คอลัมม์ ถูกทุกข้อ ของ คุณสามวา สองศอก
ถูกทุกสี-ถูกทุกคนถูกทุกข้อ 21 เมษายน 2553 - 00:00 เรียน คุณสามวา สองศอก และพี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
ขอแสดงความยินดีกับคุณสามวา สองศอก ด้วยใจจริง ที่ช่างมีวิสัยทัศน์มองการณ์ล่วงหน้าได้ไกลมาก คิดได้อย่างไรว่าประเทศไทยจะมีวันนี้ คือวันที่ไม่มีใครผิด ทำอะไรก็ไม่ผิด หรือจะตอบว่าอย่างไรมันก็ถูกไปหมดทุกข้อ ถูกไปหมดทุกคน
เข้าทางคอลัมน์ "ถูกทุกข้อ" ของคุณ สามวา สองศอก ไปหมดเลย
เพราะว่าไม่ว่าเสื้อแดงเขาอยากจะทำอะไรเขาก็ทำได้ อยากจะอยู่ราชดำเนินก็อยู่ได้
อยากจะบุกรัฐสภาเอารัฐธรรมนูญมาเผ่าเล่นเขาก็ทำได้ อยากไปอยู่ราชประสงค์ซึ่งเป็นย่านการค้าที่เจริญที่สุดเขาก็ไปอยู่ได้ อยากจะขู่เข็ญบังคับใครทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาก็ทำได้ พูดอะไรก็ถูกไปหมด พวกพี่น้องเสื้อแดงก็ยกตีนตบไชโยโห่ร้องกันไปชื่นชมกันไป
ครั้นพอฝ่ายเสื้อหลากสีออกมาพูดมาแสดงพลัง มันก็ดูเข้าท่า มันก็ถูกอีก เพราะว่ามันไม่ใช่ปัญหาของเสื้อสีใดสีหนึ่ง แต่มันเป็นปัญหาของเสื้อทุกสีและคนไทยทุกคน ส่วนพันธมิตรฯ เสื้อเหลืองก็บอกว่า ถ้ารัฐบาลทำให้สงบไม่ได้ ก็จะเคลื่อนกำลังออกมาภายในเมื่อนั้นเมื่อนี้ ซึ่งมันก็ถูกอีก เพราะไหนๆ มันก็ไม่สงบอยู่แล้ว ก็ให้มันวุ่นวายไปเลยจะได้รู้แล้วรู้รอดไป
และพอพันธมิตรฯ เคลื่อนกำลังออกมาอีก คราวนี้มันก็ทำให้ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ ตามมาด้วย ก็กลิ่นรัฐประหารนั่นไง แม้ใครจะบอกว่ามันหมดยุคไปแล้วก็ตาม แต่อย่าลืมนะว่าวันนี้ใครจะทำอะไรในประเทศนี้ มันก็ไม่มีอะไรผิดอีกแล้ว ใครอยากจะทำอะไร มันก็ถูกทุกคนถูกทุกข้อนั่นแหละ
ในที่สุดประเทศไทยก็กำลังก้าวมาถึงจุดสำคัญที่ไม่อาจคาดการณ์ได้อีกต่อไป และถ้าเลยจากจุดนี้ไปก็อาจจะมีแผ่นดินไหวหรือหิมะตกที่หน้าบ้านของเราบ้างก็ได้นะครับ แต่บางทีเราก็อาจจะได้ก้าวเลยจากจุดนั้นมาไกลมากแล้วก็ได้ โดยที่เราไม่รู้สึกกันเองต่างหาก
ผมหมายถึงจุดที่เราหวังว่าจะมีรัฐบาล หรือใครสักคนมาช่วยแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นบ้าง เพราะหากปล่อยให้เลยจากจุดนี้ไป ประเทศของเราก็น่าจะต้องตกอยู่ในสภาพไร้การควบคุมใดๆ อีกแล้ว
และที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผมเกรงว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของใครคนใดคนหนึ่งก็หามิได้ แต่มันอาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยการวางแผนของนักวางแผนมืออาชีพ ซึ่งมิใช่แค่ระดับชาติ แต่เป็นมือระดับโลกเลยทีเดียว
มันคือสภาวะสงคราม เพียงแต่มิใช่สงครามกลางเมืองในภาวะปกติ แต่เป็นสงครามในยุคข่าวสาร ซึ่งไม่มีทางที่จะมีรูปแบบเหมือนสงครามในอดีตอีกต่อไป เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับสงครามข่าวและสงครามก่อการร้าย
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก จากตะวันออกกลางแล้วก็แพร่ระบาดไปถึงสหรัฐอเมริกา มาจนถึงสามจังหวัดชายแดนของไทย แล้ววันนี้ก็มาถึงในใจกลางกรุงเทพมหานคร และกำลังลุกลามไปทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย การประเมินสถานการณ์ต่ำไป มีแต่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้เราไม่ปรารถนาที่จะให้เหตุการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้น แต่การพยายามมองในแง่ดี
คำพูดปลอบใจที่ต้องการให้เป็นกำลังใจ อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่น่าห่วงใยเช่นนี้ หรือแม้ว่าเราอยากจะย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น แต่เหตุการณ์ก็อาจได้ผ่านจุดนั้นมาไกลเกินไปแล้ว ซึ่งหมายถึง
"เกมที่เลิกไม่ได้...และลืมไม่ลง"
ขอร้องเถิดนะครับคุณสามวา สองศอก ในความห่วงใยนี้ขอผมผิดสักข้อเถิด ประเทศไทยของเราจะได้รอด
ลดความโกรธ เพิ่มความอดทน ไม่ประมาท เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ดูแลคนใกล้ชิดนะครับ
เล็ก เมืองเก่า
ตอบ คุณเล็ก
ผมคงไม่ต้องเปลี่ยนชื่อคอลัมน์เป็นผิดทุกข้อนะครับ
วันเผด็จศึก
เรียน คุณสามวา สองศอก
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2487 กองกำลังทหารสัมพันธมิตรได้บุกยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดี เพื่อปลดปล่อยประเทศฝรั่งเศสให้เป็นอิสระ พ้นจากการยึดครองของกองทัพเยอรมัน โดยใช้ประเทศฝรั่งเศสเป็นฐานปฏิบัติการรุกคืบหน้า เพื่อการปลดปล่อยประเทศต่างๆ ในยุโรป ที่ยังอยู่ในความยึดครองของกองทัพเยอรมันให้เป็นอิสระ
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์สงคราม ในเรื่อง "วันเผด็จศึก" หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า THE LONGEST DAY โดยเข้ามาฉายในเมืองไทยที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ครั้งแรกเมื่อประมาณปี 2509 นั่นก็คือเกือบ 45 ปีมาแล้ว โดย "วันเผด็จศึก" หมายถึงวันเวลารอคอยที่ยาวนานที่สุด ที่กำลังรบทั้งหมดที่รอคอยคำสั่ง การตัดสินใจสั่งการลงมือปฏิบัติการจากผู้นำกองทัพสัมพันธมิตรที่ชื่อนายพลคไวท์ ดี ไอน์เซ่นฮาวด์
ในสภาพอากาศที่เลวร้ายและแปรปรวน และทัศนวิสัยจำกัด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศอันเลวร้าย ทำให้นายพลไอน์เซ่นฮาวด์ต้องยกเลิกปฏิบัติการหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งในที่สุด
วันเวลาที่ทหารทุกคนเฝ้ารอคอยด้วยใจจดใจจ่อระทึกใจอย่างยาวนานก็มาถึง
เมื่อนายพลไอน์เซ่นฮาวด์ตัดสินใจสั่งลงมือปฏิบัติการในวันที่ 6 มิถุนายน 2487 ทั้งๆ ที่สภาพอากาศเลวร้าย ทัศนวิสัยจำกัดต่อการปฏิบัติการทางทหาร เพราะนายพลไอน์เซ่นฮาวด์เกรงว่ายิ่งเป็นวันเวลาที่ยาวนาน (THE LONGEST DAY) มากไปเท่าใด ความลับและแผนปฏิบัติการทั้งหลายย่อมล่วงรู้ไปถึงหูข้าศึก
ทหารสัมพันธมิตรนั้นแม้จะเป็นคนหลายชาติ แต่ก็ไม่ยักมี "ทหารแตงโม" เช่นเดียวกันกับทหารไทยขายชาติ ดังนั้นความคาดไม่ถึงของกองทัพเยอรมันในเรื่องตำบลยกพลขึ้นบก ตลอดจนความคาดไม่ถึงถึงปฏิบัติการในสภาวะอากาศอันเลวร้าย จึงทำให้การรุกรบบุกยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีของกองทัพสัมพันธมิตรประสบชัยชนะโดยไม่ยาก สามารถปลดแอกประเทศฝรั่งเศสจากการครอบครองของกองทัพเยอรมันได้ในที่สุด
เราลองหันมาดู THE LONGEST DAY หรือวันเผด็จศึกของรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ดูบ้าง รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ใช้ทั้งการทูต การเจรจาต่อรอง โดยการยอมลดตัวลงไปเจรจากับบรรดาโจรปล้นแผ่นดินในคราบการเรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่อำมาตย์ของคนเสื้อแดง ซึ่งนายกฯ มาร์คนั้นใช้เวลามากเกินไปและยาวนานเกินไป
ไม่ว่าจะในกระบวนการเจรจาต่อรองกับบรรดาเหวงๆ การบังคับใช้กฎหมายโดยกลไกของรัฐ ที่ใช้ไม่ได้ผลคนไม่กลัว ทั้งนายกฯ มาร์คก็ดี แม่ทัพป๊อก (เพลย์เซฟ) ก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องกระทำตัวให้ได้เยี่ยงนายพลไอน์เซ่นฮาวด์ เอาทหารตำรวจกลไกของรัฐบังคับใช้กฎหมายให้ได้จริง
อย่าให้กฎหมู่ของโจรปล้นแผ่นดินมาอยู่เหนือกฎหมายของแผ่นดินอย่างที่แล้วมา ปล่อยให้
อำนาจเถื่อนของคนเสื้อแดงข่มขู่รัฐบาลอยู่ตลอดเวลาได้ "อะไรจะเกิดมันต้องเกิด" แบบที่
โฆษก ศอฉ.ไก่อูแถลงไว้นั้นถูกต้องแล้วครับ
นี่มันแผ่นดินไทยของเรา บรรดาบริบทวัฒนธรรมทางการเมือง และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็ไม่เหมือนกันกับฝรั่งมังค่าบ้านเมืองอื่นๆ เขา ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นต้องฆ่าลูกคนที่ห้าทิ้งไป เพื่อให้สมกับความคิดของไข่มุกดำ วีระ มุสิกพงศ์ ที่กล่าวไว้ตอนเจรจากับนายฯ อภิสิทธิ์ ทำนองว่า "การทำอะไรกับลูกคนหนึ่ง ก็จะไม่กระทบกระเทือนกับลูกสี่คนที่เหลือ" ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องที่ว่า เราจะต้องยอมสูญเสียอวัยวะส่วนน้อย เพื่อรักษาอวัยวะส่วนใหญ่เอาไว้
และผมจะแถมท้าให้ด้วยว่า "สถานการณ์ย่อมสร้างวีรบุรุษ" ในฐานะนายทหารของชาติ
ไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ผมขอสดุดีการปฏิบัติงานก่อนวันเผด็จศึกของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และนายทหารทุกคนด้วยเพลงวันเผด็จศึก (THE LONGEST DAY)
เพื่อปลุกเร้าจิตใจของ "ทหารทุเรียน" ทุกคน ให้ลุกขึ้นมาใช้หนามทุเรียนตีทำลายทหารแตงโม และปราบอธรรมคืนสู่วันสันติสุขให้กับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด วันเวลาที่พวกเราคอยอย่างยาวนานมาถึงแล้วครับ
เพลงวันเผด็จศึก
ลูกผู้ชายสายเลือดมันแดงข้น
แต่ละคนหัวใจมันเข้ม
เมื่อเกิดมาเติมกล้าเอาไว้ให้เต็ม
เกลือมันเค็มต้องเค็มเหมือนมัน
เมื่อธงไทยพลิ้วไปใจเราเชื่อ
หลั่งเลือดเนื้อเพื่อเจิมธงนั้น
บุกเข้าไปตายเถิดตายพร้อมกัน
รอวันนั้นด้วยใจระทึก
ต่างรอวันนั้นวันเผด็จศึก
วันจารึกไม่นึกหวาดหวั่น
วันเดียวนั้นวันเผด็จศึก
วันจารึกอันแสนยาวนาน
ประตูชัยนั้นรอให้เราผ่าน
ชาติทหารพร้อมกันพร้อมกันวันบุก
ปราบอธรรมคืนสู่วันสันติสุข
เราทุกคนรบรุกบุกไปพร้อมกัน
"ความเป็นไทย มิใช่ความเป็นทาส คนไทยย่อมฆ่าคนไทยไม่ได้ นั่นก็คือความถูกต้อง ที่คนไทยย่อมฆ่าทาสไพร่ทิ้งไป เสียจากแผ่นดินไทยได้"
เสธ.เหลือง
ผู้ทรงคุณธรรมกองทัพบก
ตอบ เสธ.เหลือง
เพลงวันเผด็จศึกเวอร์ชั่นภาษาไทย ผู้เขียนคำร้องคือ ครูชาลี อินทรวิจิตร ศิลปินแห่งชาติวัย 87 ปี ถ้าครูชาลีมีเวลาช่วยเล่าเรื่องเพลงวันเผด็จศึกให้แฟนๆ ไทยโพสต์ได้ทราบก็จะเป็นพระคุณ
สามวา สองศอก
http://www.thaipost.net/news/210410/21082