|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2553, 19:38:33 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2553, 20:56:52 » |
|
ขอขอบคุณเวบฐานเศรษฐกิจ วันอังคาร 10 สิงหาคม 2010 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=38362:2010-08-10-03-51-25&catid=128:-real-estate-&Itemid=478
กทม.เตรียมชง ครม.ผ่อนผัน ผุดโปรเจ็กต์ รถไฟฟ้าโมโนเรล สยามสแควร์ -จามจุรีสแควร์ ลอยฟ้าเหมือน บีทีเอสได้ เหตุปี 37 ออกกฎเหล็ก รัศมี 25 ตารางกิโลเมตรเขตกรุงเทพฯชั้นใน ระบบรางต้องมุดลงใต้ดินยันไม่ให้บดบังทัศนียภาพ
ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า กทม.อยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบให้ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยว(โมโนเรล )
ช่วง สยามสแควร์-จามจุรีสแควร์ ระยะทาง1.5 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท สามารถก่อสร้างบนดินหรือแบบลอยฟ้าเหมือนรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ เพื่อลดต้นทุนค่าก่อสร้าง ที่สำคัญ เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก เปิดให้บริการเดินรถเชื่อมในพื้นที่เฉพาะเท่านั้น
เหตุผลที่ต้องขอผ่อนผัน รูปแบบการก่อสร้าง เนื่องจาก มติครม. ปี 2537 กำหนดให้ พื้นที่ ในเขตกรุงเทพฯชั้นในซึ่งเป็นเกาะรัตนโกสินทร์ รัศมี 25 ตารางกิโลเมตร เกือบ 5,000 ไร่ ห้ามก่อสร้าง โครงข่ายระบบรางแบบลอยฟ้า โดยจะต้องปรับรูปแบบให้มุดลงใต้ดินเท่านั้น เพราะเกรงว่าจะบดบังทัศนียภาพ ศาสนสถาน ตลอดจนอาคารสถานที่สำคัญตั้งอยู่
รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า หาก กทม.ต้องปฏิบัติตามมติครม.ห้ามสร้างรถไฟลอยฟ้า ต้องขุดเจาะ ลงใต้ดินที่ลึกพอสมควร และที่สำคัญคือกระทบต่อสภาพการจราจรในย่านนี้เพราะคับคั่งอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน รถไฟฟ้าบีทีเอส ที่เปิดให้บริการเดินรถโดยผ่านพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในโดยเฉพาะ สถานีสยาม ยังเป็นแบบลอยฟ้าได้ แต่เข้าใจ ว่า ช่วงที่บีทีเอสดำเนินการ เป็นช่วงก่อนหน้าที่ มติครม.จะบังคับใช้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็น่าจะผ่อนผันให้โมโนเรลสามารถทำแบบลอยฟ้าได้ มั่นใจว่า ครม.จะผ่อนผัน เพราะเป็นรถไฟฟ้าขนาดเบา และมีระยะทางช่วงสั้นๆแค่ 1.5 กิโลเมตร โดย โมโนเรล สยามสแควร์ -จามจุรีสแควร์ จะผลักดันให้เกิดขึ้นใน 2 ปีนี้
ส่วน"เดโป" ศูนย์ซ่อมและบำรุง ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้พื้นที่บริเวณสามย่าน กทม. เตรียมเซ็นเอ็มโอยู บันทึกข้อตกลงเบื้องต้น ร่วมกับจุฬาฯ
นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนรถไฟฟ้าโมโนเรล แกรนด์สแควร์- พระราม 9 เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า ใต้ดินสถานีพระราม 9 ซึ่งอยู่ระหว่างหาข้อสรุปเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับภาคเอกชน ด้านรศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาเคหะการ จุฬาฯ ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ของกทม. ประสานความร่วมมือกับจุฬา ฯ กล่าวว่า
คาดว่าจะเซ็นเอ็มโอยูได้ ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยสำนักงานทรัพย์สินจุฬา ฯ ได้มอบพื้นที่ 15 ไร่ ย่านสามย่าน บริเวณจามจุรีสแควร์ให้กทม.เข้าดำเนินการ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้าง โรงจอดและอู่ซ่อมบำรุง หรือเดโป โครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ามวลชนรางเดี่ยว หรือ โมโนเรล เส้นทางสยาม-สามย่าน(จามจุรีสแควร์) จำนวน 5 ไร่
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2553, 22:33:05 » |
|
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 สิงหาคม 2553 http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9530000113078
กทม.เล็งสร้างทางเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาศิริราช-ท่าพระจันทร์
นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) กทม.เล็งสร้างทางเดินลอยฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ศิริราช-ท่าพระจันทร์ มีทางเลื่อนไฟฟ้าสำหรับ ผู้สูงอายุ-พิการ ทางจักรยาน และทางเดินสำหรับบุคคลทั่วไปสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 84 พรรษา คาดใช้งบไม่เกิน 1,000 ล้านบาท นายจุมพล เปิดเผยถึงแนวความคิดโครงการสร้างทางเดินลอยฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาศิริราช ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554 ที่ กทม. จะจัดทำเป็นโครงการขึ้น ว่า บริเวณที่ กทม.จะใช้ก่อสร้างทางเดินลอยฟ้าดังกล่าวจึงอยู่ที่ท่าเรือ ข้ามฟากวังหลัง (ศิริราช)-ท่าพระจันทร์
เนื่องจากท่าเรือดังกล่าวมีผู้ใช้บริการเรือข้ามฟากจำนวนมากซึ่งปัจจุบันอยู่ที่50,000-60,000คน/วัน ซึ่งการใช้บริการเรือข้ามฟากยังคงมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น ฝนตกหนัก พายุเข้า บางครั้งจอดเรือไม่สนิทก็อาจทำโป๊ะล้มเหมือนในอดีตได้
จึงมีแนวความคิดในการสร้างทางเดินลอยฟ้าดังกล่าวขึ้นโดยมีความยาว 300 เมตร กว้าง 10 เมตร สูงจากแม่น้ำเจ้าพระยาในระดับมาตรฐานของการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำทั่วไป คือ 5.50 เมตรหรือ สูงประมาณตึกชั้น 2 มีรูปแบบเป็นทางเดินไฟฟ้าแบบเลื่อนได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้พิการ ได้เป็นตัวเลือกใช้ในการเดินทางรวมถึงใช้ในการพักผ่อนอีกด้วยโดยทาง เลื่อนไฟฟ้าจะอยู่ตรงกลางมีทางเดินสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ทั้ง 2 ข้างรวมถึงมีเลนจักรยานให้อีกด้วย ซึ่งเป็นการสานต่อแนวความคิดของผู้ว่าฯ กทม.ในการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน และ ที่สำคัญ เป็นการสนองพระราชดำรัสในการสร้างกรุงเทพฯเป็นเมืองสวรรค์อีกด้วย สำหรับตัวทางเดินลอยฟ้าจะไม่มีการสร้างบดบัดทัศนียภาพของเกาะรัตนโกสินทร์ โดยจะออกแบบ ให้สอดคล้องกับตัวเมืองเก่า ทั้งนี้ สนย.จะศึกษาระบบต่างๆ รวมถึงการทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ ซึ่งโครงการนี้จะไม่มีการเวนคืนที่ดิน โดยคาดว่า จะใช้งบประมาณ ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม โครงนี้จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อทัศนียภาพ และคิดว่า คณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์จะเห็นชอบในโครงการนี้ทำประโยชน์ให้กับประชาชน
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2553, 07:59:48 » |
|
ขอขอบคุณเวบกรุงเทพธุรกิจ วันศุกร์ 20 สิงหาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/hi-life/20100820/348828/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E2%80%98%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%87%E2%80%99.html
กวดวิชา‘โตไปไม่โกง’
หลังจากเปิดตัวหลักสูตรคบเด็กสร้างชาติ “โตไปไม่โกง”อีกหนึ่งความพยายามของกรุงเทพมหานคร ศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และองค์กรเพื่อ ความโปร่งใสในประเทศไทย เพื่อแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย โดยเริ่มต้น ปลูกจิตสำนึกตั้งแต่เด็กในรั้วโรงเรียน
ล่าสุด มีคุณครูกว่า 1,000 คนแล้วที่เข้าร่วมเวิร์คชอปอบรมครูในหลักสูตรโตไปไม่โกง ตั้งแต่เดือน กรกฎาคมและสิ้นสุดในวันที่ 10 สิงหาคม 2553
เพื่อติวเข้มกลวิธีต่างๆ นำกลับไปสอนนักเรียนผ่าน 5 กลวิธี คือ เพลง ศิลปะ นิทาน การละเล่น ละคร โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาช่วยถ่ายทอดอาทิ
“เพลง”มี บรรจง เวียงพล และ นิพนธ์ เลิศพิริยกมล นักดนตรีมืออาชีพที่มาเป็นวิทยากรสอนให้รู้ถึงวิธีร้องเพลงที่มีเนื้อหาสอดแทรกคำสอนและข้อคิด
“ศิลปะ” มี จิตรการ แก้วถิ่นคอย ศิลปินอิสระที่มาเป็นวิทยากรสอนให้ครูได้เรียนรู้การประดิษฐ์งาน ศิลปะที่สามารถใช้ประกอบการสอนในกิจกรรมการร้องเพลง นิทาน การละเล่น หรือละคร
“นิทาน” มีทีมงานจากกลุ่มละครกะปุ๊กลุก นักเล่านิทานมืออาชีพมาเป็นวิทยากร เพื่อสอนให้ครู ได้เรียนรู้เทคนิคในการเล่านิทานให้สนุกสนานพร้อมทั้งนำอุปกรณ์มาใช้ประกอบการเล่านิทาน
“การละเล่น” มีทีมงานจากมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ มาเป็นวิทยากรสอนให้ครูเรียนรู้การสร้าง เกมการเล่นให้สนุกสนาน และ
“ละคร” มีกลุ่มละครมะขามป้อมและมานิต ประภาษานนท์ เป็นวิทยากรสอนครูเรียนรู้ บทบาทการแสดงณ์ สร้างบทละครเพื่อสอดแทรกข้อคิดให้กับเด็กๆ
ครูอัจฉรา ศรัทธากุล โรงเรียนวัดศรีบุญเรือง ที่เข้าร่วมเวิร์คชอปในครั้งนี้ บอกว่า
“สภาพแวดล้อมและสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้ปัญหาเรื่องเด็กโกง เด็กไม่ซื่อสัตย์รุนแรง มากกว่าสมัยก่อนหลาย 10 เท่า ดังนั้น หลักสูตรโตไปไม่โกงจำเป็นมากที่จะต้องมี
ทุกวันนี้ คุณครูทุกคนก็พยายามสั่งสอนเด็กๆ ให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์ ไม่คดโกง แต่บางคนก็ไม่ได้ สอนอย่างถูกหลัก อย่างตัวครูเอง เรียนจบคหกรรมศาสตร์มา ไม่รู้กลวิธีในการสอดแทรกคำสอน ให้กับเด็ก ก็พูดสอนไปตามปกติ มาอบรมในครั้งนี้ ก็ได้รู้เทคนิคว่าเราควรจะสอนเขาอย่างไร ให้เขาไม่เบื่อ ให้คำสอนค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปให้เขาจดจำ”
ดร.กนกกาญจน์ อนุแก่นทราย อาจารย์จากศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หนึ่งในคณะกรรมการดำเนินการร่างหลักสูตรโตไปไม่โกง เล่าว่า “เด็กไม่ชอบการท่องจำ ไม่ชอบการคิดวิเคราะห์ การให้เขาซึมซับเองอย่างเป็นธรรมชาติ จะดีที่สุดสำหรับเขา มีการวิจัยแล้วว่า ดนตรีหรือบทเพลง ศิลปะ นิทาน เกมการละเล่น และละคร จะช่วยให้เด็กจดจำเรื่องราวได้โดยไม่ต้องท่องจำ และยังทำให้เขารู้สึกสนุกด้วย ถ้าจะสอนอะไรเขาให้สอนผ่านกลวิธีเหล่านี้จะได้ผลดี”
หลักสูตรนี้จะใช้สอนในโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยในช่วงแรกจะเริ่มใน 280 โรงเรียน หลังจากนั้นจะขยายให้ครบ 431 โรงเรียน โดยจะสอนเฉลี่ย 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อย่างไรก็ตาม เจตนารมณ์ดีๆ ของหลักสูตร ไม่ได้ถูกจำกัดไว้แค่เพียงโรงเรียนในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างสำหรับคุณครูทั่วประเทศที่สนใจแนวคิดการสอนแบบนี้ก็ สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาของหลักสูตรไปสอนนักเรียนได้จาก
www.growinggood.org
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 11 กันยายน 2553, 08:33:51 » |
|
กทม.เร่งติดกล้องซีซีทีวี -วอนคนกรุงเทพฯร่วมสอดส่องระวังเหตุ ขอขอบคุณเวบฐานเศรษฐกิจ วันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2010 ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=41282:2010-09-11-01-18-04&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เช่น การวางระเบิดในจุดต่างๆ ในทุกครั้งสามารถติดตามผู้กระทำผิดด้วยกล้อง CCTV ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้กำลังขยายการติดตั้งให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้ติดตั้งกล้องซีซีทีวีไปแล้วกว่า 3,000 ตัว จากเดิมที่มีประมาณ 600 กว่าตัวเมื่อต้นปี 52 คาดว่าภายในสิ้นปี 53 นี้จะสามารถติดตั้งได้ราว 5,000 ตัว และตลอดทั้งปี 54 จะเพิ่มเป็น 10,000 ตัว จากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ 20,000 ตัวในสิ้นปี 55 ซึ่งงบประมาณที่ใช้กว่า 3,000 ล้านบาทนั้น รัฐบาลได้อุดหนุนมาให้กทม.แล้ว 1,600 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น กทม.จะจัดอบรมเจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจในการตรวจตราและเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆ ของกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือผู้ต้องการสร้างสถานการณ์ พร้อมอบรมวิธีการเบื้องต้นในการแจ้งเหตุและระงับเหตุก่อนที่เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเข้าถึง
รองผู้ว่ากทม. กล่าวต่อไปว่า อยากให้ประชาชนชาวกรุงเทพมหานครเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังเหตุหรือภัยอันตรายต่างๆ โดยหากพบวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ด้วยการ
แจ้งสายด่วน กทม. โทร. 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเตือนไม่ให้เข้าไประงับเหตุหรือเก็บวัตถุต้องสงสัยด้วยตนเองเด็ดขาด
ขณะที่ที่ผ่านมา ได้พยายามกระตุ้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เช่น การจัดตั้งและเปิดอบรมอาสาสมัครพิทักษ์คนเมือง เพื่อช่วยเฝ้าระวังป้องกัน สังเกตการณ์ และคอยแจ้งเหตุหรือเบาะแสการก่อเหตุตามสถานที่ชุมชนต่างๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกแล้วกว่า 10,000 คน
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 11 กันยายน 2553, 10:36:04 » |
|
เพียงเดือนละวันก็ยังดี 'คาร์ฟรีเดย์' เซฟ-เพื่อชาติ-ช่วยโลก ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอม วันเสาร์ ที่ 11 กันยายน 2553 ที่สนับสนุนเนื้อหาข่าว http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=23&contentId=90944
เป็นคำที่คุ้นหูคนไทยจำนวนไม่น้อยมานานแล้ว...กับคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า “คาร์ฟรีเดย์ (Car Free Day)” ซึ่งอาจจะแปลว่า “วันปลอดรถ” โดยคำ ๆ นี้เป็นคำที่เกี่ยวกับ การรณรงค์ “ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล”
แต่ทั้งนี้...ในทางปฏิบัติในเรื่องนี้สำหรับคนไทย ดูจะยังเป็นไปอย่างจริงจังเฉพาะกลุ่ม อาจเพราะระบบขนส่งสาธารณะยังไม่สะดวกพอ แต่ “คาร์ฟรีเดย์” ก็เป็นสิ่งที่ควรจะสนใจ ทั้งนี้ วันที่ 22 ก.ย. ของทุกปีถูกกำหนดเป็นวัน “คาร์ ฟรีเดย์” โดยมีจุดเริ่มต้นในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ปี พ.ศ. 2537 โดยประชาชนใน 848 เมือง ใน 25 ประเทศ ได้พร้อมใจกันทำกิจกรรม ร่วมกันลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยเปลี่ยนเป็นใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือใช้รถจักรยาน สำหรับในปี 2553 นี้ กับการรณรงค์ โดยเฉพาะในเขต กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีโครงการ
“คุณช่วยได้ เพียงหยุดใช้รถเดือนละวัน เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร”
รณรงค์หยุดใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนเป็นใช้รถขนส่งสาธารณะ ซึ่งเพียงเดือนละ 1 ครั้ง จะเป็นการบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดแล้ว ยังลดมลพิษ และลดการใช้พลังงานได้ไม่น้อย
“ทาง จส.100 ทำหน้าที่เป็นสื่อในการรณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนคนในกรุงเทพฯ หยุดใช้รถส่วนตัว หันมาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น จะเริ่มทำการรณรงค์ไปเรื่อย ๆ ต่อเนื่องเป็น ประจำทุกเดือน ไปจนถึง 31 ธ.ค. 2553
ซึ่งหากประชาชนหยุดใช้รถส่วนตัวหันมาใช้บริการรถสาธารณะ แค่เดือนละ 1 วันก็ยังดี เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยลดปัญหาการจราจรแล้ว ยังเป็นการลดใช้พลังงาน ลดมลพิษ ทางอากาศและเสียง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นการช่วยโลกได้” ทั้งนี้ ว่ากันเฉพาะในกรุงเทพฯ ปัจจุบันมีการใช้รถเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 5,000,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลประมาณ 3,200,000 คัน ที่เหลือจะเป็นรถจักรยานยนต์
ซึ่งถือ เป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นมากหลายเท่าตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ในกรุงเทพฯ นั้นมีการ ก่อสร้างถนนเพิ่มขึ้นเพียงปีละประมาณ 0.5% เท่านั้น จึงเกิดปัญหาจราจรติดขัด
อย่างไรก็ดี สำหรับกรุงเทพฯ หากคนในเขตกรุงเทพฯ ที่มีรถยนต์ส่วนบุคคล หยุดใช้ รถยนต์ หันมาใช้รถสาธารณะกัน 1 วัน
หากหยุดใช้รถยนต์ประมาณ 250,000 คันต่อวัน ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน หรือคิดเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาทต่อวัน
นอกจากนั้น ยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงถึงประมาณ 2,200 ตันต่อวัน ทั้งนี้ รถยนต์เบนซินจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาประมาณ 8.8 กก. ต่อเชื้อเพลิง 4 ลิตร ส่วนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล 1 คัน จะปล่อยออกประมาณ 10 กก.ต่อ 4 ลิตร
“คาร์ฟรีเดย์” แค่เดือนละวันก็เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายไม่น้อยเฉพาะในส่วนของกรุงเทพฯ ก็มีตัวเลขดี ๆ ที่น่าสนใจมาก หากพร้อมใจทำกันทั้งประเทศ...ยิ่งดีเลิศประเสริฐศรี!!!.
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|