25 พฤศจิกายน 2567, 08:55:47
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 86 87 [88] 89 90 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 797928 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2175 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 12:42:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 22 พฤษภาคม 2553, 10:05:59
พี่เหยงคะ .. พี่มาพัทยาหรือคะ ??
ตอนนี้หยีอยู่พัทยาเหมือนกันค่ะ


อะ อะ .. จะได้โอกาสพบกันไหมหนอ ..
      เขินน๊า!!




พี่ไปส่งลูกๆ ที่ ม.เกษตรและกลับแล้วครับ ไม่ได้ไปต่อพัทยา เพราะไม่นึกว่าจะเลิกเคอร์ฟิวที่นั่น

บอกลูกๆ ว่า ศุกร์ที่ 28 นี้ อาจจะพาไปชะอำ แต่ต้องดูสถานการณ์รายวันด้วย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2176 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 12:53:50 »

มีการตั้งคำถาม ถึงการทำหน้าที่ของทหาร,
และของตำรวจในการตั้งขบวนรับแกนนำกบถ และให้แถลงข่าวทุกครั้งที่มีการมอบตัว


ทางออกประเทศไทย
ถูกทุกข้อ 22 พฤษภาคม 2553 - 00:00

เรียน คุณสามวา สองศอก
     คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของประชาชนคนไทย ถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เร็วๆ นี้ คุณสามวาเป็นผู้อยู่ในตำแหน่งที่ข่าวสารวงใน มาถึงมือถึงหูได้มากกว่าพวกเรา พวกเราอยากจะถามคำถามบางคำถาม ให้ช่วยตอบพวกเราที
     1.ทำไมทหารถึงปฏิบัติการอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมหยุดปฏิบัติการกลางคัน???
     (ก) ทหารไทยไร้ความสามารถ โง่ ถึงจะมีทุน/โอกาสไปศึกษา/ร่วมฝึกกับนานาชาติ แต่คนโง่และไร้ความสามารถก็ทำได้แค่นี้เอง วางแผนไม่เป็น ไม่มีแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสามรองรับ
     (ข) ทหารไทยฉลาดเป็นกรด เพื่อเป็นฉากโชว์หน้าก็ยอมบาดเจ็บ ยอมเสียทหารบางคน ทำเป็นปราบ TERRORISTS บ้างพอเป็นพิธี แต่แล้วปฏิบัติการชะงักออมมือ ให้ผู้ก่อการร้ายมีโอกาสปฏิบัติการให้หนักมือเพิ่มขึ้น โดยทหารไม่โดนต่อว่าโวยวาย
     2.ทำไมตำรวจต้องจัดกองเกียรติยศ รับการมอบตัวของพวกหัวหน้าก่อการร้าย???
     (ก) ตำรวจถือว่าหัวหน้าผู้ก่อการร้ายเป็นวีรบุรุษของตำรวจ
     (ข) งานช่วยเหลือคุ้มครองประชาชนเป็น DIRTY JOB ไม่ได้ลาภได้ยศอะไร สู้มาเสนอหน้าให้เจ้านายเห็นทาง TV จะได้ประโยชน์มากกว่า
     (ค) เงินภาษีของประชาชนที่ให้ตำรวจกินเงินเดือน เงินบำเหน็จ บำนาญ เป็นของตายอยู่แล้ว สู้เงินโบนัสที่จะได้เป็นกอบเป็นกำจากหัวหน้าผู้ก่อการร้ายไม่ได้
     3.ทางออกประเทศไทยคืออะไร???
     (ก) ตระกูลชินวัตรต้องตายยกโคตร ตั้งกองทุนรับเงินบริจาคจ้างมาเฟียตามล่า
     (ข) ประชาชนคนไทยต้องลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเอง จะยอมให้ทักษิณมันสั่งการปฏิบัติการทำลายชาติโดยไม่ตอบโต้เลยไม่ได้ ลบชื่อชินวัตร สมบัติชินวัตรออกจากประเทศไทย เผาตึกชินวัตร บ้านจันทร์ส่องหล้า
     4.ทำไมพวกหัวหน้าผู้ก่อการร้ายต้องกล่าว SPEECH ยาว ต้องมีพิธีรีตองทรงเกียรติจอมปลอม
     (ก) หัวหน้าผู้ก่อการร้ายส่งสัญญาณให้ลูกน้องปฏิบัติการก่อการร้ายตามแผนที่วางไว้
     (ข) หลังจากก่อเวรก่อกรรมให้ประเทศชาติและเพื่อนร่วมชาติมานาน เกิดสำนึกผิด
     5.ทำไมรัฐบาลโอ๋คนทำผิด???
     (ก) ประชาชนคนสุจริตถูกมองข้าม เสียหายไม่เป็นไร บาดเจ็บไม่เป็นไร เสียชีวิตไม่เป็นไร ไม่กล้าร้อง/เรียกร้อง
     (ข) ลูกแกะหลงทางอย่างพวกมาร่วมชุมนุม ทำให้ PUBLIC EYES PAY ATTENTION
     (ค) รัฐบาลไม่มีปัญญา MANAGE ให้หน่วยราชการ กองทัพ ตำรวจทำงานได้ ไม่ว่าระดับหัวหน้า ระดับกลาง ลอยตัวเหนือปัญหา
     ประเทศไทยเป็น FAILED STATES เรียบร้อยแล้ว ในแง่อำนาจรัฐไม่มีความหมาย คนชั่วได้รับการปฏิบัติอย่างยกย่องดีกว่าสุจริตชน ทุกหน่วยงาน ทุกระดับขาดสำนึก ขาดความรับผิดชอบ   
                                                               Huh??
ตอบ คุณ?Huh?
     คำถามของคุณมีคำตอบให้เลือกแต่ (ก) หรือ (ข) หรือ (ค) ไม่มีข้อไหนที่ให้เลือกว่าถูกทุกข้อ แต่คุณก็คงไม่อยากได้คำตอบ ขอแค่ได้ระบายอารมณ์ที่รัฐบาลทำไม่ได้ดั่งใจเท่านั้น

                  ขาดเงินเรียนต่อ                                           
เรียน คุณสามวา สองศอก
     เนื่องด้วยมีนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เขากู้เงินของรัฐเพื่อใช้ในการศึกษาไม่ได้ พ่อของเขาเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ข้าพเจ้าได้ให้ทานยาสมุนไพร อาการดีขึ้น ลุกนั่งได้ ประคองให้ยืนได้บ้าง     
     แม่ของเขาทำขนมขายอยู่หน้าห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเลิกกิจการไปแล้วจึงไม่ค่อยมีคนมาซื้อ เขาขายขนมได้เพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เขาต้องเช่าห้องอยู่กับสามีที่เป็นอัมพาต ส่วนลูกต้องไปเช่าหอพักอยู่ใกล้มหาลัยราชภัฏเดือนละ 2,000 บาท เขาหมดปัญญาที่จะหาเงินให้ลูกเรียน
     แต่ด้วยวิญญาณของความเป็นแม่ เขาจึงพยายามต่อสู้เพื่อลูก เขาได้กู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน แต่ต้องใช้หนี้เป็นรายวันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ขายขนมบางวันก็ไม่พอใช้หนี้รายวัน
     ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงใคร่จะขอความเมตตากรุณาจากท่านผู้ใจบุญ ขอให้ท่านช่วยนักศึกษาผู้น่าสงสารคนนี้ด้วย ขอให้ท่านให้นักศึกษาคนนี้กู้เงินดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน หรือถ้าไม่เก็บดอกเบี้ยเลย ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ข้าพเจ้ายินดีค้ำประกันให้ ถ้าเขาเรียนจบแล้วยังหางานทำไม่ได้ เขายังไม่มีเงินใช้หนี้ท่าน ข้าพเจ้ายินดีใช้ผ่อนแทนให้จนกว่าเขามีงานทำ หวังว่าคงจะได้รับความเมตตากรุณาจากท่านผู้ใจบุญ
     เมื่อหลายปีมาแล้วมีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 ในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แม่ของเขาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง พ่อของเขาตายไปนานแล้ว แม่ของเขาต้องรับภาระเลี้ยงดูบุตร ซึ่งอยู่ในวัยเรียนถึง 2 คน
     นักศึกษาแพทย์ขอกู้เงินของรัฐเพื่อการศึกษาไม่ได้ แม่ของเขาจึงไปขอกู้เงินโดยใช้บัตรเครดิตจนเป็นหนี้สินอีนุงตุงนังไปหมด ข้าพเจ้าทราบเรื่องนี้เข้า จึงได้เขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนทั้งหลาย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ
     ข้าพเจ้าไม่ได้ขอเงินเปล่าๆ แต่ขอให้ราชการให้นักศึกษาแพทย์กู้เงินเท่านั้น เพราะถ้าเขาเรียนจบออกมาแล้ว ข้าพเจ้ามีงานทำแน่นอน เขาต้องมีเงินใช้คืนให้ทางราชการได้
     ข้าพเจ้าจึงได้ไปเล่าให้ คุณวิโรจน์ ศิริอัฐ ประธานมูลนิธิเผยแพร่ชีวิตประเสริฐได้รับทราบ ท่านได้พาข้าพเจ้าไปหาเจ้าของห้างกมลสุโกสล ซึ่งชรามากอายุ 80 กว่าปีแล้ว เจ้าของห้างได้ช่วยเหลือนักศึกษาแพทย์ให้เดือนละ 5,000 บาท จนเรียนจบเป็นนายแพทย์แล้วในปัจจุบันนี้
     ท่านทั้งหลายอาจจะสงสัยว่า ทำไมข้าพเจ้าไม่ช่วยเหลือนักศึกษาเสียเอง ขอเรียนให้ทราบว่าข้าพเจ้าเป็นคนยากจน ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังจากนั้นก็เรียนด้วยตนเอง แล้วไปสมัครสอบมาตลอดจนกระทั่งเป็นครู และได้ออกจากครูมาหลายสิบปีแล้ว
     เมื่อหลายปีมาแล้วได้ไปหาเพื่อนที่เป็นอาจารย์ สอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมของรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อนกำลังสอบซ่อมนักเรียนอยู่ น่าแปลกใจมากนักเรียนชั้นมัธยมอ่านหนังสือไทยไม่ออก เพื่อนบอกว่านักเรียนมัธยมอ่านหนังสือไทยไม่ออกมีทุกปี มีจำนวนมากด้วย
     ข้าพเจ้าจึงได้เรียบเรียงหนังสือหัดอ่านภาษาไทยแบบใหม่ขึ้นมา 7 เล่ม เพื่อแก้ปัญหาเด็กไทยอ่านหนังสือไทยไม่ออก อ่านไม่คล่อง และเขียนภาษาไทยไม่ถูก ที่ปกรองของหนังสือชุดนี้เขียนไว้ว่า ผลกำไรทั้งหมดจากการจัดจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ จะนำไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ที่มีความทุกข์ ให้พ้นจากความทุกข์ ทั้งร่างกายและจิตใจ
     สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งช่วยจัดพิมพ์ให้ และช่วยจัดจำหน่ายให้ด้วย แต่ขายได้น้อย เพราะทางราชการกำหนดระเบียบกฎเกณฑ์ไว้ว่า หนังสือที่จะซื้อให้เด็กใช้อ่านในโรงเรียนของรัฐ ต้องเป็นหนังสือที่มีตราของกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น
     ผู้ปกครองจะซื้อเองก็ได้ แต่ห้ามไม่ให้ครูอาจารย์เก็บเงินจากผู้ปกครองมาซื้อหนังสือ ถึงแม้ผู้ปกครองจะซื้อหนังสือมาเองก็ใช้ไม่ได้ เพราะไม่มีตรากระทรวง แต่หนังสือที่มีตรากระทรวงไม่สามารถช่วยให้เด็กไทยอ่านหนังสือไทยออก และเขียนภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง
     เงินกำไรอันน้อยนิดจากการจำหน่ายหนังสือดังกล่าวนี้ ข้าพเจ้าก็ได้นำมาซื้อยาสมุนไพรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ มากมาย จนเงินที่ได้มาจากขายหนังสือไม่เพียงพอที่จะซื้อยาสมุนไพรให้ทาน มีคนใจบุญสมทบทุนมาบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 
     ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะยากจน ไม่มีสมบัติใดๆ ที่มีค่านอกจากหนังสือตำรับตำราเท่านั้น มีอายุมากถึง 76 ปีแล้ว แต่ก็จะพยายามช่วยเพื่อนมนุษย์ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นต่อไป จนกว่าจะหมดลมหายใจ ตามที่ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุได้สั่งสอนไว้
     ถึงแม้ว่าบางครั้งข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความยุติธรรมจากกฎหมายและผู้ใช้กฎหมาย เช่นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2524 ข้าพเจ้าได้ถูกศาลพิพากษาถูกปรับ 500 บาท เพราะพิมพ์ข้อความในใบปลิวว่า รับรักษาพระภิกษุ สามเณร และคนยากจนฟรีด้วยยาสมุนไพร
     ส่วนอาจารย์แพทย์แผนโบราณที่เป็นเจ้าของสถานพยาบาลที่ร่วมบำเพ็ญกุศลกับข้าพเจ้าถูกกระทรวงสาธารณสุขยึดใบอนุญาตใบประกอบโรคศิลปะ สถานพยาบาลถูกปิด 6 เดือน และถูกปรับ 2,000 บาท
     นี่คือประเทศไทยซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา 95% และนี่คือประเทศไทยที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ พ.ศ.2475 แต่ไม่มีเสรีภาพแม้กระทั่งการทำความดี ทำบุญกุศลในพระพุทธศาสนาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ 
     แต่นักการเมืองและนักปลุกระดมกล่าววจีทุจริต (พูดชั่ว) คือ พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความผิด ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้รับความยุติธรรมมากเพียงใด ข้าพเจ้าไม่เคยท้อถอย ข้าพเจ้าจะส่งเสริมสร้างสรรค์ และพัฒนาสังคมไทยตามแนวทางของพระพุทธศาสนา และระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงต่อไป เพื่อให้คนไทยมีความรู้ดี มีความประพฤติดี มีสุขภาพดี และมีเศรษฐกิจดีอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันโดยทั่วหน้า
     ในท้ายที่สุดนี้ข้าพเจ้าหวังว่า ท่านผู้ใจบุญและมีฐานะทางการเงินดีพอที่จะช่วยนักศึกษาวิชาครูคนนี้ ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นแม่พิมพ์ที่ดีของชาติไทยในอนาคต ขอได้โปรดเมตตากรุณาช่วยนักศึกษาที่ดี ตั้งใจเรียน มีความประพฤติดี แต่ยากจนมากคนนี้ด้วยเถิด
     ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ ในกุศลเจตนาของท่าน
                                                       ขอแสดงความนับถือ                                 
                                                             ไสว สุนทร
ตอบ คุณไสว สุนทร
     ผมลงจดหมายของคุณให้แล้ว ถ้ามีผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือให้เด็กได้เรียนต่อ ขอให้ติดต่อกับคุณไสวที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2426-7684 มือถือ 08-4461-9380
     หรือผู้ที่สนใจหนังสือหัดอ่านภาษาไทยแบบใหม่ 7 เล่ม ก็ติดต่อที่คุณไสวได้เช่นกัน ผมได้รับตัวอย่างหนังสือทั้ง  7 เล่มแล้ว ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะนักเรียนเท่านั้น คนไทยทุกคนที่ยังเขียนภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ ก็ต้องอ่านหนังสือ 7 เล่มนี้
                                                          สามวา สองศอก
http://www.thaipost.net/news/220510/22401
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2177 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 16:00:04 »

อ่านความรู้สึกของเขาหน่อยครับ พร้อมกับจับประเด็นด้วย ใครบุกเข้าไปไล่ยิงเสื้อแดงและมีอะไรเกิดขึ้นในวัดปทุมวนาราม จะได้ทราบว่า ทำไมเขายังหวาดกลัวและชิงชังทหารหนักหนา

วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:58:00 น.  มติชนออนไลน์
คลิ๊กรับชมวีดีโอข่าวนี้ =>   


"เสื้อแดง"ขอพูดบ้างจะเอาไป "ฆ่า-ประหาร"ก็เชิญ

โดย ชฎา ไอยคุปต์


(คลิกชมคลิปวิดีโอภาพและเสียงชาวบ้านได้ที่รูปกล้องเหนือพาดหัวข่าว)

 

ภายหลังแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศให้ผู้ชุมนุมกลับบ้านและยุติการชุมนุมแทนที่เดินทางกลับบ้าน ชาวบ้านกลับวิ่งหนีตายเข้าไปขอซุกตัวภายในวัดปทุมวนารามเป็นเขตอภัยทาน กับโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมาจากพื้นที่วัดตั้งแต่ตลอดเวลาช่วงบ่ายจนถึงเช้าของวันใหม่


ทั้งที่รัฐบาลประกาศเตรียมจัดรถคอยอำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยแต่ก็ไม่มีใครยอมออกมาและเวลานั้นก็ไม่มีมีใครรู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นภายในพื้นที่การชุมนุม หลังจากที่มีการประกาศเคอร์ฟิวผู้สื่อข่าวถอนออกจากพื้นที่ ขณะที่ผู้ชุมุนุมเดินออกจากพื้นที่ชุมนุมกลับภูมิลำเนาแค่ประมาณ 400 คนเท่านั้น แล้วอีกหลายพันคนหายเงียบ เข้าไปซุกตัวอยู่ในวัด   


ตลอดคืนที่แสนจะยาวนานในความรู้สึกของชาวบ้านท่ามกลางความไม่สงบแสงเพลิงที่ลุกไหม้ตึกอาคารรอบพื้นที่ มีเสียงปืนเสียงระเบิดดังตลอดทั้งคืนแต่ที่เลวยิ่งกว่า คือ การนอนร่วมกับศพเพื่อนร่วมรบ นี่คือคำบอกเล่าของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ยังผวาไม่เลิก"


แทบจะไม่มีใครได้หลับได้นอนกระทั่งรุ่งสาง แสงอาทิตย์ส่องสว่างมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน ชาวบ้านเริ่มทยอยเดินทางออกมาตามเสียงเรียกของมือปราบหูดำ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ใช้เครื่องขยายเสียงเรียกผู้ชุมนุมออกมาเพื่อเดินทางกลับบ้าน แต่ชาวบ้านยังคงมีอาการหวาดผวา เมื่อเดินออกมาเจอเจ้าหน้าที่ทหารยืนลาดตระเวนบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หดกลับเข้าไปใหม่และไม่ยอมออกมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตั้งแถวเป็นทางยาวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายได้ โดยที่ตำรวจจะยืนเป็นเกราะกำบังให้ ชาวบ้านจึงยอมเดินทางออกมาจากวัดเพื่อเดินทางกลับบ้าน


ใบหน้าที่มันเยิ้มเปื้อนฝ้า สีผิวที่กรำแดดปรากฏริ้วรอยความหมองคล้ำ เคลือบไปด้วยความอิดโรย ตาแดงกร่ำ เสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่น กลิ่นตัวที่หมักหมมขาดน้ำชำระล้างมานาน แต่ยังไม่เด็ดชัด สัมผัสได้เท่ากับ ความเครียด ความกังวล ที่แสดงออกมาทาง สีหน้า แววตา ไร้อารมณ์ความรู้สึก เหม่อลอย และหวาดกลัว แต่ซ่อนความมุ่งมั่นในแววตา


ชาวบ้านทยอยเดินทางลงจากรถเมล์มาต่อรถโดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิต หอบหิ้วเสื่อ หมอน พัดลม ข้าวของเครื่องใช้พะรุงพะรัง ขณะที่บางคนมีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวห่อหุ้มร่างกายไว้เท่านั้น นี่คือ ภาพของผู้ชมุนุมคนไทยที่ดูไม่ต่างจากพวกอพยพลี้ภัยจากสมรภูมิรบในชายแดน เข้าแถวลงทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยก่อนจะแวะไปรับเงินจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายละ 200 บาท เป็นการเยียวยาค่าเดินทางต่อรถกลับภูมิลำเนาหลังจากมีรถฟรีไปส่งถึงตัวจังหวัด ส่วนใหญ่เข้าไปรับเงินแต่บางคนก็ไม่ยอมรับและบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าคนเสื้อแดงไม่รับเงิน ส่วนบางคนก็ประชดด้วยการบอกว่ามาร่วม 2 เดือนได้เงินกลับบ้าน 200 บาท


พูดแล้วจะเอาออกจริงหรือ ? คำตอบที่ชาวบ้านถามกลับกับคนที่หิ้วกล้องพร้อมปากกาและกระดาษมาขอสัมภาษณ์  แต่สุดท้าย นางชวนพร ชัยมงคล  อายุ 55 ปี จ.เชียงใหม่ ก็ยอมเล่าถึงนาทีหนีตายเข้าไปอาศัยในวัดปทุมวนาราม ท่ามกลางวงล้อมของหมอกควันและเพลิงและกระสุนปืนที่ดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับผู้ชุมนุมหลายพันคนและอีก 6 ศพถูกยิงเสียชีวิตห่อด้วยเสื่อเรียงอยู่ในวัด  ว่า จะออกมาก็ออกไม่ได้เพราะว่าหลายคนที่ออกมาเพราะห่วงข้าวของเครื่องใช้ก็ถูกยิง มันไม่เหมือนประเทศไทย ที่มีการเอื้อเฟื้อกัน ทุกคนเสียใจมากไม่น่าจะเป็นแบบนี้ เราเรียกร้องแค่ให้ยุบสภาเท่านั้นเองทำไมต้องมายิงเราด้วย (พร้อมกับสะอื้น)  ทุกวันนี้ไม่มีความยุติธรรมสำหรับคนจนเลย คนจนไม่มีค่า ไม่มีราคา คนจนอย่างเราไม่ได้ขออะไรมากมาย ขอให้มันถูกต้อง อะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบ จึงขอให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตลอด จะเป็นใครก็ได้ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างยุติธรรม   


"ทุกคนกลับบ้านด้วยความเจ็บใจเพราะว่าญาติพี่น้องร่วมรบถูกยิง ถูกลากศพไปต่อหน้าต่อตา ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมาเจอแบบนี้ อยากให้บ้านเมืองได้ความยุติธรรมคืนมา มีความถูกต้อง มีกฎหมายเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แบ่งพรรคแบ่งพวก คนรวย คนจน มีค่าเท่าเทียมกัน ต้องให้สิทธิการเป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นมนุษย์ขี้เหม็นเหมือนกัน แต่ถ้าขี้หอมก็ยกให้อีกระดับหนึ่ง ฉะนั้นต้องคิดว่าคุณคือมนุษย์เหมือนกัน


เราไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าทุกคนรู้ที่แกนนำต้องเลิกเพื่อรักษาชีวิตผู้ชุมนุมไว้ วันนี้เราได้เพื่อนที่ไม่เข้าใจเราได้เข้าใจเรามากขึ้น แต่ที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเพราะฟังข่าวด้านเดียว เห็นแต่เสื้อแดงไปทำทหาร แต่ทหารทำร้ายคนเสื้อแดงไม่มีออกทีวีเลย ไม่ว่าอะไรหรอกคนที่เป็นนายกฯขอแค่คืนความยุติธรรมให้กับสังคมเท่านั้น หากยังแบ่งแยกกันอยู่อย่างนี้มันจะแตกแยกกัน"  นางชวนพรกล่าว


สาวใหญ่เมืองเชียงใหม่ยังบอกอีกว่า ขณะที่พวกเราหนีเขาวัดแล้วไปนั่งไหว้พระอยู่คิดว่าถ้าจะมายิงกันตอนไหว้พระก็ไม่เป็นไร ที่ตรงนั้นมีแต่เด็ก ผู้หญิง เต็มไปหมด


"ถ้าต่อสู้ซึ่งหน้าเราต้านไหว แต่เขาเอาเปรียบเรา ไปซุ่มยิงจากข้างบน แบบนี้มันหมารอบกัด  ต้องลงมาแล้วสู้กันซึ่งหน้าตัวต่อตัวเราจับมัดจับมัดดีดหำได้สบาย แต่เราไม่ฆ่าเพราะคนไทยด้วยกัน แต่เขามาตั้งใจฆ่าเรา ถ้าใครที่รับฟังมาจากที่ไหนก็ให้รู้ว่าเราคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเสื้อแดงต้องไปฆ่าเขา แค่จับเปลื้องผ้าก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว แต่นี้มาฆ่าเราต้องนึกบ้าง ทำได้อย่างไรกับคนไม่มีทางสู้


คำว่าผู้ก่อการร้าย รัฐบาลคิดได้ไง ชาวบ้านดีดี แม่ค้าขายกล้วยทอดเป็นผู้ก่อการร้ายได้ไง เราต้องการความยุติธรรมคืนไม่น่าจะเป็นแบบนี้แค่ยุบสภาเขาก็ทำกันทั้งโลก หากคิดว่าหาเสียงเก่งก็หาวิธีการไปสิ ไม่เห็นต้องมาฆ่าเราเลย" สาวใหญ่เสื้อแดงคนเดิมระบุ


นางชวนพรเล่าต่อว่า ภายในวัดแทบจะไม่มีที่ให้เดินเพราะมีคนเข้าไปหลับนอนกันเรียงเป็นแถว ลูกก็เป็นห่วงโทรบอกให้ออกมาจากวัดซึ่งเขาไม่รู้ว่าเราออกไปไม่ได้ ถ้าออกมาตายแน่  ขนาดตอนเช้าที่ออกมาตำรวจต้องตั้งแถวเรียงกันเป็นแผงช่วยให้เราออกจากวัด เพราะข้างบนรางรถไฟยังมีทหารอีกเพียบ พร้อมกับชูภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลให้ดูรูปเจ้าหน้าที่ทหารยืนประจำการบนรางรถไฟ   


"วันนี้ไม่มีความยุติธรรมกับเราคนจนเลย คนจนอย่างเราใช่ว่าจะมาขออะไรมากมายขอแค่ให้ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ คุณได้เป็นนายกฯไปเราไม่ว่าให้มันถูกต้องอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบ ทุกคนกลับบ้านด้วยความเจ็บใจ เพราะว่าญาติพี่น้องที่ร่วมรบกันเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา ช่วยเหลืออะไรกันไม่ได้เลย การกลับบ้านครั้งนี้ถือว่าเสร็จแล้ว เรามาแสดงอุดมการณ์ของเราที่ไม่ชอบความไม่ยุติธรรมไม่ใช่ว่าเข้าข้างกัน ผิดก็คือผิด" นางชวนพร กล่าว 


นายอนุชา ยะอนันต์ อายุ  45 ปี นปช.ลำพูน ชายร่างใหญ่หนวดเฟิ้มเล่านาทีชีวิตเป็นตายเท่ากันขณะที่เข้าไปหลบซ่อนในวัดปทุมวนาราม ว่า "อยู่ในวัดไล่ยิงคนเหมือนหมา ออกไปนอกวัดก็ไม่ได้ มีทหารอยู่บนรางรถไฟเห็นๆกันอยู่ จะไม่เห็นได้ไงไล่ยิงกันรอบวัดเลย ลึกๆในใจใครทำอะไรก็รับไปให้รู้กันเองไม่เป็นไร"


นปช.ลำพูนกล่าวอีกว่า มองดูรัฐบาลตอนนี้ไม่เหมือนกับรัฐบาลทั่วโลก ขนาดเขาทำผิดนิดเดียวก็เริ่มรู้ตัวต้องออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ประเทศเราไม่ใช่ประชาธิปไตย รัฐบาลถูกต่อต้านไปไหนไม่ได้ต้องมีทหารคอยคุ้มครองไปกันแต่ละครั้งขนตำรวจทหารไปล้อม 3-4 พันคน เข้าใจว่าความเกลียดชังคนเสื้อแดง ที่เกิดในใจหลายคน คิดว่าเกิดจากข้อมูลที่เขารับฟังข้างเดียว เราไม่ได้มองว่าเขาเป็นศัตรู แต่ถ้าวันหนึ่งเขาได้รับรู้ว่าความจริง คืออะไร เขาจะเสียใจมากยิ่งกว่าพวกเราเสียใจอีก รัฐบาลควรแสดงความจริงใจว่าส่วนใดที่เป็นจริงหรือไม่เป็นจริงต้องเอามาพูดกัน


"ความจริงของเรื่องนี้ คือ รัฐบาลเอาทหารออกมาแล้วปิดกั้นไม่ให้พวกที่เข้าไปชุมนุมได้ชุมนุมกันอย่างสันติวิธี พวกเราไม่มีอาวุธมีแต่ไม้เหลาแหลมแต่ทหารอาวุธครบมือ วันหนึ่งถ้าเป็นญาติของเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร รัฐบาลไม่น่าทำขนาดนี้ ผมอายชาวโลก ชาวโลกรับรู้ข่าวหมด แต่ช่องทีวีของไทยยังปิดหูปิดตา มีข่าวทางอินเตอร์เน็ตที่รายงานข่าวเราบ้าง ประเทศไทยยังมัวแต่ปิดกั้นอยู่อย่างนี้เราไปไม่รอดแน่"นายอนุชากล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินไปขึ้นรถกลับลำพูน


ขณะที่ นางชฎาทาน ธันวาภักดี  ชาวจ.นนทบุรี อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย กำลังหอบหิ้วสัมภาระที่ขนกลับมาจากราชประสงค์เพื่อเดินทางกลับบ้าน กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยสนับสนุนการปฏิวัติว่ามันดีแต่พอเห็นการยึดทำเนียบจึงได้รู้ว่ามันไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเราเหมือนกบในกะลาเมื่อมีคนมาเตะกะลาให้เราต้องออกมาเราต้องวิ่งออกมาจนได้เห็นความไม่ยุติธรรม ฉะนั้นเรายอมตายเพื่อความถูกต้องดังนั้นเราต้องช่วยกัน


"เขาใจร้ายมาก ฆ่าเราเหมือนหมูเหมือนหมา เหมือนเราไม่ใช่คน ยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้ามีคนตาย 6 ศพ นอนอยู่ในวัดยังไม่ได้ฉีดยาให้ศพ น่า อนาถใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะยิงเรา นัดเดียวคาที่หมด เห็นคนเชียงรายมากัน 8 ตาย 5 กระสุนเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา"  นางชฎาทานบอกเล่าสิ่งที่ได้พบเจอ


นปช.นนทบุรี กล่าวต่อว่า "ตอนนี้เราต้องหยุดก่อนแต่เราไม่ถอย เราไม่ได้ทำอะไรเขาเลยเขามายิงเราทำไมเราแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยขอความเป็นธรรมมายิงเราทำไม พอใจยิงก็ยิง ก่อนหน้านี้เราไม่เคยแตะต้องอะไรเลย แต่ตอนนั้นระเบิดลงหน้าเวทีคุณฆ่าเราแล้ว พวกเราก็ระงับอารมณ์ทุกคนไม่ได้แล้ว พวกเราก็พากันหนีตายเข้าไปในวัดบ้าง หลบอยู่ใต้รางรถไฟฟ้าบ้าง เขาก็ยิงลงมาอย่างต่อเนื่องเก็บข้าวของกันแทบไม่ทัน เขายืนอยู่บนหัวเรา ตอนนั้นประมาณ 6 โมงเย็น พอเราออกมาตอนเช้ายังเห็นทหารยืนอยู่เต็มรางรถไฟฟ้า" 


"สิ่งที่พวกเราเจอยิ่งกว่าสงคราม เกิดมาไม่เคยเจอ ไม่คิดว่าประเทศเราจะเป็นขนาดนี้ ใจร้ายมากเขาเหยียบย่ำหัวใจเรามาก รอดตายมาทุกวันนี้เพราะตำรวจแท้ๆ และขอย้ำบอกกับพวกที่หาว่าเรามาแล้วได้เงินไม่จริงเลย มีแต่เสียเงินเองทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีใครเอามาให้เลย เราสู้กันตั้งแต่พันธมิตรยึดทำเนียบจนกระทั่งวันนี้ที่พวกเราถูกไล่ยิง"  นางชฎาทานกล่าว
 


ทางด้านนายชัยวัฒน์ แสงเดช เจริญชัย อายุ 47 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่กำลังรอขึ้นรถกลับภูมิลำเนาหลังจากที่ลาสิกขาบทเพื่อมาร่วมชุมนุมบอกว่า ตอนนั้นได้ดูข่าวเห็นแล้วทนไม่ไหวจึงสึกออกมาเพราะเห็นความไม่ถูกต้อง ขอเงินพี่ชาย 4 พันบาท เข้ากรุงเทพฯตั้งแต่หัวโล้นจนตอนนี้ผมขึ้นขนาดนี้แล้ว(ชี้ไปที่ผม) มาร่วมชุมนุมเกือบ 2 เดือนเงินที่นำมาก็หมดแล้ว แต่ข้างในคนเสื้อแดงรักกันมากแบ่งบันกันกิน พวกเขาไม่มีอาวุธมีแต่หนังสติ๊ก ไม้ไผ่ กับบั้งไฟที่จุดไล่เฮลิคอปเตอร์ ส่วนพวกผู้หญิงน่าสงสารมากช่วงที่ทหารบุกยิงทั้งแก๊สน้ำตา ยิงปืนใส่


"พวกผู้หญิงที่อยู่ในพื้นที่ทนเห็นคนถูกยิงไม่ได้ไปช่วยกันเอาน้ำยาล้างส้วมเทใส่ถุงแล้วเอาไปเฟวี้ยง(ขว้าง)ทหารเห็นแล้วน้ำตาไหล ถ้าใครเข้าไปสัมผัสข้างไหนแล้วจะรู้ เมื่อกี้เดินออกมาตามถนนหนทางชาวบ้านร้องห่มร้องไห้มาตลอดทาง ตำรวจดีมากเลยที่เข้าไปช่วยพวกเราไม่งั้นทหารไม่ปล่อยออกมาแน่ ถ้าออกมาโดนยิงหมด" นายชัยวัฒน์ กล่าวย้ำสิ่งที่ผู้ชุมนุมคนอื่นบอกไว้ในเรื่องเดียวกัน


"ตอนทหารยิงผมอยู่ตรงศาลาแดง วิ่งหลบกระสุนทั้งวัน ทั้งคืน ทหารใช้ปืนสไนเปอร์ยิง โดนหัว โดนลำตัว ต่างคนต่างวิ่ง หมอบไปด้วยวิ่งไปเลาะตามเต็นท์ วิ่งโล่งๆไม่ได้ ตอนนั้นผมวิ่งไม่ถึงวัด จึงเข้าไปหลบในโรงพยาบาลตำรวจแทน พวกเรานอนเกลื่อนกับพื้นเต็มไปหมด ออกไปไหนก็ไม่ได้ คนในวัดก็ออกไม่ได้ ออกมาก็ถูกยิง ตรงศาลาแดง ดุเดือดมาก ไปซุ่มอยู่บนตึกยิงลงมา " นายชัยวัฒน์กล่าวถึงนาทีหนีตาย


นายชัยวัฒน์ เล่าถึงการเดินทางมาร่วมชุมนุมว่า มาคนเดียวได้แต่ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เห็นแล้วน้ำตาไหลออกมาเองแบบไม่รู้สึกตัว พวกมวลชนไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำไมต้องยิงเขาด้วย ผู้หญิง เด็ก ยิงหมด หากออกไปจากที่ชุมนุมเจอด่านทหารจะตรวจค้นมีอะไรแดงๆจะโดนหมดเลย เถื่อนมากเหมือนไม่ใช่ประเทศไทย มันจะไม่ใช่สยามเมืองยิ้มอีกต่อไปแล้ว


"คนเฒ่าคนแก่บางคนบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาจนแก่ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนจะโหดขนาดนี้แม้แต่ตัวผมเอง" เสียงสะท้อนจากผู้ชุมนุมที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอ 
 

นางคำสอน  สมพงษ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย นั่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อน 3 คน รอเดินทางกลับบ้านที่สถานีขนส่งหมอชิต บอกเล่าเหตุการณ์ในวันที่ราชประสงค์มืดมิดพร้อมกับท่าทางที่ตื่นกลัว ว่า ลูกระเบิดลงมา พากันวิ่งเข้าวัดปทุมวนาราม เจ้าอาวาสดีมากให้พวกเราพักพิง


"ขณะที่นางพยายามกำลังปั้มหัวใจช่วยคนเจ็บอยู่ก็ถูกยิงเสียชีวิต การ์ดก็ตาย โหดมาก พวกเราไม่ได้กินข้าวกินน้ำกันเลยตี 5 ตั้งแต่ทหารเริ่มปฎิบัติิการ พวกเขามากล่าวหาว่าพวกเราเป็นผู้ก่อการร้าย เราไม่มีอะไรเลย มีแต่พัด แล้วมากล่าวหาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีปืนจริงคิดว่าจะเหลือหรือไงก็ยิงออกไปสิ บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป สั่งฆ่าใครฆ่าให้หมดจับใครได้ก็ฆ่าให้หมด" ยายคำสอนกล่าว


"กลัวก็กลัวแต่สู้ ช่วยๆกัน ระเบิดโยนมาไม่ถูกพวกเราก็ถูกคนอื่น ลูกปืนยิงมาไม่ถูกเราก็ถูกคนอื่น การ์ดผู้ชายรับปืนรับระเบิดแทนผู้หญิงหมด แต่ผู้หญิงตายเยอะหนีไม่ทันทั้งคนแก่และเด็ก แล้วยังยิงฝรั่งที่มาทำข่าวอยู่กินกับพวกเรา แล้วยังจะมาหาว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายยิงอีก มันโหดร้ายแค่ไหนรัฐบาลนี้จะเอาเราไปประหารก็เชิญเพราะพูดความจริงเลย เพราะรัฐบาลทำได้ทุกอย่าง" ยายชาวหนองคายพูดอย่างไม่กลัวความผิดและภัยถึงตัว


"เราไม่ใช่คนมีความรู้แต่เป็นชาวนาเต็มตัวจะบอกว่า แม้แต่เด็กยังไม่ไว้ชีวิต คนแก่คลานไปร้องขอชีวิตยังโยนทิ้ง ไม่ตายก็โยนเข้ากองไฟ เอาศพไปทิ้งไม่ให้เห็นศพ" ยายคำสอนกล่าวย้ำอีกครั้งก่อนจะบอกว่าได้เข้าไปหลบอยู่ในวัดปทุมวนารามหลวงปู่ก็เทศนาให้ฟังแก๊สน้ำตาก็ยิงเข้ามาในวัดใจสั่นไปด้วยนั่งพนมมือไปด้วย ไม่ตายก็เหมือนตาย เราผ่านสนามรบมาแล้วไม่เห็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป


ขณะที่นายสุชาติ พรั่งพรหม นปช.จันทบุรี  กล่าวย้ำถึงภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน ว่า "เห็นทหารยิงประชาชนตอนนั้นพักอยู่ที่วัดปทุมวนารามเห็นศพอยู่ในวัด 6 ศพ บาดเจ็บอีกประมาณ 10 คน ยิงพยาบาล(อาสาสมัคร)ในวัดที่กำลังทำแผลให้กับคนเจ็บก่อนยิงยังด่าพยาบาลอีกว่าอีเสื้อแดงมึงเก่งนักหรอแล้วก็ยิงเลย  เป็นทหารแก่แล้วมีผมหงอก "


เสียงส่งท้ายของคนเสื้อแดงก่อนอำลาเมืองกรุง กลับบ้านพร้อมกับบาดแผลในใจ ความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตบนเส้นทางการเรียกร้องประชาธิปไตยได้รับบทเรียนที่แสนล้ำค่าที่สุดในชีวิตของมวลชนคนธรรมดาที่ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาตกอยู่ในสมรภูมิรบท่ามกลางสงคราม "คนไทยฆ่ากันเอง" จนแทบเอาชีวิตไม่รอด
 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274454415&grpid=01&catid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2178 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 16:31:24 »

ช่วยกันอ่านกระทู้ที่ผมโพสต์ข้างบนนั้นด้วยจิตใจที่เป็นธรรมครับ เกิดอะไรขึ้นในวัดปทุมวนาราม ตลอดวันที่ 19 และคืนนั้น

ศอฉ. บอกส่งทหารเข้าปิดทุกแยกที่เป็นหน้าด่านของ นปช. แต่รุกเข้าทางแยกศาลาแดงไปแยกสารสินเท่านั้น

แล้วมีใครไปบุกวัดปทุมวนาราม...ตามคำบอกเล่า

อย่าเอาแต่โพสต์ด้วยความสะใจ หรือแต่งภาพกันด้วยความสนุกครับ

ผมกลัวเขาฝังใจและพร้อมจะกลับมาด้วยความเครียดแค้น-ชิงชัง



อ่านเรื่องนี้ประกอบครับ พวกเราไม่เคยเห็นภาพนี้ครับ

วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:48:28 น.  มติชนออนไลน์
แฉภาพชายแต่งตัวคล้ายทหารกลุ่มหนึ่ง ถืออาวุธปฏิบัติการอยู่ในรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

 

เว็บไซต์แห่งหนึ่งบนอินเตอร์เน็ต เปิดเผยภาพกลุ่มชายแต่งตัวคล้ายทหารถืออาวุธปืนยาวอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส บนพื้นที่การชุมนุมสวมหมวกสีดำ มีป้ายสีแดงติดด้านหลัง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274507337&grpid=01&catid=no
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2179 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 17:05:10 »

หงายไพ่เล่นในสภาแล้ว

มติเพื่อไทยยื่นซักฟอกมาร์คพ่วง4รมต.
ประเด็น:เกาะติดฝ่าวิกฤตกลียุคประเทศไทย , 22 พฤษภาคม 2553 เวลา 16:14 น.

เพื่อไทนมีมติยื่นอภิปราย "มาร์ค" พ่วง 4 รมต. 24พ.ค.นี้ บอกแน่จริงต้องรับญัตติ "เฉลิม" ชี้ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่ได้ประชาชนตายขนาดนี้โยนมือที่สามเผาเซ็นทรัลเวิล์ด

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสส.พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมพรรคมีมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกับพวกอีก 4 คนประกอบ ด้วยนายกรณ์  จาติกวณิช รมว.คลัง นายกษิต  ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ  นายชวรัตน์  ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย  และนายโสภณ  ซารัมย์ รมว.คมนาคม

ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 24 พ.ค.ประธานวิปฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา ช่วงบ่ายจะยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เดิมที่เหตุที่เราไม่ยื่นคือ รัฐบาลเลวร้ายเกินกว่าที่เราจะตรวจสอบ เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยชุดแรกที่มีวิญญาณยิ่งกว่าเผด็จการ นายอภิสิทธิ์ถือเป็นจอมพลอภิสิทธิ์ ส่วนนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ถือเป็น พล.อ.ปณิธาน สมัยรัฐบาลสุจินดาใช้น้ำฉีดม็อบก็ถูกกล่าวหาเป็นเผด็จการ ดังนั้น ถ้าจะเรียกนายอภิสทธิ์ก็คือ จอมพลคนสุดท้อง ถัดจากจอมพลประภาส

"พรรคมีมติเอกฉันท์ให้อภิปราย ทั้งที่เราไม่อยากแตะต้องรัฐบาลนี้เพราะเลวทราม แต่เมื่อประชาชนตายเป็นจำนวนมากเฉลี่ย 100 คน บาดเจ็บ 2พันคนตรงนี้ไม่เคยมีรัฐบาลประชาธิปไตยที่ไหนทำอย่างนี้"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากผู้ชุมนุมกับนายอภิสิทธิ์เท่านั้น คุณสร้างเรื่องสร้างสถานการณ์จนเอาประเทศชาติ หน่วยงานภาครัฐ มาทะเลาะกับประชาชนแล้วมาบอกว่าการชุมนุมก่อให้เกิด  ขอเตือนสติเมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเปิดสมัยวิสามัญ ตอนนั้นพวกตนเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านจะขอยื่นญัตติ เราก็ยินดียินยอม บรรจุระเบียบวาระให้อภิปราย ตนก็ถูกอภิปราย ดังนั้น อย่าแกล้งโง่ เซ่อ อย่าดราม่ามาก กับญัตติอภิปราย อย่ามาพูดว่าครั้งที่แล้วไม่อภิปราย อย่ามาพูด ภ้านายอภิสิทธิ์ยังมีความเป็นคน เป็นมนุษย์ ความเป็นนักการเมืองคุณหมดแล้ว คุณต้องร้องขอประธานรัฐสภาให้บรรจุญัตติ  แน่จริงต้องรับญัตติ อย่ามาพูดนะว่าปิดสภาแล้ว วันนี้พวกคุณหมดเวลาแล้ว

"เผาเซ็นทรัลเวิล์ดเป็นการสร้างสถานการณ์ มือที่สาม ตอนเขาประกาศสลาย ระเบิดลง ตูมตูมตูม ถ้าเขาจะเผาจริงต้อง เผาโรงแรมคอนติเนลตันเพราะ ลูกเขยโรงแรม เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง หลุยวิดตองราคาแพง อยู่ติดที่ชุมนุมไม่มีใครทุบเลย  ส่วนมุขงมน้ำแล้วเจอเป็นปืน เป็นลิเกบทเก่า ตั้งแต่ปี 2516 เขาใช้มุขนี้กัน อย่างการขึ้นไปยิงบนอาคารสถานที่ ไม่มีทางที่ตาสีตาสาจะขึ้่นไปยิงได้ ถ้าอยากรู้ว่า ยิงแล้วหนีอย่างไร ผมจะบอกให้ในการอภิปราย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า การยื่นญัตติครั้งนี้ พรรคจะเสนอให้ตนเป็นนายกฯแนบญัตติ


http://www.posttoday.com/ข่าว/การเมือง/29659/มติเพื่อไทยยื่นซักฟอกมาร์คพ่วง4รมต
      บันทึกการเข้า
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #2180 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 18:18:01 »

ขอต่อ เลยว่า  อ๊วก... ขึ้นเลย
      บันทึกการเข้า
mek
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2540
คณะ: Vet 61
กระทู้: 627

« ตอบ #2181 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 20:11:10 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 22 พฤษภาคม 2553, 16:31:24
ช่วยกันอ่านกระทู้ที่ผมโพสต์ข้างบนนั้นด้วยจิตใจที่เป็นธรรมครับ เกิดอะไรขึ้นในวัดปทุมวนาราม ตลอดวันที่ 19 และคืนนั้น

ศอฉ. บอกส่งทหารเข้าปิดทุกแยกที่เป็นหน้าด่านของ นปช. แต่รุกเข้าทางแยกศาลาแดงไปแยกสารสินเท่านั้น

แล้วมีใครไปบุกวัดปทุมวนาราม...ตามคำบอกเล่า

อย่าเอาแต่โพสต์ด้วยความสะใจ หรือแต่งภาพกันด้วยความสนุกครับ

ผมกลัวเขาฝังใจและพร้อมจะกลับมาด้วยความเครียดแค้น-ชิงชัง



อ่านเรื่องนี้ประกอบครับ พวกเราไม่เคยเห็นภาพนี้ครับ

วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:48:28 น.  มติชนออนไลน์
แฉภาพชายแต่งตัวคล้ายทหารกลุ่มหนึ่ง ถืออาวุธปฏิบัติการอยู่ในรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

 

เว็บไซต์แห่งหนึ่งบนอินเตอร์เน็ต เปิดเผยภาพกลุ่มชายแต่งตัวคล้ายทหารถืออาวุธปืนยาวอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส บนพื้นที่การชุมนุมสวมหมวกสีดำ มีป้ายสีแดงติดด้านหลัง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274507337&grpid=01&catid=no

ดูรูปแล้วผมคิดว่าน่าจะเป็นรางแถวโรงพยาบาลจุฬานะครับ เพราะพื้นด้านบนน่าจะเป็นพื้นบริเวณลานพระรูป และบังเกอร์สูง ๆ พอกับรางรถไฟฟ้าด้านล่าง ทำให้คิดว่าน่าจะเป็นแถวนั้น  คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่ทหารต้องลุยบนรางรถไฟฟ้าด้วย เพราะถ้ามีพวกก่อการร้ายอยู่บนราง แล้วยิงใส่ทหารข้างล่างหรือโยนระเบิดใส่นี่คงลำบากแน่ ๆ ส่วนที่ ศอฉ. ไม่พูดถึงเพราะอาจทำให้รถไฟฟ้ากลายเป็นเป้าทำลายอีกแล้วมัุนจะไปกันใหญ่
      บันทึกการเข้า

prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2182 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 20:56:07 »

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า การยื่นญัตติครั้งนี้ พรรคจะเสนอให้ตนเป็นนายกฯแนบญัตติ

อ๊วกๆๆๆๆ เหมือนกันโว๊ยยย

แหม๋ คงมันพิลึกกึกกือ  มันพะยะค่ะ
หากไอ้เหลิม เป็นนายก
พี่แอ๊ะจะลาออกจากเป็นพลเมืองประเทศไทย ค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2183 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 20:57:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 22 พฤษภาคม 2553, 20:56:07
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า การยื่นญัตติครั้งนี้ พรรคจะเสนอให้ตนเป็นนายกฯแนบญัตติ

อ๊วกๆๆๆๆ เหมือนกันโว๊ยยย

แหม๋ คงมันพิลึกกึกกือ  มันพะยะค่ะ
หากไอ้เหลิม เป็นนายก
พี่แอ๊ะจะลาออกจากเป็นพลเมืองประเทศไทย ค่ะ



 เหอๆๆ    เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2184 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2553, 21:25:21 »

วันก่อน โน้น มีคนที่เป็นญาติกะไอ้เหลิม เขาบอกว่าเขาไปหาทั๊ก กะไอ้เหลิม

ตอนนั้นเขา คิดว่าเสื้อเเดงจะชนะ เเน่ และยุบสภาเลือกตั้งแน่

เขาบอกว่าตอนนี้ ทั้กกี้ เตรียมไว้แล้วว่าจะให้ใครลงสส.เขตไหน


ถ้าเป็นพี่แอ๊ะลง สส. เขต ที่ ยโส

ทั๊ก คง โอเค

พี่แอ๊ะคิดในใจ กูไม่บ้า กะมึงหรอก

 อ๊วกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆ

ให้100 -1000 ล้านยังไม่เอาเล้ยยยยยยยย


แต่เขาบอกว่า ใครลงเพื่อไทย ต้องจ่ายตังนะ

จ่ายให้ทั๊ก ด้วยนะ 5555555
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2185 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 14:55:39 »

ทางออกของประเทศไทยในยามนี้ครับ

ใครก็ได้ช่วยเปิดประตูให้หน่อย, ใคร..?? เอากุญแจมาล๊อคไว้หลายตัวจัง

ภาพจาก Ed's gallery หน้า 6 เนชั่น สุดสัปดาห์ ปก มิคสัญญีกลียุค




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2186 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 16:21:21 »

วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:40:37 น.  มติชนออนไลน์
เคาะแล้วประกาศเคอร์ฟิวเพิ่มอีกสองวันระหว่าง 23-24 พ.ค. ช่วงเวลา 5 ทุ่ม-ตี 4 ย้ายศอฉ.จากราบ 11 ไปกองทัพบก

ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์  เมื่อเวลา 11.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุมศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศอฉ. นั่งเป็นประธาน ว่าเรื่องการห้ามออกเคหะสถานยามวิกาล จำเป็นที่ต้องขอต่อระยะเวลาการประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานต่ออีก 2 วัน ในวันที่ 23 – 24 พฤษภาคม เวลา 23.00 น. ถึง 04.00 น. โดยรวมถึงพื้นที่ที่ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกจังหวัด ทั้งนี้หลังจากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นช่วงๆ เพื่อดูว่ามีความเหมาะสมที่จะยกเลิกหรือขอต่ออีกกี่วัน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนศอฉ.ได้จัดการใน 3 ลักษณะ ดังนี้ 1.จัดกำลังสารวัตทหารทุกเหล่าทัพ ปฏิบัติภาระกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจ รับผิดชอบพื้นที่โดยรอบแยกราชประสงค์ โดยจะตั้งจุดตรวจ 5 จุด ประกอบด้วย แยกราชประสงค์ แยกประตูน้ำ แยกศาลาแดง แยกเพลินจิต แยกประทุกวัน โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 23 พฤษภาคม 2.จัดกำลังสายตรวจสารวัตรทหาร เป็นสายตรวจรถยนต์ โดยจะตรวจพื้นที่ต่างๆทั่วกทม.ทุกเส้นทาง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 23 พฤษภาคม 3.จัดตั้งด่านตรวจพื้นที่ชั้นนอกกทม.ชั้นนอกและปริมณฑทล จำนวน 17 ด่าน ส่วนกทม.ชั้นในมีการตั้งด่านตรวจทั้งหมด 16 ด่าน นอกจากนี้กำลังจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ จะปรับกำลังออกไปควบคุม 50 เขต ของกทม. โดยจะแบ่งความรับผิดชอบเป็น 7 โซน พร้อมจัดกำลังรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ ซึ่งมีข้อมูลข่าวสารว่าต้องดูแลเป็นพิเศษเพิ่มเติมอีก 17 แห่ง เช่น โรงพยาบาลศิริราช ทำเนียบรัฐบาล อาคารรัฐสภา และสถานที่ราชการสำคัญๆ เป็นต้น

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ศอฉ.ได้ประกาศยกเลิกห้ามใช้เส้นทางบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ อาทิ ระบบสัญญาณไฟจราจร ความสะอาด หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน คาดหมายว่าสามารถประกาศให้ประชาชนสัญจรในพื้นที่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียงที่สั่งห้ามได้ภายในเวลา 05.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม

ทั้งนี้ในวันที่ 24 พฤษภาคม ศอฉ.จะย้ายที่กองบังคับการจากที่ร.11 รอ. ไปที่ กองบัญชาการกองทัพบก  ถ.ราชดำเนินซึ่งจะมีการประชุมกันวันละ 2 ครั้งตามปกติ ส่วนการยุติการปฏิบัติงานของศอฉ.หากรัฐบาลประเมินว่าหากมีความปลอดภัยเพียงพอก็จะพิจารณา อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการรวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 24 มิถุนายน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกฝ่ายคงเตรียมการ เพราะเราอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่คิดว่าคนทั่วไปเขาเบื่อแล้ว

นายกฯ รอศอฉ. แถลงชัดประกาศเคอร์ฟิว

ก่อนหน้านี้  เมื่อเวลา 09.30 น.  วันที่ 23 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี  กล่าวผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกรัฐมนตรี  โดยเป็นการพูดคุยทำความเข้าใจหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ  ที่เกิดขึ้นมากมายตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุถึงการประกาศเคอร์ฟิว ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานตร และ อีก 29 จังหวัดทั่วประเทศ ที่มีมาตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า จะยังคงมีการประกาศเคอร์ฟิวเพิ่มไปอีกสองวัน คือ วันที่ 23-24 พ.ค. นี้  โดย ศอฉ. กำลังประชุมเพื่อขยับเวลาในการกำหนดช่วงเวลาเพื่อให้กระบต่อความไม่สะดวกของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบและประกอบอาชีพด้วยความสุจริต ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงเวลา เริ่มตั้งแต่ 4 ทุ่ม หรือ 5 ทุ่ม ไปสิ้นสุด ในเวลา ตี 4  หรือตี 5 ซึ่งตรงนี้ต้องรอ ศอฉ. แถลงความชัดเจนอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้อีกครั้ง และต้องดุต่อไปว่า จะมีการประกาศเพิ่มอีกหรือไม่


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274582823&grpid=00&catid=
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #2187 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 17:37:14 »

from twitter


...
อ่านจากล่างขึ้นบนตามลำดับหัวข้อ
คุณแคน สาริกา ทำให้ท้อได้ใจจริงๆ
คุณนายแอ๊ะ ไหวไหมครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2188 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 20:57:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 23 พฤษภาคม 2553, 14:55:39
ทางออกของประเทศไทยในยามนี้ครับ

ใครก็ได้ช่วยเปิดประตูให้หน่อย, ใคร..?? เอากุญแจมาล๊อคไว้หลายตัวจัง

ภาพจาก Ed's gallery หน้า 6 เนชั่น สุดสัปดาห์ ปก มิคสัญญีกลียุค






เมื่อวานทานข้าวกับน้องชาย ...


คำหนึ่ง ที่คุยกันคือการ >> สลายเงื่อนไข "ไพร่-อำมาตย์"


ปรับแนวทาง จาก "การเมือง การปกครอง"  เป็น ...   "การบริหาร การพัฒนา"



ตัวอย่างง่าย ๆ ใช้แล้วได้ผล ?


เสิร์ฟน้ำให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการ .... เพิ่ม Value มี Option ให้เลือก >> น้ำเย็นธรรมดา น้ำเก็กฮวย น้ำแดง ...


น้องบอกว่า แค่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเย็นธรรมดาๆ หรือน้ำหวาน >>>  จะช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่าง ประชาชน กับ หน่วยงานของรัฐ ...



เพราะมันคือน้ำใจ ที่ช่วยสร้างมิตรภาพ ... คนไทยด้วยกันแค่มีน้ำใจให้กัน ... ปัญหาทุกปัญหา แก้ได้ ^__^


      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2189 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 21:14:53 »

เคยโพสไว้ก่อนเกิดกลียุค เผาเมือง ,,,  แค่ขาดสติ ก็สร้างความเสียหายให้กับประเทศได้มหาศาล


อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 21 เมษายน 2553, 10:24:13
บ้านเมืองคงใกล้ กลียุคแล้ว ... ถ้าพวกเราคนไทยยังไร้สติ


... ถึงตอนนั้นก็คงต้องเตรียมป้องกันตัวเองกันแล้ว ...  ^_^
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2190 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2553, 22:01:47 »

วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 21:30:15 น.  มติชนออนไลน์
แกะรอยไฮโซสีแดงรุ่นตัวแม่ "เจ๊ดา-ดารณี กฤตบุญญาลัย"เธอหายไปไหน? หลัง นปช.สลายการชุมนุม


ในการเดินทางเข้ามอบตัวของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แก่ นายวีระ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิกาการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่ามีนางดารณี กฤตบุญญาลัย หรือ เจ๊ดา ไฮโซชื่อดัง"ตัวแม่"รวมอยู่ด้วย

"เจ๊ดา"ตัดสินใจเข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับคนเสื้อแดงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว กระทั่งถูกศาลออกหมายจับฐานฝ่าฝืนประกาศตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมพรรคพวก 17 คน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553 

ล่าสุดยังถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินพร้อมบุคคลและนิติบุคคลอื่น รวม 106 ราย ( คำสั่งที่ 49/2553) เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันก็ไม่ปรากฎเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดชุดไล่ล่าเหมือนราย พี่กีร์-อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง  หรือ แรมโบ้อีสาน สุภรณ์ อัตถาวงศ์ แต่อย่างใด

 คำถามกันแซดว่า ไฮโซรุ่นป้า หายไปไหน?   

 "เจ๊ดา"มีชื่อเสียงจากซีรีส์โทรทัศน์ ไฮโซบ้านนอก  ยังมีผลงานจัดรายการวิทยุ รับเชิญแสดงละครโทรทัศน์ โฆษณา และภาพยนตร์  กระทั่งเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้เครื่องเพชร

 ชีวิตครอบครัวสมรสกับนายประกิจ กฤตบุญญาลัย มีลูก 3 คน คือ  น.ส.วิรุฬกานต์ (น้ำฝน) น.ส.ธารนที (น้ำพุ) และ นายไอยคุปย์ (น้ำนิ่ง) ต่างคนต่างทำธุรกิจของตนเอง   

นางดารณีและสามีทำธุรกิจขายเครื่องปรับอากาศ ในนาม หจก. พี.แอนด์.พี.เอ็นจิเนียริ่ง ก่อตั้งวันที่ 5 เมษายน 2516 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และบริษัท สยาม เอ.อาร์.ไอ. จำกัด  ก่อตั้งวันที่ 13 มกราคม 2526 ทุนจดทะเบียน  35 ล้านบาท

 กิจการขนส่งชื่อ บริษัท ไทย แอร์-คอน พาร์ทส์ จำกัด เมื่อวันที่  28 กรกฎาคม 2536  ทุนจดทะเบียน  10 ล้านบาท  เลิกกิจการในปี 2544

 กิจการขายอาหารร่วมกับ พล.ท.เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม ในชื่อ บริษัท ซุปเปอร์แฝด จำกัด  ก่อตั้งวันที่  23 พฤศจิกายน 2544 ทุนจดทะเบียน  6 แสนบาท เลิกกิจการปีใน 2547

ปัจจุบันมีแห่งเดียวที่เปิดดำเนินการ คือ บริษัท ซีเนเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขายเครื่องปรับอากาศ ก่อตั้งวันที่  9 พฤษภาคม 2522  ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ข้อมูลตามที่ส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี 2547 ระบุว่ามีรายได้ 24.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7 แสนบาทเศษ  สินทรัพย์ 38.1 ล้านบาท  หลังจากนั้นไม่ปรากฏข้อมูลแต่อย่างใด

ขณะที่นายไอยคุปต์ กฤตบุญญาลัย บุตรชาย เปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือร่วมกับนายพานทองแท้ ชินวัตร  ในชื่อ บริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ก่อตั้งวันที่  9 ธันวาคม 2546  ทุนจดทะเบียน  5 ล้านบาท   และ  บริษัท ฮาวคัม เอวี จำกัด ก่อตั้งวันที่  4 ตุลาคม 2547  ทุนจดทะเบียน  5 ล้านบาท  (เลิกกิจการในปี 2550)   

และเพิ่งก่อตั้งบริษัท สวีท แอนด์ เซเวอรี่ จำกัด ขายอาหาร เมื่อวันที่    22 เมษายน 2552  ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ส่วนนางสาวธารนที เป็นเจ้าของกิจการอาหารชื่อ  บริษัท สวีทพาย จำกัด ก่อตั้งวันที่ 30 เมษายน 2550 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท อยู่ในอาคารเพรสิเดนท์ ถนนสุขุมวิท

 เมื่อปีที่แล้ว"เจ๊ดา"ตกเป็นข่าว กรณีถูกศาลล้มลายกลางตัดสินให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 

 คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ บริษัท เงินทุนบุคคลัภย์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ลูกหนี้ล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งลงวัน ที่ 14 กันยายน 2548 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล พี.แอนด์.พี.เอ็นจิเนียริ่ง ที่ 1 นายประกิจ กฤตบุญญาลัย ที่ 2 นางดารุณี กฤตบุญญาลัยที่ 3 บริษัท สยาม เอ.อาร์.ไอ. จำกัด ที่ 4 นางสาววิรุฬกานต์ กฤตบุญญาลัย ที่ 5 นางสาวธารนที กฤตบุญญาลัย ที่ 6 ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พุทธศักราช 2483

 ต่อมาถูกปลดจากลูกหนี้ล้มละละลาย ตามประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์นับแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2552 แต่เพิ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2553

ขณะที่ บริษัท สยาม เอ.อาร์.ไอ. จำกัด ถูกศาลล้มละลายกลางติดสินให้ล้มละลายเช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 

 มีข้อมูลระบุว่า ช่วงค่ำวันที่ 17  พฤษภาคม  2553 "เจ๊ดา"ขึ้นเวทีปราศรัยที่ราชประสงค์ ตอบโต้ "พี่ออฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง"กรณี "คนไม่รักในหลวงให้ออกจากบ้าน"ว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา

และยังบอกอีกว่าเธอเคยเป็นดารามาก่อนมักจะได้ยินดาราด่าเสื้อแดงแล้วนำไปเผยแพร่ต่อในอินเทอร์เน็ตเป็นประจำ

 กลางดึกวันที่ 18 พฤษภาคม ถึงเช้ามืดวันที่ 19 พฤษภาคม ไม่มีใครเห็นเงาเธออยู่นั่นพร้อมกับ วีระ มุสิกพงศ์ หมอเหวง และ จรัล ดิษฐาอภิชัย

ครั้นแดงสลาย วีระ มุสิกพงศ์ หมอเหวง เข้ามอบตัว แต่เธอก็ไม่ได้ไปด้วย

แวดวงเสื้อแดงและไม่แดงเลยถามกันให้แซดว่า เธอหายตัวไปไหน?   
...........[/color]
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274613586&grpid=00&catid=no
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2191 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 07:44:46 »

อยากให้เจ๊ดา เข้าไปนอนบนเตียงนอน อย่างผู้ถูกคุมขังบ้าง

เธอจะใส่ชุดสีไร นะ

แต่กางเกงในคงจะ สีเเลงงงงงงงงงงงงงง
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2192 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 07:54:26 »

ป๋องงงงงง  

ใช่ค่ะ


นอกจากคนอิสาน ในอิสานแล้ว แม้แต่แม่บ้านแอ๊ะในบ้านกรุงเทพ เธอเป็นคนนครพนม

เธอก็เป็นแดง ปลุกระดม กันทางโทรศัพท์กับพี่น้องอิสานด้วยกันที่อยู่กรุงเทพ


พอไฟไหม้เซ็นทรัลเวิร์ล ลูกชาย หมอ "ฉายป๋อง" บอกว่า

เธอกระโดษเต้นเลย


สำหรับแอ๊ะอยู่ทางนี้ต้องตัวลีบค่ะ

ขนาดออกไปงาน เเอ๊ะ ต้องนั่งเงียบๆ เพราะเเวดล้อมดัวยแดง


อยาก บอก ว่า ต้อง เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ ค่ะ


อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 พฤษภาคม 2553, 17:37:14
from twitter


...
อ่านจากล่างขึ้นบนตามลำดับหัวข้อ
คุณแคน สาริกา ทำให้ท้อได้ใจจริงๆ
คุณนายแอ๊ะ ไหวไหมครับ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2193 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 08:19:44 »

ช่วยกันหาคำตอบ เกี่ยวกับ 7 นายพลดัง ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการการต่อสู้ของโม่งชุดดำ

เจ็ดนายพลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของเสื้อแดง เกี่ยวข้องอย่างไร วาน เสธฯไก่อูช่วยตอบที
24 พฤษภาคม 2553 00:53 น.


       ด้วยอานุภาพแห่งองค์พระสยามเทวาธิราช และพระเดชะบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปกปักรักษากรุงเทพมหานคร ให้พ้นจากความพินาศฉิบหาย จากน้ำมือของคนใจทราม ชั่วช้า
      
       ความพินาศฉิบหายอันเกิดจากการวางเพลิง เผาบ้านเผาเมือง ของกลุ่มโจรก่อการร้าย ที่แฝงตัวอยู่กับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทันที่ที่แกนนำ นปช. ประกาศมอบตัว ยุติการชุมนุม อันเป็นการส่งสัญญาณให้ลงมือ เมื่อบ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม อาจเทียบไม่ได้กับ ความสูญเสียอันใหญ่หลวง หากระเบิด “ คาร์บอมบ์” ที่ผู้ก่อการร้าย เสื้อแดง นำไปวางไว้รอบๆพื้นที่ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ รวม4 จุด เกิดระเบิดขึ้นมา ไม่ต้องครบทั้ง4จุดหรอก เพียงแต่จุดเดียว ลองนึกดูว่า อะไรจะเกิดขึ้น
      
       ในการแถลงข่าวของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการนำอาวุธจำนวนมาก รวมทั้งอาวุธสงคราม ที่ ศอฉ. ยึดได้จากพื้นที่ชุมนุม มาแสดงให้ทูตและตัวแทนจาก 5 1 ประเทศ พร้อมกับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร้อยกว่าคน ชม แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นผู้เปิดเผยว่า คาร์บอมบ์ทั้ง 4 จุด ถูกตรวจพบในวันที่ 19 พฤษภาคม ในระหว่างที่ ทหารเคลื่อนพลกระชับวงล้อมสี่แยกราชประสงค์
      
       จุดแรกคือที่สี่แยกถนนเพลินจิต เป็นรถตู้คอนเทนเนอร์ใส่ลูกระเบิดที่ดัดแปลงจากถังดับเพลิง ภายในรถมีน้ำยาเคมีด้วย จุดนี้มีคนพยายามจุดชนวน แต่ถูกทหารยิงสกัด กันไม่ให้จุดชนวนได้
      
       จุดที่สอง หน้าโรงเรียนมาร์แตเดอี เป็นรถบรรทุกหกล้อ บรรจุถังแก๊สหุงต้มเต็มคัน ซึ่งทหารเข้าควบคุมไว้ได้ก่อนที่จะมีคนมาจุดให้ระเบิด
      
       จุดที่สามเป็นรถตู้คอนเทนเนอร์ ในถนนชิดลม ฝั่งถนนเพชรบุรี บนสะพานข้ามคลองแสนแสบ ข้างธนาคารไทยพาณิชย์ กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเผายางรถยนต์เพื่อให้รถระเบิดและพยายามจุดชนวนด้วยการลากสายไฟ แต่ระเบิดไม่ทำงาน
      
       จุดที่สี่ เป็นรถปิคอัพ จอดไว้ที่สะพานเฉลิมโลก ใกล้สี่แยกประตูน้ำ มีระเบิดซีโฟร์ ที่ต่อชนวนเรียบร้อย รอให้มีผู้มาเสียบสายชนวนเท่านั้น ก็จะระเบิด แต่ถูกตรวจพบเสียก่อน
      
       ทั้งสี่จุดอยู่ในเส้นทางที่จะเข้าไปสู่เวทีการชุมนุม ที่สี่แยกราชประสงค์ เป็นพื้นที่ด่านหน้าที่ การ์ดนปช. ตั้งสกัดป้องกันการบุกยึดเข้ามายึดพื้นที่ของทหาร
      
       เรื่องร้ายแรงเข้าขั้นก่อวินาศกรรมกลางเมืองขนาดนี้ ต่อหน้าทูตและตัวแทน 5 1 ชาติ และสื่อมวลชนกว่าร้อยชีวิต ทั้งไทยและเทศ ศอฉ. คงไม่กล้าจัดฉาก แหกตาคนเหล่านี้แน่ เพราะถ้ามีพิรุธ แม้เพียงจุดเดียว หากมีคำถามที่ตอบไม่ได้เพียงคำถามเดียว รัฐบาล และศอฉ. จะหมดความน่าเชื่อถือไปในทันที
      
       คาร์บอมบ์ทั้ง 4 จุด และที่บริเวณโรงแรมโฟร์ซีซัน ยิ่งตอกย้ำ ความโหดเหี้ยม อำมหิตของผู้บงการ ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อระบายโทสะ ความโกรธแค้นของตนเอง และยิ่งเป็นการฟ้องกับชาวโลกว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น ไม่ใช่เป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย โดยสันติ แต่เป็น การเคลื่อนไหวเพื่อนช. ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้ความรุนแรง ทุกรูปแบบ โดยมีการชุมนุมมวลชนเป็นฉากบังหน้าเท่านั้น
      
       ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นการยิงระเบิดในใส่สถานที่สำคัญ ธนาคาร ก่อนหน้านี้ การสังหารทหารและไพร่แดงที่สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน การยิงระเบิดเอ็ม 79ใส่ทหาร ตำรวจ และการปะทะกันที่บ่อนไก่ สามเหลี่ยมดินแดง ถนนราชปรารถ การเผาบ้านเผาเมือง หลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุม ล้วนเป็นฝีมือของกองกำลังที่ ศอฉ.ก็น่าจะรู้ดีว่า ใครเป็นผู้บัญชาการ
      
       การแถลงข่าวของ ศอฉ. ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้นว่า ในวันที่ 19 พฤษภาคม เกิดอะไรขึ้น ก่อนและหลังจากแกนนำยุติการชุมนุม โดยเฉพาะการแถลงของ พลโท ดาวพงษ์ รัตนสุบรรณ รองเสนาธิการทหารบก แต่เชื่อว่า ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ คนไทยจำนวนมาก กำลังรอฟังจาก ศอฉ. คือ ใครคือผู้วางแผน สั่งการ ปฏิบัติการ ที่ต้องใช้ความชำนาญด้านยุทธวิธี ต้องมีเครือข่ายในการระดมคน และลำเลียงอาวุธ และต้องมีจิตใจที่โหดเหี้ยม อำมหิต
      
       คนไทยอยากรุ้ให้ชัดๆว่า เบื้องหลังกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ผุ้ก่อการร้าย ชายชุดดำ และระหว่างผู้บงการในต่างประเทศ กับผู้ลงมือยิงเอ็ม79 ยิงอาร์พีจี มือสไนเปอร์ และผู้วางเพลิงเผาทรัพย์ คือใครบ้าง
      
       ที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงผู้บงการเพียงแค่ว่า เป็นนายทหาร นายตำรวจทั้งในและนอกราชการ ที่ใกล้ชิด นช. ทักษิณ มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนก่อการร้ายในเมือง มีความเคียดแค้นต่อการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพราะทำให้บางคนไม่ได้เป็นแม่ทัพน้อย แม่ทัพภาค
      
       สื่อมวลชนบางราย เรียกคนกลุ่มนี้ว่า แก๊งค์นายพล ที่นั่งบัญชาการบนตึกสูงใกล้ที่ชุมนุมบ้าง เรียกว่า กลุ่ม เสธฯ ที่นั่งวางแผนอยู่ในวอร์รูม โดยมี เสธฯ ที่ชะตาขาดไปแล้ว เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติหน้าไซต์งาน

      
       เมื่อวันที่ 16 และ 18 พฤษภาคม ศอฉ. ออกคำสั่งระงับธุรกรรมทางการเงินของนิติบุคคล และบุคคล ที่ตรวจสอบพบว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม มีจำนวนร้อย กว่าคน ในจำนวนนี้ มี “นายพล” ทั้ง นายพลทหาร และนายพลตำรวจ 7 คน คือ
      
       พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี , พล.ท.มนัส เปาริก, พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต , พล.ต.ท.สล้าง บุนนาค ,พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ และพลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก
      
       ฝากถามไปยัง พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ว่า ที่ว่า ทั้ง 7 นายพลนี้ ศอฉ. สงสัยว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม จนสั่งระงับธุรกรรมทางการเงินน้น ความเกี่ยวข้องที่ว่า คืออะไร

 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000071143
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2194 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 08:28:44 »

บทบรรณาธิการ นสพ. แนวหน้า ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2553

บอกถึงการที่เสื้อแดงจะใช้วันที่ 24 มิถุนายน 2553 ซึ่งตรงกับกันก่อการเมื่อ 77 ปีที่แล้ว ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้ง


บทบรรณาธิการ 
 
ประชาธิปไตยเทียมของคนเสื้อแดง (บทบรรณาธิการ)
 

     วันที่ 24 มิถุนายนนี้ ถือเป็นวันครบรอบ 77 ปี ของการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยไทยนับตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัคริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งตลอดระยะเวลา 77 ปี ของประชาธิปไตยไทยอยู่ในภาวะที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ขณะเดียวกันก็มีการตั้งคำถามว่าจนบัดนี้ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ได้พัฒนาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้วหรือยัง

     ตัวอย่างสถานการณ์ในปัจจุบันที่ถูกตั้งคำถามว่า เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือไม่ ก็คือการชุมนุมของม็อบคนเสื้อแดงตลอดช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอ้างว่าเป็นการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยโดยยึดแนวทางอหิงสาสันติวิธี แต่พฤติกรรมของขบวนการคนเสื้อแดงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิงเพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายด้วยการยึดย่านราชประสงค์เป็นแหล่งชุมนุมยืดเยื้อบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศจนพินาศย่อยยับและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างหนัก

     ที่สำคัญและเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนสำหรับการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย ก็คือ การใช้ความรุนแรงถึงขั้นมีกองกำลังติดอาวุธปฏิบัติการก่อการร้ายและลอบก่อวินาศกรรมโดยแฝงตัวปะปนและเคลื่อนไหวคู่ขนานกับม็อบคนเสื้อแดง ทั้งนี้อาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมากซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบหลังการเข้าเคลียร์พื้นที่ย่านราชประสงค์ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างชัดแจ้งการชุมนุมของม็อบคนเสื้อแดงที่หน้าฉาก คือ การเรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม แต่หลังฉากที่แท้จริงกลับเป็นกบฏก่อการร้ายมุ่งสถานการณ์ให้กลายเป็นกลียุคมิคสัญญีเพื่อล้มล้างรัฐบาลหวังเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไปสู่ระบอบใหม่

     ที่ผ่านมา ขบวนการคนเสื้อแดงอันประกอบด้วย ม็อบคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และกลุ่มก่อการร้ายอันเป็นกองกำลังติดอาวุธที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บงการให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังได้เคลื่อนไหวที่สอดประสานโดยมีเข็มมุ่งเดียวกันนั่นคือ สร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศมาโดยตลอดและปรากฏหลักฐานชัดเจนนั่นคือ คำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณและเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงได้ปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงให้ลุกฮือขึ้นมาจุดไฟเผาบ้านป่วนเมืองอันเป็นพฤติกรรมของกบฏก่อการร้าย

     เพราะฉะนั้นบรรดามวลชนคนเสื้อแดงที่เข้ามร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจและรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะต้องใช้สติและเหตุผลแยกแยะระหว่างประชาธิปไตยเทียมกับประชาธิปไตยที่แท้จริง ทั้งนี้ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นต้องเป็นการต่อสู้ด้วยอุดมการณ์เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เผาบ้านป่วนเมืองโดยมีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อคนเพียงคนเดียว และที่สำคัญคือ ต้องเป็นการแสดงออกด้วยแนวทางสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรงโดยเฉพาะด้วยวิธีการก่อการร้ายสร้างความหายนะแก่ชาติบ้านเมืองดังเช่นเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา 
 
วันที่ 24/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=212296
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2195 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 08:32:26 »

บทบรรณาธิการ นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์ พูดถึง "วาระแห่งชาติ" คือ "การฟื้นฟูประเทศ" ที่ไม่ใช่ "การเลือกตั้ง"

"ฟื้นฟูประเทศ" วาระคนไทยทั้งชาติ
บทบรรณาธิการ 24 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     ความเคลื่อนไหวของทุกภาคส่วนในการสนับสนุน ส่งเสริมให้รัฐบาลคืนความเชื่อมั่นแก่สังคมไทย ตลอดจนสังคมโลก  หลังเหตุการณ์วิกฤติเผาบ้านเผาเมืองสงบลงเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 นับว่ามีนัยสำคัญบ่งบอกได้อย่างดีแล้วว่า ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่คาดหวังว่า แผนการปรองดองแห่งชาติรวมทั้งนโยบายการฟื้นฟูประเทศโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจปฏิเสธอีกต่อไป  

     ความสูญเสียที่เกิดจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงโดยการนำของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่ามี "ทักษิณ ชินวัตร" อยู่เบื้องหลัง อาจจะสามารถประเมินค่าความเสียหายได้จากตัวตึก อาคาร สถานที่ และทรัพย์สินต่างๆ ได้ แต่ความสูญเสียในความรู้สึกและจิตใจของคนไทย สูญสิ้นความมั่นใจ และความภาคภูมิใจต่อการเป็นพลเมืองในดินแดนสยามเมืองยิ้ม โดยเฉพาะคนที่ต้องตกอยู่ในภาวะตื่นตกใจ เพราะเป็นประชากรในพื้นที่อันตรายนั้น คงไม่อาจจะนับเป็นตัวเลขได้ ฉะนั้น วิธีการ แนวทาง นโยบายใดๆ ก็ตาม ที่สามารถเรียกคืนศักดิ์ศรีความเป็นคนไทยที่รักสงบ และมีน้ำใจไมตรี เป็นที่กล่าวขานของชาวโลกได้นั้น ไม่ว่าคนไทยจิตใจสีไหนก็ย่อมอยากเห็นและอยากให้เป็นโดยเร็วที่สุด

     แผนความปรองดองแห่งชาติ  5 ข้อ อันประกอบด้วย ข้อ 1.เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ข้อ 2.ปฏิรูปประเทศอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่องการถูกรังแกจากผู้มีอำนาจ ความไม่เป็นธรรมในสังคม และปัญหาเรื่องสวัสดิการสังคม รวมถึงปัญหาอื่นๆ ข้อ 3.ระบบสื่อสารมวลชน ขอให้สื่อทำหน้าที่ที่ไม่สร้างความรุนแรงและไม่สร้างความเกลียดชัง ข้อ 4.ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ต่างๆ จากความสูญเสียในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่มีการชุมนุมวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา และ ข้อ 5.ปฏิรูปการเมืองและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

     จนถึงวันนี้ ดูเหมือนจะไม่น่าสนใจและน่าติดตามตรวจสอบเท่ากับสาระสำคัญที่นายกรัฐมนตรีประกาศต่อหน้าคนไทยทั้งประเทศว่า "เวลานี้ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการของการฟื้นฟู ตึกรามบ้านช่อง อาคารต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือ การฟื้นฟูจิตใจ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของบ้านเมืองที่จะต้องเกิดขึ้นต่อไป ส่วนการดำเนินคดี การดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ซึ่งกระทำความผิดและมีโทษร้ายแรงในข้อหาต่างๆ นั้น ก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ต่อเนื่อง เด็ดขาด โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย การฟื้นฟูประเทศ ฟื้นฟูจิตใจของประชาชนในระยะยาว ในแผนปรองดองประกอบด้วย 5 ข้อ แผนดังกล่าวก็ยังเป็นเจตนารมณ์สำคัญที่รัฐบาลยังยึดถืออยู่ แต่ที่จะต้องเพิ่มเติมเข้าไปก็จะเป็นในส่วนของการฟื้นฟูในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านจิตใจ สังคม เศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งในเรื่องของการเมือง เน้นเรื่องของการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนทุกฝ่าย ที่จะช่วยกันทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุข และทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยนั้นกลับมาเป็นหนึ่งเดียว มีความสมัครสมานสามัคคี"

     คำประกาศของนายกฯ ข้างต้น พร้อมกับเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนทุกกลุ่มมาช่วยกันออกแบบ ช่วยกันสร้าง ลงแรง ลงใจ ทำให้บ้านเมืองกลับมาเป็นบ้านที่น่าอยู่เหมือนเดิม โดยระบุว่ากระบวนการนี้จะเริ่มต้นนับตั้งแต่นาทีนี้นั้น เสมือนเป็นสัญญาประชาคมที่ขณะนี้คนไทยทั้งชาติต้องจับตามองเพราะทุกคนได้ประจักษ์แจ้งแล้วว่า ท่ามกลางการชุมนุมที่ยุติลงไปนั้น ยังปรากฏความคุกรุ่นของความแค้นและไม่พอใจระบายอยู่ทั่วสังคมไทย สอดคล้องกับที่มีการพิเคราะห์พิจารณ์ว่า การชุมนุมยุติแต่การต่อสู้ยังไม่ยุติ

     มาตรการการฟื้นฟูประเทศจึงไม่ใช่เพียงแค่ฟื้นฟูซากปรักหักพัง อาคาร สถานที่ ถนนสายต่างๆ ให้มีชีวิตคืนสู่ปกติเท่านั้น แต่ย่อมหมายถึงฟื้นฟูสุขภาวะในจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ซึ่งโจทย์สำคัญคือความรู้สึกแบ่งแยกแตกต่างที่ไม่เพียงรัฐบาลเท่านั้นที่จะต้องแก้สมการปัญหานี้ให้ได้ แต่ทุกคนในสังคมไทยต้องยอมรับว่า ความเหลื่อมล้ำ ความเป็นสองมาตรฐานที่เป็นประเด็นการต่อสู้ของม็อบเสื้อแดงในครั้งนี้ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกฝ่ายที่ต้องช่วยทำการบ้านด้วยไม่มากก็น้อย

     คนไทยทุกคนต้องมีจิตสำนึกร่วมว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเกิดมาเป็นคน ศีลธรรม จริยธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ หรือประชาธิปไตย คนไทยพึงต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจว่า การชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิใดๆ ของผู้รักสันติ สงบ อหิงสา มีเส้นแบ่งที่เหมือนและแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของการชุมนุมที่มีการจัดตั้งโดยกลุ่มทุนสามานย์ พร้อมยังมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเป็นผู้หนุนหลัง มิเช่นนั้น ความฉิบหายอันเกิดจากความไม่รู้ไม่เข้าใจและเห็นแก่ตัวก็จะเป็นวงจรอุบาทว์กลับมาสร้างวิกฤติให้กับประเทศอย่างไม่รู้จบ

     บทเรียนความเจ็บปวดจากคนไทยเข่นฆ่ากันเอง เพราะความแปลกแยกทางความคิด และความรู้ความเข้าใจที่แตกต่างกัน ทำให้สังคมไทยได้เห็นและพิสูจน์กับตาแล้วว่า ลำพังมาตรการความมั่นคงซึ่งใช้กำลังและอาวุธเป็นธงนำหน้านั้น ไม่อาจจะสามารถเอาชนะการก่อการร้ายหรือผู้ต่อต้านอำนาจรัฐได้ แม้กระทั่งมาตรการทางการเมือง ก็แก้ไขวิกฤติอันรุนแรงได้ยาก เพราะความเห็นแก่ตัวและขาดความเสียสละของบุคคลที่เกี่ยวข้อง

     ดังนั้น การฟื้นฟูประเทศจะบรรลุเป้าหมายคืนความสุขสู่สังคมไทยได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยทุกคนต้องร่วมกันทำ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โดยเริ่มจากครอบครัว ชุมชน โรงเรียน องค์กร สถาบัน จนเป็นเครือข่ายที่มีจิตสำนึกรักประเทศบ้านเกิดขยายวงกว้างออกไปเป็นลูกโซ่ จนปิดประตูมิให้คนนอกเข้ามาแทรกแซง และเงินไม่สามารถมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของทุกคนในสังคมอีกต่อไป อย่างน้อยที่สุด รัฐบาลนั่นแหละต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างนำร่อง ฯพณฯ จะจัดการฟื้นฟูทหารแตงโมและตำรวจมะเขือเทศให้เป็นรั้วของชาติและผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงได้อย่างไร.

http://www.thaipost.net/news/240510/22446
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2196 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 09:04:15 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน เตือนให้ระวัง สภาโจร

"การทหาร-ทหารเมือง" ต้องนำบ้านเมืองอีกครั้ง?
เปลว สีเงิน 24 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      อืมมมม...หยุดไปนอน "กระชับพื้นที่" เมื่อวันเสาร์มา ๑ วัน ก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม เคอร์ฟิวยังมีต่อนะครับ เมื่อคืนและคืนนี้ (๒๔ พ.ค.๕๓) แต่เป็นมินิ-เคอร์ฟิว คือร่นเวลาออกไปเป็นตั้งแต่ ๕ ทุ่ม ถึงตี ๔ ต่อจากนี้ คงไม่ต้องนอนผวากันมากนัก เพราะ ศอฉ.จัดกำลังตั้งด่านตรวจตามจุดใหญ่ๆ พร้อมทั้งส่ง "สารวัตรทหาร" ตระเวนเป็น "นายตรวจพระนคร" ทั้งชั้นใน และปริมณฑล ส่วนเคอร์ฟิวจะต่อหรือจบกันแค่นั้น คงต้องรอดูสถานการณ์เป็นวันๆ ไป!
      อีกเรื่องที่ควรทราบ ศอฉ.จะย้ายกองบัญชาการใหญ่ จากราบ ๑๑ รอ.บางเขน มาอยู่ที่ "กองบัญชาการกองทัพบก" ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่วันจันทร์นี้แล้ว และใครที่เป็นแฟน "พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" ไม่ต้องกลัวว่า "ผู้ก่อการรัก" ท่านนี้จะหายหน้าไปกระชับพื้นที่ที่อื่น ยังคงอยู่ให้ท่านตามกระชับสายตา สลับกับ "โฆษกหน้าตาย" ดร.ปณิธาน วัฒนายากรทางหน้าจอ "รวมการเฉพาะกิจ" เหมือนเดิม
      ชมรมจิตอาสา ชาว FB นี่นอกจากน่ารักแล้ว ยังทำหน้าที่ "แกนสังคมคนรุ่นใหม่" ได้อย่างมีความหมายมาก เมื่อวันอาทิตย์ ทาง กทม.ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ท่านจัด บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ ขึ้น คือระดมเจ้าหน้าที่ กทม.มาล้างคราบเสนียดเมือง กับซากบัดซบที่ "กบฏทักษิณ" มนุษย์ทรามทิ้งไว้ให้ ลำพัง กทม.ทำได้ แต่คงต้องใช้เวลานานหลายวัน แต่ปรากฏว่า ในความสูญเสียร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศนี้ มีพี่น้องร่วมชาติพกความเจ็บปวดที่ต้อง "เอาชนะร่วมกัน" รวมทั้งชมรมจิตอาสา และหนุ่ม-สาวชาว FB ได้นัดแนะรวมใจกันออกมาเป็น "มหาประชาสังคม"
      "เช็ดคราบน้ำตา" ให้เมืองกรุง!
      ชาติบ้านเมืองเราคือ "มรดกบรรพบุรุษ" ที่พินัยกรรมระบุไว้ คนไทยทุกคนคือผู้ได้รับผลประโยชน์ เมื่อเห็นหนุ่ม-สาว "คนรุ่นใหม่" ยามมีภัยมา กลับรวมตัว รวมใจสามัคคีทำหน้าที่ ทั้งต่อต้าน ยอมสละทั้งสุข และทั้งชีวิตตัวเองด้วยความหมาย "ถึงตัวไม่อยู่-ชาติต้องอยู่" เช่นนี้ เห็นที "เฒ่าสยาม" ทั้งหลาย คงตายตาหลับ!
      หนุ่มสาว-เฒ่าแก่ทั้งหลายเอ๋ย...จงมองข้างหน้า อย่าอาลัยหลังจนเกินเหตุ จงใช้สิ่งที่เสียเป็นพลังกระตุ้นจิตรัก จิตอภัยให้กัน สร้าง "สังคมใหม่" ด้วยบทเรียนอภัยจากใจนั้น ผมสังเกตว่า พวกเราทั้งหลายขณะนี้ พกความคับแค้น ขึ้งเครียด เอาไว้มาก ซึ่งผมเข้าใจ และผมก็ไม่ต่างไปจากท่าน แต่ผมอยากให้ความคิดไว้อย่างหนึ่งว่า สำหรับสิ่งที่ "ตัดไม่ตาย-ขายไม่ขาด" ยังไงๆ ก็ต้องอยู่ "ร่วมชาติ-ร่วมแผ่นดิน" เราก็ต้อง "ตัดแค้น-ตัดอาฆาต" พลิกจากศัตรูให้มาอยู่ฉันมิตร-ฉันญาติ เหมือนกติกาในวงนักเลง คนไหนที่ฆ่าไม่ได้ ก็ต้องผูกใจไว้เป็นพวก!
      กับงาน "สร้างสังคมใหม่" ซึ่งเป็นงานใหญ่ ใครฝ่ายเดียว จะกองทัพ หรือรัฐบาลโดยลำพังก็สร้างไม่ได้ จะต้อง "มหาประชาสังคม" เท่านั้น และมหาประชาสังคมวันนี้ พวกท่าน...หนุ่ม-สาว ในความหมาย "คนรุ่นใหม่" เท่านั้น จะให้ไฟ ให้พลัง ให้ความหวังกับประเทศชาติผ่าน "สังคมใหม่" ได้สำเร็จ และเคล็ดลับสู่ความสำเร็จคือ "งานใหญ่-อย่าหยุมหยิมกับเรื่องย่อย"!  ไม่เช่นนั้น ความหยุมหยิมกับเรื่องย่อยจะทำให้เหมือนมดติดก้อนน้ำตาล เดินไม่ผ่านทะลุไปถึงแหล่งผลิต!!!
      กะแค่ตำรวจเอาตัวหัวโจกขบวนการก่อการร้าย "กบฏทักษิณ" ไปควบคุม โดยปล่อยงับโอโซนชายทะเลอยู่ในบ้านพักค่ายนเรศวร แค่ท้วงติงว่า "ประชาชนจับตาท่านตลอดเวลานะ...คุณตำรวจ" แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องจิกกัดต่อเนื่องยาวนาน หันไปเพ่งเล็งงานใหญ่ดีกว่าว่า เมื่อ ๑...ผ่านไป อภิสิทธิ์-กองทัพ จะผ่าน ๒-๓-๔-๕ ไปจนถึงจุดศานติสุขแห่งชาติ คือ ๑๐ ด้วยรูปแบบไหน วิธีการไหน ในเมื่อ "ปัญหาสังคมชาติ" อันเป็นโจทย์วันนี้ มันเป็นปัญหาใหม่-โจทย์ใหม่ ที่จะใช้เครื่องมือ และกลไกกฎหมาย-การบริหารแบบเดิมๆ ที่ผ่านมา อันเป็น "ภาวะปกติ" ไม่ได้แล้ว! ตำรวจนั้น ถึงแม้มหาประชาสังคมวันนี้จะบอกว่า "ขอได้รับความเกลียดชังจากประชาชนด้วยจริงใจ" เพราะประจักษ์ชัดแล้วว่า ที่ผ่านมา ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด นอกจากเป็นที่พึ่ง และทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้ชาวบ้านไม่ได้ยามมีภัย ตรงกันข้าม ตำรวจบางส่วนนั่นแหละ  ทำหน้าที่ เป็นทั้งสาย-ทั้งเป็นใจ ให้โจร "ปล้นบ้าน-เผาเมือง"!?
      แต่ก็เห็นใจเขาเถอะ เขาไม่ได้เป็นเช่นนั้นโดยสันดาน และไม่มีเจตนาถึงขั้น "เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน" เพียงแต่ สิ่งที่เขาเคยได้กิน-ได้อยู่ และได้เอาอำนาจไปฉีกเนื้อกิน ในสมัยทักษิณ "โกงแผ่นดิน" แล้วเจียดเป็นงบฯ มาแจกจ่ายจากเงินหวยบนดิน ๒ ตัว ๓ ตัวให้นั้น เมื่อสิ้นทักษิณ ไม่มีเงินบาปจากการปล้นคน-ปล้นแผ่นดินมาแจกจ่าย ตำรวจระดับล่างๆ ซึ่งใช้ตำแหน่งหากินได้ไม่มากเท่าระดับใหญ่ๆ รวมถึงครอบครัว จึงเกิดปฏิกิริยาเหมือนคนทั่วไป อะไรที่เคยได้ เมื่อไม่ได้ มันก็ต้องเล่นบท "ตะกายฝา" โหยหาแต่...ทักษิณ...ทักษิณ ...คนโกงแผ่นดิน แล้วเอาส่วนขี้มายีหัวบางตำรวจให้หลง!
      ตำรวจนั้น เราตัดไม่ตาย-ขายไม่ขาด ฉะนั้น ต้องมองเขาด้วยความเข้าใจ เหมือนพี่น้องปลายรากบางส่วน คาถาแก้การโกรธเป็นนิสัย คือการให้เมตตา คาถาแก้คนหลงผิด คือการให้อภัย....นี่คือ "กฎใจ-คุณธรรม" แต่ถ้าอภัยแล้วยังดีไม่ได้ และไม่สำนึก ถึงขั้นตาย......"ตาย...ก็ต้องให้ตาย"!
      จะไปปรองดองกับโจรก่อการร้าย ร้ายถึงขั้น "เผาบ้าน-ปล้นเมือง, ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบ" ไม่ได้ "การุณยฆาต" สถานเดียวที่ "เนื้อร้ายสังคม" ประเภทนี้ต้องได้รับ นีคือกฎหมาย-กฎเมือง!
      ผมขอย้ำว่า ปลายมิถุนา-กรกฎา-สิงหา นี้ ปัญหาโจรก่อการร้าย "กบฏทักษิณ" จะเวียนกลับมาก่อภัยให้แผ่นดินอีก และนี่คือสิ่งที่ผมจะบอกว่า นับจาก ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ที่เกิดเหตุการณ์ "ขวาพิฆาตซ้าย" ฝากไว้เป็นรอยในประวัติศาสตร์ ๓๔ ปีผ่านมาแล้ว ณ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ครบรอบตามวัฏฏะดาวเสาร์ ครั้งนี้ไม่ใช่ "ขวาพิฆาตซ้าย" หากแต่เป็น "ซ้ายพิฆาตขวา" คือพวกกบฏแดงเป็นฝ่ายฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน และเมื่อดาวเสาร์-ดาวพฤหัสบดี และดาวมฤตยู อันเป็นคู่ดาวแห่ง "การเปลี่ยนแปลงใหญ่" ชนิดฉับพลันเหนือคาดหมายเล็งกันเช่นนี้ จะพูดให้เห็นภาพ ยุค ๑๔ ตุลา ๑๖ ถึงยุค ๖ ตุลา ๑๙ เรื่อยมาถึงยุคพลเอกเกรียงศักดิ์ และพลเอกเปรม นั่นเป็นยุคภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์แทรกซึมชาติ ทหารจึงเป็นส่วนผสมการเมืองในการบริหารราชการแผ่นดิน
      จนกระทั่งยุคพลเอกชาติชาย ภัยลัทธิหมดไป นโยบาย "แปลงสนามรบเป็นสนามการค้า" จึงถูกนำมาใช้แทนเรื่อยมา จาก ๒๕๓๐ จนถึง ๒๕๔๔ ที่แต่ละรัฐบาลใช้นโยบาย "การเมืองนำการทหาร" แต่นับจากปี พ.ศ.๒๕๔๔ ที่ทักษิณครอบงำอำนาจบริหารประเทศในฐานะนายกฯ "ภัยลัทธิ" รูปแบบใหม่ จากการผสมพันธุ์ระหว่าง "ซ้ายละเมอ" กับขวาเหิมเกริม "คิดใหม่-ทำใหม่" ค่อยๆ ฟักตัวเติบใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ บนเป้าหมาย "ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบบ" อำนาจรวมศูนย์ทักษิณ!
      กลยุทธ์-กลวิธีเดินไปสู่เป้าหมาย หลักใหญ่ที่เห็นไม่มีอะไรมาก ยึดกรรมาชน ชาวไร่-ชาวนา คนยากคนจน ตั้งเป็นฐาน เหมือนเมื่อครั้งลัทธคอมมิวนิสต์เข้ามาไทยครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓ ไม่ผิดเพี้ยน แต่แดงสยามครั้งนั้น "ยึดราก" ได้ช้า เพราะใช้อุดมการณ์ลัทธิเป็นตัวนำในการยึดราก ผิดกับระบบทักษิณใช้ "อุดมกู" กับ "เงิน" ยึดราก!
      ซึ่งได้ผลเร็วมาก ทั้งข้าราชการ-ตุลาการ-นักการเมือง-ทหาร-ตำรวจ-ครู-อาจารย์-นักวิชาการ-พระ-สื่อมวลชน และประชาชน เรียกว่า "ทั้งโจรทั้งบัณฑิต" ในทุกสถาบัน กลายเป็นนกติดตัง ในระบบ "ทุนวัตถุ" จนเกิดค่านิยมว่า "โกงแล้วเอามาแบ่ง...ยอมรับได้" ในขณะที่คนในแผ่นดินเมา "ทุนวัตถุ" ตัวทักษิณกับคณะพรรค ก็ก้าวขยับไปสู่เป้าหมายเรื่อยๆ จากขั้นก่อการ "กัดกร่อนสถาบัน" ให้ฐานเซ เพียง ๕-๖ ปี ก็เติบกล้าถึงขั้นลงมือปฏิบัติการ "แดงทั้งแผ่นดิน" ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบอบประเทศ โดยแบ่งงานฝ่ายการเมืองอันเป็น "ฝ่ายบุ๋น" ให้พรรคเพื่อโจร กับฝ่ายชุมนุมสันติ-อหิงสา เดินเกม
      ส่วนฝ่ายยุทธการอันเป็น "ฝ่ายบู๊" พวกเสนาธิการ "ทุนเหิมเกริม" กับ "ซ้ายละเมอ" วางแผนอยู่ในรังลับเรื่อยมาตั้งแต่ ๑๙ กันยา ๔๙ จัดตั้งกองกำลังผสมไม่ทราบฝ่าย อันมาจากทหาร-ตำรวจ-เสือพราน ทั้งในและนอกราชการ ผสมด้วยอันธพาล มาเฟียท้องถิ่น นักค้ายาและสิ่งผิดกฎหมายในเครือข่ายทุนใต้ฐานทักษิณ
      เป้าหมายหลักมีอย่างเดียว.....ยึดประเทศ-ล้มสถาบัน สถาปนา "อำนาจระบอบทักษิณ" ขึ้นครองแผ่นดิน ตามจินตนาการแอบจิต "คิดใหม่-ทำใหม่" ในแนว "ปฏิวัติฝรั่งเศส"! เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์มาร้อยต่อเข้าด้วยกันก็จะเห็นว่า "เงื่อนไขสังคมเดิม" คือเรื่องลัทธิยึดครองชาติ ๓๐ กว่าปีผ่านไป "เชื้อเก่า-ผสมใหม่" ก็ปะทุเชื้อร้ายอีกรูปแบบหนึ่งภายใต้โครงสร้าง "ทุนวัตถุ" ขึ้นมาอีกแล้วในวันนี้
      ชัดแล้วว่าสังคมที่ใช้ "ทุนวัตถุ" เป็นตัวนำ สุดท้ายจะมีบทสรุปให้เห็นดัง ๑๙ พฤษภา ๕๓ ฉะนั้น การปฏิวัติสังคมชาติใหม่ จะต้องนำ "ทุนธรรม" นำทุนวัตถุให้ได้ สังคมพอเพียง "จนพอเพียง-รวยพอเพียง-เจริญพอเพียง" นั่นคือฐานทุนธรรม อันมีแนวปฏิบัติผ่านสหกรณ์ และร่วมเป็น "สังคมใหม่" สังคมประชาธิปไตย-รัฐสภาประชาธิปไตยที่ "คนไทยทั้งประเทศ" ออกแบบกันเอง และใช้กันเอง
      และแบบที่ออกนั้น "ทหาร-การเมือง" ต้องอยู่ด้วยกัน-ไปด้วยกัน

      ไม่อย่างนั้น...เสร็จสภาโจร!?.
[/size]
http://www.thaipost.net/news/240510/22444
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2197 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 09:15:35 »

คอลัมม์ "ท่านขุนน้อย"

ขอคารวะ!!!
ท่านขุนน้อย 24 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     ก่อนจะไปว่ากันเรื่องอื่น...ยังไงๆ ก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องขอคารวะ ยกย่อง หัวจิตหัวใจ และการตัดสินใจ ของท่านนายกรัฐมนตรี  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตลอดไปจนถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่สามารถนำความสงบเรียบร้อยมาสู่บ้านเมืองไปพร้อมๆ กับการลดความสูญเสียชีวิต เลือดเนื้อของผู้คน ได้อย่างชนิดน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ เพราะภายใต้ความเหี้ยมโหด อำมหิต ความบ้าคลั่ง อันไร้เหตุ ไร้ผล เช่นนี้...ถ้าหากไม่ละเอียด ประณีต ไม่อดทน อดกลั้น กันจริงๆ ป่านนี้ตัวเลขการสูญเสียอาจทะลุไปถึงร้อยศพ พันศพ เอาเลยก็ไม่แน่???
                                                                 -----------------------------------------------
     มาถึงวันนี้...ไม่ว่าใครจะรัก จะชัง จะชอบใจ ไม่ชอบใจ ต่อคนหนุ่มที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ถึงความมี เมตตาธรรม ที่ตั้งมั่น ยืนหยัด อยู่บนความทรหด อดทน ในการแบกรับแรงกดดันทุกๆ ด้าน อย่างที่ ป๋าเปลว สีเงิน ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า สำหรับคนที่ไม่ได้มีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางแรงกดดันนานาชนิด ตลอดไปจนการแบกรับความรับผิดชอบ ชี้ขาดความเป็น ความตาย ของบ้านเมืองในระดับนาทีต่อนาที อะไรต่อมิอะไรมันอาจจะง่ายพอที่จะวิพากษ์ วิจารณ์ ง่ายพอที่จะละเลงขนมเบื้องด้วยปากได้เสมอๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม...ที่ตัวเองจะต้องยืนอยู่ ณ จุดๆ นี้ หรือ ต้องแบกรับความรับผิดชอบในระดับนี้ ส่วนใหญ่ก็อาจจะ ไปไม่เป็น ด้วยกันทั้งสิ้น...
                                                              --------------------------------------------------
     คงต้องยอมรับว่าการตัดสินใจของท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ ตลอดช่วงระยะ 2 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา...ถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่สามารถก้าวข้ามพ้นความเป็น นักการเมือง โดยปกติธรรมดาทั่วไปมาแล้วหลายช่วงตัว เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ผลประโยชน์ของพรรค หรือ ผลประโยชน์ส่วนตัว อย่างที่ท่านยืนยันเอาไว้จริงๆ นั่นแหละ เพราะผลของการตัดสินใจในลักษณะเช่นนี้...นอกจากมันจะไม่ได้เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ซักเท่าไหร่ ดีไม่ดีอาจเสียหายต่อฐานคะแนนเสียงประเภทคอซาดิสต์ หรือ ประเภทโมแลงติคกันไปไม่น้อย ยิ่งประเภทดื้อด้าน ดันทุรัง บ้าคลั่ง สนุกสนาน กับการเผาบ้าน เผาเมือง ชนิดเลยจุดที่จะใช้เหตุ ใช้ผล กันอีกต่อไป โอกาสที่จะเจาะ จะชำแรก เพิ่มเก้าอี้ในภาคเหนือ ภาคอีสาน ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกเช่นเคย  
                                                                -----------------------------------------------------
     ที่สำคัญที่สุด...การตัดสินใจในลักษณะเช่นนี้ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสุข ความสงบ ในชีวิตส่วนตัว หรือ กระทั่งชีวิตครอบครัวของตัวเอง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอีกด้วยก็ได้ และดูเหมือนว่า...ตัวท่านนายกรัฐมนตรีเองก็พอจะทราบดีว่า ท่านจะต้องเผชิญกับอะไรในอนาคตข้างหน้า ความเกลียด ความโกรธ ความอาฆาต พยาบาท อันไร้เหตุ ไร้ผล  ความชิงชังที่แทบไม่ได้มีต้นสายปลายเหตุ แต่ถูกนำมาเหมารวมลงไปที่บทบาทความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีรายนี้ อาจทำให้ท่านต้องประสบความยุ่งยากในการใช้ชีวิตส่วนตัวไม่มากก็น้อย...แต่ถึงรู้ทั้งรู้ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านก็กล้าพอที่จะยึดเอาผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง...
                                                                ----------------------------------------------------
     ในเมื่อท่านอุตส่าห์ทุ่มเท ลงแรง ลงใจ ถึงเพียงนี้...จะไม่ให้กระทำตัวเป็น พ่อยก ของ อภิสิทธิ์ กันบ้าง ก็ออกจะไร้น้ำใจกันเกินไป ด้วยเหตุนี้...ก็เอาเถอะ ถึงแม้นจะขนติดปากอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่อดใจไม่ไหวที่จะต้องขออนุญาต เชลียร์ โดยมิได้หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น แม้นว่านับจากนี้ต่อไป หรือ     ภายในอนาคตอันใกล้ ก็ยังไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า สถานการณ์บ้านเมืองในวันข้างหน้า จะหนักหนา สาหัส ในระดับเหลือบ่า กว่าแรง เกินกว่าที่คนหนุ่มอย่าง   อภิสิทธิ์ จะแบกรับไหวหรือไม่? เพียงใด? ก็ตามที แต่ด้วยความห่วงใย และความประทับใจ ในการเสียสละเท่าที่ผ่านมา หนีไม่พ้นที่จะต้องให้ กำลังใจ กันเอาไว้ ณ ที่นี้...
                                                             --------------------------------------------------
     ส่วนสังคมไทยนับแต่นี้ต่อไป...คงเป็นเรื่องของผู้มีสติ ปัญญา ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย จะต้องร่วมมือ ร่วมใจ ให้ข้อเสนอ ข้อชี้แนะ กันไปตามสภาพ ซึ่งถ้าหากจะว่ากันแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องเสียเวลาไปแอบจิต แอ๊บเหลือง แอ๊บแดง อะไรกันมากมาย ก็ขอความกรุณาอย่าถึงกับเตลิดเปิดเปิง จนต้องหยิบเอาเรื่องประชาธิปไตย เรื่องความเสมอภาคทางชนชั้น เรื่องอำมาตย์ เรื่องไพร่ ฯลฯ มาพูด มาเถียง ให้เข้ารก เข้าพง มากไปกว่านี้อีกเลย เพราะสิ่งที่เราทั้งหลายกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ มันไม่ใช่เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ไม่ประชาธิปไตย เรื่องของความเสมอภาค ไม่เสมอภาค เรื่องของความมีเสรีภาพ หรือ ไร้เสรีภาพ...แต่มันเป็นเรื่องของ ศีลธรรม ล้วนๆ ไม่งั้นมันคงไม่เกิดความดื้อด้าน ความบ้าคลั่ง ไร้เหตุ ไร้ผล ไร้หิริโอตตัปปะ กันได้รุนแรงถึงเพียงนี้...
                                                             ---------------------------------------------------
     พูดง่ายๆ ก็คือ...จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ภาพเหตุการณ์เท่าที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้ มันก็คือ ภาพสะท้อนความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมในจิตใจของผู้คนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจน อำมาตย์ หรือ ไพร่ นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ นักวิชาการ ปัญญาชน สื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า ฯลฯ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีส่วนปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ มโนธรรมขั้นพื้นฐาน คุณธรรมขั้นพื้นฐาน ของผู้คนในทุกแวดวง เกิดอาการเสื่อมโทรมลงไปตามลำดับ ขณะที่ความเห็นแก่ตัวนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นๆ ความโลภ ความละอายต่อบาป มันย่อมต้องลดลงๆ ไปเป็นธรรมดา และภายใต้สภาพเช่นนี้...ไม่ว่าจะเป็นคำว่าประชาธิปไตย เสรีภาพ เสมอภาค คำว่าอำมาตย์ คำว่าไพร่ ต่างก็สามารถถูกหยิบยกเอามาใช้เป็น ข้ออ้าง หรือเป็น วาทกรรม ของแต่ละฝ่ายได้ด้วยกันทั้งสิ้น...
                                                       --------------------------------------------------------
     อภิมหาจอมปราชญ์แห่งวงการพระศาสนา อย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านจึงเคยพยายามเน้นย้ำเอาไว้มานานแล้วว่า ศีลธรรมไม่กลับมา...โลกาจะวินาศ แน่นอนว่า...ภาพแห่งความวินาศซึ่งอุบัติขึ้นมาในสังคมไทย ณ ขณะนี้ ยังไงๆ ก็คงหนีไม่พ้นไปจากเหตุปัจจัยอันเดียวกัน หรือเนื่องมาจาก ศีลธรรม ที่มันสูญหาย และไม่หวนกลับมาสู่สังคมไทย ดังเช่นที่เคยเป็นมา ดังเช่นที่เคยเป็นอยู่ นับแต่ช่วงอดีตนั่นเอง ในเมื่อ ความเห็นแก่ตัว ของผู้คนในแต่ละแวดวงมันเพิ่มขึ้นๆ ประชาธิปไตยย่อมต้องกลายเป็น ประชาธิป...ตาย ไปด้วยประการละฉะนี้ และอย่ามัวเสียเวลาไปปฏิรูป ปฏิรูด ปฏิสังขรณ์ อะไรให้เมื่อย ไม่ว่าจะยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปสื่อ ปฏิวัติเสื่อ อะไรก็ตาม แต่ถ้าหากไม่สามารถทำให้ผู้คนลดความเห็นแก่ตัว หันมายึดมั่นผลประโยชน์ส่วนรวม รู้จักเสียสละ เคารพในสิทธิของผู้อื่น พร้อมที่จะทำหน้าที่ไปตามความรับผิดชอบของตนอย่างตรงไป-ตรงมา อันอาจถือเป็นศีลธรรมขั้นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันภายในสังคมแล้วไซร้ ท้ายที่สุดเราคงหนีไม่พ้นที่จะต้องเผชิญกับ ไอ้คลั่ง รายใหม่ หรือ รายเดิม อย่างไม่มีวันสิ้นสุดอีกต่อไปนั่นแล...
                                                             -----------------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก ท่านพุทธทาสภิกขุ (อีกครั้ง)... การเปลี่ยนแปลงสังคมเป็นสิ่งจำเป็น...โดยจะต้องมุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงอุดมคติของสังคม ให้ลึกลงไปถึงสามัญชน มิฉะนั้นเขาจะไม่ทำ แม้ในสิ่งที่เขาสามารถกระทำได้  และไม่สนใจที่จะเรียนรู้ว่า อะไรควรทำ ไม่ควรทำ มีแต่การเป็นทาสอายตนะต่อไปเรื่อยๆ...
                                                            -------------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/240510/22442



5900  win
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2198 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 09:21:20 »

คอลัมม์ "ถูกทุกข้อ"

อิสรภาพแห่งความคิด
ถูกทุกข้อ 24 พฤษภาคม 2553 - 00:00

 เรียน คุณสามวา สองศอก
     ดีใจมากที่ไทยโพสต์กลับมา ขอเรียนด้วยใจจริงว่า ไทยโพสต์ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดี และมีคุณภาพของประเทศโดยไม่ต้องโอ้อวด
     ในห้วงเวลาวิกฤติของประเทศ ไทยโพสต์ได้เสนอข่าวสารเพื่อประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง ไทยโพสต์ไม่หากำไรจากกระแส ไม่เอาใจใครนอกจากบอกว่าอะไรผิดอะไรถูก
     แน่นอนไทยโพสต์ลำเอียง แต่ลำเอียงเข้าข้างความถูกต้อง และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ขอขอบคุณชาวไทยโพสต์ทุกคน ที่ร่วมใจกันทำงานเพื่อชาติและประชาชน
                                                         เพชร เมืองราช
ตอบ คุณเพชร
     พวกเราชาวไทยโพสต์ก็ดีใจครับ ที่ได้กลับมาทำหน้าที่สื่อมวลชนอีกครั้ง เพราะเหตุการณ์เมื่อบ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม ที่บริเวณถนนพระราม 4 เป็นใครก็ต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ก่อน พวกเราพร้อมใจหนีไปตั้งหลักครับ เมื่อเหตุการณ์วิกฤติคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น วันรุ่งขึ้นไทยโพสต์ก็กลับมาอยู่บนแผงหนังสือพิมพ์รายวันอีก
     ขอบคุณทุกความห่วงใยที่มีต่อชาวไทยโพสต์     
 
               สามเกลอตากอากาศ
เรียน คุณสามวา สองศอก
     ผมอยากทราบจริงๆ เลยว่า รัฐบาลมะเขือเผามีความคิดอย่างไรกันแน่ ในการควบคุมตัว
แกนนำขบวนการโจรกบฏเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองจนพินาศป่นปี้ย่อยยับ โดยไม่จับยัดคุกมือซุกกุญแจมือและตีนซุกโซ่ตรวน ปล่อยให้ลอยนวลอยู่ในห้องขังที่อังไว้ด้วยความร้อน เหมือนกับพระเพลิงที่พวกมันได้จุดเผาบ้านเผาเมือง
     ถ้ารัฐบาลมะเขือเผาคิดแผนยุทธศาสตร์เป็น โดยเลือกให้สามเกลอหัวขวดได้บ้านพักตากอากาศเช่นนี้ ก็ควรคิดต่อไปว่าทำอย่างไร จึงจะให้บรรดาสามเกลอหัวขวดหลบหนีออกจากบ้านพักตากอากาศโดยสมัครใจหนี เช่น ปล่อยเสือเข้าไปในพื้นที่บ้านพัก เมื่อสามเกลอหัวขวดหนีก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ไม่ใช่มะเขือเทศนะ) จัดการวิสามัญฆาตกรรมสามเกลอหัวขวด ให้กลายเป็นสามเกลอผีหัวขาด เฝ้าบริเวณบ้านพักตากอากาศไปโดยปริยาย
     กฎหมายบ้านเมืองไทยมีลักษณะอ่อน ตัดสินคดีได้ช้า ล้มคดีได้ง่าย ไม่มีความอายผีสางเทวดา คนไทยมักจะไม่กลัวเกรงกฎหมายไทย หน่วยงานดีเอสไอของท่านธาริต เพ็งดิษฐ์ ต้องมีภาระหนักในการทำคดี ซึ่งทายผลไม่ได้เลยว่าในอนาคตข้างหน้านั้น บรรดาสามเกลอหัวขวดจะดันผ่าได้อากาศดีมีโอโซนเยี่ยม จนกระทั่งมีอายุขัยยืนยาวนานกว่าคนไทยดีๆ และทหารไทยดีๆ อีกหลายๆ คนที่พลีชีพเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไปก่อนล่วงหน้านี้แล้ว 
     ความฉิบหายวิบัติของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีแต่ความตายของพวกอัปรียชนขบวนการ
โจรก่อการร้ายเสื้อแดง ด้วยการยิงเป้าที่ท้องสนามหลวง ให้มหาชนดูได้ประจักษ์กับสายตาเท่านั้น จึงจะสาสมกับการกระทำของพวกมัน ที่กระทำต่อบ้านเมืองไทยอันเป็นที่รักของเราทุกคน
     แล้วคุณสามวา สองศอกล่ะครับ คิดอย่างไรในเรื่องนี้!!?
                                                        นายรัก พิทักษ์ไทย
ตอบ คุณรัก พิทักษ์ไทย
     ตำรวจไทยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนไทยได้ไม่รู้จักหยุดหย่อนเลยนะครับ ถึงจะมีภาพบาดตาบาดใจชาวบ้านที่พวกกบฏเสื้อแดงได้รับการปฏิบัติจากตำรวจอย่างดีเยี่ยม ก็มีการออกมาแก้ตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
     ด้วยเหตุนี้เมื่อทหารจะส่งมอบหน้าที่ดูแลบ้านเมืองให้ฝ่ายตำรวจ จึงมีแต่คนผวาเพราะรู้ลึกไปถึงลำไส้ใหญ่ตำรวจ เคยทำอะไรไว้บ้างล่ะชาวบ้านถึงไม่มีความไว้วางใจให้กับคนสีกากี

                     นอนฝันไป
เรียน คุณสามวา สองศอก
     ผมติดตามการปราบ "หน่วยกบฏชั่ว (นปช.) ของเจ้ามูลแม้ว" ด้วยความอึดอัดและมีความรู้สึกฉี่ไม่สุด เหมือนคนเป็นโรคต่อมลูกหมากโตผิดปกติ (แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นมะเร็ง) ด้วยสาเหตุ
หลายประการด้วยกันคือ
     1.ผมเชื่อว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดง ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ จนกลายสภาพเป็นการก่อการร้ายต่อแผ่นดินในวันนี้ เพราะรัฐปล่อยให้การชุมนุมยืดเยื้อไม่ตัดไฟแต่ต้นลม และปล่อยให้เจ้ามูลแม้วในฐานะนักโทษหนีคุก ขณะยังเร่ร่อนหาแผ่นดินอยู่ เป็นผู้เขียนบท ผู้กำกับการแสดง และเป็นนายทุนผู้อุปถัมภ์การปฏิบัติ มันจึงดำเนินเรื่องอย่างเมามันได้อย่างสะใจ เพื่อประโยชน์ของมันเอง
     2.รัฐปล่อยให้เจ้ามูลแม้วในฐานะผู้กำกับ ได้ใช้เงิน (ที่มันโกงชาติ) แบ่งผู้ทำงานให้มันออกเป็นชนชั้นต่างๆ คือ
     หนึ่ง ชนชั้นผู้วางแผนและอำนวยการ ทำงานชั่วชาติให้มันอย่างมีระบบ ชนชั้นนี้ได้แก่ เหล่าอำมาตย์ในสังกัดซึ่งมีนายพลอกหัก ทั้งทหารและตำรวจ นักธุรกิจ อดีตปัญญาชน (ฝ่ายซ้าย) เหล่าคนสำส่อน (ส.ส.) และพลพรรคผู้สูงวัย (ส.ว.) 
     สอง ชนชั้นแกนนำผู้รับงานมาปฏิบัติการก่อการร้าย
     (ทั้งสองชนชั้นนี้ขึ้นตรงต่อมันโดยตรง ได้รับเงินค่าจ้างแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าผลงานจะเข้าตามันเพียงใด) และ
     สาม ชนชั้นที่ตนเรียกว่าไพร่ คือชาวไร่ ชาวนา ผู้ใช้แรงงาน ที่มาร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ และผู้ที่ได้รับการจ้างมา หรือหลงผิดถูกหลอกมาให้เป็นโล่มนุษย์
     3.ผมดูการปราบการก่อการร้ายของรัฐแล้ว เหมือนการเล่นลิเกนับตั้งแต่โหมโรงออกแขก
จนถึงตอนที่รัฐใช้กำลังทหารเข้าล้อมพื้นที่ชุมนุมของ นปช.รอบบริเวณราชประสงค์ เมื่อเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 จนแกนนำ นปช.ขอเข้ามอบตัวอย่างลุกลี้ลุกลน หลบเข้าหลังฉากไปในตอนบ่าย ศอฉ.ก็ประกาศว่าทหารจะหยุดปฏิบัติการขอพื้นที่คืน
     เสมือนว่าเป็นการพักการแสดงภาคแรก หรือที่ฝรั่งเรียกว่า "Intermission" นั้น คนดูดูมาถึงตอนนี้บ่นกันตรึมเลยว่า ทำไมพระเอกยังไม่ออกโรงเลย บ้างก็ให้ความเห็นว่าเจ้ามูลแม้วเขียนบทไว้ ไม่ยอมให้มีพระเอกให้มีแต่ผู้ก่อการร้ายต่อแผ่นดิน และโจรปล้นสะดมเท่านั้น เพราะเห็นส่ง fb หรือ ทวิต มาว่า "ให้แกนนำตัดสินใจได้เลย เพราะอยู่ในพื้นที่ไม่ต้องห่วงผม"
     มิน่าตำรวจจึงให้แกนนำอย่างนายณัฐวุฒิได้สิทธิใช้ไมค์ตำรวจสั่งเสียคนเสื้อแดง ดำเนินการต่อไปตามสะดวกหลังจากที่ตนได้เข้ามอบตัว ซึ่งเป็นผลให้มีการก่อการร้ายเผาบ้านเมืองตามอัธยาศัย
     4.ผมเข้าใจว่าการปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้าย รัฐดำเนินการค่อนข้างจะเป็นขั้นตอนมากเกินไป อาจจะเป็นเพราะต้องประสานทั้งด้านการเมืองกับกลุ่มผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล และขอความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ (ซึ่งเต็มไปด้วยแตงโมและมะเขือเทศ)
     การปราบปรามพวกก่อการร้ายจึงขาดความรวดเร็วเด็ดขาด ทำให้ศัตรูได้ใจและฮึกเหิม
โดยเฉพาะตำรวจปฏิบัติต่อแกนนำผู้ก่อการร้ายเยี่ยง VIP เช่น เปิดโอกาสให้นายณัฐวุฒิใช้ไมค์ตำรวจสั่งเสียคนเสื้อแดงก็ดี หรือให้นายวีระแถลงความในใจต่อคนเสื้อแดงทั้งประเทศในวันที่เข้ามอบตัวก็ดี
     รวมทั้งการใช้บ้านรับรองนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในค่าย ตชด.ริมหาดชายทะเลชะอำ เป็นที่พักผ่อนและกักกันตัว แทนที่จะฝากขังไว้ในเรือนจำดังเช่นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ตามที่ได้เคยปฏิบัติกันมา ตลอดจนภาพที่กลุ่มนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่วางปืนให้นายอริสมันต์ยึดไป แล้วให้พรรคพวกจับตัว กดหัวตำรวจคนหนึ่งในกลุ่มนั้น ขึ้นรถไปเป็นตัวประกัน
     การปฏิบัติของตำรวจต่อผู้ต้องหาก่อการร้ายดังกล่าว ส่อให้เห็นความเป็นเพื่อนที่ดีของตำรวจกับฝ่ายผู้ก่อการร้าย ดังที่นายณัฐวุฒิได้กล่าวไว้ในวันที่เข้ามอบตัวว่า "พี่น้องไม่ต้องห่วงผมเพราะตลอดเวลาที่พวกเราชุมนุมมา ตำรวจเป็นเพื่อนที่ดีของพวกเรา"
     พฤติกรรมของตำรวจเหล่านี้ทำให้ประชาชนผู้เสียภาษีเป็นเงินเดือนให้แก่ตำรวจทั้งหลาย รู้สึกสิ้นศรัทธาในตำรวจไทย ยิ่งเห็นนายตำรวจใหญ่ โฆษก สตช.อย่างพงศพัศ พงษ์เจริญ ยืนยิ้มแก้มปริอยู่หน้าวัดปทุมวนารามฯ รับไหว้ผู้ชุมนุมที่ทางการกำลังดำเนินการจัดส่งตัวกลับบ้าน ในเช้าวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 ผมแทบอ้วกแตก (ขอโทษ) เพราะเลี่ยนกับผักชีโรยหน้า สตช.เต็มทน
     ระหว่าง Intermission เพื่อรอดูการปราบปรามพวกก่อการร้ายภาคสอง ผมหลับผล็อย
ไปและฝันว่าเจ้ามูลแม้วร่วมกับชนชั้นอำมาตย์ของมัน กำลังยืนเรียงแถวรอเข้าเฝ้าพญายมเพื่อสารภาพบาป และรับบัตรผ่านเข้าสู่ขุมนรกขุมต่างๆ ตามโทษานุโทษของแต่ละคน รัฐปราบปรามแกนนำรวมทั้งผู้ก่อการร้ายทั้งหลายได้สำเร็จเด็ดขาด
     สตช.เต็มไปด้วยตำรวจที่เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นที่พึ่งที่ศรัทธาของประชาชน หาผักชีสักต้นก็ไม่มี ทหารเป็นรั้วเป็นเสาหลักที่เข้มแข็งเพื่อป้องกัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จากอริราชศัตรูอย่างแท้จริง ไม่มีทหารมาเฟียหรือทหารธุรกิจแม้แต่คนเดียว ประชาชน ชาวไร่ ชาวนา มีความสุขบนพื้นฐานของความพอเพียง นักการเมืองและข้าราชการทุกภาคส่วน ยึดมั่นและสำนึกในหน้าที่ของตน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
     กำลังฝันอย่างมีความสุขต้องตกใจตื่นเพราะฉี่ราดครับ ดีใจที่ต่อมลูกหมากกลับสู่ภาวะปกติเพราะฝันดี
                                             นายเสาชิงช้า หน้าโบสถ์พราหมณ์   
ตอบ คุณเสาชิงช้าฯ
     คุณมองการปราบกบฏเสื้อแดงว่าเหมือนรัฐบาลเล่นลิเก เพราะทุกบททุกฉากเหมือนมีคนเขียนบทรอไว้แล้ว แต่คุณยังมีอารมณ์ขันที่จะขอหลับและฝันเป็นตุเป็นตะ ว่าบ้านเมืองของเราต่อจากนี้ไปจะไม่มีทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ นักการเมืองที่ทำตัวทุเรศๆ แต่สุดท้ายฝันของคุณก็เปียกจนได้เพราะฉี่ราด
                                                        สามวา สองศอก       

http://www.thaipost.net/news/240510/22441
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2199 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 10:46:13 »

 
อ้างถึง   

"ฟื้นฟูประเทศ" วาระคนไทยทั้งชาติ
บทบรรณาธิการ 24 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     

http://www.thaipost.net/news/240510/22446


ยังมีประเทศไทย ^__^  

http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O9283971/O9283971.html

(หน้าศาลากลาง จ.อุบลฯ)



      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 86 87 [88] 89 90 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><