คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน
บทสอบใจ"ช้าเป็นการ-นานเสียเมือง"เปลว สีเงิน 26 เมษายน 2553 - 00:00 ได้ดู "คู่รัก ๒ โลก" นายกฯ อภิสิทธิ์กะพลเอกอนุพงษ์ออกโทรทัศน์คู่กันในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยฯ" เช้าวานนี้ (๒๕ เม.ย.๕๓) ก็เห็นกระจุ๋งกระจิ๋งกันดีนี่ครับ พูดจาประสาการเมืองผสมการทหารเข้ากันเป็นปี่-เป็นขลุ่ย นายกฯ น่ะ เดี๋ยวนี้ลีลาเทียบชั้น "ควง อภัยวงศ์" เข้าไปทุกที ขาดอยู่แต่อารมณ์ขันเท่านั้น ตอนหนึ่งนายกฯ ท่านบอกว่า
"การเมืองเป็นเรื่องที่ผมรับผิดชอบเอง"!
แหม..นี่ถ้าผมเป็นพลเอกอนุพงษ์คงสะดุ้งแทบตกเตียง การพูดแบบนี้ เหมือนโยนทั้งปี่-ทั้งกลองมาให้แบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าพูดกันตามวงนักเลงเขาก็ว่านี่มันเหมือน "ค้ำคอต่อย" เพราะฟังแล้วจะตีความเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากยันมาซึ่งๆ หน้าว่า
"การปราบกบฏเป็นหน้าที่ของทหารใช่มั้ย.....
แล้วเมื่อไหร่จะรับผิดชอบซะที?"
พลเอกอนุพงษ์ท่านไม่มีบทให้ต้องแช่หน้ากลางจอโทรทัศน์มานานแล้ว เมื่อวาน สถานการณ์และเสียงสงสัยในบทบาทจากชาวบ้านคงบีบให้ท่านหนีไม่ออก ทั้งนายกฯ และทั้ง ผบ.ทบ.เลยต้องหนีบมาออกจอด้วยกัน ผมเห็นหน้าท่านแล้วก็สงสาร
ช่วงนี้ ดูท่าน "แก่เกินวัยเกษียณ" อดหลับ-อดนอน พอทนไหว แต่โรคเครียดทับหัวใจนี่ซี เป็นใครก็ต้องโทรมศรี นี่...พอดี "พี่สาว" ที่นับถือกันจากดวงใจสมุทร ที่แม่กลอง ต้มรังนกกับโสมมาให้ตั้ง ๒ กระป๋องใหญ่ อยู่ใกล้ๆ ก็จะแบ่งให้ซักกระป๋อง จะได้ซดคลายเครียด
ทหารสู้..สู้!
นี่ก็เป็น "ความรู้ใหม่" ที่ต้องขอแทรกไว้ตรงนี้ รังนกนางแอ่นน่ะ ไม่ต้องไปหากินตามถ้ำ-ตามเกาะแก่งทางภาคใต้แล้ว นอกจากที่ "วัดช่องลม" มหาชัย ตอนนี้ ที่ปากอ่าวแม่กลอง สมุทรสงคราม นกนางแอ่นไม่รู้ย้ายนิวาสสถานมาจากไหน มาทำรังเต็มไปหมด ในกรุงเทพฯ ปลูกคอนโดฯ ขายคน แต่ที่แม่กลองเขาแย่งกันปลูกคอนโดฯ ให้นกนางแอ่น "กินฟรี-อยู่ฟรี" มีดนตรีกล่อมอีกตะหาก
ขนาดให้อยู่ฟรีก็ใช่ว่าคุณเธอจะใจอ่อนเข้านอนทำรังกันง่ายๆ นะ มันขึ้นอยู่กับบุญใคร-วาสนาใครเหมือนกัน พี่สาวจากดวงใจสมุทรท่าจะมีบุญหนา-วาสนาส่ง เรียกว่ากี่หลัง-ต่อกี่หลัง ปลูกไม่ทันให้พวกคุณเธอได้บินเข้ามาจับจองทำรังกันขนาดนั้นเชียว
ผมก็เลยได้รับประทานรังนกแท้ๆ แทนยางไม้ อิ่มไป รับประทานไป ก็เกรงใจเขาไป เพราะราคามันหลาย (แสน) อยู่!
แล้วเมื่อวาน ได้ตื่นทันไปร่วมสวดมนต์ที่วัดพระแก้วกันหรือเปล่าล่ะ ผมน่ะทัน คือทัน "หน้าจอโทรทัศน์" เห็นคนที่ไปเล่าให้ฟังว่า โอ้โฮ...อร่ามเรือง และน่ารักกันทุกคน ในพระอุโบสถไม่ต้องถามว่าใครได้เข้าไปถึงไหม เอาแต่ว่ามีโอกาสได้นั่งเรียงระเบียงรายรอบพระอุโบสถชั้นนอก นั่นก็บุญแล้ว
ไปกันมากมายด้วยใจมั่นจริงๆ "ท่านอริยวังโส" นำสวดพาหุง-มหากา ด้วยสำเนียงที่
ทำให้สมาธิรวมตัวเป็นพลังได้อย่างประหลาด คนที่ไปเขาเล่าว่าอย่างนั้นนะครับ ก่อนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะดับขันธปรินิพพาน พระองค์ตรัสไว้เป็นปัจฉิมโอวาท คือคำสอนสุดท้าย มีตอนหนึ่งว่า
จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคคะติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันพึงหวัง
จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคะติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตไม่เศร้ามอง คือจิตผ่องใส สุคติเป็นอันพึงหวัง
ฉะนั้น ทุกท่าน ทั้งที่ไป และไม่ได้ไป แต่ตั้งจิตดีอยู่ที่บ้าน ล้วนอยู่ในประเภท "จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา" ด้วยกันทุกคน คือที่ไปสวดมนต์กัน และเปล่งเสียงถวายพระพรชัยแด่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" และ "สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ" เมื่อวานนั้น ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม อยู่ในประเภท จิตที่ปลดเปลื้องแล้วจากมลทินเศร้าหมองอันเป็นเครื่องร้อยรัด เป็นจิตบริสุทธิ์ผ่องใส เป็นจิตเปี่ยมด้วยพลังบริสุทธิ์-สะอาด
สุคติ คือปลายทางที่ทุกคนปรารถนา ด้วยจิตดีนี้ ปรารถนานั้น "สวรรค์มรรคา" พลันสำเร็จ "ดังประสงค์" แน่นอน!
ประเทศชาติก็จะพลิกฟื้นคืนดี พี่น้องประชาชนร่วมชาติ ที่ทุกข์จะหายทุกข์ ที่สุขก็จะสุขยิ่งขึ้น ที่งมอบาย-ใจขึ้งโกรธต่อกัน ก็จะพลันเกิดสัมมาสติ รู้ผิด-รู้ถูก กลับมาผูกพันรักใคร่เป็น "ผองไทยล้วนพี่น้องกัน" ดังเดิม
ถ้าตั้งใจดีแล้ว บริสุทธิ์แล้ว แน่วแน่แล้ว ไม่ต้องห่วง กรรมดีที่ร่วมกันทำวานนี้ และวันต่อๆ ไป จะเป็นดังที่พระพุทธองค์ตรัสบอกไว้ "มะโน ปุพพังคะมา ธัมมา มะโนเสฏฐา มะโนมะยา" ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ มีใจประเสริฐ และ...สำเร็จได้ที่ใจ!
วันนี้ (๒๖ เม.ย.๕๓) ดาวประธานแห่งคุณธรรมค้ำจุนประเทศไทย คือดาวพฤหัสบดียกเข้าราศีมีนอันเป็น "บ้านตัวเอง" เรียกว่าเป็นราศีเกษตร มีคุณ (ด้านดี) มาก มีฤทธิ์ (ด้านดี) มาก แต่ตามปฏิทินของท่านอาจารย์เทพ สาริกบุตร บอกว่าพฤหัสบดีจะยกเข้าราศีมีนวันอาทิตย์ที่ ๒ พ.ค. แต่เอาละ...สรุปว่า "ดาวประธานคุณธรรม" เข้ามาค้ำจุนประเทศไทย และคนไทยทุกคนก็แล้วกัน
ใครที่รู้ว่า "ผิดไปแล้ว" กลับตัว-กลับใจ ดาวคุณธรรมยังคุ้มครอง.....
แต่ถ้าผิดแล้วก็ไม่รู้ถูก และที่รู้ผิด-รู้ถูก แต่จงใจจะทำผิดต่อบ้าน-ต่อเมืองอยู่ร่ำไป นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะชีวิตต่อจากนี้จะเข้าสู่คำว่า "จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิ
กังขา" จิตเศร้าหมอง โลภ-โกรธ-หลง ทำลายชาติ ทุคติ คือ "นรกมรรคา" เป็นอนาคตที่ต้องไปแน่นอน!
ผมก็ไม่สามารถแส่รู้-แส่ทำได้มากกว่านี้แล้วครับ ในเมื่อทั้งนายกฯ และท่าน ผบ.ทบ.
ประสานเสียงว่าจาก "ข้อมูลภายใน" เต็มหน้าตักของท่าน ท่านรู้ดีทุกอย่าง และท่านก็ทำหน้าที่รัฐบาล หน้าที่ทหารของท่านชนิด "นั่งหัวชนกัน" แทบไม่มีใครได้หลับ-ได้นอนตลอด ๒๔ ชั่วโมง ท่านรู้กระทั่งว่าที่บึ้ม..บึ้ม..ตายไป ๒ รอบแล้วนั้น
ทหารในราชการ-นอกราชการ "หัวดำ-หัวแดง-หัวหงอก" คนไหน ใครบ้างร่วมแผน
"แยกกันเดิน-ร่วมกันตี"!? รู้แล้วก็ทำตามที่รู้กันบ้างนะ รู้แล้วเอาแต่นั่งอมภูมิ ตูม..ตูม..ทีไร นายกฯ ไม่ตาย ผบ.ทบ.ไม่ตาย ผบ.ทร.ไม่ตาย ผบ.สส.ไม่ตาย ผบ.ตร.ไม่ตาย แต่ชาวบ้านอย่างพวกผม "ตายแหงแก๋" กันทุกที
พฤหัสฯ เข้า พระเสาร์เล็ง เขาว่าเหมือนเพิ่มฤทธิ์ให้โจร "มารจะชนะเทพ" แต่ผมว่า "เทพจะเหยียบยอดอกมาร" ซะละมากกว่า และจะเป็นอกจำพวก "พญามาร" โดยเฉพาะ ชาวบ้านไม่เกี่ยว
เท่าที่ผมฟังนายกฯ กะ ผบ.ทบ.เขาคุยทางโทรทัศน์ พอจับหางเสียงได้ว่า เหมือนเขาจะมี "แผนสำเร็จ" อะไรซักอย่างอยู่มือ เพียงแต่รอจิ๊กซอว์บางตัวมาเข้าแผนอุดรูรั่ว-รูโหว่ให้สมบูรณ์เท่านั้น!?
อย่าแค่เอาโวหารบริหารประเทศรายวันนะ...ท่านนายกฯ ชาวบ้านอดทนกะท่านมาร่วม ๒ เดือนแล้ว ขณะนี้กบฏทักษิณเขาสถาปนา "อำนาจรัฐซ้อนรัฐ" ขึ้นมาใช้กันเองเกือบทั่วประเทศแล้ว โดยมีตำรวจ-ทหาร-ข้าราชการ "บางส่วน" เป็นไส้ศึก ไม่ต้องดูอะไรมาก เขาสามารถตั้งด่าน "ตรวจค้น" รถราตามท้องถนนได้ตามใจชอบ
ไม่ใช่ค้นแค่รถชาวบ้านนะ ตำรวจ-ทหารยังถูกค้นจนถึงกางเกงใน คือตอนนี้ อยู่ที่อำนาจฝ่ายกบฏทักษิณเขาจะพอใจให้ใครเคลื่อนย้าย หรือไม่ให้เคลื่อนย้ายไปทางไหน!
ขืนปล่อยไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นตัวอย่างให้ "เหิมเกริม" ไปทุกพื้นที่ ในทุกจังหวัด เพราะที่เรียกกันว่า "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" นั่นน่ะ ซุกหัวในกะลาเรียกไปงั้นแหละ มีแต่ควายเท่านั้นที่ไม่ทราบฝ่าย เพราะมนุษย์ที่ไม่ถูกใช้ไถนาต่างรู้กันหมดว่า "ไม่ตำรวจก็ทหาร-ไม่ทหารก็ตำรวจ"
หรือ "ทั้งตำรวจและทหาร" กลุ่มหนึ่ง เป็นหน่วยปฏิบัติการสนับสนุนกบฏทักษิณ "โค่นชาติ"!
ก็จะรอดู "ทีเด็ด" ของอภิสิทธิ์-อนุพงษ์ "๒ จอมหลักการ" ว่าจะมีอะไรเป็นปาฏิหาริย์ให้ชาวประชาได้ซู้ดปากฮือฮาว่า "มาเหนือเมฆ" ผมกลัวแต่ว่าจะต้องแบ่งประเทศเป็น ไทยเหนือ-ไทยใต้-ไทยอีสาน และไทยบูรพา เท่านั้น ก็ขนาด ๒ บิ๊กจาก ๒ ขั้วอำนาจออกโทรทัศน์คู่กันทั้งที ขอโทษ...ฝ่ายกบฏมันยังสามารถทำเหมือนเอาเท้าขยี้หน้าด้วยการ
ส่งคลื่น "ตัดคลื่น" กลืน ๒ บิ๊กหายไปจากจอเฉยเลย!?
แล้วทีไอ้บรรดาหัวโจก มันแก้ผ้านอนรอให้กองทัพส่ง "ตำรวจ-ทหาร" เข้าไปจับอยู่ทุกวัน ก็ไม่เห็นมีน้ำยา จะรอจนกว่าบรรดาสาวกแดงกลับไปจนหมดเสียก่อนแล้วค่อยย่องตอดเข้าไป แบบนั้นละก็ ชาติหน้าบ่ายโมงค่อยมาเจอกัน รับไม้กวาดไปคนละอัน ไปล้างส้วมที่พวกวีระ-ณัฐวุฒิ-จตุพร-เหวง และใครต่อใครมันถ่ายทิ้งไว้
จะได้เอาไม้กวาดมาชูประกาศชัยชนะกะเขามั่งไงล่ะ!
ไม่มีใครต้องการให้ตำรวจ-ทหารไปฆ่าใคร เหมือนกับที่ ไม่มีใครต้องการให้ตำรวจ-ทหาร "ไม่ฆ่าใคร" ที่มันทำลายชาติ สังคมไทย เป็นสังคมที่สอนให้ "คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม" การนอนกอดหลักการของอภิสิทธิ์-อนุพงษ์ ขณะนี้ทำให้สังคมชนบท-หัวเมือง คิดตามกบฏ-พูดตามกบฏ และทำตามกบฏ ใกล้จะเป็น "สังคมคด" ตามกันไปทั้งประเทศอยู่รอมมะร่อ นี่ผมก็รออยู่ว่า ระหว่าง "เจ๋ง ดอกจิก" กับ "จิ๋ว ห่าจิก"
ว่า "จิกไหน" คือตัวการใหญ่ "ฝ่ายกบฏ?".
http://www.thaipost.net/news/260410/21300