22 พฤศจิกายน 2567, 15:31:22
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 89 90 [91] 92 93 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 795091 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 35 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #2250 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 00:55:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 26 พฤษภาคม 2553, 11:32:20
รัฐ ตลอดจนหน่วยงานของรัฐ ไม่ตระหนักถึงการรุกของเสื้อแดง นปช. ว่าจะมีผลร้ายได้ถึงขนาดนั้น

แต่ผมโทษพรรคประชาธิปัตย์ครับ องค์กรที่มีแต่พวกทนายเป็นสมาชิก หาความจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหาไม่

วันๆดีแต่เห่า แต่หอน เรื่องไม่เข้าเรื่อง ใช้เป็นแต่ปากครับ-ไม่เหนื่อยและไม่เสียเงิน, ตามงานไม่เป็น-ต้องใช้เงินและเวลา

นี่เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีวันตายของเขาล่ะ

      ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในอดีต ปชป.เป็นพรรคการเมืองที่มีบุคคลเก่งๆ มีชื่อเสียง มีความรู้ ความสามารถ หมุน

  เวียนเข้ามาเป็นสมาชิกทำงานให้พรรคจำนวนมาก เมื่อยามที่พรรค ปชป.ตกตํ่าสมาชิกพรรคก็จะสนับสนุนยกบุคคลที่มี

  ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคมเหล่านั้น เข้ามามีตำแหน่งระดับสูงหรือเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อกอบกู้ภาพพจน์และ

   สถานะภาพของพรรคฯเพื่อให้ได้โอกาสจัดตั้งเป็นรัฐบาล  ที่เป็นหัวหน้าพรรคในอดีตเช่นคุณถนัด คอร์มันต์,คุณพิชัย

   รัตกุล ฯลฯ  แต่จากประเพณียึดมั่นในการเกาะกลุ่มในภาคนิยม(สะตอสามัคคี)ค่อนข้างมากเกินไป  พอยามเมื่อ ปชป.

  ผ่านพ้นวิกฤตและเข้ายุครุ่งเรืองแล้ว บุคคลที่เป็นข้าวนอกนาก็มักจะถูกสมาชิกสะตอสามัคคีกีดกันหรือลดบทบาทจน

  ต้องถอยห่างหรือลาออกจากพรรคฯไปในที่สุด ทำให้พรรค ปชป.จึงมีฐานคะแนนเสียงส่วนใหญ่จำกัดอยู่เฉพาะภาคใต้

  และในกรุงเทพฯบางช่วงเวลาบางเวลาเท่านั้น ซึ่งนับเป็นจุดอ่อนของพรรค ปชป.แต่ไหนแต่ไรมาจนถึงปัจจุบัน  ผมเอง

  ตอนนี้ก็ยังคาดคิดไม่ออกว่าในอนาคตคุณอภิสิทธิ์จะมีชาตากรรมเหมือนหัวหน้าพรรคฯที่เป็นข้าวนอกนารุ่นก่อนๆหรือไม่?
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2251 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 09:11:35 »

พี่แก้วครับ

ผมเห็นด้วยในความเห็นของพี่เป็นอย่างยิ่ง

การเมืองเปลี่ยนไปมากแล้ว ทุกคนสามารถเห็นกริยาท่าทองของผู้อภิปราย รวมทั้งคู่กรณี และคนอื่นๆในสภาฯ

รวมทั้งข้อมูลที่จะนำมาอภิปรายด้วยซ้ำ เดี๋ยวนี้เข้าค้นหาข้อมูลได้ทั้งจาก google, และเพื่อนๆใน FB ที่โพสต์กันกระหน่ำ

และที่แน่ๆ ข้าราชการที่ได้รับทั้งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม ก็ส่งข้อมูลให้ทั้ง สส. สว. สื่อที่เขาเชื่อว่าจะช่วย

จะเห็นได้ว่า..พวกเรา ไม่รู้สึกเลย เมื่อฝ่ายค้านพรรคเผาไทย จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะเรารู้แล้วว่าจะพูดอะไร

และที่สำคัญ..มันจะตะแบงข้อมูลซะด้วยซ้ำ แบบโกหกหน้าตาเฉย ประเภท เอาดีใส่ตัว ความชั่วยัดให้คนอื่น!! ?? 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2252 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 09:17:31 »

ประเด็นเรื่อง 6 ศพในวัดปทุมวนาราม เป็นประเด็นที่พรรคเผาไทยจะยกขึ้นมาอ้าง หลังจากประเด็นอื่นๆ มีความชัดเจนอยู่ในตัว แต่อย่างไรก็ตาม ศอฉ.เคยบอกไว้ก่อนหน้าแล้วว่า หยุดปฏิบัติการทางทหาร ตั้งแต่ประมาณ 13.30 น. 19 พ.ค. 53 เมื่อแกนนำเดินทางไปมอบตัว
และหากประเด็นนี้ ทหารไม่ได้ทำ...แสดงว่า พวกมันเลวกว่าที่เราคาดคิด คือเข้าทำร้ายและฆ่าคนในวัดเพื่อสร้างสถานการณ์ อ่านบทบรรณาธิการ นสพ.ไทยโพสต์ วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2553 ครับ


ทำไมแค่ 6 ศพไม่ใช่ 83 หรือ
บทบรรณาธิการ 27 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      คนไทยนอกจากเก่งในการคิดแยกส่วน ยังมักชอบยกตัวอย่างแยกส่วน ยกเหตุการณ์แยกส่วน  ยกเหตุผลแยกส่วน มาเพื่อให้ฝ่ายตนได้ประโยชน์และได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม โดยไม่สนใจว่า เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบมีที่มาที่ไปอย่างไร

     ทำไมมีความพยายามให้น้ำหนักกับ 6 ศพ ที่ถูกนำไปไว้ในวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร หรือเพียงเพราะมีทหารขึ้นไปอยู่บนรางรถไฟฟ้า จึงกลายเป็นหลักฐานเด็ดมัดแน่นหนาว่าทหารเป็นผู้ยิงประชาชน 6 ศพที่ว่า แล้ว 25 ศพ ในวันที่ 10 เมษายน กับอีก 52 ศพ จากเหตุการณ์หลังจากนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม รวม 77 ศพ ที่มีทั้งสื่อต่างประเทศ ทหาร ตำรวจ ประชาชนเสื้อแดง และประชาชนเสื้อสีอื่น ไม่มีคุณค่าในการทวงความเป็นธรรมให้เลยหรือ ทำไมมาเน้นกันที่ 6 ศพ หรือเป็นเพราะ 6 ศพนี้เล่นดีๆ อาจมีได้เสีย

     รัฐบาลและกองทัพมิอาจปฏิเสธได้ว่า  มีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเป็นเหยื่อกระสุนของทหาร แต่ทหารที่เป็นมือสังหารไม่ต้องรับผิดชอบในความสูญเสียนี้ เพราะมีพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินค้ำอยู่และหากไปกางกฎหมายดูให้ดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็เข้าข่ายไม่ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญาตามมาตรา 17 เพราะมีสถานะเป็น "พนักงานเจ้าหน้าที่" ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 4

     นั่นหมายความว่า จะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อาวุธยิงประชาชนโดยทหารและตำรวจ ภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

     แต่ความจริงไม่ได้จบลงอย่างที่มีความพยายามให้ทหารเป็นผู้ยิงประชาชน 6 ศพในวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร อีก 77 ศพ จะต้องมีการพิสูจน์โดยกระบวนการยุติธรรมให้ได้ว่า เป็นฝีมือใคร เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ที่พรรคเพื่อไทยพยายามย้ำในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ว่า ทั้งหมดเสียชีวิตเพราะฝีมือทหาร มีการดุด่าว่ากล่าวสาดเสียเทเสียว่า กระทรวงกลาโหมไม่ควรได้รับงบประมาณเพราะเกรงจะนำไปซื้ออาวุธมาฆ่าประชาชนอีก

     ไม่น่าเชื่อ!  ลืมเอ็ม 79 ลืมกระสุนไม่ทราบที่มาไปได้อย่างไร ลืมกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่สังคมทั่วไปและคนเสื้อแดงต่างรู้ดีว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธที่เคลื่อนไหวคู่ขนานไปกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงเพราะมีนายคนเดียวกันเร็วขนาดนั้นเลยหรือ พรรคเพื่อไทยกรุณากลับไปตัดข่าวเก่าๆ มาอ่านดูว่า ประชาชนทั้งเสื้อแดง เสื้อหลากสี และทหารที่ต้องตายเพราะเอ็ม 79 และกระสุนจากฝั่งแดงนั้นมีอยู่กี่สิบศพ แม้กระทั่งสื่อบางสำนักที่พยายามเอาจริงเอาจังกับ 6 ศพ จนผิดสังเกตนั้น ก็เคยเสนอข่าวมีคนตายเพราะเอ็ม 79 และกระสุนอื่น จากกองกำลังติดอาวุธที่เคลื่อนไหวร่วมกับคนเสื้อแดงไม่รู้กี่ศพ กลับมาคิดแยกส่วนจะเอาเฉพาะ 6 ศพ

     ทั้ง 83 ศพ ที่สูญเสียไปภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะต้องได้รับการสะสางจากกระบวนการยุติธรรมอย่างไม่ไว้หน้า หากพบว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความผิดต้องคิดคุก หรือประหารชีวิต ก็ต้องไปฉีดยาพิษให้ตาย และถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือกองกำลังติดอาวุธก็ต้องสาวให้ถึงคนบงการ ถ้าใช่ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องไปลากคอกลับมารับโทษในเมืองไทย อย่าหาประโยชน์จาก 6 ศพ เพียงเพราะเล็งผลเลิศในวัตถุประสงค์อื่นเลย.


http://www.thaipost.net/news/270510/22627
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2253 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 09:30:31 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของ คุณเปลว สีเงิน

"รุ่นสู่รุ่น" บนเส้นทางสู่สังคมใหม่
เปลว สีเงิน 27 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     อาการ "ตกใจ-ไฟดับ" จนไทยโพสต์พิมพ์ไม่ได้ เมื่อ ๑๙ พฤษภา ค่อยผ่อนคลายลงหน่อยเมื่อทีมมวลชนสัมพันธ์ของท่านผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ "สุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์" นำโกโก้-โอวัลตินมาช่วยละลายอาการ ซึ่งก็ต้องขอบคุณทั้งที่ กฟผ.เองตัวเป็นเกลียว หัวเป็นนอตกับการติดตั้ง-ตรวจบำรุง "เสาไฟฟ้าแรงสูง" ที่มีคนทดสอบความแข็งแรงด้วยระเบิดไปหลายต่อหลายจุด นี่ถ้าคุณภาพทีมไม่เจ๋งจริง มืดมิดทั้งเมืองไปนานแล้ว!
     คุยเรื่องเครียดต่อเนื่องกันมาหลายวัน ศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภานี้ก็ถึงวัน "วิสาขบูชา" อีกแล้ว คงไม่ต้องขยายความกันรายปีแล้วกระมังว่า อะไรคือวิสาขบูชา และวิสาขบูชาคืออะไร เก็บเสน่ห์ตรงนี้เอาไว้ให้ท่านที่ยังไม่รู้-ไม่เข้าใจได้ค้นหาเอาเองบ้างดีกว่า จะได้อรรถรส และซึ้งคุณค่ากว่าที่ผมจะบอก (รายปี) แต่เท่าที่ผมจับเส้นทางเดินสังคม ชัดเจนว่าคนยุคนี้-สมัยนี้ที่เรียกว่า "หนุ่ม-สาวยุคใหม่" ไม่ได้เป็น-ไม่ได้เหลวไหล อย่างที่ผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านบ่นกันว่า "กายห่างวัด-ใจห่างธรรม" จะนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคตใหม่ในเส้นทาง "สังคมทาสวัตถุ" ตรงกันข้าม หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ เขาโต ด้วยเรียนรู้ มีโลกทัศน์บนวิสัยทัศน์ มีแก่น-มีแกนวิเคราะห์สู่ฐานเชื่อ ถึงตอน กิน-เล่น-เที่ยว เขาก็สุดสวิงริงโก้ของเขาไป แต่ถึงคราวเป็นเรื่อง-เป็นราว พวกเขาเป็นหนุ่ม-สาวมีสาระ ไม่ยอมเชื่อตามๆ กันไปโดยไม่รู้จักค้นหา และไม่คั้นสาระจากความเป็นตัวของตัวเอง เพราะเท่าที่ผมลงไปสัมผัส "โลกในความคิด" ของหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ เขาจะถาม จะซักไซ้ เต็มไปด้วย what why when where และ who โดยมีสถาบันชาติ พระศาสนา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นหลักยึดในการคิด-ในการเชื่อ ถ้าไม่มีเหตุผลเป็นคำอธิบายที่เข้าใจได้ บางคนฟังแล้วเมิน บางคนไม่เมินแต่ซักต่อ ซักแล้วก็ใช่จะเชื่อ หลายคนมีความเห็นและเหตุผลโต้แย้ง
     จนสุดท้าย ที่บอก "ขอบคุณ" เพราะเข้าใจก็มี ที่เฉยเพราะเขายังต้องไปคิดวิเคราะห์ต่อก็มี นี่คือคุณสมบัติปัจจุบันของ "คนรุ่นใหม่" ในกลุ่มนิยมแสวงหาสาระจากโลกและชีวิตรอบตัว

     ที่น่ายินดีคือ คนกลุ่มนี้นอกจากไม่ตกเป็นทาสไอทีแล้ว กลับใช้ไอทีเป็นทาสในการค้นหาสาระสู่โลกใหม่! ผมจะบอกอะไรให้อย่าง จากการสังเกตของผมเองจนเป็น "สถิติ" ชี้ทิศทางสังคมชาติได้ค่อนข้างแม่นยำ ทุกครั้งของการเปลี่ยนแปลงสังคม "เยาวชน-คนรุ่นใหม่" คือเข็มทิศ-ชี้ทาง! หมายความว่าเหตุการณ์ใด ถ้า "เยาวชน-คนรุ่นใหม่" ไม่เข้าไปเป็นส่วนร่วมด้วยแล้วละก็ ถึงเกิดเหตุ เหตุนั้นก็จะยังไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ถ้าเหตุนั้น มีเยาวชน-คนรุ่นใหม่ เข้าไปร่วมในฐานะแกนนำ หรือในฐานะมวลชนร่วม กระทั่งในฐานะมีปฏิกิริยาร่วมตอบสนอง เหตุการณ์นั้นจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม "สู่อนาคตใหม่" ค่อนข้างมาก
     สมัย ๑๔ ตุลา และ ๖ ตุลา หนุ่ม-สาวในภาพของนิสิต-นักศึกษา ปรากฏชัดเจนในความเป็นแกน "เปลี่ยนและนำสังคม" สมัยพฤษภาทมิฬ ส่วนหนึ่งนอกจากนิสิต-นักศึกษาเป็นตัวร่วมแล้ว ยังเขยิบขึ้นไปสู่หนุ่ม-สาวอันเป็นชนชั้นกลาง จนเรียกว่า "ม็อบมือถือ" เพราะตกเย็น หลังเลิกงาน "คนรุ่นใหม่" อันเป็นวัยทำงาน เขาจะโทร.มือถือนัดหมายกันมาชุมนุมที่ราชดำเนิน-ที่สนามหลวงเอง ต่างคน ต่างพวก ต่างกลุ่ม ไม่มีใครรู้จักใคร แต่มารู้จัก "ด้วยเข้าใจ" บนเป้าหมายเดียวกัน นอนบนพื้นถนนราชดำเนินนับดาวด้วยกัน แล้วใครก็ไม่รู้ เอาน้ำบ้าง เอาโน่น เอานี่บ้างมาแจกกันไป ตกดึกแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อไปทำงานตอนเช้า ฉะนั้น ถนนราชดำเนินจะปิดการจราจรไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะคนนั่ง-นอนเต็มพรึ่ด แต่ตอนเช้ายันบ่ายแก่ๆ ถนนก็โล่ง ไม่มีคน การจราจรจะเปิดได้เองโดยอัตโนมัติเช่นกัน จนกระทั่งเย็นย่ำค่ำมืด การจราจรก็ปิดเองโดยอัตโนมัติอีก อย่างนี้เป็นเดือน เป็นอารยะชุมนุมที่น่าพิสมัย ไม่ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อน ต่างคน-ต่างมีความรับผิดชอบ และถนอมรักษาบ้านเมือง!

     มาดูเหตุการณ์นับจาก ๑๙ กันยา ๔๙ จนมาถึง ๑๙ พฤษภา ๕๓ บ้าง ท่านจะเห็นทันที กี่ครั้ง-กี่คราวที่คนเสื้อเหลือง-เสื้อแดงเวียนชุมนุม เกิดเหตุครั้งแล้ว-ครั้งเล่า แต่ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนสังคมไปจากที่เดิมได้ จนกระทั่งคนในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะจากคนในกลุ่ม "หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่" ผสานด้วยคนวัยทำงาน "ทนไม่ไหว" กับการชุมนุมไร้อารยะของพวกเสื้อแดง เขาส่งข้อความนัดแนะกันออกมาร่วมชุมนุมต้านเป็นคนหลากสี เด่นชัดคือหนุ่ม-สาวคนรุ่นใหม่ "รักในหลวง" พวกเขาทนเห็นพวกนี้ย่ำยีสถาบันชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ไม่ไหว ว่างงานตอนไหนก็นัดกันมารวมตัวแสดงอารยะสัญญาประชาสังคม! นี่คือสิ่งยืนยันในคำที่ผมบอกว่า "หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่" ไม่เหลวไหล กายไม่ห่างวัด-ใจไม่ห่างธรรม  อย่างที่ใครๆ เข้าใจและชอบปรักปรำ เพราะจะเห็นว่า มีพิธีกรรมทางพุทธศาสนาและสถาบันกษัตริย์ที่ไหน เขาก็ไปกันเต็ม หรือถ้าใครไปวัดที่สอนการปฏิบัติธรรม ไม่ต้องมาก วันอาทิตย์ไปที่วัดชลประทาน ฯก็จะเห็น หนุ่ม-สาว อันเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าวัดด้วยใจหาธรรมกันมากมายผิดกว่าแต่ก่อน!
     ความจริงเรื่องเข้าวัดไม่จำเป็นนักหรอก ขอให้เอาใจมาเข้าธรรม-เอาธรรมมาเข้าไว้ในใจ อย่างนี้ดีกว่าร้อยเท่า-พันเท่า เพราะไปวัดเดี๋ยวนี้ ลำบากที่ต้องคัดกรองหนัก กราบไปก็นึกไป...พระเสื้อแดงแก๊งตีนตบที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ถือป้าย "เอาพ่อทักษิณกูคืนมา" หรือเปล่าวุ้ย!? และอย่าง บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ ของคุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร เห็นมั้ย ทั้งเด็ก ทั้งหนุ่ม-สาว ทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นกลางเก่า-กลางใหม่ ไปจับไม้กวาด-แปรง ออกแรงขัดถู ทำความสะอาดบ้านเมืองของเรากัน "ด้วยใจ" ทั้งที่ตอนอยู่กะบ้าน พ่อก็กระแอม แม่ก็กระไอ แต่ลูกเฉไฉ ไม่เคยเฉียดใกล้ไม้กวาด

     แล้วใครรู้มั้ย...ที่เป็นนายตรวจประเทศไทยตอนนี้?
     ประชาสังคม "คนรุ่นใหม่" ในโลกไซเบอร์นั่นไง รัฐบาลทำอะไร ทหาร-ตำรวจทำอะไร "นายตรวจประเทศ" สอดส่อง-ติดตามยิบ ตำรวจถูกเหยียบเละเป็นขี้หมา เพราะคุมตัว "หัวโจกกบฏ" ไปบิ๊กฮอลิเดย์ในค่ายนเรศวร จนรัฐบาล-ศอฉ.และตำรวจ เหมือนตูดตำเตาอั้งโล่ นั่งไม่ติด ต้องส่งพี่นวยนิ่มออกมาแก้ทั้งตัว แก้ทั้งผ้า แต่ก็ยังเอาหน้าไม่รอดอยู่ดี
 นั่นไม่เพราะ "นายตรวจประเทศ" คอยจับตาดอกหรือ? ฉะนั้น เมื่อเยาวชน "คนรุ่นใหม่" ลุกขึ้นมารวมตัวเอาธุระกับปัญหาบ้านเมืองแล้วละก็ "สังคมเปลี่ยนแน่" และถ้าคนมีอำนาจ-หน้าที่เปลี่ยน...ไม่เปลี่ยน ระวัง...เยาวชน "คนรุ่นใหม่" เขาจะรวมใจมาเปลี่ยน!?

     เอาละ..ไหนๆ หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ใช้ "ความรักในหลวง" ออกมารวมตัวกันเป็นปฏิกิริยากดดัน "กบฏแดง" จนมีผลสรุปดังที่เห็นขณะนี้ และในเมื่อเป็นรุ่นใหม่ "ใกล้วัด-ใกล้ธรรม" ผมก็มีของดีมาฝาก คือ การ "ไหว้ ๕ ครั้ง" ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรมหาเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส
     สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นี้ ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรฯ หรือ "พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต" และท่านก็ "ไหว้ ๕ ครั้ง" ตามพระอุปัชฌาย์มาตลอดจนกระทั่งมรณภาพ ปกติเราจะรู้จักการไหว้พระ ๓ ครั้ง คือ ไหว้พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ แต่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ท่านให้ไหว้พระ ๕ ครั้ง ดังนี้ เมื่อตั้งนะโม...ครบ ๓ หนแล้วก็เริ่ม
     ครั้งที่ ๑ สวดอิติปิโส ภควา...ไปจนจบบทพระพุทธคุณที่...พุทโธ ภควาติฯ ก็หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระกรุณาคุณของพระพุทธเจ้า กราบหนที่ ๑
     ครั้งที่ ๒ สวดสวากขาโต...ไปจนจบบทพระธรรมคุณที่...เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯ ก็หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้ว กราบหนที่ ๒
     ครั้งที่ ๓ สวดสุปะฏิปันโน...ไปจนจบบทพระสังฆคุณที่...ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ ก็หยุดระลึกถึงคุณ คือความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ แล้วกราบหนที่ ๓
 จากนั้นตั้งใจระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐตลอดไป และกล่าวคำปฏิญาณ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ และทุติยัมปิ พุทธัง-ธัมมัง-สังฆัง ตะติยัมปิ  พุทธัง-ธัมมัง-สังฆัง เหมือนกันดังข้างต้นจนครบ ก็เริ่มไหว้ครั้งต่อไป
     ครั้งที่ ๔ ระลึกถึงคุณมารดา-บิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบหนที่ ๔
     ครั้งที่ ๕ ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผู้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ความรัก ให้ความเมตตา-ปรารถนาดี ให้ความช่วยเหลืออุปถัมภ์-ค้ำจุน แล้วกราบหนที่ ๕
     ผลที่จะได้รับจากการไหว้ ๕ ครั้ง ท่านบอกไว้ดังนี้ :-
     การไหว้ ๕ ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ ๕ ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ จะเป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายให้ปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และตั้งตัวได้ในทางคดีโลก และทางคดีธรรม เต็มภูมิ เต็มชั้น ของตนทุกประการ.
     เอ้า...คนรุ่นใหม่ต้อง "ไหว้ ๕ ครั้ง" อย่าลืมเน้อ.

http://www.thaipost.net/news/270510/22630
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2254 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 09:49:35 »

ปฏิรูปตำรวจ???
ท่านขุนน้อย 27 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     หลังเหตุการณ์จลาจลเผาบ้าน เผาเมือง ผ่านไป...ใครต่อใครชักอดไม่ไหว ที่จะต้องออกมาพูดถึงเรื่อง การปฏิรูปตำรวจ กันอีกครั้ง ไม่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง พี่ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ แม้กระทั่งรองนายกรัฐมนตรีที่ควบคุมดูแลตำรวจโดยตรงอย่าง  สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องแสดงความยอมรับต่อปฏิกิริยาในด้านลบ ซึ่งผู้คนในสังคมมีต่อแวดวงตำรวจอย่างตรงไป-ตรงมา...
     -----------------------------------------------------------
     แต่ก็อย่างว่า...เรื่องของ การปฏิรูปตำรวจ นั้น ไม่ว่าใครก็พูดได้ คิดได้ แต่ถ้าหากจะนำไปสู่ภาคการปฏิบัติที่เป็นจริงแล้ว ส่วนใหญ่...ล้วนแต่ต้องใบ้รับประทานไปด้วยกันทั้งสิ้น พูดง่ายๆว่า...มันเป็นภารกิจที่สุดจะยากซ์ซ์ซ์ แสนยากซ์ซ์ซ์ ยิ่งกว่าภารกิจที่ ตาและยายมอบหมายให้ยักษ์วิเศษเอาขนไปรีดให้ตรงไม่รู้กี่หมื่นกี่พันเท่า เพราะความพยายามกระทำในสิ่งที่เรียกว่า การปฏิรูปตำรวจ  นั้น เอาเข้าจริงๆ แล้ว เคยมีมานับตั้งแต่ยุคพระเจ้าเหายังใส่กางเกงหูรูดก็ว่าได้ แต่จนกระทั่งพระเจ้าเหาหันไปใส่ชุดอวกาศก็แล้ว การปฏิรูปตำรวจก็ยังคงเป็นไปในแบบรูดไป-รูดมาอยู่อีกเช่นเดิม...
        -----------------------------------------------------
     ขนาดผู้ซึ่งพากเพียร พยายาม คิดจะเข้ามาปฏิรูป หรือ ปฏิรูด มีสถานะเป็น ตำรวจด้วยกันเอง แท้ๆ อย่างเช่น พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร ที่ได้ชื่อว่าเป็นตำรวจตงฉิน มีความคิดทันสมัย ก้าวหน้า แถมยังเคยเป็นอาจารย์ฝึกสมาธิ รู้วิธีกำหนดลมปราณทะลวงจุดหยิม ต๊ก ได้อีกต่างหาก อีกทั้งยังได้รับอำนาจเด็ดขาดจากรัฐบาลปฏิวัติของ คมช. มอบหมายให้กระทำภารกิจชนิดนี้กันโดยเฉพาะ แต่หลังจากที่พูดได้ คิดได้ มาเป็นเวลาประมาณ 1 ปีเต็มๆ เมื่อถึงช่วงจังหวะเข้าสู่ภาคปฏิบัติ...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกนำกลับไปบรรจุไว้ภายในกระป๋องแห้ว จนต้องกลายเป็นการปฏิรูปฉบับ แห้วกระป๋อง อีกเช่นเคย...
       -------------------------------------------------------
     การปฏิรูปตำรวจที่ไม่เคยปฏิรูปใดๆ ได้เลย มีแต่ต้องรูดไป รูดมา ต่อไปเรื่อยๆ มันจึงกลายเป็น ปัญหา ที่หนักหนาสาหัส ซับซ้อน วุ่นวาย ไม่น้อยไปกว่า ปัญหาระดับวาระแห่งชาติก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสถาบัน องค์กร ภายในตัวของมันเองเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่สามารถก่อให้เกิด เงื่อนไข ทางสังคม ลุกลาม บานปลาย กลายเป็นปัญหาทางการเมือง  เศรษฐกิจ หรือ กระทั่งปัญหาความขัดแย้ง แตกแยก ภายในบ้านเมืองมานับเป็นปีๆ ชาติๆ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้ง แตกแยก กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ หรือ กับพวกแดงทั้งแผ่นดินในช่วงระยะที่ผ่านมา...ล้วนแต่มี เงื่อนไข อันเนื่องมาจากตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอๆ...
       ------------------------------------------------------
     อันที่จริง  ถ้าหากจะพูดกันในแง่ความเก่ง ฝีมือความสามารถ ประสิทธิภาพในการสืบสวน สอบสวนแล้ว...ตำรวจไทย คงไม่ได้ด้อยไปกว่าใครต่อใครในโลกกันซักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นระดับเอฟบีไอ. เอ็มไอ.5 เอ็มไอ.6 ก็เถอะ ต่างก็เคยต้อง ขอดูตัว ตำรวจไทยกันไปเป็นแถวๆ เพียงแต่สิ่งที่เป็นปัญหาคาอก คาใจ คาราคาซัง และคาบ้านคาเมือง อยู่จนทุกวันนี้ ดูๆ มันจะหนักไปในเรื่องของ ความคิด และ จิตสำนึก ที่แทรกซึมอยู่ภายในหัวจิตหัวใจ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละตัวบุคคลซะมากกว่า ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ในการปรับปรุง ปรับเปลี่ยน หรือปฏิรูปสิ่งเหล่านี้ เพราะแม้แต่มนุษย์โดยทั่วๆ ไป...บางรายอาจต้องใช้เวลาเป็นชาติๆ ถึงจะเกิดการปรับเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก ขึ้นมาได้บ้าง...
         ---------------------------------------------------
     แต่ถ้าหากเราต้องมัวรอคอยให้ตำรวจไทยโดยส่วนใหญ่ เกิดความคิดเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ เกิดจิตสำนึกแห่งความเป็นตำรวจอยู่ในทุกขณะจิต ไปจนกว่าจะถึงช่วงประมาณบ่ายๆ ชาติหน้าแล้วไซร้...ไปๆ-มาๆ ชาติไทย หรือ ประเทศไทย ก็อาจจะไม่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์โลกอีกเลยก็ไม่แน่!!! ด้วยเหตุนี้ แม้นจะเป็นเรื่องยากซ์ซ์ซ์ แสนยากซ์ซ์ซ์ ซับซ้อน ยุ่งเหยิง ยิ่งกว่าภารกิจที่ตา-ยายมอบหมายให้กับยักษ์วิเศษ  แต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้...ที่จะต้องหาทางเดินหน้า หาทางปฏิรูป ปฏิรูด หรือ ทั้งลูบ ทั้งรูด ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นั่นแล...
        -----------------------------------------------------
     คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...นับตั้งแต่ ระบบทักษิณ ได้สถาปนา รัฐตำรวจ ขึ้นมาอย่างเป็นรูปเป็นร่าง ในตลอดช่วงระยะเวลายาวนานประมาณเกือบ 8 ปี การลูบ หรือ การรูด ตำรวจแต่ละราย...มันยิ่งกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากหนักขึ้นไปกว่ายุคอดีตก่อนหน้านี้หลายต่อหลายเท่า การลูบ หรือ การรูด ตำรวจในแต่ละช่วง แต่ละระยะ มันจึงแยกไม่ออกไปจาก การต้องหาทางสลายรากเหง้า เครือข่าย ของระบบทักษิณควบคู่ไปด้วย ซึ่งถ้าหากรากเหง้า เครือข่ายของระบบทักษิณสูญสลายลงไปอย่างราบคาบแล้ว อาจพอตั้งความหวังเอาไว้ได้เล็กๆ น้อยๆ ว่า ด้วย สัญชาตญาณการปรับตัว ที่เชื่อกันว่า...ฝังลึกอยู่ในสายเลือด ดีเอ็นเอ ของตำรวจแต่ละนาย น่าจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย...
      ---------------------------------------------------------
     แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด...คงหนีไม่พ้นไปจากการหาทางขจัด ขัดขวาง ไม่ให้นักการเมือง หรือ อำนาจการเมือง นำเอาตำรวจไปใช้ประโยชน์ในทางส่วนตัวนั่นเอง ถ้าหากการแต่งตั้ง โยกย้าย ในแบบยื่นหมู ยื่นแมว มึงมั่ง กูมั่ง ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะปฏิรูปตำรวจ...ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เอาเลยก็ว่าได้ ส่วนสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งไม่อาจละเลยได้โดยเด็ดขาด  นั่นก็คือ... แรงกดดันทางสังคม..ที่จะต้องคอยตรวจ คอยเช็ก คอยตั้งด่าน ดักจับตำรวจ ไปขึงพืดในเว็บไซต์ แต่ละเว็บไซต์ กันเป็นระยะๆ เอากันให้ถึงระดับที่ ตำรวจชายแดนทั้งกองบังคับการต้องหัวทิ่ม ตกน้ำ ตกท่า ตกทะเลชะอำ ชนิด มะเขือเทศรีสอร์ต แทบจะต้องปิดกิจการไปแล้วนั่นแหละ  เพราะสิ่งเหล่านี้นี่เอง...ที่เป็นเสมือน กตร.ตัวจริง อันจะมีบทบาทในการลูบ และรูด  ทั้งตำรวจและนักการเมืองได้ในวันนี้ พรุ่งนี้...โดยไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้าตอนบ่ายๆ สามโมงแก่ๆ ก็ยังรูดไม่เสร็จกันซักกะที...
    ------------------------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก สุภาษิตนิรนาม ... เมื่อสุนัขสองตัวกำลังแย่งกระดูกกัน แต่ตัวที่สามคาบหนีไปได้ นั่นย่อมหมายความว่า มีตำรวจ หรือ ทนายความ อยู่ท่ามกลางสุนัขสองตัวนั้น...


http://www.thaipost.net/news/270510/22596
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2255 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 10:18:48 »

กำลังใจให้นายกรัฐมนตรี
ถูกทุกข้อ 27 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      คุณมาร์ค..ธรรมะชนะอธรรมแน่
     "อย่ายอมแพ้" นี่คือใจไทยทั้งผอง
     คนชั่วเลวทำลายชาติสาดเลือดนอง
     มันจะต้องหมดสิ้นแผ่นดินไทย         
               คุณมาร์ค..เมื่อใจใฝ่เพื่อชาติ
               ประชาราษฎร์ก็พร้อมร่วมมือให้
               ใครชั่ว..ใครดี..รู้ที่ใจ
               พวกมักได้..เห็นแก่ตัวชั่วทั้งนั้น
     มาร์ค..ธรรมะชนะอธรรมแน่
     กังฉินแผ่ชาติชั่วพวกตัวกลั่น
     แค่อุปสรรคผ่านหน้าอย่ากลัวมัน
     เร่งมุ่งมั่นพัฒนาประเทศไทย         
               พวกเปลี่ยนขาวเป็นดำเปลี่ยนดำเป็นขาว
               สร้างภาพร้าว..คนทุกผู้เขารู้ไต๋
               หากเสียชาติชนทุกผู้สู้ขาดใจ
               "รัฐไทยใหม่" ต้องไม่มีนะพี่มาร์ค.
                                    คนเมืองทอง 53   
                     
                  หลายๆ สิ่งที่พึงทำ         
เรียน คุณสามวา สองศอก
     1.โรงเรียนเตรียมทหารจะยังคงปล่อยให้ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร มีชื่อโชว์หราอวดเกียรติภูมิ "เกียรติยศจากดาว" ของโรงเรียนเตรียมทหาร ที่มอบให้อดีตนายกฯ นรกอเวจีต่อไปอีกหรือ!!? หรือว่าผู้บัญชาการกองทัพไทย (พลเอกทรงกิตติ) จะปล่อยให้คงอยู่ต่อไป โดยอ้างว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต
     แต่ก็เป็นอดีตที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นอดีตอันโสมม ผมอยากให้สังคมไทยเราเรียกร้องจัดการกับเรื่องดังกล่าวนี้ เพราะต่อไปนักเรียนเตรียมทหารและคนรุ่นหลังๆ จะไม่เข้าใจและฉงนฉงายว่า เกียรติยศจากดาวนี้คืออะไรกันแน่!!?
     2.รัฐบาลเพิ่งจะมาแสดงฝีไม้ลายมือเอาที่ตอนกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้แล้วหรอกครับ เรื่องเอาไอ้แม้วหน้าเหลี่ยมกลับมารับโทษทัณฑ์ตามกบิลเมือง มันยังยากอยู่เอาไว้ก่อน เอาแค่เรื่องหมูๆ แค่เอาวัฒนา อัศวเหม กับกำนันเปาะ ณ ขแมร์ กลับมาตากอากาศร่วมกันกับสามเกลอหัวขวดให้ได้เสียก่อนเถอะ แล้วค่อยไปเล่นเรื่องระดับช้างกับไอ้เหลี่ยมแม้วมัน คนจะได้เชื่อว่ากฎหมายไทยศักดิ์สิทธิ์เที่ยงตรงและเที่ยงธรรม
     3.เรื่องของสื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาล หนังสือในเครือข่ายกลุ่มแดงทักษิณที่มีพฤติกรรมการกระทำล่อแหลมและหมิ่นเหม่ มีผลกระทบต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองมาโดยตลอด จะต้องถูกหยิบยกมาพิจารณาดำเนินการโดย ศอฉ.อย่างเร่งด่วน
     สำหรับตำรวจสันติบาลก็ปล่อยให้อยู่ใน "สังคมเกษตรกรรม" ไร่มะเขือเทศต่อไปอีกสักนิดนึง รอวันเกรดไถใหม่ของ "สังคมเวรกรรม" ที่รัฐบาลต้องไถปรับโครงสร้างใหม่ของตำรวจไทยโดยด่วนต่อไป
                                                       นายรัก พิทักษ์ไทย
ตอบ คุณรัก
     1.เกียรติยศแห่งดาวที่ทักษิณได้จากโรงเรียนเตรียมทหาร ต้องให้ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันช่วยกันตัดสินว่าควรจะทำอย่างไร
     2.เพื่อไม่ให้ถูกหาว่า 2 มาตรฐาน รัฐบาลก็ควรเร่งจับตัวให้ได้ทั้ง 3 คนมาดำเนินคดี
     3.สื่อสิ่งพิมพ์มีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ตรวจสอบไม่ยากหรอกครับ

                    ต้นตอความแตกแยก                           
เรียน คุณสามวา สองศอก
     บ้านเมืองที่เกิดจลาจลในใจกลางกรุงเทพมหานครร้ายแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศไทย มาบัดนี้ก็ใกล้จะจบลงแล้ว ผมขอประมวลว่าสาเหตุต้นตอของความแตกแยกร้าวฉานของคนไทย จนเกิดเหตุการณ์ชนิดที่ไม่นึกมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ ดังนี้
     1.การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 3 สิงหาคม 2544 ครั้งแรกตัดสินให้ทักษิณผิดด้วยคะแนน 11 : 4 และถูกพักทางการเมือง 5 ปี แต่ผลการตัดสินในที่สุดกลับพลิกเป็น 8 : 7 ทักษิณหลุดด้วยเหตุผลว่า  "บกพร่องโดยสุจริต" มีเบาะแสจากคอลัมนิสต์หลายคนว่า เกิดจากตุลาการ 4 คนไม่ทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร
     2.มีรัฐธรรมนูญปี 2540 ฉบับดีที่สุดในโลก
     3.เมื่อทักษิณได้ขึ้นบริหารประเทศได้ใช้ คอรัปชั่นเชิงนโยบาย ไปทุกรูปแบบ จนได้ ส.ว. ส.ส. ตำรวจ ทหาร องค์กรอิสระและสื่อ เข้ามาไว้ในกำมือได้หมด แล้วใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้ตามอำเภอใจจนร่ำรวยมหาศาล ทั้งนี้ก็เพราะบุคคลดังกล่าว ตลอดจนประชาชนที่ออกเสียงเลือกตั้งสนับสนุน เป็นบุคคลพาซื่อ หวังพึ่ง จึงตกเป็นเหยื่อถูกหลอกมาตลอด คือเป็นบุคคลประเภท "บัวใต้น้ำ" ตามคำพระพุทธองค์ หรือเป็น "Passivecitisen" ตามปรัชญากลับตก
     4.เกิดเหตุการณ์ ไล่ทรราช เมื่อ 19 กันยายน 2549 หลังจากขายหุ้นที่ร่ำรวยมาให้สิงค
โปร์ด้วยเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาทโดยไม่เสียภาษี
     คุณสามวาว่าถูกทุกข้อไหมครับ?
                                                               สูง สีชม
ตอบ คุณสูง
     ทั้ง 4 ข้อที่คุณว่ามาก็น่าจะ "ถูกทุกข้อ" นะครับ

                    สะใจกันหรือยัง?              
สวัสดีครับ คุณสามวา
     ผมเพิ่งจะเขียนลงเรื่องเป็นห่วงนักข่าวภาคสนามได้ไม่นาน ก็เจอกันทุกทั่วหน้าไม่เว้นกระทั่งหน่วยกู้ชีพก็โดนกับเขาไปด้วย จนบาดเจ็บล้มตายอย่างที่เห็น ก็นี่แหละครับความรุนแรงที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ส่วนคุณศรีธัญญา ณ สวนปรุง เพิ่งจะเขียนมาชมนโยบายปรองดอง 5 ข้อของนายกฯ มาร์คว่าดีไม่นาน ตอนนี้กลายเป็นดีแตกไปซะแล้ว รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ.ก็เอากับเขาด้วย
     ส่วนม็อบเสื้อแดงในที่สุดก็ต้องยอมสลาย เพราะน่าจะรู้ดีว่าเป็นม็อบไม่มีเส้น และหวังจะอยู่ทำลายสถิติ 193 วัน ที่ม็อบพันธมิตรฯ ทำไว้ก็คงยาก ผมก็เคยเขียนบอกตั้งแต่แรกๆ ก่อนการชุมนุมในไทยโพสต์ฉบับก่อนๆ แล้วว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม อากาศร้อนก็ร้อน ให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ค่อยๆ นวด ค่อยๆ คลึง เขย่าทุจริตในไทยเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวก็ร่วงไปแบบ สปก.4-01 และควรจะขยายโรงเรียนเสื้อแดงไปเรื่อยๆ มันจะยุบหรือไม่ยุบสภา หรือยุบพรรคประชาธิปัตย์ช่างมัน ไม่ต้องไปสนใจ และเป็นไงผลเสียที่เกิดขึ้น
     1.ทีวีช่องแดงถูกปิด 2.แกนนำเสื้อแดงถ้ายอมยุติการชุมนุมและมอบตัว ก็จะโดนข้อหาสารพัดเล่นงาน 3.เสียแนวร่วมและผลกระทบจากการปิดราชประสงค์และ รพ.จุฬาฯ 4.ข่าวเสื้อแดงกลบข่าวทุจริตไทยเข้มแข็ง แม้แต่เรื่องรถดับเพลิงของหล่อเล็ก (คุณอภิรักษ์) ก็เงียบหายไปพร้อมกับการเสียชีวิตของคุณสมัคร สุนทรเวช 5.ผู้ชุมนุมมีการเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
     สรุปแล้วเพราะการใจร้อนกันทั้งสิ้น ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้เลยพังหมด มีเสื้อแดงผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้านผม ที่ไปร่วมกับคนเสื้อแดงในการชุมนุมเป็นประจำ รวมทั้งที่ราชประสงค์ด้วย พอผมคุยให้ฟังเรื่องนี้บอกว่าอย่าเพิ่งชุมนุมเลยมันไม่มีประโยชน์ ผมยังโดนด่ากลับและหาว่าไม่เข้าข้างคนเสื้อแดง ฮิฮิ..(ขอฮิฮิ..หน่อยเดี๋ยวจะหาว่าเครียดอีก)
     แต่ผมก็ยังชื่นชมจิตใจของเธอแม้เป็นผู้หญิง ยังกล้าต่อสู้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้ว่า ศอฉ.จะออกมาขู่แล้วขู่อีก แต่เธอก็มีวิธีเข้าไปชุมนุมในม็อบได้เกือบทุกคืน เพราะฉะนั้นถึงครูหยุยจะปรารถนาดีต่อเด็ก ผู้หญิงและคนชราแล้วก็ตาม แต่เธอไม่เกรงกลัวจะเกิดอันตราย ถือว่าบทบาทของผู้หญิงในยุคนี้ที่กล้าหาญชาญชัยจริงๆ รวมทั้งนักข่าวสาวภาคสนามทั้งหลายด้วย ฉะนั้นผมถึงไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงกับม็อบทุกสีที่มีผู้หญิงอยู่เยอะล่ะครับ
     ต่อไปต้องมีการปฏิรูปกันครั้งใหญ่ เลิกเสียทีเถอะครับกับม็อบมาราธอน สู้กันในกติกาอย่างอเมริกาเลือกตั้งใครชนะ ก็ปล่อยให้บริหารกันครบเทอม แม้จะไม่พอใจประธานาธิบดีของตัวเองที่นำชาวอเมริกันเข้าสู่สงครามอิรัก จนพลเมืองชาวสหรัฐล้มตาย เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องบ่อน้ำมัน ก็ไม่เห็นชาวอเมริกันประท้วง จนถึงกับปิดถนน ยึดทำเนียบฯ ยึดสนามบิน เหมือนกับเราที่ทำกัน และต้องเลิกเสียทีกับมือที่มองไม่เห็น เลิก 2 มาตรฐานได้ทีขี่แพะไล่ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็จะลุกเป็นไฟไม่สิ้นสุด สะใจกันหรือยังครับพวกหัวหงอกที่ยังไม่ยอมตายกันทั้งหลาย ฮิฮิ..
     ทั้งนักข่าวแตงโม เอ้ย! บอกผิด นักข่าวสตรอเบอรี่ และนักข่าวกล้วยไข่ กล้วยหอมต่างค่ายกันทั้งหลาย โปรดช่วยสื่อสารนำความสงบสู่สังคมไทยกันเถิดครับ อย่าสร้างความโกรธแค้นต่อกันจนถึงกับมีการเผาสำนักพิมพ์หรืออย่างช่อง 3 กันอีกเลย เพราะตอนนี้คนป่วยด้วยโรคจิตมันมีเยอะ
     ส่วนนายกรัฐมนตรีถ้าเปลี่ยนได้ ผมขอเปลี่ยนเป็นท่าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. มาเป็นแทน อยากได้บุคคลที่สุขุมตามชื่อมาดูแลในยุคคนไทยแตกแยก ส่วนนายกฯ มาร์คให้ไปเป็นผู้ว่าฯ ใน 3 จังหวัดภาคใต้แทน ฮิฮิ..
     เพราะท่านหม่อมสุขุมพันธุ์ก็ได้เตือนล่วงหน้าแล้ว อย่าได้สลายม็อบราชประสงค์เป็นอันขาด มิฉะนั้นแถวนั้นจะราบเป็นหน้ากลอง แล้วเป็นไงทหารที่เข้าไปสลาย โดน M 79 จนแขนขาดสยดสยอง และมีผู้ล้มตายเป็นจำนวนมาก ก็เคยบอกแล้วมันไม่มีเรื่องก็อย่าให้มีเรื่อง
     ก็ลาไปด้วยเพลง "บวชหน้าไฟ" ของคุณแอ๊ด คาราบาว ในท่อนจบที่ว่า "ฉันไม่เข้าใจ โกนหัวเข้าบวชหน้าไฟ เพราะความไม่เข้าใจ เอาไว้ไปถามพระธรรม" (มีเสียงสวดพระประกอบดนตรีส่งท้าย)
                                                       ขอแสดงความนับถือ
                                                         นายผีตองเหลือง
ตอบ คุณผีตองเหลือง
     สรุปว่าที่เกิดเรื่องเสียหายร้ายแรง เพราะทุกฝ่ายไม่เชื่อคุณผีตองเหลือง ถ้าเชื่อป่านนี้ม็อบก็ยังคงยืดเยื้ออยู่ที่สี่แยกราชประสงค์
                                                         สามวา สองศอก   
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2256 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 11:56:10 »

ฟังนักวิชาการชาวอเมริกันบอกให้คนไทยช่วยกันแก้ไขปัญหาอื่น ดีกว่าหมกมุ่นกับ "ปีศาจทักษิณ"

วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:46:00 น.  มติชนออนไลน์
นักวิชาการอเมริกันเสนอไทยหยุดหมกมุ่นแค่ "ปีศาจทักษิณ" แนะควรแก้ปัญหาอื่นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งด้วย

นักมานุษยวิทยาอเมริกันแนะไทย อย่าหมกมุ่นกับ "ปีศาจทักษิณ" จนไม่ยอมแก้ปัญหาอื่น ชี้กองกำลังเสื้อแดงเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัญหา "ชนชั้น" และ "ชาติพันธุ์-ภูมิภาค" ก็ฝังรากลึก

"ชาร์ลส์ คายส์" ศาสตราจารย์เกียรติคุณทางด้านมานุษยวิทยาและนานาชาติศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำการศึกษาเรื่องเมืองไทย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาอย่างยาวนาน ได้เขียนบทความชื่อ "ดีลลิ่ง วิธ ′เดอะ เดวิล′, เดอะ เร้ดส์ แอนด์ ลุคกิ้ง วิธอิน" (ความสัมพันธ์กับ "ปีศาจ", คนเสื้อแดง และการมองย้อนกลับเข้ามาภายใน) ลงในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันที่ 26 พฤษภาคม มติชนออนไลน์ เห็นว่าบทความดังกล่าวมีเนื้อหาน่าสนใจเป็นอย่างมาก จึงขออนุญาตสรุปความและนำมาเผยแพร่ดังต่อไปนี้

การก่อร่างสร้างปีศาจ

เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพมหานคร จนนำมาสู่การเผาอาคารทางธุรกิจที่มีความสำคัญหลายแห่งโดยผู้ชุมนุม ส่งผลให้ชาวกทม.จำนวนมาก และผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั่วประเทศ ต่างชี้นิ้วว่าตัวการที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็คือ คนเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีนามว่า ทักษิณ ชินวัตร

ในสายตาคนเหล่านั้น ทักษิณกลายเป็นปีศาจที่มีตัวตน ผู้ก่อให้เกิดความโชคร้ายและปัญหาสังคมต่าง ๆ นานา พวกเขาเชื่อว่าหากอดีตผู้นำประเทศรายนี้ถูกเขี่ยพ้นออกไปจากการเมืองไทย สังคมไทยก็จะกลับคืนสู่ความสงบและความสามัคคี


แน่นอนว่าทักษิณได้ใช้ความร่ำรวยและอิทธิพลของตนเองในการสนับสนุนการชุมนุมทั้งที่สันติและรุนแรงของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่หากรัฐบาลอภิสิทธิ์และคนอื่น ๆ ที่จะมีส่วนร่วมในนโยบายปรองดองแห่งชาติ ยังคงเห็นว่าทักษิณเป็นเพียงตัวการเดียวของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็จะประสบกับความผิดพลาดในเชิงยุทธวิธี และหนทางสู่ความปรองดองก็จะประสบกับทางตัน ขณะที่ความขัดแย้งในสังคมก็จะยังดำเนินต่อไป

สาเหตุอื่น ๆ ของความขัดแย้งในสังคมไทย

วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลเสียอย่างหนักต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ของไทย เพราะในปัจจุบัน ครัวเรือนของชาวอีสานต้องพึ่งพิงรายได้ที่ส่งมาจากสมาชิกของครอบครัวซึ่งประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ มีแรงงานชายจากภาคอีสานนับแสนคนออกไปรับจ้างทำงานในต่างประเทศ

วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 จึงส่งผลเสียหายอย่างหนักต่อครอบครัวของชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งปัจจุบัน สมาชิกจำนวนมากของครอบครัวเหล่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กหนุ่ม ได้กลายเป็นประชากรที่ตกงาน เด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้นี่เอง ที่เป็นทรัพยากรสำคัญของกลุ่มกองกำลังคนเสื้อแดง ซึ่งมีส่วนจุดไฟเผาอาคารสำคัญในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งยังกล้าเผชิญหน้ากับกองกำลังของรัฐบาล

ดูเหมือนรัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ได้ตระหนักถึงกลุ่มเด็กหนุ่มเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาคือกลุ่มคนว่างงานในภาคส่วนเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ ดังนั้น พวกเขาจึงไร้ตัวตนจากการเก็บสถิติของรัฐ แต่หากรัฐบาลไทยไม่แก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจให้แก่คนกลุ่มนี้ ความเกลียดชังและความไม่พอใจของพวกเขาก็จะดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทักษิณหรือไม่ก็ตาม

สาเหตุสำคัญของความขัดแย้งในสังคมไทยประการต่อก็คือ ความแตกแยกอย่างลึกซึ้งในสังคม อันเกิดจากเส้นแบ่งในเรื่องชนชั้นและชาติพันธุ์-ภูมิภาค กลุ่มคนเสื้อแดงมีอยู่อย่างหนาแน่นในภาคอีสานและภาคเหนือ เพราะคนเหล่านี้ตระหนักว่าตนเองถูกใส่ร้ายป้ายสีตลอดมาจากเหล่าคนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ

การใส่ร้ายป้ายสีดังกล่าวมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คนในภาคอีสานและเหนือมักถูกมองจากคนไทยในส่วนกลางว่าเป็น "ลาว" เมื่อครั้งที่พวกเขาเพิ่งถูกควบรวมเข้ามาใน "รัฐ-ชาติ"  ไทย แม้ว่าต่อมานโยบายการศึกษาและสื่อสารมวลชนที่มีฐานอยู่ในกรุงเทพฯ จะบ่งชี้ว่าคนจากภูมิภาคเหล่านี้เป็น "ไทย" ทว่าภาพลักษณ์ด้านลบอันเก่าแก่ที่เห็นว่าคนเหนือและอีสานมี "ความเป็นไทย" น้อยกว่าคนกรุงเทพฯ ก็ยังคงดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

ภาพลักษณ์ด้านลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพด้านลบของคนอีสาน ปรากฏอยู่อย่างสม่ำเสมอในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ไทย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนอีสานถูกใส่ร้ายป้ายสีครั้งแล้วครั้งเล่าโดยสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมซึ่งฝักใฝ่การเมืองสีหนึ่ง, หนังสือพิมพ์ในกทม. และเว็บล็อกตลอดจนเฟซบุ๊กจำนวนมาก ว่าพวกเขาโง่เหมือน "ควาย" เป็นต้น  ความคิดจำนวนมากที่ถูกนำเสนอในสื่อยังเชื่อว่าชาวบ้านเหล่านี้เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร และไม่ตระหนักว่าตนเองกำลังโดนดูถูกเหยียดหยาม

แต่ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ชาวบ้านเหล่านี้ตระหนักว่าตนเองกำลังถูกใส่ร้ายป้ายสี และภาวะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าวได้กลายเป็นปัจจัยหลักสำคัญประการหนึ่งของความขัดแย้งในสังคมไทย

ขณะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์พยายามไล่ปิดสถานีวิทยุชุมชนและเว็บไซต์ที่สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง โดยให้เหตุผลว่าสื่อเหล่านั้นยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและความเกลียดชัง แต่รัฐบาลกลับไม่เข้าไปควบคุมสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบางช่อง และสื่ออื่น ๆ ที่เร่ขายความเกลียดชังต่อคนบางกลุ่ม ตั้งแต่ คนเสื้อแดง คนมลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งคนเขมรในภาคอีสานและประเทศกัมพูชา

แม้รัฐบาลจะไม่สามารถและไม่ควรจะพยายามเข้าไปควบคุมเนื้อหาของสื่อ แต่รัฐบาลสามารถดำเนินคดีกับสื่อทั้งสองฝ่ายที่ยั่วยุให้ผู้คนเกลียดชังกันได้ นอกจากนี้รัฐบาลยังสามารถสร้างนโยบายการลงโทษทางสังคมผ่านการส่งเสริมสนับสนุนสื่อคุณภาพที่มีความเป็นอิสระ และคว่ำบาตรสื่อของกลุ่มการเมืองใดก็ตามที่ยังคงมีส่วนทำให้ความแตกแยกระหว่างคนไทยแพร่กระจายออกไปมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงที่จะใช้ถ้อยคำซึ่งมีส่วนในการยั่วยุอารมณ์เสียเอง เช่น คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" เป็นต้น

"หมดเวลา"

คนในภาครัฐบาลและส่วนอื่น ๆ ที่จะมีเข้ามาเกี่ยวข้องกับนโยบายปรองดองแห่งชาติต้องการรับความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย เท่าที่พวกเขาจะสามารถรับได้ เพราะเมื่อกระสุนปืนถูกยิงออกไป ประเทศไทยก็ย่อมตกอยู่ในภาวะระอุคุกรุ่นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ชาวกรุงเทพฯจำนวนมากรู้สึกโกรธแค้นเดือดดาลกับบาดแผลที่เกิดขึ้นกับนครหลวงของพวกตนในช่วง 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา พวกเขาเรียกร้องให้มีการลงโทษผู้มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งผู้มีส่วนร่วมสนับสนุนการกระทำดังกล่าว ขณะเดียวกัน กลุ่มคนเสื้อแดงก็มีความโกรธเคืองที่ถูกเก็บงำไว้อย่างลึกซึ้ง เกี่ยวกับความตายและการได้รับบาดเจ็บของเพื่อนตลอดจนญาติพี่น้องของพวกเขา จนนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการแก้แค้น

ในสภาวะเช่นนี้ หลักธรรมทางพุทธศาสนาที่สอนให้คนรู้จักระงับความโกรธได้สูญหายไปจากสังคมไทย  และจะยิ่งอันตรายมากขึ้น ถ้าคนไทยบางส่วนเลือกเดินไปบนเส้นทางเดียวกับกลุ่ม "เขมรแดง" ซึ่งบิดเบือนอุดมคติทางพุทธศาสนาเรื่องการตัดทอนกิเลสตัณหา ให้กลายเป็นการขาดแคลนอารมณ์ความรู้สึกอันน่าหวาดกลัว เมื่ออุดมคติดังกล่าวถูกนำไปพัวพันกับปฏิบัติการแห่งความรุนแรง

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องกลับไปรื้อฟื้นหลักธรรมทางพุทธศาสนาที่สอนให้เรารู้จักข่มระงับกิเลสตัณหาอันเร่าร้อนของตนเอง

จึง "หมดเวลา" ที่คนไทยจะยังคงแตกแยกกัน กระทั่งเกิดแผลกลัดหนองอยู่ภายในตัวตน

แม้ผู้นำของกลุ่มการเมืองคู่ขัดแย้งในประเทศไทย ซึ่งแสวงหาแต่บทลงโทษและการแก้แค้น อาจจะเห็นต่างกับข้อเสนอนี้ แต่เราสามารถคาดหวังได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะให้ความสนใจต่อเสียงร่ำไห้ที่ดังออกมาจากหัวใจของผู้คน แล้วหันเหตนเองไปสู้การทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเต็มไปด้วยความอดทน เพื่อจะแก้ไขสาเหตุต่าง ๆ แห่งความขัดแย้งของประเทศ ซึ่งถูกนำไปใช้หาประโยชน์ใส่ตัวโดยเหล่าผู้นำที่ประพฤติตนผิดศีลธรรมหรือไร้ศีลธรรม

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274880904&grpid=00&catid=
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2257 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 13:24:40 »

คลายเครียดค่ะ

เพื่อนทหาร วปอ.ส่มาให้ ค่ะ

ชื่อว่า  เหตุที่ทหารต้องยอมแพ้

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2258 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 13:27:31 »

นี่ก็เพือน วปอ.ส่งมาค่ะ

ความจริงที่ได้รับรู้จากปากพ่อหลวง ได้รับฟังเรื่องราวบางส่วนจากแพทย์ผู้ที่รับใช้ใกล้ชิด ได้เล่าให้ฟังว่า ภาพที่พ่อนั่งเหม่อลอยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเวลานานเหมือนจะ ร้องไห้นั้น คนบางกลุ่มนำมาพูดกันในทางที่ไม่ดีว่าพ่อมีปัญหากันกับแม่ ที่จริงแล้วพ่อเสียใจเรื่องของคนไทยที่กำลังแตกแยกกัน ทะเลาะกันอย่างมาก ณ ที่ตรงนั้นกับเวลาที่ยาวนาน พ่อพูดออกมาประโยคเดียวว่า เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำ หรือ คนไทยเหล่านั้นถึงได้ โกรธ/เกลียดเราขนาดนี้ ผู้อยู่ใกล้ชิดพ่อน้ำตาไหลพรากเพราะสงสารพ่อที่ทำทุกอย่างทั้งชีวิตพ่อเพื่อ คนไทยมาตลอด พ่อที่ไม่เคยคิดทำร้ายคนไทยแม้แต่น้อยแต่สิ่งที่พ่อได้รับจากคนไทยกลุ่มนั้นมันคืออะไร วันที่พ่อออกจากโรงพยาบาลในเวลากลางคืนเพื่อกลับบ้าน ก็มีข่าวออกม าในทางที่ไม่ดี คุณหมอก็เล่าให้ฟังว่า ข่าวนั่้นไม่ใช่ความจริงแม้แต่น้อย คุณหมอเล่าว่าความจริงแล้วพ่อไปเยี่ยมแม่ที่มีอาการผิดปกติของการเต้นของ หัวใจ พ่อจับมือแม่ไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกัน แล้วพ่อก็กลับมาพักที่โรงพยาบาลเพราะพ่อเองก็ไม่สบาย อีกเรื่องที่เพิ่งจะเคยรับรู้ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การที่ประชาชนถวายผ้าไหมทอให้แม่ ยามที่แม่ไปเยี่ยมเยื่อนลุกๆของท่าน แม่ก็จะให้ผู้ใกล้ชิดนำเงินไปมอบให้ผู้ที่ถวายผ้าทอให้แม่ทุกครั้ง คนละไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อผืน คนใกล้ชิดถามแม่ว่า แล้วจะได้กำไรอะไร นำไปขายก็ไม่ได้ราคาเท่านี้ แม่ตอบว่าเงินที่มอบให้นี้ยังน้อยไปเสียอีก หากเทียบกับการที่ได้ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและรักษาฝีมือทอผ้าของคนไทยให้คงอยู่ เงินจำนวนนี้อาจเลี้ยงครอบครัวเขาทั้งครอบครัวได้ทั้งปีอีกด้วย คนไทยเราเห็นแต่ภาพตอนประชาชนถวายแต่ไม่เคยเห็นตอนที่ท่านมอบตอบ ไม่ว่าคนไทยจะแตกแยกกันอย่างไร คิดต่างเห็นต่าง ก็อย่านำท่านทั้งสองมาเกี่ยวด้วยเลยนะ เพราะท่านให้สิ่งดีงามกับคนไทยมาตลอดชีวิต สงสารพ่อจัง สุดรัก สุดบูชา
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2259 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 13:34:11 »

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2260 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 16:45:18 »

สำหรับบรรดาแม่ยก และแฟนคลับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=6uR6IYm3iZk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=6uR6IYm3iZk</a>

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274949046&grpid=01&catid=
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #2261 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2553, 23:35:22 »

สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ
คุณเหยง
แล้วเปิดกาเป๋าคุณเหยงมีไรมั่ง อิๆ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2262 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 07:02:27 »

เพื่อนส่งมาให้ ครับ  ... น่าจะงานเดียวกับพี่แอ๊ะ ^__^

      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2263 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 07:08:54 »

ใช่ค่ะ น้องดร.มนตรี รูปนี้ มีนายแพทย สสจ และภรรยา เเละภรรยาท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาล

เค้าไปถ่ายรูป กัน ส่วนพี่แอ๊ะไปนั่งอีกที่หนึ่ง เอางานเอกสารไปทำ ช่วงระหว่างรอ

และเดินมากไม่ได้เพราะใส่รองเท้าส้นสูงอ่ะ

ไม่มีเเรงเดิน....และไม่ได้ถ่านรูปเอง ต้องรอรูป ที่เขาถ่ายให้

เพราะกล้องที่เอาไป เเบตหมดค่ะ

อ๊าววววววว มีเพื่อนเป็นคน ยโสด้วยหรือคะ

คนยโสมีน้อย รู้จักกันเกือบหมด

ไม่ยักกะรู้ว่าน้องมีเพื่อนอยู่นโส โม้เรื่องยโสไปเยอะ ชักอายยยยยยยยยยย



อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 28 พฤษภาคม 2553, 07:02:27
เพื่อนส่งมาให้ ครับ  ... น่าจะงานเดียวกับพี่แอ๊ะ ^__^


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2264 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 10:41:28 »

หึหึ

.. Bangkok Restoration : Together We Can ..

How could you stop loving Thai people
I'm so proud to be born a Thai.


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=DrzJ7apcGso" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=DrzJ7apcGso</a>
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2265 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 13:23:57 »

ชอบอ่านเรื่องที่พี่แอ๊ะเล่านะครับ มีแต่กิจกรรมดีๆ ที่ทำให้กับสังคมทั้งนั้น  เป็นความภูมิใจของน้องๆ ไม่เห็นต้องเขิลลลลลล   หลั่นล้า

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 28 พฤษภาคม 2553, 07:08:54
ใช่ค่ะ น้องดร.มนตรี รูปนี้ มีนายแพทย สสจ และภรรยา เเละภรรยาท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาล

เค้าไปถ่ายรูป กัน ส่วนพี่แอ๊ะไปนั่งอีกที่หนึ่ง เอางานเอกสารไปทำ ช่วงระหว่างรอ

และเดินมากไม่ได้เพราะใส่รองเท้าส้นสูงอ่ะ

ไม่มีเเรงเดิน....และไม่ได้ถ่านรูปเอง ต้องรอรูป ที่เขาถ่ายให้

เพราะกล้องที่เอาไป เเบตหมดค่ะ

อ๊าววววววว มีเพื่อนเป็นคน ยโสด้วยหรือคะ

คนยโสมีน้อย รู้จักกันเกือบหมด

ไม่ยักกะรู้ว่าน้องมีเพื่อนอยู่นโส โม้เรื่องยโสไปเยอะ ชักอายยยยยยยยยยย



อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 28 พฤษภาคม 2553, 07:02:27
เพื่อนส่งมาให้ ครับ  ... น่าจะงานเดียวกับพี่แอ๊ะ ^__^



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2266 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 18:27:47 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน วันวิสาขบูชา ศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2553 ครับ

วิสาขบูชา "วันใจใส" ไทยสู่สังคมใหม่
เปลว สีเงิน 28 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     วันนี้-วันวิสาขบูชา ศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗  ปีขาล "จันทร์เพ็ญปุรณมี" และที่ต้องขอบอกเป็นพิเศษ "ดาวอังคาร" ท.ทหารอดทน ที่หลับใหล ไม่เอางานเอาการ "สิ้นสภาพ" หยุดนิ่งอยู่ที่ราศีกรกฎมาเป็นเวลาร่วมปี บัดนี้พลิกฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ  รู้ชั่ว-รู้ดี, รู้ผิด-รู้ถูก ที่สำคัญ "รู้หน้าที่" แห่งตนพึงกระทำต่อสถาบันบ้านเมืองเต็มพิกัดตั้งแต่เย็นวันพุธที่ ๒๖ พ.ค.เรื่อยมาแล้ว!
     ฉะนั้น พวกเรา-เหล่าราษฎรเต็มขั้น "สบายใจ" ได้ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องกบฏทักษิณจะก่อการใต้ดิน-บนดิน ต่อให้ขึ้นไปซ่องสุมอยู่เหนือหล้า-สุดบาดาล ก็ไม่ต้องไปกลัว เพราะต่อจากนี้......"ทหารเอามึงแน่"
     เคอร์ฟิวกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดในเหนือ-อีสานมาร่วมครึ่งเดือนแล้ว ในความเห็นผม "เลิกเคอร์ฟิว" ดูการเคลื่อนไหว "ในภาวะปกติ" ซักระยะก่อนดีกว่า จะได้หาค่าสมการทั้ง ๒ ด้านได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง
     "คืนพื้นที่" ๒๔ ชั่วโมง ให้ชาวบ้านเขาเถอะ!
     และรัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญระหว่างการพูดรายวัน กับการทำสู่แผนปรองดองให้ชัดเจน เรื่องที่ควรทำให้สังคมลืม เพื่อคลายโกรธ คลายพยาบาท และละลายความเจ็บปวดในใจ รัฐบาลก็ควรทำด้วยการพยายามไม่ยกเรื่องนั้นๆ มาย้ำแผลแตก เช่น เรื่องทักษิณ เรื่องนำภาพบัดซบใน ๑๙ พฤษภา มาตอกย้ำ ซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า
     ยกเรื่องสร้างสรรค์ดีงาม ยกเรื่องอนาคตสดใสที่พวกเรา-คนไทยทุกคนจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกันมาเป็น "ความหวังใหม่" ดีกว่า ว่าแต่ว่ารัฐบาลมี "พิมพ์เขียวอนาคต" เป็นเป้าหมาย-นโยบายอะไร นอกจาก "เก็บซากทุกข์" มาขายในตลาดการเมืองรายวันมั้ยล่ะ?
     สิ่งสูญเสียแต่หนหลังนั้น ผมว่า "ระดับผู้นำรัฐ" เพียงมอบนโยบาย และควบคุม-ดูแลให้ผู้มีหน้าที่จัดการ ให้เขาจัดการให้เป็นไปตามกระบวนการของมัน อะไรที่ต้องพูด ต้องอธิบาย ก็ให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระบวนการนั้นๆ เขาพูดกันเอง ไม่ต้องถึงกระบี่มือหนึ่งไปทุกเรื่องหรอก
     เอาละ...วันนี้ "วันวิสาขะ" คุณลูก-คุณหลานทั้งหลาย กราบคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คูณย่า คุณตา คุณยาย สุดแต่ว่าใครจะมีอยู่ในบ้าน แล้วชวนกันไปเวียนเทียนบูชาพระสยัมภู-สุปฏิปันโนตามวัดที่สะดวกเถิดครับ ไม่รู้จะไปไหน ก็ไปที่วัดพระแก้ว หรือที่พุทธมณฑลก็ได้ แต่อย่าลืมเผื่อจิตคิดเป็นบุญฝากผมด้วยละกัน  เพราะผมคงตกคลั่กอยู่ "แดนคนบาป" นี่แหละ
     ก็...ห้องแถวโย้เย้ยั่วไฟ ที่ใครๆ เขาเรียกว่า "โรงพิมพ์ไทยโพสต์" นั่นไง!?
     เมื่อวาน ความเป็นมงคลบังเกิดแก่ผม ราชบัณฑิตท่านหนึ่ง "รศ.ดร.สมศีล ฌานวังศะ" ผู้เป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ด้านภาษาและวรรณคดีอังกฤษ ปัจจุบันท่านเป็นอาจารย์อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย ท่านกรุณามาเยี่ยม พร้อมทั้งมอบหนังสือให้ ๑ เล่ม
     หน้าปกเขียนว่า "ธรรมะทวิพากย์" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ดร.สมศีล ฌานวังศะ และมีภาษาอังกฤษว่า Dhamma Bilingualized  Bikkhu P.A.Payutto Translated by Dr.Somseen Chanawangsa
     ครับ..บอกตรงๆ ว่าเมื่อรับหนังสือมาดู แปลกปนทึ่ง เพราะไม่บ่อยนักที่จะเห็นพระเดชพระคุณท่านอนุญาตให้ผู้ใดนำงานธรรมของท่านไปพิมพ์ โดยใช้ชื่อผู้อื่นผสมเข้าไปในงานของท่านด้วย จนเมื่อพลิกดูข้างใน ก็พบคำอนุโมทนาของ "พระพรหมคุณาภรณ์" ซึ่งพระเดชพระคุณท่านเขียนละเอียดจนอดที่จะปลาบปลื้มแทนผู้ได้รับเสียมิได้ นั่นจึงค่อยเข้าใจอะไรมากขึ้น
     "งานของ ดร.สมศีลมิใช่เป็นแค่งานแปลภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่เป็นงานของนักภาษาศาสตร์ ดังที่ไม่เพียงทำคำแปล แถมยังได้ทำคำชี้แจงอธิบายให้ความรู้เชิงภาษาศาสตร์คู่เคียงไปกับการแปลด้วย แต่มองอีกแง่หนึ่ง ก็กลายเป็นเหตุให้ ดร.สมศีลต้องทำงานหนักซ้อนขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง
     แม้หากมองเพียงเฉพาะในแง่ของการแปลภาษา ก็เห็นได้ว่า ผู้แปลท่านนี้ทำงานที่ทำได้ยาก นอกจากภาษาเกี่ยวกับพระธรรมวินัยจะเป็นที่รู้กันหรือถือกันว่ายาก แปลให้ตรงให้ชัดได้ลำบากแล้ว โดยคุณสมบัติของผู้แปลเองต้องพูดว่า ดร.สมศีล ฌานวังศะ เป็นบุคคลที่เคร่งครัดในหลักและความถูกต้อง มีความละเอียดลออและจริงจังในการทวนถาม สืบค้น ตรวจสอบหลักฐาน และเข้าถึงแหล่งความรู้ โดยย้อนไปถึงต้นทางของเจ้าของภาษา โยงมาจนถึงความสำเร็จแห่งผลเบื้องปลาย คือความเข้าใจถูกต้องชัดเจนของผู้อ่านผู้ฟัง จึงเป็นการทำงานที่ยากและหนักซ้อนเป็นสองชั้น แต่อันนี้แหละคือ วิถีทางแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ............."
     ครับ..ผมอ่านคำอนุโมทนาของพระพรหมคุณาภรณ์แล้วจึงเห็นภาพในความเป็น ดร.สมศีลต่อเนื่องด้วยความเข้าใจชัดยิ่งขึ้น จากการสนทนาทำให้ทราบว่า ท่านคือผู้มีส่วนสำคัญในการนำงานนิพนธ์ธรรมของพระเดชพระคุณท่านหลายเล่มแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษสู่ชาวโลก
     และ "ธรรมะทวิพากย์" นี้ ดร.สมศีลได้รับเมตตาอนุญาตให้นำ "พระไตรปิฎก : สิ่งที่ชาวพุทธต้องรู้" กับ "วินัยชาวพุทธ" แปลเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งจัดทำเป็น "ฉบับ ๒ ภาษา" ในหนังสือสือนี้มีทั้งหมด ๔ ภาค  เป็น ๒ ภาษาทั้งสิ้น
     ที่น่ายินดีคือ ท่านแปลประกบชนิด "หน้าต่อหน้า" ซึ่งการแปลเช่นนี้ ลำพังแค่ใครรู้จักเอาคำไทยเทียบเป็นอังกฤษ เอาคำอังกฤษเทียบเป็นไทย ถึงทำได้ แต่ผิดเพี้ยนสูงมาก ต้องรู้-ด้วยปฏิบัติจน "เข้าถึง" ในข้อธรรมนั้น จึงจะสามารถถ่ายทอด "เนื้อธรรม" ได้ตรงตามศัพท์ธรรม
     ความมหัศจรรย์ในธรรมศรัทธาแห่งท่าน อยู่ตรงนี้!!
     ความสูงส่งทั้งด้านอักษรศาสตร์ และด้านจิตเข้าถึงตรงนี้แหละ จึงได้รับความเมตตาจากพระพรหมคุณาภรณ์ด้วย "ไว้วางใจ" ใน ดร.สมศีลนำนิพนธ์ธรรมของท่านมาแปลเป็น ๒ ภาษา และพิมพ์เป็นรูปเล่มด้วยกระดาษถนอมสายตา เย็บกี่อย่างดีไม่มีหลุด-ไม่มีลุ่ย ผม-ในฐานะคนอยู่กับหนังสือเห็นแล้วบอกได้ว่า ราคาตกอยู่ระหว่าง ๓๐๐-๕๐๐ บาท
     แต่ ดร.สมศีลท่านพิมพ์โดยไม่ประสงค์จำหน่ายครับ ต้องการเผยแผ่ธรรมเป็นวิทยาทานมากกว่า แต่ถ้า "พิมพ์แจก" คนจะมองข้ามคุณค่า บางคนเห็นเป็นของแจกก็รับไป แต่รับไปในลักษณะ "สุนัขกับปลากระป๋อง" ก็จะเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าพิมพ์ขาย ก็ต้องราคาสูง คนก็จะเข้าถึงน้อย
     ดังนั้น ท่านเลยตกลงใจสร้างคุณค่าด้วย "ราคา ๑๐๐ บาท"!?
     สำหรับกลุ่มคน "บัวเบิกรับอรุณ" หนังสือ Dhamma Bilingualized นิพนธ์ธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์ ในราคา ๑๐๐ บาท ถือเป็นคารวะบูชาในธรรม และในเกียรติแห่งวิชาการท่าน ดร.สมศีล ฉะนั้น ถ้าท่านสนใจ หาซื้อได้ที่ "ศูนย์หนังสือจุฬาฯ" และราชบัณฑิตยสถาน หรือถ้าต้องการเพื่อการศึกษาทั้งธรรม  ทั้งภาษา และทั้งรูปแบบวิชาการแปลอันมีระเบียบแบบแผนมาตรฐาน ตลอดถึงเพื่อนำไปแจกจ่ายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โทร.คุยกับ ดร.สมศีลได้โดยตรงที่เบอร์ ๐-๒๕๐๓-๐๗๐๒ หรือ ๐-๒๕๐๓-๑๒๑๗ หรือ  ๐๘-๑๓๔๕-๐๖๑๖ ทุกวัน-ทุกเวลาครับ
     มาดูความคืบหน้าในกิจบ้าน-งานเมืองกันบ้าง นี่...ก็ ๓ ทุ่มวันพฤหัสฯ ปกติผมชอบดูถ่ายทอดสดการประชุมสภา แต่ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง ถึง ๑๑ ต้องรีบกดรีโมตหนีไปช่องอื่น เหม็นหืน "สถาบันสร้างสรรค์โจร" น่ะ!
     นี่ก็...พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๔ ด้วยยอด ๒,๐๗๐,๐๐๐ ล้านบาท ผ่านสภา "วาระแรก" ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไปว่ากันต่อในขั้นกรรมาธิการสู่วาระ ๒ และ ๓ เพื่อจะได้เสร็จทันใช้กันตั้งแต่ ๑ ตุลา ตรงตาม "ปีงบประมาณ" ไปเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างจะราบเรียบสู่จุดหมายสำเร็จหรือไม่
     วิบากใหญ่ "เรียงเป็นขั้นบันได" ให้รัฐบาลต้องไต่ข้ามอีกร่วม ๕ เดือน!
     ใน ๕ เดือนนี้ ยังมีเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย นายทหาร นายตำรวจ และข้าราชการ "ประจำปี" รวมอยู่ด้วย ที่เขม็งเล็งตากันก็ที่ "กองทัพบก" เพราะ ผบ.ทบ." พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ท่านเกษียณ
     หัวขยับคนเดียว ก็ต้องขยับเขยื้อนเลื่อนกันหมดทั้งกองทัพ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ขึ้นแทนที่ได้หรือไม่ เจ้าของยุทธการ "กระชับพื้นที่" พลโทดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ" รองเสธ.แม่ทัพภาค ๑ "พลโทคณิต สาพิทักษ์" พยัคฆ์บูรพาเหล่านี้จะขึ้นเรียงแถว ๕ เสือ ทบ.สำเร็จหรือไม่?
     ๑ ตุลา ๕๓ คือคำตอบ "อนาคตบ้านเมือง" ผ่านโฉมหน้า "การทหาร" ที่จะต้องมาผสมผสานเป็นสูตร "การทหาร+การเมือง" สู่การปฏิวัติโครงสร้างสังคมชาติอันพิสูจน์แล้ว ประชาธิปไตยที่ลอกฝรั่งมาใช้ นำสังคมไทยไปไม่ถึงฝั่ง
     ถึงเวลาที่ต้องปรับผัง-วางโครงสร้างใหม่เป็น "ประชาสังคมธิปไตย" ในความหมาย "พอเพียง-สามัคคี-มีแบ่งปัน" หลักนี้เท่านั้นจึงจะสามารถ "ปรับสมดุล" ความเหลื่อมล้ำในสังคมเกษตรอันมีคนยาก-คนจนเป็นเปอร์เซ็นต์สูงได้ลงตัว
!
     และการสมานฉันท์หรือปรองดองนั้น การจะไปให้ถึงจุดนั้นได้ จะต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ตาม "สังคหวัตถุ ๔" คือธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวใจคน และประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคีด้วยหลักการสงเคราะห์
     โดยเฉพาะในหัวข้อ "สมานัตตตา"!
     สมานัตตตา ในพจนานุกรมพุทธศาสตร์ของพระพรหมคุณาภรณ์ ให้ความหมายไว้ว่า ความมีตนเสมอ คือ ทำตนเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติสม่ำเสมอกันในชนทั้งหลาย และเสมอในสุขทุกข์โดยรับรู้ร่วมแก้ไข ตลอดถึงวางตนเหมาะแก่ฐานะ ภาวะ บุคคล เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อม ถูกต้องตามธรรมในแต่ละกรณี
     อันคำว่า มัชฌิมปฏิปทา ที่เราเรียกกันว่า ทางสายกลางก็ดี คำว่า โภชเนมัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหารก็ดี กระทั่งคำว่า ทาน คือการให้ การแบ่งปันก็ดี นั่นล้วนแต่สะท้อนถึง "รากเหง้าไทย" ไม่โลภ พอเพียง เสมอภาค พอประมาณ และเจือจานน้ำใจต่อกัน
     ประชาสังคมธิปไตย โดยนัยนี้เท่านั้นจะนำชาติไทย-คนไทยสู่ความศิวิไลซ์ที่ "คนทั้งโลก" อิจฉา และถวิลถึง!
    ขอให้วิสาขบูชาวันนี้ เป็นวันตั้งสติ "คิดดี-พูดดี-ทำดี" ไปสู่อนาคตสังคมใหม่ "ที่ดี" ร่วมกันทุกท่านเถิด.

http://www.thaipost.net/news/280510/22696
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2267 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553, 18:35:50 »

คอลัมม์ "ถูกทุกข้อ" ของ สามวา สองศอก

ไม้เรียวจากชาวบ้าน
ถูกทุกข้อ 28 พฤษภาคม 2553 - 00:00

เรียน คุณสามวา สองศอก
     เห็นคนไทยคนต่างชาติร่วมมือพร้อมใจกันช่วยทำความสะอาด กทม. ที่พวกทักษิณทำโสมม โสโครกไว้นั้นรู้สึกอย่างไรบ้างครับ แล้วนายประสพสุข นายโคทม โคธา หายหน้าไปไหน?      เวลาทหารตั้งแนวป้องกันสภาฯ จากพวกแดง ท่านประธานฯ ประสพสุขท่านก็ประณามให้ร้ายว่า เขาทำเกินเหตุไม่ให้เกียรติ ส.ส. ส.ว. และสถาบัน ท่านตำหนิรัฐบาล ท่านให้เกียรติพวกเสื้อแดง แล้วพอทหารถอนตัวไป พวกเสื้อแดงบุกเข้าถล่มถึงห้องประชุมสภาฯ จนแตกกระเจิง ท่านรับผิดชอบอะไรไหมครับ
     ต่อมาจัดประชุมวุฒิฯ (ราว 20 คน) ลงมติปรองดองไม่ใช้ความรุนแรง โดยให้รัฐบาลถอนกำลัง แต่ไม่พูดถึงว่าให้เสื้อแดงเลิกชุมนุมแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่การชุมนุมใช้ความรุนแรงมามากแล้ว ผิดกฎหมาย ประเทศชาติโดยรวมเสียหายเป็นแสนล้าน โอ! ท่านประธานฯ หน้าจืด
     ส่วนนายโคทม โคธา ก็แบบเดียวกัน ปรองดองไม่ใช้กำลังจัดเขตอภัยทานในวัด ให้เสื้อแดงคนแก่และเด็กเข้าพักเอาแรง ขี้เยี่ยว อาบน้ำ กินอาหารในวัด พอมีแรงก็เดินแถวไปประท้วงใหม่วนเวียนกันไป เท่ากับส่งเสริมการประท้วง ต่อมาฆ่ากันตายในวัดถึง 6 ศพ พบอาวุธและทรัพย์สินที่ขโมยมาจากห้างอีกมากมาย
     มันสมองระดับท่านทั้ง 2 ต้องรู้แน่นอนว่าใครผิดใครถูก และควรจะแก้ไขอย่างไร นอกจากว่าความเห็นแก่ตัวจึงทำให้เบี่ยงเบน แทงกั๊กไว้ก่อน ฝ่ายไหนชนะก็ยังรักษาสถานะของตัวเองไว้ได้ทั้งนั้น ลืมความถูกต้อง ลืมชาติ และก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น เห็นแก่ตัว เห็นแก่บุตรหลาน วงค์ตระกูล  เพื่อนร่วมรุ่น ร่วมสถาบัน เพื่อจะได้เกื้อหนุนกับตัวเอง และบุตรหลานของตัวเอง ลืมชาติ ลืมสังคมประเทศชาติ
     อย่างสถาบันทหารตำรวจเมื่อก่อนแยกกันเรียน เป็นเตรียมทหารบก เตรียมทหารเรือ ตำรวจ ทหารอากาศ ไม่มีโรงเรียนเตรียม รับตรงจบจาก ม.8 นับรุ่นเชื่อมโยงเป็น Connection กันไม่ติด เป็นพวกเดียวกันไม่ได้ จึงตั้งเตรียมทหารให้เรียนร่วมกัน เชื่อมต่อไปถึงพ่อค้าวาณิช ตอนเรียน วปอ.อีก เป็น 3-4 สถาบันที่แข็งแกร่ง ที่ใครๆ ก็ต้องเกรงกลัว เอาใจ
     ก็เพื่อตัวเองและสถาบันของตัวอีกนั่นแหละ การเงินการงบประมาณจึงคล่องคอในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น สนามกอล์ฟ สนามกีฬา สโมสร บ้านพักตากอากาศหรูบนหาดส่วนของสถาบัน เขตทหารเขตตำรวจห้ามเข้า นายพลฟรีหรือถูกสุดๆ ลดเปอร์เซ็นต์ให้มากหน่อย
     สำหรับครอบครัวที่เมตตากับประชาชนบ้าง ก็มีของทหารอากาศที่ประจวบฯ ทหารเรือที่สัตหีบ ทหารบกที่ปราณบุรี ลองไล่เรียงไปดูซิครับ ตั้งแต่บางปู (ร้านอาหาร, ครอบครัวทหารลด 10%) จนถึงตราด จากเพชรบุรีจนถึงนราธิวาส
     แล้วสถาบันอื่นก็เอาอย่างบ้าง ปิดหาดยึดเป็นหาดส่วนตัวของสถาบันเฉยเลย ประชาชนเขารู้เขาด่ากันตรึม เช่น ที่หว้ากอเดิมเป็นหาดเปิด ก็ปิดยึดไปเป็นของส่วนตัว สถาบันอื่น เช่น กรมอุทยานฯ ก็เอาด้วย เปรมประชากรหนักเข้าไปอีก
     สำหรับ กฟผ.ที่มีสนามกอล์ฟ ที่พักตากอากาศตามเขื่อนต่างๆ แล้วไม่พอ กะจะยึดหาดบ่อนอกหินกรูดทำเลทอง ดีที่ประชาชนพากันคัดค้านจึงยังไม่สำเร็จ
     ที่น่าเกลียดมากๆ เอาเปรียบเป็นตัวอย่างฝังลึกความเห็นแก่ตัว จนการยืนต่อแถวต่อคิวไม่เกิดขึ้นในสังคมไทยจนบัดนี้ ก็เพราะความเห็นแก่ตัวนี่แหละ คือการสร้างระเบียบ แก้ไขระเบียบให้เป็นประโยชน์แก่สถาบัน แก่คนของสถาบันครอบครัว โดยไม่สนใจประชาชนที่เสียภาษีโดยรวม     เช่น ให้นับอายุราชการ ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าศึกษาในสถาบันของตัวเอง แก้ไขให้โรงพยาบาลเบิกค่ายาค่ารักษาพยาบาลตรงจากต้นสังกัด ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าไปก่อน เลยสนุกกันใหญ่ หมอตรวจจ่ายยากันไม่อั้น เรียกว่ากินยา ทายา หยอดตากันทั้งครอบครัว ไม่หมดยังเหลือทิ้ง
     มีอีกมากมายที่สร้างระเบียบ แก้ไขระเบียบเพื่อตัวเอง ครอบครัว บุตรหลาน นอกจากอำนวยความสะดวกเพิ่มผลประโยชน์แล้ว ยังป้องกันความผิดไว้เบ็ดเสร็จ ไอ้ที่ถูกฟ้องศาลปกครองงามหน้ากันไปก็หลายรายหลายสถาบัน
     ที่หวังนักการเมืองให้แก้ไขนั้นลืมเสียเถอะ ที่นั่งในสภาหน้าสลอนนั้นเกือบ 100% ก็พันธุ์เห็นแก่ตัวทั้งนั้น ที่เห็นกันจะจะ ผู้ก่อการร้ายชุมนุมโดยผิดกฎหมาย ลักขโมยของห้าง พกอาวุธ กลับปล่อยตัวจัดรถรับส่งถึงบ้าน พร้อมแถมเงินอีก
     ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้รักษาฟรีก็น่าจะพอ กลับปล่อยตัวแจกเงินแถมเงินอีก เพราะเห็นแก่ตัวเอาหน้าหาเสียง แทนที่จะจับส่งฟ้องศาลจะได้สำนึกถึงความผิดบ้าง
     หมดหวังวังเวงจริงๆ ที่จะรวมหัวระดมสมองปฏิวัติประเทศไทยนั้นอย่าหวัง ถ้าไม่ขจัดรากเหง้าและตัวอย่างเลวๆ ของความเห็นแก่ตัวพร้อมกันไปด้วย
     ก่อนจบขอแสดงความยินดีกับไทยโพสต์ ที่อยู่ในชุมชนเข้มแข็งไม่เห็นแก่ตัว จึงรอดปลอดภัยและขอให้ปลอดภัยตลอดไป
                                                            นายน่าเบื่อ
ตอบ คุณน่าเบื่อ
     จดหมายฉบับนี้ของคุณคงเขียนด้วยความหงุดหงิด ใครทำอะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ทหาร ตำรวจ นักการเมือง และนักสันติวิธี แต่ก็เป็นการสะท้อนความรู้สึกของชาวบ้าน ที่รู้สึกทนไม่ได้กับคนที่กินเงินภาษีของชาวบ้าน แต่ไม่เคยนึกถึงหัวอกชาวบ้านบ้างเลย   
 
                   แตงโม-มะเขือเทศ
สวัสดีค่ะ คุณ (ไปไหนมา) สามวา สองศอก
     ดิฉันติดตามคอลัมน์ของคุณสามวามานานแล้วค่ะ คุณสามวาตอบคำถามผู้อ่านตรงใจดิฉันมาก เหตุการณ์ที่เกิดในประเทศไทยในขณะนี้ คงทำให้คุณสามวาเศร้าใจไม่น้อยไปกว่าดิฉันและเพื่อนร่วมชาติที่รักชาติกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดทุกคน 
     ดิฉันไม่แปลกใจที่ประชาชนรักทหารมากกว่าตำรวจ ถึงแม้ทหารชั้นผู้ใหญ่บางคนจะทำตัวเป็นแตงโมเน่า เป็นหนอนบ่อนไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารชรานอกราชการบางคน แต่ก็มีส่วนน้อยมาก ทหารกว่า 99% รักเกียรติ รักศักดิ์ศรี รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยอมสละชีวิต เลือดเนื้อเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง
     ทุกครั้งที่ประเทศตกอยู่ในวิกฤติ ก็ได้ทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่แหละที่ปกป้องชาติไว้ได้ ตำรวจที่ดีก็มี แต่ยุคนี้มีน้อยมาก ถ้าเทียบกับตำรวจมะเขือเทศเน่าที่เนรคุณทรยศชาติ มีพฤติกรรมที่ต่ำทรามน่ารังเกียจ ทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจต่ำทรามสุดบรรยาย
     ตำรวจต้องแก้ปัญหาด้วยตำรวจ ตำรวจดีจะต้องกำจัดตำรวจชั่วให้สิ้นซากโดยเร็วที่สุด เพื่อกู้ศรัทธาของประชาชนคืนมา มิฉะนั้นก็ควรยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
     คอลัมน์ถูกทุกข้อฉบับวันที่ 19 ก.พ.53 ได้ลงกลอนซึ่งเขียนโดยคุณ ม.ธ.ก.2497 เป็นกลอนที่ยอดเยี่ยมมาก ชื่อ "ชาติทรพี" เขียนเกี่ยวกับนพดลตาส่อน (ชาวปักษ์ใต้เรียกคนที่มีตาอย่างนพดลว่าตาส่อน คบไม่ได้ เพราะเนรคุณ กลับกลอก ปลิ้นปล้อน)
     ดิฉันชอบมากจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนแจมด้วยค่ะ
            "แด่...นักเรียนทุนมหิดล"
     ยกเว้นนพเหล่เนรคุณ     
     นักเรียนทุนมหิดลนั้นยอดยิ่ง
     ทุกท่านเป็นคนดีที่แท้จริง       
     ทำทุกสิ่งเพื่อแทนคุณแผ่นดิน
          เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท 
          เสียสละเพื่อชาติศาสนา
          ทำวิจัยเผยแพร่แต่วิชา         
          อันทรงคุณค่าแก่บ้านเมือง
     ทุกท่านสุภาพเรียบร้อย         
     มักน้อยไม่โลภไม่มุสา
     ด้วยกตัญญูกตเวทิตา           
     ต่อราชาและแผ่นดินถิ่นนคร
          ขอทวยเทพจงปกป้องคุ้มครองท่าน
     ประทานพรให้สุขสันต์เสมอหน้า
     ส่วนนพเหล่เนรคุณจงมรณา     
     เหมือนหมาขี้เรื้อนเร็วๆ เอย
     ขอให้คุณสามวาและชาวไทยโพสต์ทุกท่านจงโชคดีนะคะ
                                                         รักไทยโพสต์ค่ะ
                                                        ลูกแม่ตาปีใน กทม.
ตอบ คุณลูกแม่ตาปีฯ
     ก็รับไปเต็มๆ ทั้งทหารแตงโมและตำรวจมะเขือเทศ ที่วันนี้ต่างก็อยู่ในสภาพที่เน่าเหม็น จนชาวบ้านชาวเมืองเขารับไม่ได้อีกแล้ว

                  ประธานลูกไพร่                                      
เรียน คุณสามวา สองศอก
     นั่งดูโทรทัศน์ถ่ายทอดการอภิปรายเรื่องงบประมาณ เห็นหน้าผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย (Romanob) แล้วรู้สึกหงุดหงิด ยิ่งพวก ส.ส.ขอพูด "ท่านประธานที่เคารพ" ฟังแล้วอยากจะอ้วก
     ท่าน Romanob ขึ้นเวทีเสื้อแดงประกาศตัวเองว่าเป็น "ลูกไพร่" พูดจาบนเวทีก็ดูว่าเป็นไพร่จริงๆ แล้วไม่รู้สึกละอายตัวเองบ้างหรือ เวลามานั่งเป็นประธานในที่ประชุม
     คนอย่างท่านคงไม่สามารถจะมาทำหน้าที่เป็นคนกลางได้หรอก เพราะจิตใจของท่านมันเอียงไปข้างเสื้อแดงหมดเแล้ว ถ้ายังมีจิตสำนึกดีๆ อยู่ขอให้สละสิทธิ์ในการทำหน้าที่ประธานรัฐสภาเถิด สาธุ
                                                        ด้วยความนับถือ
                                                            แฟนรายปี
ตอบ คุณแฟนรายปี
     อภิปรายงบประมาณที่ผ่านไปแล้วเป็นแค่หนังตัวอย่าง รอวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ 31 พฤษภาคม และ 1 มิถุนายนนี้ อาจจะมีคนถูกถีบตกเก้าอี้ให้เห็น
                                                        สามวา สองศอก

http://www.thaipost.net/news/280510/22661
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #2268 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 20:02:49 »



วันนี้วันเกิดพี่เหยง
ขออนุญาตพี่แอ๊ะอวยพรพี่เหยงครับ
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ได้โปรดดลบันดาลให้พี่เหยงประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไปครับ


 รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #2269 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 20:13:56 »


อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 30 พฤษภาคม 2553, 20:02:49

วันนี้วันเกิดพี่เหยง
ขออนุญาตพี่แอ๊ะอวยพรพี่เหยงครับ
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ได้โปรดดลบันดาลให้พี่เหยงประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไปครับ


 รักนะ รักนะ รักนะ
ขอร่วมขบวนเสี่ยหนุนอวยพรให้คุณพิเชษฐ์ เป็นเสี่ยเต็มตัวได้แล้วนะครับนะครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #2270 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 20:42:01 »

สุขสรรค์วันเกิดครับพี่เหยง   ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้พี่เหยงพบความสุขความสำเร็จทุกประการ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #2271 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 21:12:46 »

HBD ครับ พี่เหยง
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2272 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 22:02:12 »


.. Happy Birthday ค่ะ  พี่เหยง ..

 หึหึ

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #2273 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553, 23:49:32 »

ขอให้พี่เหยงมีความสุขมากๆค่ะ... ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2274 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2553, 14:04:44 »

ขอบพระคุณพี่ป๋อง ขอบคุณ คุณป้อม หนุน ครูตุ๋ย หะยี น้ำ้อ้อย(ไข่มุก) ยา และทุกคน ด้วยครับ ขอให้พรทั้งหลาย ขอพรนี้จงอำนวยให้ทุกคน และครอบครัว ได้รับความสุขกาย สุขใจ เช่นกันครับ

เพิ่งกลับจาก กทม. ถึงบ้านเดี๋ยวนี้เอง  รักนะ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 89 90 [91] 92 93 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><