คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน
ลีลา"เอาม็อบลง"ของคณะ ๓ เกลอเปลว สีเงิน 11 พฤษภาคม 2553 - 00:00 ไม่ทราบว่าเย็นวาน (๑๐ พ.ค.๕๓) ท่านได้ดู-ได้ฟังการประกาศ "เรดแม็พ" ของคณะแกนนำกบฏ "ตอบรับ" โรดแม็พของรัฐบาลหรือเปล่า ผมไม่ได้ดู แต่ได้ฟังเสียงจากเวทีราชประสงค์ สรุปในหลักการว่า "โอเค ยุติการชุมนุม" แต่ด้วยภาวะคนกรุง "ประสาทหลอน" มาร่วม ๒ เดือน ถึงจะจูบปากกันแล้วก็เถอะ แต่ตราบใดที่ตูดผู้ชุมนุมยังไม่ขยับพ้นไปจากราชประสงค์...ใครก็ยากจะปักใจเชื่อ! แต่ก็มีส่วนเป็นอย่างนั้นอยู่นะ เพราะที่ว่าบรรดาแกนนำกบฏมีมติเป็นเอกฉันท์ ยอมรับเลือกตั้งใหม่ที่ ๑๔ พ.ย.๕๓ จะยุบสภาระหว่างวันที่ ๑๕-๓๐ ก.ย.เข้าสู่กระบวนการปรองดองกับรัฐบาลก็จริง แต่ "ลูกผู้ชายย่อมไม่ไร้พิษ" เรื่องจะตกลงกันง่ายๆ เห็นจะยาก
คือ ถึงจะยอมรับเงื่อนไข แต่ก็ "ยักศอก" เป็นเงื่อนไขกลับไปให้รัฐบาลทำเป็นการบ้านเหมือนกัน แต่ก่อนจะคุยในรายละเอียด ผมว่า เรามาอ่านถ้อยแถลงที่นายณัฐวุมิ ใสยเกื้อ เป็นผู้อ่านก่อนดีกว่า เพราะมี "เงื่อนไขกลับ" อยู่ในนั้นด้วย ดังนี้
๑.นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ขอประกาศตอบรับการกำหนดวันเลือกตั้ง ๑๔ พ.ย. ๒๕๕๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และเมื่อประกาศตอบรับการเลือกตั้ง เราตั้งคำถามวันกำหนดวันยุบสภา แทนที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง ปรากฏว่าเห็นตรงกันว่าวันยุบสภา ๑๕-๓๐ ก.ย. เมื่อมีคำตอบเช่นนี้ เรายินดีตอบรับวันยุบสภาโดยไม่มีเงื่อนไข นี่คือแสดงความจริงใจของนปช.แดงทั้งแผ่นดิน โดยไม่ต้องมีผู้บาดเจ็บหรือล้มตาย
๒.เราต่อสู้เพื่อความยุติธรรมสองมาตรฐาน เราไม่อาจรับการกระทำจากรัฐที่เป็นสองมาตรฐานทุกกรณี นั่นหมายความว่าการดำเนินคดีต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้น เรายืนยันไม่ประสงค์นิรโทษกรรม เรายินดีเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมในมาตรฐานเดียวกัน ก็คือ ที่มาของข้อกล่าวหาก่อการร้าย นปช.แดงทั้งแผ่นดิน คืนวันที่ ๑๐ เม.ย. ทหารใช้กำลังสลายการชุมนุม
ภายหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พวกเราถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายและอนุมัติหมายจับจากดีเอสไอ ขณะที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังไม่ปรากฏมีความคืบหน้าดำเนินคดีแต่อย่างใด ทั้งที่เราได้ไปแจ้งข้อหาไว้แล้ว ข้อเรียกร้องของเรา เมื่อตอบรับแล้ว นายกฯ และรองนายกฯ ก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน
๓.วันประกาศยุติการชุมนุม เพื่อเดินหน้าเข้าสู่วันปรองดอง จะเป็นวันเดียวกับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะกลับบ้าน ยุติการชุมนุมทันที แต่หากไม่ไปก็จะไม่ยอมยุติการชุมนุม
"นายสุเทพมอบตัววันไหน กลับบ้านวันนั้น นายสุเทพปฏิเสธวันไหน ก็ปฏิเสธวันนั้น"
๔.ให้รัฐบาลยุติปิดพีเพิลแชนแนล ซึ่งหากมีคณะกรรมการขึ้นมาดูแล ก็ยินดีเข้าสู่คณะกรรมการ พร้อมกับสถานีเอเอสทีวี หากมีมติเช่นไร เรายินดีปฏิบัติเช่นเดียวกับเอเอสทีวี
๕.เมื่อคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม รัฐบาลต้องรับผิดชอบหากยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ หากรัฐบาลจะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ก็ขอให้เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบซึ่งประชาชนจะกดดันรัฐบาลมากขึ้น
สุดท้าย กราบเรียนว่า นปช.แดงทั้งแผ่นดินมีความตั้งใจจริง ออกจากกับดักความขัดแย้งโดยสันติวิธี เราจะเข้าไปร่วมกับคณะกรรมการต่างๆ และคณะกรรมการตรวจสอบต้องยอมรับได้
ทั้งหมดนี้ผมลอก "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" เงื่อนไขกลับของแกนนำกบฏก็คือ พวกเขายอมเข้าสู่กระบวนกายุติธรรม นายกฯ อภิสิทธิ์ และรองฯ สุเทพ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามข้อหา "สั่งฆ่าประชาชน" ที่เขาไปแจ้งความด้วย
เขายกเว้นให้นายกฯ ในฐานะเป็น ส.ส. ยังไม่ต้องไปมอบตัว แต่นายสุเทพลาออกจาก ส.ส.มาเป็นรองนายกฯ แล้ว ต้องไปมอบตัวกับตำรวจ และนายณัฐวุฒิก็ประกาศว่า
"นายสุเทพมอบตัววันไหน พวกเราก็จะยุติการชุมนุมกลับบ้านวันนั้นทันที แต่ถ้านายสุเทพปฏิเสธ ก็เท่ากับ "ยกเลิก" ข้อตกลง และจะชุมนุมต่อไปทันที!"
ก็ขอแทรกเพื่อความต่อเนื่องไว้ตรงนี้เลย เมื่อแกนนำประกาศเงื่อนไขอย่างนี้ นายสุเทพก็บอกกับนักข่าวทันทีเหมือนกันว่า "วันนี้ (๑๑ พ.ค.) หลังประชุม ครม.ที่ทำเนียบฯ เสร็จจะไปมอบตัวที่ DSI เลย"
นักข่าวก็ไปบอกนายณัฐวุฒิ ฝ่ายนายณัฐวุฒิก็เกี่ยงว่า "ต้องไปมอบตัวกับตำรวจที่เป็นกลาง ไม่ไว้ใจ DSI อาจเป็นพวกเดียวกันกับนายสุเทพ"
แล้วไงต่อก็ไม่ทราบนะครับ แต่ผมคาดว่า "โน พร็อมเบลม" จะให้ขึ้นสวรรค์-ลงนรก คุณสุเทพก็ไป ท่านอาจสงสัย เอ๊ะ..ทำไมเชื่องจริง กบฏแดงสั่งให้ทำอะไรก็ทำหมด?
ก็ค่อยๆ ไล่เลียงกันไปตามลำดับแล้วกัน ประเด็นหลักที่คิดว่าทุกท่านอยากรู้-อยากเห็นเร็วๆ ก็คือ ถ้าเที่ยงนี้-บ่ายนี้ รองฯ สุเทพไปพบเจ้าพนักงานรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว กบฏแดงจะสลายการชุมนุม "หายวับไปกับตา" จากท้องถนนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะที่ราชประสงค์หรือไม่?
ตรงนี้แหละ..ประเด็นของเรื่อง!!
ถ้าจะให้ผมตอบ บอกได้เลยว่า สังเกตจาก กทม.ระดมเจ้าหน้าที่วักน้ำสาดถนน สังเกตจากร้านค้าเตรียมอ้าประตูเปิดห้าง กระทั่ง ททท.เตรียมโปรแกรม "รับขวัญราชประสงค์" พลิกฟื้นคืนชีวิตการท่องเที่ยว
แสดงว่า รัฐบาลและแกนนำ นปช.บรรลุข้อตกลงร่วมกันล้วตั้งแต่วันอาทิตย์ ประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่เงื่อนไขการมอบตัว และการจะให้-ไม่ให้การประกันตัว เมื่อตกลงกันแล้ว การอ่าน "สัญญาสงบศึก" จึงมีขึ้นเมื่อเย็นวาน
แล้วทำไมมีเงื่อนไข นายกฯ อภิสิทธิ์-รองนายกฯ สุเทพ ต้องตกเป็นผู้ต้องหา และทำไมรัฐบาลจึงยอม?
ใครที่ฟังเสียง ดูลีลาอ่านแถลงการณ์ของนายณัฐวุฒิคงใจเต้นแต๊ว..แต๊ว..แล้วร้องว่า...ตายละ แบบนี้มันตีรวน-ตั้งแง่เบี้ยวกันชัดๆ เพราะมีที่ไหน จะดึงให้นายกฯ-รองนายกฯ กลายเป็นผู้ต้องหา บ้าน่ะซี!?
แต่...ไม่บ้าหรอกครับ จะแจ้งความ-ไม่แจ้งความ ตามระเบียบกฎหมายมีให้ปฏิบัติอยู่แล้ว ผมเป็นนักข่าวอาชญากรรมเก่า เห็นตำรวจยิงคนร้ายที่ต่อสู้ขัดขืนตายมาหลายราย เขาเรียกคดีแบบนี้ว่า "วิสามัญฆาตกรรม" แต่นั่นก็เถอะ ตำรวจที่ฆ่าผู้ร้ายในหน้าที่ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการกฎหมายตามระเบียบเหมือนกัน
เพียงแต่เขาจะ "สั่งไม่ฟ้อง" เท่านั้น!
หรือแม้แต่เราจอดรถอยู่เฉยๆ มีคนวิ่งมาชนรถเราล้มหัวฟาดถนนตาย เรา-คนขับก็ต้องเจอข้อหา "ขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" เป็นเบื้องต้นอยู่ดี ก่อนจะไปจบสำนวนอยู่ที่ "สั่งไม่ฟ้อง" นั่นเหมือนกัน
อย่างนายกฯ อภิสิทธิ์ และรองฯ สุเทพ ฝ่าย นปช.เขาไปแจ้งความ (แก้เกี้ยว) ว่าเป็นผู้สั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ ๑๐ เม.ย. ความจริงไม่ต้องแจ้ง ในหลักการทำสำนวนคดี ตำรวจเขาก็ต้องทำสำนวนอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่มีปัญหาอะไร
อย่างเหตุการณ์คืน ๑๐ เม.ย. การสลายชุมนุมนั่นเป็นการสั่งตามหน้าที่ในฐานะ "เจ้าพนักงาน" ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ด้วยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่างกันกับเหตุการณ์ ๗ ตุลา ๕๒ ที่หน้ารัฐสภา นั่นเจ้าพนักงานใส่ผู้ชุมนุมกันเห็นจะจะ และทั้งอยู่ในภาวะปกติ
แต่ในข้อเท็จจริงอันมีหลักฐานปรากฏชัด เมื่อคืนที่ ๑๐ เม.ย.ตำรวจ-ทหาร ซึ่งมีแต่กระบองไปสลายการชุมนุม ถูก "กลุ่มผู้ก่อการร้าย" ที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มเสื้อแดงใช้อาวุธสงครามฆ่าเจ้าพนักงาน และมีฝูงชนใช้อาวุธนานาชนิดรุมซ้ำ เจ้าหน้าที่ซึ่ง "ถูกกระทำ" จึงตอบโต้เป็นการป้องกันตัว เป็นที่รู้-ที่เห็นกันทั่ว
และก็ยากที่กลุ่มกบฏแดงจะปฏิเสธไม่รู้เห็นกับผู้ก่อการร้าย เพราะก่อนหน้านี้แกนนำคนหนึ่ง จะเป็นนายสุภรณ์หรือนายอริสมันต์ผมจำไม่ถนัด ประกาศบนเวทีทำนองว่า "ไม่ต้องกลัว พวกเรามีกองกำลังติดอาวุธมาช่วยแล้ว"!
ทุกคนฝ่ายแกนนำกบฏรู้ข้อกฎหมาย และความแตกต่างของเหตุการณ์เมื่อ ๗ ตุลา กับ ๑๐ เมษา ดี แต่อย่างว่า การจุดม็อบให้ติดนั้น "ไม่ยาก" เท่ากับเอาม็อบที่ติดแล้ว "ให้ลง" ตรงนี้แหละ ใครที่เคยเป็นหัวขบวนม็อบจะรู้ดีที่สุด
นี่ก็เหมือนกัน เอาชาวบ้านมาเป็นหางเครื่องจน "เครื่องติด" ยิ่งติดต่อเนื่องเป็นเดือนมันก็พัฒนาเป็น "เสพติด" ทีนี้...จะเอาม็อบลง บอกให้กลับบ้าน ถ้าไม่มีเหตุผลให้เห็นว่าชนะ...ได้ตามที่เรียกร้อง จู่ๆ ไปบอกเลิกชุมนุม
เผลอๆ กระแสตีกลับ จากที่จะกระทืบรัฐบาล หันไปรุมกระทืบบรรดาแกนนำม็อบเซ่นส้นไปเลย โทษฐาน "หลอกกูมา แล้วพวกมึงไปซูเอี๋ยกันเฉยเลย"!?
ฉะนั้น จะลงทั้งที มันก็ต้องร่วมกันแสดงให้สมบทบาทหน่อย ผมจึงถามท่านแต่ต้นว่า "ได้ดู-ได้ฟัง" ลีลาการเอาม็อบลงของนายณัฐวุฒิผ่านการอ่าน "สัญญาสงบศึก" เขาหรือเปล่า?
เงื่อนไขให้นายกฯ-รองนายกฯ ต้องไปมอบตัวด้วย "นายสุเทพมอบตัววันไหน ยุติการชุมนุม กลับบ้านทันทีวันนั้น" พอนายณัฐวุฒิย้ำเสียงกร้าว ถลึงตาเป็นลูกกอล์ฟเท่านั้นแหละ แฟนๆ หน้าเวทีเขย่าตีน เป่าปาก เป็นที่ถูกอก-ถูกใจ ถ้าผมอยู่บนเวทีด้วย คงต้องแอบแขม่วท้อง ถอนหายใจโล่งอก
เฮ้อ...รอดตาย-รอดตีน (พวกกันเอง) ไปได้หวุดหวิด!
สรุปก็คือ "แฮปปี้ เอนดิ้ง" นายสุเทพไปมอบตัว แกนนำที่ถูกหมายจับไปมอบตัว ได้ประกันตัวไป เพราะไม่มีเจตนาหลบหนี เนื่องจากไปมอบตัวเอง ตามบทแสดงเหล่านี้ก็หมายความว่า วันนี้-พรุ่งนี้...จบ (ชั่วคราว) กันทีกับ "นรกกลางกรุง" ๒ เดือนเต็ม!
แต่...จบแค่ภาค ๑ "ภาคสันติ-อหิงสา" เท่านั้น ภาค ๒ อันเป็นภาคบู๊ล้างผลาญ "ภาคแดงโม่งดำ" คงจะรับไม้ต่อ สัญญาสงบศึกจะถูกฉีกด้วย "เหตุการณ์แปรผัน" จากไอ้โม่งแดง-โม่งดำหรือไม่ ต้องคอยฟังสัญญาณเสียงวี้ดดดบึ้มมมในแต่ละคืน แต่ถ้าสามารถ "แยกโจร-แยกชาวบ้าน" ออกจากกันได้อย่างนี้
เผลอๆ มีรายการ "เด็ดหัว" !?.http://www.thaipost.net/news/110510/22042