26 พฤศจิกายน 2567, 04:53:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1] 2 3  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: วันนี้ วันพระ วันทำดี อุทิศบุญให้ญาติ  (อ่าน 54293 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« เมื่อ: 12 กันยายน 2552, 11:17:37 »


วันนี้ เป็นวันพระน้อย วันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๐

เป็นวันพระระหว่าง วันบุญข้าวสาก (เพ็ญเดือน ๑๐) กับ วันสาร์ทไทย (แรมเดือน ๑๐)

เรามีญาติที่เห็นกัน รู้จักกัน มากน้อยแค่ไหน
                  (ทรงตรัสว่า ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง)

หากมีญาติเราสักคนหนึ่งต้องตกระกำลำบาก ไปเกิดเป็น เปรต
และเปรตนั้น อาจมีอายุได้ล้านปี หรือหลายล้านปี

ขณะที่ญาติเรายังเป็นเปรตอยู่นี้
       แต่ตัวเราอาจเวียนตายเวียนเกิดเป็นร้อย เป็นพันชาติ จนได้เป็นมนุษย์ในชาติปัจจุบัน
นี้ เราก็ยังได้ชื่อว่าเป็น ญาติของเปรตนั้น เป็นที่หวังของญาติ

ด้วยเหตุที่ผ่านการเวียนตายเวียนเกิด จำนวนของญาติจึงมหาศาล
       และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ญาติที่ตกทุกข์ได้ยากของแต่ละคน มีหรือไม่
จะตกทุกข์ได้ยาก มานานกี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่นปีก็ตาม
      ก็หวังคอยจ้องคอยรอดูว่า จะมีญาติของตนทำบุญอุทิศมาให้หรือไม่

ดังนั้น หากยังมีลมหายใจอยู่ อย่าลืม ต้องทำดี เป็นความหวังของญาติ

ทำดี คือการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา หรืออย่างใดอย่างหนึ่งนี้
การอุทิศบุญ ไม่เพียงแต่อุทิศให้ญาติเท่านั้น แม้ไม่ใช่ญาติก็อุทิศได้
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #1 เมื่อ: 19 กันยายน 2552, 17:16:29 »

วันนี้ เป็นวันพระใหญ่ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
ตรงกับวันสาร์ทไทย (ครึ่งปีไทย)

ปรทัตตูปชีวีเปรต เป็นเปรตชนิดที่ พระพุทธองค์ตรัสว่า สามารถรั บส่วนบุญได้
และไม่ได้ทรงกำหนดกาลไว้ คือ อุทิศให้เปรตชนิดนี้ได้ทุกเมื่อกาล
 
หากแต่มีครูบาอาจารย์ที่มีประสบการณ์พิเศษหลายท่าน กล่าวไว้ว่า
      วันพระเป็นวันหนึ่ง ที่มีผู้ตกนรกสามารถรับส่วนบุญส่วนกุศลได้
       
พวกเราหลายท่าน จึงอาศัยวันพระเป็นวันสำคัญของตน ที่จะหมั่นทำดีเสมอ
              เพื่อพ่อ เพื่อแม่ เพื่อญาติ เพื่อตน

แต่บัณฑิตจะไม่เพียงอุทิศให้เฉพาะญาติ หรือผู้ตกทุกข์เท่านั้น
จะอุทิศให้เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข ทั้งสามโลก

และแม้จะมีหรือไม่มีผู้ใดมารับมาอนุโมทนาในบุญที่ทำนี้
เราเองนั่นแหล่ะจะได้รับแน่นอน
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #2 เมื่อ: 27 กันยายน 2552, 11:10:44 »

วันนี้ วันพระ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑  อีก ๗ วันจะออกพรรษาแล้ว

หลายคนอาจสงสัยว่า เมื่ออุทิศบุญไปแล้ว ญาติจะได้ไหมหนอ
 อาจจะได้หรือไม่ก็ได้ มีหลายปัจจัยมาก
เปรตที่เป็นญาติของพระเจ้าพิมพิสาร
        ต้องรอญาติพระเจ้าพิมพิสาร  ทำไมต้องรอบุคคลนี้    (เรื่องบุคคลที่เหมาะ)
        ต้องรอในกาลที่มีพระพุทธศาสนา (เรื่องความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของญาติและเวลาที่เหมาะ)
        ญาติที่ต้องทุกข์อยู่ต้องน้อมใจร่วมอนุโมทนายินดีในการทำความดีนั้นด้วย  (เรื่องของจิตใจของผู้ต้องทุกข์ ยอมรับกรรม)
                   ...........

และบุญแต่ละครั้งที่เราอุทิศนี้ อย่าคิดว่าเล็กน้อย
ก็ลองคิดพิจารณาดู ว่า มีผลทำให้ เปลี่ยนภพภูมิของญาติที่ตกทุกข์ได้
เช่น ญาติของพระเจ้าพิมพิสารที่เป็นเปรต เปลี่ยนภพภูมิเป็นเทพได้

ดังนั้น เราก็ไม่ควรประมาทในบุญ เริ่มจาก การให้ทาน
                               (จากพระนิพนธ์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช)
การทำทาน
การทำทาน ได้แก่การสละทรัพย์สิ่งของสมบัติของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่น โดยมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และความสุขด้วยความเมตตาจิตของตน ทานที่ได้ทำไปนั้นจะทำให้ผู้ทำทานได้บุญมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมสุดแล้วแต่องค์ประกอบ ๓ ประการ ถ้าประกอบหรือถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบ ๓ ประการต่อไปนี้แล้ว ทานนั้นย่อมมีผลมาก ได้บุญบารมีมาก กล่าวคือ

    องค์ประกอบข้อ ๑. "วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์"
    องค์ประกอบข้อ ๒. "เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์"
    องค์ประกอบข้อ ๓. "เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์"

( หากเราอุทิศบาปอกุศลให้ญาติ แล้วญาติจะได้ไหมหนอ? )
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #3 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2552, 22:29:18 »

วันนี้ วันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ 
วันออกพรรษา วันมหาปวารณา
จะเป็นวันพระจนกว่าอรุณจะขึ้น
พรุ่งนี้วันตักบาตรเทโว

เรื่องวัตถุทานที่บริสุทธิ์นี้  ต้องพิจารณาดูว่า
        วัตถุทานนั้น มีเหตุมาจากการละเมิด ศีล ๕ หรือไม่
        และการค้าขาย ๕ อย่างที่พระพุทธองค์ห้ามไว้ คือ
                ๑.ค้าขายเครื่องประหาร
           ๒.ค้าขายมนุษย์
           ๓.ค้าขายน้ำเมา
           ๔.ค้าขายยาพิษ
           ๕.ค้าขายสัตว์เป็น สำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหาร

      พี่ๆน้องๆ ก็ลองดูตัวเองว่า เงินทอง ข้าวของ ของเรามันบริสุทธิ์มากน้อยแค่ไหน

      เมื่อมันมีที่มาไม่ดีไม่ถูกต้อง เราก็ต้องยอมรับว่า

       บุญนั้นไม่เต็ม ๑๐๐ และจะมีความทุกข์ที่จะเกิดกับเราต่อไป
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
yenjai
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14

« ตอบ #4 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2552, 18:53:41 »

วันนี้ วันพระนะ
      บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2552, 09:21:10 »

เมื่อวานซื้อพวงมาลัยกราบพระที่บ้านค่า
      บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #6 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552, 16:12:10 »

วันนี้ วันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

วันนี้ไปร่วมงานบุญกฐิน ทีวัดรังสีปาลิวัน กาฬสินธุ์ และได้กราบเจดีย์ด้วย

ร่วมอนุโมทนาบุญเอานะ พี่น้อง
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #7 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552, 16:19:28 »


      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #8 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552, 16:21:15 »

      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #9 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552, 16:22:24 »

      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #10 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552, 16:23:55 »

      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #11 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552, 16:26:52 »



ที่นี่ อยู่บ้านโพน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์

เป็นดินแดนของคนภูไท  ถิ่นกำเนิดผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหม
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #12 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2552, 16:28:46 »

ได้กราบพระบรมสารีริกธาตุด้วย
     
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #13 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2552, 12:15:25 »

                                                              .......อนุโมทนาสาธุค่า..._/|\_....
 

                ในบรรดาหมู่ญาติผู้ไม่มีศรัทธา ถ้าใครมีศรัทธาเป็นนักปราชญ์ มีธรรมและมีศีลสมบูรณ์แม้สักคนหนึ่ง ย่อมยังประโยชน์ให้เกิดในหมู่ญาตินั้น
         (พระไตรปิฎก ฉบับสุภาษิต)
      บันทึกการเข้า
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #14 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2552, 10:58:12 »

วันลอยกระทง คนส่วนใหญ่ จะนึกได้หรือไม่ว่า วันนี้ เป็น วันพระ

ความจริงข้อหนึ่งว่า   คน และสรรพสัตว์ ที่ได้บริโภคใช้สอยอยู่นี้ เกิดจาก การให้ทาน

สิ่งที่ได้บริโภคใช้สอยนั้นจะเกิดจากลักษณะของทานซึ่งมี ๓ ลักษณะ

( ๐. ไม่ให้ทาน ก็ไม่ได้บริโภคใช้สอย )

๑. ทาสของทาน ของที่ให้ทานมีลักษณะด้อยกว่าที่ตนเองบริโภคใช้สอย

๒. สหายของทาน ของที่ให้ทานมีลักษณะเสมอกับที่ตนเองบริโภคใช้สอย

๓. นายของทาน ของที่ให้ทานมีลักษณะดีกว่าที่ตนเองบริโภคใช้สอย
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #15 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552, 17:03:53 »

“แม้ดอกไม้อันเป็นทิพย์ ตกลงมาจากอากาศ ร่วงหล่นโปรยปรายเพื่อบูชาตถาคต

แม้ดนตรีอันเป็นทิพย์ก็ประโคมอยู่ในอากาศเพื่อบูชาคถาคต

แม้การร้องรำทำเพลงอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปอยู่เพื่อบูชาคถาคต

แต่ตถาคตชื่อว่า ได้รับการสักการะ เคารพนอบน้อม นับถือบูชาประมาณเท่านี้ก็หามิได้

ผู้ใดแลปฏิบัติตามธรรม ปฏิบัติถูกต้อง ผู้นั้นย่อมชื่อว่า สักการะ เคารพนอบน้อม บูชาตถาคตแท้ด้วยการบูชาอย่างยอดยิ่ง”



สาธุ ...
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #16 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552, 17:10:22 »

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสสอนให้ใช้หลักมหาสติปัฏฐาน 4 (การตั้งสติอย่างใหญ่) ซึ่งเป็นทางสายเอกและเป็นทางสายเดียว (เอกายนมัคค์) ที่จะทำให้สรรพเวไนยสัตว์บริสุทธิ์สะอาดปราศจากโรคจิต ล่วงพ้นเสียได้จากความโศก ความร่ำไร ความดับทุกข์ ความเสียใจ (โทมนัส) เพื่อบรรลุญายธรรม คือ ธรรมที่ควรรู้ควรเห็น ธรรมที่ถูก คืออริยมรรค เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง

         มหาสติปัฏฐาน 4 (Foundation of Mindfulness) คือ การตั้งสติอย่างใหญ่ กำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง ว่าสิ่งนั้น ๆ ว่ามันเป็นของมันเอง โดยธรรมชาติ โดยธรรมดา


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึงพฤติกรรมของจิตมนุษย์พร้อมวิธีแก้ไขพฤติกรรม

         ในหลักพระพุทธศาสนาได้จำแนกพฤติกรรมของจิต เรียกว่าจริต (ความประพฤติเป็นปกติ; พื้นฐานของจิต ที่หนักไปทางใดทางหนึ่ง) ออกเป็น 6 ชนิด
         

พฤติกรรมของจิต


1. ราคจริต (ผู้หนักไปทางรักสวยรักงาม)
2. โทสจริต (ผู้หนักไปทางใจร้อน หงุดหงิด โกรธง่ายคิดประทุษร้าย)
3. โมหจริต (ผู้หนักไปทางซึมเซา งมงาย)
4. สัทธาจริต (ผู้หนักไปทางเชื่อง่าย)
5. พุทธิจริต/ญาณจริต (ผู้ประพฤติหนักไปทาง การใช้ความคิดพินิจพิจารณา)
6. วิตกจริต (ผู้ประพฤติหนักไปทางคิดจับจด ฟุ้งซ่าน)

         
วิธีการแก้ไข


1. อสุภะและกายคตาสติ (การพิจารณาให้เห็นเป็นของไม่สวยไม่งาม, การมีสติพิจารณาด้วยการเจริญกรรมฐาน)
2. เจริญกรรมฐานข้อธรรมคือ พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และกสิณ คือ วัณณกสิณ (กสิณสี คือการเพ่งสีเขียว เหลือง แดง ขาว)
3. เจริญกรรมฐานข้ออานาปานสติ (กำหนดลมหายใจเข้า-ออก การเรียน การฟัง การถาม การศึกษาหาความรู้ การสนทนาตามกาลกับครูอาจารย์)
4. การพิจารณาพุทธานุสสติ แนะนำให้เชื่ออย่างมีเหตุผล
5. การพิจารณาพระไตรลักษณ์ (อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา) การเจริญกรรมฐานข้อมรณสติ อุปมานุสติ จตุธาตุววัฎฐาน และอาหาเรปฏิกูลสัญญา
6. การสะกดอารมณ์ด้วยการใช้หลักอานาปานสติ หรือเพ่งกสิณ เป็นต้น



----

สาธุ ...
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #17 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552, 17:12:56 »

นมัสการ ...


หลวงพี่ทั้งสอง  ...
      บันทึกการเข้า
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #18 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2552, 16:00:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ เพื่อนเดียว เมื่อ 02 พฤศจิกายน 2552, 10:58:12
วันลอยกระทง คนส่วนใหญ่ จะนึกได้หรือไม่ว่า วันนี้ เป็น วันพระ

ความจริงข้อหนึ่งว่า   คน และสรรพสัตว์ ที่ได้บริโภคใช้สอยอยู่นี้ เกิดจาก การให้ทาน

สิ่งที่ได้บริโภคใช้สอยนั้นจะเกิดจากลักษณะของทานซึ่งมี ๓ ลักษณะ

( ๐. ไม่ให้ทาน ก็ไม่ได้บริโภคใช้สอย )

๑. ทาสของทาน ของที่ให้ทานมีลักษณะด้อยกว่าที่ตนเองบริโภคใช้สอย

๒. สหายของทาน ของที่ให้ทานมีลักษณะเสมอกับที่ตนเองบริโภคใช้สอย

๓. นายของทาน ของที่ให้ทานมีลักษณะดีกว่าที่ตนเองบริโภคใช้สอย


นี้เองบ่งบอกได้ว่า การใ้ห้ทานไม่ขึ้นกับจำนวน ปริมาณ ของดี ของมีราคามากเป็นหลัก
แต่ขึ้นกับการชนะความโลภ ในใจของตนๆ
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #19 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2552, 12:07:08 »

    องค์ประกอบข้อ ๑. "วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์"
    องค์ประกอบข้อ ๒. "เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์"
    องค์ประกอบข้อ ๓. "เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์"

        [/img]

บางช่วงเวลา เป็นช่วงซองผ้าป่าซองกฐิน หรือการช่วยเหลือสังคม ที่ฏิเสธไม่ได้

เมื่อเราปฏิเสธไม่ได้ จำเป็นต้องร่วมทำบุญ แล้วทำไม ต้องวางใจไว้ผิดเล่า ก็ตั้งใจให้ดีเลย ไม่ดีกว่าหรือ

พยายามดูใจ ฝึกใจ ควบคุมใจ ให้เป็นธรรม หวังความผาสุก แก่ทุกผู้ทุกตนเลย

ทั้งก่อนให้ ขณะให้ และภายหลัง

นึกขึ้นภายหลังครั้งใดก็เป็นสุข
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #20 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2552, 08:25:27 »

สาธุ ครับ  sorry
      บันทึกการเข้า
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #21 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552, 14:13:16 »

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ

๑. ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีบุญวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์ และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

๒. ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๓. ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล ๘ แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๔. ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้ที่มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๕. ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ

๖. ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่พระโสดาบัน  แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม (ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น)

๗. ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๘. ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามีแม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๙. ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๐. ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๑. ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

 ๑๒. ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะได้ถวายสังฆทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๓. การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายวิหารทาน แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทาน อันเป็นสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

๑๔. การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง (๑๐๐หลัง) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ธรรมทาน แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้ได้รู้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจในมรรค ผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ

๑๕. การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ "อภัยทาน" แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทาน ก็คือการไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อละ "โทสกิเลส" และเป็นการเจริญ "เมตตาพรหมวิหารธรรม" อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง "พยาบาท" ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง

(จากวิธีสร้างบุญบารมี นิพนธ์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช)
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
เป๋ครับ!!
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,049

« ตอบ #22 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2552, 14:19:18 »

สาธุ
      บันทึกการเข้า

สวัสดีครับพี่น้อง
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu69
กระทู้: 152

« ตอบ #23 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2553, 17:32:15 »

วันนี้ วันพระ แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๓  ---------------  ๒ เดือน จะมีวันพระแรม ๑๔ ค่ำ

พระพุทธองค์ ทรงห้ามประกอบเลี้ยงตนด้วยอาชีพ ๕ อย่าง ดังนี้
                ๑. ค้าขายมนุษย์
                ๒. ค้าขายสัตว์มีชีวิตเพื่อเป็นอาหาร
                ๓. ค้าขายน้ำเมา
                ๔. ค้าขายเครื่องประหาร
                ๕. ค้าขายยาพิษ
      บันทึกการเข้า

หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม

ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #24 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2553, 19:32:56 »


ขอให้นำเสนอ บทความดีๆ เรื่อยๆ ถือว่าเป็น ธรรมทาน แก่ผู้อ่านทุกท่าน  สาธุ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: [1] 2 3  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><