้เท่าทัน เชี่ยวชาญและมีระบบระเบียบการรักษาผลประโยชน์ชาติที่เข้มแข็งมากๆ ไว้ดูแลตัวเอง ถามผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป 10 คน มีเพียง 0.01 คนที่พอรู้เรื่อง แต่ก็ไม่เข้าใจนัก เหมือนเราขึ้นเวทีแข่งขันกีฬาอะไรสักอย่างที่เราเล่นไม่เป็น เหมือนถอดกลอนประตูให้โจรเข้าบ้านในขณะที่เก็บเงินไว้ในลิ้นชักธรรมดาเท่านั้น.....ไม่มีตู้นิรภัยเก็บเงินเลย... แล้วเป็นไงล่ะ นักค้าเงิน นักลงทุนก็มาโกย มาบีบ มาหลอกล่อประเทศเราได้สารพัด ...เพียงแค่อยากดูดีดูทันสมัย..
คุณ YC เป็นคนหนึ่งที่มีความคิดความอ่านที่ดีต่อประเทศ ไม่ต้องเขินหรอก ป้าแจ่มขอชื่นชม อีกคนค่ะ ทุกวันนี้ สอนนิสิตนักศึกษา ได้แต่เศร้าใจ...ส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อนหรอกว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร ...บางคนบอกว่า โกงก็ไม่เป็นไรขอให้ทำงานเก่ง.. ...หลายคนบอกว่า ไม่อยากยุ่ง..ไม่ใช่พวกรัฐศาสตร์ ไม่เกี่ยวการเมือง ...หลายๆคน บอกว่า ไม่รู้เรื่อง...มีแต่วุ่นวาย ไม่ชอบ...
...คิดๆแล้วป้าก็ท้อถอยนะ ...ว่าที่บัณทิตพวกนี้ มันจะดูแลบ้านเมืองอย่างไรกันนะ..
|
ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
|
|
|
yc
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 29 กันยายน 2552, 15:10:11 » |
|
ป้าแจ่มครับ...สาระนี้ผมยังไม่เคยรับรู้มา...แต่นับว่าน่าตกใจมากสำหรับการตัดสินใจแบบนั้น แนวคิดของป้าแจ่ม..และความรู้สึกสามัญตามที่ผมเน้นตัวใหญ่นั้น เป็นวิสัยทัศน์ที่ควรมีของผู้ที่จะนำประเทศนี้ครับ...
การแก้ปัญหาเรื่องการสวดมนต์ของต่างศาสนา แก้ได้ง่ายๆโดยยกเว้นการสวด และแยกพิธีกรรมตามสมควร พร้อมย้ำให้เด็กทุกศาสนาเคารพรักในสิทธิของกันและกัน เพราะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีทั้งนั้น
ขณะฝึกงานเภสัชฯ ผมมีเพื่่อนต่างสถาบันที่นับถือศาสนาอิสลาม ช่วงเวลาสั้นๆ ผมยังประทับใจในมิตรภาพ และรู้สึกดีต่อศาสนานี้
ข้อนี้ ผมคิดเห็นไปในทางเดียวกันเลยครับ..ตอนนั้นผมก็ชื่่นชมมาเลเซียครับ และโลกทุนนิยมนั้น หากนำทรัพยากรล่วงหน้ามาใช้ ต้องมีการมองไกลให้เห็น บางครั้งก็จำเป็นต้องใช้..แต่ถ้าไม่่เก่งจริง อย่าใช้ดีกว่า.. ข้อนี้ ผมยิ่งเห็นพ้องด้วยครับ หลายต่อหลายการกระทำ ที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ เลียนแบบเขามา โดยไม่เข้าใจอย่างท่องแท้ถึงที่มาที่ไป BIBF เป็นสิ่งที่ต้องมี ถ้าไม่มีเรายิ่งเสียหาย แต่ต้องทำอย่างที่ป้าแจ่มเขียนไว้นะแหละครับความคิดเห็นของป้าแจ่มทั้งสามข้อ ทำให้ผมภูมิใจในสีชมพูขึ้นอีกโข
กราบคารวะอาจารย์แจ่มใสครับ
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 29 กันยายน 2552, 20:53:50 » |
|
ถ้าจะทำจริง ก็เป็นอะไรที่งี่เง่าและเลวร้ายสุดๆเลยครับ สองมาตรฐาน ห้ามคนไทยใช้เบี้ย แต่กลับยอมให้ต่างชาติเข้ามาถือครองทรัพย์สินของประเทศชาติ ไม่ต่างกับที่คนหน้าเหลี่ยม เคยมีนโยบายให้แขกตะวันออกกลางมาถือครองที่นา
|
...
|
|
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2552, 14:14:46 » |
|
สงสัยว่า เบี้ยกุดชุม มันหนักหัวใครหรือเปล่าครับ ? ทำไมภาครัฐจึงมีท่าทีเหมือนไม่พอใจ? เค้าก็มีกติกาแล้วว่า ใช้เฉพาะพื้นที่ในหมู่บ้าน ห้ามเอามาซื้อของข้างนอกพื้นที่ ห้ามเอาไปแลกเงินบาทโดยพละการ เพราะถ้าเค้าไม่ทำตามกติกา ระบบเงินตราของเค้านั่นแหละจะพังก่อน ไม่กระทบระบบเงินส่วนกลางของชาติเท่าไหร่
|
...
|
|
|
yc
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2552, 17:21:55 » |
|
ขอบคุณน้องAj.O ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น เข้าใจว่าตอนนี้เขายอมให้ใช้เบี้ยกุดชุม(บุญกุดชุม)กันแล้ว แต่ความกลัวที่เคยเกิดขึ้นสมัยถูกห้ามยังมี และไม่ได้รับความสนใจจากภาครัฐ จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจจากชาวบ้านครับ
วันนี้บุรีรัมย์ร้องเพลงชาติ ขอไปร้องเพลงชาติก่อนนะครับ
|
|
|
|
jamsai
Full Member
ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์
กระทู้: 416
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552, 11:46:10 » |
|
อ่านข้อความจากไทยรัฐที่ คุณ YC นำมาลงแล้วข้างต้น มันหนาวนะ...หนาวลึกๆในหัวใจ.... ..มีคู่แต่งงาน บางคู่ บอกป้าแจ่มว่า..จะไม่มีลูกเพราะ วันข้างหน้า มันน่ากลัว.. .........สภาพเศรษฐกิจ และสังคมจะแข่งขัน เข่นฆ่ากันได้ง่ายดาย ...บางครั้งเพื่ออยู่รอด อาจต้องทำร้ายผู้อื่น.. ..หรือมีการนำสัญชาตญานสัตว์ มาใช้กันมากขึ้น ในทุกระดับชั้นของสังคม .. ความดีเป็นเรื่องเชย หรือโง่เง่า...ผลประโยชน์ตนและชัยขนะคือทุกสิ่งที่น่าเทอดทูน.... .... ..ถามตัวเองอย่างสิ้นหวังว่า.....ฉันจะทำอะไรได้.....ฉันจะทำอะไรดี... ...เอาเถอะน่า...มันต้องมีสิ่งดีๆอยู่บ้าง...แต่ตอนนี้คิดไม่ออก บอกไม่ถูกจริงๆ ....................
|
ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2552, 10:01:04 » |
|
ตอนนี้ได้ข้อมูลมาอีกแง่มุมหนึ่ง ยังไม่อยากตื่นข่าว แค่เฝ้าระวังไว้ก่อน http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=14194เรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่ได้ยิน ( มีกฎหมายการถือครองที่ดินของคนต่างด้าวป้องกันอยู่แล้ว ที่น่ากลัวคือพวกนอมินี )
ถ้าได้ยินน่าจะเป็นเรื่อง "การค้าเสรี" ที่สินค้าของอาเซี่ยนจะเปิดเสรี ซึ่งอาจมีผลกระทบกับอาชีพเกษตรไทย มาในรูปปอบ นอมินี น่ากลัวกว่าครับ เพราะถ้ามาตรง ๆ มันทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเช่าที่นาแล้วทำเอง หรือจ้างคนไทยให้ทำแทน ยังไงมันก็ถือว่าทำอยู่ดี
|
...
|
|
|
jamsai
Full Member
ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์
กระทู้: 416
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2552, 18:29:04 » |
|
การประชุมเอเชี่ยน ซัมมิท ป้าได้รับข้อมูลมา.....กรุณาตรวจสอบ...ถ้าเป็นจริง... กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และพรรคประชาธิปัตย์ จะภาคภูมิใจในผลที่จะเกิดกับลูกหลานในอนาคตมากมั้ย จะรับผิดชอบไหวหรือไม่..... การประชุมครั้งนี้ จะมีการลงนามในเอกสารประมาณ 20 ฉบับ ที่สำคัญคือ บันทึกความเข้าใจการจัดตั้งศูนย์อาซียน – จีน และข้อตกลงเอกสิทธิ์และคุ้มกันทางการทูต ซึ่งไทยจะต้องนำเข้ารัฐสภา ให้ความเห็นชอบ ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญด้วย หนึ่ง ในความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น คือ ความเคลื่อนไหว ของภาคประชาชน ที่คัดค้านการเปิดเสรีการลงทุน ใน 3 สาขาคือ การเพาะ และขยายพันธุ์พืช การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำป่าไม้จากป่าปลูก โดยนักลงทุนในอาเซียน และนักลงทุนต่างชาติที่มีกิจการอยู่ในอาเซียนและต้องการขยายการลงทุนใน ประเทศสมาชิกอาเซียน สามารถเข้ามาลงทุนและถือหุ้นใหญ่ในกิจการทั้ง 3 ประเภทได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป กลุ่ม เอ็นจีโอด้านเกษตร และกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ วอชท์ ได้ยื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนการเปิดเสรีใน 3 สาขาดังกล่าว
|
ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
|
|
|
jamsai
Full Member
ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์
กระทู้: 416
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2552, 18:34:12 » |
|
ต่ออีกค่ะ..ป้า link ไม่เป็น เลยใช้วิธีนี้.... โดยทั่วไป ข้อตกลงการเปิดเสรีการค้า และการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงระดับไหน จะมีข้อยกเว้น ไม่จำเป็นต้องเปิดเสรีหมด หากเห็นว่า อุตสาหกรรมใดยังไม่พร้อม หรือเห็นว่า ถ้าเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ จะมีผลกระทบต่อประเทศอย่างรุนแรง ก็สามารถที่จะ ขอยกเว้นได้ โดยจัดให้เป็นอุตสาหกรรมหรือกิจการในสาขาที่ได้สงวนเอาไว้(Temporary Exclusion List-TEL) และสาขาที่อ่อนไหว (Sensitive List-SL) หรือข้อยกเว้นทั่วไป .... แต่ ประเทศไทยกลับไปถอน กิจการการเกษตรและการประมง ออกจากการเป็นกิจการที่อยู่ในข้อยกเว้นเสียเอง โดย คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ซึ่ งมีการประชุมเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552 โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธาน ให้ยกเลิกข้อสงวนของประเทศไทย 3 รายการคือ 1) การทำประมง เฉพาะการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 2) การทำป่าไม้จากป่าปลูก และ 3) การทำกิจการเพาะขยายหรือปรับปรุงพันธุ์พืช โดยให้ถอนข้อสงวนดังกล่าวออกจากรายการเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามา ลงทุนได้ภายในปี พ.ศ. 2553 ตามข้อเสนอของบีโอไอ
|
ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
|
|
|
|