25 พฤศจิกายน 2567, 17:41:20
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 66 67 [68] 69 70 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 798086 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #1675 เมื่อ: 20 เมษายน 2553, 18:38:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ yc เมื่อ 20 เมษายน 2553, 18:25:02
ในความเห็นผมเหลืองคงไม่น่าเกี่ยวข้อง

น่าจะเหลือ แดง ทหาร  รัฐ

แต่แดงทำแล้วลงชื่อ นปช. เช่นนี้ ผมว่าคนทำไม่ฉลาดเลยครับ

........................................

สวัสดีครับ อาจารย์พี่แจ่ม

ผมเพียงแต่ต้องการให้ผู้เสพข่าว ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้หวังร้ายต่อชาติบ้านเมืองน่ะครับ

........................................

กรณี 2 อดีตนายกข้างต้นที่พี่ป๋องยกมา ไม่รู้ท่านทั้งสองจริงใจเพียงใด  ดูแล้วแปลกๆไม่เหมือนผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเลยครับ




พี่ป๋องลืมเน้นไปครับยังชิน
ประเด็นที่จี๊ดคือ ความเห็นของอาจารย์จาก ม.พายัพ ถิ่นคุณทักษิณ
ที่ว่า "ให้รัฐบาลยอมอ่อนข้อให้เสื้อแดงก่อน" อะครับ...ขอโทษที่ทำให้หลงประเด็น
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
yc
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557

เว็บไซต์
« ตอบ #1676 เมื่อ: 20 เมษายน 2553, 19:08:00 »

ขอโทษพี่ป๋องด้วย ผมเข้าใจพี่ป๋องอย่างที่พี่ป๋องต้องการให้เข้าใจแต่แรกแล้ว

เพียงแต่ผมกำลังอยากวิจารณ์อดีตนายกทั้ง2ท่าน เลยสมอ้างจากบทความจากพี่ป๋องครับ

..................................

ขอบคุณพี่เหยง ที่ยกบทความ บูรพาพยัคฆ์กับวงศ์เทวัญ มาให้อ่าน

 แต่ใครจะชิงตำแหน่งชิงอำนาจกันยังไงก็อย่่าใช้ สถาบันกษัตริย์ และประชาชนเป็นเครื่องมือเลยครับ
เพราะ โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว  อย่าโยนภาระให้ชาติและคนไทยรุ่นต่อไปเลยครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1677 เมื่อ: 20 เมษายน 2553, 19:43:45 »

ขอคอมเมนต์สักคนครับ

                                   


อย่าคิดว่าเขาจะไม่ทำ

มีโอกาสเป็นไปได้ ตาม"ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด" ด้วยการแสดงออก แต่บอกว่าเปล่าทำ เพื่อเช็คกระแสและความรู้สึกของคนไทย

สังเกตุไหมว่า เรื่องป้ายของทักษิณนี้ผ่านมากว่า 12 ชั่วโมงแล้ว กลับไม่มีแรงตอบสนองจากสังคมออกมาเลย

ไม่ว่าในรูปแบบที่เห็นด้วย หรือโต้แย้ง อย่างชัดเจน

เขาบอกว่าเปล่าทำ? เท่านั้นเอง.แต่สิ่งนี้ได้ปรากฎสู่สาธารณะแล้วอย่างเป็นรูปธรรม จากอดีตที่มีเพียงแต่พูดๆ กันไปเท่านั้น

ครั้งนี้ ได้เห็นของจริง วัดและจับกระแส..ได้เลย!!
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1678 เมื่อ: 20 เมษายน 2553, 21:58:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 20 เมษายน 2553, 19:43:45


                                   


อย่าคิดว่าเขาจะไม่ทำ

มีโอกาสเป็นไปได้ ตาม"ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด" ด้วยการแสดงออก แต่บอกว่าเปล่าทำ เพื่อเช็คกระแสและความรู้สึกของคนไทย

สังเกตไหมว่า เรื่องป้ายของทักษิณนี้ผ่านมากว่า 12 ชั่วโมงแล้ว กลับไม่มีแรงตอบสนองจากสังคมออกมาเลย

ไม่ว่าในรูปแบบที่เห็นด้วย หรือโต้แย้ง อย่างชัดเจน

เขาบอกว่าเปล่าทำ? เท่านั้นเอง.แต่สิ่งนี้ได้ปรากฎสู่สาธารณะแล้วอย่างเป็นรูปธรรม จากอดีตที่มีเพียงแต่พูดๆ กันไปเท่านั้น

ครั้งนี้ ได้เห็นของจริง วัดและจับกระแส..ได้เลย!!



 สะใจจัง   หมายถึง .. เห็นทำนองเดียวกับพี่เหยงค่ะ ..

หมากนี้ย่อมไม่ธรมดา จะมาวางชั้นเดียวให้ตีความกันง่าย ๆ ทำไม ??

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1679 เมื่อ: 20 เมษายน 2553, 22:05:46 »

สกู๊ปแนวหน้า 
 
                         รำลึกทหารกล้าของพระราชา แม่ภูมิใจที่ลูกทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย (สกู๊ปแนวหน้า)  
 
 
                                      


เหตุการณ์ปะทะระหว่างกำลังทหารและมวลชนคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 คือ "บันทึกเลือด" ที่สังคมไทย ต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน

ครานั้นมีทหารกล้าชั้นประทวนมากมายต้องจบชีวิตลง คือ ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ ,ส.ต.อนุพงษ์ เมืองอำพัน,ส.อ.อนุพันธ์ หอมมาลี และ พลฯสิงหา อ่อนทรง ผู้กล้าทั้ง 4 กองทัพบกได้เสนอขอเลื่อนชั้นยศให้เป็นทหารชั้นสัญญาบัตร และยื่นเรื่องไปที่กระทรวงกลาโหมแล้ว

เมื่อ"เกิดจากดินย่อมต้องคืนสู่ดิน" ศพทหารกล้า มีพิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติดวงวิญาณ พวกเขาหวลคืนสู่อ้อมกอดของ"พระแม่ธรณี"

สิ่งที่เหลือให้บุคคลอันเป็นที่รักคือ เถ้าธุลีแห่งความภาคภูมิใจในฐานะ "ทหารกล้าของพระราชา"

บอก"แม่"ว่าขอตายในหน้าที่

ศพเหล่าทหารกล้า ถูกลำเลียงไปยังบ้านเกิด โดย ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ จัดพิธีพระราช ทานเพลิงศพ ที่วัดอัมพวัน หมู่บ้านวังม่วง ต.วัง ม่วง อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น วันที่ 16 เม.ย.มีกองทหารเกียรติยศ เพื่อนทหาร ข้าราชการ นักการเมือง ประชาชนร่วมงาน ท่ามกลางบรรยา กาศอันโศกเศร้าจำนวนมาก

ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ เป็นทหารสังกัด ร้อย.สห. กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จ.ปราจีนบุรี (พล.ร.2 รอ.) ขณะเสียชีวิตมีอายุ 26 ปี มีบุตร 1 คน อายุ 1 ขวบ เข้ารับราชการทหาร เมื่อปี 2551 ในตำแหน่งสิบตรี เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความขยันตั้งใจทำงานจึงได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว แค่ปีกว่าได้เลื่อนเป็นทหารยศสิบโท และได้รับการเลื่อนยศเป็นทหารสัญญาบัตร ตามระเบียบกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากทางราชการ ประกันชีวิตและจากบุคคลสำคัญในรัฐบาล จำนวนกว่า 2 ล้านบาท

 นางประนอม อุดหนองเลา อายุ 51 ปี มารดาของ ส.ท.ภูริวัฒน์ เล่าว่า ลูกชายรักอาชีพทหารมาก หลังจากเรียนจบระดับ ปวส. แผนกช่างกลที่วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็พยายามสอบเข้ารับราชการทหารถึงสองครั้ง จึงประสบความสำเร็จ พอเข้าทำงาน ถูกส่งไปประจำที่จังหวัดปราจีนบุรี แม่-ลูก ติดต่อกันตลอดเวลา

เมื่อสถานการณ์"ม๊อบแดง" คุกรุ่นทหารจาก พล.ร.2 รอ. รวมถึง ส.ท.ภูริวัฒน์ ได้รับคำสั่ง จากหน่วยเหนือให้ไปปฏิบัติภารกิจที่ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ. ) แม้ว่าจะยุ่งแต่ ลูกชาย พยายามหาเวลาว่างโทรศัพท์ติดต่อกับมารดาของเขาตลอดเวลา

 "เขาบอกแม่ว่าเหตุการณ์น่าจะรุนแรง แม่จึงบอกลูกว่าให้ระมัดระวังตัว เพราะกลัวจะได้รับอันตราย ในวันที่ 10 เม.ย. ก็ติดต่อกับลูกแทบทุกชั่วโมง จิตใจไม่ค่อยดี กลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย เพราะเขาบอกว่าต้องอยู่ประชิดกับกลุ่มเสื้อแดง โทรคุยกันจนกระทั่งเวลาประมาณ 6 โมงเย็น เขาบอกว่าแค่นี้ก่อนนะแม่ เพราะมีการปะทะกันและมีระเบิดด้วย" เธอเล่า

หลังจากวางสายกับลูกชายสุดที่รัก ไม่มีใครรู้ว่านั่นคิดสำเนียง เสียงสุดท้ายที่ผู้เป็นแม่จะ ได้ยิน แม่ประนอม เฝ้าติดตามสถานการณ์ ความวุ่นวาย ทางโทรทัศน์ แบบเกาะติด เธอเห็นภาพทหารได้รับบาดเจ็บคนแล้ว คนเล่า สิ่งที่ทำได้คือสวดมนต์ ภาวนา ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกชายให้แคล้วคลาด

ทว่าเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ เมื่อทางการประกาศรายชื่อผู้เสียชีวิต และมีชื่อ ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ รวมอยู่ด้วย ความเสียใจครานั้น ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ "เห็นชื่อลูก เสียใจมากและเสียดายมากเพราะเขาเป็นคนดี ขยันทำงาน เขาเป็นทหากล้า วัน นี้แม่ภาคภูมิใจที่ลูกปฏิบัติหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกตั้งใจและเคยบอกแม่เสมอว่าขอตายในหน้าที่"

"แม่อยากฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ให้หยุดเสียที หันมาคุยกันด้วยสันติ จะได้ไม่ต้องมีการสูญเสียเหมือนกับที่แม่ และอีกหลายครอบครัวต้องเจอ แม่เข้าใจดีว่ารัฐบาลทำตามหน้าที่ ต้องดูแลปกป้องประเทศชาติ และคนเสื้อแดงก็เรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ แต่ก็ขอให้อยู่ในกรอบ อย่าใช้ความรุนแรงอีกเลย" เธอว่า

 "อยากกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้าน"

เช่นเดียวกับ จ.ส.อ.อมฤทธิ์ เมืองอำพัน ทหารสังกัด กองพันทหารปืนใหญ่ 102 รักษาพระองค์ฯ จ.ปราจีนบุรี บิดาของ ส.ต.อนุพงษ์ เมืองอำพัน ที่นำศพบุตรชายไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดของตามที่ ส.ต.อนุพงษ์ ตั้งใจ และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่วัดท่าช้าง ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก ในวันที่18 เม.ย. ที่ผ่านมา

จ.ส.อ.อมฤทธิ์ บอกว่าได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ พร้อม กับ ส.ต.อนุพงษ์ ใน กทม.ก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิต เขาได้โทรศัพท์มาที่บ้านและ บอกแม่ของเขาว่า...

"อยากกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้าน"

ใครจะรู้ว่านั่นคือถ้อยสำเนียงสุดท้ายของ ส.ต.อนุพงษ์ เขาไม่มีโอกาสกลับบ้านไปหาแม่ ขณะยังมีลมหายใจ

"ลูกชายผมเพิ่งบรรจุรับราชการเป็นนายสิบได้ปีเศษ ผมไม่อยากเห็นคนไทยต้องมาฆ่ากัน เอง สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะพูดคุยกันได้ และไม่น่าจะเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น ขอให้ยุติเหตุการณ์ได้แล้ว"เขาว่า

ขอคนไทยเลิกทะเลาะกัน

 ด้าน ส.อ.อนุพันธ์ หอมมาลี ทหารกล้าที่พลีชีพ มีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่ วัดทุ่งลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ส.อ.อนุพันธ์ อายุ 30 ปี เป็นบุตรของ จ.ส.อ.บำรุง หอมมาลี ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตจากการปฏิบัติราชการชายแดน มีมารดาชื่อ นางสวิน หอมมาลี อายุ 57 ปี เขาสม รส กับนางขัตติยา หอมมาลี และ ในปี 2546 เข้ารับราชการทหาร สังกัดกองพันทหารม้าที่ 19 กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9)

การสูญเสียครั้งนี้ คือทุกข์ของคนในครอบครัวอย่างแสนสาหัส นางสวิน บอกว่า เสียใจ เป็นอย่างมากที่ลูกชายต้องมาเสียชีวิตในเหตุการณ์ที่คนไทยทะเลาะกันครั้งนี้

"ไม่โทษว่าใครเป็นคนทำ แต่ขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนเลิกชุมนุม เพื่อเห็นแก่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของคนไทยทั้งประเทศ" เธอบอก

นาง ขัตติยา หอมมาลี ภรรยา ส.อ.อนุพันธ์ บอกว่า แต่งงานกับสามีได้ 2 ปีกว่า แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน การสูญเสียครั้งนี้ เสียใจเป็นอย่างมากขอให้คนไทยเลิกทะเลาะกัน ก่อนที่จะมีคนตายและบาดเจ็บไปมากกว่านี้

เช่นเดียวกับ พลฯสิงหา อ่อนทรง ที่ญาติพี่น้องมีความโศกเศร้าแต่ภูมิใจในความกล้าหาญ ศพของเขามีพิธีพระราชทานเพลิง ที่วัดนครธรรม หมู่ 10 ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว วันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบกเป็นประธาน

 พลฯ สิงหา อ่อนทรง ขณะเสียชีวิต อายุ 22 ปี เข้ารับบรรจุสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ จ.สระแก้ว เมื่อปี 2551 ตำแหน่ง พลยิง เอ็ม 203 บิดาชื่อนายสุริวงศ์ อ่อนทรง อาชีพรับเหมาก่อสร้าง มารดา นางไพวัลย์ อ่อนทรง อาชีพ แม่บ้าน ได้สมรสกับ นส.บุญยานุช มูลศรี อาชีพแม่บ้าน มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ ดช.พงษ์พิพัฒน์ อายุเพียง 5 เดือน

ทั้งหมดคือความสูญเสียยิ่งใหญ่ ที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้...ชื่อเหล่าทหารกล้าของพระราชา ยังดังก้องอยู่ในใจคนไทยผู้รักชาติทุกคน


SCOOP@NAEWNA.COM 
 
วันที่ 20/4/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=208023
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1680 เมื่อ: 20 เมษายน 2553, 23:03:45 »

โปรด สังเกตว่า ตอนนี้ เสธแดง ณโพธาราม  หายไป อาจจะถูกบล๊อก ตัวไว้แล้ว

จากสายข่าวพิเศษค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #1681 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 00:22:41 »

สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ...แวะมาบ้านพี่แอ๊ะค่ะ... sleep
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #1682 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 00:59:22 »

เหตุการณ์เมื่อเสื้อแดงด่าทอกับเสื้อหลากสีที่หน้าดุสิตธานี คืนวันที่ 20 เมย. 53

นักข่าวชื่อธิดารัตน์ tweet ดังนี้


...
ป๋อง สุริยา ขัดคอว่า : น้าก็สรุปแล้วหละ ก็ผลสรุปมันออกมาให้ทำอย่างนี้นี่หว่า
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #1683 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 08:37:57 »

      บันทึกการเข้า

prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1684 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 09:00:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 20 เมษายน 2553, 23:03:45
โปรด สังเกตว่า ตอนนี้ เสธแดง ณโพธาราม  หายไป อาจจะถูกบล๊อก ตัวไว้แล้ว

จากสายข่าวพิเศษค่ะ

ขอโทษที สายข่าวรายงานผิด

เสธ red  ณ โพธาราม ยังไม่ถูกบล๊อกตัวค่ะ

เพราะ เช้านี้มาออกตรวจแถวเสื้อเเดงแล้ว

ทราบแล้วเปลี่ยนนนนนนนนนน
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1685 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 09:01:58 »

หวัดดีน้องไข่มุกดีค่า
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1686 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 09:04:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 21 เมษายน 2553, 00:59:22
เหตุการณ์เมื่อเสื้อแดงด่าทอกับเสื้อหลากสีที่หน้าดุสิตธานี คืนวันที่ 20 เมย. 53

นักข่าวชื่อธิดารัตน์ tweet ดังนี้


...
ป๋อง สุริยา ขัดคอว่า : น้าก็สรุปแล้วหละ ก็ผลสรุปมันออกมาให้ทำอย่างนี้นี่หว่า



อ๊าว แก่เป็นน้าแล้วรึ ยังดูหนุ่มเเน่นเป็นพี่ป๋อง อยู่เลยยยยยยยยยย
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #1687 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 09:25:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 21 เมษายน 2553, 09:04:03
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 21 เมษายน 2553, 00:59:22
เหตุการณ์เมื่อเสื้อแดงด่าทอกับเสื้อหลากสีที่หน้าดุสิตธานี คืนวันที่ 20 เมย. 53

นักข่าวชื่อธิดารัตน์ tweet ดังนี้


...
ป๋อง สุริยา ขัดคอว่า : น้าก็สรุปแล้วหละ ก็ผลสรุปมันออกมาให้ทำอย่างนี้นี่หว่า



อ๊าว แก่เป็นน้าแล้วรึ ยังดูหนุ่มเเน่นเป็นพี่ป๋อง อยู่เลยยยยยยยยยย
นี่เป็นวิธีวิจารณ์ข่าวสไตล์ "ขัดคอ"
น้าในที่นี้เขาให้หมายถึง รศ.(พิเศษ) ดร.อดิศร เพียงเกษ ครับ คุณนายแอ๊ะ
ไม่ใช่หมายถึงลุงป๋อง
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1688 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 14:37:12 »


อ๊าวววววววว ฉันก็ตามเธอไม่ทันหรอก ป๋องงงงงงงงเอ๊ยยยย

โง่อย่างฉัน จะตามทันหรือ (ปล.ไม่ได้ประชดนะจ๊ะ แต่ประชัน จ้า)

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1689 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 16:32:57 »

วันนี้ที่นครสวรรค์ เน๊ตเสียมาแต่เช้า เพิ่งใช้ได้ครับ
บทบรรณาธิการ นสพ. แนวหน้า ออนไลน์

บทบรรณาธิการ 
 
อย่านำชาติไปสู่ความล่มจม (บทบรรณาธิการ)  
 
 
 

   การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันผ่านไปแล้วเป็นเวลา 5 สัปดาห์ซึ่งล่าสุดมาปักหลักชุมนุมกันอยู่ในพื้นที่สี่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียง

   การกระทำของ นปช.ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนคนที่กรุงเทพมหานครที่ต้องทำงานและทำมาหากินอยู่ในบริเวณนั้นถึง 64,000 คนเพราะคนเหล่านี้ไม่สามารถเข้าไปทำงานและประกอบอาชีพได้ตามปกติจนทำให้ประชาชนเป็นจำนวนมากต้องออกมาต่อต้านการชุมนุมที่ผิดกฎหมายของ นปช.

   ต้นเหตุของปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาจากบุคคลเพียงคนเดียวที่เป็นตัวการซึ่งคนๆนั้นก็คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ที่กำลังหลบหนีคดีอาญาจากการกระทำผิดกฎหมายของตนเองต้องเร่ร่อนโยกย้ายสถานที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ

   พ.ต.ท.ทักษิณยังคงไม่ยอมรับว่าตัวเขาได้กระทำความผิดกฎหมายและยังคงหลอกตัวเองว่าเขาได้ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง นอกจากหลอกตัวเองแล้วเขายังได้ให้สมัครพรรคพวกของเขาออกไปหลอกลวงประชาชนที่เคยสนับสนุนทางการเมืองด้วยว่าเขาถูกแกล้งทั้งๆที่เขาทำตัวเอง

   เรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมากก็คือขบวนการโกหกหลอกลวงประชาชนที่นำโดยแกนนำของพวกคนเสื้อแดงได้เผยแพร่ความคิดผิดๆออกไปสู่หมู่ประชาชนทั่วประเทสผ่านสื่อสารมวลชนในเครือของ นปช.มาตั้งแต่ต้นปี 2550 ไม่ว่าจะเป็นทางสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คที่เขียนเรื่องโกหกออกมาเผยแพร่รวมไปถึงวิทยุกระจายเสียงชุมชนและโทรทัศน์ที่ผ่านระบบดาวเทียมฯลฯ

   ขณะนี้ประชาชนในภาคเหนือ 8 จังหวัดตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดมากกว่าร้อยละ 60 ถูกมอมเมาหลอกลวงจากแกนนำของขบวนการโกหกประชาชนเพื่อตัวนายใหญ่จนหลงผิดคิดว่าอดีตนายกรัฐมนตรีถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย

   มีการประเมินกันว่าถ้าหากฝ่ายรัฐบาลสามารถใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสลายการชุมนุมของนปช.ที่สี่แยกราชประสงค์ได้สำเร็จแต่ความแตกแยกทางด้านการเมืองระหว่างคนไทยด้วยกันยังคงไม่ยุติลงง่ายๆและมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายต่อต้านทักษิณและฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณ

   บทเรียนจากประวัติศาสตร์ในอดีตนั้นเคยมีหลายๆประเทศทั้งในเอเซีย อเมริกา อาฟริกาและยุโรปเคยเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเพราะความแตกแตกแยกทางการเมืองในหมู่ประชาชน บางครั้งก็มีสาเหตุมาจากคนเพียงคนเดียว ขอให้แกนนำนปช.ทบทวนให้ดีอย่าให้คนรุ่นหลังตำหนิท่านได้ว่าท่านเป็นผู้ที่นำชาติไปสู่ความล่มจม 
 
วันที่ 21/4/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=208166
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1690 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 16:35:24 »

บทบรรณาธิการ นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์

การเมืองแก้ด้วยการเมือง อย่าบังอาจเหิมดึงฟ้าสูง
บทบรรณาธิการ 21 เมษายน 2553 - 00:00

   การออกมาแถลงข่าวของพลเอกชวลิต   ยงใจยุทธ  ประธานพรรคเพื่อไทย  อดีตนายกรัฐมนตรี  และนายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์  อดีตนายกรัฐมนตรี  ขอเข้าเฝ้าฯ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เพื่อขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก้ปัญหาชาติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา  ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างกว้างขวาง  โดยเฉพาะในประเด็นการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องมิบังควรหรือไม่
     เพราะหากพิจารณาจากคำแถลงหลายช่วงหลายตอน  ท่วงทำนองของเนื้อหาที่ใช้มีนัยยะเหมือนเป็นการยื่นเงื่อนไขกดดันพระราชอำนาจ  ไม่ว่าจะเป็น  "ถ้าไม่มีพระมหากรุณาธิคุณ  ไม่แน่ใจถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอีก  1-2  วันข้างหน้า  และจะเป็นตราบาป  เป็นสิ่งที่พวกเราพี่น้องคนไทยไม่ต้องการที่จะเห็น  หากมีสิ่งใดที่ผิดพลาด  ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว"
     หรืออีกช่วงหนึ่งที่บอกว่า  "นึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีหลายหนทางที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง  หนทางหนึ่งที่อยู่ในความคิดตลอดเวลา  แม้จะเป็นหนทางที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้  แต่ผมคิดว่าด้วยจิตใจแน่วแน่และด้วยชีวิตที่เคยถวายเบื้องพระยุคลบาท  รับใช้สนองพระเดชพระคุณในการนำความสงบสุข  หนทางที่อยู่ในหัวใจผมและพรรคเพื่อไทย  คือ  ผมหวังในพระมหากรุณาธิคุณ  ผมหวังในสิ่งนี้ว่าจะมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้กับพวกเราเพื่อยุติความขัดแย้งที่มีมานานและสร้างความเสียหายแก่บ้านเมือง"
     คำถามที่  พล.อ.ชวลิตและนายสมชาย  ซึ่งเคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีและเคยเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ต้องตอบให้กระจ่างก่อนจะคิดอ่านดำเนินการใดๆ  ก็ตาม  คือ  ไม่มีหนทางอื่นใดแล้วหรืออย่างไรในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง  ถึงต้องเลือกแนวทางนี้  เพราะในเมื่อ  พล.อ.ชวลิตก็บอกเองว่านึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีหลายหนทางที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง  นั่นก็แสดงว่านี่ไม่ใช่หนทางสุดท้ายหรือหนทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้
     ถ้าย้อนไปดูปฐมบทแห่งปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองครั้งนี้  ถ้าไม่ก้มหน้าก้มตาเข้าข้างตัวเอง  ต้องยอมรับว่าการรวมกลุ่มของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ  (นปช.)  หรือกลุ่มคนเสื้อแดงเกิดขึ้นจากกลุ่มคนรัก  พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี  ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านคณะปฏิวัติที่ยึดอำนาจจาก  พ.ต.ท.ทักษิณ  และเรียกร้องขอความเป็นธรรมคืน  ซึ่งการเข้ายึดอำนาจของคณะปฏิวัตินำโดย   พล.อ.สนธิ  บุญยรัตกลิน  อดีตผบ.ทบ.  หนึ่งในเหตุผล ก็คือการบริหารงานที่ส่อไปในทางทุจริตจนเกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง
     ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้  จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง  ความขัดแย้งทางความคิดของกลุ่มคนการเมือง  หาใช่ความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลบริหารประเทศบกพร่อง  กระทำการขัดต่อระบอบประชาธิปไตย  ข่มเหงรังแก  นำประเทศไปสู่ระบอบคอมมิวนิสต์กลายๆ  จนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเดือดร้อนลำเข็ญถึงขั้นที่ต้องพึ่งพระบารมี  ในเมื่อเป็นเรื่องของการเมืองก็ต้องแก้ด้วยแนวทางทางการเมือง  เพราะในหลวงทรงอยู่เหนือการเมือง
     การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง   ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่สามารถดำเนินการได้  โดยเฉพาะแนวทางหนึ่งที่เริ่มดำเนินการกันมาบ้างแล้ว  คือ  การเจรจา  ซึ่งถือว่าเป็นหนทางที่ถูกต้อง  เพราะการเจรจาพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวความคิด  แลกเปลี่ยนความต้องการ  เพื่อนำไปสู่ข้อตกลงที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย  ซึ่งจะช่วยแก้วิกฤตการณ์ในสังคมให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
     เพียงแต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  ต้องลดทิฐิ  ลดความเป็นตัวตนที่ยึดมั่นถือมั่น  คำนึงถึงตัวกูของกู  ออกไปพักไว้ก่อน  แล้วหันมาคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม  ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก  ปัญหาทุกอย่างก็จะมีหนทางแก้ไข  ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์นองเลือดดังเช่นวันที่  10  เมษา.  ที่มีทหารและประชาชนเสียชีวิตจากการปะทะกันถึง  22  ราย  ก็อาจจะหวนกลับมาเกิดขึ้นได้อีกตลอดเวลา  ยิ่งในสภาวะความตึงเครียดของการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างทุกวันนี้  อ่อนไหวที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นได้ทุกเมื่อ
     เราเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการตั้งโต๊ะเจรจากันได้อีกครั้งแบบไม่มีเงื่อนไขส่วนตัวใดๆ
  เข้ามาเกี่ยวข้อง  และยึดมั่นในประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง  หนทางตีบตันที่ว่าก็จะมีทางออก  โดยไม่ต้องไปสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท.

http://www.thaipost.net/news/210410/21090
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1691 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 16:37:50 »

บทความของ คุณเปลว สีเงิน

หรือรอให้ประชาชนออกมา "ปราบกบฏเอง"?
เปลว สีเงิน 21 เมษายน 2553 - 00:00

   ผมสังเกตว่าพวกแกนนำม็อบกบฏทักษิณ  เช่น  "วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ-เหวง-สุภรณ์-อริสมันต์-ขวัญชัย"  นอกจากผูกพันกับ  "สีแดง"  แนบแน่นแล้ว  ยังแยกไม่ออกจาก  "สีดำ"  อีกด้วย  สีแดง-สีแห่งเลือด,  สีดำ-สีแห่งความตาย,  ซึ่งก็น่าแปลก  ตั้งแต่เริ่มก่อการกบฏโดยมีกองกำลังติดอาวุธสนับสนุนเรื่อยมา  พวกแกนนำเหล่านี้ดูจะโหยหาเลือดกับความตายเหมือนกระหายโหด  ยึดชัยภูมิตั้งกองบัญชาการแรกก็ตั้งที่  "ปากทางประตูผี"  กองบัญชาการที่สองก็ตั้งตรงข้าม  "ห้องเก็บศพ"  โรงพยาบาลตำรวจ  ไม่เพียงเท่านั้น  เขายังใช้  "ดำกับแดง"  เป็นสีแห่งประกาศิตตายให้กับ  "คณะกบฏทักษิณ?"
     ด้วยคำสาปถึงมนุษย์ผู้กระทำหยาบช้าต่อบ้านเมืองอันเป็นที่สถิตธรรมแห่งพุทธะ   วิบัติจากบาปกรายมาถึงตัวและคณะทีละน้อย...ทีละน้อย...กันแล้วยังไม่สำนึก
     หัวหน้ากบฏใหญ่  "นายทักษิณ"  ณ  วันนี้  เมื่อถึงวันนั้นอันใกล้เข้ามาทุกขณะ  จะมีแผ่นดิน  "กว้างศอก-ยาววา"  ของประเทศไหนยอมให้เป็นที่  "ฝังร่าง"  นั่นก็ยังเป็นปัญหาอยู่?
     แล้วดูสิ...วีระ-จตุพร-ณัฐ-เหวง  ไปหลอกพี่น้องต่างจังหวัดให้มาพล่านจนเป็น   "เป้าสังหาร"  จากมือก่อการร้ายฝ่ายตัวเอง  ด้วยหวังป้ายสี-โยนบาปให้ฝ่ายทหารว่ารัฐบาลสั่งกระทำที่สี่แยกคอกวัว  เมื่อ  ๑๐  เมษา  แล้วทักษิณตีค่าราคาชีวิตคนที่หลอกมาใช้ต่ำกว่าราคามือถือ
รุ่นที่ลูกชายเขาสั่งมาขายซะอีก!
     พวกแกนนำแสร้งทำเสียใจที่หลอกชาวบ้านมาตาย  แต่จริงๆ  แล้วดีใจมากกว่า  เพราะว่า  "เข้าแผน"  พวกเขา  สังเกตดูได้  แทนที่จะอินังขังขอบกับคนเสื้อแดงที่ตาย  แต่กลับตะเกียกตะกายถึงขนาดไปแย่งศพมาจากโรงพยาบาล
     แย่งไปไหน?...แย่งเอาศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลให้  หรือเอาไปเข้าสู่กระบวนการที่ทางญาติพี่น้องผู้ตายจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากสิ่งที่สูญเสีย...กลับตรงกันข้าม
     มันแย่งศพมาแห่ประจานรอบเมือง  ใช้เป็นเครื่องปลุกเร้าหวังเอาประโยชน์จากผีว่าจะมีคนหลงเชื่อ  "ทหารฆ่า"  แล้วออกมาร่วมขบวนกบฏแดงกับพวกมัน!
     แต่ปรากฏว่าการ   "หากินกับผี"   ล้มเหลว  มีแต่คนสาปแช่ง  เพราะรู้ทันสันดานกบฏ   "ฆ่าเอง"   แล้วนำศพมาตบตาว่า   "ทหารฆ่า"  จากนั้นมา   การหากินกับผีพวกเดียวกันก็   "เป็นหมัน"  และพวกมันก็ไม่เคยอินังขังขอบแม้แต่จะพูดถึง  หรือแค่จะไปหย่อนดอกไม้จันทน์ในวันเผาศพ
     ที่น่าจับตาอีกอย่างตรงนี้ก็คือว่า  พวกแกนนำมันลวงโลกตลอดเวลา  อย่างที่ว่า  "ชิงศพมาแห่รอบเมือง"  มันก็แห่เพื่อแผ่ศักดาเสื้อแดงเท่านั้น  แต่โลงศพที่ลากไป-ลากมา  มันแค่โลงเปล่าๆ  "ตบตาชาวบ้าน"  นี่คือสันดานแท้ๆ  ของพวกมัน!
     ที่ยกมานี่ก็เพื่อยืนยันในข้อสังเกตที่ผมกล่าวแต่แรกว่า  พวกขบวนการกบฏแดงมัน  "ผูกพันกับความตาย"   ชนิดนัวเนีย-แยกไม่ออกมาแต่แรกแล้ว  และจากท่าที  ณ  วันนี้  ที่สี่แยกราชประสงค์  ผมบอกตรงๆ  ว่า  การผูกพันกับความตายของบรรดาแกนนำทั้งหลาย...กลิ่นอายโชย
มาน่ากลัว!?
     ก็ดูซี...ไม่มีใครทำ   แต่พวกแกนนำทำกันเองให้เห็น  "เป็นลางร้าย"  ล่วงหน้า  ตั้งแต่วานซืนนี้  จู่ๆ  ก็เอาแสลนสีดำมาห่อหุ้ม  คลุมม็อบแดงของตัวเองทั้งหมดที่แยกราชประสงค์  พูดกันง่ายๆ  "เหมือนรู้ตัวว่าต้องตาย"  เลยเตรียมขึงผ้าดำไว้ทุกข์กับอวสาน-สุดท้ายของบรรดาแกนนำกบฏ!
     พูดถึงกบฏ   แกนนำกบฏทักษิณครั้งนี้ก็เคยร่วมกบฏมาแล้วครั้งหนึ่ง  รอดประหารเพียงติดคุก-ติดตะรางแล้วได้รับนิรโทษกรรมในเวลาต่อมา  นึกว่าจะสำนึก  แต่กระดูกในกระถางน้ำข้าวกับหมา  มันยากนัก-ยากหนาจะให้ละสันดาน
     กบฏเสธ.หลาดเมื่อ  ๒๖  มีนาคม  ๒๕๒๐  นั่นไง  ยังจำกันได้ใช่ไหม  หนึ่งในจำนวนกบฏที่ถูกจับคือ   "วีระ   มุสิกพงศ์"  แล้วอีก  ๓๓  ปีต่อมา  เมื่อถึง  ๑๒  มีนาคม  ๒๕๕๓  วีระในฐานะแกนนำ  "๓  เกลอหัวขวด"  จากร่วมกบฏเสธ.หลาด  ก็ขึ้นชั้นเป็นหัวหน้า  "กบฏทักษิณ"  นำคณะก่อการยึดแผ่นดินถึง  ณ  วันนี้
     ต่างกันที่ว่า  กบฏเสธ.หลาด  ๒๖  มีนา  เช้าถึงบ่ายก็จบม้วน!
     แต่กบฏทักษิณเดินเรื่องเรื่อยมาหลายปี  เพิ่งประกาศเป็น  "สงครามครั้งสุดท้าย"  ตอนนายใหญ่ใกล้ตาย  วีระนำคณะแกนนำลงมือปฏิบัติการยึดบ้าน-ยึดเมืองเมื่อ  ๑๒  มีนา  และเรื่อยมาถึง  ณ  วันนี้  ๒๑  เมษา  ถึงขั้นที่ใช้  "ผ้าดำ"  ห่อคลุมม็อบตัวเองแล้ว
     กบฏเสธ.หลาดจบเร็วเพราะ   พลเอกฉลาด   "สึกจากพระ"  วัดบวรฯ  ตอนเช้ามืด   แล้วพรรคพวกก็ไปรับตัวมายึดอำนาจรัฐบาล  "นายธานินทร์  กรัยวิเชียร"  ทันที  ชนิดที่เทียนน้ำมนต์ยังติดอยู่บนหัว  ผมจำได้ว่ารถโรงพิมพ์ที่ผมทำงานอยู่สมัยนั้นไปปลุกผมที่บ้านให้รีบไปโรง
พิมพ์ด่วน  เพราะเกิดการปฏิวัติ
     ผมก็รีบไป   เมื่อไปถึง  "เพื่อนรุ่นพี่"  ที่ทำงานด้วยกันคือ  "คุณสมชาย  ฤกษ์ดี"  ซึ่งร่วมงานปฏิวัติตอนต้นแล้วกลายเป็นกบฏตอนท้าย   เมื่อเจอหน้ากันบนโรงพิมพ์เขาก็โยนริบบิ้นธงชาติให้ผมม้วนหนึ่งและบอกว่า
     "ปฏิวัติสำเร็จแล้ว  พวกเราเอานี่ผูกแขนไว้"!
     ผมก็ถามว่า  "ไหน...พี่ลองเล่าให้ฟังบ้างซิ  ที่ว่าสำเร็จน่ะมันเป็นยังไง?"  คุณสมชายก็บอกว่า
     "ไม่มีอะไร  ทุกอย่างเรียบร้อย  เสธ.หลาดยิงพลตรีอรุณตายไปคนเดียว"
     เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็บอกไปด้วยความตกใจว่า   "ฉิบหายแล้วพี่   ลองยิงนายทหารระดับ  ผบ.พล.๑  "พลตรีอรุณ  ทวาทศิน"  ตาย   มันไม่เรียบร้อยหรอก   พี่รีบหลบออกนอกประเทศไปก่อนเลยดีกว่า  ยังมีโอกาส"
     คุณสมชายก็ไม่เชื่อผม  เพราะตั้งแต่เช้ามืดยัน  ๔-๕  โมงเช้า  ฝ่ายปฏิบัติยังยึดกรมประชาสัมพันธ์  "ออกแถลงการณ์"  ฉบับแล้ว-ฉบับเล่าแจ้วๆ  อยู่  จะให้ผมสั่งพิมพ์หนังสือพิมพ์กรอบบ่ายเร็วๆ  ให้ได้  ผมก็ไม่ยอม  ต้องไปทะเลาะกันต่อหน้าเจ้าของหนังสือพิมพ์  ผมก็อธิบายว่า  ขืนออกไปข่าวในหนังสือก็จะมีแต่แถลงการณ์ของฝ่ายปฏิวัติด้านเดียว  ก็จะกลายเป็น  "หนังสือพิมพ์คณะปฏิวัติ"  ถึงขายได้ดี  แต่ลงท้ายจะซวยกันทั้งโรงพิมพ์
     ลงท้าย  เจ้าของเขาเห็นด้วย  สมัยนั้นจะมีหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายวิ่งขายตั้งแต่ตอนเที่ยงๆ   แล้ว  เป็นอันว่าหนังสือพิมพ์ที่ผมเป็นหัวหน้าข่าวอยู่ยังไม่พิมพ์   แต่พอใกล้เที่ยงเท่านั้นแหละ  บิ๊กจอว์  พล.ร.อ.สงัด  ชลออยู่  รมว.กลาโหม  พล.อ.อ.กมล  เดชะตุงคะ  ผบ.สส. พลเอกเสริม  ณ  นคร  ผบ.ทบ. และอีกหลายบิ๊ก  นั่งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง  ออกโทรทัศน์ช่อง  ๕
     ยึดอำนาจกลับซะแล้ว!
     เสธ.หลาดเมื่อแพ้ก็ต้องเป็น  "หัวหน้ากบฏ"  ถูกประหารในที่สุด  พี่สมชายของผม  รวมทั้งวีระและอีกหลายคนเข้าคุก  "จุดตาย"  ของเสธ.หลาดอยู่ตรงไหนท่านทราบไหมครับ?
     ไม่ใช่เพราะปฏิวัติแล้วแพ้กลายเป็นกบฏจึงถูกประหาร  แต่ที่ต้องถูกประหารเพราะ
     ในปฏิบัติการกบฏนั้น  "ยิงนายทหาร"  เสียชีวิต!
     ย้อนมาดูกบฏทักษิณเมื่อ   ๑๐   เมษายน  ๒๕๕๓  บ้าง  ปรากฏว่า  "กองกำลังติดอาวุธ"   ของคณะกบฏแกนนำอันประกอบด้วย  วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ-เหวง-สุภรณ์-อริสมันต์-ขวัญชัย  ฯลฯ  ไม่เพียง  "ฆ่าไม่เลือก"  กระทั่งชาวบ้านเสื้อแดงกันเองเท่านั้น  แต่ยัง  "ฆ่าทหาร"  ปาระเบิด  ล็อกเป้า  ซุ่มยิง
     ๑.พ.อ.ร่มเกล้า  ธุวธรรม  รองเสธ.พล  ร.๒  รอ. ถูกระเบิดที่ศีรษะ เสียชีวิต
     ๒.พล.ต.วลิต  โรจนภักดี  ผบ.พล  ร.๒  รอ. สาหัสมาก  ขาหัก  ๓  ท่อน
     ๓.พ.อ.เกรียงศักดิ์  นันทโพธิ์เดช  ร.๑๒  พัน  ๒  สะเก็ดระเบิดเจาะสมอง  สาหัสมาก
     ๔.พ.ท.นพสิทธิ์  สิทธิพงศ์โสภณ  ม.พัน  ๓  รอ. สะเก็ดระเบิดตัดขาทั้ง  ๒  ข้างเกือบขาด  สาหัสมาก
     ยังไม่นับระดับพลทหาร   และนายสิบอีกจำนวนหนึ่งที่  "เสียชีวิต"  จากน้ำมือกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายกบฏทักษิณ   และที่ต้องบาดเจ็บทั้งสาหัส   และไม่สาหัส  นอนรับการรักษาอยู่  ณ  โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ  อีกหลายร้อยนาย
     นี่คือสิ่งที่ประเทศชาติ-ประชาชนได้รับจากพวกกบฏทักษิณ  โดย  "ทหารของชาติ"  ผู้ออกมาทำหน้าที่ปกป้อง-รักษาประเทศชาติ  ประชาชน  และความสงบสุขของบ้านเมืองเป็นผู้  "รับความเจ็บปวด"  และความสูญเสียถึงขั้นชีวิตนั้นแทน!
     พี่น้องประชาชนร่วมสุข-ร่วมทุกข์-ร่วมชาติ  และร่วมความภักดีใน  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"   พระองค์เดียวกันทั้งหลาย  วันนี้...ท่านยังทนเห็นทหารของเราบาดเจ็บและตายชนิด  "นายไม่อาทร"  กันต่อไปได้มั้ย?
     ท่านยังทนเห็นรัฐบาล  เห็นกองทัพ  "อุเบกขา-ตาปริบๆ"  กันได้อยู่มั้ย...?
     ท่านยังทนเห็นพวกกิ้งก่าผูกผ้าแดงผยองทั่วบ้าน-ทั่วเมืองกันได้อยู่มั้ย...ท่านยังทนเห็นขบวนการเสื้อแดงปิดถนน  "ค้นรถ-ค้นตัว-จับทหาร"  เป็นเชลยอยู่ได้มั้ย?
     พี่น้องทั้งหลาย...ท่านยังทน  พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ  รมว.กลาโหม  พลเอกทรงกิตติ  จักกาบาตร์  ผบ.สส.  พลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผบ.ทบ.  พล.อ.อ.อิทธพร  ศุภวงศ์   ผบ.ทอ. และ  พล.ร.อ.กำธร  พุ่มหิรัญ  ผบ.ทร. ที่ใช้นโยบาย  "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง  (ให้ทักษิณ)"  กันต่อไปได้มั้ย?
     หรือจะต้องให้  "ประชาชน"  ออกมาปราบกบฏกันเอง?

http://www.thaipost.net/news/210410/21084
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1692 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 16:39:27 »

บทความ ท่านขุนน้อย

แนวรบยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ท่านขุนน้อย 21 เมษายน 2553 - 00:00

 จากเหตุการณ์การก่อการร้ายในวันที่  10  เมษายน  จนถึงวันอังคารที่  20  เมษายน ซึ่งกำลังเขียนต้นฉบับชิ้นนี้  รวมเวลาได้  10 วันเต็มๆ  แต่แนวรบตะวันตกและตะวันออก  ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง   ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงตกอยู่ภายใต้บรรยากาศแห่งการสะกดกลั้นอารมณ์ ความรู้สึก  การอดทน  อดกลั้น  เพื่อรอคอยวันเวลาที่บ้านเมืองจะหวนกลับคืนมาสู่ความปกติสุข กฎ  ระเบียบ  กติกาต่างๆ  ในสังคม  เป็นสิ่งที่สามารถนำมาซึ่งความยอมรับจากกลุ่มบุคคลทุกๆ  ฝ่ายได้อีกครั้ง...
          ------------------------------------------------
     อย่างไรก็ตาม...ภายใต้สภาพบรรยากาศเช่นนี้  ถ้าหากหันไปมองพวกเสื้อแดงอันกลายเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกันกับขบวนการก่อการร้ายไปเรียบร้อยแล้ว  ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า  ยังไงๆ  ก็คงไม่ยอมสลายตัว  หันมายอมรับกฎ  กติกา  กันง่ายๆ  นอกจากจะยืนหยัดประกาศเดินหน้าสู้ต่อไป   โดยไม่คิดจะเจรจาใดๆ  อีกต่อไปแล้ว  ยังแสดงออกถึงความมั่นอกมั่นใจว่าภายใน  7  วันข้างหน้า  จะสามารถสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลต้องหมดสภาพลงไป  ไม่ว่าจะด้วยการยุบสภา  หรือโดยอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่...
           -----------------------------------------------
     แต่ภายใต้คำประกาศเช่นนี้...คงต้องยอมรับว่า  นอกเสียจากการสร้างแรงกดดันทางการเมือง  ทางเศรษฐกิจ  การหาทางทำให้อำนาจรัฐเกิดความเสื่อมโทรม  ล้มเหลว  ครั้งแล้ว ครั้งเล่า  ก็ยังมองไม่เห็นว่าจะสามารถนำเอาพลังอำนาจใดๆ  มาใช้ในการทุบทำลายพลังอำนาจของฝ่ายตรงข้ามในขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง  แม้นว่าจะหันไปเปิดเกมรุกเพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อตัวเอง  หรือเพื่อกดดันฝ่ายตรงข้ามก็แล้วแต่  ด้วยการละลาบ  ละล้วง  จ้วงจาบ  ดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์  มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในข้อต่อรองเอาดื้อๆ  แต่สิ่งเหล่านี้...ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่อำนาจในการพิชิตฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่อย่างใด  การประกาศว่าจะทำให้รัฐบาลหมดสภาพลงไปภายใน  7  วัน  10  วัน  จึงออกจะหนักไปในทาง  ราคาคุย  ซะมากกว่า...
          ------------------------------------------------
     ยิ่งไปกว่านั้น...ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา  การที่ตัวเองไม่สามารถเคลื่อนไหวมวลชนไปโน่น  ไปนี่  เพื่อหาทางยกระดับสถานการณ์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น  หรือไม่สามารถฉวยโอกาสสร้างจังหวะรุกในทางกำลัง  ดังที่เคยป่าวประกาศเอาไว้ล่วงหน้าได้  แต่ตั้งบังเกอร์  สร้างป้อมค่ายกระจัดกระจายเป็นจุดๆ  แถมยังต้องเอาผ้าม่านสีดำมาคลุมหลังคา  ปานประดุจมุสิกที่สิงสถิตย์อยู่ในรู  โดยสภาพเช่นนี้...ย่อมถือเป็น  ฝ่ายตั้งรับ  มากกว่าที่จะเป็น  ฝ่ายรุก  โอกาสที่จะปิดฉาก   ปิดเกม  ตามช่วงระยะเวลาที่ตัวเองประมาณการเอาไว้  จึงออกจะลำบากเอามากๆ หนีไม่พ้นที่จะต้องเล่นเกมยืดเยื้อ  คาราคาซัง  ใช้ประชาชนและประเทศชาติ  เป็นตัวประกันต่อไปเรื่อยๆ...
         --------------------------------------------------
     อย่างไรก็ตาม...ถ้าหันมามองทางฝ่ายรัฐบาล  เมื่อมาถึงขั้นนี้...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า  อะไรต่อมิอะไรมันก็ยังคง  ไม่ชัดเจน  อยู่เช่นเดิม  ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ  10  วันที่ผ่านมา  แม้นจะมีความเคลื่อนไหวในเชิงรุกอยู่บ้าง  แต่ก็ดันกลายเป็นการรุกแบบเสียม้า  เสียเรือ  เสียรังวัด  ชนิดหน้าแหกยิ่งกว่าปลาริ้วแห้ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การบุกเข้าจับแกนนำเสื้อแดงที่โรงแรมเอสซีปาร์ค  ที่ต้องถือว่าหนักถึงขั้น  เสียหมา  หรือ  เสียสุนัข  อย่างเห็นได้โดยชัดเจน  และท่ามกลางการเสียม้า  เสียเรือ  เสียรังวัด  และเสียสุนัขเช่นนี้  ก็คงยังไม่ได้รับ  การชี้แจง  ให้เห็นถึงอุปสรรค  สิ่งกีดขวาง  ออกมาให้ชัดๆ  แต่หนักไปทาง  การปลอบประโลม  ด้วยคำพูดแบบซ้ำๆ  ซากๆ  ซะมากกว่า...
        -----------------------------------------------------
     แน่นอนว่า...การปลอบประโลมด้วยคำพูดคำจาไปตามแบบฉบับลีลาของนักการเมือง  มันย่อมไม่สามารถทำให้บรรยากาศความอึมครึมที่ครอบคลุมไปในหมู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน  ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ  ทหาร  ตลอดไปจนถึงรัฐบาล  อันผนึกรวมกันเป็น  อำนาจรัฐ  นั้น  สามารถนำมาซึ่งความรู้สึกมั่นอกมั่นใจ  สามารถสัมผัสถึงความเป็นเอกภาพ  หรือความต้องการในการบรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันได้จริงๆ  การเรียกร้องให้ผู้คนในสังคมอดทน  อดกลั้น  ต่อสภาพความเป็นไปในบ้านเมืองที่ไร้ขื่อ  ไร้แป  ยิ่งขึ้นทุกที...จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบากเช่นเดียวกัน  ปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มอื่นๆ  ที่ต้องการเห็นความปกติสุขกลับคืนมาสู่สังคมโดยไว  การขีดเส้นตายให้รัฐบาลจัดการคลี่คลายปัญหาให้ได้ภายใน  7  วัน...มันจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา  หรือเป็นภาพสะท้อนความไม่เชื่อใจ  ไม่มั่นใจในอำนาจรัฐ  ซึ่งนับวันจะมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ...
     -----------------------------------------------------------
     อย่างไรก็แล้วแต่...ในฐานะที่รัฐบาลก็ยังคงถือครอง   อำนาจตามกฎหมาย  เอาไว้ได้  แม้นว่าอำนาจนั้นๆ  อาจจะยังไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนังก็ตาม  แต่ตราบใดที่พวกเสื้อแดงเอง  ก็ยังไม่สามารถสถาปนาอำนาจของตัวเองขึ้นมาใหม่  และใช้อำนาจนั้นๆ  ทุบทำลายฝ่ายตรงกันข้าม  หรือนำมาบังคับผู้อื่นได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์...ด้วยเหตุนี้  ถ้าเปรียบเทียบสถานะรัฐบาลกับพวกเสื้อแดงในขณะนี้  รัฐบาลก็จึงยังคงเป็นต่อประมาณ  2-1  หรือประมาณ  5-4  เป็นอย่างน้อย  นอกเสียจากว่า  ภายในรัฐบาลหรือภายในหมู่ผู้ถือครองอำนาจรัฐดันไป  ล้มมวย  ซะดื้อๆ  ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ  แล้วล่ะก็...อำนาจที่จะปรากฏขึ้นมาแทนที่  ก็คงหนีไม่พ้นไปจากอำนาจที่ประชาชนผู้ซึ่งต้องการความสงบสุขทั้งหลายจะต้องร่วมใจหาทางสถาปนาขึ้นมาด้วยตัวเอง...
     ----------------------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก  พลเรือจัตวา  โธมัส  ทรุกซ์ตัน  แห่งราชนาวีอังกฤษ...ถ้าหากใครคนใดคนหนึ่งขอความเห็นว่า  ควรที่เขาจะสู้หรือไม่  ทั้งๆ  ที่เขามีอำนาจอยู่ในกำมือเองแล้ว  ก็เป็นที่แน่ชัดว่า...โดยความเห็นของเขาเองก็คือ...เขาไม่คิดจะต่อสู้...

http://www.thaipost.net/news/210410/21085
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1693 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 17:11:30 »

คอลัมม์ ถูกทุกข้อ ของ คุณสามวา สองศอก

ถูกทุกสี-ถูกทุกคน
ถูกทุกข้อ 21 เมษายน 2553 - 00:00

 เรียน คุณสามวา สองศอก และพี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
     ขอแสดงความยินดีกับคุณสามวา   สองศอก  ด้วยใจจริง  ที่ช่างมีวิสัยทัศน์มองการณ์ล่วงหน้าได้ไกลมาก   คิดได้อย่างไรว่าประเทศไทยจะมีวันนี้  คือวันที่ไม่มีใครผิด  ทำอะไรก็ไม่ผิด  หรือจะตอบว่าอย่างไรมันก็ถูกไปหมดทุกข้อ  ถูกไปหมดทุกคน
     เข้าทางคอลัมน์  "ถูกทุกข้อ"  ของคุณ  สามวา  สองศอก  ไปหมดเลย
     เพราะว่าไม่ว่าเสื้อแดงเขาอยากจะทำอะไรเขาก็ทำได้  อยากจะอยู่ราชดำเนินก็อยู่ได้ 
อยากจะบุกรัฐสภาเอารัฐธรรมนูญมาเผ่าเล่นเขาก็ทำได้  อยากไปอยู่ราชประสงค์ซึ่งเป็นย่านการค้าที่เจริญที่สุดเขาก็ไปอยู่ได้  อยากจะขู่เข็ญบังคับใครทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาก็ทำได้  พูดอะไรก็ถูกไปหมด พวกพี่น้องเสื้อแดงก็ยกตีนตบไชโยโห่ร้องกันไปชื่นชมกันไป
     ครั้นพอฝ่ายเสื้อหลากสีออกมาพูดมาแสดงพลัง   มันก็ดูเข้าท่า  มันก็ถูกอีก  เพราะว่ามันไม่ใช่ปัญหาของเสื้อสีใดสีหนึ่ง   แต่มันเป็นปัญหาของเสื้อทุกสีและคนไทยทุกคน   ส่วนพันธมิตรฯ   เสื้อเหลืองก็บอกว่า   ถ้ารัฐบาลทำให้สงบไม่ได้  ก็จะเคลื่อนกำลังออกมาภายในเมื่อนั้นเมื่อนี้  ซึ่งมันก็ถูกอีก  เพราะไหนๆ  มันก็ไม่สงบอยู่แล้ว  ก็ให้มันวุ่นวายไปเลยจะได้รู้แล้วรู้รอดไป
     และพอพันธมิตรฯ   เคลื่อนกำลังออกมาอีก  คราวนี้มันก็ทำให้ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ  ตามมาด้วย  ก็กลิ่นรัฐประหารนั่นไง  แม้ใครจะบอกว่ามันหมดยุคไปแล้วก็ตาม  แต่อย่าลืมนะว่าวันนี้ใครจะทำอะไรในประเทศนี้  มันก็ไม่มีอะไรผิดอีกแล้ว  ใครอยากจะทำอะไร  มันก็ถูกทุกคนถูกทุกข้อนั่นแหละ
     ในที่สุดประเทศไทยก็กำลังก้าวมาถึงจุดสำคัญที่ไม่อาจคาดการณ์ได้อีกต่อไป   และถ้าเลยจากจุดนี้ไปก็อาจจะมีแผ่นดินไหวหรือหิมะตกที่หน้าบ้านของเราบ้างก็ได้นะครับ  แต่บางทีเราก็อาจจะได้ก้าวเลยจากจุดนั้นมาไกลมากแล้วก็ได้  โดยที่เราไม่รู้สึกกันเองต่างหาก
     ผมหมายถึงจุดที่เราหวังว่าจะมีรัฐบาล  หรือใครสักคนมาช่วยแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นบ้าง  เพราะหากปล่อยให้เลยจากจุดนี้ไป   ประเทศของเราก็น่าจะต้องตกอยู่ในสภาพไร้การควบคุมใดๆ  อีกแล้ว
     และที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้   ผมเกรงว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของใครคนใดคนหนึ่งก็หามิได้  แต่มันอาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  โดยการวางแผนของนักวางแผนมืออาชีพ  ซึ่งมิใช่แค่ระดับชาติ  แต่เป็นมือระดับโลกเลยทีเดียว
     มันคือสภาวะสงคราม  เพียงแต่มิใช่สงครามกลางเมืองในภาวะปกติ  แต่เป็นสงครามในยุคข่าวสาร  ซึ่งไม่มีทางที่จะมีรูปแบบเหมือนสงครามในอดีตอีกต่อไป  เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับสงครามข่าวและสงครามก่อการร้าย
     เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก   จากตะวันออกกลางแล้วก็แพร่ระบาดไปถึงสหรัฐอเมริกา   มาจนถึงสามจังหวัดชายแดนของไทย  แล้ววันนี้ก็มาถึงในใจกลางกรุงเทพมหานคร  และกำลังลุกลามไปทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย  การประเมินสถานการณ์ต่ำไป  มีแต่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า
     แม้เราไม่ปรารถนาที่จะให้เหตุการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้น  แต่การพยายามมองในแง่ดี
 คำพูดปลอบใจที่ต้องการให้เป็นกำลังใจ  อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่น่าห่วงใยเช่นนี้  หรือแม้ว่าเราอยากจะย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น  แต่เหตุการณ์ก็อาจได้ผ่านจุดนั้นมาไกลเกินไปแล้ว  ซึ่งหมายถึง
     "เกมที่เลิกไม่ได้...และลืมไม่ลง"
     ขอร้องเถิดนะครับคุณสามวา   สองศอก  ในความห่วงใยนี้ขอผมผิดสักข้อเถิด  ประเทศไทยของเราจะได้รอด
     ลดความโกรธ   เพิ่มความอดทน  ไม่ประมาท  เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้  ดูแลคนใกล้ชิดนะครับ
                                                           เล็ก เมืองเก่า
ตอบ คุณเล็ก
     ผมคงไม่ต้องเปลี่ยนชื่อคอลัมน์เป็นผิดทุกข้อนะครับ


                   วันเผด็จศึก 
เรียน คุณสามวา สองศอก
     เมื่อวันที่   6  มิถุนายน  2487  กองกำลังทหารสัมพันธมิตรได้บุกยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดี  เพื่อปลดปล่อยประเทศฝรั่งเศสให้เป็นอิสระ  พ้นจากการยึดครองของกองทัพเยอรมัน  โดยใช้ประเทศฝรั่งเศสเป็นฐานปฏิบัติการรุกคืบหน้า  เพื่อการปลดปล่อยประเทศต่างๆ  ในยุโรป  ที่ยังอยู่ในความยึดครองของกองทัพเยอรมันให้เป็นอิสระ
     เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์สงคราม  ในเรื่อง  "วันเผด็จศึก"  หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า  THE  LONGEST  DAY  โดยเข้ามาฉายในเมืองไทยที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย   ครั้งแรกเมื่อประมาณปี  2509  นั่นก็คือเกือบ  45  ปีมาแล้ว  โดย  "วันเผด็จศึก"  หมายถึงวันเวลารอคอยที่ยาวนานที่สุด  ที่กำลังรบทั้งหมดที่รอคอยคำสั่ง  การตัดสินใจสั่งการลงมือปฏิบัติการจากผู้นำกองทัพสัมพันธมิตรที่ชื่อนายพลคไวท์  ดี  ไอน์เซ่นฮาวด์
     ในสภาพอากาศที่เลวร้ายและแปรปรวน  และทัศนวิสัยจำกัด  เนื่องจากสภาพภูมิอากาศอันเลวร้าย  ทำให้นายพลไอน์เซ่นฮาวด์ต้องยกเลิกปฏิบัติการหลายครั้งหลายครา  จนกระทั่งในที่สุด
วันเวลาที่ทหารทุกคนเฝ้ารอคอยด้วยใจจดใจจ่อระทึกใจอย่างยาวนานก็มาถึง   
     เมื่อนายพลไอน์เซ่นฮาวด์ตัดสินใจสั่งลงมือปฏิบัติการในวันที่   6  มิถุนายน  2487  ทั้งๆ   ที่สภาพอากาศเลวร้าย  ทัศนวิสัยจำกัดต่อการปฏิบัติการทางทหาร  เพราะนายพลไอน์เซ่นฮาวด์เกรงว่ายิ่งเป็นวันเวลาที่ยาวนาน  (THE  LONGEST  DAY)  มากไปเท่าใด  ความลับและแผนปฏิบัติการทั้งหลายย่อมล่วงรู้ไปถึงหูข้าศึก
     ทหารสัมพันธมิตรนั้นแม้จะเป็นคนหลายชาติ  แต่ก็ไม่ยักมี  "ทหารแตงโม"  เช่นเดียวกันกับทหารไทยขายชาติ   ดังนั้นความคาดไม่ถึงของกองทัพเยอรมันในเรื่องตำบลยกพลขึ้นบก  ตลอดจนความคาดไม่ถึงถึงปฏิบัติการในสภาวะอากาศอันเลวร้าย   จึงทำให้การรุกรบบุกยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีของกองทัพสัมพันธมิตรประสบชัยชนะโดยไม่ยาก   สามารถปลดแอกประเทศฝรั่งเศสจากการครอบครองของกองทัพเยอรมันได้ในที่สุด
     เราลองหันมาดู   THE  LONGEST  DAY  หรือวันเผด็จศึกของรัฐบาลนายกฯ  อภิสิทธิ์ดูบ้าง   รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ใช้ทั้งการทูต  การเจรจาต่อรอง  โดยการยอมลดตัวลงไปเจรจากับบรรดาโจรปล้นแผ่นดินในคราบการเรียกร้องประชาธิปไตย  ขับไล่อำมาตย์ของคนเสื้อแดง  ซึ่งนายกฯ  มาร์คนั้นใช้เวลามากเกินไปและยาวนานเกินไป 
     ไม่ว่าจะในกระบวนการเจรจาต่อรองกับบรรดาเหวงๆ   การบังคับใช้กฎหมายโดยกลไกของรัฐ  ที่ใช้ไม่ได้ผลคนไม่กลัว  ทั้งนายกฯ  มาร์คก็ดี  แม่ทัพป๊อก  (เพลย์เซฟ)  ก็ตาม  ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องกระทำตัวให้ได้เยี่ยงนายพลไอน์เซ่นฮาวด์   เอาทหารตำรวจกลไกของรัฐบังคับใช้กฎหมายให้ได้จริง
     อย่าให้กฎหมู่ของโจรปล้นแผ่นดินมาอยู่เหนือกฎหมายของแผ่นดินอย่างที่แล้วมา  ปล่อยให้
อำนาจเถื่อนของคนเสื้อแดงข่มขู่รัฐบาลอยู่ตลอดเวลาได้  "อะไรจะเกิดมันต้องเกิด"   แบบที่
โฆษก  ศอฉ.ไก่อูแถลงไว้นั้นถูกต้องแล้วครับ
     นี่มันแผ่นดินไทยของเรา   บรรดาบริบทวัฒนธรรมทางการเมือง   และสิ่งแวดล้อมต่างๆ   ก็ไม่เหมือนกันกับฝรั่งมังค่าบ้านเมืองอื่นๆ  เขา  ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นต้องฆ่าลูกคนที่ห้าทิ้งไป   เพื่อให้สมกับความคิดของไข่มุกดำ  วีระ  มุสิกพงศ์  ที่กล่าวไว้ตอนเจรจากับนายฯ  อภิสิทธิ์   ทำนองว่า  "การทำอะไรกับลูกคนหนึ่ง  ก็จะไม่กระทบกระเทือนกับลูกสี่คนที่เหลือ"  ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องที่ว่า   เราจะต้องยอมสูญเสียอวัยวะส่วนน้อย  เพื่อรักษาอวัยวะส่วนใหญ่เอาไว้
     และผมจะแถมท้าให้ด้วยว่า  "สถานการณ์ย่อมสร้างวีรบุรุษ"  ในฐานะนายทหารของชาติ
ไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา   ผมขอสดุดีการปฏิบัติงานก่อนวันเผด็จศึกของ  พ.อ.ร่มเกล้า  ธุวธรรม  และนายทหารทุกคนด้วยเพลงวันเผด็จศึก  (THE  LONGEST  DAY)
     เพื่อปลุกเร้าจิตใจของ  "ทหารทุเรียน"  ทุกคน  ให้ลุกขึ้นมาใช้หนามทุเรียนตีทำลายทหารแตงโม  และปราบอธรรมคืนสู่วันสันติสุขให้กับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด  วันเวลาที่พวกเราคอยอย่างยาวนานมาถึงแล้วครับ
                เพลงวันเผด็จศึก
     ลูกผู้ชายสายเลือดมันแดงข้น         
     แต่ละคนหัวใจมันเข้ม
     เมื่อเกิดมาเติมกล้าเอาไว้ให้เต็ม     
     เกลือมันเค็มต้องเค็มเหมือนมัน
          เมื่อธงไทยพลิ้วไปใจเราเชื่อ         
          หลั่งเลือดเนื้อเพื่อเจิมธงนั้น
          บุกเข้าไปตายเถิดตายพร้อมกัน       
          รอวันนั้นด้วยใจระทึก
     ต่างรอวันนั้นวันเผด็จศึก           
     วันจารึกไม่นึกหวาดหวั่น
     วันเดียวนั้นวันเผด็จศึก             
     วันจารึกอันแสนยาวนาน
          ประตูชัยนั้นรอให้เราผ่าน           
          ชาติทหารพร้อมกันพร้อมกันวันบุก
          ปราบอธรรมคืนสู่วันสันติสุข         
          เราทุกคนรบรุกบุกไปพร้อมกัน
     "ความเป็นไทย   มิใช่ความเป็นทาส  คนไทยย่อมฆ่าคนไทยไม่ได้  นั่นก็คือความถูกต้อง  ที่คนไทยย่อมฆ่าทาสไพร่ทิ้งไป  เสียจากแผ่นดินไทยได้"
                                                            เสธ.เหลือง
                                                    ผู้ทรงคุณธรรมกองทัพบก
ตอบ เสธ.เหลือง
     เพลงวันเผด็จศึกเวอร์ชั่นภาษาไทย  ผู้เขียนคำร้องคือ  ครูชาลี  อินทรวิจิตร  ศิลปินแห่งชาติวัย  87  ปี  ถ้าครูชาลีมีเวลาช่วยเล่าเรื่องเพลงวันเผด็จศึกให้แฟนๆ  ไทยโพสต์ได้ทราบก็จะเป็นพระคุณ
                                                         สามวา สองศอก               

http://www.thaipost.net/news/210410/21082
      บันทึกการเข้า
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #1694 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 17:57:05 »


ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ฝูงแดงขอนแก่นถ่อยไม่เลิก บุกยึดขบวนรถไฟลำเลียงยุทธโทปกรณ์ ทั้งรถฮัมวี รถ GMC เพราะเข้าใจว่าจะขนส่ง เพื่อสลายการชุมนุมที่ถนนราชประสงค์ แม้รองผู้ว่าฯ-ผู้การจังหวัดจะเจรจาก็ไม่เชื่อ ยันจะกักยึดจนกว่าจะขนย้ายกลับต้นสังกัด

                 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น.วันนี้(21 เม.ย.)กลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดขอนแก่นราว 200 คนนำโดยนางซาร์บีน่า ซาร์ ได้ทะยอยไปชุมนุมที่สถานีรถไฟจังหวัดขอนแก่นเพื่อกักยึดขบวนรถไฟลำเลียงยุทธโทปกรณ์ทางทหารของค่าย ร.8 สีหราชเดโช ประกอบด้วย รถฮัมวี รถจีเอ็มซี ฯลฯ รวมประมาณ 25 คัน กลุ่มคนเสื้อแดงเหล่านี้เข้าใจว่า ยุทธโทปกรณ์ดังกล่าวจะลำเลียงไปสมทบปฏิบัติการสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์
       
       อย่างไรก็ตาม แม้นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัด และพล.ต.ต.พัฒนี ศิริพัฒนี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เดินทางไปเจรจาชี้แจงให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า อุกรณ์ทางทหารดังกล่าวจะลำเลียงไปสนับสนุนการปฏิบัติงาน ที่จังหวัดปัตตานี ไม่ได้นำเข้าไปเตรียมสลายการชุมนุมเสื้อแดงที่กรุงเทพฯอย่างที่เข้าใจ
       
       กลุ่มเสื้อแดงก็ไม่เชื่อ และยืนยันที่จะปิดล้อมกักยึดไม่ให้มีการเคลื่อนขบวนออกจากสถานีรถไฟอย่างเด็ดขาด
       
       ล่าสุด ณ เวลา 15.30 น.กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงชุมนุมอยู่ที่สถานีรถไฟแ ละจำนวนผู้ชุมนุมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการป่าวประกาศปลุกระดมของสถานีวิทยุคนเสื้อแดง Red Radio F.M.98.75 MHz

emo5:(แม่จ้าวโว๊ย......นี่ ตูอยู่ที่ประเทศไหนนั่น...ยังๆๆนะขอรับ พ่อแม่พี่น้อง  ทั่นเสื้อแดงยังกักตัวนายทหารไว้เป็นประกันร่วม 50 นาย ขึ้นเลย

       
      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #1695 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 18:44:00 »

.....
นางซาร์บีน่า ซาร์  Huh?Huh?Huh??
ใครน่ะอ้อย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1696 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 20:05:14 »

ตอนนี้สีแดงเก่งทุกเรื่องครับ...บนถนน, โตะแถลงข่าว และในสภา เหมือนรับงานมาทำกันเป็นทีม

ผมไม่อ่านสถานการณ์รายวันเลย เพราะเชื่อว่าที่สุด ต้อง Power play แน่นอน หรือ จะรอให้ประชาชนออกมา "ปราบกบฏเอง"?
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1697 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 20:56:49 »

พวกเขาเร่งเวลากันแล้วครับ !! ?? !!

แฉใช้ RPG ถล่ม คลังน้ำมัน ก่อวินาศกรรม



วินาศกรรมยิงระเบิดใส่คลังน้ำมันเครื่องบิน ริมถนนวงแหวนที่ปทุมธานี ไฟเผาถังน้ำมันจุ 20 ล้านลิตรนับชั่วโมง โชคดีไม่มีคนได้รับอันตราย...

21 เม.ย. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้คลังน้ำมันของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (แทปไลน์) ตั้งอยู่ ม.11 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นคลังน้ำมันขนาดใหญ่สำหรับเครื่องบิน โดยมีพื้นที่ด้านหนึ่งติดถนนวงแหวนตะวันนออก แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับอันตราย

ทั้งนี้ เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว เกิดขึ้นกลางดึกที่ผ่านมา โดยเพลิงลุกไหม้บริเวณถังเก็บน้ำมันดีเซลขนาดความจุ 20 ล้านลิตร แต่ขณะเกิดเหตุมีน้ำมันประมาณ 9 ล้านลิตร เปลวเพลิงสูงประมาณ 10 เมตรมองเห็นได้ไกล เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบว่า จุดเกิดเพลิงไหม้อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร ถังน้ำมันมีรูขนาดประมาณ 2 นิ้ว สันนิษฐานว่าลักษณะคล้ายการยิงระเบิดเข้าใส่ด้วยเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี หรือเอ็ม 79 ไม่ใช่อุบัติเหตุ

ล่าสุด มีรายงานว่า หลังการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนของหางระเบิดอาร์พีจีชนิดเจาะเกราะ ที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นคาดว่ามีการยิงเข้ามาจากถนนวงแหวน จึงนำชิ้นส่วนดังกล่าวให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมทั้งเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

http://www.thairath.co.th/content/region/78122
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1698 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 21:10:38 »

จริงหรือเปล่า..ไม่รู้??

ย่างปีที่ ๒๒๙ ไทย 'พ้นทางตัน??'

ณ เวลารุ่งเช้าแล้วเก้าบาท หรือ เวลา 06.54 น. ของวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จุลศักราช 1144 หรือ วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2325 ณ วัน-  เวลาดังกล่าวนี้ เป็น “ฤกษ์ฝังเสาหลักเมืองกรุงรัตนโกสินทร์” ซึ่งในทางโหราศาสตร์ถือเป็นฤกษ์ “ดวงเมืองประเทศไทย” เรื่อยมา...
   
มาถึงวันนี้ “กรุงรัตนโกสินทร์ ครบรอบ 228 ปี” แล้ว...
   
เป็นการครบรอบขณะที่ “ไฟการเมืองกำลังลุกโชน !!”
   
ย้อนไปในอดีต เมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ในวันที่ 6 เมษายน 2325 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระนครขึ้นทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับที่ตั้งของกรุงธนบุรี โดยมีการทำพิธีตั้งเสาหลักเมืองของพระนครใหม่ ตามฤกษ์ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น
   
พระนครอันเป็นราชธานีใหม่ของไทยนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “กรุงรัตนโกสินทร์อินท์ อโยธยา” ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแก้นามพระนครเป็น “กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินท์ มหินทอยุธยา”
   
ครั้นถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนคำว่า บวร เป็น อมร เปลี่ยนคำว่า มหินทอยุธยา โดยวิธีการสนธิศัพท์เป็น มหินทรายุธยา และเติมสร้อยนามต่อ ทั้งเปลี่ยนการสะกดคำ สินท์ เป็น สินทร์ จนเป็นที่มาของชื่อเต็มของกรุงรัตนโกสินทร์ หรือกรุงเทพมหานคร ราชธานีของประเทศไทย
   
นั่นคือ... “กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหา สถานอมรพิมาน อวตารสถิตย์ สักกะทัตติยะ วิศณุกรรมประสิทธิ์”
   
มีความหมายว่า... “พระนครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคง และเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศน์ใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้”
   
ทั้งนี้ กรุงรัตนโกสินทร์ถือว่ามีชัยภูมิชั้นเยี่ยมในการป้องกันศึกมาแต่อดีต แม้ในยุคล่าอาณานิคมจะเคยมีเรือรบฝรั่งเศสประชิดใกล้กรุง และแม้ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กรุงจะเคยถูกโจมตีทางอากาศจากฝ่ายสัมพันธมิตร-ถูกทิ้งระเบิด แต่ที่สุดแล้วความเสียหายใหญ่หลวงก็มิได้เกิดขึ้นกับกรุงรัตนโกสินทร์ราชธานีของประเทศไทย ซึ่งทั้งราชธานี ประเทศไทย ประชาชนคนไทย ก็มีการพัฒนาก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่อง
   
แต่ในบางช่วงก็เกิดเหตุร้ายฉุดรั้งการพัฒนาอยู่เนือง ๆ
   
โดยเฉพาะจากปัญหาการเมือง...เหมือนที่เกิดขึ้นตอนนี้
   
กับความขัดแย้ง-แตกแยกทางการเมืองที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนี้ ไม่ใช่แค่ปัญหาทางการเมือง แต่ส่งผลต่อทุก ๆ เรื่องของประเทศไทย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และอีกหลาย ๆ ภาคส่วน ต่างระส่ำระสายไปหมด ท่ามกลางความหวาดหวั่นว่า “สงครามกลางเมือง” อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะบั่นทอนประเทศชาติ-ประชาชนอย่างร้ายแรง 
   
ความเป็นไปของประเทศไทยและประชาชนคนไทยนับจากนี้ นอกจากในทางรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หันดูในทางโหราศาสตร์ก็มีการวิเคราะห์บ่งชี้ ซึ่งน้ำหนักมักเทไปในทางร้าย แต่ในทาง “ดี” ก็พอมี
   
กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 228 ปี...จะ “ย่างปีที่ 229”
   
วาระดังกล่าวนี้บางโหรมีการพยากรณ์ไว้ว่า “ส่งผลดี”
   
นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทย อ.ธนกร สินเกษม เคยทายทักไว้ตั้งแต่ช่วงใกล้มีการตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร วันที่ 26 ก.พ. 2553 สรุปได้ว่า... ช่วงหลังวันที่ 26 ก.พ. ก่อนถึง 21 เม.ย. 2553 ดาวอาทิตย์-ดาวการเมือง เป็นกาลี และกุมลัคนาดวงเมือง ประเทศไทยจะวุ่นวายหนัก บ้านเมืองจะไม่สงบเพราะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งอย่างหนัก มีการนำวิธีการสกปรกต่าง ๆ เข้ามาใช้โจมตีทำลายล้างกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน บรรยากาศทางการเมืองจะร้อนระอุ มีโอกาสเลือดตกยางออกสูง ทำให้บ้านเมืองไม่มั่นคง
   
อย่างไรก็ตาม อ.ธนกรเคยทายทักเพิ่มเติมไว้ในตอนนั้น และล่าสุดก็ยังย้ำผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” อีกครั้งว่า... หลัง 21 เม.ย. หรือหลังวันเกิดดวงเมืองครบ 228 ปีแล้ว และจะย่าง 229 ปี ดาวพฤหัสฯจะเป็นศรี ประเทศไทยจะเริ่มฟื้นและดีขึ้น บรรยากาศต่าง ๆ จะเริ่มคลี่คลาย ดาวอาทิตย์ที่กุมลัคนาดวงเมืองก็จะเป็นมนตรี หมายถึงจะมีความ “อะลุ้มอล่วยทางการเมือง” นักการเมือง กลุ่มทางการเมืองต่าง ๆ จะ “ตกลงกันได้”
   
“อาจมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย หรือมีการลงสัตยาบันทางการเมือง บ้านเมืองจะกลับสู่ความสงบ ถึงเวลาที่การเมืองประเทศไทยจะพ้นจากทางตันแล้ว” ...อ.ธนกร ทายทัก
   
ในทาง “ร้าย” คำทายทักของโหรรายนี้ถือว่าสอดคล้อง
   
ในทาง “ดี” หวังว่าจะแม่น-เรื่องร้ายคงจบลงเสียที ??.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=23&contentId=60929
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1699 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 21:17:20 »

มันไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่ก็รอดคุกเพราะศาลฎีกา กำหนดโทษแต่รอลงอาญา

ศาลจำคุก”สุพร-ธีระชัย”คดีหมิ่นนายกฯ
วันพุธ ที่ 21 เมษายน 2553 เวลา 11:47 น

วันนี้( 21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์  หรือแรมโบ้อิสาน อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย แกนนำแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) และนายธีระชัย แสนแก้ว อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

กรณีเมื่อเดือน พ.ค.2545 จำเลยทั้งสอง ได้แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา ใส่ความนายอภิสิทธิ์ โจทก์  ทำนองว่า ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำทรัพย์สินของตนเองไปฝากไว้ในบัญชีของบิดา และแจ้งจำนวนทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช.  ซึ่งล้วนเป็นเท็จ  ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา จำเลยทั้งสองยังคงไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาซึ่งศาลได้ออกหมายจับไว้เมื่อนัดครั้งที่แล้ว  ดังนั้นศาลจึงอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาลับหลังจำเลย โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้นให้จำคุกนายสุภรณ์ จำเลยที่ 1 รวม 4 กระทงๆ ละ 3 เดือน รวม  12 เดือน ปรับ 4 กระทง ๆ ละ 5,000 บาท เป็นเงิน 20,000 บาท ส่วนนายธีระชัย จำเลยที่ 2 จำคุก 2 กระทงๆ ละ 3 เดือน รวมจำคุก 6 เดือน ะปรับ 2 กระทง ๆ ละ 5,000 บาท เป็นเงิน 10,000 บาท แต่จำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปีและให้จำเลย  ทั้งสองร่วมกันลงโฆษณา คำพิพากษาใน นสพ. ไทยรัฐ   และ นสพ.ไทยโพสต์ เป็นเวลา 3 วันด้วย 

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=627&contentID=61224
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 66 67 [68] 69 70 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><