|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2552, 08:46:39 » |
|
ผมขอเสนอพวกเราสามารถใช้การนอนหลับเป็นสนามฝึก
เตรียมตัวไว้จนชำนาญ เมื่อวันนั้นมาถึงจะได้นำมาใช้ และ จากไปอย่างสงบ
ด้วยการฝึกสติปัฏฐาน ๔ นอนอย่างมีสติ ไม่กระวนกระวาย หลับอย่างสงบ
รับฟังได้ที่
http://audio.palungjit.com/f12/สติปัฏฐาน-๔-ธรรมบรรยาย-เตรียมตัวก่อนตาย-504.html
นอกจากการเตรียมตัวก่อนวันนั้นมาถึง ควรสร้าง
อริยทรัพย์ ๗ เป็นเสบียง
ที่สามารถติดตัวเราไปได้ทุกภพทุกชาติตราบเท่าที่
ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ดูอริยทรัพย์ ได้ที่
ตอบกระทู้ที่ ๑ ก่อนตอบกระทู้ที่ ๒ ที่เขียนนี้
ในทางพุทธศาสนายังเชื่ออีกด้วยว่า เมื่อใกล้ตายจะเกิดนิมิตสองประเภท คือ
กรรมนิมิต และ คตินิมิต
กรรมนิมิต หมายถึงภาพที่ปรากฏเกี่ยวกับกรรมที่ได้เคยกระทำไว้
หากทำความดีมาตลอด กรรมนิมิตจะเป็นในทางที่ดี
แต่หากทำชั่ว จะเกิดกรรมนิมิตที่น่ากลัว
ส่วนคตินิมิต หมายถึงนิมิต หรือ ภาพเกี่ยวกับภพหน้าที่ตนจะไปเกิด
คนที่ทำความดีจะเกิดคตินิมิตที่งดงาม
ส่วนคนทำชั่วจะพบเห็นนิมิตที่น่ากลัว
นิมิตที่ดีย่อมช่วยให้ผู้ใกล้ตายมีอาการที่สงบ
ในทางตรงข้ามนิมิตที่น่ากลัวย่อมมีผลให้ผู้ใกล้ตายกระสับกระส่าย ทุกข์ทรมาน
ความตายจึงไม่ใช่เป็นแค่วิกฤตของชีวิตเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสในทางจิตวิญญาณ
ในทางพุทธศาสนาเชื่อว่าจิตที่สงบเป็นกุศล ไม่เพียงช่วยให้ตายอย่างไม่ทุกข์
ทรมานแล้ว ยังสามารถนำพาผู้ตายไปสู่สุคติ เป็นการยกระดับจิตใจให้เข้าสู่
ภพภูมิที่ดีกว่าเดิม ยิ่งผู้ใกล้ตายนั้นมีสติเต็มที่ เห็นโทษของความติดยึดในสังขารหรือ
ความสำคัญมั่นหมายในตัวตนจนสามารถละวางได้อย่างสิ้นเชิง ก็จะเข้าถึง
ความวิมุติหลุดพ้นคือนิพพานได้ทันที ดังพระสาวกหลายท่านได้กระทำไว้เป็นแบบอย่าง
นับเป็นตัวอย่างที่ชี้ว่าความตายสามารถเป็นปัจจัยให้เกิดพัฒนาการทางจิตวิญญาณ
อย่างถึงที่สุดได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงสมควรที่จะเตรียมตัวรับความตายแต่เนิ่น ๆ
ในขณะที่ยังมีเวลาอยู่ ทั้งนี้เพื่อใช้ความตายให้เป็นโอกาสในทางจิตวิญญาณ
ไม่ปล่อยให้ความตายนำชีวิตไปสู่วิกฤตหรือความแตกดับเท่านั้น
นำมาจาก เผชิญความตายด้วยใจสงบ พระไพศาล วิสาโล
http://web1.peacefuldeath.info/?q=node/58
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
เพื่อนเดียว-69
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
รุ่น: rcu69
กระทู้: 152
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2552, 23:04:41 » |
|
อนุโมทนากับเรื่องดีๆ ของพี่หมอ การรักษา ศีล ให้ดี ก็เป็นการรักษาใจ
อยู่ก็ดี ไปก็เป็นสุข
พร้อมจะอยู่ พร้อมจะไป
|
หน้าที่ของมนุษย์ คือการศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม เพื่อยอมรับธรรม
ธรรม คือธรรมชาติของรูปนาม
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 13:18:32 » |
|
อิสรภาพที่รอการค้นพบจากเรา โดย พระไพศาล วิสาโล ดวงอาทิตย์เมื่อขึ้นสูงสุดแล้วก็ย่อมคล้อยต่ำจนลับขอบฟ้าไป ดอกไม้เมื่อบานเต็มที่แล้วก็ย่อมโรยราเหี่ยวเฉาในที่สุด
กาลเวลาย่อมเปลี่ยนผ่านจากวันเป็นคืน จากฤดูฝนย่อมเปลี่ยนเป็นฤดูหนาว และเคลื่อนสู่ฤดูร้อน ดินที่ชุ่มฉ่ำในที่สุดย่อมแห้งและแตกระแหง ธรรมชาตินั้นไม่เคยหยุดนิ่งหรือคงที่ มีแต่การเปลี่ยนแปลง
ชีวิตของเราก็เช่นกัน มิอาจหนีพ้นความเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า “อนิจจัง” ได้ วันนี้เราเป็นหนุ่มเป็นสาว แต่พรุ่งนี้เราย่อมแก่เฒ่า วันนี้เรามีสุขภาพดี แต่พรุ่งนี้เราย่อมล้มป่วย วันนี้เรายังมีลมหายใจ แต่พรุ่งนี้เราย่อมสิ้นลม
ชีวิตและความตายเป็นของคู้กัน ไม่ว่าจะร่ำรวยเพียงใด ยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นความตายได้ นี้คือความเสมอภาคอย่างหนึ่งที่ทุกชีวิตมีเสมอเหมือนกัน อย่างไรก็ตามแม้ทุกคนต้องตายเหมือนกัน แต่ก็มิได้หมายความว่าเราจะตายเหมือนๆ กัน คนเราตายด้วยสาเหตุต่างๆ กัน และแม้จะตายด้วยสาเหตุเดียวกันก็ใช่ว่าจะตายด้วยอาการเดียวกัน บ้างก็ตายด้วยอาการทุรนทุราย บ้างก็ตายอย่างสงบ บ้างก็ตายด้วยอาการดิ้นรนขัดขืน บ้างก็ตายอย่างง่ายๆ ราวใบไม้ปลิดจากขั้ว
ความตายนั้นนอกจากเราจะหนีไม่พ้นแล้ว เรายังไม่อาจเลือกได้ว่าตายเมื่อไร อย่างไร และที่ไหน คนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอาจตายเพราะหัวใจวาย คนที่มีสุขภาพดีอาจอายุสั้นกว่าคนที่เป็นเอดส์ เพราะไปประสพอุบัติเหตุ ส่วนคนที่พยายามฆ่าตัวตายอาจไปตายที่โรงพยาบาลก็ได้ ความตายนั้นสามารถจู่โจมเราได้ทุกเวลาทุกสถานที่และมีอาการต่างๆ กันชนิดที่เราไม่มีสิทธิ์เลือกได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราสามารถเลือกได้นั่นคือ เราจะเผชิญกับความตายอย่างไร เผชิญด้วยอาการยอมรับหรือต่อสู้ขัดขืน ด้วยความรู้สึกปล่อยวางหรือยึดยื้อสุดกำลังด้วยจิตที่ไร้สิ่งค้างคาหรือด้วยใจที่กราดเกรี้ยว ด้วยความสงบหรือตื่นตระหนก กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราสามารถเลือกได้ว่าจะเผชิญด้วย
สติหรือความหลง จำเพาะนักเรียนที่เตรียมตัวมาพร้อมแล้วเท่านั้นที่เดินเข้าห้องสอบด้วยความมั่นใจและไม่ตื่นกลัวข้อสอบ ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อวาระสุดท้ายใกล้เข้ามา ผู้ที่เตรียมใจไว้ดีแล้วย่อมไม่ตื่นตระหนก พร้อมเผชิญความตายเหมือนนักเรียนที่พร้อมจะทำข้อสอบ ใช่หรือไม่ว่าการเผชิญความตายนั้นที่จริงก็ไม่ต่างจากการทำข้อสอบ แต่เป็นการสอบที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว เพราะชีวิตนี้เรามีโอกาสตายได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด เพื่อพร้อมรับมือกับการสอบครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
การเตรียมตัวให้พร้อมเผชิญกับความตาย เราไม่ควรทำต่อเมื่อเจ็บหนัก แก่เฒ่า หรือเมื่อใกล้จะตายแล้วเท่านั้น หากควรเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ในขณะที่ยังมีสุขภาพดีหรือยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ยิ่งมีเวลาเตรียมตัวนานเท่าไร ความพร้อมก็เพิ่มพูนมากเท่านั้น เช่นเดียวกับนักเรียนที่ขยันเรียนและเตรียมตัวสอบมาตลอกทั้งปี ย่อมมีโอกาสที่จะผ่านการสอบได้ดี ใครที่ขยันเรียนเมื่อจวนเจียนจะสอบ ย่อมเสี่ยงต่อการสอบตก แต่ก็ยังดีกว่าคนที่เอาแต่เที่ยวเล่น ไม่สนใจการเรียน สำหรับนักเรียนกลุ่มหลัง การสอบ คือ ความหายนะเลยทีเดียว
จะว่าไปแล้ว ชีวิตนี้ทั้งชีวิตมีขึ้นเพื่อการเตรียมตัวสำหรับวาระสุดท้าย ซึ่งอาจกินเวลาไม่กี่วินาทีหรือนานเป็นเดือน ครั้งหนึ่งหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ไปเยี่ยมพระรูปหนึ่งซึ่งอาพารธหนักใกล้จะมรณภาพ หลวงปู่ดูลย์ได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “การปฏิบัติทั้งหลายที่เราพยายามปฏิบัติมา ก็เพื่อจะใช้ในเวลานี้เท่านั้น” จากนั้นท่านก็ย้ำเตือนให้พระรูปนั้นทำใจปล่อนวาง ท่านกล่าวเพียงไม่กี่คำ แต่พระรูปนั้นเข้าใจแจ่มแจ้งเพราะได้เตรียมตัวไว้นานแล้ว
ชีวิตกับความตายไม่อาจแยกจากกัน เรามีชีวิตอย่างไร ก็มักจะตายอย่างนั้น หากปรารถนาที่จะตายอย่างสงบ ไม่ทุรนทุรายพร่ำเพ้ออย่างที่คนโบราณเรียกว่า “หลงตาย” ก็ควรที่จะอยู่อย่างมีสติ ไม่ประมาท ทำใจให้เป็นบุญอยู่เสมอ แต่หากหลงใหลเพลิดเพลินกับความสนุกสนานจน “ลืมตาย” ไม่สั่งสมคุณงามความดีเอาไว้ ย่อมยากจะรักษาใจให้เป็นกุศลเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง
แต่ถึงแม้ว่าจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปค่อนชีวิตโดยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย ถ้าหากคุณยังสามารถอ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้ หรือตราบใดที่คุณยังมีสติรู้ตัวอยู่ แม้จะนอนป่วยอยู่ ก็ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเตรียมตัวเผชิญความตาย ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ การน้อมจิตให้เป็นกุศล วางใจได้ถูกต้อง พร้อมรับความตาย ก็ยังเป็นไปได้เสมอ
ความตายนั้นก็เช่นเดียวกับความพลัดพรากสูญเสียทั้งหลาย จะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ต่อเมื่อใจเราพร้อมจะเป็นทุกข์อยู่แล้ว
แต่หากเราวางจิตวางใจให้ ถูกต้อง รู้ชัดในความเป็นจริงของชีวิต ปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่ยื้อยุดอะไรไว้ ความตายย่อมไม่สามารถทำให้เราเป็นทุกข์ได้เลย
ไม่มีใครหลีกหนีความตายได้พ้นก็จริง แต่เราสามารถรักษาใจไม่ให้ทุกข์ได้เมื่อความตายมาถึง นี้คืออิสรภาพทางใจที่ความตายไม่อาจแย่งชิงไปได้ อิสรภาพเช่นนี้ เราทุกคนสามารถบรรลุได้ เพราะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในใจเรา เพียงแต่รอการค้นพบจากเราเท่านั้น
อย่าปล่อยให้วันนี้ผ่านไปโดยคุณไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อค้นหาอิสรภาพดังกล่าว อย่ารอให้อาทิตย์ตกดินโดยคุณไม่ได้เตรียมใจไว้เลยในยามชีวิตอัสดง
ที่สำคัญที่สุด คือ อย่ารอวันพรุ่งนี้เพราะวันพรุ่งนี้อาจมาไม่ถึงก็ได้
นำมาจาก กระทู้ที่พี่สิงห์(มานพ)โพสต์ไว้ที่
manopkd สมาชิกกิติมศักดิ์ ระดับชั้นเหนือเซียน เป็นนักกอล์ฟอาชีพผู้อาวุโสไทย เก่งคอนกรีตอัดแรง รุ่น: เข้าจุฬาฯ รุ่น 2513 หรือ วศ.รุ่น 54 คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้: 1,558
Re: คุยกับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม 3 สมัยและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ชมรมฯ « ตอบ #2680 เมื่อ: 18 มกราคม 2553, 13:05:16 »
http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3055.0.html
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 26 มกราคม 2553, 19:26:35 » |
|
ขอบคุณ หมอสำเริง ที่นำเรื่องดีๆ มาให้ชาวซีมะโด่ง ได้อ่านอยู่เสมอ เลยมา ตามอ่าน ตามดู ตามรู้ ตามไปเรื่อยๆนะครับ
|
|
|
|
|
|
Kittiwit Pk
Full Member
ออฟไลน์
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 281
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553, 22:13:19 » |
|
@ Dead before real death @@
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 17 กันยายน 2553, 14:08:09 » |
|
วันนี้คุณเตรียมตัวตายหรือยัง โดย น.พ.วิวัฒน์ วิริยะกิจจา รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้มาจากฟอเวอร์ดเมลล์
ผมไปงานศพของนายตำรวจยศพันตำรวจเอกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นสามีของญาติผม เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ขับรถเก๋งประสานงากับรถปิ๊กอัพ ทำให้คนขับเสียชีวิตทั้งคู่
ผมเชื่อว่านายตำรวจท่านนี้คงเป็นห่วงลูกเล็กๆ สองคนภรรยาสาวสวย และ การงานที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายพล
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับญาติสาว ภรรยาของผู้เสียชีวิต จึงมอบความรู้เพื่อให้เธอก้าวข้ามห้วงแห่งความทุกข์ เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวแต่ต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ สองคนในภาวะสังคมแบบนี้ ต้องยอมรับว่าลำบากมาก
ผมให้แนวทางแก้ปัญหาว่า
๑. เข้าใจกฎของธรรมชาติ ทุกคนต้องตาย พรุ่งนี้เราอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่เว้นกระทั่งปัญหาและความทุกข์ กาลเวลาจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
๒. อยู่กับปัจจุบันขณะ ถามตัวเองว่า วันนี้ควรทำอะไร แล้วลงมือทำ อย่านึกถึงพรุ่งนี้ เพราะจะยิ่งให้เราเป็นทุกข์
๓. หากัลยาณมิตรมาช่วย คนเราควรมีเพื่อน แต่สำหรับผู้หญิงต้องระวังเรื่องการคบหาโดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศ ซึ่งมีโอกาสสร้างปัญหาให้เราได้ง่าย และอย่าลืมคนในครอบครัวที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเสมอ คือพ่อแม่ ญาติพี่น้อง
๔. ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด ผมบอกญาติว่า “ใจเย็นๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวทุกสิ่งทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี จำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดีๆ แค่หลับตาเผลอแผลบเดี๋ยวก็จะผ่านไปสิบปีแล้ว”
๕. หาข้อดีจากข้อเสีย การที่เสียสามีไป ทำให้ได้ข้อคิดอะไรบ้าง
๕.๑ เตือนให้เรารู้ว่าความตายเป็นของแน่นอน วันนี้เราเตรียมตัวตายหรือยัง
๕.๒ ความทุกข์จะบีบคั้นให้พัฒนาตนเอง เพื่อหาหนทางแก้ทุกข์ เมื่อแก้ทุกข์ให้ตัวเองได้แล้ว กรุณาช่วยผู้อื่นด้วย
๕.๓ ได้รู้รสชาติของชีวิต ถ้าไม่รู้จักความทุกข์ จะรู้จักความสุขได้อย่างไร
ผมดูภาพยนตร์เรื่อง “กำเนิดสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” ตอนที่ท่านฝึกอสุภกรรมฐาน นั่งอยู่กับศพ ๔ ศพ ท่านท่องว่า
“ตายแน่ๆ สักวันหนึ่งเราต้องตายแน่ๆ กลายเป็นผีเหมือนศพ ๔ ศพนี้”
๖. เร่งสร้างกุศลกรรม อยู่ในศีลในธรรมให้มากขึ้น แล้วชีวิตจะพบกับความสุขอย่างแน่นอน
๗. หมั่นรักษาจิตใจของตนเองให้ดี ต้องตรวจตราดูใจของตนเองว่าจิตตกหรือไม่ ถ้าจิตตก ต้องรีบหาวิธีจัดการให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ทีนี้เรามาดูเรื่องการเตรียมตัวตายกันดีกว่า ซึ่งผมตั้งปณิธานไว้ว่า
ผมจะตายอย่างมีความสุข เราสามารถทำได้ คือ
๑. เตรียมร่างกาย
ในอนาคตเราจะป่วยเป็นโรคอะไร สามารถทราบได้โดยอาศัยหลัก ๕ ประการ คือ
๑.๑ พ่อแม่เป็นโรคอะไร เรามีสิทธิ์เป็นโรคนั้นสูงมาก
๑.๒ เช็คจากผลตรวจสุขภาพ เช่น ระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด
๑.๓ ตรวจพิเศษ เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจหาโรคจากพันธุกรรมได้ ผมเคยไปตรวจเลือดเพื่อหาพันธุกรรมของโรคสมองเสื่อมปรากฏว่า โชคดีที่ไม่พบ ซึ่งหากใครตรวจพบ จะมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนอื่น ๒๖ เท่า นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีต่างๆ อีกมากมาย
๑.๔ ตรวจจากธาตุเจ้าเรือนตามหลักแพทย์แผนไทย
๑.๕ วิเคราะห์พฤติกรรมต่างๆ เช่น ขับรถเร็ว เมาแล้วขับ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
พอรู้ว่าเราอาจจะป่วยเป็นอะไร มาจากสาเหตุอะไร ก็จัดการกับสาเหตุนั้นๆ เพื่อป้องกันปัญหา เพราะเราไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเบาหวานเหมือนพ่อแม่
๒. เตรียมจิตใจ ต้องนึกว่าเราจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว ผิดพลาดต้องรีบแก้ไข
ผิด = ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
พลาด = ไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ
ทำอะไรที่ไม่ควรทำไปแล้วก็รีบเลิกเสีย อะไรที่ควรทำแล้วยังไม่ได้ทำรีบทำ เสีย เช่น
พาพ่อแม่ไปเที่ยว ไปทำบุญ ไปกินอาหาร ไปหาเพื่อน เป็นการสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ เพราะ พ่อแม่คือพระอรหันต์ในบ้าน ทำบุญกับพระอรหันต์ได้บุญยิ่งใหญ่
๓. เตรียมสังคม ต้องเตรียมจัดการทรัพย์สมบัติ หนี้สิน ภาระหน้าที่ให้คนรอบตัว หากเราตายไปจะได้ไม่เป็นปัญหา
ไมเคิล แจ๊คสัน เขาไม่คิดว่าจะต้องตาย เมื่อตายไป ทรัพย์สมบัติจึงกลายเป็น “อสรพิษ” ฆ่าลูก เมีย และญาติพี่น้อง
ดังนั้นเรามาทำ“อสรพิษ”ให้กลายเป็นต้นไม้เพื่อปกป้องยังความสุขให้วงศ์ตระกูลต่อไปดีกว่า
๔. เตรียมบอกหมอและญาติ ให้ ทราบเจตนา ว่า เมื่อเจ็บป่วยใกล้ตาย ขอตายอย่างมีความสุข อย่ายื้อชีวิตให้เกิดความทรมาน ต้องบอกเจตนานี้ให้คนอื่นๆ รอบข้างทราบไว้ด้วย
๕. เตรียมความปรารถนา ยอดความปรารถนาของทุกคนคือ มีชีวิตอย่างแข็งแรง เดินเหินได้ ช่วยเหลือตัวเองได้จนอายุ ๑๐๕ ปี พอถึงเวลาอันสมควรก็ขอให้นอนหลับแล้วจากไปอย่างสงบ
๖. เตรียมชีวิต การมีชีวิตที่ยืนยาวไม่สำคัญเท่ากับ
การมีชีวิตเพื่อสร้างคุณค่าคุณประโยชน์ต่อสังคม คุ้มค่ากับการเกิดมาชาติหนึ่ง
มาเตรียมตัวตาย “ตายแน่ๆ สักวันหนึ่งเราต้องตายแน่ๆ เหมือนศพ ๔ ศพที่หลวงตาโตพิจารณา”
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|