เพิ่งอ่าน "ไทยโพสต์" มาครับ เห็นว่า สนุก และมีสาระ แถมมุข อีกต่างหากครับ
จนต้องกลับมาเข้าเว็ปเพื่อ copy จาก ไทยโพสต์ออนไลน์ให้อ่านกันเล่นครับ
ข้อความของ ปเลว สีเงิน ครับ
กลเม็ดเผด็จ"เสือ"ในปีเสือ ๒๕๕๓ ฯลฯ
ปีนี้ ปี ๒๕๕๓ เป็นปีขาล เห็นใครต่อใครเขาอธิบายสรรพคุณเสือตัวนี้ไว้น่ากลัว....จนตัวสั่น!
แต่ผมอยากเจอ ถ้าเจอที่ไหน เมื่อไหร่ละก็ จะจับเสือแหกปาก แล้วขูดขี้ฟันโคนเขี้ยวซ้ายมาตำผสมกับไพล เกลือตัวผู้ สารส้มสะตุ
แล้วก็ยาดำ มหาหิงคุ์ด้วยหรือเปล่าก็จำไม่ได้แล้ว ใส่ครกหินโขลกละเอียดได้ที่แล้วตักใส่โถไว้ เอาน้ำผึ้งคั้นจากรวง จากตาเพชราไม่เอานะ
เทใส่ลงไป
ปั้นลูกกลอนเท่าหัว (นิ้วโป้ง) คนกิน ก่อนนอนก็หย่อนกร๊อกไปเม็ดนึง ตื่นเช้าเป็นต้องสะดุ้งผึง ขืนนอนบิดตะกูด ปรู๊ดดดด...ราดคาที่นอนแน่
ตามสิทธิการิยะที่ผีดึกดำบรรพ์มาเข้าฝันบอกไว้ ขี้ฟันเสือจะเป็นชัน ช่วยสมานแผลในกระเพาะ-ลำไส้ เปลี่ยนไขกระดูก และเสริมพละกำลังกินแล้ว
ฟิตปึ๋งปั๋ง พวกที่กินได้ ถ่ายไม่ (ค่อย) ออก เป็นตัวการร่วมทำให้โลกร้อน เนื่องจากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปู๊ดป๊าด..ป้าดป้าด..เป็นประจำนั้น
"ขี้ฟันเสือ" ประสิทธิเมนักแล!
แต่ถ้าไม่หาย ถึงเวลา มันก็ตายแล!?
เสือนี่ ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง จำเขามาน่ะ จำได้มั่ง-ไม่ได้มั่ง ฟังแล้วทนอ่านอีกก็ได้ ไม่เสียเงิน-เสียทองซักกะหน่อย
ณ ป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าที่ไหน แต่ตามท้องเรื่องบอกไว้ว่า มี ๒ คนตา-ยายอาศัยอยู่ในป่าแห่งนั้น แล้ววันหนึ่ง ตาก็ชวนยายโอบไหล่กันไปเก็บ
เผือก-เก็บมันมาทำเฟรนช์ฟรายด์ไว้เป็นเบรกฟัสต์
ขณะตากะหนุงกะหนิงกะยายเดินกันไปในป่า พลันก็มีเสียงโฮกกกก..ปี๊บบบบ...โฮกกก...โฮกกก...ดังมาจากตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งจากป่านั้น
ไม่ทันได้รู้ว่าเสียงมาจากตรงไหน แต่สัญชาตญาณบอก ขืนช้า...ไม่ตาก็ยาย หรือไม่ก็ทั้งตา-ทั้งยาย ต้องกลายเป็นอาหารเสือแน่ๆ
ด้วยความกลัว ตัวใคร-ตัวมัน ต่างคนต่างเปลี่ยนจากเกียร์ชรา เป็นเกียร์สุนัขโกย วิ่งกันป่าราบ ไปเจอโพรงไม้ขนาดใหญ่อยู่ริมทาง ตาแสดงบท
สุภาพบุรุษให้ยายประทับใจด้วยการตะโกนบอกว่า
"ยาย..ยาย..รีบมุดเข้าไปก่อน แล้วข้าจะมุดตามเข้าไป"!
เสียงโฮก..โฮก..ไล่กระชั้นเข้ามา ยายได้ยินอย่างนั้น ก็พลันเอาหัวมุดเข้าไปในโพรงไม้ใหญ่ แล้วกระดุ๊บๆๆๆๆ ดันตัวเข้าไป ข้างฝ่ายตารอช้าไม่ได้แน่
ก็รีบดันยายแล้วมุดตามโดยพลัน ยายเข้าไปหลบในโพรงได้ แต่ฝ่ายตามุดและดันตัวเข้าไปได้แค่สะเอวก็ติดแหงก ดิ้นกระด๊อกกระแด๊กก้นโด่งอยู่นอกโพรงไม้
ตายละวา...เสือขยับหนวดยุกยิก ย่างสามขุมเข้ามาแล้ว โอยยยย...เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าข้าเอ๊ยยย ถ้าไม่ช่วยคราวนี้ลูกช้างมีหวังถูกเสือ
คาบไปทำเนื้อย่างน้ำตก ซกเล็ก ฉลองปีขาลแน่ๆ ฝ่ายตาคงไม่ได้ว่า แต่ผมว่าให้แทนน่ะ
เสือก็ย่อง...ย่อง..เข้ามา ชักสงสัย เอ๊ะ...นี่มันตัวอะไรหว่า ไม่น่าจะใช่ตัวที่เราไล่กวดมานี่นา เพราะที่มันดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ปากโพรง ไม่เห็นมีหัว มีตัว มีแต่
ส่วนสะโพกโผล่ออกมาเท่านั้น?
หม่ำได้รึป่าวหว่า....เสือนึกในใจ นึกแล้วก็เก็บเล็บเข้าอุ้งเท้า ค่อยๆ ย่องเข้าไปดม...ดม..ดม...ตามสะโพก ตามแก้มก้น (เหี่ยวๆ) ของตา ดมไปดมมา
ก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฝ่ายตาซึ่งส่วนหัวผลุบอยู่ข้างในโพรงนั้น เมื่อถูกจมูกและหนวดเสือจิ้มนั่น ดมนี่ ก็ทั้งจั๊กจี้ ทั้งกลัวแทบฉี่พุ่ง จึงขยับก้นหนีเป็น
การใหญ่
เสือชะงัก หอยถ่างออกมา ตั้งท่าคุมเชิงใหม่ ก็พลันเห็นพวงอัณฑะของตาห้อยต่องแต่งอยู่ เอ๊ะ...นี่มันอะไร คลับคล้ายคลับคลา...ว่าแล้วพญาเสือก็
สวมหัวใจพยัคฆ์ ย่างสามขุมเข้าหาพวงปริศนาที่แกว่งท้าทายอำนาจคาตาอยู่
ยื่นจมูกเข้าไปดม...ดม..ดมทางซ้าย แล้วย้ายมาดมทางขวา ดมไป-ดมมาอยู่สามสี่ตลบ พญาเสือก็พลันฮัดดดดเช้ยยยย...ชิชะๆ นึกว่าอะไร ลูกเงาะป่า
นั่นเอง แต่แหม...น่าเสียดาย ยังดิบกินไม่ได้ ฝากเอาไว้ก่อน...ว่าแล้วเสือก็หลบไป
ฝ่ายตารับคลื่นสัญญาณว่าเสือไปแล้วจากส่วนบั้นท้ายที่ไม่มีอะไรสัมผัส ก็ค่อยกระดึ๊บถอยหลังออกจากโพรง จากนั้นก็ช่วยจับขายายลากออกมา
เป็นอันว่าเพราะ "เงาะดิบ" แท้ๆ เชียว ที่ช่วยสองคนตายายรอดจากการตกเป็นอาหารฉลองปีใหม่ของเสือได้หวุดหวิด
ต่อมา หลังจากขวัญตา-ขวัญยายกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวดีแล้ว วันหนึ่ง ตานึกครึ้มชวนยายออกท่องไพร หาเผือก หามัน อาหารป่ามาดินเนอร์ใต้
แสงจันทร์กันอีก ขณะเกี่ยวก้อยแหวกเถาวัลย์ ครวญเพลง "หนุ่มนาข้าว-สาวนาเกลือ" อยู่เพลินๆ ก็พลันสะดุ้งแว็บ
โฮกกกกกก.....ดังมาแต่ราวป่า พญาเสือเจ้าเก่ามาอีกแล้ว (ครับท่าน)!
เสือมันจำได้ว่าเสียงนี้-กลิ่นนี้ ที่หนีรอดไปได้คราวที่แล้ว...คราวนี้ละมึ้งงงง จะไม่ยอมให้เสียชาติเสือปล่อยให้รอดไปได้อีกเป็นอันขาด
ว่าแล้วเสือก็ใส่เกียร์ห้า ฝ่ายตากะยาย อุ๊ย...โว้ย ว้าย ตายกรี๊ด ใส่เกียร์หลวงพ่อโกยวัดหน้าตั้ง เห็นจวนตัว-จวนท่า ไม่รู้จะหนีไปทางไหนรอด
ตาก็คว้าแขนยายวิ่งกันไปทางโพรงไม้เจ้าเก่า แต่ตาเข็ดจนขี้หดตดหาย พวงไข่ก็ยังหด พอถึงโพรงไม้ก็เป็นฝ่ายวิ่งพรวดเข้าไปก่อน
ฝ่ายยายเป็นคนรั้งท้าย เมื่อตาผลุบเข้าไปในโพรงได้ ก็มุดตามเข้าไปติดๆ แต่เข้าไปได้แค่ลำตัว แล้วก็ติดแหงกตรงส่วนสะเอว ดิ้นกระแด่ว..กระแด่ว
ปล่อยส่วนบั้นท้ายไว้ข้างนอก เหมือนอย่างที่ฝ่ายตาเคยอยู่ในท่านี้มาแล้ว
พญาเสือมาถึงพอดี เห็นท่านี้ก็ร้อง...เอ๊ะ..ในใจ นี่มันตัวคล้ายๆ คราวที่แล้วนี่หว่า นึกพลางก็เอาเท้าป่ายหนวดไปมาเป็นการเรียกไฟล์ข้อมูลเก่า
ซักพักก็นึกได้
"อ๋ออออ....ลูกเงาะป่าน่ะเอง!"
ว่าแล้ว พญาเสือก็ไม่รอช้า ไม่ดมก้น ดมสะโพกให้เสียเวลาไปอีก พรวดเข้าไปหมายตรงจุด "พวงเงาะป่า" หวังเต็มปรี่ คราวนี้จะง่ำเสียให้หนำใจ
แต่แล้ว พญาเสือก็ต้องผงะหงาย ตวัดลิ้นปัดป่ายปลายจมูกเป็นการใหญ่ ครางเสียงละห้อยว่า
"ว้าาาา...เงาะแตกซะแล้ว"!?!
แต๊ม..ตะแล้มแต่มแต๊ม...จบครับ...สำหรับนิทานประจำปีขาล เรื่อง "เงาะแตกซะแล้ว" เห็นมั้ยล่ะ ปีนี้-ปีขาล ใครบอกว่าเป็นปีเสือดุ ถึงดุก็ไม่ต้อง
กลัว จะทำอะไรในปี ๒๕๕๓ หรือไปไหน-มาไหน พยายามอิงผู้หญิงเข้าไว้ ถ้าจวนตัวก็ ท่านชายพยายามมุดเข้าไปให้ได้ก่อนแล้วกัน ปล่อยให้
ผู้หญิงเขาแก้ปัญหา เพราะเสือปีนี้ ถึงไม่ใช่เสือผู้หญิง
แต่เป็นเสือ "
แพ้ทางผู้หญิง"!?
ฯลฯ
ฉบับเต็มมีมากกว่านี้ สนุกมากครับ อ่านได้จาก ไทยโพสต์ หรือออนไลน์ที่
http://www.thaipost.net/news/010110/15779