อีกตอนหนึ่งครับ จาก ผู้จัดการออนไลน์
วีรบุรุษ 'หมีลาย' กลับคืนถิ่นทั้งน้ำตา18 มีนาคม 2551 10:01 น. ผู้จัดการออนไลน์-- พิธีรำลึกฆาตกรรมหมู่ราษฎรเวียดนามที่หมีลาย (My Lai) เมื่อ 40 ปีก่อนซึ่งจัดขึ้น
ในวันเสาร์ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมา ได้ผ่านไปอย่างเศร้าสร้อย แต่มีความหมายเป็นพิเศษเมื่อ อดีตพลปืนเฮลิคอปเตอร์
ที่เสี่ยงชีวิตเข้าขัดขวางการสังหารหมู่ของทหารสหรัฐฯ ได้กลับไปร่วมงานพิธีด้วย
น่าเสียดายที่นักบินเฮลิคอปเตอร์ วีรบุรุษอีกคนหนึ่งไม่มีโอกาสได้กลับไปร่วมงานรำลึกครบรอบปีสำคัญนี้
เนื่องจากได้เสียชีวิตไป 2 ปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง
ลอว์เรนซ์ คอลเบิร์น (Lawrence Colburn) อดีตพลปืนเฮลิคอปเตอร์ ที่ปฏิบัติการเสี่ยงชีวิตเข้าขัดขวาง
กองกำลังทหารราบทีมสังหาร และสามารถช่วยชีวิตชาวหมีลายได้จำนวนมากได้กลับไปร่วมงานและพบกับ
เพื่อนเก่าที่เขาเคยช่วยชีวิตเมื่อ 40 ปีก่อน
ทั้งสองฝ่ายเจอกันในสภาพน้ำตานองหน้า
คอลเบิร์นได้บอกกับทุกคนด้วยความเศร้าสร้อยว่า ตนเองพร้อมกับ ร.ท.ฮิวจ์ ทอมป์สัน (Hugh Thompson)
อดีตนักบินเฮลิคอปเตอร์ใจเด็ด ได้กลับไปที่หมีลายเมื่อ 7 ปีก่อนและสัญญาว่าจะร่วมกันกลับไปฉลองครบรอบ
ปีที่ 40 ปีที่ 50 หรือกระทั่งปีที่ 60 ตราบเท่าที่ยังสามารถไปได้
แต่แล้วผู้หมวดทอมป์สันก็จากไปก่อนเวลาอันควร
อย่างไรก็ตามยังมีทหารผ่านศึกสหรัฐฯ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีสังหารหมู่หมีลาย ไปร่มพิธีจำนวนหลายคน
ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีผู้แทนจากสมาคมผู้ประสบเคราะห์กรรมจากระเบิดปรมาณูสหรัฐฯ ที่เมืองฮิโรชิมา
ประเทศญี่ปุ่นนำคณะใหญ่ไปร่วมพิธีด้วย เพื่อช่วยแบ่งเบาความทุกข์โศรกของชาวเวียดนาม
ทางการท้องถิ่นและพรรคคอมมิวนสิต์ยังได้จัดพิธีอย่างเป็นทางการ ทหารได้นำมาลาไปวางที่อนุสรณ์สถานฯ
สดุดีดวงวิญญาณของผู้ตาย มีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางและระดับท้องถิ่นไปร่วมเป็นจำนวนมาก สื่อของทางการ
เวียดนามกล่าว
หมีลายเป็นชื่อกลุ่มบ้านเรือนราษฎรกลุ่มเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กระจายไปตามสภาพท้องทุ่งนาข้าว ในเขตบ้านเซินหมี
(Son My) อ.เซินติ๋ง (Son Tinh) จ.กว๋างหงาย (Quang Ngai) ทุกวันนี้ ชาวเวียดนามจึงเรียกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น
ปีนั้นว่า "การสังหารหมู่ที่เซินหมี" (Son My Massacre)
ความจริงแล้วทหารสหรัฐฯ ได้สังหารชาวเวียดนามในเขตหมู่บ้านอีก 2-3 แห่งที่อยู่เรียงรายติดๆ กัน แต่การเข่น
ฆ่ากลุ่มใหญ่เกิดขึ้นในเขตหมีลาย ชาวโลกจึงเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "การสังหารหมู่ที่หมีลาย" (My Lai Massacre)
ชาวบ้านหมีลาย และเซินหมี ได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 40 รูป ไปสวดมนต์ในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ที่ตก
เป็นเหยื่อกระสุนและระเบิดของทหารสหรัฐฯ ท่ามกลางบรรยากาศอันเคร่งขรึมและเย็นเยือก ทั้งนี้เป็นรายงานของ
หนังสือพิมพ์แท็งเนียน
ในเวลาเช้าตรู่วันที่ 16 มี.ค.2511 หมวดทอมป์สันกับพลปืนประจำเครื่อง พร้อมหัวหน้าลูกเรืออีก 1 คนคือ จ่าเกลนน์
อันดรีอ๊อตตา (Glenn Andreotta) ได้ไปพบเหตุการณ์ทหารราบกำลังรัวกระสุนสังหารเข้าใส่ชาวบ้าน ทั้งในหมู่บ้านและ
เขตรอบๆ บ้านหมีลาย
ทั้งหมดตกลงกันนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดตรงกึ่งกลางระหว่างกำลังทหารราบที่ไล่ยิง กับชาวบ้านที่พากันวิ่งหนีสุดชีวิต
พลคอลเบิร์นได้หันปืนกลไปยังทหารอเมริกันที่กำลังคลุ้มคลั่ง เสี่ยงต่อการปะทะ แต่ก็สามารถช่วยชีวิตชาวเวียดนามได้นับร้อยๆ
ทั้งคอลเบิร์นและอันดรีอ๊อตตา ช่วยกันคุ้มกันให้ผู้หมวดทอมป์สัน ขณะเผชิญหน้ากับกองกำลังทหารราบของฝ่ายเดียวกัน
หมวดทอมป์สันได้ช่วยเปิดหลุมหลบภัย เพื่อให้ชาวหมีลายนับร้อยสามารถหลบหนี เวลาต่อมายังได้บินกลับไปที่นั่นอีก
ครั้งหนึ่ง นำชาวบ้านและเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งไปส่งยังโรงพยาบาลใกล้เคียง
ความพยายามที่ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ของนักบินกับพลปืนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น ทำให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงยก
เลิกคำสั่งปฏิบัติการกวาดล้างในเขตหมีลาย-เซินหมี
สงครามเวียดนามยุติไปแล้วหลายปี ในปี 2541 กองทัพบกสหรัฐฯ จึงได้สดุดี "ผู้กล้าหาญทั้งสาม" ด้วยเหรียญ
Soldier's Medal ซึ่งเป็นเหรียญตราสูงสุดตอบแทนความกล้าหาญของทหารหาญ ในกรณีที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับศัตรู
สำหรับอันดรีอ๊อตตาได้เสียชีวิตในสนามรบเวียดนามอีกเพียง 3 สัปดาห์ถัดมาหลังกรณีที่บ้านหมีลาย
วีรกรรมของหมวดทอมป์สันกับพลพรรคทั้ง 2 ไม่เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางจน กระทั่งในช่วงทศวรรษที่ 1980
เมื่อ ศ.เดวิด อีแกน (David Egan) ศาสตราจารย์เกียรติคุณแห่งมหาวิทยาลัยเคลมสัน (Clemson) ได้ยินเรื่องนี้ และ
ทำจดหมายล่ารายชื่อขอการสนับสนุนสุดีวีรกรรม จนนำมาสู่การมอบเหรียญเกียรติยศในปี 2541
คอลเบิร์นได้บอกกับชาวหมีลายในวันนี้ว่า ทั้งตัวเขาเองและผู้หมวดทอมป์สันที่ล่วงลับต่างก็ปรารถนาที่จะเยียวยา
รอยแผลแห่งสงคราม ไม่ใช่แค่ที่หมีลายเท่านั้น แต่ทั่วทั้งเวียดนาม
แต่จนกระทั่งวันนี้รอยแผลจากรอยกระสุน ก็ยังคงปรากฏให้เห็นทั่วไปในเขตบ้านหมีลาย ขณะที่ชาวบ้านกำลังร่วม
กันสร้างความหวังใหม่ๆ
นายโด๋หว่า (Do Hoa) ปัจจุบันอายุ 49 ปี เป็นเด็กคนหนึ่งที่หมวดทอมป์สันกับพลปืนคอลเบิร์นได้ช่วยชีวิตเอาไว้
เมื่อ 4 ปีก่อน แต่ชีวิตผกผันทำให้ต้องเข้ารับโทษจำคุกในช่วงที่หมวดทอมป์สันกับพลคอลเบิร์นกลับไปหมีลายในปี 2541
แต่นั้นมาด้วยความเศร้าสะเทือนใจของสังคมที่ได้รับรู้เรื่องราวในความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ระหว่างชาวหมีลาย
กับอดีตทหารสหรัฐฯ สองคนนี้ หนังสือพิมพ์แท็งเนียนจึงได้เป็นหัวหอกในการทำเรื่องขออภัยโทษให้แก่นายหว่า จนกระ
ทั่งประสบความสำเร็จในปี 2543
นายหว่าซึ่งในปัจจุบันมีทายาทวัย 18 เดือน 1 คนได้พบกับพลคอลเบิร์นอีกครั้งหนึ่งในพิธีรำลึกวันเสาร์ที่ผ่านมา
มิตรจากแดนไกลได้แสดงความยินดีที่ได้เห็นคนที่เคยช่วยชีวิตเอาไว้มีภรรยาสวยและมีลูกตัวเล็กๆ ที่น่ารัก แท็งเนียนกล่าว.
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9510000032673